แม่เฒ่าเฮ่อเดินไปหาเหวินเหยียนโจวอีกครั้ง น้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นมาก "เหยียนโจวมีใจแล้ว ตอนที่ฉันโทรหาคุณ คุณอยู่ที่สถานีรถไฟความเร็วสูงใช่ไหม พอมาถึงเมืองซีเฉิง ก็ไม่ได้ไปพักผ่อน ก็รีบมาดูเด็กๆ"เหวินเหยียนโจวกล่าวว่า "ไม่มีอะไร"“คืนนี้ค้างที่นี่ด้วย แล้วฉันจะสั่งคนจัดห้องให้พวกคุณสองห้อง”เหวินเหยียนโจวไม่ปฏิเสธ: "ได้ครับ"แม่เฒ่าเฮ่อทุบเอวและถอนหายใจ "ทรมานมาทั้งวัน กระดูกแก่อย่างฉัน อึดอัดเล็กน้อยแล้ว"เนี่ยเหลียนอี้มีไหวพริบมาก "แม่เฒ่าเฮ่อ ท่านไปพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ พวกเราก็ไม่ใช่คนนอก เราจะทําตัวตามสบาย"โหลวฉางเยว่แอบหลับตาในมุมที่ไม่มีใครสนใจ เพื่อบรรเทาความอึดอัดของร่างกายแม้ว่าเธอจะมองไม่เห็น แต่หูของเธอก็ได้ยินชัดเจนน้ำเสียงของเนี่ยเหลียนอี้ จะว่ายังไงดี คลุมเครือ เผยสัญญาณว่าความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับเหยียนโจว"เราไม่ใช่คนนอก" " เราจะทําตัวตามสบาย "พวกเราเหวินเหยียนโจวพาเนี่ยเหลียนอี้ไปงานเลี้ยงของตระกูลเฮ่อเมื่อคืนนี้ อธิบายอย่างฝืนใจว่าตอนนี้เนี่ยเหลียนอี้เป็นพนักงานของปี๋หยุนแล้ว แล้วคืนนี้ล่ะ?มุมปากของโหลวฉางเยว่ดึงเบา ๆ เยาะเย้ยเล็กน้อย ไม่เพียง แต่เยาะ
โหลวฉางเยว่เม้มริมฝีปากล่างแล้วมองแม่บ้าน: "ขอโทษ คุณชื่ออะไรคะ"แม่บ้านตัดพ้ออย่างเย็นชาและหันศีรษะหนี ราวกับว่าเธอไม่เต็มใจที่จะร่วมมือกับเธอการแสดงออกของโหลวฉางเยว่ ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง: "แม่เฒ่าขอให้ฉันตรวจสอบเรื่องนี้ ตราบใดที่ฉันสามารถหาผู้วางยาพิษ ไม่ต้องพูดถึงคุณ ฉันสามารถถามทุกคนในบ้านสวนเฮ่อเจียได้ ถ้าคุณไม่ให้ความร่วมมือกับฉัน ฉันจะสงสัยว่าคุณเป็นคนที่กินปูนร้อนท้องและบอกความสงสัยของฉันแก่แม่เฒ่าเฮ่อ ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรกับคุณในตอนนั้น ฉันเองก็ไม่รู้เรื่องด้วยแล้วนะ”คําพูดนี้เธอพูดให้แม่บ้านฟังและให้คนรับใช้ตระกูลเฮ่อคนอื่น ๆ ฟังด้วยการสืบสวนของเธอต้องได้รับความร่วมมือจากพวกเขา และเธอสามารถใช้ได้เพียงขนไก่เป็นลูกศรเท่านั้นการข่มขู่นี้มีประโยชน์มาก สีหน้าของแม่บ้านเปลี่ยนไปทันที ไม่กล้าขืนอีกต่อไป: "ฉัน นามสกุลของฉันคือจ้าว พวกเขาเรียกฉันว่าจ้าว"เหวินเหยียนโจวเดินไปที่ชั้นสอง แล้วมองย้อนกลับมา โหลวฉางเยว่ในห้องนั่งเล่นได้ถามแม่บ้านในลักษณะที่เป็นระเบียบเรียบร้อยราวกับว่าเขาตั้งใจที่จะสอบสวนเรื่องนี้ด้วยตัวเองและเขาก็มองย้อนกลับไป ด้วยความหงุดหงิดบางอย่างจากนั้นเ
