รถยนต์ของอังเดรแล่นเข้าไปจอดภายในลานวัดช้าๆ ชายหนุ่มมุ่นคิ้วเพราะไม่รู้ว่านิคพามาที่นี่ทำไม“ทรายทองอยู่นี่หรือนิค”“ครับนาย คนที่บริษัทที่คุณปรายรุ้งทำงานอยู่ บอกว่าพ่อของเธอเสียครับ ผมเลยเดาว่าคุณทรายทองน่าจะอยู่ที่นี่ด้วย”“แล้วทำไมนายไม่บอกฉัน!”“ก็เอ่อ...เจ้านายไม่ได้ถามนี่ครับ”นิคตอบซื่อๆ อังเดรส่ายหน้า หัวเสียเพราะดันคิดไปต่างๆ นานาว่าทรายทองจะหนีเขาไปอีก มันน่านักขาเพรียวยาวของอังเดรก้าวออกมาจากรถคันงาม เขาแลไปยังศาลาที่ยังมีผู้คนนั่งกันอยู่ ร่างอรชรของทรายทองยืนอยู่หน้าเมรุเผาศพ เขาจำหล่อนได้แม้จะเห็นเพียงแผ่นหลังก็ตาม เขาเดินเข้าไปหาในขณะเดียวกันนั้นทรายทองก็ยกมือปาดน้ำตา แลเห็นควันดำกลุ่มหนึ่งพวยพุ่งออกจากปากปล่องของเมรุ“สู่สวรรค์ชั้นฟ้านะคะ ไม่ต้องห่วงทางนี้ หนูจะดูแลปรายรุ้งเอง ทราย...จะดูแล...น้องปรายเองค่ะพ่อ”เธอเอ่ยกับคนที่คงเหลือเพียงเถ้ากระดูกในวันพรุ่งนี้ แล้วพลันมืออุ่นๆ ของใครบางคนก็แตะลงที่บ่าบาง เธอหันกลับไปหา แล้วมวลหยดน้ำตาก็ไหลบ่าราวเขื่อนแตก“คุณ...มาได้ไงคะ” ถามด้วยเสียงที่พยายามกลั้นก้อนสะอื้น“ให้นิคขับรถมา เธอหายไปหลายวัน ฉันโทรหาก็ไม่รับ”“ไม่ได้เอ
ปรายรุ้งและทรายทองยังอยู่ที่สัตหีบต่ออีกหลายวัน ด้วยว่าต้องจัดการเรื่องบ้านและข้าวของทั้งหลาย เครื่องเรือนที่สภาพพอใช้ได้ปรายรุ้งยกให้เพื่อนบ้านชาวประมงด้วยกัน แล้วแต่ว่าใครอยากได้อะไร เธอเก็บไว้เพียงแค่ฟันซี่หนึ่งของบิดา ส่วนอัฐิที่เหลือถูกโปรยลงทะเลแล้ว ให้บิดาที่รักได้อยู่กับสิ่งที่ท่านรักตลอดกาลน้ำตาหยดหนึ่งของปรายรุ้งร่วงหล่นบนแก้มบาง มันถูกปาดทิ้งด้วยมือบางๆ ของทรายทอง พวกเธอยืนอยู่บนฝั่ง เฝ้ามองบ้านหลังน้อยที่กำลังถูกรื้อออกไป เธอไหว้วานน้าชดและให้ค่าใช้จ่ายไว้สำหรับการรื้อบ้าน วันนี้เธอต้องกลับกรุงเทพฯ แล้ว เพราะชลกรกับอังเดรยังมีงานต้องทำ และพวกเขาไม่มีทางกลับหากว่าเธอกับพี่สาวไม่กลับด้วย“เก็บไว้แค่ความทรงจำก็พอ” ทรายทองแนะ ปรายรุ้งตัดสินใจรื้อบ้านลงเพราะเก็บไว้ก็ไม่มีใครอยู่ อีกอย่างบ้านก็เก่ามากแล้ว ไม่รื้อลงวันนี้หากพรุ่งนี้พายุมาคงได้ถูกพัดไปไม่ต่างกัน“คิดถึงนะพี่ทราย พ่อยังดีๆ อยู่เลย ไม่เจ็บไม่ไข้ด้วยซ้ำ”“ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกรรม ทำใจนะปราย” บอกปรายรุ้งเช่นนั้นทว่าดวงตากลับมีน้ำใสเอ่อคลอ พายุฝนกับชาวประมงเป็นของคู่กัน ต่อให้ว่ายน้ำเก่งอย่างไร ก็อาจพลาดถูกเกลียวคลื่
