โรงเรียนมัธยมที่เธอเข้าเรียนเป็นหนึ่งในโรงเรียนมัธยมที่ดีที่สุดในเมือง มีเด็กๆจำนวนมากที่จากครอบครัวที่ร่ำรวยเข้าเรียนที่นั่น เป็น “โรงเรียนหัวกะทิ” โหลวฉางเยว่สามารถเข้าเรียนได้เนื่องจากผลการเรียนดีเยี่ยมของเธออีกทั้งยังมีนายน้อยและคุณหนูจากตระกูลร่ำรวยมากขึ้น ชีวิตจึงค่อนข้างอู้ฟู่มากกว่าปกติ วันนี้นายน้อยท่านนี้ได้อุปถัมภ์อุปกรณ์กีฬาจำนวนหนึ่ง และพรุ่งนี้ก็มีคุณหนูท่านนั้นจะอัพเกรดเปียโนในห้องเรียนเปียโนและบางครั้งก็มีคนเชิญครูและนักเรียนทุกคนของโรงเรียนมาดื่มน้ำชายามบ่ายทุกวัน ทุกๆวันพวกเขาจะเสิร์ฟชานมหรือของหวานจากแบรนด์ดัง โหลวฉางเยว่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นหลายกิโลจากการรับประทานของพวกนั้นเมื่อเทียบกับของฟุ่มเฟือย โหลวฉางเยว่ทอดถอนใจและพูดด้วยความรู้สึกที่แท้จริง การกินเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุด พวกเขาทานอาหารเที่ยงกันเร็วเกินไป โรงเรียนเลิกตอนบ่าย สี่ห้าโมงก็จะรู้สึกหิวมากแต่ลืมไปแล้ว ว่าใครเป็นคนสนับสนุนของพวกนั้นกัน?“มองอะไรอยู่? ” เหวินเหยียนโจวหันกลับมา “ยังไม่ขึ้นรถอีก? ”โหลวฉางเยว่ถอนสายตา ขึ้นรถ ปิดประตู และครั้งนี้ก็ออกรถมุ่งไปที่โรงแรมพวกเขาทั้งสองเงียบตลอดการ
นอกจากนี้ เนี่ยเหลียนอี้ยังกล่าวอีกว่าเขานอนไม่หลับที่โรงแรมแห่งนี้เป็นเวลาสองคืนแล้ว และควรไปนอนที่อื่นลูกชายคนเดียวของตระกูลเหวินจากเซินเฉิง CEOของปี๋หยุนกรุ๊ป ไม่ควรจะฝืนตัวเองเลยจริงๆโหลวฉางเยว่ขึ้นไปชั้นบน แล้วเข้าไปในห้องตัวเอง เธอหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาอาบน้ำโดยไม่ได้นั่งพักผ่อนก่อนน้ำอุ่นไหลไปทั่วร่างกายของเธอจากบนลงล่าง ขับไล่ความเหนื่อยล้าของวัน เธอทบทวนทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ในใจ โดยเฉพาะกำลังครุ่นคิดเรื่องแปลกๆของเหวินเหยียนโจวดูเหมือนเขาจะแปลกออกไปกว่าปกติเล็กน้อย......ทันทีที่ความคิดนี้หลุดออกมา โหลวฉางเยว่ก็สาดน้ำหนึ่งอุ้งมือใส่ตัวเองโดยธรรมชาติแล้ว สัตว์หลายชนิดจะปลอมตัวเพื่อล่าสัตว์ หรือเพื่อสร้างความสับสนให้กับเหยื่อ แล้วค่อยโจมตีด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เช่น จระเข้ในแม่น้ำ เสือในป่า และตุ๊กแกบนต้นไม้และเหวินเหยียนโจว ผู้ที่แสร้งทำเป็นคนดีโหลวฉางเยว่รู้สึกว่าเหวินเหยียนโจวพยายามทำให้เธอสับสนโดยพูดคำพูดที่หยาบคายเพื่อทำให้เธอสับสนเธอเกือบจะขุดความทรงจำสมัยมัธยมปลายของเธอออกมาหมดแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่เคยเจอแม้กระทั้งเงาของเหวินเหยียนโจวเลยด้วยซ้ำคิดต
