แชร์

62

ผู้เขียน: อักษรามณี
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-09 21:58:47

“ฟ้าใกล้มืดแล้ว” จิ้นเหอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มก่อนตัดสินใจกล่าวขึ้น “ถ้าธารแสงจันทร์นั้นไปทางใด”

“ข้าจะบอกทางให้...ไปทางนี้”

หญิงสาวกระซิบบอกเขา แรงกำลังของนางตกลงทุกขณะด้วยไม่ได้เดินลมปราณเพื่อรักษาพลังภายใน พลังวัตต์ที่สูญหายไปยังไม่กลับคืนมาเต็มที่ แต่จิ้นเหอก็ไปตามเส้นทางที่นางบอก ลัดเลาะไปตามเขาสูงชัน เขายังคงสงบนิ่งและเย็นชาแม้ในกายจะเริ่มรุ่มร้อนเมื่อแผ่นหลังเบียดอยู่กับร่างนุ่มนิ่มของอิสตรี แม้เตือนหัวใจเท่าใดว่าอย่าหวั่นไหวแต่ในส่วนลึกช่างไม่ต่างจากศิลาที่ใกล้พังทลายด้วยสายน้ำ หากเขาก็พยายามอดทน เตือนสติตัวเองว่าจะไม่โอนอ่อนให้ผู้หญิงซึ่งครั้งหนึ่งเขาตั้งปณิธานแน่วแน่ว่าต้องลากตัวกลับไปลงโทษให้สาสม

ความคิดของเขาหยุดลงเมื่อม้าคู่ใจเดินเหยาะย่างไปกระทั่งหยุดที่หน้าปากถ้ำซึ่งเขายังจดจำได้ดีว่าครั้งหนึ่งเคยรอดตายจากการช่วยเหลือของคนที่เขาเกลียดชัง ณ ที่แห่งนี้ ขณะที่เขายังไม่ทันกล่าวอะไรออกมาฟางซินก็ขยับตัวลงจากหลังม้าอย่างทุลักทุเลก่อนที่เขาจะกระโดดตามลงไป แม่ทัพหนุ่มจูงม้าไปล่ามไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ก่อนหันกลับไปยังร่างบอบบางที่ยืนสงบนิ่ง ฟางซินจึงเอ่ยข
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • นางมารหมื่นบุปผา   63

    “ข้าจะบอกท่านเหมือนที่หัวใจของข้านึกคิด ข้ามิเคยเสียดายที่จะต้องถูกถอดออกจากการเป็นประมุข มิเคยเสียดายที่ต้องถูกขับไล่จากสำนัก สิ่งที่ข้าต้องการคือแก้แค้นเท่านั้น”“เจ้าเอาความแค้นที่มีต่อคนอื่นมาลงที่คนบริสุทธิ์มากมายนับไม่ถ้วน หรือต้องฆ่าคนทั้งยุทธภพเจ้าถึงจะพอใจ” “จิ้นเหอ...”เสียงแผ่วเบาลอดจากปากของฟางซิน นางจะขยับตัวออกห่างแต่ถูกแขนหนาทั้งสองของแม่ทัพหนุ่มกระหวัดรัดจนร่างบอบบางเบียดชิดติดกับอกกว้างจนแทบเขยื้อนไม่ได้ ทว่าแววตาของจิ้นเหอนั้นขุ่นข้น ใบหน้าของนางห่างจากเขาไม่ถึงคืบ ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนรุ่มที่เป่ารด เขาโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกโด่งชนปลายจมูกเล็ก“ใยเจ้ามิฆ่าข้าเสียตั้งแต่วันที่พบกันครั้งแรก ตอนนั้นข้ามิรู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าจะมีพลังน่ากลัวกว่าผู้ใดในยุทธภพ ถึงตอนนี้เจ้าก็ทำได้ ใช้ฝ่ามือทะลวงร่างฆ่าข้าให้ตายเหมือนอย่างที่เจ้าใช้มันกับไป๋เจี้ยน”“ทำไมท่านชอบบีบบังคับข้านัก บอกแล้วอย่างไรว่าท่านไม่ใช่...”เสียงของนางขาดหายโดยไม่ทันตั้งตัวและคาดคิดที่จิ้นเหอก้มหน้าลงมาและประกบริมฝีปากของฟางซินไว้ด้วยริมฝีปากของเขาแนบแน่น เป็นครั้งแรกที่กลีบปากนุ่มนวลดุจกลีบกุหลาบป่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-09
  • นางมารหมื่นบุปผา   64

