"บ่าวหมายถึงเดินในจวน ไปด้านนอกต้องได้รับอนุญาตจากท่านแม่ทัพเสียก่อน""ได้อย่างไร ข้าอยู่ในวังต้องขออนุญาตฮองเฮา แต่งออกมายังต้องขออนุญาตคนผู้นั้นอีก อาชิงเหตุใดจึงได้รู้สึกเหมือนว่าข้าติดคุกอยู่ตลอดเวลาเล่า""ทำเช่นไรได้เพคะ ท่านถูกลอบสังหารผู้ใดจะวางใจให้ท่านออกไปเดินเพ่นพ่านนอกจวน""แต่ว่าอาชิง แม้แต่พี่ชายใหญ่ก็ไม่มาพบข้า ที่นี่ช่างน่าเบื่อเหลือเกินข้ามีหนังสือที่ต้องการจำเป็นต้องไปที่ร้านหนังสือ""ท่านอ๋องได้รับมอบหมายให้ไปชายแดนเพคะ ข่าวว่าอาจเป็นท่านอ๋องที่ได้รับตราควบคุมกองทัพต่อจากท่านแม่ทัพ""จริงหรือ" องค์หญิงสิบสามดีใจยิ่งในความสำเร็จของพี่ชาย "เพคะ""เช่นนั้นก็ไม่สำคัญแล้วข้าไม่โกรธเขา หากออกไปอย่างเปิดเผยไม่ได้เราต้องปลอมกายเสียหน่อย อาชิงเจ้าไปหาอาภรณ์ของบุรุษมา"อาชิงอิดออดแต่ก็ทนการรบเร้าของผู้เป็นนายไม่ไหว สุดท้ายนางสามารถหาชุดบุรุษมาได้ทั้งคู่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นบุรุษ พร้อมแฝงตัวออกมากับเด็กรับใช้ขนผักองค์หญิงสิบสามดีใจยิ่งที่ไม่มีผู้ใดจับได้ นางและอาชิงออกมาจากจวนอย่างสบายใจ จวบจนเข้ามาในเมืองผู้คนต่างมองมาที่นางโดยเฉพาะสตรีที่เห็นนางแล้วใบหน้าแดงก่ำ ต่างลอบ
การจับกุมคนของหยางเอ้อหลางช่างรวดเร็วทันใจนางนัก เพียงไม่นานคนของเขาก็พาคนต้นเรื่องที่ทำให้นางขุ่นเคืองมาคุกเข่าลงด้านหน้า ร้านหนังสือถูกหยางเอ้อหลางสั่งปิดภายนอกมีองครักษ์คุ้มกันแน่นหนาราวกับว่าพวกเขากำลังจับโจรกบฎ ก็ไม่ปานถึงแม้ว่าส่วนหนึ่งภายในของหลินฮุ่ยหมินจะรู้สึกว่าเขาจะทำเกินไปบ้าง แต่อีกใจก็เห็นด้วยหากหยางเอ้อหลางไม่กระทำการเชือดไก่ให้ลิงดูคราวหน้าอาจเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีกพวกฝีมือต่ำต้อยจะได้ไม่กล้าวาดภาพนางซี้ซั้วเป็นคนพิกลพิการเหมือนนักวาดที่กำลังคุกเข่ายืนตัวสั่นอยู่เบื้องหน้าตอนนี้"แรงจูงใจในการวาดมาจากที่ใด"นางเอ่ยถามพยายามทำน้ำเสียงให้ดุดันน่ากลัวที่สุด นางทำให้คนผู้นั้นเอาแต่นั่งสั่นอยู่เช่นนั้นแม้แต่ปากก็อ้าไม่ออกแล้ว องค์หญิงสิบสามนับถือในความเหี้ยมโหดของตนเองจนทำให้คนหวาดกลัวได้เช่นนี้"ว่าอย่างไรข้าถามเจ้าเหตุใดไม่ตอบ" องค์หญิงสิบสามถามซ้ำ แต่เขายังคงนั่งเงียบราวกับมีสิ่งใดอุดปากเขาไว้ "หากไม่รีบตอบข้าจะตัดลิ้นเจ้าเสีย" เป็นหยางเอ้อหลางที่เอ่ยขึ้น เมื่อคนผู้นั้นเอาแต่นิ่งเงียบอ้ำอึ้งอยู่เช่นนั้นหลินฮุ่ยหมินมองหน้าท่านแม่ทัพพร้อมกัดฟัน คนผู้นี้แย่งบทบาทขอ