โหลวฉางเยว่ได้นัดหมายกับรองประธานหู เพื่อลงนามในสัญญาในเช้าวันรุ่งขึ้นเธอมาถึงบริษัทแต่เช้า และมีการประชุมสั้นๆกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายและฝ่ายธุรกิจ เมื่อเวลาสิบนาฬิกา มีคนกลุ่มหนึ่งลงไปต้อนรับที่ชั้นล่างแม้ว่าตอนนี้รองประธานหูจะไม่กล้าปีนเกลียวอีก แต่พวกเขาเองก็ยังต้องรักษาหน้าแขกเอาไว้ ทันทีที่พวกเขาเห็นรถของประธานหู พวกเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนเรียก “โหลวฉางเยว่! ”โหลวฉางเยว่หันศีรษะของเธอโดยไม่รู้ตัว และขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นเนี่ยเหลียนอี้เดินมาเนี่ยเหลียนอี้จ้องมองเธอ “ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ พวกเราไปหาที่คุยกันหน่อย”โหลวฉางเยว่พูดอย่างสุภาพ “ฉันต้องขอโทษคุณเนี่ยด้วยค่ะ เรากำลังจะไปรับแขก ตอนนี้ยังไม่ว่างค่ะ”เนี่ยเหลียนอี้พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เธอหมายถึง ไม่ต้องการจะคุยกับฉันเป็นการส่วนตัว แต่เธอต้องการจะคุยกันต่อหน้าผู้คนมากมายในที่สาธารณะนี่ใช่ไหม? ”รองประธานหูลงจากรถแล้ว โหลวฉางเยว่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเหลือบมองที่ฝ่ายธุรกิจ ฝ่ายธุรกิจพยักหน้าอย่างเข้าใจและไปทักทายเขาก่อนโหลวฉางเยว่พูดกับเนี่ยเหลียนอี้ “คุณเนี่ยคะ ก่อนอื่น ตอนนี้ฉันอยู่ที่ทำงาน โปรดอย่าขัดขวางการ
“......ฉันจะติดตามต่อไป และเร่งให้มีการเซ็นสัญญาโดยเร็วที่สุดค่ะ” ณ จุดนี้ โหลวฉางเยวาทำได้เพียงให้คำมั่นสัญญาเท่านั้นเสิ่นไหชินมองดูเธอครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “โดยเร็วที่สุด”“ค่ะ” โหลวฉางเยว่หันหลังกลับและออกไป แล้วเสิ่นไหชินก็พูดอีกครั้งว่า “โบนัสของคุณสำหรับเดือนนี้ถูกหักออกแล้ว”“......”เป็นเรื่องยากสำหรับโหลวฉางเยว่ที่จะไม่เรียกเนี่ยเหลียนอี้ว่านังบ้าในใจ!เธอออกจากห้องทำงานของ CEO และกลับไปที่โต๊ะทำงานของเธอ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างติดอยู่ในลำคอของเธอเธอทำงานมาหลายปี และไม่เคยถูกหักโบนัสเลย นอกจากนี้ นี่เป็นเดือนแรกของเธอที่เสิ่นซื่อกรุ๊ป เธอเอาใบลงนามสัญญามาไม่ได้ แล้วยังกลายเป็นขี้ปากในบริษัทอีก ทางข้างหน้า ก็ยิ่งเดินลำบากขึ้นเรื่อยๆแล้ว!โหลวฉางเยว่ใช้เวลาสงบสติเป็นเวลานาน ก่อนที่อารมณ์ของเธอจะคงที่ เธอต้องการดื่มน้ำ แต่ถ้วยกระติกน้ำร้อนของเธอว่างเปล่า เธอจึงต้องลุกขึ้นไปห้องน้ำชาตั้งแต่สมัยก่อน ห้องน้ำชาและห้องน้ำเป็นสถานที่ที่ดีสำหรับการนินทา เมื่อโหลวฉางเยว่เดินเข้าไป ก็ได้ยินเสียงเพื่อนร่วมงานสองคนอยู่ข้างในกำลังพึมพำกันอยู่“นั่นคือประธานเนี่ยจากปี๋หยุนใช่ไหม? ส
หลิวเยี่ยนเลิกคิ้วและพูดโดยไม่ลังเล “แน่นอนสิ ก็เธอเป็นน้องสาวของฉัน”“จำสิ่งที่พี่พูดในวันนี้ให้ดีนะ” เนี่ยเหลียนอี้วางสายโทรศัพท์ หลิวเยี่ยนมองโทรศัพท์ด้วยความโกรธและรู้สึกตลก ใครล่ะที่จะรังแกเธอได้?ป้าและลุงมีเพียงเธอที่ลูกสาวที่มีค่าและรักเธอเหมือนไข่ในหิน ใครกล้ารังแกเธอก็จะต้องชดใช้ในราคาแพง......หลังจากเลิกงานในตอนเย็น โหลวฉางเยว่ก็มองโทรศัพท์มือถือของเธอแล้วเดินไปที่สถานีรถไฟใต้ดินเฉียวซีซีกำลังคุยกับเธอ และถามเธอว่างานใหม่ของเธอเป็นยังไงบ้าง?