    คำตอบของหญิงสาวทำให้เขาชะงักชั่วขณะ แล้วคำกล่าวของไป๋เจี้ยนก็ดังขึ้นในมโนนึกของแม่ทัพหนุ่มอีกครั้ง“หากนางมีความรักหรือต้องสูญเสียพรหมจรรย์ร่างกายของนางจะแตกสลายด้วยกำลังภายในแตกซ่านและพลังมหาศาลที่มีจะค่อย ๆ ทำลายตัวนางเอง”“จิ้นเหอ...ท่านเป็นอะไร?”ฟางซินกระซิบเสียงปร่าเมื่อเห็นเขาเงียบงันราวกับมีเรื่องครุ่นคิดพลางไล้ปลายนิ้วบนสันกรามแกร่ง ชายหนุ่มย่นคิ้วเข้าหากัน“ฟางซิน...บอกข้าได้ไหมว่า วันนั้นที่เจ้าถอนพิษให้ข้า เจ้าทำเช่นไร”เขากระซิบถามกลับและหญิงสาวนิ่งเงียบไปก่อนจะเลื่อนปลายนิ้วมาแตะบนปากของเขาเบา ๆ และกระซิบตอบว่า“ข้าทำแบบนี้”อีกคราที่นางยกศีรษะขึ้นและป้อนปรนจุมพิตบนริมฝีปากหยักได้รูป จิ้นเหอเผยอปากออกและปล่อยให้ลิ้นเล็กหยั่งเข้าไปลึก ควานหาและซอกไซ้ ตวัดพลิ้วไปมาทั้งที่เขาเป็นบุรุษแรกที่นางยินยอมให้ล่วงล้ำและมองเห็นทุกส่วนสัดอันหมดจด มันทำให้จิ้นเหอเริ่มรำลึกถึงตอนที่เขาหลับใหล แม้ตกอยู่ในภวังค์ลึกเพราะต้องพิษแต่ก็ยังสำเหนียกได้ถึงความทรงจำอันหวานล้ำบนริมฝีปาก นางจุมพิตเขาเพื่อแลกพิษ ดูดซับความร้อนแรงในกายของเขาจนหมดสิ้น และยามนี้สัมผัสรันจวนทำให้เขาบังคับหัวใจตัวเองได้ย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-09
  • นางมารหมื่นบุปผา   65

    นางปรารถนาได้เอ่ยคำว่า รัก และแม่ทัพหนุ่มก็ปรารถนาอย่างเหลือล้นที่จะเอื้อนเอ่ยคำเดียวกัน หากต่างคนต่างสบประสานสายตาท่ามกลางเพลิงพิศวาสที่กระพือโหม และมีเพียงภาษากายเท่านั้นเป็นประจักษ์พยานต่อหัวใจทั้งสองที่แนบสนิทชิดกัน จิ้นเหอหอบหายใจสะท้อนและจุมพิตนางซ้ำ ๆ ขณะค่อย ๆ แทรกท่อนขาแกร่งลงตรงหว่างขาเรียวงามที่เต็มใจแยกออกจากกันเพื่อเปิดทางให้เขาค่อย ๆ แทรกความแข็งขันผ่านกลีบสวรรค์อ่อนนุ่มทว่าเต็มไปด้วยความรัดรึงแนบแน่น“ฟางซิน...อาส์...อาส์”จิ้นเหอส่งเสียงครางและในเวลาเดียวกันนั้นหญิงสาวก็รู้สึกถึงการปริแยกของนิ่มเนื้อภายใน มันลั่นในสำนึกราวถูกบีบคั้นและยังความปวดแปลบเพราะเป็นครั้งแรกของการสูญเสียพรหมจรรย์ จิ้นเหอดึงดันความแข็งแกร่งเพื่อให้ตัวเขาและนางสอดประสานกันแนบสนิททุกอณู ฟางซินกดปลายเล็บลงบนไหล่กว้างและกรีดมันบนแผ่นหลังของเขา นางนิ่วหน้าและส่งเสียงลึกในลำคอ“อือ...อา...อือ...จิ้นเหอ...ช่วยข้าด้วย...ชะ...ช่วยด้วย”“ฟางซิน...อา...อา”เสียงแหบปร่าของทั้งสองสอดประสานกันเสมือนร่างแกร่งของเขาและร่างแน่งน้อยของืนางที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวราวกับว่าเวลาได้หยุดเดินลง ณ ห้วงยามแห่งปรารถนา จิ้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-09
  • นางมารหมื่นบุปผา   66

    ฟางซินกอดเขาตอบและจุมพิตปลายคางจิ้นเหอเบา ๆ“ถึงทำเช่นนั้นได้ข้าก็คงมิอาจทำได้ลง”“ด้วยเหตุผลอันใด”“เพราะข้ารักท่าน...ได้ยินหรือไม่เล่าว่า...ข้ารักท่าน”แม้เขาจะมิตอบกลับมาเฉกเดียวกันหากแต่หญิงสาวกลับมีความสุขและความอิ่มเอมใจยิ่งนักที่ได้เปิดเผยความนัยต่อเขาแม้รู้อวสานแห่งโชตชะตาคืบใกล้เข้ามาทุกขณะ และ ณ ขณะนั้นแม่ทัพหนุ่มยังมิยอมคลายอ้อมแขน เขายิ่งกระหวัดรัดร่างบอบบางไว้แนบแน่นและกระซิบแผ่วบนพวงแก้มงาม“แม้ว่าข้าจะพาเจ้ากลับวังหลวงเพื่อรับโทษอย่างนั้นหรือ ฟางซิน”“หากข้ามีชีวิตอยู่ถึงเวลานั้นจะยอมรับโทษทัณฑ์โดยมิมีข้อแม้”“ฟางซิน...”จิ้นเหอเสียงแหบแผ่ว เขาจุมพิตบนหน้าผาก ปลายจมูกและจรดริมฝีปากลงนาบสนิทกลีบปากบอบบางที่เผยอรับด้วยความเต็มตื้น สายลมปลิดปลิวโลมไล้ร่างหนุ่มสาวที่สอดประสานอาบด้วยแสงเงินยวง บทรักเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งราวทั้งสองปรารถนาตักตวงความหวานชื่นจากกันและกันเพื่อให้มันประทับลงไปในความทรงจำก่อนคืนวันแห่งความเจ็บปวดจะเดินทางมาเยือนอีกครั้ง แม่ทัพหนุ่มรู้สึกตัวอีกครั้งจากหลับไหลหลังราตรีอันยาวนานด้วยรสเสน่หาที่ทั้งเขาและฟางซินต่างปรนเปรอต่อกันด้วยบทพิศวาส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-09
  • นางมารหมื่นบุปผา   67