“นี่เธอกำลังขู่งั้นเหรอ” ถามพร้อมกับใจที่มันไหวสั่น ยอมรับว่าคำขู่ของปรายรุ้งมันชวนผวายิ่ง“โอ๊ย...ไม่กล้าหรอกค่ะ ฉันแค่พูดความจริง ถ้าคุณไม่ใส่ใจก็อย่าไปคิดถึงมันเลย เอาละ คุณจะเข้ามาไหมคะ”คนถูกถามพยักหน้า เดินเข้าไปในบ้านเมื่อปรายรุ้งเปิดประตูรั้วให้ ทรายทองยืนอยู่ที่กรอบประตูด้านใน หน้าหล่อนยังซีด แต่มือข้างหนึ่งมีมะม่วงที่ฝานเปลือกแล้วถืออยู่“ถ้าคุณจะมาเอาเงินคืนละก็ บอกเลยว่าเสียใจด้วย ฉันเอามันไปปลดหนี้บ้านแล้ว”ทรายทองดักคอ อังเดรถอนหายใจพรืดใหญ่“เลิกประชดทีเถอะ...ขอร้อง ไม่ได้มาทวงเงินคืน ฉันแค่รู้สึกว่าเรายังไม่เคลียร์กันสักเท่าไหร่ในเรื่องที่ทำให้เราต้องทะเลาะ ฉันเลย...อยากมาขอโทษเธออย่างจริงจังอีกสักครั้ง ฉันขอโทษนะทราย วันนั้นฉันขาดสติจริงๆ ฉันดีใจนะที่เธอไม่บ้าตามฉันจนตัดสินใจทำแท้ง ฉัน...ขอโทษ...”อังเดรขออภัยทรายทองทั้งที่ปรายรุ้งยังยืนอยู่ด้วยทรายทองทำตัวไม่ถูกเมื่อได้รับการขอโทษง่ายๆ อย่างนี้ หญิงสาวหลีกทางให้คนทั้งสองเดินเข้าบ้าน“มีทางไหนที่เราจะตกลงกันได้ไหมเรื่องเด็กน่ะ” เขาถามอีก“ลูกค่ะ! ไม่ใช่เด็ก!” ทรายทองท้วงดังๆ เดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่โต๊ะอาหาร ในขณะที่อ
[17]แต่งงานกันเถอะนะ________________อังเดรสะดุดลมหายใจเมื่อได้ฟังเช่นนั้น มันสะเทือนเลือนลั่นในหัวใจเขา กี่วันมาแล้วนะที่เขารู้จักทรายทอง กี่ครั้งกี่หนที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน จนกระทั่งสิ่งมีชีวิตเล็กๆ นั่นได้ก่อเกิดขึ้นมาในท้องหล่อน แล้วทำไมเขาไม่เปิดใจให้ลูกบ้างลูก ทารก เด็ก...เด็กอย่างที่เขาเคยเป็นเมื่อครั้งอดีต มันปวดใจไม่น้อยเมื่อหวนคิดถึงวันวาน แม้วันนี้สิ่งที่ขาดหายไปได้ถูกเติมเต็มแล้ว ทว่าสิ่งที่ฝังอยู่ในอกยากยิ่งที่จะถอดถอนมันออกไป“ฉันจะเป็นพ่อที่ดีได้ไหมนิค”“ไม่มีใครสมบูรณ์แบบนี่ครับนาย ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีใครทำเป็นทุกอย่างตั้งแต่เกิดหรอกครับ”“นายปลอบใจเก่งนะ”นิคยิ้มอย่างอ่อนโยนใส่กระจกมองหลัง ก่อนจะหันกลับมาที่ท้องถนนเบื้องหน้า ต่อให้เวลานี้เพิ่งเที่ยงวันแต่ถนนหนทางเมืองไทยก็ยังคลาคล่ำด้วยรถยนต์อยู่เช่นเดิมอังเดรพ่นลมหายใจเบาๆ แล้วเอนหลังพิงเบาะ สองตาเขาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถ แต่สิ่งที่เห็นกลับไม่ใช่สิ่งที่ตากำลังมองอยู่ ใบหน้าของทรายทองในวันที่เจอกันครั้งแรกผุดขึ้นมาในหัว หล่อนยังยิ้มให้เขาอย่างสดใส และมันเป็นรอยยิ้มที่สะกดเขาไว้ ให้เขาต้องไป
