พี่มารีเดินมาหยุดตรงข้าง ๆ กับเตียงที่ฉันนอนอยู่ก่อนจะค่อย ๆ ยิ้มให้ฉัน ส่วนพี่สิงห์ก็แยกตัวไปนั่งตรงโซฟา “งั้นพี่กลับก่อนนะพริ้ง พรุ่งนี้เดี๋ยวพี่มาเยี่ยมใหม่” พี่ม่อนยกมือขึ้นมาลูบหัวฉันเบา ๆ แล้วเดินออกไปจากห้องโดยที่ไม่ได้เอ่ยทักทายอะไรกับพี่สิงห์เลยแม้แต่คำเดียว “พะ พริ้ง พริ้งขอโทษ... อึก” ยิ่งเห็นรอยยิ้มของพี่สาวตัวเองมันยิ่งตอกย้ำความผิดของฉัน“ร้องทำไมที่ฉันมาฉันไม่ได้อยากมานั่งดูแกร้องไห้หรอกนะ”“พี่มารีไม่โกรธพริ้งเหรอคะ พริ้งมันเลว พริ้งเป็นน้องสาวที่ อึก...”“โกรธสิ โกรธมาก”“อึก...” น้ำตาแห่งความเสียใจมันไหลออกมาไม่ยอมหยุด“โกรธที่แกไม่เคยบอกอะไรฉันเลย”“...”“ฉันท้องมันคือความจริง แต่ลูกในท้องของฉัน ฉันรู้ดีว่าไม่ใช่ลูกของเขา” พี่มารีหันไปมองพี่สิงห์ที่นั่งอยู่บนโซฟา ท่าทางของเขาเหมือนไม่ได้สนใจเรื่องที่เราสองพี่น้องคุยกันสักเท่าไหร่“ฉันเคยรักเขา แแลทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้เขาสนใจ แต่ก็นะ เขาไม่เคยสนใจฉันเลย... หึ เย็นชาชะมัด”“ฉันอิจฉาแกนะพริ้ง แต่ฉันเป็นพี่สาวหนิเนาะอีกอย่างเราก็มีกันแค่สองพี่น้อง ในเมื่อเขาไม่เลือกฉันตั้งแต่แรก นั่นมันก็ชัดเจนที่สุดแล้ว”ฉันได้แต่ฟ
ฉันเลือกที่จะเงียบไม่พูดอะไรกับพี่สิงห์ต่อ บางทีมันคงไม่ใช่ของพี่สิงห์ จริง ๆ ก็ได้พี่สิงห์นั่งอยู่ข้าง ๆ เตียงอยู่อย่างนั้นแล้วก็มองหน้าฉันเป็นระยะ ๆ ในมือของพี่สิงห์ถือโทรศัพท์อยู่แต่เขาไม่ได้สนใจโทรศัพท์สักเท่าไหร่“เมื่อไหร่จะกลับคะ?” ฉันถามพี่สิงห์อีกครั้ง“เธอออกจากโรงพยาบาล”“ไม่ต้องมาเฝ้าหรอกค่ะเดี๋ยวเพื่อนพริ้งก็มา พี่สิงห์กลับไปเถอะมันไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องมาเฝ้า...”“จำเป็นสิ ใครบอกเธอว่าไม่จำเป็น?” พี่สิงห์เลิกคิ้วขึ้นถาม“จำเป็นตรงไหน เราไม่ได้เกี่ยวข้องกันสักหน่อย”“...” พอฉันถามแบบนี้ออกไปพี่สิงห์ก็เงียบจากนั้นเขาก็พ่นลมหายใจออกมา“ดีกัน...”“คะ? วะ ว่าไงนะ”ฉันตาโตขึ้นมาทันที ไม่แน่ใจว่าหูฝาดไปหรือเปล่าเหมือนฉันได้ยินพี่สิงห์พูดว่า ‘ดีกัน’ แต่เขาพูดเสียงเบามาก ๆแกร็ก!!พี่สิงห์กำลังจะพูดแต่ประตูห้องดันเปิดเข้ามาซะก่อน เป็นนางพยาบาลที่เข็นรถมาส่งอาหารให้ ข้าวต้มอีกแล้วฉันไม่อยากกินเลย อยากกินกะเพราหมูสับมากกว่า“ทานให้หมดนะคะ ^_^” พยาบาลยิ้มให้ฉันก่อนจะเข็นรถใส่อาหารเดินออกไปเอาให้ผู้ป่วยห้องอื่นต่อ“อื้อ !! เอาช้อนมานะ” ฉันตาขวางใส่พี่สิงห์เพราะ จู่ ๆ เขาก็ดึงช
