ในขณะที่หลินหลินและสองชายซ่อนตัวอยู่ในบ้านร้างอันเงียบสงัดนั้น เสียงฝีเท้าของโทโมะและพวกเขายังคงดังก้องเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ หัวใจของหลินหลินเต้นแรงจนเธอเกือบจะได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง เธอพยายามรักษาความสงบและไม่แสดงอาการกลัว แต่ภายในใจเต็มไปด้วยความตึงเครียดชายที่นำทางและชายวัยกลางคนพยายามมองหาทางออกอื่น แต่การหาทางหลบหนีในสถานการณ์แบบนี้ยิ่งเป็นไปได้ยาก พวกเขาได้แต่รอเวลา ขณะที่ความตึงเครียดเพิ่มพูนขึ้นทุกวินาที“เราต้องเตรียมพร้อม ถ้ามันเข้ามาเราจะได้ไม่เสียเปรียบ” ชายที่นำทางกระซิบหลินหลินมองไปรอบๆ บ้านร้างที่มืดทึม เธอรู้สึกถึงความเย็นที่ซึมผ่านผิว ทำให้เธอสั่นเล็กน้อย เธอรู้ว่าหากโทโมะตามมาถึงที่นี่จริง ๆ พวกเขาไม่มีทางหนีไปได้ไกลทันใดนั้น เสียงฝีเท้าหนักๆ ของโทโมะก็หยุดลงข้างนอกบ้าน เหมือนว่าเขาสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง โทโมะมองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาที่สงสัย เขาเหมือนกำลังดมกลิ่นอะไรบางอย่างแล้วค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ เสียงหัวเราะแผ่วเบาของเขาดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบงัน ทำให้หลินหลินรู้สึกเย็นสะท้าน“หนีมาถึงนี่เชียวเหรอ?” โทโมะกล่าวเสียงทุ้ม “คิดหรือว่าซ่อนตัวได้แนบเนียนขน
หลังจากที่ซาเอบะสามารถจัดการกับโทโมะจนเขาอยู่ในสภาพไม่สามารถต่อสู้ต่อไปได้ ทั้งสามยืนเผชิญหน้ากับเขาในบรรยากาศที่เงียบงัน โทโมะพยายามลุกขึ้นและหายใจหอบ แววตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง แต่ภายใต้ความโกรธแค้นนั้น เหมือนมีบางอย่างซ่อนอยู่ ซาเอบะรู้สึกถึงบางสิ่งที่ยังไม่ถูกเปิดเผย“ทำไมคุณถึงตามล่าฉันกับหลินหลินขนาดนี้?” ซาเอบะถามเสียงนิ่ง แต่เต็มไปด้วยความสงสัยโทโมะหัวเราะแผ่วเบา “นายยังไม่เข้าใจอีกหรือ? สิ่งที่ฉันทำมันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น” เขาพูดพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่น่ากลัว “นายคิดว่าเรื่องนี้จะจบแค่นี้หรือไง?”หลินหลินขมวดคิ้วมองโทโมะอย่างไม่เข้าใจ “หมายความว่ายังไง? คุณพูดเรื่องอะไรกันแน่?”โทโมะหยุดมองหลินหลินชั่วครู่ และสายตาของเขาเปลี่ยนไป เหมือนเขากำลังพิจารณาบางอย่าง “พวกเธอไม่รู้เลยสินะ…ว่าความจริงอยู่ใกล้แค่ไหน ความลับที่พวกเธอกำลังค้นหา…”ซาเอบะรู้สึกว่าคำพูดของโทโมะไม่ใช่แค่การยั่วเย้า แต่เหมือนมีความจริงซ่อนอยู่ในนั้น เขาเริ่มรู้สึกว่ามีเงื่อนงำบางอย่างที่ยังไม่ถูกเปิดเผย และสิ่งนั้นอาจเป็นกุญแจสำคัญในการไขคดีที่เขาพยายามค้นหา“พูดออกมาให้หมด โทโมะ ถ้าไม่อยากต้องเจอก