“เดี๋ยวชาวบ้านก็รู้หมดว่าเฮียไม่ได้ชอบผู้หญิง”ทรายทองยิ้มขัน ขยับไปเกาะแขนเฮียแล้วเอาแก้มถูแขนเขาเหมือนอย่างที่เคยทำกับอังเดร แน่นอนว่าคนที่อยู่บนรถด้านนอกร้านแทบจะกระชากประตูรถให้เปิดออก“โธ่เฮีย...หนูว่าเฮียเปิดตัวไปเถอะ แก่แล้วน่า เดี๋ยวไม่มีคู่นะ” คนสวยมีแซว จิวเลยยกมือขยี้กระหม่อมบางอย่างเอ็นดู“ก็อยากอยู่ แต่ว่าเฮียไม่ได้มีชีวิตเพื่อตัวเองคนเดียว คนในครอบครัวคงใจสลายถ้ารู้ว่าเฮียจะไม่แต่งงานกับผู้หญิง”ทรายทองหน้าม่อย ถอยออกห่างเฮียช้าๆ“เฮียน่าสงสารจัง จะรักใครก็รักไม่ได้”“ไม่หรอก...สักวันถ้าสวรรค์เป็นใจ เฮียคงได้เจอใครสักคนที่เข้าใจในสิ่งที่เฮียเป็น เฮียว่าความสุขมันอยู่ไม่ไกลหรอกถ้าเรารู้จักหามันอย่างถูกวิธี”“โอเค งั้นเรากลับดีไหมคะ เหนื่อยแล้ว ง่วงด้วย วันนี้ยังไม่ได้นอนกลางวันเลย” บอกเฮียแล้วก้มลงมองชุดเจ้าสาวอย่างแสนเสียดาย จะมีโอกาสสักครั้งไหม ที่เธอจะได้สวมชุดอย่างนี้แล้วเดินเข้าไปในงานแต่งงานของตัวเอง“ชุดสวยดี หนูลองใส่ดูไหม”“โอย...ไม่เอาหรอกค่ะ”“เถอะน่า ไปห้องโน้นกัน”จิวดึงมือทรายทองไปทางห้องแต่งตัวที่อยู่อีกฝั่ง มีลูกค้าและพนักงานอีกหลายคนเดินสวนกันไปมา คู่บ่าว
“อือ...คุณเอื้อ...อา..”ทรายทองครางเบาๆ นิ้วเขาร้อนแข็งและเคลื่อนไหวรวดเร็วในร่างเธอ รู้สึกได้ถึงความชุ่มชื้นที่เปื้อนเปรอะไปทั่วนิ้วเขาและซอกขาของตัวเอง“ชู่ว์...เบาๆ ที่รัก”ใบหน้าน้อยเงยมองคนที่เรียกตนว่าที่รัก อังเดรเคยบอกเธอว่าไม่ให้ใช้คำนี้เรียกเขา เขาไม่ชอบมัน ออกจะแขยงด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เขากลับใช้มันเรียกเธอยังไม่ทันได้เอ่ยท้วงสิ่งที่เขาเอื้อนเอ่ย ริมฝีปากสาวก็ถูกปิดด้วยริมฝีปากชาย เขาดันร่างบางไปชิดผนังด้านหนึ่ง ชุดวิวาห์สีขาวสะอาดถูกเหยียบย่ำด้วยฝ่าเท้าของคนทั้งสอง อังเดรยกร่างบางขึ้นเล็กน้อยแล้วเขี่ยชุดเจ้าปัญหาไปไว้ให้ห่างปลายเท้าเขา ก่อนจะเอาอวัยวะอันแข็งกร้าวสอดแทรกเข้าไปในหีบสมบัติของทรายทอง มันให้ความรู้สึกยิ่งกว่าค้นเจอกรุเพชรมากค่า มันสุขจนเขาต้องจูบหล่อนอย่างรุนแรงเพื่อกันไม่ให้ตัวเองส่งเสียงครางออกไปอังเดรขยับโพกโยกเข้าหาร่างทรายทองเป็นจังหวะถี่ๆ ขาข้างหนึ่งของหญิงสาวถูกเขาเกี่ยวดึงมันขึ้นมา ทรายทองเลยยืนด้วยขาเพียงข้างเดียว หล่อนกอดคอเขาด้วยสองแขน บดเบียดหน้าอกหน้าใจเข้าหาร่างชายอย่างลืมอาย“อังเดร...อือ...อังเดร...อา..อ๊ะ!”“ชู่ว์...อย่า...ส่งเสียง...ได้โปรด ชู่ว
ณ ร้านอาหารอิตาเลี่ยนสุดหรูแห่งหนึ่ง กลางเมืองกรุงฯทรายทองยกแก้วน้ำส้มขึ้นจิบเมื่ออาหารตรงหน้าหมดความอร่อย อังเดรกำลังเคลียร์ค่าเสียหายกับบริกร เขายังนั่งอยู่ และเริ่มละเลียดไวน์ในแก้วทรงสูงที่กำลังจะหมด เรื่องที่เอ่ยค้างไว้ในรถทำให้ทั้งสองไม่เจริญอาหารเท่าที่ควร อังเดรเหมือนมีเรื่องให้คิด ในขณะที่ทรายทองรอให้เขาทำอะไรสักอย่าง การรอคอยอย่างมีความหวัง ทำให้ว่าที่คุณแม่พลอยกลืนอะไรไม่ลง“เธอกินน้อย”“ไม่ถูกปากมั้งคะ”“อยากกินอ่อมกบหรือไง”ทรายทองยิ้มออกมาเมื่อเขาเอ่ยเช่นนั้น อย่างน้อยอ่อมกบกับอาหารอิสานที่เคยพาเขาไปรับประทานก็ทำให้เธอเจริญอาหารมากกว่านี้“เธอพูดเรื่องจริง” เขาเอ่ยอีก“คะ?”