ในเวลานี้ สายตาของทุกคนย้ายจากซูหยุนมาที่โหลวฉางเยว่ทันทีโหลวฉางเยว่ยืนนิ่งอยู่กับที่พร้อมชุดสีม่วง งดงามไร้ที่ติ เพียงแต่สีหน้าของเธอช่างไร้อารมณ์ ราวกับรูปปั้นแกะสลักที่ถูกทำขึ้นอย่างประณีตพ่อกับแม่ของซูหยุนเองที่จริงก็พอใจในตัวโหลวฉางเยว่ไม่น้อย โดยเฉพาะท่าทางของเธอในคืนนี้ที่เธอพาซูหยุนไปผูกมิตรและดื่มฉลองใจของพวกเขารู้ดีกว่าซูหยุนไม่ได้เกิดมาเพื่อทำธุรกิจ ดังนั้นเขาจะต้องหาภรรยาที่มีความสามารถทางด้านนี้ และเป็นเงื่อนไขที่พวกเขาต้องการมากที่สุดในการหาลูกสะใภ้เพียงแต่ได้ยินมาว่าต้นกำเนิดของโหลวฉางเยว่ไม่ได้สูงส่งนัก แต่นั่นก็ไม่เป็นไร เพราะต้นกำเนิดไม่สูงนักถึงจะเอาอยู่ได้ง่าย ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็กังวลว่าการยกบริษัทไปไว้ในมือเธอแล้ว เธอจะหอบทรัพย์สมบัติกลับบ้านแม่คิดถึงตรงนี้ คุณแม่ตระกูลซูก็เดินเข้าจับมือโหลวฉางเยว่ แล้วยิ้มอย่างใจดี “ใช่ ๆ ฉันก็คิดว่าหนูฉางเยว่ดีมากเลยนะ”โหลวฉางเยว่รีบดึงมือกลับคุณแม่ตระกูลซูนิ่งอึ้งโหลวฉางเยว่กัดริมฝีปากล่าง ก่อนจะพูดอย่างใจเย็น “คุณนายซูอย่าเขาใจผิดนะคะ คือนายน้อยซูแค่ล้อเล่นน่ะค่ะ ฉันกับนายน้อยซูเป็นแค่เพื่อนกัน จะพูดถึงเรื่องกา
ฝีเท้าหน้าของซูหยุนก้าวออกจากประตู เท้าหลังหันหน้าไปด้านเหล่าแขกที่อยู่ในห้องโถงงานเลี้ยงชั้นล่าง กลั่นดึงคำภาษาอังกฤษที่เขารู้ไม่กี่คำนั้นออกมา“ท่านสุภาพสตรีลสุภาพบุรุษ! ผมมีเรื่องใหญ่ที่ต้องประกาศ! ทุกคนฟังผมให้ดี! ผมกับโหลว...”โหลวฉางเยว่ไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากที่ไหน มือข้างหนึ่งที่จับขอบประตูเพื่อกันไม่ให้เขาสะบัดออก มืออีกข้างหนึ่งก็เหนี่ยวรั้งเขาไว้!ซูหยุนไม่ทันตั้งตัว นึกไม่ถึงว่าจะถูกเธอเหวี่ยง ทั้งตัวคนก็ล้มลงไปบนทางเดินด้านนอกขาแทบจะชี้ฟ้า แขกชั้นล่างก็แตกตื่นกันไปหมดโหลวฉางเยว่รีบถอยหลังสองก้าว ไม่ได้เดินออกจากห้อง ไม่ถูกเหล่าแขกเห็นได้เธอใจเย็นแล้วหลังจากนั้นก็รีบพูดด้วยน้ำเสียงสุขุม “นายน้อยซูล้อเล่นให้มันเหมาะสมหน่อย!”“ฉันกับคุณไม่ถึงขั้นที่จะเรียกว่าสนิทกันยิ่งเรื่องแต่งงานยิ่งไม่ได้! ฉันไม่อยากแต่งงานกับคุณ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณทั้งนั้น ถ้าฉันพูดอย่างนี้แล้วคุณยังฟังไม่เข้าใจอีก ฉันสามารถออกไปพูดต่อหน้าทุกคนอีกรอบได้”ท่าทีอย่างนี้ของเธอทำให้ตระกูลซูอับอายอย่างแน่นอนซูหยุนลุกขึ้นจากพื้น จะเข้าไปจับเธอ “เธอ...”โหลวฉางเยว่รีบถอยหลังหลบ ถอยได้ไม่ถึงครึ่งก
