เขาเริ่มเดินอีกครั้ง และฉันก็เดินตามเขาไปข้างหลัง"นี่เป็นห้องทำงานของโรแวน" เขาพูดเมื่อเราหยุดอยู่หน้าประตูบานหนึ่งที่ประตูมีชื่อของพี่ชายเขาติดอยู่ ฉันพยักหน้าเล็กน้อยโดยไม่แน่ใจว่าทำไมฉันต้องรู้เรื่องนี้ แน่นอนว่าฉันจะมาทำงานให้เขา แต่ฉันจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนในระดับสูงคนอื่น ๆ ด้วยเหรอ?"ห้องทำงานผมอยู่ถัดจากของเขา แต่ให้ผมพาคุณชมรอบ ๆ สักเดี๋ยวหนึ่งก่อนจะให้ผู้ช่วยผมอีกคนแนะนำส่วนที่เหลือและอธิบายงานที่คุณต้องทำ""ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ค่ะ... ฉันมั่นใจว่าผู้ช่วยของคุณสามารถพาชมได้ คุณคงมีอะไรต้องทำเยอะแยะ" ฉันบอกเขาด้วยน้ำเสียงหวานเลี่ยนเกเบรียลขึ้นชื่อเรื่องการมีความสัมพันธ์กับผู้ช่วยส่วนตัวของเขา และเขาก็ไม่เคยพยายามปิดบังความจริงสกปรกนี้เลยมันทำให้ฉันรำคาญใจมากในตอนที่เรายังแต่งงานกัน ฉันเกลียดที่รู้ว่าเขาเป็นสามีของฉันแต่ไม่ยอมหยุดเที่ยวนอนไปทั่ว ทั้งที่เขาสามารถมีอะไรกับฉันได้ตลอด แต่ฉันก็รู้ดีกว่าเขาไม่มีทางต้องการนอนกับฉันนอกจากจะเป็นคนเจ้าชู้ที่ชอบผู้หญิงหลายแบบแล้ว กาเบรียลยังชอบความจริงที่ว่ามันทำให้ฉันเจ็บปวด เขาใช้มันเป็นเครื่องมือในการลงโทษฉันเพราะการแต่งง
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณนายวู้ด” เขาพูดออกมาหลังจากนั้นครู่หนึ่งพร้อมรอยยิ้มเจื่อน“ยินดีเช่นกันค่ะ” ฉันตอบ พร้อมจับมือทักทาย “แล้วก็เรียกฉันว่าฮาร์เปอร์ดีกว่าค่ะ”“คริสโตเฟอร์ตั้งแต่ตอนนี้ ฮาร์เปอร์จะค่อยช่วยงานคุณ รบกวนคุณช่วยสอนงานสองสามอย่าง แล้วก็แนะนำทุกเรื่องที่พอจะแนะได้ด้วย” เกเบรียลพูดพร้อมมุ่งเป้าไปยังเลขา“ได้ครับ บอส”เขากำลังหันหลังกลับไปแต่ก็หยุดลง “แล้วช่วยปิดเรื่องที่เธอเป็นภรรยาผมเอาไว้ก่อน ถ้าใครถามก็เงียบเอาไว้” เขาเสริม ก่อนหมุนเก้าอี้ให้เข้าตำแหน่งสายตาคริสโตเฟอร์มองสลับไปมาระหว่างฉันกับเกเบรียล ซึ่งฉายแววความสับสนปนอยู่ด้วย แต่ฉันก็ไม่สามารถทำให้เรื่องนี้กระจ่างชัดให้เขาได้“ทั้งสองคนออกไปได้แล้ว” เกเบรียลบอกเราด้วยน้ำเสียงห่างเหิน ในมือถือเอกสาร และเราก็ไม่มีตัวตนสำหรับเขาอีก“ไปกันเถอะครับ ฮาร์เปอร์” คริสโตเฟอร์เปิดประตูรอฉันอยู่ “ผมจะช่วยพาคุณเยี่ยมชมแต่ละแผนกก่อน พนักงานคนอื่นจะได้รู้จักคุณเอาไว้ด้วย”ฉันเดินผ่านประตูและคริสโตเฟอร์ก็เดินตามหลังฉันมา เขาเดินนำหน้าและฉันก็เดินตามเขาไปติด ๆ“คุณเป็นเลขาของเกเบรียลนานแค่ไหนแล้วเหรอคะ?” ฉันเอ่ยถามด้วยค
