นางประกบจูบเขาทันทีอย่างดูดดื่ม อ๋องหนุ่มก็อ้าปากรับลิ้นเล็กของเมียรักอย่างรอคอย ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่มจนกลายเป็นเร่าร้อน มือหนาของอ๋องหนุ่มก็บีบเค้นอกอวบของเมียรักไปมา ทั้งสะกิดผลอิงเถาของนาง ทั้งบีบทั้งบี้มันอย่างเมามัน จนอารมณ์สวาทของหงลี่จุดติดขึ้นมาทันทีนางยกสะโพกอวบของนางขึ้นแล้วจับลำกายอวบใหญ่ของสวามีค่อยๆสอดมันเช้าไปช้าๆ จนกระทั่งมิดลำกายอ๋องหนุ่มกระตุกเกร็งหลายๆจนเสร็จสมแทบจะทันทีที่เจ้าลูกชายตาเดียวที่มันพร้อมสู้รบเหลือเกินเข้าไปในร่่องอวบที่มันคุ้นเคยและโหยหา เพราะเขานั้นเกิดกำหนัดขึ้นมากมายอย่างผิดปกติ เมื่อปลดปล่อยน้ำรักไปในร่องอวบของเมียรักจนหมดแล้ว จึงได้ขยับโยกลำกายแกร่งเข้าหานาง ขณะที่หงลี่ก็เริ่มขย่มสวามีด้วยจังหวะที่ช้าๆ “ เมียจ๋า ได้โปรด รักผัว รักผัวเดี๋ยวนี้อย่าทรมานกันเลย ” เขาอ้อนวอนนางอย่างออดอ้อน หงลี่จึงได้เร่่งขย่มร่างลำสันของสวามีอย่างรุนแรงนางเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นจนกลายเป็นเร่าร้อนภายในเวลาอันไม่นานหงลี่ขย่มสวามีรักอย่างร่านร้อนจนกระทั่งเสร็จสมไปอีกครั้ง อ๋องหนุุ่มมีอาการดีขึ้นมาก เขาจึงได้พลิกร่างอวบของเมียลงด้านล่างแล้วขยับบั้นเอวกระแทกนางอย่างเร่า
เมื่อหลอกล่อนางจนเคลิบเคลิ้มไปแล้ว องค์ชายสามที่ตอนนี้ก็เสียวซ่านเกินจะทนเช่นกันก็ดันเจ้าลูกชายตาเดียวของเขาที่มันพองขยายจนคับแน่นร่องอวบของเมียหมาดๆของเขาจนแทบขยับไม่ได้ แม้เขาเจ็บไม่น้อยแต่ก็เสียวจนเกินจะทน เขาค่อยๆขยับลำกายใหญ่นั้นเข้าสุดออกสุดช้าๆจากนั้นจึงได้เร่งกระแทกร่องอวบของเมียหมาดๆ ที่ถูกใจเขาไม่น้อยนางนี้ เขามองข้ามนางไปได้อย่างไร ไม่เคยคิดเลยว่าหญิงเรียบร้อยอ่อนหวานเช่นนาง เวลาอยู่บนเตียงจะร้อนรักเช่นนี้ ช่างถูกใจเขาจริงๆ นางเป็นของดีที่เขามองข้ามไปเสียนาน แต่เมื่อค้นพบแล้วก็จะเก็บนางเอาไว้บำเรอรักเช่นนี้ แต่เขามิอาจยกนางเป็นชายาเอกได้ เพราะเขามีชายาเอกที่เป็นองค์หญิงต่างแคว้นที่ไม่ได้งดงามอะไร เขาแต่งกับนางเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างแคว้นเพียงเท่านั้น เขาอยู่กับนางเพราะหน้าที่ ดูแลนางตามหน้าที่ของสวามี แต่กับฟางเซียนเมียหมาด ๆ ผู้นี้ นางถูกอกถูกใจเขายิ่งนัก องค์ชายสามโยกขย่มร่องอวบของเมียหมาด ๆ อย่างเร่าร้อน นางก็โยกสะโพกอวบรับลำกายแกร่งของเขา สองแขนเรียวก็ยกขึ้นโอบลำคอเขาเอาไว้ โน้มใบหน้าของเขาลงมาประกบจูบกันอย่างเต็มอกเต็มใจ ตอนนี้นางติดใจในรสรักของเขาไม่น้อย นางส
