เขาตอบกลับอย่างอ่อนแรง: "ผมไม่ได้ใส่ร้ายคุณ เป็นคุณนั่นแหละที่ใช้ให้คนมาสั่งการ""แกพูดไร้สาระ! ฉันเปล่านะ!"อารมณ์วู่วามขึ้น ๆ ลง ๆ ของซูหลิงโหรว ทำให้ท่านผู้เฒ่าขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าความสงสัยที่รางเลือนบนใบหน้าเหมือนกับหมึกที่ถูกเกลี่ยออกซูหลิงโหรวจับแขนของท่านผู้เฒ่า "คุณปู่ หนูถูกคนใส่ร้าย หนูชอบเย่เจ๋วขนาดนั้น หนูจะทำเรื่องที่ทำร้ายเย่เจ๋วได้อย่างไร!"ซือเย่เจ๋วน้ำเสียงเย็นชา: "ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใครได้ล่ะ?"เธอกุมหน้าอก ตาแดงก่ำและอธิบายอย่างคลุ้มคลั่ง: "เย่เจ๋ว คุณรู้ว่าฉันชอบคุณ ต่อให้ฉันทำร้ายคนอื่นก็ไม่มีทางทำร้ายคุณ ถ้าจะพูดว่าคนที่จะทำร้ายคน ต้องเป็นคนของตระกูลกุงแน่ ๆ!"เธอพุ่งเข้าไปถามเค้นตรงข้างเตียง "พวกแกเป็นคนของใครกันแน่ ทำไมจะต้องใส่ร้ายฉัน!"หลัวเชว่รีบดึงเธอออกไป ซูหลิงโหรวบางทีอาจจะกระวนกระวายเป็นอย่างมากถึงได้วู่วามแบบนี้ แต่ก็ยังคงทำท่าทางเหมือนเธอถูกใส่ร้ายเจียงเซิงสายตาเย็นชาลง ถ้าหากไม่ใช่ว่าซือเย่เจ๋วเขียนคำว่า "แผนการ" ในมือของเธอ เธอเกือบจะเชื่อว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลกุงแล้วซือเย่เจ๋วยิ้มอย่างเย็นชา "หือ?
แผนการที่เขาพูดถึงจะเปิดโปงซูหลิงโหรวต่อหน้าท่านผู้เฒ่าไม่ใช่เหรอ แต่กลับหาคนของตัวเองมาแสดงละครแบบนี้?หลัวเชว่ฉีกยิ้มแล้วตอบกลับ: "คุณเจียง พวกเราไม่ได้กำกับเองแสดงเอง ระหว่างทางที่ผมกลับไปกับท่านเจ๋วถูกคนล้อมเอาไว้ ฝนตกถนนลื่น ถ้าหากผมไม่ได้ขับรถเก่งมากคนที่เกิดปัญหาก็ต้องเป็นพวกเราแน่นอน พวกกระจอกนั่นบาดเจ็บไม่หนัก โดนพวกเราโยนเข้าไปในโรงพักแล้ว ผมกับท่านเจ๋วหาคนมาแสดงเป็นแค่แผนการเท่านั้น""แบบนี้เหรอ?" เจียงเซิงมองไปทางซือเย่เจ๋ว "แต่คนพวกนั้นเป็นคนของซูหลิงโหรวจริง ๆ เหรอ?"ซูหลิงโหรวชอบซือเย่เจ๋วไม่ใช่เหรอ?เธอทำไมถึงทำแบบนี้?ซือเย่เจ๋วยิ้มกริ่ม มองดูเธอแล้วพูดขึ้น "พวกที่อยู่ในคุกสารภาพหมดแล้ว ว่ามีคนใช้ให้พวกเขาโยนความผิดไปให้ตระกูลกุง"เจียงเซิงครุ่นคิดว่าเมื่อครู่ซูหลิงโหรวกัดฟันแน่นว่ามีความเกี่ยวข้อง ที่แท้เธออยากจะโยนความผิดไปให้ตระกูลกุงเพื่อสร้างความสงสัยของท่านผู้เฒ่าหลัวเชว่พูด: "ถูกต้อง ที่ผมกับท่านเจ๋วทำแบบนี้ ก็เพื่อถอดทอนคนที่อยู่เบื้องหลังคุณหนูซู จากเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้เดาว่าท่านผู้เฒ่าคงจะไม่ได้เชื่อคุณหนูซูร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ส่วนคุณหนูซูเดาว่าค