เมื่อเกเบรียลบอกฉันว่าเราจะไปเยี่ยมครอบครัวของเขาในงานบาร์บีคิวประจำสัปดาห์ ฉันไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้เมื่อวานนี้ที่ออฟฟิศวุ่นวายมาก มันชัดเจนเลยว่าเกเบรียลมีพนักงานผู้หญิงหลายคนที่อยากได้เขาไปครอบครอง พูดตามตรงฉันไม่ถือหรอก ช่วยไม่ได้ที่เขาหล่อและเซ็กซี่ขนาดนั้น สิ่งที่ฉันไม่ชอบคือสายตาอิจฉาและเกลียดชังที่ฉันได้รับจากผู้หญิงพวกนั้นบางคนฉันเคยคิดว่ามิลลี่เป็นคนเดียวที่อยากครองเขาไว้ ฉันคิดผิดแน่นอน นับไม่ถ้วนเลยว่าฉันถูกผู้หญิงหยุดไว้กี่ครั้งตอนที่คริสโตเฟอร์ส่งฉันไปทำงานบางอย่างดูเหมือนว่าผู้หญิงสองคนที่เกเบรียลเคยต่อว่าคือคนที่แพร่ข่าวว่าฉันคือผู้หญิงคนใหม่ของเกเบรียล ฉันเดาว่ามือของเขาที่แตะแผ่นหลังของฉันคงบอกชัดเจนแล้ว ข่าวดีคือพวกเขาทุกคนคิดว่าฉันเป็นแค่ความสัมพันธ์ชั่วคราวและเขาจะเบื่อฉันในไม่ช้าพวกเธอรู้สึกว่าควรเตือนฉันว่าอย่าทำตัวสบายเกินไปที่นี่ เพราะเกเบรียลจะเบื่อฉันในไม่กี่สัปดาห์ ฉันสงสัยจังว่าพวกเธอจะมีปฏิกิริยายังไงเมื่อรู้ว่าฉันเป็นภรรยาของเขาตอนห้าโมงเย็น เกเบรียลทำให้ฉันประหลาดใจด้วยการกลับบ้านมาพร้อมฉัน ตอนนั้นเองที่เขาบอกเรื่องบาร์บีคิวประจำสัปดาห์ที่บ้
ฉันก้าวลงมาจากรถพร้อมเดินมุ่งไปยังคฤหาสน์ตรงหน้า มือสั่นสะท้านและเหงื่อชุ่มร่างกายฉันเองยังทำใจเชื่อไม่ได้เลยว่าความสัมพันธ์เดินมาถึงจุดจบ ทำใจไม่ได้ว่าท้ายที่สุดฉันก็หย่าร้างกับเขา กระเป๋าข้างกายมีหลักฐานยืนยันการหย่าครั้งนี้ ฉันเดินทางมาที่นี่เพื่อนำเอกสารฉบับนี้มามอบให้เขาและรับโนอากลับขณะเดินเข้าไป ฉันเดินตามเสียงฟังไม่ได้ศัพท์ไปและยั้งฝีเท้าไว้เมื่อเข้าใกล้ห้องครัวตอนนี้เองฉันได้ยินเสียงนั้นถนัดหูและเนื้อความนั้นได้กระชากฉันลงไปสู่ห้วงเหวอันเย็นเยียบ“ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดีครับ พ่ออยู่กับผมกับแม่ไม่ได้หรือครับ?” เจ้าหนูโนอาเอ่ยถามผู้เป็นพ่อฉันยกสั่นเทากุมหน้าอก หัวใจทลายลงเพราะเสียงแสนเศร้าของเด็กน้อย ไม่ว่าเป็นสิ่งใดฉันพร้อมจะทำให้เขาเสมอ แต่การหย่าร้างนี้กลับหลีกเลี่ยงไม่ได้การแต่งงานครั้งนี้เป็นสิ่งผิดพลาด ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราเป็นสิ่งที่ผิดพลาดทั้งหมด เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ให้ฉันได้ตาสว่างพร้อมเห็นความจริง“โนอา ลูกน่าจะรู้อยู่แล้ว แม่กับพ่อไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว” เสียงนุ่มของชายคนนั้นเอ่ยออกมาช่างน่าแปลกเสียจริง ตลอดช่วงเวลาที่เราครองคู่กัน เขาไม่เคยแม้แต่พูดจา