คุณหนูหยูหงลี่หลังจากที่หยุดงานไปหลายวันหลังจากวันงานชมจันทร์ที่ถูกอ๋องแปดเคี่ยวกรำนางถึงสองวันติดกัน จนร่างอวบร้าวระบมไปหมดและทั่วผิวกายขาวผ่องก็มีรอยรักของอ๋องหนุ่มอยู่จนทัั่วไปหมด นางจึงได้หยุดพักร่างกายและบำรุงผิวพรรณให้กลับสู่สภาพเดิม เมื่อกลับมาเป็นเป็นหญิงงดงามปานจะล่มเมืองและการแต่งกายที่เปลี่ยนใหม่ทั้งหมดก็เย้ายวนขึ้น งดงามขึ้นกว่าเดิมมาก จนเมื่อเดินเข้าร้านมาสาวใช้และลูกค้าที่มาหาซื้ออาภรณ์และเครื่องประดับในร้านต่างก็จ้องมองร่างอวบขาวผ่องที่เดินเฉิดฉายเข้ามาในร้าน“ คุณหนูหยู ตอนนี้ท่านงดงามกว่าเดิมมาก การแต่งกายก็ดูแปลกใหม่สะดุดตาอย่างยิ่ง ข้าอยากจะได้อาภรณ์แบบที่ท่านใส่แต่ขอเป็นหลาย ๆ สี สักห้าชุดจะได้หรือไม่ ” คุณหนูในห้องหอคนหนึ่งที่กำลังเลือกซื้อหาอาภรณ์เอ่ยขึ้น “ ย่อมได้อยู่แล้วเจ้าค่ะ เสี่ยวชุ่ยเจ้าวัดตัวให้คุณหนูเกาด้วยนะ แล้วพานางไปเลือกผ้าที่จะใช้ตัดเย็บและพานางไปคิดเงินทั้งหมดที่โต๊ะบัญชีนะ ” หงลี่สั่งงานคนขายในร้าน “ คุณหนูเกาไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ ข้ารับรองว่าอาภรณ์ของท่านต้องออกมางดงามเช่่นเดียวกับข้าอย่างแน่นอน ” นางเอ่ยอย่างยิ้มแย้มกับลูกค้า แล้วขอตัวเข้าไปในห้อ
นางแอบเฝ้ามองกิจวัตรของท่านอ๋องแปดอยู่หลายวันจนกระทั่งจำได้ขึ้นใจว่าเวลาไหนเขามักจะทำอะไรบ้าง และเขาชอบแช่ตัวในบ่อน้ำแร่แต่มักจะเป็นเวลากลางคืนก่อนนอน ในบางคืน ยิ่งเข้าทางของนาง วันหนึ่งมีบรรดาองค์ชายพี่น้องของเขาหลายคนมาร่ำสุรากันในตำหนักของเขาตั้งแต่ยามบ่ายแต่นางมิกล้าเสนอหน้าไปแนะนำตัว เพราะท่านอ๋องไม่ได้เรียกนาง และนางเองก็อยากจะรักษาภาพลักษณ์ที่นางสร้างเอาไว้ว่าตนเองเป็นหญิงอ่อนหวาน อ่อนแอ และต้องการคนปกป้องคุ้มครอง จึงได้ทำเพียงแอบลอบมองพวกเขา แต่บรรดาองค์ชายเหล่านี้ล้วนมีใบหน้าหล่อเหลาไม่น้อย รูปร่างงามสง่าองอาจ และมีราศรีของผู้สูงศักดิ์ นางเฝ้าแอบมองพวกเขาอยู่นานจนเมื่อยแล้ว จึงได้กลับไปยังเรือนของตนเองเพราะคิดว่าพวกเขาคงจะร่ำสุราอยู่อีกนาน เอาไว้เย็น ๆ ค่อยมาแอบดูอีกครั้งว่าพวกเขาจะกลับไปกันตอนไหน และท่านอ๋องแปดวันนี้จะไปแช่ตัวที่บ่อน้ำแร่หรือไม่ แต่เมื่ออี้หลานกลับไปที่เรือนของตนเอง นางกลับผล็อยหลับไปจนกระทั่งตกใจตื่นขึ้นมาก็มืดค่ำแล้ว ป่านนี้กี่ยามกันแล้ว นึกขึ้นได้นางจึงได้รีบออกไปซุ่มแอบมองเหล่าองค์ชายเหล่านั้นอีก แต่ก็ไม่เห็นพวกเขาแล้ว หรือว่าพวกเขากลับกันไปหมดแล้ว โถ