ความร้อนลุ่มที่หน้าท้องของเธอทำให้ใบหน้าร้อนผ่าว "ผมคุณยังไม่แห้งเลยนะ!"เขายิ้ม "เดี๋ยวก็แห้งแล้ว!"ไม่รอให้เจียงเซิงมีปฏิกริยาตอบสนองใด ๆ เขาก้มลงมาจูบเธอ ชุดนอนที่บางเบาลื่นไหลลงมาจากตัวเธอ เธอโอบคอของเขา ร่างกายทั้งสองล้มลงไป อบอุ่น อัศจรรย์ใจเสียงฝนตกที่ข้างนอกหน้าต่างค่อย ๆ เบาลง หยดน้ำที่เกาะอยู่บนหน้าต่างกระจกค่อย ๆ ไหลลงเช้าตรู่ แสงสลัว ๆ ส่องเข้ามาจากช่องว่างในผ้าม่าน สาดส่องไปที่บนเตียงอย่างอ่อนโยนเจียงเซิงถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์เธอยื่นมือออกไปกวาดหาโทรศัพท์ เหมือนกับยังไม่ตื่น จากนั้นรับสายอย่างเอื่อยเฉื่อย: "ฮัลโหล?"“ฉันเอง”เสียงนี้…เจียงเซิงลุกขึ้นนั่ง มองดูหมายเลขผู้โทรด้วยสัญชาตญาณ ไม่มีในสมุดรายชื่อ แต่เธอรู้ว่าคือใคร "คุณชายลู่ มีธุระอะไรเหรอคะ?"“คุณตาต้องการเจอเธอ เจอกันที่ร้านอาหารหนานหยางตอนแปดโมง” ลู่ลี่เซินแจ้งเวลานัดหมายที่แน่นอนเจียงเซิงเงียบไปสองสามวินาทีแล้วตอบรับหลังจากอาบน้ำเสร็จเธอก็เดินลงไปชั้นล่างและเห็นอาหารเช้าที่เตรียมไว้แล้วบนโต๊ะอาหาร ซือเย่เจ๋วนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะกำลังดื่มกาแฟและอ่านนิตรสารอยู่ เขาสง่างามและสูงศักดิ์ เหมือนกับ
เจียงเซิงก้มหน้าลง: "ต่อให้ตอนนั้นทวดของซือเย่เจ๋วเกือบจะตายในเงื้อมมือคุณพ่อของคุณ แต่แม่ของซือเย่เจ๋ว ก็ตกไปอยู่ในมือของพวกคุณแล้วไม่ใช่เหรอ? หายกันแล้ว ทำไมยังจะเกลียดกันอีก?"ต่างแค้นอกแค้นใจกันนานแค่ไหนแล้ว ความแค้นของทั้งสองตระกูล ทำไมต้องให้ลูกลหานของพวกคุณแบกรับด้วย?ดวงตาของกุงเห้อดูเคร่งขรึมขึ้น “หายกัน?”เขาสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาและพูดอย่างแน่นิ่ง: "ฉันกับตระกูลซือไม่มีทางหายกัน อีกอย่างตอนนั้นตระกูลซือทำอะไรกับตระกูลกุงไว้ เธอรู้ไหม?"เจียงเซิงไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่กำมือทั้งสองข้างที่อยู่บนขาจนแน่นและในตอนนี้ จู่ ๆ กุงเห้อหันหลัง เลิกขากางเกงขึ้นมา สิ่งที่ปรากฎในสายตาไม่ใช่ขาที่แข็งแร็ง แต่เป็นขาเทียมในดวงตาของเจียงเซิงปรากฎความตกตะลึง"เห็นแล้วยัง ตอนนั้นนี่เป็นผลงานชิ้นเอกของซือหลิงหยุน เพื่อบีบบังคับให้พ่อของฉันถอนตัวออกจากราชสำนัก ใช้ให้คนตัดขาของฉันทั้งเป็น"กุงเห้อน้ำเสียงดุดัน: "ตอนนั้นฉันเพิ่งเจ็ดแปดขวบ ยังเป็นเด็กอยู่ ความเจ็บปวดที่ถูกคนหักขา ชีวิตนี้ฉันเป็นฝันร้ายที่ไม่สามารถปัดป่ายให้หายไปได้ และฝันร้ายนี้ เป็นทวดของซือเย่เจ๋วที่มอบให้กับฉัน!"เจียงเซิ