คุณนายเฮ่อซึ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟาตัวเล็กๆ ยังคงไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเห็นโหลวฉางเยว่เข้ามาโหลวฉางเยว่ได้ทำงานมาหลายปีแล้ว และไม่มีความรู้สึกถึงการแสดงออกที่เย็นชาขนาดนี้: "คุณนายเฮ่อ ฉันมีความคิดที่จะตามหาฆาตกรตัวจริงที่วางยาพิษ ฉันแค่ต้องการให้คุณระบุตัว คุณ .. "“ฉางเยว่ อย่าเพิ่งพูดเลย”เนี่ยเหลียนอี้ขัดจังหวะโหลวฉางเยว่โดยตรง และโหลวฉางเยว่ก็หยุดชั่วคราวเนี่ยเหลียนอี้กระซิบกับคุณนายเฮ่อว่า "จิ้งหร่าน ฉันรู้ว่าคุณทนทุกข์ทรมานมากเพราะลูก ๆ ของคุณ แต่ด้วยเหตุนี้เราจึงควรหาตัวฆาตกรที่แท้จริงและปล่อยให้คนนั้นจ่ายราคาที่สมควรและแก้ไขความเกลียดชังในใจ คุณว่าไง?"ตอนนี้ดึกมากแล้ว ตีหนึ่งกว่า ๆ ใบหน้าของคุณนายเฮ่อมีความเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ตาขาวเป็นเส้นเลือดที่ปรุงเป็นสีแดงแต่เมื่อไม่พบฆาตกรตัวจริง หัวใจของเธอก็ไม่สามารถสงบลงแม้แต่วินาทีเดียว ไม่มีทางไปพักผ่อนได้ ดังนั้นในที่สุดเธอก็พยักหน้าโหลวจางเยว่อ้าปากจะพูด แต่เนี่ยเหลียนอี้ก็พูดนำไปก่อน "เหยียนโจว คุณพูดเถอะ"โหลวฉางเยว่: "..."เมื่อกี้อยู่ในห้องนั่งเล่นชั้นล่างยังแค่ "ประธานเหวิน" ตอนนี้ก็เรียกตรง ๆ ว่า "เหยียนโจว" แ
โหลวฉางเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก มองไปที่คุณนายเฮ่ออีกครั้งและถามอย่างจริงจังว่า “งั้นคุณนายเฮ่อ ปกติคุณมีการบาดหมางกับใครไหม?”คุณนายเฮ่อกุมหัวและพูดอย่างเจ็บปวดว่า "ตอนนี้สมองของฉันวุ่นวายไปหมด ฉันจําไม่ได้ จําไม่ได้จริง ๆ ..."โหลวฉางเยว่ส่งแท็บเล็ต: "ฉันขอให้แม่บ้าน หากล้องวงจรปิดของเมื่อคืนและถ่ายภาพหน้าจอของแขกทุกคนที่ขึ้นไปชั้นบน คุณดูสิ ในบรรดาคนเหล่านี้ มีใครที่คุณคิดว่าอาจจะแก้แค้นคุณด้วยการทําร้ายลูกไหม"คุณนายเฮ่อพลิกดูภาพหน้าจอทีละภาพ หลังจากพลิกไปเจ็ดหรือแปดภาพแล้ว จู่ ๆ ก็หยุดมือ ตาของเธอเบิกขึ้น พูดอย่างแน่ชัดว่า "เป็นเธอ ต้องเป็นเธอแน่ๆ"โหลวฉางเยว่เห็นเด็กสาวคนหนึ่งบนแท็บเล็ต: "เธอเป็นใคร"คุณนายเฮ่อกัดเหงือกแน่นและพูดอย่างเกลียดชังว่า "เป็นน้องสาวของฉัน เธออิจฉาฉันที่แต่งงานเข้าตระกูลเฮ่อมาตลอด อาศัยความโปรดปรานจากแม่ของเธอ ทุกครั้งที่เธอพบฉัน เธอต้องการสะดุดฉันอย่างลับ ๆ เธอไม่ได้ใจดีไปเยี่ยมลูกของฉันแน่นอน เธอต้องทําแน่ ๆ"โหลวฉางเยว่สับสน พึ่งความโปรดปรานของแม่เหรอ? พี่สาวทั้งสองคนไม่ใช่แม่คนเดียวกันเหรอ?แต่นี่ไม่สำคัญเพียงแค่ล็อคเป้าหมายก็พอเธอกล่าวว
เหวินเหยียนโจวไม่ได้อธิบาย ปกติเขาไม่เคยอธิบายให้ใครฟัง เขายืนอยู่บนราวบันไดชั้นสองและมองไปที่ชั้นล่าง สายตาของเขากวาดมองออกไปที่ประตูด้านนอกที่มืดมิด ฟ้ามืดแล้ว เหวินเหยียนโจวหันข้าง "คุณไปพักผ่อนเถอะ ตระกูลเฮ่อเตรียมห้องไว้แล้ว" "แล้วคุณล่ะ?" เนี่ยเหลียนอี้ถามโดยไม่รู้ตัว เปลือกตาของเหวินเหยียนโจวปิดลง แม้ว่าจะไม่ได้แสดงความไม่พอใจ แต่เธอก็รู้ว่าเขาไม่ชอบถูกแทรกแซง เธอเม้มริมปาก "ฉันหมายความว่า ถ้าพรุ่งนี้เช้าแม่เฒ่าเฮ่อเห็นว่าคุณไม่อยู่ เธอจะถามฉันว่าคุณไปไหนแน่นอน