“ฉันต้องไปแล้ว รบกวนคุณช่วยอยู่กับโนอาก่อนได้ไหม? เพราะฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ที่โรงพยาบาลนานแค่ไหน” ฉันเอ่ยประโยคเหล่านี้ออกไป มือพลางคว้ากระเป๋าข้างกายอย่างใจลอย“ได้ ผมขอไปรับแม่มาดูแลโนอาแทนก่อน แล้วจะรีบตามไป” โรแวนตอบรับ เพียงแต่รู้สึกราวกับเป็นเสียงกระซิบซึ่งดังแว่วเข้ามาในหูที่อึ้ออึงของฉันเท่านั้นฉันจำอะไรที่เหลือนอกเหนือจากการบอกลาลูกชายตัวน้อยไม่ได้ ฉันรีบดันตนเองขึ้นรถยนต์และขับรถมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลพร้อมความคิดที่ล่องลอยกระหวัดถึงความทรงจำตอนที่เติบโตขึ้นมา ใคร ๆ ก็ต่างพากันพูดว่าฉันเป็นพวกขาดความอบอุ่น ตอนเป็นเด็กทั้งคุณพ่อและคุณแม่ไม่ได้ใส่ใจฉันมากเท่าที่ควร ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของพ่อคงเป็นพี่สาว เอมม่า พ่อเคยเรียกเธอว่าสาวน้อยของพ่อด้วยซ้ำ ส่วนแม่ก็ประคบประหงมพี่ชาย ทราวิส พ่อรูปหล่อของแม่เสียยังกับอะไรดี ส่วนฉันก็เป็นแค่ เอวา ที่ไม่มีใครรักฉันรู้สึกเหมือนไม่เป็นที่ต้องการของใคร ๆ ไม่มีใครต้อนรับ ไม่ว่าจะกับพ่อแม่รวมถึงพี่น้องท้องเดียวกัน ไม่ว่าจะพิสูจน์ตนเองเท่าใด มีผลการเรียนระดับแนวหน้า กีฬาเด่น หรือกิจกรรมดีเพียงใด สถานที่เดียวซึ่งเหมาะกับฉันคืออยู่ข
ฉันเอนกายอยู่บนเก้าอี้โรงพยาบาลแสนเย็นเฉียบพลางกำหนดลมหายใจเข้าออก น้ำตาของแม่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลย คำปลอบประโลมไหน ๆ คงส่งไปไม่ถึงจิตใจเธอ ฉันเจ็บปวดแทนแม่ ฉันเข้าใจเรื่องนี้ดีว่าการสูญเสียคนที่เรารักไปอย่างไม่ทันตั้งตัวนั้นไม่ง่ายเลยแม้แต่น้อยเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องที่น่าตระหนก ฉันเผื่อใจเอาไว้ว่าพ่อจะหายดีแต่กลับกลายเป็นหายไปจากโลกแทนเสียนี่ ฉันเลยไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดีความคิดเห็นของเราไม่เคยลงรอยกันและพ่อก็คงจะเกลียดฉันแต่ฉันก็รักเขา เขาเป็นพ่อผู้ให้กำเนิด ฉันจะไม่รักเขาได้อย่างไรกัน?“ไหวไหม?” โรแวนเอ่ยถามพลางนั่งลงข้างฉันชายหนุ่มเดินทางมาถึงได้ประมาณชั่วโมงกว่า และคำถามเมื่อครู่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดกับฉันนับตั้งแต่มาถึง ฉันรับมือกับความกังวลของเขาไม่ถูก อย่างไรเสียเขาคนนี้ไม่เคยเก็บเอาความรู้สึกของฉันไปใส่ใจมาก่อน“ไหวค่ะ” ฉันฝืนตอบกลับตั้งแต่ที่รู้ข่าวฉันก็ยังไม่ได้หลั่งน้ำตาแม้เลยสักหยด อาจเพราะยังตกใจจนทำอะไรไม่ถูกหรือน้ำตาของฉันที่มีให้พ่อนั้นเหือดแห้งไปหมดแล้วก็เป็นได้ ตอนนี้สิ่งเดียวที่ฉันควรทำมากที่สุดคือประคองสติตนเองให้ไหวแทนทุกคนที่สติแตกไปแล้วเท้าคู่
คุณทั้งหลายเคยรู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็นหรือเปล่า? ฉันกำลังรู้สึกเช่นนั้นอยู่เมื่อมองพวกเขา ราวกับมีใครเดินเข้ามากระชากดวงใจออกจากอกก็มิปานหากฉันเป็นคนกระชากก้อนเนื้อไร้ค่านี้และปาทิ้งไปให้พ้นตาเองได้สาบานว่าจะทำเสียตอนนี้ เพราะมันช่างเจ็บจนไร้คำบรรยายใด ๆ มาเปรียบได้ฉันต้องการหนีไปให้พ้นแต่กลับทำไม่ได้ สายตาของฉันจับจ้องทั้งสอง