หยางเอ้อหลางมองใบหน้างดงามที่แดงก่ำด้วยโทสะ นางโกรธจนแทบจะพ่นไฟออกมาด้วยเรื่องรูปวาดเช่นนี้ช่างประหลาดแท้องครักษ์ของเขาที่ยืนอยู่ข้างกายคงรู้สึกขบขันจนเผยเสียงหัวเราะออกมาอย่างสุดกลั้นเมื่อเขามองไปที่มือของนางกลับพบว่ามือเรียวนั้นแดงก่ำ หยางเอ้อหลางถอนหายใจออกมาเขาแบมือไปทางองครักษ์ฝานแล้วเอ่ยเสียงเบา“ยา”องครักษ์ฝานมองไปที่ฝ่ามือขององค์หญิงสิบสาม ก่อนจะหยิบยาแก้ฟกช้ำขวดเล็กที่ตนเองพกอยู่เป็นประจำให้กับหยางเอ้อหลาง"เหตุใดองค์หญิงสิบสามถึงได้ใส่ใจในเรื่องภาพวาดนัก เป็นสตรีอื่นคงได้อับอายจนไม่อาจพบผู้คนแต่องค์หญิงสิบสามที่เป็นเช่นนั้นดูจะ.."องครักษ์ฝานเอ่ยกระซิบกับท่านแม่ทัพ"ดูจะอะไร"น้ำเสียงเคร่งขรึมของหยางเอ้อหลางไม่ได้ทำให้องครักษ์ฝานหวั่นเกรงเขาเพียงแต่แสดงสิ่งที่คิดออกมาตามตรง"ท่านอาจมองว่าข้าแปลก แต่ข้าคิดว่าองค์หญิงเป็นเช่นนี้ออกจะน่ารักไปสักหน่อย"องครักษ์ฝานยกมือปิดปากหัวเราะเบาๆ พลางมองไปยังองค์หญิงสิบสามดวงตาเป็นประกายเพียงได้ยินประโยคนี้ออกมาจากปากองครักษ์คนสนิท หยางเอ้อหลางจ้องมององครักษ์ฝานด้วยสายตาอำมหิตไอสังหารแผ่ออกมาจากร่างกายองครักษ์ฝานพลันหยุดหัวเราะ เขาก้า
หลินฮุ่ยหมินกระโดดทีเดียวร่างของนางก็ประชิดตัวท่านแม่ทัพ นางรีบดึงมือของเขาเอาไว้ทัน คนผู้นี้เห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นางจะส่งเสริมเขาไม่ได้เด็ดขาด"ท่านไม่ให้ข้าตัดมือหรือไม่โกรธแล้วหรือ" เขาถามในขณะที่ยอมเก็บกระบี่แต่โดยดีองค์หญิงสิบสามส่ายหน้าพร้อมกับเอ่ยกับเขาว่า “ท่านแม่ทัพอย่าเพิ่งวู่วามการฆ่าคนในเมืองหลวงยิ่งเป็นชาวบ้านไม่อาจทำได้ง่ายๆ หากเขามีความผิดท่านต้องจับเขาส่งทางการให้กรมยุติธรรมเป็นผู้ตัดสิน ท่านไม่อาจฆ่าคนส่งเดชเช่นที่สนามรบได้” นางอธิบายอย่างใจเย็น คนผู้นี้เพิ่งกลับจากสนามรบกฎหมายในเมืองเขาอาจจะไม่รู้เรื่องก็เป็นได้“ได้ท่านรีบจัดการเถิด”“เป็นหน้าที่ข้าเอง” นางตบอกอย่างห้าวหาญ“เขาสลบไปแล้วท่านจะทำเช่นไร”“ท่านแม่ทัพ ข้าขอถามท่านคนผู้นี้มีภรรยาและลูกที่ยังเล็ก อีกทั้งยังมีแม่ผู้ชราต้องเลี้ยงดูจริงหรือไม่”“จริง”นางถามพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ข้างหยางเอ้อหลางดังเดิม มองไปยังร่างที่ไร้สติของนักวาดนิทานผู้นั้น อาภรณ์ของเขาก็ดูซอมซ่อค่อนข้างเก่า เห็นได้ชัดว่าเขามัธยัสถ์เพียงใด อีกทั้งท่าทางขี้ขลาดเช่นนี้หากไม่จำเป็นคงไม่หากินกับเรื่องราวของคนชั้นสูงให้
การลงโทษของเขาไม่ถือว่าเบาอีกทั้งไม่หนักจนเกินไป แต่ทำให้คนหวาดกลัวไม่กล้ากระทำความผิดได้ นางจึงพึงพอใจในคำตัดสินนี้เป็นอย่างยิ่ง“ต่อไปก็เป็นท่านแล้ว ความผิดนี้จะให้ข้าตัดสินเช่นไร”“ข้าหรือ ความผิดอันใดกัน” องค์หญิงสิบสามดึงมือของตนออกจากมือใหญ่ที่เกาะกุมไว้ทันใด “ความผิดที่หลบหนีมาเที่ยวเล่น”“ข้า ข้า ข้า ไม่ได้หลบหนี”“แต่งกายเช่นนี้ไม่หลบหนีแล้วเรียกว่าอย่างไร”“หากข้าหลบออกมาพวกท่านจะยกโขยงตามข้ามาเช่นนี้หรือ กล่าวหากันเกินไปแล้วอีกอย่างตอนออกจากจวนก็ไม่เห็นมีผู้ใดห้าม ท่านอย่ามากล่าวโทษข้า” องค์หญิงสิบสามยืดอก นางไม่ยอมแพ้เป็นอันขาดแม้จะต้องเถียงข้างๆ คู ๆ เช่นนี้หยางเอ้อหลางถอนหายใจให้กับความดื้อรั้นนี้แล้วเอ่ยว่า"ท่านออกมาเที่ยวเล่นเช่นนี้ทั้งที่มีอันตรายรอบด้านได้อย่างไร จำได้หรือไม่ข้าเคยบอกท่านว่าแต่งเข้าจวนสกุลหยางไม่ต้องหลบซ่อนจะไปที่ใดขอเพียงบอก" จู่ๆ เขาก็กลับมาเอ่ยกับนางด้วยเรื่องนี้ด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ท่าทางจริงจังยิ่งองค์หญิงสิบสามเม้มปาก ถูกเขาจับได้คาหนังคาเขาจะแก้ตัวเช่นไรดีเขาจะตัดขานางหรือไม่ หาเหตุผลอยู่ครู่หนึ่งนางจึงเอ่ยอ้ำอึ้งออกมา"ขะ ข้าไม่คิดว่าท่
ณ จวนสกุลหยาง“นางเข้าครัวเองเช่นนั้นหรือ”หยางเอ้อหลางสงสัย ภรรยาของเขาปกติแล้วนอกจากจะซุกซนวิ่งวุ่นในจวน ฝึกปรือ วรยุทธ์กับทหารของเขาจนทุกคนยอมรับแล้วหาได้สนใจทักษะแบบสตรีชั้นสูงโดยทั่วไปแม้แต่น้อย วันนี้พ่อบ้านกลับมารายงานว่านางตั้งอกตั้งใจเข้าครัวเพื่อทำอาหารให้เขาแล้วรู้สึกประหลาดยิ่งเขารู้ว่าตั้งแต่นางแต่งเข้าจวนมาหลายคราที่นางพยายามทำตัวให้ป่วนเข้าไว้ จุดประสงค์เขาย่อมรู้ว่านางเพียงต้องการให้เขาหย่าก็เท่านั้น แต่คนอย่างหยางเอ้อหลางไม่เคยยินยอมให้ผู้ใดมากำหนดกฎเกณฑ์ ยิ่งนางอยากหย่าเขายิ่งต้องการให้นางเป็นภรรยา แม้จะไม่ได้ร่วมเคียงหมอนแต่การที่เขาใกล้ชิดนางทำให้รับรู้นิสัยที่ดีหลายอย่างขององค์หญิงสิบสาม นางไม่ได้เพียงน่าสนใจในตอนแรกแต่บัดนี้องค์หญิงผู้นี้กลับทำให้เขาสนใจนางจนไม่อาจละสายตาได้“ขอรับ ฮูหยินน้อยคงตั้งใจทำเพื่อนายน้อยสุดฝีมือ ข้าน้อยเห็นเช่นนี้แล้วอดยินดีไม่ได้ แม้นางจะทำตัวประหลาดไปบ้างแต่วันนี้ลุกขึ้นมาทำอาหารเอาใจนายน้อยเช่นนี้คิดว่าองค์หญิงคงคิดได้แล้วว่าการทำตัวเป็นภรรยาที่ดีต้องทำเช่นไร”“ท่านคิดเป็นเช่นนี้หรือ”แม่ทัพหยางเอ่ยพลางยกยิ้ม การที่นางเข้าครัววัน
อาชิงยังคงกังวล หากรสชาติไม่ดีแล้วแม่ทัพไม่ยอมแตะต้องจะทำเช่นไร คนตัวโตเช่นนั้นต้องกินมากหน่อยยาจึงจะออกฤทธิ์ดี ได้แต่สวดอ้อนวอนสวรรค์ให้ช่วยเสกให้รสชาติอาหารออกมาดีด้วยเถิดเห็นอาชิงยังคงลังเล องค์หญิงสิบสามจึงได้ดันร่างนางออกจากห้องพร้อมกลับกล่าวเร่งเร้า"เจ้ารีบไปเถิด ไปตามท่านแม่ทัพมา""เพคะ"องค์หญิงสิบสามมองอาหารที่วางเต็มโต๊ะแล้วอดเลื่อมใสความฉลาดปราดเปรื่องของตนเองไม่ได้ ที่ผ่านมาเป็นนางที่พลาดเองพยายามหลบเลี่ยงการกินข้าวกับหยางเอ้อหลางเป็นประจำ หากจู่ๆ จะชวนเขามากินข้าวเขาอาจสงสัยวันนี้จึงต้องลงมือทำเองคล้ายกับเป็นการขอโทษเพื่อให้เขายอมมากินข้าวกับตนเอง