ฉันจะตอบอย่างไรดี?" "ตอบตามที่คุณเห็นสมควร" เหวินเหยียนโจวเดินไปสองก้าวแล้วหันกลับมา "อารมณ์ของแม่เฒ่าเฮ่อไม่คงที่ อาจจะพูดไม่ชัดเจน พรุ่งนี้คุณนำเรื่องที่โหลวฉางเยว่หาคนร้ายตัวจริงไปบอกแม่เฒ่าเฮ่อด้วย" เนี่ยเหลียนอี้ตาเป็นประกายเล็กน้อย "โหลวฉางเยว่เจอคนร้าย" จริง ๆ แล้วโหลวฉางเยว่เจอคนร้ายตัวจริงด้วยตัวเองจริง ๆ แต่คนที่วิเคราะห์คดีต่อหน้าฮูหยินเฮ่อเมื่อกี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเขา เขากลับเตือนเธอเป็นพิเศษว่า ต้องบอกฮูหยินเฮ่อว่าโหลวฉางเยว่คือคนที่พบคนร้ายตัวจริง สีหน้าของเนี่ยเหลียนอี้ไม่ได้เป
เหวินเหยียนโจวมองเธออย่างเย็นชา "ไม่ใช่ว่าคุณจะจ่ายค่ารถให้ผมเหรอ?" โหลวฉางเยว่กัดฟัน เหวินเหยียนโจวไม่ขับรถอย่างช้า ๆ อีกต่อไป ทันทีที่เหยียบคันเร่งและหักโค้งเลี้ยวตรงทางโค้ง โหลวฉางเยว่ไม่ทันระวังร่างกายทั้งหมดก็กระแทกกับประตูรถและถูกเข็มขัดนิรภัยรั้งกลับไปที่นั่ง "......" แม้ว่าจะกระแทกไม่เจ็บ แต่เธอก็รู้สึกจุกมาก ตาขาวมีเส้นเลือดฝอยหลายเส้นขึ้นมา และมองที่ชายผู้นั้นอย่างโกรธชัง เหวินเหยียนโจวจับพวงมาลัยแน่น ความเร็วรถช้าลง น้ำสียงไม่ค่อยดีนัก "ทําไมเมื่อก่อนถึงไม่รู้ว่าคุณอารมณ์เสียง่ายขนาดนี้? ตามใจคุณก็ไม่ได้ ต่อต้านก็ไม่ได้" คำพูดนี้ถ้าพูดออกมาจากปากคนอื่น เหมือนเป็นความรู้สึกตามใจจริง ๆ "ไม่สามารถช่วยอะไรคุณได้" "ต้องทำยังไงคุณถึงพอใจ" "คุณทำให้ผมหมดหนทางจริง ๆ " แต่เขาคือเหวินเหยียนโจว ดังนั้นโหลวฉางเยว่รับรู้เพียงว่าเขาไม่มีความอดทน นิสัยของโหลวฉางเยว่เป็นแบบนี้ ปกติเธอเงียบและอดทน สามารถเผชิญกับทุกอย่างได้ แต่เมื่อรู้สึกร่างกายไม่สบาย อารมณ์ก็จะขึ้นง่าย มันมักจะเผยออกมาตอนเธออ่อนแอ เช่น ครั้งนั้นที่เมืองสุ่ยเฉิง เธอไม่ได้กินข้าวหลายมื้อจนหิวแสบกระเพาะ
ใครโกรธใครกันแน่?เธอโกรธเขา ดังนั้นเขาจะได้ทำอะไรก็ได้ที่เขาต้องการ? ใครเป็นคนตั้งกฎนี้ขึ้นมา? เป็นเขาด้วยใช่ไหม?ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเขา! โหลวฉางเยว่โกรธจนพูดไม่ออก เหวินเหยียนโจวถูมุมปากจนเลือดออก ผู้หญิงคนนี้ดุเหมือนแมวป่าที่พุ่งเข้ามากัดเขาอย่างจังลูกกระเดือกของเขาเคลื่อนเล็กน้อย "นั่งดี ๆ ไม่ใช่พอผมขับแรงแล้วตัวคุณกระแทกรถ จากนั้นก็มาจ้องหน้าผมด้วยความโกรธ" ถนนบนภูเขานี้เดิมทีก็เลี้ยวลดคดเคี้ยวอยู่แล้วโหลวฉางเยว่กลั้นลมหายใจ เธอขยับตัวพิงเก้าอี้และจับที่จับแน่นเหวินเหยียนโจวเข้าเกียร์และคลายเบรก จากนั้นขับรถออกจากทางลาดนี้ไปเหวินเหยียนโจวไม่ได้ถามเธอว่าเธอพักอยู่ที่ไหน โหลวฉางเยว่ก็ไม่ได้บอก เธอรู้ว่าเขารู้เธอคิดว่าตัวเองหลุดออกจากการควบคุมของเขาแล้ว แต่ในความเป็นจริงทุกการเคลื่อนไหวของเธอยังคงถูกเขาจ้องมอง ในที่สุดรถก็ขับไปที่ตีนเขาและเข้าสู่ถนนใหญ่ ถนนเส้นตรง ท้องถนนสว่างไสว เหวินเหยียนโจวเหลือบหันไปมองผู้หญิงที่นั่งข้างคนขับ ด้านข้างของโหลวฉางเยว่พิงประตูรถ เปลือกตาสลึมสลือเหมือนง่วงนอนมาก หายใจแรงและถี่เล็กน้อย คิ้วก็ขมวด เหมือนความเศร้าโศกที่มัวหมองไม่สา