โหลวฉางเยว่อารมณ์ไม่ดี เธอจึงบ่นกับเฉียวซีซีเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ เฉียวซีซีเป็นเหมือนประทัด แค่สะกิดก็ติดไฟ เธอสาปแช่งเนี่ยเหลียนอี้ในประวัติการสนทนาประมาณสามสี่หน้าได้ สุดท้ายก็ได้ข้อสรุป“คนที่ชอบเหวินเหยียนโจวนั้นผิดปกติไม่มากก็น้อย” เช่น ไป๋โหยว เช่น เนี่ยเหลียนอี้ เช่น...... เอ๊ะ?ทันใดนั้นเฉียวซีซีก็ตระหนักได้ว่าประโยคนี้ดูเหมือนจะดุโหลวจางเยว่ได้ด้วย และเธอก็ไอเล็กน้อยแก้เขิน “เอ่อ ก็ยกเว้นเธอน่ะนะ”โหลวฉางเยว่กระตุกมุมปาก “ไม่ต้องยกเว้นฉันก็ได้ เมื่อก่อนฉันค่อนข้างจะผิดปกติจริงๆนั่นแหละ”เฉียวซีซีพูดขึ้นทันท
โหลวฉางเยว่พูดด้วยน้ำเสียงแห้งผาก “ประธานเหวินคะ ฉันต้องไปขึ้นรถไฟใต้ดิน ขอตัวก่อนนะคะ”เมื่อเธอกำลังจะจากไป เหวินเหยียนโจวก็ไม่ได้หยุดเธอ แต่ในขณะที่เธอเดินออกไปไม่กี่เมตร เธอก็ได้ยินเสียงแตรรถดังเข้ามาทางด้านหลัง ราวกับเป็นเชือกที่คอยดึงเธอไว้ฝีเท้าของโหลวฉางเยว่ช้าลงเรื่อยๆ และในที่สุดเธอก็หยุด อารมณ์ของเธอหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ได้ และเธอก็มองย้อนกลับไปเหวินเหยียนโจวยังคงยืนอยู่ริมถนน มีไฟถนนอยู่ข้างๆเขา และแสงก็เหมือนม่านฝนปกคลุมทั่วร่างกายของเขา“……”โหลวฉางเยว่รู้สึกว่าสาเหตุที่เจ้าของรถที่ถูกกีดขวางบนถนนไม่สาปแช่ง ก็เพราะเขาเห็นป้ายทะเบียนและอารมณ์ของเหวินเหยียนโจวไม่เหมือนคนทั่วไปเธอกัดฟันหันหลังกลับเปิดประตูแล้วขึ้นรถเหวินเหยียนโจวเม้มปาก แล้วเขาก็เข้าไปในรถ และในที่สุดรถก็สตาร์ทได้คนขับรถถามว่า “ประธานเหวิน ต้องการจะไปไหนครับ? ”เหวินเหยียนโจวพูดอย่างใจเย็น “เขาถามคุณน่ะ”โหลวฉางเยว่ไม่มีบัญชีไลน์ของคนขับ เธอจึงไม่สามารถส่งตำแหน่งให้เขาได้ ดังนั้นเธอจึงต้องเปิดระบบนำทางด้วยตัวเอง ยื่นโทรศัพท์ให้คนขับ วางบนที่ยึด แล้วขับตามโทรศัพท์ไป“เลขาเหอไปไหนแล้วคะ? ” โหลวฉา
เป็นผู้ช่วยหลี่จากออฟฟิศเธอบอกว่าหลังจากเลิกงานเมื่อวานนี้เธอไปบาร์ใกล้ๆกับเพื่อนๆ ขณะที่พวกเขากำลังสนุกสนานกันอยู่ บาร์ก็หยุดเพลง เปิดไฟ และทีมตำรวจก็เข้ามาตอนแรกพวกเขาคิดว่าเป็นการตรวจดูสื่อลามก การพนัน ยาเสพย์ติด หรือการดับเพลิงที่มักจะมีอยู่ในทุกวัน แต่ผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันที่ประตูห้องส่วนตัว ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอจึงแทรกตัวเข้าไปในฝูงชน แล้วมองไปรอบๆ และเห็นพวกเขาออกไปพร้อมกับกำลังปกป้องผู้หญิงอยู่ผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่าเธอเมาและถูกรังแกผู้หญิงคนนั้นก้มศีรษะลง ผมของเธอคลุมหน้า และศีรษะของเธอถูกคลุมด้วยเสื้อผ้า ใบหน้าของเธอมองไม่เห็น แต่ผู้ช่วยหลี่จำชุดของเธอได้เมื่อวานนี้เนี่ยเหลียนอี้มาที่เสิ่นซื่อกรุ๊ปเพื่อก่อปัญหา และเธอก็สวมเสื้อผ้าชุดนั้น......