อี้หลานที่ถูกชายสูงศักดิ์ผู้นี้จูบจนร่างขาวผ่องของนางอ่อนระทวย เขาจึงได้ผละออก แล้วก็ก้มลงจูบนางอีกอย่างดูดดื่มยาวนานจนกลายเป็นเร่าร้อน จึงได้ยอมปล่อยริมฝีปากที่บวมเจ่อเป็นอิสระ “ เจ้ารนหาที่เองนะ แต่ข้าก็ชักจะติดใจเจ้าเสียแล้ว ” เขาเอ่ยขึ้นแล้วก้มลงไล้เลียใบหูเล็กของนางจนร่างอ้อนแอ้นสะท้านในอ้อมกอดของเขา “ อ๊าา อ๊าา อย่านะ อย่าเพคะ อย่า อ๊าา อ๊าา ” นางเอ่ยร้องห้ามเขาสลับกับครางเบาๆ แต่องค์ชายหกหรือจะสนใจเสียงร้องห้ามที่แผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยินนี้ เขายิ่งไล้เลียใบหน้าหวานของนางจนลงมาที่ซอกคอระหงขาวผ่อง เขายกร่างของนางขึ้นแนบไปกับลำตัวหนาของเขาแล้วเดินไปที่ก้อนหินกลางบ่อน้ำที่เขาเอนกายพิงอยู่เมื่อครู่ แล้วยกเรือนร่างขาวผ่องของนางเกยไว้บนหินก้อนนั้นครึ่งตัวจนทรวงอกอวบใหญ่ขาวผ่องที่มีผลอิงเถาสั่นระริกเหมือนรอคอยเขาอยู่นั้น อยู่ระดับเดียวกับใบหน้าหล่อเหลาของเขา องค์ชายหนุ่มจ้องมองมันจนทนไม่ไหวจึงได้อ้าปากดูดดื่มมันทันที “ อ๊ายย อ๊าา อ๊าา อ๊าา องค์ชายเพคะ องค์ชาย อ๊าา อ๊าาา ” อี้หลานครางกระเส่าทันทีที่ลิ้นสากสัมผัสกับผลอิงเถาของนาง นางแอ่นอกอวบพลางส่ายไปมาอย่างร่านร้อน นางเสียว เสียวเหลือ
เขาจึงได้ยกลำกายอวบใหญ่ของเขาสอดเข้าไปในร่องอวบของนางทันที “ อ๊า อ๊า องค์ชายเพคะ เจ็บ ข้าเจ็บ อ๊าาย อ๊าย ” นางกรีดร้องเพราะเจ็บแปลบที่กลางกายเหลือเกิน แม้จะเสียวแต่ก็เจ็บมากจนทนแทบไม่ไหว องค์ชายหกพยายามดันเจ้าลูกรักเข้าไปในร่องอวบของนางแต่พบว่ามันช่างคับแน่นเหลือเกิน เขาจึงได้แช่ลำกายใหญ่ของตนเองไว้เพียงครึ่ง แล้วก้มลงจูบนางทันที อี้หลานที่ตอนนี้นางถอยไปไม่ได้อีกแล้ว แม้จะเจ็บปวดแต่สมองก็ยังคงระลึกได้ว่านางต้องจับชายผู้นี้เอาไว้ให้มั่น นางตกเป็นของเขาไปเสียแล้วคงมิอาจจะหวนกลับไปจับท่านอ๋องแปดได้อีก เพราะพวกเขาเป็นพี่น้องกัน องค์ชายผู้นี้ก็ไม่เลวหากนางทำให้เขาหลงไหลได้ นางก็จะสบายเขาคงไม่ใจร้ายทอดทิ้งนางไปโดยที่ไม่ให้อะไรเลยหรอก คิดได้ดังนี้อี้หลันจึงได้อ้าปากรับลิ้นสากของเขาอย่างเต็มใจและส่งลิ้นเล็กของตนเองเข้าพัวพันกับลิ้นสากของเขาอย่างดูดดื่ม องค์ชายหนุ่มพึงใจที่นางเรียนรู้ได้รวดเร็วและไม่หวงตัว ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่มยาวนาน จนเขาคิดว่านางเคลิบเคลิ้มตามที่เขาต้องการหลอกล่อแล้ว จึงได้ดันลำกายอวบใหญ่ของเขาเข้าไปจนมิดลำกายทันทีที่เจ้าลูกรักขององค์ชายหนุ่มเข้าไปได้จนหมดแล้ว จึงได้
เช้าวันต่อมาท่านอ๋องแปดจึงได้สั่งให้รถม้าไปที่จวนเสนาบดีหยูเพื่อจัดเรื่องหัวใจของตนเองให้เรียบร้อย หญิงเช่นหงลี่พูดดีๆไม่รู้เรื่องคงจะต้องให้คนที่นางไม่อาจจะขัดขืนได้จัดการเสียแล้ว เมื่อไปถึงจวนเสนาบดีหยู อ๋องหนุ่มจึงได้เดินเข้าไปในจวนโดยมีพ่อบ้านหยูออกมาต้อนรับเขา แล้วเชิญเขาเข้าไปหานายท่านที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ในห้องโถงภายในเรือนหลัง ขณะที่อ๋องหนุ่มเดินตามพ่อบ้านหยูเข้าไปนั้น