ไม่ว่าสมองจะสั่งให้หลีกหนีจากภาพตรงหน้าเท่าใด แต่ฉันก็ไม่อาจละสายตาไปจากฉากรักหวานชื่นเสียดแทงนัยน์ตานี้ได้ฉันเฝ้ามองทั้งสองผละอ้อมกอดจากกัน โรแวนแววตาอ่อนโยนเมื่อมองหญิงในดวงใจ ฉันมองฝ่ามือที่กำลังบรรจงประคองแก้มของเอมม่า ชายหนุ่มดึงร่างของหญิงผู้เป็นที่รักเข้าใกล้เล็กน้อย เขาไม่ได้จูบเธอเพียงแต่เอาหน้าผากแนบชิดกันเขาดูสงบสุขราวกับเดินทางมาเจอที่พักผ่อนของตนเสียที ในที่สุดเขาก็รู้สึกเติมเต็ม‘ผมคิดถึงคุณ’ ฉันอ่านการขยับปากเรียวบางนั้นออกฉันไม่อยากคิดว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นตอนนี้หากทั้งสองไม่ได้พบกันในสถานการณ์เช่นนี้ หากทั้งสองพบกันตอนที่ฉันและเขาแต่งงานกันอยู่ โรแวนจะนอกใจไปหาเอมม่าเลยหรือเปล่า?ส่วนศีลธรรมของฉันรีบโต้แย้งว่าไม่เป็นเช่นนั้นแน่แต่กลับไม
ไร้วี่แววของเหตุร้ายใด ๆ ในวันนี้ แสงแดดทอประกายตลอดเส้นทางที่คุ้นตา ดูเหมือนทุกสิ่งจะดำเนินไปได้ด้วยดีเมื่อเดินทางไปถึง โบถส์ก็เนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ทุกคนต่างพากันมาเคารพพ่อเป็นครั้งสุดท้ายฉันเดินตรวจตราดูความเรียบร้อยของสถานที่จัดงานด้วยความพอใจเมื่อเห็นว่าทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่ควร คนอื่นแทบไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยในช่วงการจัดเตรียมงานศพ เรียกได้ว่าฉันเป็นแม่งานผู้รับผิดชอบทุกสิ่งในงานนี้ฉันไม่ได้บ่นอะไรทั้งนั้น คิดเสียว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณผู้เป็นพ่อที่ให้กำเนิดฉันมา ยังไงเสียเขาก็ป้อนข้าวป้อนน้ำ ซื้อเสื้อผ้าและให้ที่ซุกหัวนอนแก่ฉันช่วงพิธีการกำลังจะเริ่มและผู้ร่วมงานส่วนใหญ่เข้านั่งประจำที่นั่ง ฉันตัดสินใจหลบไปนั่งอยู่อีกมุมเพราะรู้สึกผิดที่ผิดทางหากต้องไปนั่งรวมกับครอบครัวนั้น โดยเฉพาะหากต้องไปนั่งข้างเอมม่า“แม่ครับ เรามานั่งตรงนี้กันทำไมครับ… เราไม่ควรไปนั่งข้าง ๆ คุณยายหรือ?” โนอาตัวน้อยเอ่ยถามพร้อมกับชี้นิ้วไปในทิศทางที่คนอื่นนั่งอยู่แน่นอนว่าเราย่อมได้รับสายตาแปลก ๆ แต่ฉันก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เพราะยังไงการที่ฉันเป็นแกะดำที่ไม่เคยได้รับการยอมรับจากครอบค
เมื่อเกเบรียลบอกฉันว่าเราจะไปเยี่ยมครอบครัวของเขาในงานบาร์บีคิวประจำสัปดาห์ ฉันไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้เมื่อวานนี้ที่ออฟฟิศวุ่นวายมาก มันชัดเจนเลยว่าเกเบรียลมีพนักงานผู้หญิงหลายคนที่อยากได้เขาไปครอบครอง พูดตามตรงฉันไม่ถือหรอก ช่วยไม่ได้ที่เขาหล่อและเซ็กซี่ขนาดนั้น สิ่งที่ฉันไม่ชอบคือสายตาอิจฉาและเกลียดชังที่ฉันได้รับจากผู้หญิงพวกนั้นบางคนฉันเคยคิดว่ามิลลี่เป็นคนเดียวที่อยากครองเขาไว้ ฉันคิดผิดแน่นอน นับไม่ถ้วนเลยว่าฉันถูกผู้หญิงหยุดไว้กี่ครั้งตอนที่คริสโตเฟอร์ส่งฉันไปทำงานบางอย่างดูเหมือนว่าผู้หญิงสองคนที่เกเบรียลเคยต่อว่าคือคนที่แพร่ข่าวว่าฉันคือผู้หญิงคนใหม่ของเกเบรียล ฉันเดาว่ามือของเขาที่แตะแผ่นหลังของฉันคงบอกชัดเจนแล้ว ข่าวดีคือพวกเขาทุกคนคิดว่าฉันเป็นแค่ความสัมพันธ์ชั่วคราวและเขาจะเบื่อฉันในไม่ช้าพวกเธอรู้สึกว่าควรเตือนฉันว่าอย่าทำตัวสบายเกินไปที่นี่ เพราะเกเบรียลจะเบื่อฉันในไม่กี่สัปดาห์ ฉันสงสัยจังว่าพวกเธอจะมีปฏิกิริยายังไงเมื่อรู้ว่าฉันเป็นภรรยาของเขาตอนห้าโมงเย็น เกเบรียลทำให้ฉันประหลาดใจด้วยการกลับบ้านมาพร้อมฉัน ตอนนั้นเองที่เขาบอกเรื่องบาร์บีคิวประจำสัปดาห์ที่บ้
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณนายวู้ด” เขาพูดออกมาหลังจากนั้นครู่หนึ่งพร้อมรอยยิ้มเจื่อน“ยินดีเช่นกันค่ะ” ฉันตอบ พร้อมจับมือทักทาย “แล้วก็เรียกฉันว่าฮาร์เปอร์ดีกว่าค่ะ”“คริสโตเฟอร์ตั้งแต่ตอนนี้ ฮาร์เปอร์จะค่อยช่วยงานคุณ รบกวนคุณช่วยสอนงานสองสามอย่าง แล้วก็แนะนำทุกเรื่องที่พอจะแนะได้ด้วย” เกเบรียลพูดพร้อมมุ่งเป้าไปยังเลขา“ได้ครับ บอส”เขากำลังหันหลังกลับไปแต่ก็หยุดลง “แล้วช่วยปิดเรื่องที่เธอเป็นภรรยาผมเอาไว้ก่อน ถ้าใครถามก็เงียบเอาไว้” เขาเสริม ก่อนหมุนเก้าอี้ให้เข้าตำแหน่งสายตาคริสโตเฟอร์มองสลับไปมาระหว่างฉันกับเกเบรียล ซึ่งฉายแววความสับสนปนอยู่ด้วย แต่ฉันก็ไม่สามารถทำให้เรื่องนี้กระจ่างชัดให้เขาได้“ทั้งสองคนออกไปได้แล้ว” เกเบรียลบอกเราด้วยน้ำเสียงห่างเหิน ในมือถือเอกสาร และเราก็ไม่มีตัวตนสำหรับเขาอีก“ไปกันเถอะครับ ฮาร์เปอร์” คริสโตเฟอร์เปิดประตูรอฉันอยู่ “ผมจะช่วยพาคุณเยี่ยมชมแต่ละแผนกก่อน พนักงานคนอื่นจะได้รู้จักคุณเอาไว้ด้วย”ฉันเดินผ่านประตูและคริสโตเฟอร์ก็เดินตามหลังฉันมา เขาเดินนำหน้าและฉันก็เดินตามเขาไปติด ๆ“คุณเป็นเลขาของเกเบรียลนานแค่ไหนแล้วเหรอคะ?” ฉันเอ่ยถามด้วยค
เขาเริ่มเดินอีกครั้ง และฉันก็เดินตามเขาไปข้างหลัง"นี่เป็นห้องทำงานของโรแวน" เขาพูดเมื่อเราหยุดอยู่หน้าประตูบานหนึ่งที่ประตูมีชื่อของพี่ชายเขาติดอยู่ ฉันพยักหน้าเล็กน้อยโดยไม่แน่ใจว่าทำไมฉันต้องรู้เรื่องนี้ แน่นอนว่าฉันจะมาทำงานให้เขา แต่ฉันจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนในระดับสูงคนอื่น ๆ ด้วยเหรอ?"