คำพูดของเขาไม่ว่าจะเป็นคำขู่ หรือคำเตือน สำหรับเจียงเซิง ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้เธอหวาดกลัวได้เธอยิ้มและพูดขึ้น "นายเฒ่ากุงวางใจได้ ต่อให้ทั้งโลกเป็นศัตรูของซือเย่เจ๋ว อย่างน้อย ฉันก็ไม่มีทางใช่"เจียงเซิงไม่มีท่าทีจะอยู่ทานอาหารต่อ หลังจากบอกลาทั้งสองคนแล้วเดินออกจากร้านอาหาร จากนั้นก็ได้พบกับซูหลิงโหรวและท่านผู้เฒ่าซูหลิงโหรวดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน สายตาที่สบตากับเจียงเซิง รอยยิ้มบนใบหน้ากลบเกลื่อนความเย็นชา: "บังเอิญจัง ถึงได้พบคุณเจียงที่นี่ได้ คุณเจียงนัดคนทานอาหารเหรอคะ?"เจียงเซิงเม้มริมฝีปากแล้วยิ้ม "ใช่ ทานเสร็จเรียบร้อยแล้ว งั้นฉันกลับก่อนนะคะ"ท่านผู้เฒ่าอยู่ที่นี่ อีกเดี๋ยวลู่ลี่เซินกับกุงเห้อปรากฎตัวขึ้น มีซูหลิงโหรวค่อยพัดลมและจุดไฟอยู่ข้าง ๆ เธอที่มีเพียงแค่ปากเดียวจะพูดได้ไม่ชัดเจนเธอพยักหน้าให้ท่านผู้เฒ่า จากนั้นเดินออกไป แต่ทว่าซูหลิงโหรวกลับคล้องแขนของเธอเอาไว้: "รีบร้อนกลับไปขนาดนี้ ฉันกับคุณปู่พูดว่าจะมาทานอาหาร คุณในฐานะหลานสะใภ้ของคุณปู่ ทานอาหารเป็นเพื่อนคุณปู่คงจะไม่ลำบากหรอกนะคะอีกอย่าง ฉันก็อยากจะขอโทษด้วยความจริงใจเรื่องก่อนหน้
"เอาเถอะ" ท่านผู้เฒ่ายกมือขัดคำอธิบายของเจียงเซิง สายตาเย็นชาพูดขึ้น: "จำคำพูดของเธอเอาไว้ก็พอ"ท่านผู้เฒ่าหันหลังกลับเดินเข้าไปในร้านอาหารส่วนซูหลิงโหรวเห็นความเศร้าหมองและความไม่ยินยอมในดวงตาของเจียงเซิง เธอสายตาลำพองใจขยับเข้าไปใกล้เจียงเซิง: "เจียงเซิง คุณปู่สุดท้ายก็ยังเข้าข้างฉัน เธออย่าเปลืองแรงเปล่าเลย"เจียงเซิงมองดูเธอแล้วยิ้มเยาะ "ใช่สิ คุณหนูซูใช้ความสามารถในการยุยงทำให้ท่านผู้เฒ่าเอ็นดูคุณขนาดนี้ และคุณก็อยากอยู่ที่ตระกูลซือขนาดนี้ ไม่สู้คุณเปลี่ยนชื่อเป็นซือหลิงโหรวเถอะ เป็นพี่น้องกับซือเย่เจ๋ว ก็ถือว่าถูกหลักทำนองคลองธรรม"ซูหลิงโหรวสีหน้าเปลี่ยนไปและกัดฟันพูด "เจียงเซิง เธออย่าได้ใจไป"หลังจากชนไหล่เจียงเซิง ก็เร่งฝีเท้าตามท่านผู้เฒ่าไปเจียงเซิงเดินออกจากอาคารหนานหยาง ก็เห็นหลัวหยิงนั่งรอตัวเองอยู่ในรถแล้ว เธอขึ้นรถ ท่าทางการปิดประตูค่อนข้างรุนแรง หลัวหยิงเห็นเธอหน้าบึ้งตึงจึงพูดขึ้น "พี่สะใภ้ พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?"เจียงเซิงฉีกยิ้ม "ไม่เป็นไร ทานข้าวทานโดนแมลงวัน รู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมานิดหน่อย"“อาหารในหนานหยางไม่สะอาดขนาดนี้เลยเหรอ มีแมลงวันด้วย?” หลัวหยิงคิด