แน่นอนว่าเหยียนเหวินโจวก็ไม่ใช่คนหลายใจ อย่างน้อยสามปีนั้นเธอก็ตามอยู่ข้างกายเขา มีเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวของเขาและตอนนี้เขาก็เคารพธรรมเนียมของไป๋โหยว จะไม่มีการชิงสุกก่อนห่าม ดังนั้นแค่ต้องการหาเธอมาเป็นเครื่องมือก็เท่านั้นเธอจำได้วันนั้นเขาที่เขาชมธรรมเนียมของไป๋โหยว ก่อนหน้ายังมีประโยคหนึ่ง “ตระกูลอบรมมาดี”ใช่สิ ในใจของเขา เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ได้รับการอบรมาดี ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องตามเขามาสามปีทั้ง ๆ ที่ไม่มีสถานะไม่มีชื่อ สุดท้ายก็เหมือนผ้าขี้ริ้วของเขาที่ทอดทิ้งได้ตามใจยังดีที่เธอออกมาก่อนถึงจะยังไม่ได้ลองเป็นภรรยามีลูกให้เขามีลูก...มือของโหลวฉางเยว่ก็อดกุมท้องของตนเองไว้ไม่ได้ ความเจ็บปวดที่หัวใจรวดร้าวมาถึงนัยน์ตา ขอบตาที่ไหลรินด้วยน้ำตาเธอได้ลิ้มลองรสชาติความเจ็บปวดแล้ว……เหวินเหยียนโจวไปส่งไป๋โหยวกลับหมู่บ้านและยังกำชับเหมือนปกติ “เดินกลับบ้านดี ๆ พักผ่อนไว ๆ ”ไป๋โหยวพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ค่อย ๆ ปลดเข็มขัดนิรภัยออก ผลักประตูรถยื่นเท้าออกมาหนึ่งข้าง เธอกัดลงไปที่ริมฝีปากหันหน้ากลับมามองเขาอย่างอ้อยอิ่ง“ประธานเหวิน ในหมู่บ้านมีไฟอันหนึ่งพังแล้ว มืดมากฉันกลัว คุณ
สุดท้ายเหวินเหยียนโจวก็ไม่ได้บอกจะทำตามคำแนะนำของเย่เหอหรานหรือเปล่า พวกเขาดื่มจนถึงเช้าถึงได้แยกย้ายเย่เหอหรานนอนที่เวสเทิร์นพาเลซ เหวินเหยียนโจวรังเกียจสกปรกให้พนักงานของเวสเทิร์นพาเลซส่งเขากลับไปที่ชายฝั่ตงไห่ตอนนี้เขายังมีอาการเมาอยู่เดินยังไม่ค่อยมั่นคงเท่าไร พนักงานประคองเขาขึ้นชั้นบนอย่างระวัง ตัวเขาเดินมาถึงโซฟาก็นอนแผ่ กุมขมับของตนที่ยังมีอาการปวดเล็กน้อยพนักงานกลัวว่าหลังจากที่เขาไปจะเกิดเรื่องกับเขา ถึงตอนนั้นเขาต้องรับผิดชอบก็ไม่แน่จึงถามอย่างลังเล“คุณเหวิน คุณเหวิน? ต้องการให้ผมช่วยเรียกแม่บ้านของคุณเข้ามาดูแลคุณไหม? หรือยาแก้เมาค้างในบ้านของคุณอยู่ตรงไหน? ผมจะไปหยิบมาให้คุณ?”เหวินเหยียนโจวถูกเขาทำให้รำคาญจนขมวดคิ้ว หยิบโทรศัพท์โยนให้เขา “โทรหาโหลวฉางเยว่ ให้เธอเข้ามา”พนังงานทำใจกล้า ดูในบันทึกรายชื่อของเขาหา “โหลวฉางเยว่” ก็โทรไปสายแรกไม่มีคนรับ นี่ก็ใกล้จะตีสองแล้วอีกด้านอาจจะนอนแล้วพนักงงานโทรไปอีกรอบ ขณะที่เสียงริงโทนใกล้จะจบในที่สุดสายก็ถูกรับน้ำเสียงของผู้หญิงอีกด้านนั้นงัวเงีย พอได้ยินก็รู้ว่าถูกปลุกให้ตื่น“ใครคะ?”พนักงานรีบพูด “สวัสดีครับ ใช่ค
สุดท้ายเหวินเหยียนโจวก็ไม่ได้บอกจะทำตามคำแนะนำของเย่เหอหรานหรือเปล่า พวกเขาดื่มจนถึงเช้าถึงได้แยกย้ายเย่เหอหรานนอนที่เวสเทิร์นพาเลซ เหวินเหยียนโจวรังเกียจสกปรกให้พนักงานของเวสเทิร์นพาเลซส่งเขากลับไปที่ชายฝั่ตงไห่ตอนนี้เขายังมีอาการเมาอยู่เดินยังไม่ค่อยมั่นคงเท่าไร พนักงานประคองเขาขึ้นชั้นบนอย่างระวัง ตัวเขาเดินมาถึงโซฟาก็นอนแผ่ กุมขมับของตนที่ยังมีอาการปวดเล็กน้อยพนักงานกลัวว่าหลังจากที่เขาไปจะเกิดเรื่องกับเขา ถึงตอนนั้นเขาต้องรับผิดชอบก็ไม่แน่จึงถามอย่างลังเล“คุณเหวิน คุณเหวิน? ต้องการให้ผมช่วยเรียกแม่บ้านของคุณเข้ามาดูแลคุณไหม? หรือยาแก้เมาค้างในบ้านของคุณอยู่ตรงไหน? ผมจะไปหยิบมาให้คุณ?”