    หญิงสาวนางหนึ่งกล่าวขึ้นและปล่อยให้หญิงอีกสองนางช่วยกันยกร่างหนาใหญ่ที่นอนแน่นิ่งขึ้นพาดไว้บนหลังม้าอีกตัว เฟยจูมองตามหนึ่งในสองคนของนางพาจิ้นเหอออกไปไกลจนลับตาก่อนจะหันหน้ากลับไปยังปากถ้ำ นางหันไปยิ้มกับผู้ติดตามที่ยังเหลืออีกคนพร้อมทั้งกล่าวว่า“ยังเหลือแต่ฟางซิน เข้าไปจับตัวนางกันเถอะ”นางกระหยิ่มหมายมาดด้วยได้รับคำสั่งจากมี่อิงให้ติดตามมาเพื่อจับตัวเฉิงจิ้นเหอกลับไปส่วนฟางซินมี่อิงไม่ต้องการให้เก็บไว้และเฟยจูซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รับใช้และร่วมมือกับมี่อิงหักหลังพรรคมารมาโดยตลอดก็คิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายที่จะจับตัวนางมารผู้ซึ่งไร้วรยุทธ์ นางก้าวเข้าไปในถ้ำพร้อมผู้ติดตามอย่างระมัดระวังและเมื่อไปหยุดที่ลำธารกลางถ้ำก็ผงะนิ่งเมื่อเห็นร่างของฟางซินที่นั่งอยู่บนลานหินริมน้ำ นางหันกลับมาและส่งเสียงลอดลำคอเบาๆ“เฟยจู...”“ท่านประมุข...ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”เฟยจูกล่าวขณะก้าวเข้าไปหยุดตรงหน้านางมารหมื่นบุปผาซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นถึงประมุขพรรคบุปผาสวรรค์ ฟางซินยิ้มหมอง“ข้ามิเป็นอะไร เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่”“ข้าติดตามท่านมา”ฟางซินมีสีหน้าประหลาดใจ “แล้วเมื่อครู่เจ้าเห็นใครอยู่ที่นี่บ้าง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-09
  • นางมารหมื่นบุปผา   68

    “เหมยเหม่ยเดินทางไปหาข้าได้ทันก่อนที่ข้าจะเดินทางออกจากอารามเพื่อไปยังวัดใกล้เคียง ข้าจึงรีบมาเพื่อที่จะได้ช่วยเหลือเจ้า”ไต้ซือเฒ่ากล่าวขึ้น ฟางซินมองหยางเซิงด้วยความซาบซึ้งใจ เขาคือคนเดียวที่ไม่เคยทอดทิ้งนางในยามคับขัน เขามักปรากฏตัวทุกครั้งยามที่นางตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์อันเลวร้าย“แล้วหวังซื่อล่ะ เหมยเหม่ย เจ้าพบเขาได้อย่างไร”“ข้ากับท่านไต้ซือกำลังเดินทางไปยังพรรคบุปผาสวรรค์เพื่อให้ทันช่วยท่านประมุขแต่ก็ได้พบเขากลางทางเสียก่อนถึงได้รู้ว่าท่านแม่ทัพเฉิงพาท่านประมุขหนีไปแต่พลัดหลงกับเขาเสียก่อน พวกเราออกตามหาท่านและได้มาเห็นม้าของท่านแม่ทัพเฉิงถูกล่ามไว้หน้าถ้ำ ข้าสังหรณ์ไว้แล้วว่าต้องเกิดรื่องไม่ดี แล้วมันก็เป็นอย่างที่ข้าคิด หากมาช้าอีกนิดเฟยจูคงปลิดชีวิตท่านไปแล้ว...ท่านประมุข!”ผู้ติดตามสาวร้องขึ้นเมื่อเห็นหยดโลหิตไหลซึมที่มุมปากของฟางซินขณะนางนิ่วหน้า บัดนั้นเองเมื่อได้เห็นอาการของนางมารหมื่นบุปผาหยางเซิงไต้ซือจึงกล่าวออกมาว่า“ฟางซิน...นี่เป็นอาการของผู้กำลังสูญเสียพลังวัตต์และลมปราณในกายวิ่งวน...หรือว่าเจ้า...”เขาเอ่ยได้เพียงนั้นกลับเห็นใบหน้างามอาบด้วยรอยยิ้มหากเป็นรอยยิ้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-09
  • นางมารหมื่นบุปผา   69