เขาก็หันไปมองรอบๆแล้วเอ่ยว่า“ ช่วงนี้คุณหนูหยูไม่ค่อยออกไปทีใดหรือ เปิ่นหวางไม่ค่อยได้พบหน้านางเลย ” พ่อบ้านหยูเอ่ยตอบเขาไปอย่างแปลกใจเพราะปกติแล้วท่านอ๋องไม่ค่อยสนใจคุณหนูของเขานัก “ ช่วงหลังมานี้คุณหนูอยู่ติดจวนมากขึ้นพะยะคะ และเห็นว่านางกำลังร่วมทุนกับสหายคือคุณชายจางเพื่อทำการค้า ทั้งสองจึงได้ออกไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย แต่ไม่มีเวลาไปเที่ยวเตร่หรือไปงานเลี้ยงพะยะคะ ” อ๋องหนุ่มชะงักไป “ นางกับคุณชายจางเป็นสหายกันหรือ” พ่อบ้านหยูที่ไม่ได้รู้เรื่องอันใดก็ตอบไปว่า “ เป็นสหายกันมาได้พักใหญ่พะยะคะ ทั้งสองสนิทกันมาก คุณชายจางแวะมากินขนมและสนทนากับคุณหนูอยู่บ่อยๆ ” อ๋องหนุ่มยกยิ้มนิดๆ เขาคงต้องให้องครักษ์ไปสืบดูเ
“ เจ้าว่าอะไรนะ ใครมาหาข้านะ ” คุณหนูหยูหงลี่หันขวับไปมองหน้าสาวใช้ที่มาตามนางไปพบแขกที่รออยู่ที่เรือนหลัก และขณะนี้กำลังนั่งจิบน้ำชากับบิดาของนางอยู่ “ ท่านอ๋องแปดเจ้าค่ะ มาขออนุญาติพาคุณหนูไปเที่ยวเล่นข้างนอกเจ้าค่ะ และนายท่านก็อนุญาติแล้ว ” ท่านพ่ออนุญาติให้เขาพาข้าไปเที่ยวเล่น อะไรกัน“ ข้าไม่ไปหรอก จะพาข้าไปไหนทำไมไม่มาถามความสมัครใจก่อน หญิงเช่นข้ามีศักดิ์ศรีไม่ไปไหนกับผู้ใดง่าย ๆ หรอก ” นางปฏิเสธอย่างไรเยื่อใยทันที ขณะที่สาวใช้ผู้นั้นมองนางอย่างอ้อนวอนเพื่อให้ปฏิบัติตามคำสั่งของนายท่าน นางจะได้ไม่ต้องพลอยยุ่งยากไปด้วย ครึ่งชั่วยามต่อมา “ ท่านอ๋องท่านขยับออกไป อย่ามาเบียดข้าเช่นนี้มันอึดอัดนะ ” นางหันไปตวาดแว๊ดใส่ร่างหนาที่นั่งโอบกอดนางเอาไว้หลวมๆ เขานั่งอยู่บนม้าตัวสูงใหญ่สง่างามของเขาที่มีนางนั่งอยู่ด้านหน้าในอ้อมกอดแกร่งนั่น อ๋องหนุ่มยกยิ้ม เขาแกล้งลื่นไถลเหมือนทรงตัวบนม้าไม่ได้แล้วเลื่อนตัวแนบชิดกับนางจนตัวแทบจะติดกัน จนเขาสัมผัสถึงก้นอวบอั๋นของนางได้ถนัดถนี่“ จังหวะม้าวิ่งเร็วเช่นนี้ เปิ่นหวางทรงตัวไม่ได้ เจ้าก็นั่งนิ่ง ๆ สิ จะโวยวายไปทำไม พื้นที่หลังม้าแคบเพียงแค่นี้มันก
เขาเอ่ยปากอ้อนวอนอย่างทนไม่ไหว แต่องครักษ์ฉางเก้อที่ต้องการจะสั่งสอนเมียร่านก็ไม่ยอมจัดการคนตรงหน้าเสียที เขายังคงโยกคลึงเสียดสีอยู่เช่นนั้น “ อ๊าย อ๊าา อ๊าาา ท่านพี่ ท่านเป็นผัวข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น ได้โปรด ได้โปรดรักข้าเสียที ข้าเสียวจะตายอยู่แล้ว อ๊ายย อ๊าายย อ๊าาา อ๊าา “ หลังจากนั้น เขาก็ถูกองครักษ์ฉางเก้อกดกระแทกเขาอย่างรุนแรงและเร่าร้อน เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องไปทั้งเรือนเล็กนั้น หัวเตียงกระแทกฝาผนังดังก้อง เตียงหลังใหญ่่ไหวโยกอย่างรุนแรง