โหลวฉางเยว่รู้สึกประหลาดใจแม้ว่าเธอจะไม่พอใจกับการกำหนดเป้าหมายอย่างอธิบายไม่ได้ของเนี่ยเหลียนอี้ที่มักจะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ แต่เธอก็ไม่เคยอยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ หรือมีเรื่องอะไรทำนองนั้นเกิดขึ้น...... เมื่อคืนนี้อย่างนั้นเหรอ?เหวินหยานโจวไม่ได้บอกหรอกเหรอ ว่าเมื่อคืนนี้เหอชิงจะไปส่งเธอกลับซีเฉิง?ตอนที่พว
โหลวฉางเยว่ผลักรูปถ่ายสองรูปไปข้างหน้า“สองคนนี้ดูคุ้นๆค่ะ เมื่อคืนตอนที่ฉันเลิกงาน ขณะเดินบนถนน พวกเขารั้งฉันไว้ แล้วถามว่าใกล้ๆแถวนี้มีอาคารหรงกวงหรือเปล่า”เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองยังคงสงบและยื่นรูปถ่ายอีกภาพออกมา ซึ่งเป็นภาพหน้าจอของชายสองคนที่ขอเส้นทางจากเธอ “พวกเขายื่นให้โทรศัพท์มือถือให้คุณ แค่เพื่อขอเส้นทางจากคุณจริงๆเหรอ? ”โหลวฉางเยว่พยักหน้า “ใช่ค่ะ”“ถ้าแค่ถามทาง ทำไมพวกคุณถึงซ่อนตัวจากกล้องวงจรปิดล่ะ? ”“ซ่อนตัวจากกล้องวงจรปิดเหรอ? ” โหลวฉางเยว่ตกตะลึง “ฉันไม่ได้ซ่อนตัวนะคะ ฉันกำลังจะไปสถานีรถไฟใต้ดิน แล้วพวกเขาก็หยุดฉันที่ทางเลี้ยวนี้ ดังนั้นเราถึงได้หยุดคุยกันตรงนั้น จุดนี้ไม่ได้อยู่ห่างกันมากหรอกมั้งคะ? แค่ไม่กี่เมตรก็เป็นถนนใหญ่แล้ว”เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้พูดอะไรโหลวฉางเยว่เม้มริมฝีปาก “ถ้าพวกเราอยากซ่อนตัวจากกล้องวงจรปิดจริงๆ กล้องวงจรปิดก็ควรจะจับเราไม่ได้ใช่ไหมล่ะคะ? แต่นี่ก็จับภาพเราได้ไม่ใช่เหรอค่ะ? ”ตำรวจชาย “แม้จะถูกจับภาพได้ แต่ยังไม่ชัดเจน อีกทั้งพวกคุณยังมีท่าทีที่น่าสงสัยเหมือนกำลังหลบเลี่ยงกล้องวงจรปิดอีก”“……”เมื่อพูดเช่นนี้ โหลวฉางเยว่ก็ควรจะเ
พอแม่โหลวก็ได้ยินเสียงพ่อโหลวกลับมา จากนั้นเธอก็นำอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟที่โต๊ะ“งั้นก็มากินข้าวกันเถอะ วันนี้เย่ว่เยว่พาเหยียนโจวกลับมาด้วย เธอไม่ได้บอกเราล่วงหน้า พวกเราเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เลยมีแค่อาหารทำเองที่บ้าน ไม่รู้ว่าเหยียนโจวจะทานได้หรือเปล่า? ”เหวินเหยียนโจวลุกขึ้นยืน เหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อโหลว และกระซิบเบา ๆ “เป็นผมที่ไม่ได้บอกเย่ว่เยว่ล่วงหน้าว่าผมจะอยู่ต่อ เธอถึงไม่ได้บอกกับทุกคน ไม่โทษเธอหรอกครับ”แม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น แม่โหลวไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอแสร้งดุออกไป “เหยียนโจว เธอก็อย่าให้ท้ายเยว่เยว่มากเกินไปสิ”แต่หลังจากที่พูดจบ เขาก็ปกป้องเธอ “แต่เยว่เยว่ของเราเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด ต่อให้ตามใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”มุมปากของโหลวฉางเยว่โค้งงอขึ้นทุกคนมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน แม่โหลวตักซุปเสิร์ฟให้เหวินเหยียนโจวก่อน จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบผักใส่ในชามของเขา“เหยียนโจว ลองซุปปลาหน่อไม้เหลืองฤดูหนาวดูสิ หน่อไม้นั่นปลูกเองเชียวนะ ปลาก็เป็นของเพื่อนบ้านที่ไปจับมาจากทะเล”“แล้วก็ยังมีหมูเปรี้ยวหวานสั