โหลวฉางเยว่นอนหลับสนิทมาก เธอตื่นขึ้นมาในตอน 7 โมงกว่าของวันที่สอง นี่เป็นห้องผู้ป่วยเตียงคู่ เธอดึงม่านมากั้นอยู่ตรงกลางระหว่างเตียงข้าง ๆ แต่ก็ยังได้ยินเสียงครอบครัวที่อบอุ่นของเตียงผู้ป่วยฝั่งนั้น ในทางกลับกันฝั่งเธอนั้นเงียบสงบมาก เหวินเหยียนโจวกลับไปแล้ว ไม่รู้ว่าไปตั้งแต่ตอนไหน น่าจะเมื่อคืนที่ผ่านมา โหลวฉางเยว่ก็ไม่อยากที่จะคิดว่าเหวินเหยียนโจวจะลดศักดิ์ศรีมาอยู่เป็นเพื่อนเธอที่โรงพยาบาล ฤดูหนาวที่หนาวเหน็บในเมืองซีเฉิง แง้มหน้าต่างออกเล็กน้อย ลมยามเช้าพัดเข้ามาเบา ๆ เตียงของเธอติดกับหน้าต่าง และรู้สึกเย็นเล็กน้อย เธออดไม่ได้ที่จะมุดตัวขดลงในผ้าห่ม โหลวฉางเยว่รู้สึกเวียนศีรษะเล็กน้อยและร่างกายของเธอมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหลังจากไข้ลดลง เธอกะเวลาว่าเสิ่นไหชินน่าจะตื่นแล้ว จึงหยิบโทรศัพท์และโทรไป และเขาก็รับสายหลังจากนั้นไม่นานจริง ๆ โหลวฉางเยว่ไอเล็กน้อยและพูดว่า "ประธานเสิ่น เรื่องตระกูลเฮ่อ เมื่อคืนฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว" "อืม เกิดอะไรขึ้น?" โหลวฉางเยว่รายงานแบบรวบรัด แน่นอนว่าเว้นเรื่องที่พบเหวินเหยียนโจวและเนี่ยเหลียนอี้ที่บ้านของตระกูลเ
พอแม่โหลวก็ได้ยินเสียงพ่อโหลวกลับมา จากนั้นเธอก็นำอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟที่โต๊ะ“งั้นก็มากินข้าวกันเถอะ วันนี้เย่ว่เยว่พาเหยียนโจวกลับมาด้วย เธอไม่ได้บอกเราล่วงหน้า พวกเราเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เลยมีแค่อาหารทำเองที่บ้าน ไม่รู้ว่าเหยียนโจวจะทานได้หรือเปล่า? ”เหวินเหยียนโจวลุกขึ้นยืน เหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อโหลว และกระซิบเบา ๆ “เป็นผมที่ไม่ได้บอกเย่ว่เยว่ล่วงหน้าว่าผมจะอยู่ต่อ เธอถึงไม่ได้บอกกับทุกคน ไม่โทษเธอหรอกครับ”แม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น แม่โหลวไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอแสร้งดุออกไป “เหยียนโจว เธอก็อย่าให้ท้ายเยว่เยว่มากเกินไปสิ”แต่หลังจากที่พูดจบ เขาก็ปกป้องเธอ “แต่เยว่เยว่ของเราเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด ต่อให้ตามใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”มุมปากของโหลวฉางเยว่โค้งงอขึ้นทุกคนมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน แม่โหลวตักซุปเสิร์ฟให้เหวินเหยียนโจวก่อน จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบผักใส่ในชามของเขา“เหยียนโจว ลองซุปปลาหน่อไม้เหลืองฤดูหนาวดูสิ หน่อไม้นั่นปลูกเองเชียวนะ ปลาก็เป็นของเพื่อนบ้านที่ไปจับมาจากทะเล”“แล้วก็ยังมีหมูเปรี้ยวหวานสั
จนถึงตอนนี้โหลวฉางเยว่ก็ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับเขาอย่างถ่องแท้ เธอเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดผู้ชายน่ะนะ ไม่ได้ “ไร้เดียงสา” ขนาดนั้น โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเหวินเหยียนโจว ผู้หญิงสนใจเขาหรือเปล่า เขาก็สามารถมองออกได้ง่าย ๆเหวินเหยียนโจวรู้อยู่แล้วว่าไป๋โหยวชอบเขา แล้วเขาก็ยังตกลงที่จะให้เธอมาอยู่เคียงข้างเขาอีก นั่นก็เป็นเหมือนคำตอบรับโดยปริยายว่าเขายอมรับความรู้สึกของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง?พอมาคิดรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าปีที่แล้ว ก็มีความคิดเห็นที่เกี่ยวกับเธอขึ้นมา เขาเย็นชาใส่เธอตลอด ดังนั้นที่เขาเก็บไป๋โหยวไว้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าอยากจะทำให้เธอโกรธ แต่วางแผนที่จะทำให้ “เปลี่ยนใจ” ด้วยสินะ?โหลวฉางเยว่พูดด้วยความรำคาญ “แม่ของคุณชอบไป๋โหยวมากเลยเหรอคะ? เธอยังอยากให้คุณแต่งงานกับไป๋โหยวด้วยใช่ไหม? เนี่ยเหลียนอี้เคยบอกฉันว่าท่านประธานใหญ่เหวินยอมรับไป๋โหยวแล้วด้วย แต่เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ปฏิเสธกะทันหัน เป็นเพราะว่าท่านประธานใหญ่เหวินรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับแม่ของคุณรึเปล่าคะ? ”แม้ว่าโหลวฉางเยว่จะไม่ค่อยรู้เรื่องคร
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่พ่อโหลวก็ยังไม่กลับมา พี่เลี้ยงจึงออกไปตามหาเขาเดิมทีโหลวฉางเยว่ต้องการช่วยแม่โหลววางจานและตะเกียบ แต่แม่โหลวก็ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเหวินเหยียนโจว เพราะเธอกลัวว่าลูกเขยคนจะอึดอัดถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียว......จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ต่อให้ฟ้าจะถล่ม ประธานเหวินก็ยังคงมั่นคงไม่ขยับเขยื้อนอยู่ดีแต่ยังไงโหลวฉางเยว่ยังคงเดินไปหาเขาเหวินเหยียนโจวอยู่บนโซฟาสำหรับสองคน เดิมทีเธอต้องการนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ แต่ประธานเหวินดึงเธอเข้ามานั่งกับเขาเขากระซิบข้างหูเธอ “คุณพูดอะไรกับแม่ของคุณบ้าง? ”หูของโหลวฉางเยว่ไวต่อความรู้สึกมาก เธอก็กระตุกตัวหลบอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ได้พูดอะไรหนิคะ”“ไม่พูดงั้นเหรอ แล้ววทำไมท่าทีที่เธอมีต่อผมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ” เหวินเหยียนโจวบีบนิ้วของเธอ “คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ? เมื่อกี้เธอไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ แล้วผมมีอะไรที่ทำให้แม่ยายไม่พอใจเหรอ? ”ความมั่นใจของประธานเหวินก็มาจากสภาพที่เหนือกว่าของเขา แต่ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ขายลูกกิน สิ่งแรกที่พวกเขาจะพิจารณาเมื่อลูกจะแต่งงานก็คืออุปนิสัยของอีกฝ่ายการแสดงออกของโหลวฉางเยว่ยังคง
แม่โหลวไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเหวินเหยียนโจวจะตอบด้วยท่าทีนอบน้อม แต่เธอก็มองออก ด้วยลักษณะท่าทางและนิสัยของเหวินเหยียนโจว คงไม่ใช่แค่มี “เงินเล็กน้อย” ถึงสามารถเลี้ยงเขามาได้แน่ ๆ “งั้นก็ดีมาก ดีแล้วล่ะ พวกลูกคบกันมาสามปี สิ่งที่ควรจะเรียนรู้ก็น่าจะเรียนรู้กันมาหมดแล้ว แม่เองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถามอีกแล้วล่ะ”เหวินเหยียนโจวไม่ชอบพูดอ้อมค้อม จู่ ๆ เขาก็จับมือโหลวฉางเยว่ “เมื่อกี้ผมเพิ่งขอเยว่เยว่แต่งงานครับ และเธอก็ตอบตกลงแล้วด้วย”โหลวฉางเยว่มองไปที่แม่ของโหลวโดยไม่รู้ตัวใบหน้าของแม่โหลวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ได้มีความสุขมากนัก เธอฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะเร่งรีบขนาดนี้ได้ยังไง พวกเรายังไม่ได้รู้จักเธอมากขนาดนั้นเลย เราเองก็ไม่เคยพบพ่อแม่ของเธอด้วย อย่างน้อยก็ควรจะหาเวลา ให้พวกเราทั้งสองตระกูลได้พูดคุยกันและปรึกษาหารือกันหน่อย”เหวินเหยียนโจวหยิบถ้วยชาขึ้นมา แต่เขาแค่เอามันมาใกล้จมูกแล้วดมกลิ่น เขาไม่ได้ดื่มมัน จากนั้นก็วางมันกลับไปที่เดิม สีหน้าเขาดูไม่ใส่ใจโหลวฉางเยว่รู้จักเขาดี เขารู้สึกว่าชาราคาถูกเกินไป เกินกว่าที่เขาจะเอาเข้าปากได้ และคำพูดเหล่า
ระยะทางจากห้างสรรพสินค้าถึงบ้าน ก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที โหลวฉางเยว่ก็ครุ่นคิดว่าจะพูดอะไรดีอยู่ในใจ จะบอกพ่อโหลวแม่โหลวยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงาน?จะให้อธิบายยังไง ว่าลูกสาวของพวกเขา ตอนเพิ่งออกจากบ้านก็เป็นแค่คนโสด แต่ผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง กลับบ้านมาก็กลายเป็นคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างงั้นเหรอ?เธอคิดไม่ตกเลยจริง ๆ เลยได้แต่พาเหวินเหยียนโจวเดินไปรอบ ๆ ตรอกเท่านั้น จนกระทั่งประธานเหวินเริ่มหมดความอดทน เขาคว้าหลังคอของเธอแล้วลากกลับบ้าน“ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า ‘แม้ลูกสะใภ้จะขี้เหร่ แต่ก็จำเป็นจะต้องเจอหน้าพ่อแม่สามีอยู่ดี’ ผมคงไม่ได้ไร้ความสามารถถึงขั้นทำให้คุณอายจนไม่กล้าพาผมไปเจอหน้าพวกท่านหรอกมั้ง? ”โหลวฉางเยว่คิดว่าเขามีความสามารถมากเกินไปต่างหาก เธอถึงไม่รู้ว่าจะบอกพ่อแม่ของเธอยังไงดีคิ้วของเหวินเหยียนโจวขยายออก และยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเขาก็พูดด้วยหางเสียงว่า “หืม” โหลวฉางเยว่ทำได้แค่กัดฟัน แล้วพาเขาเข้าไปพ่อโหลวออกไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมาแม่โหลวเพิ่งเห็นว่าเธอพาเพื่อนกลับบ้านมาด้วย แถมยังเป็นเพื่อนผู้ชายอีกต่างหาก รู้สึกประหลาดใจและตกใจม