ผสานไปกับเสียงร้องครวญครางอย่างสุขสมของสองผัวเมียที่แม้จะรักกันเพียงใดแต่ก็็ไม่อาจจะเปิดเผยให้ผู้อื่นรับรู้การครองคู่ของพวกเขาได้จนเมื่อสุขสมกันไปจนนับครั้งไม่ถ้วนจึงได้นอนกอดกันอย่างมีความสุข “ ท่านพี่ต่อไปท่านจะมีเพียงข้าหรือไม่ หากท่านมองชายอื่่น หรือคิดนอกใจข้าอีก ข้าจะหาสามีใหม่ทันที ท่านคงจะรู้นะว่าข้าหาได้ไม่ยาก ” เหวินเปียวเอ่ยบอกกับสามีที่กำลังกอดร่างบางของเขาเอาไว้ในอ้อมอกแกร่ง“ พี่เข้าใจแล้ว พี่จะไม่มองชายอื่นอีก พี่จะรักเจ้าเพียงผู้เดียว เมียรัก แม้เราจะมิอาจครองคู่แต่งงานกันได้ แต่พี่รักเจ้า พี่คิดเสมอว่าเจ้าคือเมีย เมียเพี
งานแต่งงานของท่านอ๋องแปดซีเฉินอี้กับคุณหนูหยูหงลี่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ขบวนสินสอดและสินเดิมเป็นขบวนที่ยาวสุดลูกหูลูกตา ชาวบ้านร้านตลาดต่างก็ออกมามุงดูเต็มสองข้างทาง อ๋องหนุ่มขี่ม้ามารับเจ้าสาวด้วยตนเองด้วยใบหน้าที่บานยิ่งกว่าจานเชิง เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนกระทั่งผ่านพ้นพิธีแต่งงานตามธรรมเนียมจนเรียบร้อย จนถึงการจัดงานเลี้ยงแขกเหรื่อที่มากันเต็มลานกว้างหน้าเรือนหลักของเขาอ๋องหนุ่มอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งใครๆต่างก็ชมว่าวันนี้เจ้าสาวของเขางดงามยิ่งนัก เขายิ้มรับด้วยใบหน้าบานไม่ว่าใครพูดอะไรก็ยิ้มรับไปเสียหมด นับว่าเขาแสดงออกถึงความสุขจนแขกหลายๆคนกังขาไปตามๆกัน ไหนมีคนบอกว่าท่านอ๋องถูกบีบบังคับให้แต่งงานกับคุณหนูหยูหงลี่อย่างไรกันเล่า แต่เมื่อเห็นหน้าของเจ้าบ่าวที่เบิกบานเสียขนาดนี้จึงพากันคิดว่าความจริงคงจะไม่เป็นอย่างที่มีคนเล่าลือกันไปต่างๆนาๆ ตามร้านเสริมความงามและร้านอาภรณ์หรือร้้านขายเครื่องประทินผิว และตามภัตตาคารชื่อดังที่เหล่าชนชั้นสูงต่างมักไปพบปะสังสรรค์กัน หรือแม้แต่ตามโรงเตี้ยมต่างก็เล่าลือถึงเรื่องงานแต่งงานนี้ คุณหนูหลาย ๆ จวนต่างก็กระซิบกระซาบเล่่าลือถึงพฤติกรรมของคุณหน
“ เจ้าว่าอะไรนะ ใครมาหาข้านะ ” คุณหนูหยูหงลี่หันขวับไปมองหน้าสาวใช้ที่มาตามนางไปพบแขกที่รออยู่ที่เรือนหลัก และขณะนี้กำลังนั่งจิบน้ำชากับบิดาของนางอยู่ “ ท่านอ๋องแปดเจ้าค่ะ มาขออนุญาติพาคุณหนูไปเที่ยวเล่นข้างนอกเจ้าค่ะ และนายท่านก็อนุญาติแล้ว ” ท่านพ่ออนุญาติให้เขาพาข้าไปเที่ยวเล่น อะไรกัน“ ข้าไม่ไปหรอก จะพาข้าไปไหนทำไมไม่มาถามความสมัครใจก่อน หญิงเช่นข้ามีศักดิ์ศรีไม่ไปไหนกับผู้ใดง่าย ๆ หรอก ” นางปฏิเสธอย่างไรเยื่อใยทันที ขณะที่สาวใช้ผู้นั้นมองนางอย่างอ้อนวอนเพื่อให้ปฏิบัติตามคำสั่งของนายท่าน นางจะได้ไม่ต้องพลอยยุ่งยากไปด้วย ครึ่งชั่วยามต่อมา “ ท่านอ๋องท่านขยับออกไป