นางกระหยิ่มในใจหยางเอ้อหลางนั่นอย่างไรเสียก็ต้องถูกนางวางยาจนหลับสนิทในคืนนี้เป็นแน่ การกลายร่างของนางคืนนี้จะได้เป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีผู้ใดพบเห็นเพียงไม่นานอาชิงกลับเดินเข้ามาในเรือนพร้อมทั้งแม่ทัพหยางองค์หญิงสิบสามแย้มยิ้มกล่าวรับรองสามี พลันต้องยกมือทาบอกด้วยความตกใจใบหน้าถอดสีอย่างไม่อาจควบคุมเมื่อเห็นสตรีชราใบหน้าอ่อนโยนผู้หนึ่งติดตามหยางเอ้อหลางมาพร้อมกับสาวใช้คนสนิท“ท่านย่า”องค์หญิงสิบสามยอบกายทำความเคารพ พร้อมกั
หยางเอ้อหลางเอ่ยขึ้นลอบมองภรรยาที่มีใบหน้าซีดเผือดแล้วรู้สึกไม่สบายใจ นางคงไม่อาจหาญวางยาเขาหรอกนะเขาจึงคิดห้ามปรามท่านย่า ยังไม่ทันเอ่ยคำท่านย่าก็เอ่ยชื่นชมหลานสะใภ้แล้ว“ดูสิเพียงทำครั้งแรกหน้าตาก็ไม่เลว เห็นชัดว่าเจ้าทุ่มเทมากเพียงใดเห็นเจ้าดูแลหลางเออร์ดีเช่นนี้ย่าก็วางใจแล้ว หลางเออร์เจ้าต้องดีต่อองค์หญิงให้มากเข้าใจหรือไม่”ท่านย่าเอ่ยปากชมอย่างจริงใจ หลินฮุ่ยหมินได้แต่ทำหน้าบิดเบี้ยวอยู่ในใจ ฝืนส่งยิ้มแห้งๆให้แก่ฮูหยินผู้เฒ่า“ขอรับ”“ท่านย่าหลานคิดว่า”หลินฮุ่ยหมินนั่งลงด้านข้างพยายามหาเหตุผลที่คิดว่าดีที่สุดเพื่อไม่ให้ผู้เฒ่าร่วมวงอาหารมื้อนี้“อาหารจานนี้มีชื่อว่าอะไรหน้าตาใช้ได้”ฮูหยินชราไม่ปล่อยให้นางคิดต่อหลังกล่าวจบฮูหยินชราหยิบตะเกียบคีบสิ่งนั้นเข้าปากทันใดองค์หญิงสิบสามตาโตด้วยความตกใจ ในใจร้องว่า แย่แล้วท่านย่า งานนี้นางได้ตกเป็นนักโทษต้องสงสัยเป็นแน่หากท่านย่านอนหลับโดยไม่ตื่นในวันสองวันนี้ หยางเอ้อหลางนั้นตกใจไม่ต่างกับนางเพียงแต่ท่านย่านั้นว่องไวผิดสตรีชราผู้อื่น เขาไม่อาจอื่นปากห้ามทันสิ่งที่ไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้นเมื่อฮูหยินชราเคี้ยวได้เพียงคำเดียวนางพลันพ่นสิ่
ส่วนองค์หญิงใหญ่นั้นแทบจะไม่เคยถามถึงเด็กเลยทั้งนี้คงเป็นเพราะเด็กคนนั้นคือตราบาปของนาง องค์หญิงใหญ่จึงรังเกียจเด็กยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือในหัวคิดเพียงแต่เรื่องสังหารเด็กนั่นให้ตายไปเสียให้พ้น องค์หญิงสิบสามถอนหายใจคิดแล้วก็รู้สึกหดหู่ยิ่งหลังออกจากตำหนักองค์หญิงใหญ่ สามีจึงพานางเข้าร่วมงานเลี้ยง ท่านย่าของหยางเอ้อหลางพาท่านชายทั้งสองเข้าร่วมงานด้วย ทุกคนห้อมล้อมเอาอกเอาใจอีกทั้งเด็กทั้งสองยังเป็นหลานรักของฝ่าบาทและขององค์รัชทายาทยิ่ง ไม่ว่าใครต่างก็แสดงความชื่นชมออกมา ก้อนแป้งน้อยของนางทั้งสองยังเด็กแต่รู้ความนัก เมื่อเห็นมารดาเพียงแต่โผหานางเบาๆ ไม่ได้งอแงเหมือนเด็กทั่วไป ภรรยาของขุนนางใหญ่หลายคนต่างหมายตาพวกเขาเอาไว้ พยายามทาบทามตั้งแต่ยังเด็ก องค์หญิงสิบสามเอ่ยปากปฏิเสธเพราะคิดว่าบุตรยังเล็กนัก