    “เช่นนั้นเราก็ไปพร้อมกัน ทุกคนมีความสำคัญแม้อาจทันช่วยเหลือใครคนใดคนหนึ่งก็ตาม”ไต้ซือเฒ่าหันหลังและเดินกลับออกไปโดยมีหวังซื่อวิ่งตามไปติด ๆ เหมยเหม่ยร้องไห้ขณะกล่าวกับฟางซิน“ท่านประมุข...ที่ท่านหยางเซิงไต้ซือกล่าวมานั้น...”“อย่าได้เสียใจ เหมยเหม่ย” ฟางซินลูบใบหน้านางผู้ติดตามและยิ้มทั้งน้ำตา “บอกแล้วอย่างไรว่าคนเราเกิดมาล้วนต้องตาย ข้ารู้ตัวดีนับแต่จับคัมภีร์เล่มนั้นเป็นครั้งแรก รู้ตัวว่าข้าต้องเข็มแข็งมากเพียงไรหากสุดท้ายแล้วข้าเองที่แพ้พ่ายต่อความอ่อนแอของตัวเองดังที่ท่านแม่ว่าไว้”“ความรักของท่านที่มีต่อแม่ทัพเฉิงนั้นยิ่งใหญ่นัก และนี่คือความรักของสตรีที่บุรุษมิอาจหยั่งรู้ว่ามันลึกซึ้งมากเพียงไหน ท่านยอมสละสิ้นทุกอย่างเพื่อรัก ข้าเหมยเหม่ยนับถือน้ำใจท่านประมุข...แต่...มันจะมิมีทางใดช่วยให้ท่านรอดพ้นจากความตายในชีวิตอันแสนสั้นนี้ได้เทียวหรือ”“ข้ายังมิรู้เลย และถึงมีหนทางก็คงยากยิ่ง ช่างมันเถิด...อย่าได้คิดถึงอนาคตนั้นเลย คิดถึงเวลานี้ที่เราจะต้องเดินทางกลับไปยังพรรคบุปผาสวรรค์ และบัดนี้ข้าเป็นเพียงคนนอก มิใช่ประมุขพรรคอีกต่อไป”“แต่ท่านก็ยังเป็นท่านประมุขของข้าเสมอ” เหมยเหมยกล่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-09
  • นางมารหมื่นบุปผา   70

    “มี่อิง...”เพ่ยหลินนิ่งอึ้ง นางเห็นประกายวาววับในดวงตาของนางมารดอกไม้เงินก้ให้บังเกิดความฉุกนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ นางคือผุ้ชุบเลี้ยงบุตรสาวบุญธรรมทั้งสองมาด้วยมือจึงรู้นิสัยของเด็กหญิงทั้งสองเป็นอย่างดี มี่อิงแตกต่างจากฟางซิน นางเป็นคนทะเยอทะยานใฝ่สูง มุทะลุและมิเคยใส่ใจต่อความใยดีของใครทั้งสิ้น และช่องว่างของมี่อิงคือความเจ้าอารมณ์ ควบคุมตัวเองให้อยู่กับร่องกับรอยมิได้ อยากได้อะไรต้องได้และเป็นคนคิดการไม่ใคร่รอบคอบ จุดอ่อนนี้เองจึงทำให้นางขาดคุณสมับติที่จะฝึกวิชาจากมหาคัมภีร์ยุทธ์อย่างเฟิงเหลย แต่ไม่ทันที่เพ่ยหลินจะได้กล่าวอะไรออกมานางก็ต้องชะงักค้าง หญิงวัยใกล้เจ็ดสิบยกมือขึ้นทาบอกเมื่อรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างแล่นจากช่องท้องขึ้นมมาจุกที่คอหอยจนถึงกับซวนเซ นางค้ำยันมือกับเก้าอี้ตัวใหญ่เมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติของลมปราณในกายที่แล่นไหลวนอย่างประหลาด แต่แล้วเพ่ยหลินก็ต้องผงะเมื่อรู้สึกถึงแรงดันจากในช่องท้องทวีความรุนแรงมากขึ้นกระทั่งและยิ่งตระหนกเมื่อโลหิตหยาดหนึ่งหยดจากริมฝีปากลงบนหลังมือ“ขะ...ข้าเป็นอะไรนี่...มี่อิง...”เพ่ยหลินเสียงแห้งโหยแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองบุตรบุญธรรมกลับพบร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-09