หลังจากซาเอบะและหลินหลินกลับมาถึงเมือง พวกเขาตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังที่ทำการลับของซาเอบะที่ใช้เป็นฐานข้อมูลเพื่อค้นหาเบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอกสารที่ได้จากโทโมะ เอกสารนั้นเต็มไปด้วยรหัสลับ สัญลักษณ์ที่เขาไม่คุ้นเคย และข้อมูลที่ซับซ้อน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นบันทึกเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของบุคคลสำคัญในองค์กรลับที่อยู่เบื้องหลังขณะเปิดคอมพิวเตอร์และเริ่มสแกนเอกสารด้วยโปรแกรมถอดรหัส หลินหลินมองดูซาเอบะด้วยความทึ่ง “คุณเคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนไหมคะ?” เธอถามเบาๆซาเอบะส่ายหน้า “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับองค์กรนี้โดยตรง ผมเคยได้ยินชื่อของพวกเขาในบางครั้งแต่ก็ไม่เคยมีหลักฐานที่ชัดเจนพอจะตามหาได้”โปรแกรมถอดรหัสแสดงผลขึ้นมาบนหน้าจอ ตัวอักษรและสัญลักษณ์ค่อยๆ คลี่คลายออกเป็นคำที่มีความหมาย ข้อความเริ่มปรากฏเป็นประโยคที่ค่อยๆ ทำให้ภาพรวมขององค์กรลับนี้ชัดเจนขึ้น“เป้าหมาย: การควบคุมข้อมูลเชิงลึกในตลาดมืด”คำสั่งแรกในเอกสารปรากฏขึ้นและทำให้ซาเอบะต้องตื่นตัว ความรู้สึกกังวลครอบงำจิตใจของเขา เพราะข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นว่าองค์กรนั้นไม่ได้เพียงแค่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าในตลาดมืดทั่วไปเท
ซาเอบะและหลินหลินยังคงค้นหาเบาะแสจากฐานข้อมูลลับที่พวกเขาเจาะเข้าไป ภาพข้อมูลที่เห็นเบื้องหน้าไม่เพียงแค่แสดงถึงแผนการที่ซับซ้อนและลับลวงพราง แต่ยังเผยให้เห็นรายชื่อบุคคลสำคัญซึ่งเกี่ยวข้องกับองค์กรลับนี้ หลายชื่อที่ปรากฏเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลระดับนานาชาติ ทั้งในวงการธุรกิจ การเมือง และสื่อมวลชน“หลินหลิน นี่ไม่ใช่แค่กลุ่มคนที่พยายามควบคุมข้อมูลในตลาดมืด พวกเขามีแผนที่จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหลายประเทศ” ซาเอบะพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึม เขาเริ่มมองเห็นภาพรวมของแผนการนี้ว่ามันไม่ได้เพียงเกี่ยวข้องกับการก่อกวนหรือการฟอกเงิน แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจในระดับโลกหลินหลินนิ่งคิดแล้วถาม “แล้วเราจะทำยังไงต่อไป? หากพวกเขารู้ว่าเรามีหลักฐานนี้ พวกเขาจะต้องตามล่าเราแน่ๆ”ซาเอบะยิ้มเล็กน้อย “ไม่ต้องกังวลไป หลินหลิน เราไม่ใช่เป้าหมายที่ง่ายขนาดนั้น และเรายังมีสิ่งหนึ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึง นั่นคือทีมงานที่อยู่เคียงข้างเราตลอดเวลา”ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูเบาๆ ก็ดังขึ้น ทั้งสองหันไปมอง พบกับเจ้าหน้าที่จากหน่วยข่าวกรองของกรมตำรวจเดินเข้ามาในห้อง พวกเขาเป็นกลุ่มที่ทำงานอยู่เบื้องหลังและเ