“ก็ที่บอกว่า...ถ้าฉันรักใครแล้วละก็ ฉันจะไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย ใจฉันมันร้อนรน หัวใจมันโหยหา ฉันไม่เคยเป็นอย่างนี้ ไม่เคยเป็น...แบบที่ไม่สามารถสั่งตัวเองให้ทำหรือไม่ทำอะไร ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ตอนอยู่ใกล้ๆ เธอ”ทรายทองฟังคำสารภาพแล้วเริ่มใจชื้น เขาเอ่ยเหมือนคล้ายๆ กำลังจะบอกรักอย่างไรอย่างนั้น“จะบอกในนี้หรือคะ โรแมนติกแล้วเหรอ ให้ตายเถอะอังเดร จานอาหารยังไม่ถูกเก็บเลยนะ ถึงจะมีเชิงเทียนกับดอกกุหล
[18]รักลูกบ้างไหม____________วันเวลาผ่านไปพร้อมกับความทุกข์ของทั้งปรายรุ้งและทรายทอง ปรายรุ้งคบหาดูใจกับชลกรอย่างเปิดเผย ทั้งสองใช้ชีวิตเหมือนคู่รักทั่วๆ ไป รักกัน ดูแลกัน ทว่าปรายรุ้งยังไม่พร้อมสำหรับการแต่งงาน ยังอยากดูใจชลกรไปก่อน ความผูกพันทางกายไม่ยั่งยืนเท่าความผูกพันทางใจ ปรายรุ้งอยากมั่นใจว่าชลกรรักตนจริงๆ ซึ่งเวลาเท่านั้นที่จะสามารถพิสูจน์ได้ส่วนทรายทอง แม้ไม่ได้จัดงานแต่งงานใหญ่โตแต่ก็จดทะเบียนสมรสกับอังเดรแล้ว ทว่ายังทำใจแข็งเหมือนขวดวิสกี้ที่หญิงสาวโยนทิ้งเมื่อรินมันจนหมด แม้อายุครรภ์จะเข้าเดือนที่เก้าแต่ความสัมพันธ์ระหว่างว่าที่คุณพ่อกับว่าที่คุณแม่ยังไม่ถึงกับหวานชื่นรื่นรมย์ ยังมีบางอย่างที่ทำให้ทรายทองไม่สามารถมั่นใจว่าอังเดรจะเป็นพ่อที่ดี มันเป็นเหมือนม่านบางๆ ที่กั้นทั้งสองเอาไว้ ไม่สามารถแลเห็นกันได้แม้จะยืนอยู่ตรงข้ามกันทรายทองยอมรับว่าเขาดูแลเธอดีตามที่หน้าของคนเป็นพ่อที่พึงปฏิบัติต่อแม่ของลูก พาเธอไปหาหมอ แม้ว่าทุกครั้งจะรออยู่ข้างนอก พาเธอไปกินของอร่อย ออกกำลังกายบ้างแล้วแต่ว่าเขาว่างตอนไหน เขาดูเหมือนพ่อที่สมบูรณ์แบบ เว้นแต่ว่าเธอรู้ดี ลึกๆ แล้วนั้น คำว่าร
บทส่งท้าย___________ทรายทองนั่งป้อนข้าวสองแฝด ในตอนที่อังเดรเดินลงบันไดมา นิคยืนอยู่ไม่ไกล รอรับคำสั่งเจ้านายอย่างเอลฟ์ตัวยักษ์ผู้ภักดีอยู่เช่นเดิม ผิดก็แต่ช่วงนี้ เอลฟ์ตัวยักษ์มักเปลี่ยนฝ่ายย้ายข้างมาภักดีต่อคุณหนูตัวแสบแสนซนอยู่บ่อยๆ แน่ละ สองแฝดน่ารักและน่าเอ็นดูเหลือเกิน“โอย...สายๆๆ สายแล้วที่รัก” เขาบ่นขณะเดินรีบๆ มาหาภรรยากับลูก ก้มลงหอมแก้มสองแฝดแรงๆ ลูกน้อยที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ ก่อนจะหันมาจุมพิตภรรยาที่ข้างขมับ“รีบก็ไปสิคะ เดี๋ยวรถติดนะคุณเอื้อ”อังเดรพยักหน้า ก็อยากจะไปละนะแต่ว่า...