ผนังซีเมนต์สีเทาที่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ทำให้รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองอยู่ โหลวฉางเยว่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอย่างอื่น “......ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะคะ คุณเลิกคิดเองเออเองได้แล้วค่ะ”เหวินเหยียนโจวก็ยังคงจัดการวางแผนเองอยู่ “ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าบ้านจริง ๆ คงดูไม่ดีถ้าเข้าไปมือเปล่า คุณช่วยพาผมไปที่ห้างสรรพสินค้าในตำบลของคุณหน่อยสิ แล้วคุณก็ช่วยเลือกของขวัญที่เหมาะกับพ่อแม่ของคุณด้วย”“......”“เด็กดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับพ่อแม่คุณ คุณต้องช่วยผมด้วยนะ”“......”โหลวฉางเยว่ลูบแหวน เธอไม่รู้ว่าเธอตัวชาเพราะการที่เขาเรียกเธอว่าเด็กดี หรือเป็นเพราะสับสนกับท่าทางที่เขายอมก้มหัวให้กันแน่ เธอค่อนข้างสับสนอย่างมาก แต่เธอก็ยังพาเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าอยู่ดีโชคดีที่ชุมชนนี้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เลยยังพอจะมีห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ระดับไฮเอนด์อยู่บ้างแต่ก่อนที่จะเข้าประตู เหวินเหยียนโจวก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง เขามองไปที่ชื่อผู้โทร ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับเธอเมื่อกี้โหลวฉางเยว่มองไปที
ทันทีที่คำพูดจบลงไม่ถึงวินาที เหวินเหยียนโจวก็ก้มศีรษะลงและจูบเธออย่างเร่าร้อนต่อให้มีการแย่งชิง การปล้นชิงทรัพย์ในเวลากลางวันแสก ๆ หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น เขาจับหลังศีรษะของเธอและใช้ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเธอ โหลวฉางเยว่กลัวว่าจะถูกคนรู้จักเห็นเข้า เธอจึงได้แต่จับชุดสูทของเขาไว้แน่น “เหวิน เหวินเหยียนโจว...... ”เหวินเหยียนโจวค่อนข้างเฉยเมยกับเรื่องพวกนั้น เขาจูบเธอสักพักก่อนที่จะปล่อยริมฝีปากของเธอ เขาหอบเบา ๆ ต่อหน้าเธอ ทั้งเซ็กซี่และเย้ายวน “ไม่ใช่แค่การลอง แต่เป็นการตัดสินใจแล้ว เราจะคบกัน”เขาจับมือของโหลวฉางเยว่ขึ้นมา โดยไม่ให้โอกาสโหลวฉางเยว่ได้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็สวมแหวนไว้บนนิ้วนางของเธอม่านตาของโหลวฉางเยว่หดตัวลง!เสียงของเหวินเหยียนโจวแหบแห้ง “เด็กดี ตอนนี้สำนักงานกิจการพลเรือนก็หยุดกันหมดแล้ว รอถึงเดือนหน้าวันที่เก้า ในเวลาราชการ เราค่อยไปจดทะเบียนกันนะ”อะ อะไรนะ?ว่ายังไงนะ ! ?เดี๋ยวนะ!พอโหลวฉางเยว่รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ประสาทของเธอก็แทบจะระเบิด!เธอปิดปากเหวินเหยียนโจวอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดไม่ให้เขาพูดเ
