#กรุงเทพเรามาถึงกรุงเทพช่วงเย็นๆ เพราะช่วงเช้าคุณเหนือต้องไปธุระ พอมาถึงที่บ้านก็ถูกสายตาลูกน้องของคุณเหนือมองอย่างงุนงงกันแทบทุกคน เพราะก่อนจะไปต่างจังหวัดคุณเหนือยังทำตัวเย็นชาแถมยังไล่ฉัน แต่พอกลับมาจากต่างจังหวัดเขาเหมือนแมวน้อยตัวหนึ่งของฉัน และยังเป็นแมวน้อยที่แสนจะขี้อ้อนอีกด้วย“มองอะไร ไม่เคยเห็นคนมีความรักหรือไง”คุณเหนือหันไปตวาดถามลูกน้องในขณะที่กำลังกอดเอวฉันเดินเข้าบ้าน น้ำเสียงอำมหิตต่างจากคำพูดติดตลกของคุณเหนือทำให้ลูกน้องของเขาแตกกระเจิงไปคนละทิศคนละทาง“ไม่เห็นต้องทำเสียงดุแบบนั้นเลยค่ะ”“อ่า! เธอนั่นแหละทำไมต้องทำเสียงดุ ก็พวกมันมองฉันก็แค่ถาม”“ก็ถามเสียงปกติก็ได้นี่คะ ไม่เห็นต้องถามเสียงดุเลย”“ขึ้นห้องดีกว่า” คุณเหนือเดินนำฉันเข้าไปในลิฟต์ฉันจึงรีบตามเขาไป“จะไปไหน ?” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามเมื่อฉันกดลิฟต์ที่ชั้นสี่“ก็ห้องรินอยู่ชั้นสี่นี่คะ”“ห้องเธออยู่ชั้นห้าต่างหาก”“…คะ ?”“ต่อไปนี้เตียงที่เธอต้องนอนทุกคืนคือเตียงของฉัน ไม่สิไม่ใช่ทุกคืน” คุณเหนือหยุดพูด เขาโน้มใบหน้าลงมาใกล้ๆ แล้วพูดเสียงหวาน “ฉันหมายถึงตลอดชีวิต”“คุณเหนือบ้า” ฉันตีอกแกร่งเบาๆ “ทำไมชอบพูดให้
“เข้าไปกับฉันไหม ?” คุณเหนือหันมาถาม แน่นอนว่าฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆ พอฉันส่ายหน้าคุณเหนือก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ โดยที่ไม่ได้บังคับอะไรฉันเล่นมาแบบไม่ทันตั้งตัวอย่างนี้ ฉันทำใจไม่ทันคุณเหนือปล่อยมือออกจากเอวของฉัน จากนั้นก็เปิดประตูเข้าไปในห้องทำงาน หัวใจดวงน้อยมันยังเต้นรัวไม่ยอมหยุดเลยตอนนี้“ทำไมไม่เข้าไปเจอท่านล่ะริน” พอคุณเหนือเข้าไปในห้องทำงานแล้วพี่รุ้งก็รีบถามขึ้นมาด้วยสีหน้าที่แปลกใจ“จะบอกนะ ตอนที่คุณเหนือยังเลี้ยงพวกอีหนูไว้เนี่ย หล่อนพวกนั้นเสนอหน้าอยากเจอท่านกันทั้งนั้น เพราะการจะได้เจอท่านต้องเป็นคนสำคัญของคุณเหนือมากๆ”“…รินยังไม่พร้อมค่ะ”“ไม่พร้อมอะไรกันริน ถ้าเป็นพี่นะคงยิ้มหน้าบานวิ่งแจ้นไปแนะนำตัวกับท่านแล้วว่าเป็นอะไรกับลูกชายเขาน่ะ”“คือรินกลัว มันรู้สึกเหมือนรินยังไม่คู่ควรกับเขา…”“คิดแบบนั้นได้ยังไง คุณเหนือเลือกรินเขายังมองข้ามเรื่องนี้ไปเลยนะ”“……” นั่นสิ ทำไมต้องเป็นฉันที่เอาแต่กังวลด้วยนะ“ท่านใจดีเชื่อพี่สิ ^_^”ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ได้ฟังคำพูดของพี่รุ้งแล้วมันทำให้มีความรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาเยอะเลย“สู้ๆ ริน!” พี่รุ้งยกมือขึ้นมาเป็นกำลังใจให้ฉัน