หลังจากที่ซาเอบะและทีมงานค้นพบสายลับที่แฝงตัวเข้ามาในหน่วยงาน หนทางข้างหน้าก็เริ่มชัดเจนขึ้น แต่ทุกการเคลื่อนไหวต้องดำเนินไปอย่างระมัดระวัง สายลับคนนี้คือกุญแจสำคัญที่จะนำพาพวกเขาไปสู่แหล่งขององค์กรลับและเครือข่ายที่แอบซ่อนอยู่ ซาเอบะจัดการประชุมฉุกเฉินในห้องลับ โดยมีทาเคชิ หลินหลิน และเจ้าหน้าที่ที่เชื่อใจได้ไม่กี่คน “ตอนนี้เรามีเบาะแสที่สำคัญ เราจำเป็นต้องใช้แผนซ้อนแผนเพื่อหลอกล่อให้สายลับนี้เปิดเผยแหล่งข้อมูลของเขา” ซาเอบะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ทาเคชิพยักหน้า “แต่พวกมันก็ไม่ใช่คนที่ง่ายต่อการต้มตุ๋น สายลับคนนั้นจะระวังตัวตลอดเวลา แถมเขาน่าจะสงสัยอยู่แล้วว่าเรากำลังจับตามอง” ซาเอบะครุ่นคิดอยู่สักครู่แล้วกล่าวขึ้น “เราจะใช้หลินหลินเป็นตัวล่อ” ทุกคนหันไปมองหลินหลิน เธอขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “ตัวล่อ? หมายความว่าไง?” “สายลับคนนั้นรู้ว่าฉันเป็นเป้าหมายหลัก และตอนนี้เขาคงรู้ด้วยว่ามีคนพยายามจะเปิดเผยตัวตนของเขา ถ้าเขาเห็นว่าเธอเข้าไปใกล้ฉันมากขึ้น เขาจะระวังตัวน้อยลง” ซาเอบะอธิบาย หลินหลินยิ้มเล็กน้อย รู้สึกตื่นเต้นกับแผนการใหม่นี้ “ฉันพร้อมจะเสี่ยงอยู่แล้ว ซาเอ
หลังจากการสืบสวนที่เข้มข้น ทีมของซาเอบะก็เริ่มเจาะลึกเข้าไปในเครือข่ายขององค์กรลับได้มากขึ้น แต่การต่อสู้ที่ต้องเผชิญกับองค์กรลับนั้นกลับยิ่งทวีความเสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆ ซาเอบะรู้ว่าทุกย่างก้าวอาจเป็นกับดักได้ เขาจึงสั่งให้ทุกคนระมัดระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์เลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อการประชุมลับของทีมเริ่มขึ้นอีกครั้ง ซาเอบะกำลังอธิบายแผนการขั้นถัดไปบนแผนที่ที่เต็มไปด้วยจุดสำคัญที่ต้องเข้าถึง ทาเคชิ หลินหลิน และเจ้าหน้าที่ที่เชื่อใจได้ฟังอย่างตั้งใจ โดยเฉพาะหลินหลินซึ่งจะต้องเผชิญหน้ากับสายลับคนนั้นอีกครั้งเพื่อบีบให้เขาเปิดเผยแหล่งที่มาของข้อมูลอย่างเต็มที่“เราต้องเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ และรวดเร็ว เข้าไปถึงศูนย์กลางเครือข่ายของพวกเขาก่อนที่พวกมันจะรู้ตัว” ซาเอบะพูดขึ้นทาเคชิพูดขึ้นเสริม “แต่เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมทุกด้าน พวกมันมีระบบความปลอดภัยที่แน่นหนา ข้อมูลที่เราได้มานั้นอาจเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง ยังมีอีกหลายชั้นที่เราต้องเปิดเผยให้ได้”หลินหลินฟังอย่างตั้งใจ เธอรู้ดีว่านี่เป็นภารกิจที่เสี่ยงมาก แต่เธอก็เต็มใจที่จะร่วมงานกับซาเอบะจนสุดทาง “ฉันพร้อมจะเข้าไปเพื่อให้
เมื่อทีมของซาเอบะได้รับข้อมูลสำคัญจากศูนย์บัญชาการลับขององค์กร พวกเขารีบกลับมาที่สถานที่ปลอดภัยเพื่อรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์แผนการต่อไป ทาเคชิเปิดเอกสารลับและเริ่มเรียบเรียงข้อมูลที่ค้นพบ แต่ก็พบว่าเบาะแสที่ได้มานั้นยังไม่เพียงพอที่จะยืนยันความเป็นตัวตนของผู้บงการเบื้องหลัง“ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีหลายชั้นของการป้องกัน” ทาเคชิพูดอย่างเคร่งขรึมซาเอบะพยักหน้าตอบ “ใช่ เราต้องคิดให้รอบคอบ ข้อมูลนี้อาจถูกจัดวางมาเพื่อหลอกลวงเรา เราจึงต้องตรวจสอบทุกจุดและพิจารณาว่าจุดไหนที่สามารถใช้บุกเข้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด”ขณะเดียวกัน หลินหลินที่นั่งอยู่เงียบๆ กำลังครุ่นคิดถึงสิ่งที่เธอได้สัมผัสและเห็นระหว่างภารกิจ ความทรงจำเกี่ยวกับสายลับที่เธอเคยเผชิญหน้า และคำพูดที่เขาเอ่ยขึ้นอย่างลึกลับทำให้เธอไม่สบายใจ หลินหลินรู้ดีว่ามีบางอย่างที่พวกเขายังไม่เข้าใจ และอาจมีสิ่งที่เธอต้องระวังในการสืบสวนครั้งนี้“พวกเรากำลังมาถูกทาง แต่ฉันยังรู้สึกว่ามีบางอย่างที่เรามองข้ามไป” หลินหลินกล่าวขึ้นซาเอบะหันมามองเธอ ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “หลินหลิน เธอคิดว่าเรามีอะไรที่พลาดหรือเปล่า?”หลินหลินนิ่งคิดครู่ห
ในคืนที่ฝนโปรยปรายลงมาอย่างเงียบงัน หลินหลินมองออกไปยังวิวท้องถนนที่มืดมิด เธอไม่อาจลืมเหตุการณ์ในวันที่ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นได้ วันนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดไม่เคยจางหาย…วันที่เธอสูญเสียเพื่อนรักของเธอไปอย่างไร้ร่องรอยเมย์ เพื่อนสนิทที่เธอผูกพันเหมือนเป็นพี่น้อง เป็นคนที่ทำให้เธอได้เห็นถึงความงดงามของโลกอีกด้าน หนึ่งในคนที่เข้าใจหลินหลินมากที่สุด เมย์คือคนที่เคยอยู่เคียงข้างเธอเสมอ ไม่ว่าจะยามสุขหรือยามทุกข์ จนกระทั่งวันที่หลินหลินได้รับข่าวว่าเมย์หายตัวไปอย่างลึกลับวันนั้นหลินหลินตกใจและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เธอพยายามติดต่อหาตัวเมย์หลายครั้งแต่ไม่มีสัญญาณตอบกลับ ทั้งทางโทรศัพท์และสื่อสังคมออนไลน์ก็ไม่มีการอัปเดตใดๆ จนกระทั่งเธอเริ่มสงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติ หลินหลินรู้ดีว่าเมย์เป็นคนที่รอบคอบและมักบอกกล่าวเมื่อจะเดินทางไปไหน เหตุการณ์นี้จึงทำให้เธออดไม่ได้ที่จะหาทางตามหาเมย์ด้วยตนเองในขณะที่หลินหลินพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับการหายตัวไปของเพื่อน เธอก็ได้พบว่ามีร่องรอยบางอย่างที่ชวนให้สงสัย หลายข้อมูลที่เธอพบชี้ไปยังองค์กรลับที่เกี่ยวข้องกับกิจการที่ซับซ้อนและการเคลื่อนไหวทางการเ
เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น รถของซาเอบะและทาเคชิก็แล่นกลับมายังสำนักงานลับที่พวกเขาใช้เป็นฐานชั่วคราว เมย์ หลินหลิน และอาคิระยืนรออยู่ด้านหน้าอาคารเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งของเขตชานเมือง สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลและเหน็ดเหนื่อย “กลับมาแล้ว” ทาเคชิกล่าวพลางเปิดประตูรถ “ทุกอย่างเป็นไปตามแผน” “ได้ข้อมูลที่ต้องการไหม?” หลินหลินถามทันที ซาเอบะพยักหน้า เขาชูแฟลชไดรฟ์ในมือขึ้น “รายชื่อเป้าหมายทั้งหมดอยู่ในนี้ รวมถึงที่ตั้งขององค์กรด้วย” “แล้วแผนต่อไปล่ะ?” เมย์ถาม