เธอรู้ว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไป ประกายไฟในดวงตาของเขาต้องลุกขึ้นมาอีก ถึงแม้ตอนนี้บริษัทไม่มีคน แต่เธอไม่กล้ารับประกันว่าคุณอาแฟรงค์จะปรากฎตัวหรือไม่ เธอรีบเปลี่ยนเรื่อง "ว่าแต่ พวกคุณสืบได้แล้วยังว่าคนที่ผู้ชายคนนั้นต้องการปกป้องคือใคร?"เขาเงยหน้าขึ้น สายตาเคร่งขรึมเกิดความขุ่นเคือง เขาตอบกลับ "เป็นคนของค่ายฝึก"“คนจากค่ายฝึก หรือว่า…”“เธอรู้จักเธอ” เขาก้มหน้าจูบลำคอของเธอ จุมพิตครั้งหนึ่งเจียงเซิงสองมือวางอยู่บนไหล่ของเธอ จากนั้นบีบมือโดยควบคุมไม่ได้ "อยู่ในระดับเดียวกับพวกหลัวหยิง....อืม""หือ?" ซือเย่เจ๋วท่าทางหยุดชะงัก เหมือนกับตั้งใจ มองดูใบหน้าของเธออย่างล้อเลียนที่เคลิบเคลิ้มเหมือนกับพระอาทิตย์ตกดินเจียงเซิงกัดริมฝีปาก ละสายตาออกไปอย่างเขินอาย จากนั้นเสียงอุดอู้พูดขึ้น "คุณตอบคำถามฉันดี ๆ ได้ไหม?"เขายิ้มบาง "งั้นก็อย่าส่งเสียงซี้ซั้ว อันตรายมาก ๆ"เจียงเซิงใกล้จะโมโหตายแล้วซือเย่เจ๋วก็ไม่ได้ล้อเธอเล่นอีก จากนั้นตอบกลับ "ครูฝึกหลี"“เป็นเขาจริงๆ เหรอ?”สายตาของเจียงเซิงมืดสลัวลง "หรือว่าครูฝึกหลีก็คือ 'ไส้ศึก' เขาเข้าร่วมเรื่องของวั่งฉี?"ครูฝึกหลีเธอรู้จะอยู่แล้ว
จนกระทั่งไฟในห้องสว่างขึ้นโดยตรง เขาลืมตาขึ้นด้วยความยากลำบากและเห็นหลัวเชว่ที่ถือโน้ตบุ๊คเดินเข้ามา"ฉัน......ฉันไม่มีทางพูด"แม้ว่าเขาจะหิวจนท้องร้อง ถึงขั้นที่อดทนไม่ไหวแล้ว แต่เขาก็ยังคงยืนหยัดอยู่หลัวเชว่พูดขึ้น "ที่ฉันมาก็ไม่ได้คิดจะถามนาย"ชายคนนั้นนิ่งอึ้ง อ่อนแรงจนไม่อยากพูดอะไรมากหลัวเชว่ดึงเก้าอี้มานั่งลง วางขวดน้ำที่พกมาลงที่ข้างเท้า: "อันที่จริงนายพูดหรือไม่พูดก็ช่างเถอะ ในเมื่อนายไม่พูด ก็มีคนที่พูด"ชายคนนั้นจ้องไปที่ขวดน้ำ ใบหน้าที่ซีดเซียวจนมองไม่เห็นสีเลือด เหมือนกับปลาที่จะกระหายน้ำตายในทะเลทรายที่ปรารถนาต่อน้ำเป็นอย่างมาก แม้แต่น้ำลายในลำคอก็แห้งจนรู้สึกเจ็บหลัวเชว่เปิดโน้ตบุ๊ค หันหน้าจอไปตรงหน้าเขา: "ไม่รู้ว่าคนคนนี้จะมีความดื้อรั้นแบบนายไหมนะ"รูม่านตาของชายคนนั้นหดตัวลงเล็กน้อย ตัวแข็งทื่อไปหมด"เขาเป็นน้องชายแท้ ๆ ของนาย" หลัวเชว่ยิ้มแล้วเลื่อนขวดน้ำขวดนั้นไปตรงจุดที่เขาสามารถเอื้อมถึงได้ "ท่านเจ๋วสืบทราบเรื่องนี้ วางแผนว่าจะสอบถามเขา"ชายหนุ่มร่างกายอ่อนแรง เอ่ยปากอย่างยากลำบาก: "ฉันตกมาอยู่ในมือของพวกนายถือว่าฉันซวย แต่ขอร้องพวกนายปล่อยเขาไป เขาก็