2 วันผ่านไป... อาการป่วยของฉันดีขึ้นเรื่อย ๆ จนหมออนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว พี่สิงห์ยังคงเฝ้าฉันอยู่ทุกวันถึงแม้ว่าฉันจะไล่ยังไงเขาก็ไม่ยอมกลับแถมบางครั้งที่ฉันไล่ยังทำเป็นหูทวนลมอีกด้วยไม่รู้ว่าสายธารกับพี่สิงห์ไปแอบญาติดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันดูท่าทางของสายธารมันยอมให้พี่สิงห์เฝ้าฉันโดยไม่ขัดอะไรเลยสักคำ ดูจะเปิดทางให้พี่สิงห์ทั้งที่ก่อนหน้านี้มันไม่ใช่แบบนี้สิพี่มารีมาเยี่ยมฉันทุกวันแต่ก็อยู่ได้ไม่นานเพราะต้องรีบไปจัดการเรื่องงานแต่ง ฉันพยายามเคล้นถามว่าจะแต่งกับใครก็ไม่ยอมบอกสักทีสองวันที่ผ่านมาพี่สิงห์เป็นคนคุมให้ฉันกินยา แถมยังบอกให้หมอเปลี่ยนยาตัวแรกที่เอาให้ฉันกินเป็นอีกตัวด้วยนะ ตอนแรกหมอไม่ยอมแต่พี่สิงห์เถียงหมอจนชนะ ทำราวกับตัวเองเป็นหมอซะเองงั้นแหละ“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ เดี๋ยวไปส่ง”“ไม่เป็นไรค่ะพริ้งรอสายธารมารับดีกว่า” ฉันนั่งนิ่งไม่ยอมเปลี่ยนชุดของโรงพยาบาลออก“กว่าเพื่อนเธอจะมาคงอีกนาน”“พริ้งรอได้ค่ะ”พี่สิงห์พ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ จากนั้นก็เดินมาหาฉันที่เตียง ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรพี่สิงห์สอดแขนเข้าไปใต้ร่างของฉันแล้วอุ้มฉันขึ้นจนตัวลอย ฉันผงะโผล่กอดคอของพี่สิง
“ทำไมพูดแบบนี้คะสิงห์ ทำไมพิมพ์ถึงไม่มีสิทธิ์ !!”“แล้วทำไมเธอถึงคิดว่าเธอมีสิทธิ์ !!” พี่สิงห์จับเธอหันหน้าไปหาตัวเขาเองพร้อมกับจ้องตาเขม่ง สายตาคู่นั้นหลุบขึ้นมามองฉันแวบหนึ่งก่อนจะมองแฟนเก่าของตัวเองต่อจะใช่แฟนเก่างั้นเหรอ ความสัมพันธ์คลุมเครือแบบนี้ ผู้ชายอย่างพี่สิงห์เชื่อไม่ได้จริง ๆ ดีแล้วที่ฉันไม่ใจอ่อนให้กับเขา“กะ ก็เรารักกัน เรากำลังจะกลับมาคบกันไม่ใช่เหรอสิงห์” เสียงปนสะอื้นของผู้หญิงคนนั้นเอ่ยขึ้น“ฉันพูดแบบนั้นงั้นเหรอ?”“สะ สิงห์...”“อย่ามายุ่งกับผู้หญิงของฉันอีก”“ต่อหน้ามันสิงห์ก็พูดแบบนี้ ทำไมไม่พูดเหมือนตอนที่เราอยู่ด้วยกันสองคนล่ะคะ !!” เธอเริ่มโวยวายขึ้นมาอีกครั้ง อะไรกันเมื่อกี๊ยังร้องไห้อยู่เลยนะ“พูดบ้าอะไรวะพิมพ์ อย่าสร้างเรื่อง !!”“กลัวมันเข้าใจผิดมากใช่ไหม อีเด็กนี่มันมีอะไรดี !!”“ไม่มั่วเหมือนเธอไง” พี่สิงห์ตอบหน้าตาย ถ้าฉันเป็นผู้หญิงคนนั้นคงจะหน้าชาไปแล้ว“เคลียร์กันไปนะคะ พริ้งขอตัว”ฉันตัดสินใจพูดตัดบทสนทนาของทั้งสองคนก่อนจะเดินไปที่ประตูห้อง แฟนเก่าของพี่สิงห์ทำท่าจะพุ่งเข้ามาทำร้ายฉันอีกครั้งแต่พี่สิงห์ล็อกเธอเอาไว้“ถ้าครั้งนี้เธอตบฉัน ฉันก็จะตบเ
ฉันโดนพี่สิงห์ดึงตัวกลับเข้ามาในห้อง ส่วนผู้หญิงคนนั้นที่เป็นแฟนเก่าของพี่สิงห์เธอตามมาไม่ทันเพราะพี่สิงห์รีบปิดประตูหนีเธอซะก่อน ตอนนี้เธอเอาแต่แหกปากเรียกพี่สิงห์แล้วก็เคาะห้องฉันรัว ๆ อยู่ด้านนอก“ดูสิ” มือหนายกขึ้นมาจับหน้าของฉันให้หันไปมองหน้าตัวเองก่อนจะลูบแก้มของฉันข้างที่โดนตบเบา ๆ ตอนนี้ฉันกำลังนั่งอยู่บนเตียงส่วนพี่สิงห์ยืนอยู่แล้วโน้มตัวลงมาหาฉันฉันดันพี่สิงห์ออกพร้อมกับปัดมือของเขาแล้วเบือนหน้าหนี “ออกไปเคลียร์กันเถอะพริ้งรำคาญ”ฉันรำคาญจริง ๆ นะ เสียงผู้หญิงคนนั้นเคาะห้องดังมาก ๆ นี่ห้องอื่นเขาคงสาปแช่งห้องฉันกันใหญ่แล้ว“ไม่เปิดประตูเดี๋ยวพิมพ์ก็ไปเองนั่นแหละ” พี่สิงห์ยกมือมาประคองหน้าของฉันให้หันไปมองเขาอีกครั้ง“เจ็บมากไหม”“ไม่ค่ะ !!”