ฮัดเช้ยๆๆๆจางซูฉีจามไม่หยุด ใครนินทาเจ๊วะจามมาสองชั่วยามแล้วนะโว้ย นางกำลังวาดแบบชุดให้กับหลินผู่เย่งกับฟางซือหมิงมีเสียกุกกักจากฝังตำหนักกุ้ยฮวาจึงออกมาดู เห็นหลินผู่เย่ว ฟางซื่อหมิงและสตรีอีกคน จางซูฉีน้ำตาไหลเป็นความรู้สึกของร่างเดิม นั่นคือพี่รองจางหย่งเล่อ"เย่วเย่ว เจ้าหายแล้วๆจริงๆ"จางหย่งเล่อสวมกอดน้องสาวก่อนจะมองหน้านางแล้วเอ่ยกับและเสี่ยวจู"ทำไมไม่เตือนคุณหนูว่าห้ามล้างหน้าล้างตัว เย่วเย่วเจ้างามนักจำเป็นต้องปกปิดไม่รู้หรือ อีกอย่างกลิ่นกายเจ้าจำเพาะเยี่ยอ๋องฝึกวรยุทธพี่กลัวเขาแยกแยะได้ จึงต้องทำเช่นนี้"สิ้นคำพี่สาวนางนึกถึงเรื่องบนเขาเมื่อสองวันก่อน เขาสั่งสองคนนั้นให้ตามหาหญิงชราก็คือนางหรือเขาได้กลิ่นแต่แรก เช่นนี้ไป๋ซู่กับเย่วฉางควรหายสาบสูญจะปรากฏตัวไม่ได้อีก เงินจ๋าหายไปอีกแล้วฮือๆๆๆๆเหลือแค่พึ่งนิยายฉันแล้ว"พี่รองอย่ากังวลข้าสบายดี พี่มาก็ดีเช่นนั้นข้าจะตัดชุดให้ท่านด้วย"สาวๆต่างหัวเราะคุยกันสนุกสนาน จางหย่งเล่อหยุดเล่นแล้วเอ่ยขึ้น"เย่วเย่วเมื่อวานไปไหว้ท่านน้าเป็นเช่นไรบ้าง""ก็เหมือนทุกปี แต่ปีนี้ท่าย่ากับท่านปู่หม่าแก่ลงอีกแล้ว ข้าจัดการตามที่เจ้าบอกแล้วนะฉ
จางซูฉีกรองเหล้าได้ไหเล็กทั้งหมดกว่าสามร้อยไหจะลองไปดูว่าจะสามารถขายโรงเหล้าหรือหอคณิกาได้ไหม คืนนี้เป็นวันเกิดของผู้เฒ่าสวีเจียงฟางซินมากินข้าวด้วย หนานกงอินประกาศตัดเสบียงอย่างโจ่งแจ้ง อีกทั้งสั่งปิดตำหนักอีกต่างหาก สองพี่น้องนี่ใจแคบมากคืนนี่มีงานโคมไฟด้วยพวกเขาต้องไปงานเลี้ยง นางจึงตัดชุดเตรียมไปเที่ยวไว้แล้วเพราะแน่ใจว่าไม่เจอไอ้หน้าโบทอกซ์แน่ๆจางหย่งเล่อ เสิ่นผู่เย่วที่ตอนนี้ไม่ใช่แซ่หลินแล้วรวมถึงฟางซือหมิง ไปงานเลี้ยง"เสี่ยวเถา เสี่ยวจู เตรียมตัวไปงานโคมไฟกัน ไม่มีคนที่ต้องระวังอยู่ในเมืองเที่ยวสักพักใกล้งานบ้านใต้เท้าสวีเลิกเราค่อยกลับ"เสี่ยวจูดีใจรีบแต่งตัว เด็กคนนี้ยิ่งโตยิ่งสวย เสี่ยวเถาอายุสิบหกเมื่อสองวันก่อน จางซูฉีเกิดวันเดียวกันแต่นางแก่กว่าหนึ่งปี เจียงฟางซินมาแล้วจางซูฉีตัดชุดให้จางฟางซินสีเขียมอมเหลือง ส่วนของนางสีฟ้า เด็กสองคนของเจียงฟางซินสีชมพูกับเหลือง เสี่ยวจูชอบสีม่วง เครื่องประดับเอาจากในหีบที่เจอเสี่ยวเถาไม่อยากไป แต่กลัวว่าพี่ใหญ่จะจับบพิรุธได้เพราะนางเป็นคนฉลาดจึงไปด้วยเสี่ยวเถาใส่ชุดสีขาว ทุกชุดปักดอกไม้เล็กๆ เนินออกปักคาดด้วยไหมสีเข้มขับทรวงอกให