เหวินเหยียนโจวถูกเขาทำให้รำคาญจนขมวดคิ้ว หยิบโทรศัพท์โยนให้เขา “โทรหาโหลวฉางเยว่ ให้เธอเข้ามา”พนังงานทำใจกล้า ดูในบันทึกรายชื่อของเขาหา “โหลวฉางเยว่” ก็โทรไปสายแรกไม่มีคนรับ นี่ก็ใกล้จะตีสองแล้วอีกด้านอาจจะนอนแล้วพนักงงานโทรไปอีกรอบ ขณะที่เสียงริงโทนใกล้จะจบในที่สุดสายก็ถูกรับน้ำเสียงของผู้หญิงอีกด้านนั้นงัวเงีย พอได้ยินก็รู้ว่าถูกปลุกให้ตื่น“ใครคะ?”พนักงานรีบพูด “สวัสดีครับ ใช่
HR บอกด้วยความสัตย์จริงไม่ได้ทำให้กลัวแต่เป็นการบอกอย่างจริงใจเมื่อก่อนมีข่าวหนึ่งคนที่รับผิดชอบโครงการโรงงานใหญ่ที่หนึ่ง เหยียบเข้ากับจุดวิกฤติช่วงการหมดสัญญา ไปอีกบริษัทหนึ่งเตรียมตัวหลังจากหมดสัญญาก็เด้งตัวออกผลก็คือนายเก่าฟ้องศาลข้อหาปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ไปทำการอื่นทำให้บริษัทเกิดความเสียหายอย่างมากนี่คือการที่อยากาจะเล่นงานใครก็หาข้ออ้างได้เสมอ นายเก่าตั้งใจฟ้องขึ้นโรงขึ้นศาลวุ่นกันอยู่สองปี สุดท้ายแม้ว่าศาลจะไม่ได้ตัดสินว่าพนักงานมีความผิดแต่เวลา เรี่ยวแรง รวมถึงถูกทำให้เสียชื่อเสียงที่พนักงานต้องวุ่นกับคดีนี้ ถึงขนาดที่ทำให้เขาไม่สามารถทำอาชีพนี้ไปต่อได้โหลวฉางเยว่เม้มปาก “ฉันมีแผนอยู่แล้ว”เมื่อทานข้าวมื้อนี้เสร็จ พวกเขาก็แยกย้ายกันโหลวฉางเยว่ไปห้องน้ำของร้านอาหารที่อยู่ถัดไปอีกห้อง บังเอิญได้ยินพนักงานสองคนที่กำลังพูดกันอยู่ด้านนอก“เธอเห็นผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างกายประธานเหวินไหม? ฉันว่านางมีแผน”“ใช่ ใช่ ใช่ ฉันก็เห็นด้วยเหมือนกัน เหมือนว่าจะเป็นเลขาของประธานเหวิน ไม่ช่วยเรื่องกันเหล้าก็ถือว่าจบแล้วอีกทั้งยังคอยรับเหล้าให้ประธานเหวินอีกแก้วม
คนขับพูดถูกรถคันนั้นของเหวินเหยียนโจวสุดท้ายก็มาจอดที่หน้าโรงแรมอยู่ใจกลางเมืองชายฝั่งตงไห่ เหวินเหยียนโจวคงไม่มีเหตุผลอะไรที่ไม่กลับบ้านแต่มาอยู่ที่โรงแรม ดังนั้นมีเพียงคนเดียวที่จะอธิบายได้ก็คือเลขาตัวน้อยนั่นที่ถือโอกาสที่เขาเมาทำอะไรตามอำเภอใจโหลวฉางเยว่จ่ายค่ารถแล้วลงจากรถ ไม่ใกล้ไม่ไกลก็เห็นเลขาตัวน้อยนั่นประคองเหวินเหยียนโจวลงจากรถเข้าไปในโรงแรมเธอคิดว่าไม่แน่เลขาตัวน้อยนั่นอาจจะทำเพราะว่าตำแหน่งหรือว่ามีจุดประสงค์อื่น ทำได้เพียงตามต่อไปเธอแกล้งทำเป็นแขกโรงแรมที่ไปทางเดียวกันตามพวกเขาจนไปถึงหน้าประตูห้องเหวินเหยียนโจวนั่งรถไปพักเดียวฤกษ์เหล้าก็กรึ่มได้ที่ ในตอนนั้นก็เมาไปโดยปริยาย แม้แต่เดินก็ยังไม่ตรงแทบจะโยนตัวไปบนตัวเลขาตัวน้อยนั่นแล้วเขาสูงร้อยแปดสิบกว่า ๆ รูปร่างสูงใหญ่ เลขาตัวน้อยประคองเขาคนเดียวให้เดินก็ถือว่าลำบากอย่างมาก จนหนทางที่จะปิดประตูห้องให้ดีเพียงแค่ใช้มือผลักไปเท่านั้นโหลวฉางเยว่ยื่นเท้าไปข้างหนึ่งขงางประตูไว้ ไม่ให้ประตูปิดสนิท เลขาตัวน้อยไม่เห็นด้วยเหมือนกันเธอตามเข้าไปในห้องอย่างเงียบ ๆ ยืนแอบตรงด้านหลังยังไม่ถูกพบเลขาตัวน้อยพาเหวินเหยียน