บทล่าสุด

  • นางมารหมื่นบุปผา   83

    “ต่อชีวิตเช่นนั้นหรือ?”“มันเป็นคัมภีร์ที่มีทั้งความเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดหากซุกซ่อนไว้ด้วยความแหลมคมอย่างที่สุด ครั้งหนึ่งฟางซินช่วยชีวิตท่านไว้ด้วยการถ่ายพลังลมปราณให้และพลังที่ไหลวนในตัวของท่านคือลมหายใจสุดท้ายของนาง”“แต่ตอนนี้ฟางซินอ่อนแอเหลือเกิน”“คนที่ต้องสังเวยชีวิตให้การฝึกวรยุทธ์จากคัมภีร์เฟิงเหลยคือผู้ตัดขาดตัวเองจากคนอื่นโดยปราศจากการเรียนรู้อย่างถ่องแท้ พวกเขาคิดเพียงว่าเมื่อสูญเสียสิ่งหนึ่งไปคือสูญสิ้นทั้งหมดหากทว่ามิใช่ แม้ฟางซินยอมสละทุกอย่างต่อท่านหากนางก็ยังมิสิ้นลมหายใจ นั่นเป็นเพราะนาง...ยังมีท่าน...แม่ทัพเฉิง จงพาฟางซินเดินทางไปยังบูรพทิศในยามตะวันทอแสง ท่านต้องอยู่เคียงข้างนางเสมอ อย่าได้ทอดทิ้งฟางซินเพราะท่านคือผู้นำพาหัวใจของนางและนางก็เปรียบเสมอโคมทองส่องสว่างในหัวใจของท่านไปยังสุดเขตแดนเพื่อตามหาปัญญาชนในสายลมหนาว พวกเขาจะรับรู้เรื่องราวของพวกท่านโดยมิต้องเอ่ยปากบอกเล่าใดๆ”“ปัญญาชนในสายลมหนาว...หนทางนั้นยาวไกลหรือไม่กว่าที่ข้าและฟางซินจะได้พบ”“หากท่านพร้อมยอมเสียสละเพราะมันอาจหมายถึงตลอดชีวิตของท่าน...และนาง”“เสียสละเช่นนั้นหรือ”“จิ้นเหอ...ท่านจะทำอะไร”ฟางซ

  • นางมารหมื่นบุปผา   82

    “เจ้ากลับมาหาข้าแล้ว ฟางซิน”เสียงที่เปล่งออกมายังความประหลาดใจแก่จิ้นเหอด้วยเป็นสรรพเสียงที่ดังกังวานไปถึงเบื้องนอกเมื่อครู่ นางอยู่ในนี้แล้วรู้ได้อย่างไรว่ามีคนเข้ามาในหอตะวันตก“นั่งก่อนเถิด...เจ้าทั้งสอง”นางเชื้อเชิญพลางผายมือเรียวบางไปเบื้องหน้า แม่ทัพหนุ่มก้าวไปหยุดอยู่ห่างออกมาสามสี่ก้าวก่อนค่อย ๆ วางร่างของฟางซินลงก่อนเขาจะหย่อนตัวนั่งเคียงข้างหญิงสาว จิ้นเหอพินิจร่างบอบบางของผู้อยู่เบื้องหลังเตาเหล็ก เจ้าของใบหน้างดงามราวเด็กสาวและแววตาน้ำตาลแวววาวเจิดจรัสราวกับมีรัศมีบางอย่างเปล่งออกมา“ฟางซินบอกข้าว่าท่านคือเทพพยากรณ์”“เรียกข้าว่าจิว”นางกล่าวขณะหยิบกลีบดอกไม้โรยลงในเตาบังเกิดควันพวยพุ่งก่อนจางหายไปอย่างรวดเร็ว“ฟ้าดินเท่านั้นลิขิตชีวิต ข้ารู้เท่าที่ข้ารู้แต่มิอาจล่วงรู้ความลับสวรรค์”“เช่นนั้นท่านก็คงรู้แล้วว่าที่เรามาที่นี่ก็เพื่อสิ่งใด...ข้าคือ เฉิงจิ้นเหอ แม่ทัพแห่งองค์ซ่งไท่จู่”“แม่ทัพเฉิง ข้าเคยบอกฟางซินแล้วว่าวันหนึ่งนางต้องกลับมาหาข้า”“และเป็นดังเช่นท่านกล่าวไว้จริงๆ”ฟางซินเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนเบา ทว่าน่าประหลาดที่รู้สึกถึงเรี่ยวแรงฟื้นคืนกลับมากกว่าเก่าเมื่อเข้