งานเลี้ยงเริ่มมาสักพักแล้ว รถม้าเพิ่งมาถึงเสิ่นผู่เย่วมีเหงื่อซึมหลังจากได้ยินบทสนทนาของสวีไค่เฉิงกับหนานกงเยี่ยในรถก่อนหน้าที่จะลงรถม้ามา"ตามหาโรงพิมพ์เจอหรือยังใต้เท้าสวี""ยังพ่ะย่ะค่ะ แต่เก็บหนังสือหมดทุกเล่มแล้ว คนเขียนนิยายเรื่องนี้ช่างจินตนาการยิ่งนัก กระหม่อมแล่เนื้อคนผู้นี้แน่ๆหากรู้ตัว""ท่านว่าเป็นสตรีหรือบุรุษที่เขียนออกมาภาพวาดเหล่านั้นช่างเสมือนจริงยิ่งนัก เอาเวลาไปนั่งเฝ้าบุรุษเสพสมกันหรือไรถึงรู้ดีนัก" หนานกงเยี่ยเอ่ยสวีไค่เฉิงเห็นเสิ่นผู่เย่วเหงื่อซึมใบหน้าก็ซับให้ ก่อนจะเชยคางนางแล้วกระซิบ"หากไม่อยากเจอพวกเขา แค่ทักทายอวยพรท่านปู่พี่ก็พอ เดี๋ยวพี่พากลับดีไหมเย่วเอ๋อร์ของพี่หื้ม"หนานกงเยี่ยกระแอม เขายังนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ไอ้เด็กบ้านี่จะคลั่งรักอะไรนักหนาหนานกงเยี่ยลงจากรถม้าไปก่อนแต่ก็ได้ยินคำถามจากเสิ่นผู่เย่ว"พี่ไค่เฉิง หนังสือเล่มนั้นร้ายแรงจนถึงขนาดไหนหรือเจ้าคะ""แค่นิยายไร้สาระเรื่องหนึ่งที่ไม่มีมูลความจริงเขียนให้คนอื่นเสียหาย""เอ่อ ข้าเคยผ่านตามาบ้าง ท่านกับท่านอ๋อง อื้อๆ"สวีไค่เฉิงจูบนางเนิ่นนานถ้าไม่ใช่เพราะเป็นงานท่านปู่เขาหอบเอานางกลับไปนอนกอดแล้ว
ผ่านมาเกือบเดือนแล้วเกือบสามสาวถูกกักบริเวณ ไม่สามารถไปไหนได้เลย จางซูฉีแอบมาพบกับฟางซือหมิงถึงรู้ว่านางถูกสี่บุรุษงามแห่งแคว้นหมายหัวเรื่องนิยายเรื่องนั้น"เสี่ยวเถา วันนี้พี่นัดเหลาสุราเอาไว้อาจจะกลับช้า พี่ทำอาหารไว้หิวก็กินก่อนเลยนะ""เจ้าค่ะ พี่ใหญ่ระวังตัวนะเจ้าคะช่วงนี้เยี่ยอ๋องตามหาท่านอยู่" เสี่ยวเถาเป็นห่วงจางซูฉี"อืม พักผ่อนเยอะๆพี่รู้สึกหมู่นี้เจ้าชอบเหม่อไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า""พี่ใหญ่ข้าไม่เป็นอะไร ท่านรีบไปรีบกลับข้าเป็นห่วง เสี่ยวจูไปช่วยฮองเฮาปลูกผักไม่รู้ว่าช่วยหรือไปเล่น""ทนอุดอู้หน่อยนะ พวกเจ้าเคยเจอหน้าเขากับคนของเขาบ่อยหากออกไปพี่เกรงว่าคนของเขาจะจำได้"เสี่ยวเถากลั้นน้ำตาเพราะนางไม่เชื่อฟังพี่ใหญ่ นางถึงมีตราบาปจนทุกวันนี้จางซูฉีนำเหล้าเข้ามิติตั้งแต่เมื่อคืน หากเกิดเหตไม่คาดฝันเช่นวันที่ขึ้นเขานางสามารถเอาตัวรอดได้เด็กสองคนอยู่บ้านดีที่สุดเสี่ยวเถา ปวดหัวเลยนอนอยู่ในห้อง เสียงเคาะประตูทำให้เอ่ยออกไป"เข้ามาเถอะเสี่ยวจูพี่ไม่ได้ลงกลอน อย่าซุกซนมากนักนะพี่จะนอน"มีเสียงเปิดประตูแต่ไม่มีเสียงตอบ เสี่ยวเถาแปลกใจเหตุใดน้องสาวเงียบแปลกๆจึงลุกขึ้นดูเห็นคนที่ทำลายน