สีหน้าของเธอบ่งบอกถึงความกดดัน “เราต้องพักก่อน” ซาเอบะตอบเสียงเรียบ “ทุกคนต้องพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้” พวกเขาทั้งหมดเดินเข้าไปในสำนักงาน ทาเคชิล็อกประตูทันทีเพื่อป้องกันการถูกติดตาม ห้องภายในดูเรียบง่าย มีเพียงโต๊ะทำงานเก่าๆ และแผนที่ขนาดใหญ่ที่ปิดทับผนังด้านหนึ่ง “พักฟื้นก่อน” ซาเอบะพูดพร้อมกับวางกระเป๋าเป้ลง “คืนนี้เราจะเริ่มวางแผนตอบโต้” หลังจากพักผ่อนและรักษาบาดแผลจากการปะทะที่ผ่านมา ทุกคนรวมตัวกันในห้องประชุมขนาดเล็ก แสงไฟจากโคมเพดานทำให้บรรยากาศดูจริงจัง “นี่คือเป้าหมายที่เราต้องจัดการ” ซาเอบ
รถคันเล็กแล่นผ่านเส้นทางเปลี่ยวในยามเช้าตรู่ เสียงเครื่องยนต์ที่ดังแผ่วๆ กลมกลืนกับบรรยากาศเงียบสงบ ซาเอบะและทาเคชิยังคงอยู่ในชุดที่พร้อมสำหรับการต่อสู้ โดยทั้งคู่ไม่มีการพูดคุยมากนักระหว่างทาง ทั้งสองต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง “ใกล้ถึงแล้ว” ทาเคชิเอ่ยขึ้นขณะมองแผนที่ GPS บนหน้าจอคอนโซล “อีกห้านาทีก็จะถึงจุดพักที่เราวางแผนไว้” ซาเอบะพยักหน้า “อย่าลืมว่าเราต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าตรงๆ เข้าไปแบบเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้” “แน่นอน” ทาเคชิตอบ พร้อมกับขับรถเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กๆ ที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ เส้นทางนี้นำไปสู่จุดซ่อนตัวซึ่งห่างจากโกดังเป้าหมายเพียงไม่กี่ร้อยเมตร เมื่อจอดรถเสร็จ ทั้งสองก็ลงจากรถและตรวจสอบอุปกรณ์เป็นครั้งสุดท้าย ซาเอบะสะพายกระเป๋าเป้ที่บรรจุเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์และระเบิดขนาดเล็ก ส่วนทาเคชิถือปืนไรเฟิลติดกล้องซึ่งเขาใช้เพื่อการป้องกันระยะไกล “พร้อมไหม?” ทาเคชิถาม ขณะที่ทั้งสองคนเริ่มเดินเท้าไปยังจุดเป้าหมาย “พร้อม” ซาเอบะตอบเสียงเรียบ โกดังขนาดใหญ่ปรากฏให้เห็นอยู่ลิบๆ ท่ามกลางความมืดสลัวของเงาต้นไม้ อาคารนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่รกร้าง มีรั้วลวดหนามล้อมรอบแล
ความเงียบยามค่ำคืนปกคลุมสำนักงานลับของทาเคชิ แม้สมาชิกในทีมคนอื่นๆ จะพักผ่อนอยู่ในห้องต่างๆ แต่ซาเอบะกับทาเคชิยังคงนั่งจมอยู่กับกองข้อมูลบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ สายตาของทั้งคู่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น พวกเขารู้ดีว่าทุกนาทีมีค่า และการตอบโต้ต้องเกิดขึ้นก่อนที่ศัตรูจะได้เปรียบ “ข้อมูลนี้…” ทาเคชิชี้ไปที่ไฟล์รายชื่อบุคคลสำคัญในองค์กรร้ายที่ปรากฏบนหน้าจอ “ฉันเจาะเข้าไปในระบบของพวกมันได้บางส่วน รายชื่อเหล่านี้คือคนที่มีบทบาทสำคัญในการตามล่าเรา” ซาเอบะก้มลงอ่านรายละเอียด ชื่อแต่ละชื่อถูกบันทึกไว้พร้อมตำแหน่ง หน้าที่ และความเชื่อมโยงกับหัวหน้าองค์กร หลายคนเป็นผู้ที่พวกเขาเคยเจอหน้าในสนามรบก่อนหน้านี้ “เราจะเริ่มยังไงดี?” ซาเอบะถามเสียงเบา “ก่อนอื่น เราต้องตัดกำลังพวกมัน” ทาเคชิกล่าว “คนพวกนี้แต่ละคนเป็นเหมือนเสาหลักขององค์กร ถ้าเราสามารถจัดการพวกเขาได้แม้เพียงบางส่วน ความสามารถในการเคลื่อนไหวของพวกมันจะลดลง” “แต่นั่นก็หมายความว่าเราต้องเสี่ยงอีกครั้ง” ซาเอบะเอ่ยพร้อมถอนหายใจ “เรายังไม่รู้เลยว่าพวกมันจะวางแผนอะไรต่อ” ทาเคชิพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นแหละที่ทำให้มันยากขึ้น แต่เราก็ไม่มีทางเลือกอื่น
บรรยากาศภายในสำนักงานลับของทาเคชิเริ่มเงียบสงบลงหลังจากความโกลาหลที่พวกเขาเผชิญมาตลอดหลายวัน ซาเอบะเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบในขณะที่ทาเคชิกำลังตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัย ทั้งคู่รู้ดีว่าความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ “ทุกคนไปพักผ่อนเถอะ” ซาเอบะเอ่ยเสียงเรียบขณะหันมองหลินหลิน เมย์ และอาคิระที่ดูอ่อนล้าจนเห็นได้ชัด หลินหลินถอนหายใจยาว ก่อนพยักหน้า “ก็ดีเหมือนกันค่ะ ฉันแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว” เมย์ยิ้มบางๆ พร้อมกับพยุงหลินหลินเดินไปยังโซฟาตัวยาวที่ตั้งอยู่มุมห้อง “พักก่อนเถอะหลินหลิน ฉันจะหาน้ำมาให้” อาคิระนั่งลงกับเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วเอนหลังพิงกำแพง “พวกนายควรพักเหมือนกัน ไม่ใช่แค่พวกเราหรอกที่เหนื่อย นายสองคนก็คงไม่ต่างกัน” ทาเคชิหัวเราะเบาๆ พลางเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลจากชั้นวาง “ยังมีงานที่ต้องจัดการ แต่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราจะพักบ้าง” เมื่อทุกคนเริ่มผ่อนคลาย ซาเอบะจึงเดินไปที่ห้องครัวเล็กๆ ที่มุมสำนักงาน เขาเปิดตู้เย็นและหยิบขวดน้ำออกมา มือที่หยิบขวดน้ำยังมีรอยช้ำจากการต่อสู้ที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ขยับเขารู้สึกเจ็บแปลบ แต่ก็พยายามไม่แสดงออก “เจ็บอยู่ใช่ไหม?” ทาเคชิถามขณะเดิ
กลุ่มของซาเอบะเดินต่อผ่านป่าเขาที่หนาแน่น ทิวไม้สูงตระหง่านและเสียงนกกาหม่นมัวในอากาศให้บรรยากาศที่ทั้งสงบและน่าหวาดหวั่น ทุกคนยังคงระวังภัย แม้ว่าพวกเขาจะเริ่มห่างจากการไล่ล่าของคนร้ายไปแล้ว หลินหลินเดินอยู่ข้างเมย์ มือของเธอแตะไหล่เพื่อนอย่างปลอบโยน “ไม่ไกลแล้ว เมย์ เราต้องออกจากป่านี้ได้แน่” ซาเอบะซึ่งนำหน้าอยู่หันกลับมามอง “พวกเราต้องเก็บแรงไว้ ถ้าออกจากป่านี้เมื่อไร เราต้องหารถเพื่อเดินทางต่อให้เร็วที่สุด” อาคิระที่เดินตามหลังก้มมองแผนที่กระดาษในมือ “เส้นทางนี้ควรนำเราไปถึงถนนสายเล็กที่มุ่งหน้าออกจากป่า ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่คิด เราอาจเจอใครสักคนที่ช่วยได้” การเดินทางยังคงดำเนินต่อไป เสียงฝีเท้าของพวกเขาเป็นเพียงเสียงเดียวที่ดังก้องอยู่ในป่า แม้ทุกคนจะเหนื่อยล้า แต่ก็ไม่มีใครบ่น ทุกก้าวที่เดินคือการเข้าใกล้ความปลอดภัย จนกระทั่งในที่สุด ขอบป่าก็ปรากฏขึ้นมาในสายตา ทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลินหลินยิ้มให้เมย์ “เห็นไหม? เราทำได้แล้ว!” เมื่อพวกเขาออกมาจากป่า ก็พบกับถนนลูกรังสายเล็กที่ทอดยาวไปยังพื้นที่ชนบท มีป้ายบอกทางเก่าๆ ตั้งอยู่ริมถนน ซาเอบะมองไปรอบๆ แล้วพูดขึ้น “เรา