  • นางมารหมื่นบุปผา   81

    หวังซื่อถาม หลวนคุนลุกขึ้นยืนและยืดไหล่หลังตรงอย่างสง่า เขาเชิดหน้าขึ้น“ข้าจะบอกทุกคนว่า....ลุงของข้าประมือกับนางมารหมื่นบุปผา ต่างคนต่างพลาดพลั้งเสียทีต่อกันทำให้ลุงของข้าและประมุขพรรคมารต่างสิ้นลมด้วยกันทั้งคู่”คำตอบนั้นทำให้ทุกคนเงียบกริบด้วยยอมจำนนต่อสติปัญญาของหลวนคุน ทุกคนรู้ว่าเขามิได้ปกป้องตัวเองด้วยเกรงถูกมองว่าเณรคุนเพราะหากมิทำเช่นนี้ก็จะเกิดข้อสงสัยแก่ผู้ที่มีใจภักดิ์ดีต่อเจ้าสำนักเฟิงอี้ที่สิ้นลมไปแล้วอย่างไป่เจี้ยนได้ ขณะนั้นจิ้นเหอกลับกอดฟางซินแนบแน่นยิ่งขึ้น เขากระซิบกับนางด้วยเสียงแม้ห้าวหนักทว่าอ่อนหวานยิ่งนัก“ฟางซิน...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หวงซานนี้จะถล่มฤาแผ่นฟ้าจะแหลกสลายลง หากข้าก็จะขออยู่เคียงข้างเจ้า...มิหนีไปไหน”หลังจากนั้นมินานที่หลวนคุนเป็นผู้นำทุกคนกลับไปยังพรรคเฟิงอี้ ทั้งแม่ทัพเฉิงจิ้นเหอ หวังซื่อผู้ติดตาม หยางเซิงไต้ซือ รวมทั้งเหมยเหม่ยที่คอยดูแลฟางซินซึ่งนางอ่อนแรงลงทั้งจากลมปราณปรวนแปรและจากการใช้กำลังที่เหลือเพียงน้อยนิดต่อสู้กับทั้งไป๋เจี้ยนและมี่อิง นางทิ้งพรรคบุปผาสวรรค์ที่บัดนี้ยังมิมีผู้ใดขึ้นเป็นประมุขไว้เบื้องหลังเพื่อมุ่งหน้าไปยังหอตะวันตก

  • นางมารหมื่นบุปผา   80

    แม่ทัพหนุ่มร้องด้วยความตกใจก่อนคว้าร่างของหญิงสาวที่ทรุดฮวบไว้ในอ้อมแขน นางลืมตาขึ้นมอง สติของนางยังคงอยู่หากแต่จิ้นเหอนั้นกอดร่างเล็กบอบบางไว้แนบแน่น“ฟางซิน...เจ้าเป็นอะไร”“ลมปราณในกายของนางกำลังปรวนแปร มันค่อย ๆ ทำลายตัวเองทีละน้อย”หยางเซิงไต้ซือตอบขณะก้าวเข้ามา จิ้นเหอแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่“นี่เป็นเพราะนางฝึกพลังลมปราณจากคัมภีร์เล่มนั้น และเป็นเพราะข้าที่ทำให้นางต้องเป็นเช่นนี้ มิมีวิธีใดเลยหรือที่จะช่วยรักษาชีวิตของนางไว้ให้ยืนยาวกว่านี้”ไต้ซือเฒ่าระบายลมหายใจขณะทำสีหน้าครุ่นคิด“เมื่อครู่นี้ข้าได้ยินมี่อิงเอ่ยถึงเทพพยากรณ์ ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องราวบุคคลผู้นี้ ผู้ซึ่งอาจช่วยฟางซินได้”“แต่ท่านไต้ซือบอกกับข้านี่มิใช่หรือว่าผู้ฝึกวิชาจากคัมภีร์ฟ้าคำรามหากสูญเสียพรหมจรรย์แล้วจะมิมีทางช่วยให้พ้นจากความตายได้”เหมยเหม่ยรีบเข้ามาดูอาการของฟางซินที่นอนหายใจรวยรินในอ้อมกอดของจิ้นเหอ หยางเซิงไต้ซือส่ายหน้า“ที่ข้าบอกจ้าเช่นนั้นเพราะมันเป็นเรื่องเล่ามาช้านาน ข้าเองมิเคยแน่ใจว่าเทพพยากรณ์มีอยู่จริง คนทั้งยุทธภพร่ำลือถึงบุคคลผู้มีญาณวิเศษ มองเห็นอนาคต บางคนว่าเป็นหนุ่มรูปงามราวเทพบ

  • นางมารหมื่นบุปผา   79

    มี่อิงตื่นตระหนกเมื่อรู้สึกปวดปลาบตั้งแต่หน้าผากไปจนถึงท้ายทอย ความเจ็บปวดนั้นราวกับมีเข็มเล็ก ๆ ทิ่มแทงอยู่บนหัวของนาง“อะ...อะไรกันนี่...อะไรกัน!!”ครานี้นางเป็นฝ่ายอุทานขึ้นบ้างเมื่อโลหิตมิใช่หยาดเดียวหยดลงมาอาบเต็มใบหน้าสวยที่บิดเบี้ยวด้วยความหวั่นกลัวและเจ็บปวด มี่อิงพยายามจะถอดมาลาประดับผมออกแต่สายเกินไปเมื่อนางรู้ตัวแล้วว่ากำลังต้องพิษร้ายจากมาลาของประมุข นางกรีดร้องเสียงดัง“กรี๊ด!...ทำไมเป็นเช่นนี้...ฟางซิน...เจ้าใช่ไหม...เจ้าวางยาพิษในมาลานี่ใช่ไหม!”“มิใช่ข้าดอกมี่อิง” ฟางซินตอบด้วยน้ำเสียงอันแน่วนิ่ง “หากแต่นี่คือสิ่งที่ผู้มิใช่ประมุขมิมีวันรู้เกี่ยวกับการได้ครอบครองเสื้อคลุมและมาลาของประมุขพรรคบุปผาสวรรค์”“มะ...มิรู้เช่นนั้นรึ...มิรู้อันใด...โอย...ข้ามิรู้สิ่งใด”มี่อิงร่ำร้องและพยายามถอดมาลาออกจากหัวของนางเพราะความเจ็บปวดทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ ใบหน้าบิดเบี้ยวของนางอาบด้วยโลหิตแดงฉานที่ไหลหลั่งลงอาบเสื้อคลุมขนาดที่คนติดตามคอยรับใช้ยังถอยหนีด้วยความสะพรึงกลัว ฟางซินก้าวไปหยุดตรงหน้าบันไดซึ่งทอดตัวขึ้นไปสู่บัลลังค์ทองงาช้าง นางส่ายหน้าไปมาขณะมี่อิงซวนเซจนล้มนั่ง โลหิตมากม