หนานกงเยี่ยไปชายแดนเพื่อเจรจาสงบศึกกว่าสิบเดือนแล้ว เขายังได้เจอแม่ทัพจางอีกด้วยแต่ไม่พูดเรื่องของเขาและหลานสาวของเขาแต่อย่างใดสวีไค่เฉิงและหนานกงมั่วก็ไปด้วยกันทำให้งานแต่งของพวกเขาเลื่อนออกไปอีกหนึ่งปีหนานกงเยี่ยเห็นว่า องครักษ์สองคนพี่น้องมึนตึงหนานกงเยี่ยเลยให้สืออินติดตามเลือกให้สือห่าวอยู่เฝ้าตำหนักสือห่าวติดตามบิดาไปเจรจาการค้าที่เมืองเหอเป่ย เพิ่งกลับมาได้สามเดือนตอนนี้หนานกงเยี่ยเดินทางกลับเมืองหลวงมาได้ห้าวันแล้ว สือห่าวมาคารวะเสร็จหากไม่มีคำสั่งเขาก็จะไม่อยู่ไม่รู้หายไปไหนทั้งวันทั้งสี่คนมากินอาหารที่หอเปิดใหม่ อาหารอร่อยวัตถุดิบสดใหม่ ผักสดสีเขียวและผลไม้หอมหวานแม้จะแพงแต่คนก็ยอมจ่ายหนานกงเยี่ยนั่งอยู่บนชั้นสอง วันนี้ฮ่องเต้เองก็มาด้วย ทั้งห้าคนบุรุษงามแห่งวังหลวงรวมตัวที่ชั้นสอง"เสด็จพี่ ร้านนี้อาหารอร่อยเสียจริงๆ เห็นว่าเป็นสูตรจากบรรพบุรุษ ที่สำคัญผักที่นี่สดใหม่มากพ่ะย่ะค่ะ" หนานกงมั่วเอ่ยขณะคีบผัดผักเข้าปาก" อืม สุรารสชาติดียิ่งนักหรือว่าไงเยี่ยเอ๋อร์ เยี่ยเอ๋อร์ เจ้าคิดอะไรอยู่ข้าเรียกนานแล้ว"หนากงอินเห็นน้องชายถือจอกสุราค้างไว้จึงเรียกซ้ำ"ท่านอ๋อง ทรงได้กลิ
หนานกงเยี่ยลุกขึ้น มองหน้าจางซูฉีนางกล้าตบคนของเขาต่อหน้าเขานี่มันเกินไปแล้ว พระชายาหรือเช่นนั้นนางก็คือจางซูฉี พระชายาของเขา มิน่าเขาคุ้นกลิ่นนี้นักครั้งแรกคืนแต่งงานตอนที่บีบคอนางและอีกครั้งตอนที่นางขึ้นจากน้ำมาจับตัวเขา กล้ามากกล้าหลอกลวงเขาที่สำคัญนางมองเขาเป็นศัตรูแต่อ่อนโยนกับสือห่าวเห็นได้ชัดตอนที่นางลูบหัวสือห่าวแล้วยิ้มให้ไอ้เด็กนั้นช่างขัดหูขัดตาเขาไปหมด"จางซูฉี ถึงเจ้าเป็นพระชายาก็ใช่ว่าจะมีสิทธิ์ลงมือ สืออินเป็นคนของข้า" หนานกงเยี่ยเอ่ยขึ้นแล้วลุกขึ้นประจันหน้ากับนางตั้งแต่รู้ว่าเสี่ยวเถาตั้งครรภ์และพ่อของเด็กคือสืออินเขาย่ำยีคนของนาง จางซูฉีไม่เก็บตัวอีกต่อไปไม่เปิดหน้าจะสู้อย่างไรนางเผชิญหน้าทุกอย่างมีร้านค้าในมือกว่าสิบร้านแล้ว พอดีกับหนานกงเยี่ยไม่อยู่ไปชายแดนจึงลงมือง่าย"หนานกงเยี่ย หากสุขนัขของท่านเลี้ยงให้เชื่องไม่ได้ก็ควรล่ามเชือก ไม่ใช่ให้ไปกัดคนของข้าถึงในบ้าน สืออินหวังว่าข้าจะไม่เห็นหน้าเจ้าที่เรือนดอกเหมยอีก ข้าเป็นคนพูดครั้งเดียว อย่าล้ำเส้นความอดทนของข้า" เจียงฟางซินที่เงียบมาตลอดเอ่ยเบาๆ"ฉีเอ๋อร์ไปกันเถอะ เราต้องเก็บของอีกราชโองการปลดข้าจะมาแล้ว จดห
จางซูฉี จางหย่งเล่อ เสิ่นผู่เย่ว ฟางซือหมิง เจียงฟางซิน กลับมาถึงเรือนดอกเหมยก็เก็บข้าวของ เสี่ยวเถากำลังทำอาหารเย็นในห้องครัว ห้าสาวร้อนจึงพากันเล่นน้ำในลำธาร เสี่ยวจูอุ้มเสี่ยเป้ยนั่งเฝ้าอยุ่ริมลำธาร ส่วนจินเสี่ยวหรันอุ้มเสี่ยวชิงนั่งเล่นอยู่ ดอกไม้จากบนเขาปลิวลงมาทำให้ลำธารมีแต่กลีบดอกและดอกไม้นาๆพรรณ ห้าสาวไม่คิดว่าอีกสักพักตัวเองจะต้องต้อนรับคนที่ไม่อยากเห็นหน้าเลยไม่ได้ใส่ใจจางซูฉีชอบเล่นน้ำจึงตัดชุดว่ายน้ำเอง เสื้อเกาะอกกับกางเกงขาสั้นสีดำขับผิวนวลเนียนของห้าสาว