ห้องทำงานผมอยู่ถัดจากของเขา แต่ให้ผมพาคุณชมรอบ ๆ สักเดี๋ยวหนึ่งก่อนจะให้ผู้ช่วยผมอีกคนแนะนำส่วนที่เหลือและอธิบายงานที่คุณต้องทำ""ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ค่ะ... ฉันมั่นใจว่าผู้ช่วยของคุณสามารถพาชมได้ คุณคงมีอะไรต้องทำเยอะแยะ" ฉันบอกเขาด้วยน้ำเสียงหวานเลี่ยนเกเบรียลขึ้นชื่อเรื่องการมีความสัมพันธ์กับผู้ช่วยส่วนตัวของเขา และเขาก็ไม่เคยพยายามปิดบังความจริงสกปรกนี้เลยมันทำให้ฉันรำคาญใจมากในตอนที่เรายังแต่งงานกัน ฉันเกลียดที่รู้ว่าเขาเป็นสามีของฉันแต่ไม่ยอมหยุดเที่ยวนอนไปทั่ว ทั้งที่เขาสามารถมีอะไรกับฉันได้ตลอด แต่ฉันก็รู้ดีกว่าเขาไม่มีทางต้องการนอนกับฉันนอกจากจะเป็นคนเจ้าชู้ที่ชอบผู้หญิงหลายแบบแล้ว กาเบรียลยังชอบความจริงที่ว่ามันทำให้ฉันเจ็บปวด เขาใช้มันเป็นเครื่องมือในการลงโทษฉันเพราะการแต่งง
“ฮาร์เปอร์ คุณจะลงจากรถได้หรือยัง? มันเสียเวลาผมนะ” เกเบรียลตวาดใส่ฉันฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา คิ้วของเขาขมวดมุ่น แสดงถึงความหงุดหงิดและไม่พอใจ ฉันถอนหายใจก่อนจะลงจากรถ นี่แหละเกเบรียลที่ฉันคุ้นเคย เย็นชา หยิ่งผยอง และหยาบคายฉันจัดกระโปรงให้เรียบร้อยก่อนจะหยิบกระเป๋าถือขึ้นมา เขาเริ่มเดินนำไป และฉันก็เดินตามหลังเขาเหมือนลูกแกะที่ถูกนำไปสู่โรงฆ่าสัตว์ ฉันประหม่าเสียจนรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังจะกระเด็นออกมาจากอกฉันกำลังย่างเท้าเข้าสู่โลกของเกเบรียล เข้าสู่ดินแดนของเขา มันทั้งอึดอัดและน่ากลัวที่จะอยู่ในที่ที่เขามีอำนาจควบคุมทุกอย่างโดยสิ้นเชิงเกเบรียลกดปุ่มลิฟต์ พอลิฟต์เปิด เขาก้าวเข้าไป ฉันเดินตามและยืนอยู่ข้าง ๆ พยายามสงบใจที่เต้นรัวเกินควบคุม“คนที่สามารถใช้ลิฟต์นี้ได้มีแค่ครอบครัวผม มันจะพาเราขึ้นตรงไปยังชั้นบนสุดซึ่งเป็นห้องทำงานของเรา” เขาเริ่มพูดต่อ “ผมจะเพิ่มชื่อคุณในระบบ จะได้ไม่ต้องใช้ลิฟต์ธรรมดา”ฉันประหลาดใจกับระดับความพิเศษนี้ ครอบครัวของฉันก็ร่ำรวย แต่เราไม่เคยมีลิฟต์ส่วนตัวในตึกเลย ทุกคน รวมถึงประธานและครอบครัวผู้ก่อตั้ง ต้องใช้ลิฟต์สองตัวที่มีร่วมกัน“ค่ะ” ฉันตอบกลับ
ฮาร์เปอร์แจ็คสัน หนึ่งในคนขับรถของเกเบรียลเปิดประตูให้ฉัน ฉันก้าวขึ้นไปในรถโดยมีเกเบรียลตามเข้ามานั่งข้างฉันฉันยังคงไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองตกลงเรื่องนี้ แต่ในส่วนลึกฉันรู้ว่ามันสมเหตุสมผล เกเบรียลพูดถูกว่าจะมีอะไรที่เหมาะสมไปกว่าการได้เรียนรู้จากคนที่เก่งที่สุดในธุรกิจล่ะ เกเบรียลกับโรแวนเป็นคนที่เก่งที่สุดในวงการ พวกเขายังเก่งกว่าพ่อของพวกเขาเอง ซึ่งตอนนี้เกษียณไปแล้วแต่ยังคงเป็นหัวหน้าคณะกรรมการบริหารฉันใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าจะตัดสินใจได้ว่าจะใส่อะไรดี ฉันเคยทำงานจากที่บ้านเป็นส่วนใหญ่ และเวลาที่ต้องไปบริษัท ฉันก็มักจะใส่ชุดลำลอง เพราะบริษัทที่ฉันเคยทำงานให้มีบรรยากาศในการทำงานที่ผ่อนคลายฉันอยากดูดีและสร้างความประทับใจแรกให้ได้ดี ฉันไม่มีเสื้อผ้าสำหรับทำงานมากนักและวางแผนจะไปช้อปปิ้งสุดสัปดาห์นี้ ถึงแม้เงินจะตึงมือ แต่ฉันคิดว่าซื้อกระโปรงกับเสื้อเชิ้ตเพิ่มอีกสักสองสามชุดก็คงเป็นเรื่องจำเป็นหลังจากเลือกชุดเสร็จ ฉันลงไปกินอาหารเช้า เกเบรียลมองฉันผ่าน ๆ ก่อนจะหันกลับไปสนใจโทรศัพท์ พอกินเสร็จ ก็ถึงเวลาที่เราต้องออกจากบ้าน ลิลลี่ยังไม่ตื่น ฉันเลยฝากข้อความไว้กับชารอน“คุณจะให้
เกเบรียลผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงครางเบา ๆ และความรู้สึกว่าตัวเองกำลังแข็งตัวอย่างกับหินแกรนิต บ้าเอ้ย ตอนที่ผมตัดสินใจเซ็นสัญญาแต่งงานกับฮาร์เปอร์ ผมไม่ได้คาดคิดเลยว่ามันจะยากขนาดนี้ และไม่ได้คาดคิดเลยว่าเธอจะส่งต่อผมได้ขนาดนี้ผมมีปัญหาแบบผู้ชายที่เจ็บปวดที่สุด และไอ้นั่นของผมก็แข็งจนแทบระเบิดผมลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่ห้องน้ำด้วยระยะทางสั้น ๆ โดยที่ไอ้นั่นชี้ทางให้ ผมยังคงไม่เข้าใจว่ามันเป็นไปได้อย่างไร หมายถึงว่าผมไม่ใช่วัยรุ่นที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้แล้วนี่ ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าครั้งสุดท้ายที่ตื่นมาแบบนี้คือตอนไหน แต่ตั้งแต่ฮาร์เปอร์กลับมายังไม่ถึงเดือนเลยด้วยซ้ำ ผมกลับทำตัวเหมือนเด็กหนุ่มไร้เดียงสาอีกครั้งผมไม่เข้าใจเลยว่าเธอทำแบบนี้กับผมได้ยังไง ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยส่งผลอะไรแบบนี้กับผมเลย เธอก็ยังคงเป็นฮาร์เปอร์คนเดิมที่ผมรู้จัก มีเพียงรูปร่างกับท่าทีที่เปลี่ยนไป แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงมีผลกับผมขนาดนี้ผมสลัดความคิดพวกนั้นออกจากหัวก่อนก้าวเข้าไปในห้องน้ำ น้ำเย็น ๆ น่าจะช่วยแก้ปัญหาสุดแข็งตัวนี้ได้ผ่านไปหลายสิบนาที ผมออกมาจากห้องน้ำด้วยความรู้สึกที่ยังอัดอ
ฮาร์เปอร์"ดึกดื่นปานนี้ กำลังมองอะไรอยู่เหรอ?" เสียงทุ้มทำให้ฉันสะดุ้งจากด้านหลัง"ตกใจหมดเลย" ฉันพึมพำขณะพยายามสงบใจที่เต้นแรง "อย่าโผล่มาจากข้างหลังอย่างนั้นสิ"เกเบรียลเดินวนรอบเคาน์เตอร์ครัวและมายืนตรงข้ามกับฉัน เมื่อเขาทำแบบนั้น ให้สายตาฉันได้เห็นเขา คอก็แห้งขึ้นทันที รู้สึกกระหายน้ำเหมือนไม่ได้ดื่มน้ำมานานแล้วและการกลืนก็กลายเป็นปัญหาใหญ่เกเบรียลใส่เสื้อผ้าชิ้นเดียวคือกางเกงขาสั้นสีเทาที่หลวมต่ำบนสะโพก ผู้ชายคนนั้นเป็นงานศิลปะที่มีร่างกายเหมือนเทพเจ้ากรีก ไหล่กว้าง กล้ามท้องเป็นลอน และเส้นวีไลน์ที่ทำให้ผู้หญิงทุกคนคลั่งไคล้แนวไรขนสีเข้มที่เริ่มจากสะดือแล้วหายไปในกางเกง ราวกับว่าไรขนนั้นชี้ไปยังสวรรค์ฉันอยากจะเบนสายตาออกไปแต่ไม่สามารถทำได้ สายตาฉันดื่มด่ำราวกับเขาเป็นแหล่งน้ำเดียวที่มี สายตาจ้องไปที่ทุกซอกทุกมุมของร่างกายเขา สังเกตเห็นรอยสักแบบชนเผ่าบนหน้าอก นั่นเป็นสิ่งใหม่ มันไม่ได้มีตอนที่เราเคยมีอะไรกันเมื่อหลายปีที่แล้ว และการเห็นมันทำให้ฉันอยากรู้ว่ามันหมายถึงอะไรไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเกเบรียลเป็นผู้ชายที่น่าทึ่ง โดยเฉพาะตอนนี้ อย่าคิดว่าฉันพูดแบบนี้แค่ตอนนี้ แม้แต่ต