“อยากให้ล็อกห้องก่อน ?” คุณเหนือถาม เขามองเรือนร่างของฉันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์“กะ ก็ถ้าจะทำแบบนั้นก็ต้องล็อกห้องก่อนสิคะ”คำตอบของฉันทำให้คุณเหนือยิ้มมุมปากออกมาอย่างพอใจ เขารีบลุกขึ้นไปล็อกประตูห้องทันที จากนั้นก็กลับมาคร่อมบนตัวของฉันเหมือนเดิม“ฉันไม่มีถุงยาง”“ไม่มีหรือตั้งใจไม่ใส่กันแน่ค่ะ” ฉันถามอย่างรู้ทัน คนอย่างคุณเหนือถ้าเขาคิดจะป้องกันจริงๆ มีเหรอจะพูดว่าไม่มีถุงยางอนามัย“แล้วเธอคิดว่ายังไง ?” เมื่อถามจบใบหน้าคมคายก็ก้มลงมาซุกไซ้ลงบนซอกคอของฉัน พร้อมกับฝ่ามือใหญ่ที่ทำหน้าที่ปลดเม็ดกระดุมเสื้อนักศึกษาที่ฉันสวมใส่ออกทีละเม็ดๆ“เจ้าเล่ห์จังเลยนะคะ อื้อ อ๊า~” ฉันกัดริมฝีปากของตัวเองแน่นเมื่อริมฝีปากหนาลากจากลำคอขึ้นมาขบกัดใบหูเบาๆ ทำเอาขนอ่อนตามร่างกายลุกชูชันด้วยความเสียวสยิวเสื้อนักศึกษาที่ถูกปลดกระดุมออกจนครบทุกเม็ดถูกคุณเหนือแหวกแยกออกจากกัน เขาสอดมือมาทางแผ่นหลังของฉันเพื่อปลดตะขอบราเซีย จากนั้นก็เลื่อนใบหน้าลงมาบริเวณเนินอกอวบฉันได้แต่นอนบิดเร่าร่างกายอย่างเสียวซ่านจากการปรนเปรอของคนด้านบน แม้ว่าเราจะมีอะไรกันมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ฉันก็ยังตื่นเต้นกับสัมผัสของเขาอยู่เสมอ“
ฉันตัดสินใจไม่เล่าเรื่องของนาลินให้คุณเหนือฟัง ถ้าเขาถามฉันถึงจะบอก เพราะคิดว่าเราอยู่แบบนี้มันโอเคแล้ว การพูดถึงบุคคลที่เคยสร้างความเจ็บปวดให้มันไม่ใช่ผลดีต่อความรู้สึกสักเท่าไหร่ ยิ่งคนนั้นเป็นน้องสาวของฉันด้วยก่อนจะกลับบ้านคุณเหนือพาฉันแวะมาที่ห้างสรรพสินค้าก่อน รู้ไหมเขาพาฉันมาทำไม พาฉันมาซื้อชุดคลุมท้องอย่างที่เคยบอกตอนที่อยู่ต่างจังหวัดตอนนั้นว่าถ้ากลับมากรุงเทพแล้วจะซื้อให้ฉันทุกวัน คุณเหนือทำแบบนั้นจริงๆฉันเองก็ไม่รู้จะพูดยังไง เพราะพูดไปเขาก็ตีมึนใส่ไม่ฟังอะไร ส่วนตอนนี้เรากำลังเดินดูชุดเด็กทารกและของเล่นเด็กกันอยู่“ถ้ามีลูกฉันจะซื้อรถคันนั้น เธอว่าลูกจะชอบไหม ?” คุณเหนือชี้ไปที่รถยนต์ไฟฟ้าแบบของเด็ก ซึ่งพอเห็นราคาแล้วฉันก็ต้องรีบเบรกไว้ทันที“อย่าเพิ่งคิดเลยค่ะ คงอีกนานกว่าเราจะมีลูกด้วยกัน รินว่าเราเปลี่ยนไปดูโซนอื่นกันดีไหมคะ”ฉันรีบพาคุณเหนือเดินออกมาจากโซนที่เป็นร้านเสื้อผ้าและของเล่นเด็กทันที ในสมองของเขาคงจะคิดถึงเรื่องที่อยากมีลูก โดยไม่ฟังเลยทั้งที่ฉันบอกว่ายังไม่พร้อม ถึงจะคาดการณ์ล่วงหน้าไว้ก็เถอะ แต่มันจะคิดล่วงหน้าหลายปีเกินไปไหม“นั่นน้ำมนต์นี่คะ” พอเดินมาได้