จนถึงตอนนี้โหลวฉางเยว่ก็ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับเขาอย่างถ่องแท้ เธอเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดผู้ชายน่ะนะ ไม่ได้ “ไร้เดียงสา” ขนาดนั้น โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเหวินเหยียนโจว ผู้หญิงสนใจเขาหรือเปล่า เขาก็สามารถมองออกได้ง่าย ๆเหวินเหยียนโจวรู้อยู่แล้วว่าไป๋โหยวชอบเขา แล้วเขาก็ยังตกลงที่จะให้เธอมาอยู่เคียงข้างเขาอีก นั่นก็เป็นเหมือนคำตอบรับโดยปริยายว่าเขายอมรับความรู้สึกของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง?พอมาคิดรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าปีที่แล้ว ก็มีความคิดเห็นที่เกี่ยวกับเธอขึ้นมา เขาเย็นชาใส่เธอตลอด ดังนั้นที่เขาเก็บไป๋โหยวไว้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าอยากจะทำให้เธอโกรธ แต่วางแผนที่จะทำให้ “เปลี่ยนใจ” ด้วยสินะ?โหลวฉางเยว่พูดด้วยความรำคาญ “แม่ของคุณชอบไป๋โหยวมากเลยเหรอคะ? เธอยังอยากให้คุณแต่งงานกับไป๋โหยวด้วยใช่ไหม? เนี่ยเหลียนอี้เคยบอกฉันว่าท่านประธานใหญ่เหวินยอมรับไป๋โหยวแล้วด้วย แต่เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ปฏิเสธกะทันหัน เป็นเพราะว่าท่านประธานใหญ่เหวินรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับแม่ของคุณรึเปล่าคะ? ”แม้ว่าโหลวฉางเยว่จะไม่ค่อยรู้เรื่องคร
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่พ่อโหลวก็ยังไม่กลับมา พี่เลี้ยงจึงออกไปตามหาเขาเดิมทีโหลวฉางเยว่ต้องการช่วยแม่โหลววางจานและตะเกียบ แต่แม่โหลวก็ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเหวินเหยียนโจว เพราะเธอกลัวว่าลูกเขยคนจะอึดอัดถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียว......จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ต่อให้ฟ้าจะถล่ม ประธานเหวินก็ยังคงมั่นคงไม่ขยับเขยื้อนอยู่ดีแต่ยังไงโหลวฉางเยว่ยังคงเดินไปหาเขาเหวินเหยียนโจวอยู่บนโซฟาสำหรับสองคน เดิมทีเธอต้องการนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ แต่ประธานเหวินดึงเธอเข้ามานั่งกับเขาเขากระซิบข้างหูเธอ “คุณพูดอะไรกับแม่ของคุณบ้าง? ”หูของโหลวฉางเยว่ไวต่อความรู้สึกมาก เธอก็กระตุกตัวหลบอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ได้พูดอะไรหนิคะ”“ไม่พูดงั้นเหรอ แล้ววทำไมท่าทีที่เธอมีต่อผมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ” เหวินเหยียนโจวบีบนิ้วของเธอ “คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ? เมื่อกี้เธอไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ แล้วผมมีอะไรที่ทำให้แม่ยายไม่พอใจเหรอ? ”ความมั่นใจของประธานเหวินก็มาจากสภาพที่เหนือกว่าของเขา แต่ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ขายลูกกิน สิ่งแรกที่พวกเขาจะพิจารณาเมื่อลูกจะแต่งงานก็คืออุปนิสัยของอีกฝ่ายการแสดงออกของโหลวฉางเยว่ยังคง