การกระทำของนางไม่ไว้หน้าผู้ใดกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าตำหนิ กลางดึกคืนนั้นหยางเอ้อหลางนอนกอดภรรยาที่ร่างกายเปล่าเปลือยเอาไว้ในอ้อมกอด คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างพวกเขาแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ องค์หญิงสิบสามหลับแล้วเขากลับยังคงต้องการ เช่นนั้นจึงจับขานางแยกออกแล้วดันกายเข้าไประหว่างขา องค์หญ
องค์รัชทายาทครั้นเห็นว่าพี่หญิงของเขาและพี่เขยมาถึงแล้ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็สดใสขึ้น องค์หญิงสิบสามยิ้มให้กำลังใจ องค์รัชทายาทที่มีชันษาแปดขวบอีกทั้งรู้ความเป็นอันมากด้วยถูกฮูหยินชราและสตรีสกุลหยางอบรมมาด้วยตนเองจึงเข้าพิธีสถาปนาอย่างกล้าหาญ องค์หญิงสิบสามเห็นน้องชายกำลังเติบโตเช่นนั้นก็ตื้นตันใจนัก นางเกือบหยุดน้ำตาไม่ได้อยู่หลายคราคิดถึงเพื่อนของนางมารดาของรัชทายาทที่จากไปก็พลันสบายใจ คนผู้นั้นคงตายตาหลับแล้วหยางเอ้อหลางเห็นภรรยาเหม่อลอย อีกทั้งมีน้ำใสคลอที่หน่วยตาจึงกุมมือของนางเอาไว้ จวบจนพิธีจบสิ้นองค์รัชทายาทก็ก้าวเข้ามาหาพวกเขาอย่างสง่างามสิ่งที่เอ่ยออกมาคำแรกสร้างความตื้นตันให้กับองค์หญิงสิบสามยิ่ง นางรู้สึกว่าองค์รัชทายาทช่างกตัญญูนักไม่เสียแรงที่นางปกป้องซาลาเปาน้อยก้อนนี้ด้วยชีวิต"พี่หญิงเมื่อข้าโตแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของข้าข้าจะยกให้ท่าน"เพราะรัชทายาทพูดแบบนี้นางจึงซาบซึ้งจนไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป หยางเอ้อหลางได้แต่ส่ายหน้าโรคบ้าสมบัติของภรรยาเห็นทีว่าจะรักษาไม่หายจริงๆ หลังจากนั้นแฝดผู้น้องของซาลาเปาน้อยพลันวิ่งมาหานางวันนี้เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้รับ
ในขณะที่หยางเอ้อหลางจุมพิตประกบขยี้ไปบนริมฝีปากงามอีกทั้งนิ้วมือของเขายังไต่ลงไปบดขยี้ปลายเกสรเพิ่มความต้องการกระสันอยากให้ภรรยามากขึ้นอีกทั้งยังจ้วงแทงลงมาใช้แรงกระแทกนางถี่ยิบ อ้าปากคว้าเต้าอวบกลมใหญ่ของนาง ปากดูดกลืนสองเต้าเต็มรัก สะโพกแข็งแรงซอยกระแทกรุนแรงจนทำให้ร่างกายขององค์หญิงสิบสามเต้นระริกองค์หญิงสิบสามกอดศีรษะของเขาไว้ ก่อนที่เขาจะจับนางพลิกร่างให้หันหลังอีกทั้งยังขยับสะโพกของนางเข้าหาตน แนบร่างลงมาหานางจากด้านหลัง ให้นางคุกเข่าอยู่บนเก้าอี้กอดตระกองรวบร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขนหยางเอ้อหลางดูดแผ่นหลังของนางแรงๆ อีกทั้งยังลากลิ้นเลียนางจนทั่วแผ่นหลังเนียนนุ่มในขณะที่เร่งจังหวะของสะโพกตนอัดร่างลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ปากครางบอกรักภรรยา เนื้อนุ่มนิ่มในอ้อมกอดหอมกรุ่นทำให้มัวเมายิ่ง เขาจุมพิตแผ่นหลังนางจนทั่ว ฝากรอยแดงเอาไว้แทบทุกตารางผิวองค์หญิงสิบสามแหงนใบหน้าหาเขา อ้าปากเย้ายวน หยางเอ้อหลางประกบปากของตนลงมาทันใด สองลิ้นพัวพันต่างคนต่างสูบลมหายใจซึ่งกันและกันแลกจุมพิตหวานฉ่ำรุนแรง ยิ่งจุมพิตยิ่งมัวเมาส่วนสะโพกบดเบียดและจ้วงแทงลงมาจากด้านหลัง นางบีบรัดเขาจนเขาต้องห่อปาก กระนั