  • นางมารหมื่นบุปผา   78

    “ท่านมีบุญคุณต่อข้าใยจะมิสำนึก แต่หากมิทำเช่นนี้แล้วก็มิมีวันที่จะหยุดความทะเยอทะยานของท่านได้ อภัยให้ข้าด้วย...ท่านลุง”หลวนคุนนั่งคุกเข่าและวางคันธนูลงข้างลำตัว ไป๋เจี้ยนเหยียดปากทั้งน้ำกบดวงตา“ข้ามินึก...ทั้งที่มีคนเตือนข้าแล้วว่าให้ระวังคนใกล้ตัว...ข้านึกไปมิถึง...นึกมิถึงเลยจริง ๆ ว่าที่แท้...คนใกล้ตัวก็คือ...เจ้า...”เจ้าสำนักเฟิงอี้ตาเหลือกถลนเมื่อผ่อนลมหายใจสุดท้ายด้วยมิทานทนต่อความเจ็บปวดจากดอกศรที่ปักเข้าบนอกด้านซ้ายพอดิบพอดีก่อนจะล้มตึงลงนอนคว่ำหน้าดวงตาเบิกค้างและผู้ที่ตกใจมากที่สุดเห็นจะไม่พ้นมี่อิงที่ผงะงันและถอยไปเบื้องหลัง“ไป๋เจี้ยน...”จิ้นเหอครางชื่อเจ้าสำนักเฟิงอี้ที่ขาดใจตายลงต่อหน้าอย่างมิน่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ขณะฟางซินปรี่เข้าไปหา ทั้งสองกอดกันแนบแน่นราวกับได้เกิดใหม่“หลวนคุน...ท่านทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว”หวังซื่อเอ่ยกับหลวนคุนแต่ไม่ทันจะพูดอะไรต่อก็ได้ยินเสียงมี่อิงกังวานขึ้น“ถึงมิมีไป๋เจี้ยนแล้วแต่พวกเจ้าหยุดข้ามิได้ดอก!”นางมารดอกไม้เงินเหยียดยิ้มเยาะก่อนหันไปยังคนสนิทอีกสองคนที่ยังไม่ยอมออกไปจากห้องโถงใหญ่ดังคนอื่น ๆ ที่แตกตื่นวิ่งหนีออกไปเกือบสิ้น หญิงสา

  • นางมารหมื่นบุปผา   77

    ดังนั้นนางจึงมิอาจต้านทานกำลังอันกล้าแกร่งของอีกฝ่ายได้จึงถูกซัดฝ่ามือใส่จังหวะที่นางพลาดท่าจนล้มกลิ้งไปนอนกับพื้น ฟางซินพยายามหยัดกายลุกขึ้นทั้งที่กระอักเลือดเปิดโอกาสให้ไป๋เจี้ยนพุ่งเข้าหาเพื่อหวังจะซัดฝ่ามือซ้ำแต่จิ้นเหอกลับเข้ามาขวางและถูกพลังลมปราณของไป๋เจี้ยนจนเขาเองก็ถึงกับหงายหลังลงไปนอนบนพื้น ไป๋เจี้ยนสบโอกาสหยิบกระบี่ขึ้นมาแล้วจ่อไปที่คอหอยของแม่ทัพหนุ่มอีกครั้งขณะหันไปยังฟางซินที่มองด้วยความตระหนก“จิ้นเหอ!”“นางมารหมื่นบุปผา เห็นหรือยังว่าพวกเจ้ามิอาจต้านกำลังของข้าได้ หากเจ้าอยากให้แม่ทัพเฉิงมีชีวิตอยู่ต่อไปก็จงบอกที่ซ่อนคัมภีร์มาเดี๋ยวนี้”“อย่า!” จิ้นเหอตะโกนบอกทั้งที่ไป๋เจี้ยนกดปลายกระบี่ลงบนคอของเขาจนเลือดเริ่มซึมออกมา “อย่าบอกที่ซ่อนคัมภีร์ให้พวกคนใจชั่ว ถึงข้าตายก็มิเสียดายถือเสียว่าได้ทำคุณแก่แผ่นดินด้วยการปกป้องคนดีจากคนชั่ว”“ไม่...จิ้นเหอ...จิ้นเหอ”ฟางซินร่ำร้องเมื่อเห็นเลือดไหลจากรอยกรีดลึกของคมกระบี่บนคอแม่ทัพหนุ่ม หัวใจของนางราวกับจะขาดเสียให้ได้แต่มี่อิงกลับหัวเราะเย้ยเสียงดัง“หากเจ้าอยากให้คนที่เจ้ารักมีชวิตอยู่ใยจึงไม่บอกที่ซ่อนคัมภีร์แก่ท่านไป๋เจี้ยนเล่