อย่ามาเบียดข้าเช่นนี้มันอึดอัดนะ ” นางหันไปตวาดแว๊ดใส่ร่างหนาที่นั่งโอบกอดนางเอาไว้หลวมๆ เขานั่งอยู่บนม้าตัวสูงใหญ่สง่างามของเขาที่มีนางนั่งอยู่ด้านหน้าในอ้อมกอดแกร่งนั่น อ๋องหนุ่มยกยิ้ม เขาแกล้งลื่นไถลเหมือนทรงตัวบนม้าไม่ได้แล้วเลื่อนตัวแนบชิดกับนางจนตัวแทบจะติดกัน จนเขาสัมผัสถึงก้นอวบอั๋นของนางได้ถนัดถนี่“ จังหวะม้าวิ่งเร็วเช่นนี้ เปิ่นหวางทรงตัวไม่ได้ เจ้าก็นั่งนิ่ง ๆ สิ จะโวยวายไปทำไม พื้นที่หลังม้าแคบเพียงแค่นี้มันก
เช้าวันต่อมาท่านอ๋องแปดจึงได้สั่งให้รถม้าไปที่จวนเสนาบดีหยูเพื่อจัดเรื่องหัวใจของตนเองให้เรียบร้อย หญิงเช่นหงลี่พูดดีๆไม่รู้เรื่องคงจะต้องให้คนที่นางไม่อาจจะขัดขืนได้จัดการเสียแล้ว เมื่อไปถึงจวนเสนาบดีหยู อ๋องหนุ่มจึงได้เดินเข้าไปในจวนโดยมีพ่อบ้านหยูออกมาต้อนรับเขา แล้วเชิญเขาเข้าไปหานายท่านที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ในห้องโถงภายในเรือนหลัง ขณะที่อ๋องหนุ่มเดินตามพ่อบ้านหยูเข้าไปนั้น เขาก็หันไปมองรอบๆแล้วเอ่ยว่า“ ช่วงนี้คุณหนูหยูไม่ค่อยออกไปทีใดหรือ เปิ่นหวางไม่ค่อยได้พบหน้านางเลย ” พ่อบ้านหยูเอ่ยตอบเขาไปอย่างแปลกใจเพราะปกติแล้วท่านอ๋องไม่ค่อยสนใจคุณหนูของเขานัก “ ช่วงหลังมานี้คุณหนูอยู่ติดจวนมากขึ้นพะยะคะ และเห็นว่านางกำลังร่วมทุนกับสหายคือคุณชายจางเพื่อทำการค้า ทั้งสองจึงได้ออกไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย แต่ไม่มีเวลาไปเที่ยวเตร่หรือไปงานเลี้ยงพะยะคะ ” อ๋องหนุ่มชะงักไป “ นางกับคุณชายจางเป็นสหายกันหรือ” พ่อบ้านหยูที่ไม่ได้รู้เรื่องอันใดก็ตอบไปว่า “ เป็นสหายกันมาได้พักใหญ่พะยะคะ ทั้งสองสนิทกันมาก คุณชายจางแวะมากินขนมและสนทนากับคุณหนูอยู่บ่อยๆ ” อ๋องหนุ่มยกยิ้มนิดๆ เขาคงต้องให้องครักษ์ไปสืบดูเ
เขาจึงได้ยกลำกายอวบใหญ่ของเขาสอดเข้าไปในร่องอวบของนางทันที “ อ๊า อ๊า องค์ชายเพคะ เจ็บ ข้าเจ็บ อ๊าาย อ๊าย ” นางกรีดร้องเพราะเจ็บแปลบที่กลางกายเหลือเกิน แม้จะเสียวแต่ก็เจ็บมากจนทนแทบไม่ไหว องค์ชายหกพยายามดันเจ้าลูกรักเข้าไปในร่องอวบของนางแต่พบว่ามันช่างคับแน่นเหลือเกิน เขาจึงได้แช่ลำกายใหญ่ของตนเองไว้เพียงครึ่ง แล้วก้มลงจูบนางทันที อี้หลานที่ตอนนี้นางถอยไปไม่ได้อีกแล้ว แม้จะเจ็บปวดแต่สมองก็ยังคงระลึกได้ว่านางต้องจับชายผู้นี้เอาไว้ให้มั่น นางตกเป็นของเขาไปเสียแล้วคงมิอาจจะหวนกลับไปจับท่านอ๋องแปดได้อีก เพราะพวกเขาเป็นพี่น้องกัน องค์ชายผู้นี้ก็ไม่เลวหากนางทำให้เขาหลงไหลได้ นางก็จะสบายเขาคงไม่ใจร้ายทอดทิ้งนางไปโดยที่ไม่ให้อะไรเลยหรอก คิดได้ดังนี้อี้หลันจึงได้อ้าปากรับลิ้นสากของเขาอย่างเต็มใจและส่งลิ้นเล็กของตนเองเข้าพัวพันกับลิ้นสากของเขาอย่างดูดดื่ม องค์ชายหนุ่มพึงใจที่นางเรียนรู้ได้รวดเร็วและไม่หวงตัว ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่มยาวนาน จนเขาคิดว่านางเคลิบเคลิ้มตามที่เขาต้องการหลอกล่อแล้ว จึงได้ดันลำกายอวบใหญ่ของเขาเข้าไปจนมิดลำกายทันทีที่เจ้าลูกรักขององค์ชายหนุ่มเข้าไปได้จนหมดแล้ว จึงได้