“มะ ไม่ได้นะคะ หยุดกินไม่ได้” ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆ จะบอกให้ทำอะไรก็ได้ แต่มาบอกให้หยุดกินยาคุมฉันทำให้ไม่ได้จริงๆ ตอนนี้“เธอทำไมถึงชอบดื้อกับฉันจังนะวาริน”“รินไม่ได้ดื้อนะ เรื่องนี้เราคุยกันรู้เรื่องแล้วต่างหาก”“เรา ?” คุณเหนือขมวดคิ้ว ทำเหมือนเขาไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น“ก็ได้ค่ะถ้าจะไม่ให้รินกินยาคุม รินไม่กินก็ได้”“พอฉันบอกแบบนั้นคุณเหนือก็ยิ้มหวานออกมาทันที”“แต่คุณเหนือต้องสวมถุงยางอนามัย”“ไม่” พอฉันยื่นข้อเสนอไปแบบนั้นคุณเหนือก็รีบปฏิเสธออกมาเสียงแข็งทันที“ถ้าไม่ ก็ห้ามมีอะไรกับริน”คำพูดของฉันทำให้คุณเหนือถอนหายใจออกมาแรงๆ เขาทำหน้าบึ้งตึงเดินไปนั่งลงบนเตียง“เลือกมาสิคะ จะให้รินกินยาคุม หรือคุณเหนือจะสวมถุงยาง หรืองดมีอะไรกัน เลือกข้อไหนดีคะ”“ฉันเสียเปรียบทั้งหมด จะให้เลือกหรือไง”“คุณเหนือต้องเลือกค่ะ” ฉันยืนกอดอก พยายามไม่หลงกลใจอ่อนให้กับใบหน้าที่บูดบึ้งของคุณเหนือ“ขอสุดท้ายตัดทิ้งไปได้เลย ให้ตายยังไงฉันก็งดไม่ได้”“ค่ะ งั้นข้อหนึ่งกับข้อสองเลือกข้อไหนดีคะ”คุณเหนือลุกขึ้นยืนก่อนจะบอก “ก็ได้ฉันจะใส่ถุงยางทุกครั้งที่มีอะไรกับเธอ”พูดจบคุณเหนือก็ทำเหมือนจะเดินออกไ
ฉันนั่งรอคุณเหนืออยู่ในห้องพักใหญ่ ก่อนที่ประตูห้องจะถูกเปิดออกแล้วเห็นว่าคุณเหนือยกลังขนาดใหญ่เข้ามาภายในห้อง“นั่นอะไรคะ ?” ฉันถามทันทีที่คุณเหนือเอาลังนั้นวางลงที่พื้น“ถุงยางอนามัย”“ฮะ ถะ ถุงยางอนามัยเหรอคะ” ฉันถึงกับต้องยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตาว่าคุณเหนือจะซื้อมาเยอะขนาดนี้ มันเยอะมากจนรู้สึกมวนท้องน้อยไปหมด“ตกใจทำไม ฉันแค่ซื้อมาตุนไว้ ไม่ได้จะใช้ทีเดียวหมดลัง”ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ฉันก็ยังตกใจอยู่ดี เพราะมันเกินไปมากๆ“แต่ก็ไม่น่าจะซื้อยกลังแบบนี้นี่คะ”“ก็บอกว่าซื้อตุนไว้ไง” คุณเหนือพูดพร้อมกับเดินมาหาฉัน“วันนี้รินเหนื่อยแล้ว ขอเลื่อนเป็นพรุ่งนี้แทนได้ไหมคะ”พอฉันบอกไปแบบนั้นคุณเหนือก็ทำหน้าบึ้งทันที “ฉันอุตส่าห์รีบเจาะ…”“คะ ?” คิ้วของฉันขมวดชนกันทันทีเมื่อได้ยินที่คุณเหนือพูด แถมเขายังทำท่าทางเลิ่กลั่กอีกด้วย“ฉะ ฉันหมายถึงรีบไปซื้อมา”“เซ็กซ์กับริน คุณเหนือต้องการอะไรมากกว่ากันเหรอคะ”ฉันเลือกที่จะตั้งคำถามแบบนี้เพราะอยากรู้ คุณเหนือเอาแต่หมกมุ่นจนฉันแอบคิดไม่ได้ว่าเขาอาจจะต้องการแค่เซ็กซ์ไม่ใช่ฉันพอถามแบบนั้นออกไปคุณเหนือก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ พร้อมทั้งเดินม