แม่โหลวไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเหวินเหยียนโจวจะตอบด้วยท่าทีนอบน้อม แต่เธอก็มองออก ด้วยลักษณะท่าทางและนิสัยของเหวินเหยียนโจว คงไม่ใช่แค่มี “เงินเล็กน้อย” ถึงสามารถเลี้ยงเขามาได้แน่ ๆ “งั้นก็ดีมาก ดีแล้วล่ะ พวกลูกคบกันมาสามปี สิ่งที่ควรจะเรียนรู้ก็น่าจะเรียนรู้กันมาหมดแล้ว แม่เองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถามอีกแล้วล่ะ”เหวินเหยียนโจวไม่ชอบพูดอ้อมค้อม จู่ ๆ เขาก็จับมือโหลวฉางเยว่ “เมื่อกี้ผมเพิ่งขอเยว่เยว่แต่งงานครับ และเธอก็ตอบตกลงแล้วด้วย”โหลวฉางเยว่มองไปที่แม่ของโหลวโดยไม่รู้ตัวใบหน้าของแม่โหลวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ได้มีความสุขมากนัก เธอฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะเร่งรีบขนาดนี้ได้ยังไง พวกเรายังไม่ได้รู้จักเธอมากขนาดนั้นเลย เราเองก็ไม่เคยพบพ่อแม่ของเธอด้วย อย่างน้อยก็ควรจะหาเวลา ให้พวกเราทั้งสองตระกูลได้พูดคุยกันและปรึกษาหารือกันหน่อย”เหวินเหยียนโจวหยิบถ้วยชาขึ้นมา แต่เขาแค่เอามันมาใกล้จมูกแล้วดมกลิ่น เขาไม่ได้ดื่มมัน จากนั้นก็วางมันกลับไปที่เดิม สีหน้าเขาดูไม่ใส่ใจโหลวฉางเยว่รู้จักเขาดี เขารู้สึกว่าชาราคาถูกเกินไป เกินกว่าที่เขาจะเอาเข้าปากได้ และคำพูดเหล่า
ระยะทางจากห้างสรรพสินค้าถึงบ้าน ก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที โหลวฉางเยว่ก็ครุ่นคิดว่าจะพูดอะไรดีอยู่ในใจ จะบอกพ่อโหลวแม่โหลวยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงาน?จะให้อธิบายยังไง ว่าลูกสาวของพวกเขา ตอนเพิ่งออกจากบ้านก็เป็นแค่คนโสด แต่ผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง กลับบ้านมาก็กลายเป็นคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างงั้นเหรอ?เธอคิดไม่ตกเลยจริง ๆ เลยได้แต่พาเหวินเหยียนโจวเดินไปรอบ ๆ ตรอกเท่านั้น จนกระทั่งประธานเหวินเริ่มหมดความอดทน เขาคว้าหลังคอของเธอแล้วลากกลับบ้าน“ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า ‘แม้ลูกสะใภ้จะขี้เหร่ แต่ก็จำเป็นจะต้องเจอหน้าพ่อแม่สามีอยู่ดี’ ผมคงไม่ได้ไร้ความสามารถถึงขั้นทำให้คุณอายจนไม่กล้าพาผมไปเจอหน้าพวกท่านหรอกมั้ง? ”โหลวฉางเยว่คิดว่าเขามีความสามารถมากเกินไปต่างหาก เธอถึงไม่รู้ว่าจะบอกพ่อแม่ของเธอยังไงดีคิ้วของเหวินเหยียนโจวขยายออก และยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเขาก็พูดด้วยหางเสียงว่า “หืม” โหลวฉางเยว่ทำได้แค่กัดฟัน แล้วพาเขาเข้าไปพ่อโหลวออกไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมาแม่โหลวเพิ่งเห็นว่าเธอพาเพื่อนกลับบ้านมาด้วย แถมยังเป็นเพื่อนผู้ชายอีกต่างหาก รู้สึกประหลาดใจและตกใจม