โหลวฉางเยว่รีบเบือนหน้าหนี ริมฝีปากของเหวินเหยียนโจวก็คว้าอากาศ เขาก็ตะโปมจูบลงมาอีกอย่างไม่หยุดมือของโหลวฉางเยว่คว้าของสิ่งหนึ่งได้ในกระเป๋าวินาทีถัดมา ฉึกควันสีขาวแสบจมูกทันใดนั้นก็ระเบิดมาต่อหน้าของเหวินเหยียนโจว!เหวินเหยียนโจวในตอนนั้นก็หลับตารีบออกจากตัวของโหลวเฉินเยวา รีบถอยห่างออกไปหลายก้าวแทบจะเป็นวินาทีเดียวกัน ความรู้สึกแสบตารวมถึงอาการเจ็บแสบคอทำให้เหวินเหยียนโจวไอออกมาทันทีอย่างควบคุมไม่ได้“แค่ก! แค่กแค่ก! โหลว...แค่กแค่ก! โหลวฉางเยว่!”โหลวฉางเยว่ยังไม่ได้ดีขึ้นเท่าไรด้วยระยะที่ใกล้มาก จะทำเขาแต่ตัวเองก็โดนไปด้วย โชคดีที่เธอได้เตรียมการไว้ก่อนในตอนนั้นก็หลับตาลง กลั้นหายใจและไม่ได้สูดแก๊สเข้าไปมากเท่าไรเธอเองก็ยังไอด้วยเหมือนกันรีบลุกขึ้นจากเตียง หนีจากควันเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำเอาน้ำล้างหน้าและล้างตานั่นคือสเปรย์พริกไทยถ้าโหลวฉางเยว่ออกข้างนอกก็จะเอาติดตัวไว้ในกระเป๋าด้วย เพื่อป้องกันอันตรายแค่นึกไม่ถึงว่าครั้งแรกที่ใช้จะมาใช้กับตัวเหวินเหยียนโจวเธอสูดเข้าไปไม่มาก พักสักครู่ก็ไม่เป็นไรแล้วเหวินเหยียนโจวไม่ได้โชคดีขนาดนั้น ไปออกมาไม่หยุดโหลวฉางเยว่
พอแม่โหลวก็ได้ยินเสียงพ่อโหลวกลับมา จากนั้นเธอก็นำอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟที่โต๊ะ“งั้นก็มากินข้าวกันเถอะ วันนี้เย่ว่เยว่พาเหยียนโจวกลับมาด้วย เธอไม่ได้บอกเราล่วงหน้า พวกเราเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เลยมีแค่อาหารทำเองที่บ้าน ไม่รู้ว่าเหยียนโจวจะทานได้หรือเปล่า? ”เหวินเหยียนโจวลุกขึ้นยืน เหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อโหลว และกระซิบเบา ๆ “เป็นผมที่ไม่ได้บอกเย่ว่เยว่ล่วงหน้าว่าผมจะอยู่ต่อ เธอถึงไม่ได้บอกกับทุกคน ไม่โทษเธอหรอกครับ”แม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น แม่โหลวไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอแสร้งดุออกไป “เหยียนโจว เธอก็อย่าให้ท้ายเยว่เยว่มากเกินไปสิ”แต่หลังจากที่พูดจบ เขาก็ปกป้องเธอ “แต่เยว่เยว่ของเราเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด ต่อให้ตามใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”มุมปากของโหลวฉางเยว่โค้งงอขึ้นทุกคนมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน แม่โหลวตักซุปเสิร์ฟให้เหวินเหยียนโจวก่อน จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบผักใส่ในชามของเขา“เหยียนโจว ลองซุปปลาหน่อไม้เหลืองฤดูหนาวดูสิ หน่อไม้นั่นปลูกเองเชียวนะ ปลาก็เป็นของเพื่อนบ้านที่ไปจับมาจากทะเล”“แล้วก็ยังมีหมูเปรี้ยวหวานสั