หยางเอ้อหลางสัมผัสได้ถึงกลีบอวบอูมที่เต็มปากของตน น้ำหวานพรั่งพรูออกมา เขาสูดปากแรงๆ พร้อมดูดนางเต็มรัก นางบิดกายเร่งเร้า หยางเอ้อหลางหยอกเย้ากลีบนุ่มของนางจนอิ่มเอม ลิ้นร้อนของเขาห่อเป็นแท่งกระแทกเข้าไปในร่องลึก ไซร้สัมผัสกับปลายเกสรสีแดงที่สั่นระริกอยู่ที่ปลายลิ้น ก่อนจะดุนลิ้นตนเองลงมาหนักๆ จนภรรยาแทบจะแดดิ้นอยู่เบื้องล่างองค์หญิงสิบสามที่กำลังสติกระเจิงไปกับรสสวาทบัดนี้หาได้สนใจสิ่งใดไม่ นางยกสะโพกค้างให้เขาใช้ลิ้นรักนางอย่างเต็มที่ ความงดงามอวบอูมของภรรยาทำให้เขาฉ่ำเยิ้มเช่นกัน พูเนื้อของนางช่างเย้ายวนใจโดยแท้"ตรงนี้ของท่านงดงามมากรู้หรือไม่" เขากล่าวจบพลันสูดปากลากลิ้นแทงลงมาเต็มๆ องค์หญิงสิบสามกำเก้าอี้แน่น เขากำลังทำให้นางใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว"อ๊า ท่านพี่ อื้อ" นางครางไม่หยุดปากในขณะที่สามีละเลงลิ้นลากดุนวนไซร้ไปตามกลีบเกสร ดูดกลืนปลายสีแดงสดที่สั่นระริกเต้นเร้า หญิงงามที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่เบื้องหน้าดวงตาฉ่ำเยิ้มประดุจมีหมอกจาง ๆ อยู่ด้านในดวงตาคู่งามนั้นช่างยั่วยวนเขายิ่งนักเขาเงยหน้าเพ่งพิศที่เต้าคู่งาม ขยับกายว่องไวอ้าปากแล้วดูดรวบปลายถันไว้ในปาก ดูดแรงๆคล้ายกลั่นแกล
เขาเอ่ยเสียงพร่า พร้อมทั้งแลบลิ้นปาดเลียกลีบเกสรหอมหวานล้ำค่าของภรรยาอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อเห็นภรรยาบิดกายร้อนรุ่ม อีกทั้งส่งเสียงครางแผ่วเบาออกมาหยางเอ้อหลางเร่งเติมเชื้อไฟสวาทด้วยการลากไล้นิ้วมือเรียวไปตามโคนขาอ่อนขาวเนียนแผ่วเบา ร่างงามสั่นสะท้านระทดระทวยเอนหลังพิงกำแพงเพื่อช่วยพยุงกายของตนไม่ให้ล้มลงด้วยพลังปลายลิ้นของเขา"ทะท่านพี่ อือ อือ"ปากงดงงามครางครวญ หยางเอ้อหลางยิ่งปลุกเร้าลงบนเนื้ออูมตรงหน้า ร่างของนางกระตุกบิดไปมาอีกทั้งยังอ้าขาของตนให้เขาดูดกินได้ลึกขึ้น จากเดิมที่หวังจะให้เขากระทำการอย่างว่องไวบัดนี้กลับไม่คิดจะเร่งรัดแล้ว ปล่อยให้เขากระทำการอ้อยอิ่งกับร่างกายของตนเองเช่นนี้โดยไร้ซึ่งสติเมื่อเห็นว่าตนเองจู่โจมภรรยาจนนางยืนไม่ติดแล้ว เขาจึงอุ้มนางขึ้นแล้วพานางมานั่งยังเก้าอี้บุขนแกะนุ่ม จับขาของภรรยาแยกออกให้พาดไปที่พนักเก้าอี้ทั้งสองข้าง เผยความงดงามสีแดงสดเบื้องหน้าอย่างเต็มที่ในเวลานี้เป็นเวลากลางวันจึงมองเห็นนางแจ่มชัดเต็มสองตาประตูด้านหน้าถูกปิดแน่นหนาชนิดที่เรียกว่าไม่อาจมีแม้แต่แมลงสักตัวที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ หยางเอ้อหลางจึงกระทำกับภรรยาอย่างหย่ามใจอีกทั้ง