“อะไรคะ” ถามสามีเพราะเขาก้มลงมาใกล้เธอแล้วแบมือขออะไรสักอย่าง“ก็ตังค์ไปทำงานไง”ทรายทองทำหน้ายุ่ง “ให้แล้ว วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเหมือนทุกวันไงคะ” บอกเหมือนรำคาญ ก็แหม...สามีที่รักทำเหมือนจำวันสำคัญวันนี้ไม่ได้นี่นา“แต่มันไม่พอนี่ที่รัก” ก้มลงมากระซิบอีก อายเจ้านิคเกินจะกล่าวยามต้องแบมือขอเงินภรรยา“โอ๊ยคุณเอื้อ จะเอาอะไรนักหนาคะ อาหารการกินทรายก็สั่งเลขาจัดให้แล้ว แทบไม่ต้องซื้ออะไรเลยนะ แถมที่ให้ไปก็ตั้งเยอะ” บ่นอย่างงอนๆ“สองร้อยเนี่ยนะที่รัก!” อังเดรร้องออกมาอย่างสุดจะทน ได้ยินเสีย
คนถูกทักสะดุ้งโหยงรีบซ่อนถุงยางอนามัยกับเข็มไว้ข้างหลัง สองตามองไปที่หน้าประตูห้องน้ำ ปรายรุ้งโผล่แค่ส่วนหน้ากับไหล่ขาวๆ ออกมานิดหน่อยแต่ช่างยั่วคนมองสิ้นดี“อ่า...ก็...หะ...หา หากรรไกรตัดเล็บไง”“หรือคะ...ฉันถูหลังไม่ถึง มาถูให้หน่อยสิ” คนสวยมียั่ว คนถูกยั่วหูผึ่ง “อ๊ะๆ หยิบถุงยางมาด้วยสิคะที่รัก”“จ้า...ไม่ลืมจ้าไม่ลืม หึๆๆ” บอกว่าไม่ลืมแต่น้ำเสียงเจ้าเล่ห์เหลือร้าย ทว่าปรายรุ้งไม่ทันได้สังเกต เพราะเพียงแค่ชลกรถอดเสื้อผ้าแล้วเดินเข้ามาในห้องน้ำในสภาพเปลือยเปล่า หญิงสาวก็ลืมไปแล้วว่าการถูหลังมันคืออะไร_____________สองเดือนต่อมางานเลี้ยงครบรอบการแต่งงานของทรายทอง ถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์อัชวินอย่างเป็นกันเองที่สุด ทว่าแขกที่มาร่วมงานก็ยังต้องแต่งตัวสวยแบบว่าผูกเนกไทใส่สูท ทั้งสหายและญาติๆ ของครอบครัวอัชวินและครอบครัววัฒนากูร ต่างถูกเชิญมางานเลี้ยงอย่างอบอุ่น งานเลี้ยงแบบที่มีการเปิดฟลอร์เต้นรำจึงดูหรูหราอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนในงานต่างมีรอยยิ้มพร่างพราย ซุ้มอาหารและเครื่องดื่มถูกจัดไว้อย่างสวยงามและพรั่งพร้อมอย่างที่สุด สองแฝดของทรายทองถูกพาเข้านอนตั้งแต่ยังไม่สองทุ่ม ทั้งสองหลับสนิทรา
“เป็นอะไรไปคะ แค่จะมีน้องต้องงอนพ่อแม่ด้วยเหรอ ไม่ใช่เด็กสามขวบนะคะ” ทรายทองติงสามี ไม่ได้เอ่ยอย่างตำหนิมากมาย แค่อยากให้เขาเข้าใจว่าทุกสิ่งมันเกิดขึ้นได้เสมอ คนเราไม่สามารถบงการทุกอย่างได้หรอกคนถูกติงถอนหายใจอีกครั้ง สองตาทอดมองออกไปยังชายหาด สองแขนโอบเอวภรรยาไว้แน่น“ก็ห่วงนี่นา แม่ไม่ใช่สาวรุ่นแล้วนะ อีกไม่กี่ปีก็ห้าสิบแล้ว มันอันตราย ฉันเคืองพ่อด้วย อะไรจะฟิตขนาดนั้น”“โธ่คุณเอื้อ พวกเขาก็เหมือนคู่แต่งงานใหม่ดีๆ นี่เอง อย่าไปงอนพวกเขามากเลย ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ ให้พวกเขาได้อยู่ดูแลกันไปอย่างมีความสุขเถอะ อีกอย่างน่ะ มีเด็กเยอะๆ ครอบครัวจะได้อบอุ่นไม่ใช่หรือคะ”“มีปัญหาตั้งมากกับการมีลูกในตอนอายุเยอะแล้ว” เขายังท้วงติงไม่เลิก“งั้นคุณก็ช่วยพ่อคุณดูแลแม่สิคะ เราอาจต้องมีหมอประจำบ้านที่เป็นหมอสูติก็คราวนี้แหละ ยิ่งอายุเยอะยิ่งอันตราย แต่ถ้าเรารู้วิธีดูแลแก้ไข มันก็ไม่น่าห่วงไม่ใช่หรือคะ แม่คุณไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ มันเป็นความผิดพลาดเหมือนกัน แต่มันเป็นความผิดที่งดงามเหลือเกินคุณเอื้อ มันเป็นเรื่องดี แทนที่จะงอนพวกเขา ทรายว่ามาเอาใจช่วยพวกเขาดีกว่านะคะ”อังเดรกอดภรรยาแน่นขึ้นไปอีก ทรา
[20]กรงขังผีเสื้อ_________“พี่ทราย...พี่คะ!”ทรายทองสะดุ้งโหยง กะพริบตาปริบๆ รู้สึกถึงมืออุ่นของน้องสาวที่จับมือตนอยู่“เอ่อ...ขอโทษที มันแค่คิดอะไรเพลินๆ น่ะ” ตอบออกไปแล้วเหลือบมองสามีแวบหนึ่ง อังเดรเดินเข้ามาหาเธอ วางมือบนไหล่บางอย่างต้องการให้กำลังใจปรายรุ้งยิ้มให้พี่สาว “บอกหนูหน่อย ทำไมพี่ไปอยู่กับคนอื่น ทำไมไม่อยู่กับหนูคะ แล้วทำไมแม่ต้องบอกว่าพี่ตายแล้ว”“เรื่องมันยาวน่ะปราย แต่ว่า มันไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่สองผัวเมียที่มีลูกไม่ได้ มาเจอพี่ เห็นพี่แล้วคงนึกเอ็นดูเลยขอไปเลี้ยง พ่อแม่เอง ก็คงอยากให้ลูกมีความเป็นอยู่ที่ดีละมั้ง ก็แค่นั่นแหละ”“หรือคะ ดีจัง...แม่เคยเล่าว่าตอนหนูเด็กๆ บ้านเราจนมากๆ เพิ่งพอมีใช้บ้างตอนที่พ่อมีเรือเป็นของตัวเอง แล้วพี่ละคะ พี่เป็นยังไงบ้าง”“ก็สบายดี คนฐานะดีย่อมเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งได้ดีอย่างใจพวกเขา เสียก็แต่พวกท่านอายุสั้นไปหน่อย”ปรายรุ้งพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็ยังมีอีกหลายข้อที่ยังไม่ได้บทสรุป“แล้วทำไมพี่ไม่มาหาเราบ้าง”“เพราะว่า เอ่อ...เรื่องมันยาวไงปราย คร้านจะเล่า เอาไว้ว่างๆ จะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน” ทรายทองปฏิเสธ เงยหน้ามองสามีก็เห็นเขามองลงมาอย่
สองสาวต่างกอดกันแล้วร่ำไห้ ทรายทองรู้สึกเหมือนว่าความลับที่แบกมานานได้ถูกทำลายให้สูญสลายไป ด้วยคำถามเพียงไม่กี่คำของน้องสาว ส่วนปรายรุ้งนั้นสุดแสนจะดีใจ ดีใจยิ่งกว่าถูกบอกรักจากชลกรเสียอีก“พี่ทราย พี่รู้ไหมว่าหนูดีใจแค่ไหน...ฮึกๆ ในที่สุดพี่ก็เป็นพี่สาวหนูจริงๆ ฮึกๆ”“อือ...แกอย่าร้องสิ ร้องทำไม เลยทำให้ฉันร้องด้วย” ว่าพลางปาดน้ำตาป้อยๆ รอยยิ้มแห่งความยินดีปรากฏบนใบหน้าของทั้งสอง สองบุรุษที่ยืนดูอยู่ อดยิ้มออกมาไม่ได้ทั้งอังเดรและชลกรต่างรู้ว่าสองสตรีรักกันมากแค่ไหน มันเป็นเรื่องดีที่ทั้งคู่กลายมาเป็นพี่น้องกันจริงๆ แต่ลึกๆ แล้วอังเดรยังข้องใจ เหตุใดทรายทองถึงไม่บอกเรื่องนี้ให้ปรายรุ้งรู้ตั้งแต่แรกปรายรุ้งผละจากการกอดพี่สาว“พี่ปิดบังหนูทำไม ทำไมไม่บอกล่ะ”“มัน...ไม่มีจังหวะน่ะ” ทรายทองแก้ต่างไปเรื่อย เธอกลัวต่างหาก กลัวความจริง ไม่อยากให้ปรายรุ้งต้องเจ็บปวดไปกับตัวเอง“ทำไมละคะ ทำไมพี่ถึงไม่อยู่กับหนู ไม่อยู่กับพ่อแม่ ทำไม”ปรายรุ้งถามรัวๆ นั่งถามพี่สาวจริงจัง ไม่หวั่นแม้ว่าใต้เข่าของตัวเองจะเป็นเม็ดทราย หยดน้ำตาบนใบหน้ายังมีอยู่ แต่หญิงสาวไม่สนใจจะเช็ดมันแล้วนัยน์ตาของตาทรายทองไ