จนถึงตอนนี้โหลวฉางเยว่ก็ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับเขาอย่างถ่องแท้ เธอเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดผู้ชายน่ะนะ ไม่ได้ “ไร้เดียงสา” ขนาดนั้น โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเหวินเหยียนโจว ผู้หญิงสนใจเขาหรือเปล่า เขาก็สามารถมองออกได้ง่าย ๆเหวินเหยียนโจวรู้อยู่แล้วว่าไป๋โหยวชอบเขา แล้วเขาก็ยังตกลงที่จะให้เธอมาอยู่เคียงข้างเขาอีก นั่นก็เป็นเหมือนคำตอบรับโดยปริยายว่าเขายอมรับความรู้สึกของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง?พอมาคิดรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าปีที่แล้ว ก็มีความคิดเห็นที่เกี่ยวกับเธอขึ้นมา เขาเย็นชาใส่เธอตลอด ดังนั้นที่เขาเก็บไป๋โหยวไว้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าอยากจะทำให้เธอโกรธ แต่วางแผนที่จะทำให้ “เปลี่ยนใจ” ด้วยสินะ?โหลวฉางเยว่พูดด้วยความรำคาญ “แม่ของคุณชอบไป๋โหยวมากเลยเหรอคะ? เธอยังอยากให้คุณแต่งงานกับไป๋โหยวด้วยใช่ไหม? เนี่ยเหลียนอี้เคยบอกฉันว่าท่านประธานใหญ่เหวินยอมรับไป๋โหยวแล้วด้วย แต่เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ปฏิเสธกะทันหัน เป็นเพราะว่าท่านประธานใหญ่เหวินรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับแม่ของคุณรึเปล่าคะ? ”แม้ว่าโหลวฉางเยว่จะไม่ค่อยรู้เรื่องคร
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่พ่อโหลวก็ยังไม่กลับมา พี่เลี้ยงจึงออกไปตามหาเขาเดิมทีโหลวฉางเยว่ต้องการช่วยแม่โหลววางจานและตะเกียบ แต่แม่โหลวก็ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเหวินเหยียนโจว เพราะเธอกลัวว่าลูกเขยคนจะอึดอัดถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียว......จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ต่อให้ฟ้าจะถล่ม ประธานเหวินก็ยังคงมั่นคงไม่ขยับเขยื้อนอยู่ดีแต่ยังไงโหลวฉางเยว่ยังคงเดินไปหาเขาเหวินเหยียนโจวอยู่บนโซฟาสำหรับสองคน เดิมทีเธอต้องการนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ แต่ประธานเหวินดึงเธอเข้ามานั่งกับเขาเขากระซิบข้างหูเธอ “คุณพูดอะไรกับแม่ของคุณบ้าง? ”หูของโหลวฉางเยว่ไวต่อความรู้สึกมาก เธอก็กระตุกตัวหลบอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ได้พูดอะไรหนิคะ”“ไม่พูดงั้นเหรอ แล้ววทำไมท่าทีที่เธอมีต่อผมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ” เหวินเหยียนโจวบีบนิ้วของเธอ “คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ? เมื่อกี้เธอไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ แล้วผมมีอะไรที่ทำให้แม่ยายไม่พอใจเหรอ? ”ความมั่นใจของประธานเหวินก็มาจากสภาพที่เหนือกว่าของเขา แต่ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ขายลูกกิน สิ่งแรกที่พวกเขาจะพิจารณาเมื่อลูกจะแต่งงานก็คืออุปนิสัยของอีกฝ่ายการแสดงออกของโหลวฉางเยว่ยังคง