“ขอโทษ...” พี่สิงห์พูดออกมาเบา ๆเขาปล่อยใบหน้าของฉันให้เป็นอิสระก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ กับฉัน ไม่แค่นั้นพี่สิงห์ยังคว้ามือมาอุ้มร่างฉันขึ้นจนตัวลอยก่อนจะวางฉันลงบนตักของตัวเองอีกต่างห่าง พอฉันเริ่มดิ้นพี่สิงห์ก็กอดรัดเอวฉันไว้แน่น“เป็นบ้าเหรอคะ” ฉันหันหน้าไปถามพี่สิงห์แล้วมองเขาด้วยสายตาที่ไม่พอใจเอามาก ๆ“ยังไม่หายดีดิ้นแรงแบบนี้เ
ฉันตัดสินใจไปเคาะห้องของสายธารเพื่อขออยู่ด้วยสักพัก เพราะไม่อยากจะเจอหน้าของพี่สิงห์ไม่รู้หรอกว่าเขาออกไปไหน แต่เชื่อเถอะว่าเขาต้องกลับมาที่ห้องของฉันแน่ ๆ ถึงรู้ว่าหนีไม่พ้นก็เถอะสายธารเปิดประตูห้องให้ฉันเข้าไปด้านใน เมื่อก้าวขาเข้าไปในห้องแล้วสายตาของฉันก็เริ่มสำรวจหาผู้ชายคนนั้นที่ฉันเห็นเมื่อช่วงเช้าทันที“นะ นี่แก คือฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเขานะ คือเขาน่ะแค่มาให้ฉันทำแผลให้ แบบว่านอนค้างบางครั้ง แต่ แต่เราไม่ได้มีอะไรกันจริง ๆ นะ ชื่อของเขาฉันยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ จริง ๆ นะ !!” ยังไม่ทันที่ฉันจะถามอะไรกับสายธารมันก็ชิงพูดบอกฉันซะก่อน แถมยังทำท่าทางแปลก ๆ อีก“แบบนั้นเหรอ?”“อื้อ จริง ๆ”“ฉันยังไม่ได้ถามแกเลยนะ”“ฉันก็บอกแกไว้ก่อนไง เดี๋ยวแกจะคิดว่าฉันมีผัวแล้ว” สายธารเดินไปนั่งบนโซฟาพลางหยิบรีโมทขึ้นมากดเปิดทีวี“แล้วตอนนี้เขากลับไปแล้วเหรอ” ฉันถาม เพราะไม่เห็นว่าผู้ชายคนนั้นจะอยู่ในห้องเลย“อื้อ กลับแล้ว”“ระวังตัวไว้ก็ดีนะแก ฉันว่าเขาน่ะแปลก ๆ คนปกติที่ไหนจะเป็นแบบนี้” ฉันเตือนเพื่อนด้วยความหวังดี ยังจำใบหน้าของผู้ชายคนนั้นได้อยู่เลย เขาไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่อะไร ออกจะหล่อมากซะด้วย
พี่สิงห์เอื้อมมือมาจับมือฉันโดยที่ฉันไม่สามารถหนีหรือปัดมือเขาออกได้เลย คนอะไรก็ไม่รู้แรงเยอะเป็นบ้า“กลับห้อง” พี่สิงห์ไม่ได้ทำหน้าดุฉันนะ แต่เหมือนจะงอน ๆ มากกว่า“กลับเถอะแกมันดึกแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปเรียนอีกนะ” ดูเอาสิ สายธารกับพี่สิงห์เดี๋ยวนี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย“ก็ได้ !!”ฉันลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูห้องโดยมีพี่สิงห์ที่เดินตามหลังมาติด ๆพอฉันเปิดประตูเข้าไปในห้องของตัวเองพี่สิงห์ก็รีบแทรกตัวเข้ามาข้างในอย่างรวดเร็ว เหมือนเขารู้ทันว่าฉันจะรีบปิดประตูไม่ให้เขาเข้ามา“กินข้าวต้ม”“ไม่หิว”“ไม่หิวก็ต้องกิน เธอต้องกินยาด้วยนะ”ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเดินไปหยิบชามข้าวต้มอุ่นในไมโครเวฟ ต้องกินยาด้วยยังไงฉันก็ต้องกินข้าวก่อนอยู่ดี“ทำอะไรคะ !!” ฉันรีบหันหน้าไปทางอื่น ก็พี่สิงห์น่ะสิ จู่ ๆ ก็ถอนเสื้อผ้าออกต่อหน้าต่อตาฉัน ไม่ใช่ไม่เคยเห็นนะ แต่ใครจะไปชินกันล่ะอีกอย่างฉันก็ไม่ได้อยากจะเห็นสักหน่อย“จะอาบน้ำ” พี่สิงห์ตอบสั้น ๆ แต่ทำไมเสียงเขาถึงอยู่ใกล้ฉันจังฉันกลั้นใจหันกลับไปมองพี่สิงห์อีกครั้ง แต่!!! ใครจะไปคิดว่าหันกลับไปแล้วจะพบว่าใบหน้าของเราทั้งคู่มันใกล้กันแค่คืบเดียว พอเห
“ตอนนี้เธอหวั่นไหวกับฉันหรือเปล่า?” พี่สิงห์เลิกคิ้วขึ้นเชิงถาม“...” ฉันไม่ได้ตอบอะไรไปแต่หัวใจมันกลับเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ยิ่งได้มองสายตาของเขาแล้วละก็มันทำให้ฉันแทบบ้าพี่สิงห์ใช้เรียวนิ้วลากไล้ไปมาวนตรงแก้มเนียนของฉัน ก่อนที่เรียวนิ้วจะค่อย ๆ เลื่อนลงต่ำมาถึงเนินหน้าอกของฉันช้า ๆ“อ่ะ ~” ฉันเผลออุทานออกมาเมื่อนิ้วของพี่สิงห์มันจี้กดลงไปบนเม็ตไตบนเนินหน้าอกของฉัน ถึงแม้จะมีเสื้อผ้าปิดกั้นอยู่แต่มันก็ทำให้ฉันรู้สึกขนลุกซู่ แถมยังร้อนวูบวาบไปทั้งตัว“แต่ใจเธอเต้นแรงนะ” ไม่พูดเปล่า จู่ ๆ ใบหน้าของพี่สิงห์ก็ก้มลงมาตรงเนินหน้าอกของฉัน ฉันได้แต่นอนตัวแข็งทื่อราวกับโดนมนต์สะกดพี่สิงห์เอาหูมาแนบชิดกับเนินหน้าอกของฉันแล้วก็ค้างเอาไว้อยู่อย่างนั้น บรรยากาศภายในห้องมันเงียบสงัด เงียบซะจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศที่มันกำลังทำงานอยู่“อะ ออกไปนะคะ” พอตั้งสติได้ฉันก็เอามือผลักพี่สิงห์ออก“จุ๊ ๆ” พี่สิงห์เงยหน้าขึ้นเขาเอานิ้วชี้มาปิดปากของฉันเอาไว้และทำเสียงไม่ให้ฉันพูด ก่อนจะพูดต่ออีกว่า “ฉันกำลังฟังเสียงหัวใจของคนปากแข็งอยู่”พูดจบพี่สิงห์ก็เอาหูแนบลงไปกับอกข้างซ้ายของฉันเหมือนเดิมยิ่งทำแบบ
— Talk Singhaหึ!! คิดว่าผมไม่รู้หรือไงว่าเมียตัวเองแอบหนีไปเที่ยว เธอคงไม่รู้ว่าผมให้ลูกน้องคอยตามดูเธอเอาไว้ ว่าแล้ว ไล่ผมมาจัง กลับไปเจอดีแน่ ๆที่เธอไม่กล้าบอกผมก็เพราะรู้ว่าบอกผมยังไงผมก็ไม่ให้ไป ผมหวง ถ้าจะไปผมต้องไปด้วย ดูท่าเพื่อนของเธอคงจะเป็นต้นคิดแน่ ๆโชคดีที่งานอีกงานที่ผมต้องไปพรุ่งนี้ถูกยกเลิก ผมเลยคิดว่าจะบินกลับไทยไปตอนนี้เลยจริง ๆ ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรมากมาย ผมแค่ไม่ชอบให้พริ้งไปเที่ยว เพราะเวลาเธอเมามันเหมือนคนอื่นเขาซะที่ไหนกันล่ะ แต่วันนี้ลูกน้องผมบอกว่าเธอดื่มน้ำเปล่า ค่อยโล่งใจหน่อย ถ้าผมรู้ว่าเธอดื่มเหล้าคงจะหัวเสียมากกว่านี้หลังจากที่ผมแน่ใจว่าเมียผมหลับไปแล้ว ผมก็กดวางสายก่อนจะนั่งรถไปขึ้นเครื่องกลับไทยจริง ๆ ผมไม่ชอบมางานสังคมแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่เพราะพ่อเป็นคนขอให้ผมมา จะเอาเมียมาด้วยก็ไม่ยอมมา คงเพราะมีแผน อุตส่าห์ซื้อของขวัญไว้ให้ เตรียมจะเซอร์ไพรส์ รู้แบบนี้มันน่าให้ไหมวะ เมียผมแม่งดื้อ !!!