เช้าวันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือตีสี่ตีห้าเธอเพิ่งจะหลับตาลงได้ แต่ยังไม่ทันจะได้นอน เธอง่วงจนแทบจะทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก เมื่อเธอเห็นว่าผู้โทรคือเหวินเหยียนโจว อาการง่วงนอนของเธอก็แทบจะถูกขับออกไปในทันทีเธอลุกขึ้นนั่ง มองดูซองจดหมายสีเหลืองอ่อนบนโต๊ะข้างเตียง พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองหลังจากถอนหายใจและระงับอารมณ์ได้แล้ว เธอก็รับสาย “ฮัลโหล”เสียงเย็นชาของเหวินเหยียนโจว ก็ได้ลอยผ่านเคลื่อนโทรศัพท์ ส่งตรงไปถึงหูของเธอ และยังคงสามารถทำให้เธอขนลุกได้โดยไม่ทันตั้งตัว“คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”“......นอนค่ะ”“คุณนอนที่ไหน? ” น้ำเสียงของชายคนนั้นเข้มขึ้นทันที “ผมอยู่ในห้องของคุณ แต่ก็ไม่เห็นคุณ คุณไปนอนที่ไหนเหรอ? ”สถานการณ์ของเขาตอนนี้เหมือนกำลังจับคนทำผิด......โหลวฉางเยว่ตกตะลึง “คุณอยู่ในห้องของฉันเหรอคะ? คุณไปหาฉันที่ซีเฉิงเหรอคะ? ”“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานคุณทำงานเป็นวันสุดท้ายหรอกเหรอ? ผมเลยมารับคุณกลับเซินเฉิง” เหวินเหยียนโจวถามต่อว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่
รักข้างเดียว......ลมพัดโดนผิวของโหลวฉางเยว่จนเกิดเป็นชั้นอนุภาคเล็ก ๆ เธอยังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่เลย แต่จะให้เธอตรวจสอบยังไงกันล่ะว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่?โหลวฉางเยว่จำได้อีกว่า ในวันที่เธอเลี้ยงข้าวเขาที่ร้านอาหารส่วนตัว เขายังเคยถามเธอเกี่ยวกับลิ้นชักจดหมายรักอีกด้วยตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขนาดนั้นด้วย พอลองมองดูตอนนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าปีนั้นเอง เขาก็เขียนจดหมายรักให้เธอด้วยหรอกนะ?จู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็ลุกขึ้นยืน ตาของเธอเป็นก็ประกาย จดหมายรักพวกนั้นเธอน่าจะยังเก็บไว้ที่บ้าน บ้านที่ตำบลเฟิงเสียน เธอโทรหาหลี่ซิงรั่วทันที“ซิงรั่ว เธอออกเดินทางรึยัง? ”“กำลังจะออกเดินทางแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”“ฉันอยากกลับเซินเฉิงกับเธอด้วย สะดวกไหม? ”หลี่ซิงรั่วหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สะดวกสิ เธอยังอยู่ที่ประตูร้านอาหารเดิมรึเปล่า? ฉันจะไปรับเธอ”ในไม่ช้า รถของหลี่ซิงรั่วก็ขับมาถึง โหลวฉางเยว่ก็เปิดประตูและเข้าไปจากนั้นหลี่ชิงรั่วจึงถามว่า “เป็นเพราะประธานเหวินหรือเปล่า? ”หัวใจของโหลวฉางเยว่เต้นเร็วขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ เธอรีบร้อ