เผยให้เห็นไหปลาร้านวลเนียน เนินอวบอิ่มของวัยสาวเรียวขาวเนียน ทั้งห้าคนเล่นน้ำไปด้วยคุยกันไปด้วย"นี่พี่ฟางซินหากท่านไปแล้วพวกเราจะทำยังไง ไม่ไปได้ไหมมิใช่ว่าใต้เท้าเจียงบอกหรือว่าอยากอยู่หรือไปตามใจท่าน"เสิ่นผู่เย่วเอ่ยถามเจียงฟางซินที่กำลังเก็บดอกไม้มาทัดหูอยู่ เจียงฟางซินเอ่ยถามจางซูฉี"ฉีเอ๋อร์ จะรั้งอยู่ที่นี่หรือไปอยู่ที่อื่นดี ข้าไปไหนก็ได้ข้าไม่ต้องเป็นฮองเฮาแล้วอิสระดีนะข้าว่า"ก่อนจะว่ายไปนั่งบนก้อนหินตรงกลางจางซุฉีที่กำลังคลายมวยผมสะบัดไปมาก่อนจะรวบใหม่ ตอบคำถามนาง"ดูก่อน เสี่ยเป้ยกับเสี่ยวชิงเพิ่งได้สามเด
"ฉีเอ๋อร์ นิยายเรื่องนางโลมในม่านไข่มุกเจ้าขายดีนัก ตั้งแต่เปิดร้านหนังสือมาข้าไม่เคยทำกำไรได้เดือนเดียวสามแสนตำลึงเลยนะ""เฮ้อ แต่ว่าไปตัวละครม่านอี้น่าสงสารนะมีใครรักนางจริงบ้าง ตั้งแต่บัณฑิตหลี่อุตส่าห์ส่งเรียนจนจบสุดท้ายก็ไปแต่งงานกับคุณหนูลูกขุนนาง" เสิ่นผู่เย่วเอาตัวเองขึ้นจากน้ำนั่งห้อยขาแกว่งขาเล่น นางสงสารม่านอี้คนนั้นที่ยอมทำงานไร้เกียรติเพื่อหาเงินให้คนรัก"เฮ้อ ในยุคบุรุษเป็นใหญ่ก็แบบนี้แหละ นางทำเพื่อคนรักสุดท้ายได้ความทรยศคืนมา เจ้าดูเถอะตั้งแต่อดีตมีกี่คนถูกขังตำหนักเย็นบางคนไม่ได้ทำผิดอะไรเลย" เจียงฟางซินเอยขึ้น"บุรุษส่วนใหญ่ใช้หว่างขามากกว่าสติปัญญาน่ะ เสี่ยวเถาเรียกแล้วไปกันเถอะ ข้าจะไปดูเจ้าแฝดให้นางกินก่อน เสี่ยวหรันเจ้าจะนอนที่นี่หรือ""เจ้าค่ะพี่สาวพระชายา ไม่มีข้ากับพี่รองใช่ว่าพี่ใหญ่จะจัดงานแต่งไม่ได้ พี่รองบอกว่าท่านพ่อแต่งสะใภ้เสร็จเมื่อไหร่ จะพาข้าออกมาอยู่ข้างนอก ข้าก็ไม่อยากอยู่กับสตรีเสแสร้งกับบุรุษโง่งม ถึงจะเป็นพี่ชายตนเองก็เถอะ ไม่รู้จะโง่อันใดถึงเพียงนั้น"ทุกคนขึ้นจากน้ำหมดแล้ว ใส่เสื้อคลุมเดินกลับเข้าบ้าน จางซูฉีก้มลงเก็บดอกกล้วยไม้ที่ลอยตามน้ำมาเ
แดนเซียนควันสวีทองลอยขึ้นมายังด้านบนก่อนจะลอยเข้าสู่หว่างคิ้วของหนานกงเยี่ยเทพสงครามที่นั่งรอพระชายาตนอยู่ปากถ้ำ ทันทีที่ดวงจิตเข้าสู่ร่างเขาก็รู้ทันทีว่ามหาเทพถือกำเนิดในแดนมนุษย์แล้วชายาของเขานางกำลังจะออกมาจากการกักตนเพื่อหนีหน้าเขาแล้ว ประตูหินค่อยเลื่อนออกควันสีทองลอยเข้าไปยังด้านในเข้าสู่กลางหว่างคิ้วของเทพบุปผา ไม่นานชิงเหลียนที่หน้าตาเหมือนกันกับจางซูฉีที่แดนมนุษย์ก็เดินออกมาจากด้านใน นางเห็นสวามียืนรอก็เดินตรงมาหา เทพสงครางกางแขาออกให้ชายารักเดินเข้ามาสู่อ้อมกอดเทพบุปผาซบหน้ากับอกกว้าของเขาพร้อมเอ่ยเบาๆ"ฝ่าบาท หม่อมฉันผิดไปแล้ว ที่ผ่านมาหนีหน้าพระองค์ ไร้เหตผลต่อจากนี้จะไม่ทำอีกแล้วเพคะ ตอนอยู่แดนมนุษย์เคยเกือบเสียพระองค์ไปหม่อมฉันรู้แล้วว่าความเจ็บปวดนั้นเป็นเช่นไร""ข้าไม่โกรธเจ้า คนงามของข้าๆเตรียมเรือเรียบร้อยแล้ว รอเจ้าออกมาจากด่านเราจะไปล่องเรือกัน เราจะล่องจากตำหนักเหลียนฮวาาจนไปถึงดินแดนประจิม แล้วจากนั้นข้าจะพาเจ้าไปทะเลตะวันออกดีหรือไม่ หืม""เพคะ หม่อมฉันตามใจพระองค์ ฝ่าบาทชิงเหลียนรักพระองค์เพคะ""คนงามข้าก็รักเจ้า ชิงเหลียนคนดีของข้า"ทั้งคู่ล่องเรือไปตามสระบั
ท้องฟ้าเหนือแคว้นอู๋มีสายรุ้งปรากฎถึงเก้าสาย อีกยังมีเหล่านกน้อยบินวนรอบตำหนักเหมยฮวา ท้องฟ้าเป้นสีทองก้อนเมฆสีรุ้งงามตานัก จากนั้นด้านในจางซูฉีก็คลอดเด็กกออกมา อุแว้ๆๆๆๆ ไม่นานก็มีเสียงทารกดังออกมา"ท่านอ๋อง ไท่จื่อเป็นซื่อจื่อน้อยเพคะ หน้าตาละม้ายท่านอ๋องยิ่งนักเพียงแต่ว่า" แม่นมพูดค้างไว้จนทุกคนมองหน้ากัน หนานกงเยี่ยร้อนใจจึงเอ่ยถาม"แต่ว่าอะไรแม่นมเฟิ่ง ท่านพูดออกมาให้หมด""แต่ว่าเส้นผมของซื่อจื่อน้อยไม่ได้ดกดำเพคะ แต่เป็นสีเงินยวงราวกับหิมะเลยเพคะ เสียงร้องดังมากแปลว่าแข็งแรงดี""ทันทีที่แม่นมเอ่ยจบหนานกงเยี่ยก็รู้ทันทีว่าหน้าที่ของพวกเขาในแดนมนุษย์นั้นสมบูรณ์แล้ว รอเวลาจิตวิญญาณเขาและนางกลับแดนเซียนเท่านั้นหนึ่งชั่วยามต่อมาทุกคนจึงได้รับอนุญาตให้เข้าไปดูจางซูฉีกับบุตรชายได้ หนานกงเยี่ยเห็นหน้าบุตรชายก็ถอนหายใจ เขาต้องเป็นบิดาของคนที่เอาแต่ใจที่สุดในแดนสวรรค์จริงๆหรือ จากนั้นก็ก้มลงไปจุมพิตหน้าผากน้อยๆเบาก่อนจะกระซิบ"ฝ่าบาท อย่างไรก็เป็นบุตรกระหม่อม ดื้อรั้นให้น้อยลงหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันมีสิทธิ์ตีก้นพระองค์ได้นะพ่ะย่ะค่ะ"ก่อนที่ทารกน้อยจะลืมตาทันทีจ้องหน้าคนที่เพิ่งข่มขู่เ
หนานกงเช่อไปแล้วบรรดาสาวนั่งจับกลุ่มคุยกันไม่หยุด แต่ละคนอุ้ยอ้ายจนดูน่ารักไปหมด เฉินลี่จูที่ถูกเยี่ยผิงอันอุ้มลงจากรถม้าเดินมาส่งที่ด้านในตำหนักก็อายหน้าแดง"ท่านอาปล่อยข้าลงเดินเองก็ได้นะเจ้าคะ ไม่ได้ไกลสักนิด""เมียจ๋า ดูพื้นสิขรุขระขนาดนี้ หากไม่ระวังอาจหกล้มได้ ไม่รู้ว่าเยี่ยอ๋องทรงคิดเช่นไรถึงได้ปูหินให้มีร่องห่างกัน พื้นไม่เสมอพระชายาก็กำลังตั้งครรภ์ไม่รู้จักระวังเลย"จางซูฉีขำกับความห่วงเมียคลั่งรักเมียของเยี่ยผิงอันหากบอกว่าท่านอาลู่จงได้เมียเด็กก็ไม่ถูกนัก อาลู่อายุสี่สิบ จูชุ่ยชุ่ยอายุย่างสิบแปด แต่เยี่ยผิงอันสี่สิบห้าย่างสี่สิบหก ส่วนเฉินลี่จูอายุสิบหก นางเด็กที่สุดในบรรดาเมียๆของเหล่าบุรุษแห่งวังหลวงเลยล่ะ"ใต้เท้าเยี่ย หากพื้นปูติดๆกันไม่มีร่อง ยามหิมะตก หรือฝนตกพื้นจะลื่น ร่องช่วยให้เวลาเดินไม่ลื่นน่ะ ลี่จูมานั่งกับพี่ก่อน เสี่ยวหรันกับชิงชิงน่าจะกำลังมา""เพคะพระชายา อ้อพี่ผู่เย่วท่านตั้งครรภ์อีกแล้วหรือเจ้าคะ ใต้เท้าสวีจะขยันเกินไปหรือไม่ คนโตยังไม่ได้ขวบเลย คิกๆๆ"ในบรรดาเด็กรุ่นน้องสามสาวแห่งสกุลจิน สกุลเฉินและสกุลว่านนี่คือแสบที่สุด ต่อยตีกับบุรุษไม่เว้นแต่ละวัน"พ