แม่โหลวไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเหวินเหยียนโจวจะตอบด้วยท่าทีนอบน้อม แต่เธอก็มองออก ด้วยลักษณะท่าทางและนิสัยของเหวินเหยียนโจว คงไม่ใช่แค่มี “เงินเล็กน้อย” ถึงสามารถเลี้ยงเขามาได้แน่ ๆ “งั้นก็ดีมาก ดีแล้วล่ะ พวกลูกคบกันมาสามปี สิ่งที่ควรจะเรียนรู้ก็น่าจะเรียนรู้กันมาหมดแล้ว แม่เองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถามอีกแล้วล่ะ”เหวินเหยียนโจวไม่ชอบพูดอ้อมค้อม จู่ ๆ เขาก็จับมือโหลวฉางเยว่ “เมื่อกี้ผมเพิ่งขอเยว่เยว่แต่งงานครับ และเธอก็ตอบตกลงแล้วด้วย”โหลวฉางเยว่มองไปที่แม่ของโหลวโดยไม่รู้ตัวใบหน้าของแม่โหลวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ได้มีความสุขมากนัก เธอฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะเร่งรีบขนาดนี้ได้ยังไง พวกเรายังไม่ได้รู้จักเธอมากขนาดนั้นเลย เราเองก็ไม่เคยพบพ่อแม่ของเธอด้วย อย่างน้อยก็ควรจะหาเวลา ให้พวกเราทั้งสองตระกูลได้พูดคุยกันและปรึกษาหารือกันหน่อย”เหวินเหยียนโจวหยิบถ้วยชาขึ้นมา แต่เขาแค่เอามันมาใกล้จมูกแล้วดมกลิ่น เขาไม่ได้ดื่มมัน จากนั้นก็วางมันกลับไปที่เดิม สีหน้าเขาดูไม่ใส่ใจโหลวฉางเยว่รู้จักเขาดี เขารู้สึกว่าชาราคาถูกเกินไป เกินกว่าที่เขาจะเอาเข้าปากได้ และคำพูดเหล่า
ระยะทางจากห้างสรรพสินค้าถึงบ้าน ก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที โหลวฉางเยว่ก็ครุ่นคิดว่าจะพูดอะไรดีอยู่ในใจ จะบอกพ่อโหลวแม่โหลวยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงาน?จะให้อธิบายยังไง ว่าลูกสาวของพวกเขา ตอนเพิ่งออกจากบ้านก็เป็นแค่คนโสด แต่ผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง กลับบ้านมาก็กลายเป็นคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างงั้นเหรอ?เธอคิดไม่ตกเลยจริง ๆ เลยได้แต่พาเหวินเหยียนโจวเดินไปรอบ ๆ ตรอกเท่านั้น จนกระทั่งประธานเหวินเริ่มหมดความอดทน เขาคว้าหลังคอของเธอแล้วลากกลับบ้าน“ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า ‘แม้ลูกสะใภ้จะขี้เหร่ แต่ก็จำเป็นจะต้องเจอหน้าพ่อแม่สามีอยู่ดี’ ผมคงไม่ได้ไร้ความสามารถถึงขั้นทำให้คุณอายจนไม่กล้าพาผมไปเจอหน้าพวกท่านหรอกมั้ง? ”โหลวฉางเยว่คิดว่าเขามีความสามารถมากเกินไปต่างหาก เธอถึงไม่รู้ว่าจะบอกพ่อแม่ของเธอยังไงดีคิ้วของเหวินเหยียนโจวขยายออก และยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเขาก็พูดด้วยหางเสียงว่า “หืม” โหลวฉางเยว่ทำได้แค่กัดฟัน แล้วพาเขาเข้าไปพ่อโหลวออกไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมาแม่โหลวเพิ่งเห็นว่าเธอพาเพื่อนกลับบ้านมาด้วย แถมยังเป็นเพื่อนผู้ชายอีกต่างหาก รู้สึกประหลาดใจและตกใจม