เกเบรียลผมยังคงรู้สึกถึงสัมผัสเนียนนุ่มของผิวเธอเหมือนกับมันซึมลึกอยู่ใต้ผิวของผมเอง ชั่วขณะหนึ่งผมอยากใช้นิ้วหัวแม่มือไล้ไปตามข้อต่อที่เต้นเป็นจังหวะอยู่ด้านในแขนของเธอฮาร์เปอร์คนใหม่นี้น่าสนใจ เธอร้อนแรง และท่าทางแบบใหม่นี้ทำให้ผมรู้สึกติดใจได้ ผมชอบผู้หญิงที่มั่นใจ เร้าอารมณ์ และมีบุคลิกที่ร้อนแรง ผมชอบที่พวกเธอท้าทายและไม่ยอมแพ้เธอกลายเป็นผู้หญิงแบบนั้นและมันทำให้ผมสนใจ เธอเป็นคนที่ร้อนแรงและไม่กลัวที่จะบอกให้ผมไปตายซะ ผมจะไม่สนใจได้อย่างไรเล่า?ตอนที่เราแต่งงานกันนั้นเธอน่าเบื่อ บุคลิกที่น่าเบื่อทำให้เธอดูจืดชืดในสายตาของผม ไม่มีอะไรน่าสนใจเกี่ยวกับเธอเลย ในขณะที่ผมชอบผู้หญิงที่มีเขี้ยวเล็บ เธอกลับเชื่อฟังมากเกินไป คิดแต่จะทำให้ผมพอใจและดึงดูดความสนใจกันอย่างเดียวเธอยอมลดตัวทุกอย่างเพียงเพื่อให้ผมสนใจ หากเพียงเธอผลักผมให้ออกห่างไปผมก็คงจะสนใจเธอแล้ว ฮาร์เปอร์เมื่อก่อนเป็นคนขี้อายและกลัวแถมขาดความมั่นใจในตัวเอง สิ่งนั้นมันทำให้ผมรู้สึกไม่อยากสนใจเธอเลยผมถอนหายใจแล้วก็ผลักความคิดเหล่านั้นออกไป พยายามขับไล่ความสงสัยที่มีต่อฮาร์เปอร์ เบคเกตต์ ที่ตอนนี้เป็นวู้ดออกไป วินาทีถั
“คุณต้องการอะไร เกเบรียล? อย่างที่เห็น ฉันไม่อยากคุยตอนนี้” ฉันลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดคำพูดของลิลลี่ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของฉัน มันบาดลึกซ้ำไปซ้ำมา ฉันเอามือสางผม พยายามไล่ความเจ็บปวดที่ท่วมท้นออกไป ฉันรู้ว่าสักวันมันต้องเกิดขึ้น และฉันก็รู้ว่าเธออาจจะรับมันไม่ได้ดีนักลองคิดดูสิ คุณจะรับมันไหวไหมถ้าแม่มาบอกว่าผู้ชายที่คุณคิดว่าเป็นพ่อมาตลอดกลับกลายเป็นคนอื่นไป? ว่าคุณถูกหลอกมาตลอด และไม่มีใครคิดจะบอกความจริงจนกระทั่งมันเลี่ยงไม่ได้ ฉันเข้าใจเธอ ฉันเข้าใจปฏิกิริยาของเธอ ฉันแค่ไม่รู้ว่าจะตอบสนองต่อคำพูดและความเจ็บปวดในดวงตาของเธออย่างไร“ลิลลี่ไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้นหรอก” เกเบรียลพูดพลางเดินเข้ามาในห้องฉันจ้องเขม็งไปที่เขา ความรู้สึกบางอย่างที่น่าเกลียดพุ่งขึ้นในใจ “แล้วคุณจะรู้ได้ยังไง? คุณแทบจะไม่รู้จักเธอเลยด้วยซ้ำ แล้วจะมาบอกฉันว่าเธอไม่ได้ตั้งใจได้ไง”“แล้วมันเป็นความผิดใครล่ะ?” เขาสวนกลับทันที จ้องฉันด้วยสายตาโกรธจัดฉันทั้งโกรธทั้งเสียใจ ฉันกำลังหาที่ระบาย หาทางที่จะดึงความสนใจตัวเองออกจากความเจ็บปวดที่ถาโถม เกเบรียลจึงกลายเป็นเป้าหมายของฉัน เพราะ