เมืองหลวงที่ไม่เคยหลับไหล โคมไฟเรียงรายห้อยเต็มหน้าร้านหน้าบ้านที่ปลูกติดกันยามลมพัดแกว่งไกวไปมาบรรยากาศในเมืองหลวงมีแต่ความสุข ฮ่องเต้กำเนิดพระธิดาสองพระองค์ อีกทั้งตอนนี้ฮองเฮาก็กำลังทรงพระครรภ์ได้สามเดือนแล้วตั้งแต่มาถึงเมืองหลวง ตระกูลหลักหลายตระกูล ตระกูลหลี่ ตระกูลว่าน ตระกูลสวี ตระกูลจิน และตำหนักอ๋องทั้งสอง รวมถึงตำหนักบูรพาขององค์รัชทายาท ต่างจัดเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ เพราะพระชายาไท่จื่อ พระชายาเยี่ยอ๋อง และชินอ๋องรวมถึงบรรดาฮูหยินของใต้เท้าทั้งหลายนั้นตั้งครรภ์พร้อมกันตำหนักบูรพารัชทายาทหนานกงอินกำลังรักเมียสาวอยู่อย่างนุ่มนวลอ่อนโยน เสียวครางแสนหวานของเจียงฟางซินทำให้เขายิ่งรักนางยิ่งขึ้น"ไท่จื่อ เมียไม่ไหวแล้วเพคะพอเถอะ อื้อ ลูกดิ้นอีกแล้วพระองค์ก็ไม่ยอมเลิกสักที ลูกในท้องงอแงแล้วนะเพคะ อร๊าย หนานกงอินเสียวนะ อย่างัดแบบนี้สิคนบ้าข้าตั้งครรภ์อยู่นะ""บอกมาก่อนว่ารักพี่เด็กดีพูดเร็ว ตั้งแต่เข้าหอมาจนถึงวันนี้ยังไม่บอกว่ารักพี่เลย พูดมาคนดี อืม เสียวจริงๆเมียจ๋า อยากให้ผัวเลิกต้องบอกรักผัวก่อน อ่าา""อื้อ รักเพคะ หม่อมฉันเจียงฟางซินรักหนานกงอิน อร๊าย หม่อมฉันเสร็จอีกแล้ว
ขบวนเดินทางมาได้ครึ่งเดือนแล้ว แวะพักบางจุดเนื่องจากทำผักดองแบะเนื้อรมควันไว้มากมาย อาหารการกินจึงไม่ลำบากมมากนักจางซูฉีไม่ต้องการให้หนานกงเยี่ยไปล่าสัตว์บนเขา ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้คืนนี้พวกเขาแวะพักตรงริมน้ำใกล้เชิงเขา แต่จางซูฉีสั่งเดินทางต่อ หนานกงเช่อจึงไม่เข้าใจเหตุผลของนาง"ฉีเอ๋อร์ พ่อไม่เข้าใจที่เจ้าให้พวกเราเดินทางต่อ นี่ยามเซินแล้วกว่าจะสร้างกระโจมอีก ตรงนี้มีลำธารด้วยสะดวกสบายกว่าไม่ใช่หรือ""เสด็จพ่อ หากเป็นแม่น้ำลำธารที่ไม่อยู่ใกล้เชิงเขาลูกคงไม่ขัดหรอกเพคะ แต่ว่าลำธารนี้ทรงทอดพระเนตรสิเพคะ มีรอยเท้าสัตว์เต็มไปหมด แปลว่านี่เป็นแหล่งน้ำของพวกมัน อีกทั้งยังมีคราบเลือดเป็นจุดๆทั้งรอยเก่ารอยใหม่ แปลว่ามีสัตว์นักล่าด้วย ในขบวนมีคนท้องถึงเจ็ดคน แม้ว่าเหล่าบุรุษจะมีวรยุทธ แล้วนางกำนัลเหล่านั้นเล่าเพคะพวกนางอ่อนแอ เราเสียเวบาเดินทางอีกหน่อยก็ไม่ต้องเสี่ยง ลูกแค่ห่วงความปลอดภัยของทุกคน"เมื่อจางซูฉีชี้แจงเหตุผลจบ ทุกคนก็ยิ่งรีบเดินให้พ้นลำธารไวขึ้น ไม่นานก็เลยเชิวเขามาห้าลี้และเจอเข้ากับแม่น้ำเล็กๆสายหนึ่ง แม่น้ำสายนี้เรือเล็กสามารถสัญจรได้ จึงพากันหยุดพักที่ตรงนั้น"ฉีเอ๋อร์เหนื