อี้หลานที่ถูกชายสูงศักดิ์ผู้นี้จูบจนร่างขาวผ่องของนางอ่อนระทวย เขาจึงได้ผละออก แล้วก็ก้มลงจูบนางอีกอย่างดูดดื่มยาวนานจนกลายเป็นเร่าร้อน จึงได้ยอมปล่อยริมฝีปากที่บวมเจ่อเป็นอิสระ “ เจ้ารนหาที่เองนะ แต่ข้าก็ชักจะติดใจเจ้าเสียแล้ว ” เขาเอ่ยขึ้นแล้วก้มลงไล้เลียใบหูเล็กของนางจนร่างอ้อนแอ้นสะท้านในอ้อมกอดของเขา “ อ๊าา อ๊าา อย่านะ อย่าเพคะ อย่า อ๊าา อ๊าา ” นางเอ่ยร้องห้ามเขาสลับกับครางเบาๆ แต่องค์ชายหกหรือจะสนใจเสียงร้องห้ามที่แผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยินนี้ เขายิ่งไล้เลียใบหน้าหวานของนางจนลงมาที่ซอกคอระหงขาวผ่อง เขายกร่างของนางขึ้นแนบไปกับลำตัวหนาของเขาแล้วเดินไปที่ก้อนหินกลางบ่อน้ำที่เขาเอนกายพิงอยู่เมื่อครู่ แล้วยกเรือนร่างขาวผ่องของนางเกยไว้บนหินก้อนนั้นครึ่งตัวจนทรวงอกอวบใหญ่ขาวผ่องที่มีผลอิงเถาสั่นระริกเหมือนรอคอยเขาอยู่นั้น อยู่ระดับเดียวกับใบหน้าหล่อเหลาของเขา องค์ชายหนุ่มจ้องมองมันจนทนไม่ไหวจึงได้อ้าปากดูดดื่มมันทันที “ อ๊ายย อ๊าา อ๊าา อ๊าา องค์ชายเพคะ องค์ชาย อ๊าา อ๊าาา ” อี้หลานครางกระเส่าทันทีที่ลิ้นสากสัมผัสกับผลอิงเถาของนาง นางแอ่นอกอวบพลางส่ายไปมาอย่างร่านร้อน นางเสียว เสียวเหลือ
นางแอบเฝ้ามองกิจวัตรของท่านอ๋องแปดอยู่หลายวันจนกระทั่งจำได้ขึ้นใจว่าเวลาไหนเขามักจะทำอะไรบ้าง และเขาชอบแช่ตัวในบ่อน้ำแร่แต่มักจะเป็นเวลากลางคืนก่อนนอน ในบางคืน ยิ่งเข้าทางของนาง วันหนึ่งมีบรรดาองค์ชายพี่น้องของเขาหลายคนมาร่ำสุรากันในตำหนักของเขาตั้งแต่ยามบ่ายแต่นางมิกล้าเสนอหน้าไปแนะนำตัว เพราะท่านอ๋องไม่ได้เรียกนาง และนางเองก็อยากจะรักษาภาพลักษณ์ที่นางสร้างเอาไว้ว่าตนเองเป็นหญิงอ่อนหวาน อ่อนแอ และต้องการคนปกป้องคุ้มครอง จึงได้ทำเพียงแอบลอบมองพวกเขา แต่บรรดาองค์ชายเหล่านี้ล้วนมีใบหน้าหล่อเหลาไม่น้อย รูปร่างงามสง่าองอาจ และมีราศรีของผู้สูงศักดิ์ นางเฝ้าแอบมองพวกเขาอยู่นานจนเมื่อยแล้ว จึงได้กลับไปยังเรือนของตนเองเพราะคิดว่าพวกเขาคงจะร่ำสุราอยู่อีกนาน เอาไว้เย็น ๆ ค่อยมาแอบดูอีกครั้งว่าพวกเขาจะกลับไปกันตอนไหน และท่านอ๋องแปดวันนี้จะไปแช่ตัวที่บ่อน้ำแร่หรือไม่ แต่เมื่ออี้หลานกลับไปที่เรือนของตนเอง นางกลับผล็อยหลับไปจนกระทั่งตกใจตื่นขึ้นมาก็มืดค่ำแล้ว ป่านนี้กี่ยามกันแล้ว นึกขึ้นได้นางจึงได้รีบออกไปซุ่มแอบมองเหล่าองค์ชายเหล่านั้นอีก แต่ก็ไม่เห็นพวกเขาแล้ว หรือว่าพวกเขากลับกันไปหมดแล้ว โถ