ผนังซีเมนต์สีเทาที่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ทำให้รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองอยู่ โหลวฉางเยว่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอย่างอื่น “......ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะคะ คุณเลิกคิดเองเออเองได้แล้วค่ะ”เหวินเหยียนโจวก็ยังคงจัดการวางแผนเองอยู่ “ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าบ้านจริง ๆ คงดูไม่ดีถ้าเข้าไปมือเปล่า คุณช่วยพาผมไปที่ห้างสรรพสินค้าในตำบลของคุณหน่อยสิ แล้วคุณก็ช่วยเลือกของขวัญที่เหมาะกับพ่อแม่ของคุณด้วย”“......”“เด็กดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับพ่อแม่คุณ คุณต้องช่วยผมด้วยนะ”“......”โหลวฉางเยว่ลูบแหวน เธอไม่รู้ว่าเธอตัวชาเพราะการที่เขาเรียกเธอว่าเด็กดี หรือเป็นเพราะสับสนกับท่าทางที่เขายอมก้มหัวให้กันแน่ เธอค่อนข้างสับสนอย่างมาก แต่เธอก็ยังพาเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าอยู่ดีโชคดีที่ชุมชนนี้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เลยยังพอจะมีห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ระดับไฮเอนด์อยู่บ้างแต่ก่อนที่จะเข้าประตู เหวินเหยียนโจวก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง เขามองไปที่ชื่อผู้โทร ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับเธอเมื่อกี้โหลวฉางเยว่มองไปที
ทันทีที่คำพูดจบลงไม่ถึงวินาที เหวินเหยียนโจวก็ก้มศีรษะลงและจูบเธออย่างเร่าร้อนต่อให้มีการแย่งชิง การปล้นชิงทรัพย์ในเวลากลางวันแสก ๆ หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น เขาจับหลังศีรษะของเธอและใช้ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเธอ โหลวฉางเยว่กลัวว่าจะถูกคนรู้จักเห็นเข้า เธอจึงได้แต่จับชุดสูทของเขาไว้แน่น “เหวิน เหวินเหยียนโจว...... ”เหวินเหยียนโจวค่อนข้างเฉยเมยกับเรื่องพวกนั้น เขาจูบเธอสักพักก่อนที่จะปล่อยริมฝีปากของเธอ เขาหอบเบา ๆ ต่อหน้าเธอ ทั้งเซ็กซี่และเย้ายวน “ไม่ใช่แค่การลอง แต่เป็นการตัดสินใจแล้ว เราจะคบกัน”เขาจับมือของโหลวฉางเยว่ขึ้นมา โดยไม่ให้โอกาสโหลวฉางเยว่ได้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็สวมแหวนไว้บนนิ้วนางของเธอม่านตาของโหลวฉางเยว่หดตัวลง!เสียงของเหวินเหยียนโจวแหบแห้ง “เด็กดี ตอนนี้สำนักงานกิจการพลเรือนก็หยุดกันหมดแล้ว รอถึงเดือนหน้าวันที่เก้า ในเวลาราชการ เราค่อยไปจดทะเบียนกันนะ”อะ อะไรนะ?ว่ายังไงนะ ! ?เดี๋ยวนะ!พอโหลวฉางเยว่รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ประสาทของเธอก็แทบจะระเบิด!เธอปิดปากเหวินเหยียนโจวอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดไม่ให้เขาพูดเ