#ประเทศไทยมาถึงผมก็สั่งให้ลูกน้องเอาของที่ผมจะให้เมียมาที่คอนโด เป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้หวือหวาอะไรมาก เมื่อคุยกับลูกน้องเสร็จผมก็รีบเดินขึ้นไปที่ห้อง รอเวลาเ
หนีเที่ยว พรุ่งนี้พี่สิงห์จะต้องไปดูงานที่ต่างประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าฉันไปด้วยไม่ได้เพราะต้องเรียน วันนี้เขาก็เลยจะงอแงเป็นพิเศษ แถมจะเอาฉันไปด้วยให้ได้เลย “ไปแค่สองวันเอง ไม่ได้รึไง?” พี่สิงห์ยกหัวขึ้นมานอนบนหน้าตักของฉันแล้วทำหน้าอ้อน ตอนนี้เราอยู่กันในห้อง พี่สิงห์เพิ่งจะไปรับฉันกลับมาจากมหาวิทยาลัย “ก็นั่นสิคะ แค่สองวันเองนะ” ฉันย้อนคำพูดของพี่สิงห์ทันที“เดี๋ยวนี้รู้จักเถียง” พี่สิงห์มองฉันตาดุ ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาหยิกแก้มของฉัน “อื้อ พี่สิงห์ ก็พริ้งบอกว่าพริ้งมีเรียนไง” ฉันจับมือพี่สิงห์ออกจากแก้มแล้วก็อธิบายเหตุผลเดิม ๆ ที่ฉันพูดไปเป็นร้อยครั้งแล้ว ให้พี่สิงห์ฟัง “ไม่อยากห่างเธอ” พี่สิงห์พูดเสียงจริงจัง“เราก็วิดีโอคอลคุยกันไงคะ ^_^”“มันเหมือนกันไหมล่ะ คอลคุยแล้วฉันได้กอดเธอไหมล่ะ” นั่นไง งอแงอีกแล้ว คนแก่นี่จริง ๆ เลยนะ “ยังไงก็ไปไม่ได้ค่ะ พี่สิงห์เข้าใจพริ้งหน่อย”“เธอใจร้ายชะมัด”“แล้วนี่เก็บกระเป๋ายังคะ?”“นี่อยากให้ฉันไปมากว่างั้น เธอมีพิรุธ !!” พูดจบพี่สิงห์ก็ลุกขึ้นมองหน้าฉันอย่างเอาเรื่อง เขามองฉันด้วยสายตาที่กำลังจ้องจะจับผิดฉันอยู่“เปล่า พริ้งแค่จะเก็บกระเป๋าให้ไ
ทะเล...ที่พี่สิงห์บอกว่าจะพาฉันมาเที่ยวทะเลน่ะ ตอนแรกฉันคิดว่าทะเลที่ไทย แต่ที่ไหนได้เขาพาฉันไปเที่ยวทะเลที่ต่างประเทศ ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวของคุณพ่อพี่สิงห์มา และแน่นอนว่ารวยระดับพี่สิงห์ต้องเป็นเกาะส่วนตัวนี่เดี๋ยวกลับไปจากเที่ยวก็ต้องไปงานแต่งของพี่มารีต่อด้วย เรามากันแค่สองวันหนึ่งคืนเท่านั้น เพราะมีเวลาแค่นี้จริง ๆ “ไปใส่ชุดนี้หน่อย”ในขณะที่ฉันกำลังนั่งมองบรรยากาศยามเช้าที่ชิงช้าริมหาดพี่สิงห์ก็ยื่นถุงอะไรบางอย่างมาให้ฉัน แถมเขายังทำหน้าอ้อนฉันอีกด้วย “อะไรคะ?” ฉันรับถุงมาจากพี่สิงห์ก่อนจะปิดดูข้างใน เมื่อเห็นว่าของข้างในนั้นมันมีสีแดงสดฉันก็รีบปิดถุงทันที มันคือบิกินี่ที่พี่สิงห์ซื้อให้ฉัน “บะ บ้า ก็พริ้งบอกว่าไม่ใส่ไง”พี่สิงห์นี่จริง ๆ เลยนะ ฉันอุตส่าห์ตั้งใจแล้วแท้ ๆ ที่จะไม่หยิบบิกินี่มา ไม่รู้ว่าพี่สิงห์แอบเอาใส่กระเป๋ามาด้วยตั้งแต่เท่าไหร่ “อุตส่าห์ซื้อมาตั้งแพง” พี่สิงห์บ่น แต่ฉันไม่ได้บอกให้เขาซื้อให้เลยนะ พี่สิงห์น่ะอยากจะซื้อเองต่างหาก “ก็พริ้งบอกแล้วว่าไม่ต้องซื้อ”“ก็อยากให้เมียใส่ ที่นี่มีแค่ผัวเธอนะ เธอจะอายทำไม”“ก็พริ้งอายนี่นา...” ฉันทำหน้ามุ่ยตอบพี่สิงห์