ฉันรีบวิ่งขึ้นมาบนห้องเพื่อมาเอาโทรศัพท์กดโทรออกไปหาคุณเหนือ ไม่ได้จะโทรไปขอบคุณแต่จะโทรไปต่อว่าที่เขาใช้เงินมากมายซื้อของพวกนี้มา( ชอบของที่ฉันซื้อให้หรือเปล่า )พอฉันกดรับสายคุณเหนือก็ถามคำนี้ออกมา เขาดูจะมีความสุขไม่ได้เดือดร้อนที่เสียเงินไปมากมายมหาศาลเลยสักนิด เป็นฉันคนเดียวที่นึกเสียดาย( ไม่ชอบค่ะ )( ถ้าอย่างนั้นเธอชอบแบบไหน เดี๋ยวประชุมเสร็จฉันจะพาไปเลือกใหม่ )แทนที่จะหงุดหงิดหรือโกรธที่ฉันไม่ชอบ แต่คุณเหนือกลับอารมณ์ดีแถมจะพาฉันไม่เลือกใหม่อีกต่างหาก( รินไม่ชอบให้คุณเหนือใช้เงินฟุ่มเฟือยแบบนี้ )( ฟุ่มเฟือยที่ไหนกัน เงินแค่ไม่กี่สิบล้าน )( สะ สิบล้านเลยเหรอคะ )( ห้าสิบกว่าล้าน ) คุณเหนือตอบกลับมาทำให้ฉันแทบจะเป็นลมจนต้องจับขอบเตียงเพื่อพยุงตัวเองเขาพูดออกมาง่ายๆ คำว่าห้าสิบล้าน ไม่รู้สึกเสียดายบ้างหรือไง( ต่อไปนี้ห้ามใช้เงินแบบนี้อีกนะคะ รินอยากให้คุณเหนือเก็บเงินไว้ )( เดือนๆ หนึ่งบริษัทฉันได้กำไรร้อยกว่าล้าน ของพวกนั้นฉันตั้งใจอยากจะซื้อให้ แต่ถ้าเธอไม่ชอบจะเอาไปทิ้งในถังขยะฉันก็ไม่ว่าอะไร )( อย่ามาประชดกันแบบนี้นะคะคุณเหนือ )( ในเมื่อฉันตั้งใจจะให้แต่เธอไม่รับ จ
คุณเหนือแบกตัวของฉันมาที่ห้องนอน เขาไม่ยอมวางฉันลงไม่ว่าจะดิ้นแรงแค่ไหนตุบ! ร่างของฉันถูกโยนลงบนเตียง ย้ำนะคะว่าโยน ถึงเตียงมันจะนิ่มแต่ก็รู้สึกเจ็บอยู่ดี“ทำไมต้องรุนแรงด้วยล่ะคะ” บอกตามตรงว่ามันเริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาอีกครั้ง คุณเหนือจะวางฉันลงดีๆ ก็ได้นิ ไม่เห็นจำเป็นต้องโยนกันรุนแรงแบบนี้เลย“เธอพูดไม่ฟังเอง”“ก็คุณเหนือนั่นแหละงี่เง่า”“ฉันงี่เง่า ? งี่เง่าตรงไหน”“ก็ตรงที่ขี้น้อยใจเหมือนผู้หญิงไงล่ะคะ”โอเคฉันรู้แหละว่าการทะเลาะกันมันคือปัญหาปกติของชีวิตคู่ แต่ก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้สักนิด แต่มันเหลืออดจริงๆคุณเหนือพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เขายกมือขึ้นมาเท้าเอวแล้วจ้องหน้าฉันพร้อมกับใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์เหอะ! เขาคิดว่าตัวเองหงุดหงิดเป็นคนเดียวหรือไง“เธอก็เลยประชดฉันด้วยวิธีนี้ว่างั้น ?”“ทำไมไม่ปล่อยให้รินเดินออกไปนอกบ้านล่ะคะ จะได้รู้ว่าประชดหรือเปล่า”“เสื้อชั้นในก็ไม่ใส่ ใส่แค่กางเกงในแบบนี้มั่นใจว่าเธอจะเดินออกไปที่สนามหญ้า”“ค่ะ รินจะไป”“วาริน!!”“ไม่ต้องมาทำเสียงเข้มขู่รินหรอกค่ะ คุณเหนือจะไปไหนก็ไม่บอกรินสักคำ แถมโทรไปไม่รับด้วย”“แต่เธอก็ไม่ควรทำแบบน