“ฉันจะใส่”“ไม่เอา อายเขา เอารองเท้าคุณคืนไปนะตาบ้า ฮ่าๆๆ” เธอหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ มองเท้าเขาแล้วขำแรง เหมือนเอารองเท้าเด็กมาสวมให้ช้างอะไรอย่างนั้น“ใส่เถอะน่า ถ้าฉันใส่แล้วเธอหัวเราะ ฉันจะใส่มันให้เธอดูทุกวันเลย”“โอ๊ย...คุณโช...แค่นี้ก็รักจะตายอยู่แล้ว...” บอกเขาแล้วเกาะแขนประจบ เอาแก้มถูๆ ต้นแขนเขาเหมือนอย่างที่เคยเห็นทรายทองทำกับอังเดร“ก็อยากให้รักมากๆ นี่นา เอาละ เราจะไปซื้อรองเท้าหรือว่าจะขึ้นไปหาพี่สาวเธอก่อนดี”“ไปซื้อรองเท้าค่า อย่าไปห่วงพี่ทรายเลย สามีนางมาค่ะ เราเข้าไปก็เป็นส่วนเกิน”“ดีจริง...เราไปหาที่เงียบๆ คุยกันดีกว่า...หึๆ”“อย่านะคุณโช ไม่ต้องเลย” บอกเขาอย่างนั้นแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สุดท้ายก็โดนชลกรลากแขนไปขึ้นรถ และไม่ได้กลับมาที่โรงพยาบาลอีก แม้ว่าจะถึงเวลาที่ทรายทองต้องกลับบ้านก็ตาม___________หลายเดือนต่อมากลิ่นน้ำทะเลเค็มๆ ลอยมาปะทะประสาทรับกลิ่นของทรายทองอย่างจัง ทว่านั่นไม่ทำให้คุณแม่มือใหม่สนใจมันได้เท่ามะม่วงเปรี้ยวในตะกร้าที่แม่ค้าหิ้วมาขาย ลูกชายฝาแฝดของเธอตอนนี้อายุได้สิบเดือนแล้ว และกำลังนั่งเล่นกองทรายอยู่กับบิดาของแกและนิค น้ำทะเลตอนบ่ายคล้อยเริ
“โอเคๆ ตั้งแล้วๆ อ่า...คนนี้ชื่ออะไรดีน้า อืม...อนาวิลดีไหม”“เพราะมากค่ะสามีขา...” คนขี้อ้อนเอ่ยชมสามีทันทีที่ได้ชื่อถูกใจ “แล้วอีกคนละคะ”อังเดรทำหน้าคิดหนักยิ่งกว่าเก่า “อืม...อนาวิลแล้วก็ต้อง...อณิษฐ์...ใช่ อณิษฐ์” เขายิ้มกว้าง ทรายทองกระแซะร่างเข้าหาสามี สอดแขนโอบเอวเขาไว้ ในขณะที่อังเดรก็กอดเธอกลับมา“สามีตั้งชื่อเก่งมากค่ะ ชื่อเล่นเดี๋ยวทรายตั้งเอง” บอกเขาแล้วเงยหน้าจุมพิตปลายคางสากไปหนึ่งที“หายโกรธแล้วใช่ไหมคนดี”ทรายทองส่ายหน้าเบาๆ“ไม่ได้โกรธ แค่น้อยใจ โดนสามีง้อบ่อยๆ เดี๋ยวก็หาย ถ้าจะให้หายไวละก็ควรมีกระเป๋าแบรนด์เนมมาปลอบใจสักโหลสองโหล”“โอเว่อร์ มันเปลือง...อีกอย่างน่ะ เงินฉันฉันให้เธอหมดแล้ว อยากได้อะไรก็ไปซื้อเอาครับ”คราวนี้อังเดรเป็นต่อ เขากลั้นขำ หากจะให้สามีทำเซอร์ไพรส์มอบของขวัญให้ในวันพิเศษต่างๆ ละก็ หล่อนคงหมดหวังละ เพราะทุกบาททุกสตางค์ให้ศรีภรรยาไปหมดสิ้นแล้ว“โอ๊ย...คุณเอื้ออ่า...ไม่รับมุกเลย งั้นเดี๋ยวทรายจะโอนเงินให้เดือนละแสนแล้วกัน”“เอาไว้ให้สามีใช้จ่ายใช่ไหมที่รัก”“เอาไว้ซื้อของขวัญเซอร์ไพรส์เมียย่ะ”“เธอมันร้ายจริงๆ”“ก็มันเป็นนิสัยของทรายไปแล้ว...อื้อ