เชื่อไหมคะถ้าฉันจะบอกว่าตอนนี้ฉันถูกพี่สิงห์ลากตัวมาที่ห้างสรรพสินค้า เพื่อที่จะมาเลือกซื้อชุดบิกินี่ตามที่เขาได้พูดเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่อยากจะใส่มันเลยสักนิด“พี่สิงห์ไม่เอา พริ้งบอกแล้วไงว่าไม่อยากใส่” ฉันปัดมือพี่สิงห์ออก เพราะเขาเอาบิกินี่สีแดงสดมาทาบลงบนตัวของฉัน“เซ็กซี่ดี เอาอันนี้ แล้วสีไหนอีกดี” รับบทเป็นคนหูหนวกไปแล้วค่ะแฟนฉันตอนนี้ ฉันถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จะทำยังไงกับเขาดีเนี่ยพูดไม่ฟังเลยพี่สิงห์หยิบชุดบิกินี่มาประมาณสามชุดได้แต่ละชุดควไม่ต้องให้พูดถึงความโป๊ของมันนะ ถ้าแบบนี้ให้ฉันแก้ผ้าเลยยังจะดีกว่า“ยิ้มหน่อยสิ ดูทำหน้าเข้า” พี่สิงห์บอกฉันหลังจากที่จ่ายเงินค่าชุดเดินออกมาจากร้านเรียบร้อยแล้ว“พี่สิงห์น่ะ บอกไม่ฟังเลย”“หิว กินอะไรดี เธออยากกินอะไร?” ค่ะ!! สุดท้ายพี่สิงห์ก็คือพี่สิงห์ ฉันควรชินได้แล้วจริง ๆ“อะไรก็ได้ค่ะ”“อะไรก็ได้ มันไม่มีขายหรอกนะ”“กวน... เหรอคะ” ฉันพูดเว้นคำมันก็แล้วแต่พี่สิงห์จะไปเติมคำในช่องว่าง“นั่นปากใช่ไหม ใครให้พูดกับคนที่อายุเยอะกว่าแบบนี้ อีกอย่างใครใช้ให้พูดกับผัวแบบนี้ ฮะ” พี่สิงห์มองฉันสายตาเกรี้ยวกราดเขายกมือขึ้นมาเท้าเอว
ภายในห้อง... เมื่อมาถึงพี่สิงห์ก็ยังงอนตุ๊บป่องอยู่ แต่ฉันต้องไปให้อาหารแมวก่อน ดูสิพอเห็นคนเดินเข้ามาในห้องนางร้องใหญ่เลย อึเอาไว้หลายกองด้วยนะ“ค้าบบ แม่กำลังจะเอาอาหารให้กินอยู่นี่ไงสิงห์” ฉันปรามแมวน้อยเพราะเอาแต่ร้องแล้วก็จะปีนกรงท่าเดียว“เหมี๊ยว เหมี๊ยว ~” ดูมันทำท่าเข้าสิน่ารักซะไม่มีหลังจากเอาอาหารให้แมวเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องมาง้อแฟน เฮ้อ!! เป็นฉันนี่มันก็เหนื่อยเหมือนกันนะ“พี่สิงห์ งอนอะไรพริ้งอีก” ฉันถามเขาแต่พี่สิงห์ก็เอาแต่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงไม่สนใจฉันเลย“ทำไมคนแก่ชอบขี้งอนจัง ไม่กลัวพริ้งเบื่อเหรอคะ”“กล้าเบื่อฉันก็ลองดู !!” พี่สิงห์ละสายตาออกจากหน้าจอโทรศัพท์ เขาจ้องฉันตาเขม่งเลยตอนนี้“พริ้งแค่คุ้นหน้าผู้ชายคนนั้น เขาน่าจะแอบกิ๊ก ๆ กันกับยัยสารธาร”“อื้ม” พี่สิงห์พยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ เขามองโทรศัพท์ในมือต่อ แต่ฉันดูออกว่าแบบนี้น่ะยังไม่หายงอนหรอกฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ จากนั้นก็คลานเข่าขึ้นไปบนเตียง นั่งคร่อมตรงช่วงสะโพกของพี่สิงห์แล้วก็มุดหน้าลงไประหว่างแขนสองข้างของพี่สิงห์ที่กำลังเล่นโทรศัพท์อยู่“พี่สิงห์ทำไมขี้งอนขนาดนี้เนี่ย” ฉันบนพึมพำบนแผงอกก