คิดแล้วก็ต้องขอบคุณสามีเช่นเขา ทำให้ชะตาชีวิตของนางเปลี่ยนได้ดุจพลิกฝ่ามือนางจึงอดขยับกายจุมพิตปลายคางของเขาอย่างขอบคุณไม่ได้ อีกทั้งมือน้อยยังสอดเข้าไปในสาบเสื้อเพื่อสัมผัสความอบอุ่นด้านในอย่างแนบชิดแม้จะอยู่ในชุดคลุมที่มิดชิดจึงไม่มีผู้ใดเห็นการกระทำอุกอาจไร้ยางอายของนาง แต่หยางเอ้อหลางนั้นรับรู้อีกทั้งยังถูกนางลูบคลำอกของตนไปมาไม่หยุดเช่นนี้ ใบหน้าจึงแดงก่ำ สิ่งที่ควรอ่อนลงกลับผงาดแข็งกร้าวมากกว่าเดิมเพราะนางลูบไล้อกของเขาอีกทั้งซุกอยู่ในอ้อมกอด กลิ่นกายของนางก็หอมยิ่งหอมจนทำให้เขากลัวว่าผู้อื่นจะได้กลิ่นจนทำให้รู้สึกหึงหวงขึ้นมา เขากอดนางแน่นขึ้น เห็นสายตาทหารหลายคนแอบลอบมองภรรยาตนแล้วก็รู้สึกโมโหนัก กระนั้นก็ไม่อาจปัดเรื่องอยากกินนางในตอนนี้ออกจากสมองได้ หัวหน้าขันทีนำพวกสองสามีภรรยาไปยังตำหนักปีกรับรอง อีกทั้งยังรายงานกำหนดการต่าง ๆ ในพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทอย่างละเอียดให้พวกเขาฟังหยางเอ้อหลางทั้งพยายามควบคุมตนเองจึงทำท่าสนใจข้อมูลที่หัวหน้าขันทีรายงาน แต่องค์หญิงสิบสามนั้นไม่สนใจฟังแม้แต่น้อย สามีพาทำสิ่งใดนางก็แค่ปฏิบัติตามเท่านั้น มือของนางจึงยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวหัวนมเล
หยางเอ้อหลางพลันอมยิ้ม เขาชอบที่นางชอบเขาที่สุด แม้จะเป็นสิ่งของเขาก็อดหึงหวงไม่ได้กล่าวจบพลันนางโน้มคอเขาลงมาจุมพิตดูดดื่ม เนื้อตัวของนางนุ่มนิ่ม แม้จะมีบุตรถึงสองคนแล้วร่างกายหาได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นสตรีอื่น ที่ควรมีก็มีมากขึ้น อีกทั้งยังตึงแน่นยิ่งกว่าเดิม นับวันเขายิ่งหลงใหลภรรยาจนทนแยกห่างจากนางนานๆ ไม่ได้ยามที่เขาห่างนางต้องไปทำงานต่างเมือง หลายครั้งที่มีสตรีมากมายพยายามปีนขึ้นเตียงส่งสายตาหวานเยิ้มให้ ในใจหยางเอ้อหลางมองพวกนางเหล่านั้นแล้วรู้สึกว่าช่างดูน่ารำคาญ ในสายตาของเขามีเพียงภรรยาผู้เดียวที่สำคัญยิ่ง เขาไม่มีวันชายตาแลสตรีอื่นให้นางน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอันขาดองค์หญิงสิบสามเบียดกายเข้าหาเขา หยางเอ้อหลางใช้ผ้าห่มขนสุนัขจิ้งจอกห่อร่างเขาและนางเข้าด้วยกัน พันกายหนาแน่นด้วยกลัวว่านางจะต้องลมเย็นจากด้านนอกจนเจ็บป่วย ร่างกายของเขาแข็งแรง อึกทั้งยังอบอุ่นองค์หญิงสิบสามชอบซุกในอกแข็งแกร่งยิ่งมือของนางซุกซนล้วงเข้าไปในกางเกงเขาแล้วลูบอาวุธเขาเล่นจนผงาดแข็งชัน หยางเอ้อหลางปล่อยให้นางซนเสมอ นางชอบทำอะไรเขาล้วนตามใจโดยเฉพาะเรื่องนี้ เขายิ่งตามใจนางยิ่งกว่าเรื่องใด“ท่านพี่มันโตแล้ว”“