ผนังซีเมนต์สีเทาที่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ทำให้รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองอยู่ โหลวฉางเยว่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอย่างอื่น “......ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะคะ คุณเลิกคิดเองเออเองได้แล้วค่ะ”เหวินเหยียนโจวก็ยังคงจัดการวางแผนเองอยู่ “ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าบ้านจริง ๆ คงดูไม่ดีถ้าเข้าไปมือเปล่า คุณช่วยพาผมไปที่ห้างสรรพสินค้าในตำบลของคุณหน่อยสิ แล้วคุณก็ช่วยเลือกของขวัญที่เหมาะกับพ่อแม่ของคุณด้วย”“......”“เด็กดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับพ่อแม่คุณ คุณต้องช่วยผมด้วยนะ”“......”โหลวฉางเยว่ลูบแหวน เธอไม่รู้ว่าเธอตัวชาเพราะการที่เขาเรียกเธอว่าเด็กดี หรือเป็นเพราะสับสนกับท่าทางที่เขายอมก้มหัวให้กันแน่ เธอค่อนข้างสับสนอย่างมาก แต่เธอก็ยังพาเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าอยู่ดีโชคดีที่ชุมชนนี้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เลยยังพอจะมีห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ระดับไฮเอนด์อยู่บ้างแต่ก่อนที่จะเข้าประตู เหวินเหยียนโจวก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง เขามองไปที่ชื่อผู้โทร ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับเธอเมื่อกี้โหลวฉางเยว่มองไปที
ทันทีที่คำพูดจบลงไม่ถึงวินาที เหวินเหยียนโจวก็ก้มศีรษะลงและจูบเธออย่างเร่าร้อนต่อให้มีการแย่งชิง การปล้นชิงทรัพย์ในเวลากลางวันแสก ๆ หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น เขาจับหลังศีรษะของเธอและใช้ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเธอ โหลวฉางเยว่กลัวว่าจะถูกคนรู้จักเห็นเข้า เธอจึงได้แต่จับชุดสูทของเขาไว้แน่น “เหวิน เหวินเหยียนโจว...... ”เหวินเหยียนโจวค่อนข้างเฉยเมยกับเรื่องพวกนั้น เขาจูบเธอสักพักก่อนที่จะปล่อยริมฝีปากของเธอ เขาหอบเบา ๆ ต่อหน้าเธอ ทั้งเซ็กซี่และเย้ายวน “ไม่ใช่แค่การลอง แต่เป็นการตัดสินใจแล้ว เราจะคบกัน”เขาจับมือของโหลวฉางเยว่ขึ้นมา โดยไม่ให้โอกาสโหลวฉางเยว่ได้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็สวมแหวนไว้บนนิ้วนางของเธอม่านตาของโหลวฉางเยว่หดตัวลง!เสียงของเหวินเหยียนโจวแหบแห้ง “เด็กดี ตอนนี้สำนักงานกิจการพลเรือนก็หยุดกันหมดแล้ว รอถึงเดือนหน้าวันที่เก้า ในเวลาราชการ เราค่อยไปจดทะเบียนกันนะ”อะ อะไรนะ?ว่ายังไงนะ ! ?เดี๋ยวนะ!พอโหลวฉางเยว่รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ประสาทของเธอก็แทบจะระเบิด!เธอปิดปากเหวินเหยียนโจวอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดไม่ให้เขาพูดเ