เช้าวันใหม่... ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะรีบดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงเพราะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนฉันแช่ชุดนักศึกษาเอาไว้แล้วยังไม่ได้เอาไปตากเลยเพราะเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนที่พี่สิงห์อาบน้ำอยู่เมื่อเดินเข้าไปดูในห้องน้ำฉันก็ไม่เห็นชุดนักศึกษาของตัวเองแล้ว หายไปไหนกัน“พี่สิงห์ พี่สิงห์เห็นชุดที่พริ้งแช่เอาไว้เมื่อคืนไหม” ฉันเดินไปนั่งลงบนเตียงแล้วถามพี่สิงห์ที่กำลังนอนหลับอยู่พี่สิงห์ปรือตาขึ้นมามองฉันแต่แค่แป๊บเดียวเท่านั้นที่เขามองหน้า สายตาของพี่สิงห์ค่อย ๆ เลื่อนมองตรงระดับหน้าอกของฉันอย่างหื่นกามแป๊ะ!! ฉันฟาดไปที่ไหล่กว้างของพี่สิงห์แรง ๆ เพราะเขาเอาแต่บ้ากามไม่สนใจคำถามของฉันเลย“โอ้ย! เธอตีแรงไปไหมวะพริ้ง” พี่สิงห์จ้องหน้าฉันสายตาดุ ๆ เขายกมือขึ้นไปลูบตรงที่เพิ่งโดนฉันฟาดไปเมื่อกี๊“พริ้งถามน่ะ ไม่ได้ยินเหรอคะ”“เอาไปตากให้แล้ว” พี่สิงห์ตอบก่อนที่เขาจะเอาหัวของตัวเองมาวางไว้บนหน้าตักของฉัน จะว่าไปพี่สิงห์ก็น่ารักเหมือนกันนะเนี่ยมีตากผ้าให้ด้วย“ขอบคุณนะคะ ^_^”“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็น...”“ไม่ค่ะ หยุดบ้ากามก่อนจะได้ไหม พริ้งอยากกลับห้องแล้ว แมวพริ้งไม่มีอาหารกิน”“แมวกับผัวอะไรสำคัญกว่า
ฉันดันตัวพี่สิงห์ออกเพื่อที่จะให้ตัวเองหลุดออกจากอ้อมกอดของเขา แต่พี่สิงห์กลับไม่ยอมปล่อยฉัน เขาเอาแต่จ้องไปหน้าของฉันไม่ละสายตา จนฉันต้องถอนหายใจออกมาเพราะความหนักใจกับอาการที่เหมือนเด็กของพี่สิงห์ ไม่สิ! เด็กบางคนยังพูดรู้เรื่องกว่าเขาอีกนะ“นานตรงไหนคะ แค่ไม่กี่ปีเอง”“สำหรับฉันหนึ่งเดือนก็ถือว่านานมาก” พี่สิงห์ยังคงงอแงไม่ยอมเลิก ฉันจะจัดการกับผู้ชายคนนี้ยังไงดี“เราเลิกคุยกันเรื่องนี้กันดีกว่าค่ะ”“ยังคุยไม่รู้เรื่อง” พี่สิงห์ขัดขึ้น เขาพ่นลมหายใจแรง ๆ รดใบหน้าของฉันด้วย“พริ้งรู้เรื่องแล้ว แต่พี่สิงห์น่ะไม่รู้เรื่อง” ฉันพูดด้วยอารมณ์ที่เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง“ถ้าพี่สิงห์ยังพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้งั้นคืนนี้พริ้งขอกลับไปนอนที่คอนโดนะคะ” ฉันพูดตัดปัญหาไป เพราะขืนถ้ายังคุยกันไม่รู้เรื่องแบบนี้แล้วต้องมานอนด้วยกันพี่สิงห์ก็คงต้องหยิบเรื่องหมั้นขึ้นมาพูดอีกแน่ ๆ“เธอทำไมใจร้ายแบบนี้วะพริ้ง แม่ง!!” นั่นไง!! พอไม่ได้ดั่งใจเขาก็โวยวาย ก็เขาพูดเองว่ารอได้แล้วจะมาอะไรเนี่ย งานหมั้นเชียวนะ มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยพี่สิงห์ปล่อยกอดออกจากฉันจากนั้นก็เดินหน้าบึ้งพร้อมกับกระแทกเท้ากลับไปน