คุณหนูหยูหงลี่หลังจากที่หยุดงานไปหลายวันหลังจากวันงานชมจันทร์ที่ถูกอ๋องแปดเคี่ยวกรำนางถึงสองวันติดกัน จนร่างอวบร้าวระบมไปหมดและทั่วผิวกายขาวผ่องก็มีรอยรักของอ๋องหนุ่มอยู่จนทัั่วไปหมด นางจึงได้หยุดพักร่างกายและบำรุงผิวพรรณให้กลับสู่สภาพเดิม เมื่อกลับมาเป็นเป็นหญิงงดงามปานจะล่มเมืองและการแต่งกายที่เปลี่ยนใหม่ทั้งหมดก็เย้ายวนขึ้น งดงามขึ้นกว่าเดิมมาก จนเมื่อเดินเข้าร้านมาสาวใช้และลูกค้าที่มาหาซื้ออาภรณ์และเครื่องประดับในร้านต่างก็จ้องมองร่างอวบขาวผ่องที่เดินเฉิดฉายเข้ามาในร้าน“ คุณหนูหยู ตอนนี้ท่านงดงามกว่าเดิมมาก การแต่งกายก็ดูแปลกใหม่สะดุดตาอย่างยิ่ง ข้าอยากจะได้อาภรณ์แบบที่ท่านใส่แต่ขอเป็นหลาย ๆ สี สักห้าชุดจะได้หรือไม่ ” คุณหนูในห้องหอคนหนึ่งที่กำลังเลือกซื้อหาอาภรณ์เอ่ยขึ้น “ ย่อมได้อยู่แล้วเจ้าค่ะ เสี่ยวชุ่ยเจ้าวัดตัวให้คุณหนูเกาด้วยนะ แล้วพานางไปเลือกผ้าที่จะใช้ตัดเย็บและพานางไปคิดเงินทั้งหมดที่โต๊ะบัญชีนะ ” หงลี่สั่งงานคนขายในร้าน “ คุณหนูเกาไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ ข้ารับรองว่าอาภรณ์ของท่านต้องออกมางดงามเช่่นเดียวกับข้าอย่างแน่นอน ” นางเอ่ยอย่างยิ้มแย้มกับลูกค้า แล้วขอตัวเข้าไปในห้อ
เมื่อหลอกล่อนางจนเคลิบเคลิ้มไปแล้ว องค์ชายสามที่ตอนนี้ก็เสียวซ่านเกินจะทนเช่นกันก็ดันเจ้าลูกชายตาเดียวของเขาที่มันพองขยายจนคับแน่นร่องอวบของเมียหมาดๆของเขาจนแทบขยับไม่ได้ แม้เขาเจ็บไม่น้อยแต่ก็เสียวจนเกินจะทน เขาค่อยๆขยับลำกายใหญ่นั้นเข้าสุดออกสุดช้าๆจากนั้นจึงได้เร่งกระแทกร่องอวบของเมียหมาดๆ ที่ถูกใจเขาไม่น้อยนางนี้ เขามองข้ามนางไปได้อย่างไร ไม่เคยคิดเลยว่าหญิงเรียบร้อยอ่อนหวานเช่นนาง เวลาอยู่บนเตียงจะร้อนรักเช่นนี้ ช่างถูกใจเขาจริงๆ นางเป็นของดีที่เขามองข้ามไปเสียนาน แต่เมื่อค้นพบแล้วก็จะเก็บนางเอาไว้บำเรอรักเช่นนี้ แต่เขามิอาจยกนางเป็นชายาเอกได้ เพราะเขามีชายาเอกที่เป็นองค์หญิงต่างแคว้นที่ไม่ได้งดงามอะไร เขาแต่งกับนางเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างแคว้นเพียงเท่านั้น เขาอยู่กับนางเพราะหน้าที่ ดูแลนางตามหน้าที่ของสวามี แต่กับฟางเซียนเมียหมาด ๆ ผู้นี้ นางถูกอกถูกใจเขายิ่งนัก องค์ชายสามโยกขย่มร่องอวบของเมียหมาด ๆ อย่างเร่าร้อน นางก็โยกสะโพกอวบรับลำกายแกร่งของเขา สองแขนเรียวก็ยกขึ้นโอบลำคอเขาเอาไว้ โน้มใบหน้าของเขาลงมาประกบจูบกันอย่างเต็มอกเต็มใจ ตอนนี้นางติดใจในรสรักของเขาไม่น้อย นางส