ผ่านไปเดือนกว่ารถม้าที่สั่งทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนี้กำลังฝึกม้าที่จะนำมาใช้กับรถม้าอยู่ ใช้เวลาฝึกนานประมาณเกือบเดือน เพราะบรรดาคนที่นั่งในรถม้าคือเหล่าสตรีที่กำลังตั้งครรภ์จินเสี่ยวหรันที่ตอนนี้ไม่ต้องดูแลสวีไค่ไหยุนแล้ว เพราะเขาเริ่มไม่มีอาการแพ้ท้องแบบที่อาเจียนไม่หยุดแล้ว เหลือเพียงแค่ความอยากอาหารเท่านั้นส่วนว่านชิงชิงทุกวันนี้นางกลุ้มใจมาก ว่านอันสุ่ยไม่ยอมห่างนางเลยไม่ยอมให้เดิน ไปไหนก็อุ้มตลอดเวลา บางครั้งเขาก็งอแงเป็นเด็กน้อยห่างนางไม่ถึงชั่วยามก็ตามหาอีกแล้ว จนถูกฮ่องเต้เรียกไปต่อว่าหลายครั้งเพราะเสียงานเสียการ"ใต้เท้าว่าน เราว่าท่านรักเมียเกินไปหรือไม่ งานการมีไม่สนใจทำงานอยู่ดีๆหาเมียไม่เจอก็ทิ้งงาน เจ้ามันตาแก่หลงเมียเด็กจริงๆ""ฝ่าบาท กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ต่อไปจะไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีกพ่ะย่ะค่ะ"ว่านอันสุ่ยเสียงอ่อย แต่ฮ่องเต้ตรัสถูกต้องเขาหลงเมียจริงๆแต่แค่ไม่อยากยอมรับ"ใต้เท้าว่าน ข้าเองก็รักเมียไม่แพ้ท่าน แต่งานส่วนงานท่านต้องแยกแยะสักหน่อยนะ"หนานกงอินเยาะว่านอันสุ่ย เขาเถียงไม่ได้เพราะหนานกงอินเป็นถึงรัชทายาท ได้แต่บ่นอุบอิบๆเท่านั้น"ไท่จื่อ ทรงหลงพระ
หนานกงเช่อกำลังอ่านรายงานที่ทางวังหลวงส่งมา จิ่วโจวให้ผลผลิตถั่วและมันดียิ่งนัก ต้องไปหาสะใภ้เล็กสักหน่อย ว่าหลังเก็บเกี่ยวแล้วต้องแปรรูปอย่างไร ไม่เช่นนั้นก็จะทิ้งเปล่าให้เน่าเสียจางซูฉีนังเขียนสูตรทำวุ้นเส้น ซอสถั่วเหลือง การหมักน้ำส้มสายชู โชคดีที่ก่อนจากยุคสิวิไลนั้นมา นางสามารถทำสิ่งเหล่านี้ไว้ใช้เอง บางครั้งทำวิจัยต้องไปอาศัยอยู่กับชาวบ้านตามชนบท จึงได้วิธีการแปรรูปต่างๆมา บางอย่างก็เป็นสูตรจากบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมาหนานกงเช่อเห็นสะใภ้เล็กนั่งทำงานทั้งๆที่ท้องโตมากแล้วก็นึกดีใจแทนบุตรชาย ขนาดเมียขุนนางยังไม่ใส่ใจช่วยเหลือสามีเท่ากับนางเลย เอาแต่แย่งชิงความโปรดปรานจากสามีไม่บรรดาเมียเอกกับเมียรองตีกัน ก็บรรดาบุตรหลานชิงดีชิงเด่นกัน แต่สะใภ้คนนี้เอาแต่คิดหาหนทางให้ผู้คนอยู่รอด ช่วยเหลือสามีทุกด้านเจียงฟางซินสะใภ้คนโตก็เรียนรู้งานมาจากนางไม่น้อย ทุกวันนี้ก็จัดระเบียบบ้านได้ดี จับมือกับหลานสะใภ้เขาจางหย่งเล่อผู้นั้นมองหาลู่ทางเปิดเส้นการค้าใหม่เสมอ จนแคว้นอู๋ร่ำรวยขึ้นพริบตาเงินในท้องพระคลังเพิ่มขึ้นมากมาย ตอนนี้สวีไค่หยุนได้ถูกเขาแต่งตั้งเป็นเจ้ากรมการคลังเรียบร้อยแล้ว รอกลับเ