พี่สิงห์มองค้อนฉัน แอบคิดในใจนะว่านี่ฉันคิดดีแล้วใช่ไหมที่ให้อภัยเขา ดูความเอาแต่ใจของเขาสิ แต่ก็นะถ้าฉันกลับคำพูดก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน “พะ พี่สิงห์ทำแบบนี้มันสกปรกนะคะ” ฉันเบิกตากว้างเพราะ จู่ ๆ พี่สิงห์ก็ถอดเสื้อตัวเองออกมาเช็ดคราบน้ำกามของเขาที่ติดอยู่บนหน้าท้องของฉันออก แล้วก็เช็ดน้ำกามที่ติดอยู่ตรงหว่างขาให้ฉันด้วย “ถ้าไม่เอาเสื้อฉันเช็ดแล้วเธอจะเอาอะไรเช็ด เสื้อเธอไหม?” พี่สิงห์เลิกคิ้วถาม ฉันเงียบไม่ได้เถียงอะไรต่อเพราะพูดไปก็คงไม่ชนะเขาหรอก ฉันลุกขึ้นแต่งตัวโดยมีพี่สิงห์จ้องมองตลอดเวลา ส่วนเขาน่ะยังไม่ลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าเลย ไม่อายเลยรึไง นี่เขาโป๊อยู่นะ ทำหน้ากวนฉันด้วยนะ“พี่สิงห์ใส่เสื้อผ้าได้แล้ว” ฉันทนมองไม่ไหวเลยต้องบอกให้พี่สิงห์ลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า“นึกว่าเธออยากมอง” ดูเขาพูดสิ ไหนคำว่าอายไม่มีเลยจริง ๆ “บะ บ้าเหรอคะ ใครจะอยากมองกันล่ะ ไม่เห็นจะหน้ามองเลยสักนิด”“ก็เธอไง ไม่รู้ตัวเหรอว่าเธอจ้องมันอยู่”พอพี่สิงห์พูดแบบนั้นฉันถึงกับต้องรีบหันหน้าไปทางอื่นทันที ใบหน้ามันร้อนผ่าวฉัน ฉันรู้สึกได้เลยตอนนี้ “ไม่ต่อเหรอ?”“ตะ ต่ออะไรเล่า บะ บ้า สั่งให้นักบินเอาเครื
พอจบคำพูดของพี่สิงห์ฉันก็แสร้งทำเป็นหาวนอนยกมือขึ้นมาปิดปาก“พริ้งง่วงจังค่ะ อยากนอนแล้วเอาเครื่องลงได้แล้ว” ฉันพูดออกไปน้ำเสียงงัวเงียเพื่อให้มันดูสมจริงยิ่งขึ้น“ง่วง? นี่เธอล้อฉันเล่นหรือเปล่า” พี่สิงห์ขมวดคิ้วหนาเป็นปมพร้อมกับยืนเอามือท้าวเอวมองค้อนฉัน เขาดูจะไม่ค่อยเชื่อฉันสักเท่าไหร่“ง่วงจริง ๆ นะคะ ตาจะปิดแล้วเนี่ย”“งั้นเธอนอนไปเดี๋ยวทำเอง” พูดจบพี่สิงห์ก็ทำท่าเหมือนจะขึ้นมาคร่อมตัวฉัน เห็นแบบนั้นฉันรีบขยับหนีเขาทันทีพร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเอาไว้ ไม่ชอบเลยที่มีเตียงนอนอยู่บนเครื่องแบบนี้ มันเข้าทางพี่สิงห์ไปหมดทุกอย่าง“ง่วงหรือไม่อยากให้ทำ?” พี่สิงห์เลิกคิ้วขึ้นเชิงถาม ตอนนี้เขาอยู่ในท่าที่มือทั้งสองข้างวางค้ำยันกับที่นอนเอาไว้พร้อมจะคลานเข่าเข้ามาหาฉันตลอดเวลา“มะ ไม่อยากทำ” ฉันเม้มปากแน่น คือแบบฉันก็ไม่รู้จะพูดยังไงอะนะ คือก็คนมันยังไม่พร้อมจะให้ทำแบบนั้นนี่นา แต่แทนที่พี่สิงห์จะเข้าใจเปล่าเลยค่ะ เขาคลานเข่าเข้ามาใกล้ฉันเรื่อย ๆ“พี่สิงห์...” มันรู้สึกร้อนวูบวาบกับสายตาแบบนี้ของเขายังไงก็ไม่รู้ มันเหมือนกับว่าพี่สิงห์กำลังสื่อบอกฉันว่ายังไงครั้งนี้เขาก็ไม่ยอมปล่อยฉันไปแ