[19]ผู้ชายที่ไม่เคยถูกรัก________________เช้าวันถัดมาก๊อกๆๆประตูถูกเคาะและถูกเปิดออกในนาทีต่อมา ทรายทองยืนอยู่ที่ปลายเตียง กำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ อังเดรปรากฏกายใต้กรอบประตู เขาเดินเข้ามาช้าๆ มีร่างเอลฟ์ยักษ์ของนิคเดินตามมาติดๆ นิคหยุดยืนอยู่ชิดผนังด้านหนึ่ง ส่วนอังเดรหยุดยืนที่กลางห้อง เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างประหม่า“นึกว่า...จะไม่มานะคะ”“มาสิ ฉันต้องมาแน่ แต่ว่า...ช้าไปหน่อย...ฉันรีบที่สุดแล้ว มันไม่มีเที่ยวบินที่เร็วกว่านี้ ฉัน...”อุแว้....อุแว้...“โอ...คุณพระ! นี่ฉันได้ลูกแฝด!?”อังเดรช็อกเหมือนถูกช็อตด้วยไฟฟ้าแสนโวลต์ เขาจ้องมองกระบะทารกทั้งสองตาค้าง ปรายรุ้งอุ้มทารกคนหนึ่งขึ้นมา เจ้าหนูยังร้องจ้า“พี่ทราย สงสัยน้องจะหิว พี่กลับขึ้นเตียงเถอะจะได้เอาน้องกินนม” คนเป็นน้องบอกทรายทองขยับขึ้นไปนั่งแล้วรีบเอ่ยบางอย่าง“ให้คุณเอื้ออุ้มลูกมาซิปราย”อังเดรยืนตัวแข็ง หัวใจเขาเต้นแรง นั่นมันมนุษย์ตัวเล็กที่แผดเสียงร้องจ้า ที่สำคัญคือมีมนุษย์ตัวเล็กตั้งสองคนแน่ะ ให้ตายเถอะ! ประสาทจะกิน ทรายทองไม่ยอมบอกเขาเลยกับการมีครรภ์แฝด หล่อนมันตัวแสบ อยากให้เขาช็อกตายหรืออย่างไร“เอาสิคุ
“อย่ามาพูด เลิกจ้ำจี้ฉันเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกทีย่ะ” ปรามเขาอย่างเคืองๆ ก็ปากบอกอยากจะมีลูก แต่ใช้งานเธออย่างกับนางเอกหนังเอวีละก็ เชิญไปมีกับคนอื่นเถอะ ถ้ามีลูกขึ้นมาเธอคงเหมือนซอมบี้ ไม่ต้องมีเวลาหลับเวลานอนกันละ“ปรายใจร้าย...” เขาสวนทันควัน มือข้างหนึ่งเลื่อนไปโอบเอวบางแล้วดึงเข้าหาตัว ทว่ายังจ้องผิวเนื้อของทารกแฝดไม่วางตา“มีลูกนี่งานใหญ่นะคุณโช เรายังไม่เต็มอิ่มกับชีวิตหนุ่มสาวเลย ฉันยังอยากอยู่กับคุณไปก่อน เราอย่าเพิ่งมีลูกกันเลย รออีกสักนิดดีกว่า นะๆ” ปรายรุ้งอ้อนสามี ทั้งอธิบายความเป็นจริงให้เขารู้ชลกรขยับไปยืนซ้อนหลังปรายรุ้ง กอดเอวหล่อนไว้หลวมๆ แล้วเกยคางบนไหล่บาง แอบสูดกลิ่นหอมของคนรักที่ซอกคอขาวแต่สองตายังจ้องสองแฝด“แล้วแต่เธอเถอะ แต่อย่านานนะที่รัก ม๊าอยากอุ้มหลานจะแย่แล้ว”“ฉันรู้ค่ะ รออีกสักปีนะคะ ระหว่างนี้เราก็มาช่วยพี่ทรายเลี้ยงหลาน ฝึกงานไปด้วยดีไหมคะ”“เป็นความคิดที่เยี่ยมมาก ซ้อมบทพ่อแม่ไปพลางๆ เวลาเรามีลูกเราจะได้ไม่หัวหมุนเนาะ”หนุ่มสาวคุยกันกะหนุงกะหนิงจนทรายทองลอบยิ้ม พวกเขาดูรักกันดี ออดอ้อนกัน รับฟังความคิดเห็นของกันและกัน ไม่เหมือนคู่เธอเลยที่ฝ่ายชายเอาแ