เช้าวันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือตีสี่ตีห้าเธอเพิ่งจะหลับตาลงได้ แต่ยังไม่ทันจะได้นอน เธอง่วงจนแทบจะทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก เมื่อเธอเห็นว่าผู้โทรคือเหวินเหยียนโจว อาการง่วงนอนของเธอก็แทบจะถูกขับออกไปในทันทีเธอลุกขึ้นนั่ง มองดูซองจดหมายสีเหลืองอ่อนบนโต๊ะข้างเตียง พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองหลังจากถอนหายใจและระงับอารมณ์ได้แล้ว เธอก็รับสาย “ฮัลโหล”เสียงเย็นชาของเหวินเหยียนโจว ก็ได้ลอยผ่านเคลื่อนโทรศัพท์ ส่งตรงไปถึงหูของเธอ และยังคงสามารถทำให้เธอขนลุกได้โดยไม่ทันตั้งตัว“คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”“......นอนค่ะ”“คุณนอนที่ไหน? ” น้ำเสียงของชายคนนั้นเข้มขึ้นทันที “ผมอยู่ในห้องของคุณ แต่ก็ไม่เห็นคุณ คุณไปนอนที่ไหนเหรอ? ”สถานการณ์ของเขาตอนนี้เหมือนกำลังจับคนทำผิด......โหลวฉางเยว่ตกตะลึง “คุณอยู่ในห้องของฉันเหรอคะ? คุณไปหาฉันที่ซีเฉิงเหรอคะ? ”“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานคุณทำงานเป็นวันสุดท้ายหรอกเหรอ? ผมเลยมารับคุณกลับเซินเฉิง” เหวินเหยียนโจวถามต่อว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่
รักข้างเดียว......ลมพัดโดนผิวของโหลวฉางเยว่จนเกิดเป็นชั้นอนุภาคเล็ก ๆ เธอยังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่เลย แต่จะให้เธอตรวจสอบยังไงกันล่ะว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่?โหลวฉางเยว่จำได้อีกว่า ในวันที่เธอเลี้ยงข้าวเขาที่ร้านอาหารส่วนตัว เขายังเคยถามเธอเกี่ยวกับลิ้นชักจดหมายรักอีกด้วยตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขนาดนั้นด้วย พอลองมองดูตอนนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าปีนั้นเอง เขาก็เขียนจดหมายรักให้เธอด้วยหรอกนะ?จู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็ลุกขึ้นยืน ตาของเธอเป็นก็ประกาย จดหมายรักพวกนั้นเธอน่าจะยังเก็บไว้ที่บ้าน บ้านที่ตำบลเฟิงเสียน เธอโทรหาหลี่ซิงรั่วทันที“ซิงรั่ว เธอออกเดินทางรึยัง? ”“กำลังจะออกเดินทางแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”“ฉันอยากกลับเซินเฉิงกับเธอด้วย สะดวกไหม? ”หลี่ซิงรั่วหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สะดวกสิ เธอยังอยู่ที่ประตูร้านอาหารเดิมรึเปล่า? ฉันจะไปรับเธอ”ในไม่ช้า รถของหลี่ซิงรั่วก็ขับมาถึง โหลวฉางเยว่ก็เปิดประตูและเข้าไปจากนั้นหลี่ชิงรั่วจึงถามว่า “เป็นเพราะประธานเหวินหรือเปล่า? ”หัวใจของโหลวฉางเยว่เต้นเร็วขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ เธอรีบร้อ