จางซูฉีและหนานกงเยี่ยกำลังเตรียมตัวกลับเมืองหลวง กำลังวางแผนงานและการค้าทั้งหมดที่นี่ โดยให้ลู่จงกับจูชุ่ยชุ่ยเป็นคนดูแลหนางกงอินขอเบิกงบของกรมโยธามาเพื่อสร้างถนนให้สะดวกสบายกว่าเดิม จากเดิมที่ใช้เวลาเดินทางสิบห้าวันโดยรถม้า ก็เลื่อนเร็วขึ้นเหลือเพียงเก้าวันแต่เนื่องจากบรรดาสตรีของพวกเขาตั้งครรภ์ และมีหลายคนครรภ์ยังไม่มั่นคงจึงเลื่อนการเดินทางกลับไปอีกเดือนครึ่ง เสียนอ๋องกลับไปแล้ว ฮ่องเต้ให้เขากลับไปช่วยจางป๋อคุณและมหาราชครูฟางดูแลงานราชการต่างๆรอให้หยางฮองเฮาครรภ์แข็งแรงกว่านี้ก็จะเดินทางกลับ จางซูฉีหมักเหล้าไว้เกือบสามร้อยไห นางขุดดินฝังไว้ใต้ต้นหลิวในจวนใหญ่ที่เพิ่งสร้างเสร็จไม่นาน อีกครึ่งปีจึงจะขุดขึ้นมาได้ ถึงตอนนี้นางก็คลอดเจ้าตัวน้อยแล้ว"ฉีเอ๋อร์ อย่าทำงานมากนักเลยเจ้าตั้งครรภ์อยู่ พักผ่อนบ้างเถอะ งสนบางอย่างให้บ่าวไพร่ทำก็ได้" หนานกงเยี่ยกำลังคิดบัญชีของหอโอสถ เขาแพ้ท้องไม่สบายเสียนาน ปล่อยนางหักโหมทั้งที่ยังท้องอยู่รู้สึกเป็นห่วงนัก"ท่านอ๋อง นั่งมากเกินไปถึงเวลาคลอดจะคลอดยากนะเพคะ อีกอย่างงานไม่ได้หนักหนาเกินไปนัก อืมจริงสิวันนี้วุ้นเส้นที่ทำไว้แห้งดีแล้ว เย็นนี้เสวยผั
เรือนหอสวีไค่หยุนสวีไค่หยุนปลดเครื่องหัวให้จินเสี่ยวหรันออก จากนั้นก็แลกจอกเหล้ามงคลกับนาง"เสี่ยวหรันคนดี พี่รอวันนี้มาเกือบปีแล้วนะในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกันสักที ไม่ต้องปีนเข้าหาเจ้าแล้ว""ท่านพี่ ข้าชอบที่นี่แต่งานของท่านอยู่เมืองหลวง เสียดายจังเลยเจ้าค่ะ""ไว้พี่จะพามาบ่อยๆดีไหม เสี่ยวหรันจ๋าพี่อยากเข้าหอแล้วคนดีของพี่"สวีไค่หยุนปลดชุดแต่งงานจินเสี่ยวหรันออก จากนั้นก็ตามด้วยชุดเจ้าบ่าวของตน ก่อนจะจ้องมองร่างเปลือยเปล่าตรงหน้าอย่างหลงไหลใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นร่างงามตรงหน้าเปลือยเปล่า เขามักแอบปีนห้องนางมาตักตวงความหวานเสมอ แต่ไม่เคยล่วงเกินนางมากกว่านั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขากับนางจะเป็นคนๆเดียวกันอย่างสมบูรณ์"ขืนท่านยังจ้องอีก ข้าคงแข็งเป็นหินแล้วท่านพี่ ใช่ว่าไม่เคยเห็นสักหน่อย จะให้รออีกนานไหมเจ้าคะ อากาศหนาวนะ""หึๆ อยากได้อะไรอุ่นๆหรือแม่นางน้อยของข้า วันนี้เจ้าเป็นปีศาจจิ้งจอกพันปี หรือเป็นโฉมงามของหอจันทราดีเล่า หืม"จินเสี่ยวหรันลุกขึ้นมา ก่อนจะคลึงทรวงอกตนเองยั่วยวนคนตรงหน้า มืออีกข้างโน้มคอสวีไค่หยุนลงมา ก่อนจะกระซิบข้างหูเบาๆ"หนาวจนแข็งเป็นไตแล้ว คุณชายท่านให้ความอบอุ่น