เช้าวันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือตีสี่ตีห้าเธอเพิ่งจะหลับตาลงได้ แต่ยังไม่ทันจะได้นอน เธอง่วงจนแทบจะทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก เมื่อเธอเห็นว่าผู้โทรคือเหวินเหยียนโจว อาการง่วงนอนของเธอก็แทบจะถูกขับออกไปในทันทีเธอลุกขึ้นนั่ง มองดูซองจดหมายสีเหลืองอ่อนบนโต๊ะข้างเตียง พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองหลังจากถอนหายใจและระงับอารมณ์ได้แล้ว เธอก็รับสาย “ฮัลโหล”เสียงเย็นชาของเหวินเหยียนโจว ก็ได้ลอยผ่านเคลื่อนโทรศัพท์ ส่งตรงไปถึงหูของเธอ และยังคงสามารถทำให้เธอขนลุกได้โดยไม่ทันตั้งตัว“คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”“......นอนค่ะ”“คุณนอนที่ไหน? ” น้ำเสียงของชายคนนั้นเข้มขึ้นทันที “ผมอยู่ในห้องของคุณ แต่ก็ไม่เห็นคุณ คุณไปนอนที่ไหนเหรอ? ”สถานการณ์ของเขาตอนนี้เหมือนกำลังจับคนทำผิด......โหลวฉางเยว่ตกตะลึง “คุณอยู่ในห้องของฉันเหรอคะ? คุณไปหาฉันที่ซีเฉิงเหรอคะ? ”“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานคุณทำงานเป็นวันสุดท้ายหรอกเหรอ? ผมเลยมารับคุณกลับเซินเฉิง” เหวินเหยียนโจวถามต่อว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่
รักข้างเดียว......ลมพัดโดนผิวของโหลวฉางเยว่จนเกิดเป็นชั้นอนุภาคเล็ก ๆ เธอยังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่เลย แต่จะให้เธอตรวจสอบยังไงกันล่ะว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่?โหลวฉางเยว่จำได้อีกว่า ในวันที่เธอเลี้ยงข้าวเขาที่ร้านอาหารส่วนตัว เขายังเคยถามเธอเกี่ยวกับลิ้นชักจดหมายรักอีกด้วยตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขนาดนั้นด้วย พอลองมองดูตอนนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าปีนั้นเอง เขาก็เขียนจดหมายรักให้เธอด้วยหรอกนะ?จู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็ลุกขึ้นยืน ตาของเธอเป็นก็ประกาย จดหมายรักพวกนั้นเธอน่าจะยังเก็บไว้ที่บ้าน บ้านที่ตำบลเฟิงเสียน เธอโทรหาหลี่ซิงรั่วทันที“ซิงรั่ว เธอออกเดินทางรึยัง? ”“กำลังจะออกเดินทางแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”“ฉันอยากกลับเซินเฉิงกับเธอด้วย สะดวกไหม? ”หลี่ซิงรั่วหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สะดวกสิ เธอยังอยู่ที่ประตูร้านอาหารเดิมรึเปล่า? ฉันจะไปรับเธอ”ในไม่ช้า รถของหลี่ซิงรั่วก็ขับมาถึง โหลวฉางเยว่ก็เปิดประตูและเข้าไปจากนั้นหลี่ชิงรั่วจึงถามว่า “เป็นเพราะประธานเหวินหรือเปล่า? ”หัวใจของโหลวฉางเยว่เต้นเร็วขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ เธอรีบร้อ