แสงแดดยามเช้าสาดส่องไปทั่วหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมป่า กลุ่มของซาเอบะที่เพิ่งผ่านพ้นการหนีตายอย่างหวุดหวิดเริ่มตั้งหลักได้อีกครั้ง พวกเขาได้รับการต้อนรับจากชาวบ้านในแบบเรียบง่าย ผู้คนในหมู่บ้านนี้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ไร้ความวุ่นวายจากโลกภายนอก ชายแปลกหน้าที่เป็นผู้นำทางมายังหมู่บ้านยืนอยู่ห่างออกไปจากกลุ่ม สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความลังเลบางอย่าง ซาเอบะมองเขาแล้วเดินเข้าไป “คุณดูเหมือนมีเรื่องจะพูด” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ชายแปลกหน้าหันมามองเขา ก่อนจะถอนหายใจ “พวกคุณปลอดภัยแล้ว ผมคิดว่าถึงเวลาที่ผมจะต้องแยกตัวไป” คำพูดนั้นทำให้ทุกคนในกลุ่มหันมาสนใจ หลินหลินถามขึ้น “ทำไมคุณต้องไปตอนนี้? พวกเรายังต้องการความช่วยเหลือของคุณอยู่นะ” ชายแปลกหน้ายิ้มเล็กน้อย “ผมมีเรื่องที่ต้องจัดการ พวกคุณมีจุดหมายที่ชัดเจนแล้ว ผมมั่นใจว่าคุณซาเอบะจะนำพวกคุณไปสู่ทางออกได้” ซาเอบะจับจ้องชายคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ “คุณช่วยเรามากแล้ว เราไม่มีสิทธิ์รั้งคุณไว้” “แต่ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลืออีก คุณจะหาผมได้ที่ไหน?” ซาเอบะถาม ชายแปลกหน้าหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆ ออกมา เขียนข้อความสั้นๆ แล้วส่งให
กลุ่มของซาเอบะเดินต่อไปในป่าที่เริ่มเบาบางลง ใบไม้และกิ่งไม้ที่ทึบจนบดบังแสงจันทร์ก่อนหน้านี้เริ่มเปิดทางให้มองเห็นฟ้ากว้าง พวกเขาทุกคนเหนื่อยล้า แต่ความมุ่งมั่นที่จะเอาชีวิตรอดยังคงขับเคลื่อนพวกเขาให้เดินหน้าต่อไป หลินหลินหันไปมองซาเอบะที่เดินอยู่ข้างหน้า แม้ใบหน้าของเขาจะเปื้อนไปด้วยรอยเหนื่อยล้า แต่แววตาของเขายังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “คุณแน่ใจหรือว่าพวกมันไม่ตามมาแล้ว?” เธอถามเสียงเบา “น่าจะปลอดภัยแล้ว” ซาเอบะตอบกลับพลางมองไปรอบๆ เขาหยุดเดินชั่วครู่เพื่อฟังเสียงรอบตัว เสียงใบไม้ไหวเบาๆ จากลมและเสียงแมลงกลางคืนคือสิ่งเดียวที่ดังขึ้น ทาเคชิที่เดินอยู่ด้านหลังพูดขึ้นมา “เราหนีมาไกลพอสมควร ถ้าพวกมันจะตามมา ก็คงไม่เร็วขนาดนี้” “แต่เราก็ประมาทไม่ได้” ชายแปลกหน้าพูดเสริม “เราไม่รู้ว่าพวกมันมีคนมากแค่ไหน หรือมีแผนอะไรอีก” ทุกคนหยุดพักกันใกล้ลำธารเล็กๆ น้ำใสเย็นช่วยให้พวกเขาเติมพลัง หลินหลินใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าของตัวเอง ในขณะที่เมย์นั่งซบอยู่ข้างอาคิระ ท่าทางของเธอสะท้อนถึงความเหนื่อยล้าทางจิตใจ “พวกเราควรวางแผนต่อไปยังไง?” เมย์ถาม ขณะดื่มน้ำจากมือที่วักขึ้นจากลำธาร ซาเอบะมองทุกคนก่
แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนเส้นทางแคบที่ทอดยาวเข้าสู่ป่าทึบ ซาเอบะเดินนำหน้ากลุ่ม โดยมีชายแปลกหน้าติดตามอยู่ใกล้ๆ เสียงกรอบแกรบของใบไม้ใต้ฝ่าเท้าเป็นเสียงเดียวที่ดังขึ้นในความเงียบงันของค่ำคืน “ทางนี้แหละ,” ชายแปลกหน้ากระซิบ พลางชี้ไปที่ซอกหินขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์ “เส้นทางนี้จะนำเราไปสู่ป่าด้านหลังหมู่บ้าน ถ้าพวกมันยังอยู่ในหมู่บ้าน เราจะมีโอกาสหลบหนีไปได้” หลินหลินเงยหน้ามองเถาวัลย์และพึมพำเบาๆ “มันดูเหมือนไม่เคยมีใครใช้มานานแล้ว คุณแน่ใจนะว่าพวกเราจะปลอดภัย?” ชายแปลกหน้าพยักหน้า “ทางนี้เป็นทางลับที่คนในหมู่บ้านใช้หลบภัยเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ไม่มีใครใช้มันอีกเพราะป่าเส้นทางนี้รกและอันตราย” ทาเคชิที่เดินอยู่ข้างหลังส่ายหน้าเล็กน้อย “อันตรายแค่ไหนก็ต้องลอง ไม่มีเวลาให้ลังเลแล้ว” ซาเอบะหันมาสบตาทุกคน “เราไม่มีทางเลือก เราต้องเดินต่อไป ถ้าหยุดตอนนี้ พวกมันจะตามมาถึงแน่” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่ชายแปลกหน้าจะยกมือขึ้นเปิดเถาวัลย์ออก เผยให้เห็นช่องแคบที่พอให้คนผ่านเข้าไปได้ทีละคน พวกเขาเดินเรียงกันเข้าไปในเส้นทางแคบนี้ โดยมีซาเอบะเป็นคนนำหน้า ทาเคชิเป็นคนปิดท้าย ทางเดินในซอ
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในบ้านหลังเก่า ซาเอบะนั่งอยู่บนพื้นไม้ที่เย็นเฉียบ ยกมือขึ้นสัมผัสแผลที่ข้อมือของเขา ก่อนที่จะหันไปมองเพื่อนร่วมทีมที่นั่งกระจายอยู่ตามมุมต่างๆ ของห้อง ทุกคนดูเหนื่อยล้าและเครียดจากการไล่ล่าอย่างหนัก แต่ในแววตาของพวกเขากลับแฝงไปด้วยความมุ่งมั่น “เราจะอยู่ที่นี่ไม่นานหรอก” ซาเอบะพูดเบาๆ พลางลุกขึ้นจากพื้นไม้แล้วเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปข้างนอก หมู่บ้านที่เงียบสงบในตอนนี้ กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าโลกภายนอกนั้นห่างไกลออกไปทุกที คนร้ายที่ตามล่าพวกเขากำลังอยู่แค่ไม่กี่ก้าว และไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าพวกเขาจะสามารถหลบหนีไปได้อีกนานแค่ไหน ทาเคชิยืดตัวออกจากเก้าอี้ไม้และหันไปมองซาเอบะ “พวกเราต้องคิดแผนใหม่ให้เร็วที่สุด อย่าลืมว่าพวกเขาตามมาใกล้แล้ว และพวกเราไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้จนถึงรุ่งเช้า” “จริงของนาย” ซาเอบะตอบเสียงเครียด “เราต้องหาทางออกไปจากที่นี่ ไม่ว่าจะมีแผนอะไร เราต้องไม่ยึดติดกับที่เดิมเกินไป” หลินหลินที่นั่งเงียบมองไปที่พวกเขา สายตาของเธอเต็มไปด้วยความวิตกกังวล แม้จะพยายามกลั้นอารมณ์แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกท้อแท้ “พวกเราจะทำยังไงถ้าหมู่บ้านนี้ไม่ไ