ผู้ช่วยหมอทำคลอดพลันเปิดประตูออกมา หยางเอ้อหลางไม่รอช้า ผลักประตูเข้าไปด้านในแม้คนจะทัดทานเขาก็ไม่สนใจแล้วเขาโผไปหาภรรยาที่เหนื่อยจนหมดสติไปแล้วอย่างว่องไว กุมมือนางไว้ด้วยใบหน้าซีดเซียว"หมินเออร์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง""องค์หญิงปลอดภัยดีเจ้าค่ะ เพียงแต่เหนื่อยมากจึงหลับไป"หมอหญิงผู้เก่งกาจประจำจวนเอ่ยขึ้น หยางเอ้อหลางพยักหน้าแต่ไม่วางใจ เขาดึงภรรยามากอดไว้ สำรวจร่างที่ยังเปียกชื้นด้วยเหงื่อของนางปากก็พร่ำขอโทษภรรยาที่ทำให้นางเจ็บปวดด้วยสำนึกผิดเป็นอย่างยิ่ง"ข้าจะไม่ให้ท่านท้องอีกแล้ว ขอสัญญา ข้าขอโทษ"ความเจ็บปวดของภรรยาในวันนี้ทำให้เขารู้สึกปวดร้าวยิ่ง เขาจะไม่มีวันยอมให้นางเป็นเช่นนี้อีกจวบจนแม่นมอุ้มก้อนแป้งอวบก้อนหนึ่งมาหาเขา หยางเอ้อหลางเห็นหน้าบุตรเป็นครั้งแรก พลันตื้นตันจวบจนน้ำตาจะไหล ความรู้สึกรักและผูกพันท่วมท้นในอก บัดนี้เขาเข้าใจลึกซึ้งแล้ว ว่าบิดามารดารักเขาเพียงใด เขาค่อย ๆ วางร่างภรรยาลงบนเตียงให้ท่านหมอดูแลเต็มที่ ส่วนตัวเองยื่นมือไปรับห่อผ้าสีแดงนั้นมาไว้ในอ้อมกอด"เป็นท่านชายเจ้าค่ะ" แม่นมเอ่ยด้วยความยินดี"ดีมาก ดีจริงๆ "หยางเอ้อหลางหัวเราะทั้งน้ำตาแล้ว ความตื้
กินเสร็จได้ไม่นาน องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกอยากอาบน้ำ"ท่านพี่นอกจากเขาจะเลือกกินแล้ว ยังรักสะอาดยิ่ง อากาศหนาวเช่นนี้ข้ากลับอยากอาบน้ำวันละหลายรอบ"หยางเอ้อหลางจึงสั่งอาชิงให้เตรียมน้ำอุ่น หลังจากนั้นเขากลับเป็นฝ่ายดูแลนางด้วยตนเอง ถอดอาภรณ์ให้นาง ค่อยๆ พานางลงอ่างอย่างระวัง ผิวขององค์หญิงสิบสามเปล่งประกายบอบบาง ส่วนข้อเท้าเนียนนุ่มเล็กๆ ของนาง ยิ่งไม่อาจรับร่างกายที่หนักอึ้งของครรภ์ได้ หยางเอ้อหลางจึงต้องระวังเป็นพิเศษอาบน้ำยังไม่ทันเสร็จ องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติยิ่ง มีเลือดไหลออกมาจากช่องทางลับของนาง ก่อนที่ความรู้สึกเจ็บปวดจะวิ่งจากท้องน้อยถึงไขสันหลัง นางจับข้อมือของหยางเอ้อหลางแน่นห่อปากด้วยความเจ็บปวด"ท่านพี่ ข้าเจ็บ"เพียงเห็นเลือดที่เริ่มไหลออกมาปนกับน้ำในอ่าง เทพสงครามเช่นหยางเอ้อหลางแทบเป็นลมหมดสติยิ่งเห็นนางเจ็บปวดยิ่งรู้สึกคล้ายหายใจไม่ออก ช่วงท้องบิดมวน ปากร้องตะโกนให้อาชิงที่รออยู่ด้านนอกรีบตามหมอตำแยที่เขานำมาเลี้ยงดูในจวนตั้งแต่เดือนก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมให้ภรรยาหยางเอ้อหลางตั้งใจจะอุ้มนางขึ้นจากอ่างน้ำ แต่กลับถูกองค์หญิงสิบสามทั้งข่วนทั้งตบตี