  • นางมารหมื่นบุปผา   76

    “แม่ทัพเฉิง มีสิ่งใดน่าขัน”“หึ...จะมิให้ข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องหัวเราะได้อย่างไร ท่านติดตามหาคัมภีร์เล่มนั้นจนแล้วจนรอดก็ยังมิได้ครอบครอง คิดว่าสวรรค์คงมีตามิเข้าข้างคนใจโฉดเช่นเจ้า”“ถึงขนาดนี้แล้วเจ้ายังกล้าปากดีอยู่อีกรึ ยศฐาและตำแหน่งของเจ้าใช้ได้ต่อหน้าฮ่องเต้เท่านั้น หากแต่เมื่อเจ้าอยู่ที่นี่ก็หาได้มีความหมายเพราะเจ้าเป็นเพียงเชลยที่มิรู้ชะตากรรมว่าจะตายเสียเมื่อใด”“ข้ายินดีตาย...หากมันจะแลกได้กับการไถ่โทษที่ข้าปรารถนามอบมันให้กับ...หญิงที่ข้ารัก”จิ้นเหอกล่าวขณะหันกลับไปยังฟางซินที่ยืนผงะนิ่งท่ามกลางเหมยเหม่ย หวังซื่อรวมทั้งหยางเซิงไต้ซือที่มองคนทั้งสอง ฟางซินมิคิดว่าจะได้ยินคำกล่าวนั้นจากปากของแม่ทัพเฉิงจิ้นเหอ แม่ทัพหนุ่มผู้เคยมีหัวใจเย็นชาราวหินผาและครั้งหนึ่งเคยโกรธเกลียดเคียดแค้นนางมารหมื่นบุปผาถึงขนาดจะสับร่างนางเป็นหมื่นชิ้น ฟางซินน้ำตาซึม“จิ้นเหอ...”“ถึงข้าตายเสียตอนนี้ก็มิรู้สึกว่าเสียดายชีวิต ข้ายอมสละตัวเองได้เพราะเจ้าจะมิมีวันได้คัมภีร์เล่มนั้นจากนางมารหมื่นบุปผาดอกไป๋เจี้ยน!”จิ้นเหอฉวยจังหวะที่ไป๋เจี้ยนพลั้งเผลอเพียงเวลาพลิกฝ่ามือดึงโซ่ตรวนที่พันธนาการข้อมือรวบ

  • นางมารหมื่นบุปผา   75

    เสียงที่ดังก้องขึ้นทำให้ทั้งหมดในที่นั้นหันกลับไปมองพร้อมกัน มี่อิงเลิกคิ้วขึ้นขณะไป๋เจี้ยนก็หันไปดังขวับส่วนจิ้นเหอเมื่อเหลียวกลับไปก็ได้เห็นคนที่เขาอยากพบมากที่สุดในเวลานี้ ฟางซินยืนอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมด้วยเหมยเหม่ย หวังซื่อและหยางเซิงไต้ซือซึ่งเขาจำได้มิเคยลืมเมื่อครั้งเคยมาเยือนหวงซาน ณ อารามวัดโค้วอิงยี่ ทั้งหมดยืนอยู่ท่ามกลางคนพรรคมารที่ต่างจ้องมองด้วยความประหลาดใจ จิ้นเหอสบนัยน์ตานางมารหมื่นบุปผาด้วยหัวใจรุ่มร้อน หากมิตายเสียก่อนก็จะขอให้นางอภัยต่อความโง่เขลาที่เยขาหลงเชื่อคนใจคดอย่างมี่อิงและไป๋เจี้ยน แต่แล้วมี่อิงกลับระเบิดเสียงหัวเราะขึ้น“ฮ่าๆๆๆๆ....มาแล้วรึเจ้าพวกแมงเม่า ฟางซิน...ข้านึกไว้แล้วเชียวว่าเจ้าต้องหวนกลับมาที่นี่อีกครั้งเพราะเจ้าคงมิอาจทนเห็นคนรักของเจ้าตายอย่างทุกข์ทรมานอยู่ที่พรรคบุปผาสวรรค์เป็นแน่แท้”“มี่อิง เจ้าเลิกก่อกรรมเสียที มิรู้หรืออย่างไรว่าเจ้ากำลังเล่นกับสิ่งใด หากเกิดอะไรขึ้นกับแม่ทัพเฉิงคนจากวังหลวงย่อมมิปล่อยเจ้าไว้ให้เป็นเสี้ยนหนามแผ่นดิน”“ข้าไม่กลัว! คนจากวังหลวงหรือเป็นเพราะเจ้าห่วงเขากันแน่ มาวันนี้ก็ดีแล้วจะมาเป็นพยานให้กับข้าในการขึ้นเป็นป

DMCA.com Protection Status