*ถูกลูกเล่นของ Soul จิวเวลรี่ทำให้อ้วกแล้ว*แฟรงค์มองดูเธอ "เซิงเซิง จำนวนยอดขายของ Soul จิวเวลรี่ในวันนี้ลดลงอีกสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว บริษัทได้รับสายโทรศัพท์เพื่อสละออเดอร์และคืนเงินหลายออเดอร์แล้วดวงตาของเจียงเซิงขยับเขยื้อน "ดูท่าพวกเขาอยากจะบีบบังคับให้ฉันยอมจำนนสินะ""งั้นคุณวางแผนจะทำอย่างไร?" แฟรงค์รู้ว่าเธอไม่เปิดเผยตัวตนเพราะมีเหตุผลของเธอ ถ้าหากมีวิธีอื่นก็จะดีอย่างมากเจียงเซิงยื่นแท็บเล็ตไปให้เขา และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา "ทางด้านผิ่นเก๋อยืนยันเป็นมั่นว่าฉันลอกเลียนแบบทั้ง Soul จิวเวลรี่ ถึงเวลาที่ฉันควรจะตอบโต้แล้ว"ในขณะที่กระแส "การลอกเลียนแบบ" บนอินเทอร์เน็ตกำลังโด่งดัง คำค้นหายอดนิยมของเฟซบุ๊กก็มีเพิ่มขึ้นมาหนึ่งประเด็น*ผิ่นเก๋อของปลอม*ผิ่นเก๋อ จิวเวลรี่ถูกเปิดเผยออกมาว่าแอบลดวัสดุและขั้นตอนการก่อสร้าง ขายเครื่องประดับปลอมในราคาสูงและหลอกลวงลูกค้า และสร้างข่าวลือเรื่องที่โซราเสียชีวิต แม้กระทั่งข่าวลือที่เจ้าของผิ่นเก๋อมอมเหล้าเด็กสาวในคลับเฮ้าส์ก็ถูกเปิดโปงจนหมดเปลือกการเปิดเผยอย่างต่อเนื่องนี้ ทำให้เหตุการณ์ของ Soul จิวเวลรี่ถูกดันลงไปทันที เพียงแค่เรื่องที่
"ทำไม่ได้" ซือเย่เจ๋วเสียงทุ้มต่ำ จากนั้นจูบเธออย่างแรง และยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรงขึ้นอาจเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง เมื่อคืนฝนตกหนักทำให้อุณหภูมิเปลี่ยนไปหนาวเย็นกะทันหัน ใบไม้สีเหลืองที่แห้งเหี่ยวปกคลุมบนพื้น สัมผัสกับแอ่งน้ำเจียงเซิงกับซือเย่เจ๋วเพิ่งไปส่งเจ้าตัวเล็กทั้งสองคนที่โรงเรียนประถมเอกชน จากนั้นตอนที่เดินทางไปส่งเจียงเซิงที่ Soul จิวเวลรี่ เจียงเซิงง่วงจนพิงร่างกายของเขาแล้วงีบหลับซือเย่เจ๋วหันหน้าไปจ้องมองเธอ จากนั้นก็ยกมือขึ้นรวบไรผมที่อยู่ตรงหน้าผากของเธอ "ยังง่วงเหรอ?""อืม"เจียงเซิงบ่นอย่างซื่อตรง "โทษคุณเลย"เขายิ้ม จากนั้นก็มก้มตัวมาที่ข้างหูของเธอ "หรือว่าไม่ใช่ความผิดของคุณเหรอ?"เจียงเซิงเงยหน้าขึ้นและวางคางบนไหล่เพื่อมองดูเขา "ไม่ได้ให้คุณทำสองยกทั้งคืนสักหน่อย"ซือเย่เจ๋วที่สูญเสียความทรงจำไม่เพียงควบคุมอารมณ์ไม่ได้ แถมยังมีกำลังวังชาเต็มเปี่ยม เกือบพรากชีวิตแก่ ๆ ของเธอซือเย่เจ๋วไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจกลับรู้สึกพึ่งพอใจอย่างมากในตอนนี้โทรศัพท์ของเจียงเซิงดังขึ้น คุณอาแฟรงค์โทรมาหาเธอแต่เช้าเกรงว่าต้องมีเรื่องใหญ่แน่นอนเธอรับสาย "คุณอาแฟรงค์?""เซิงเซิง
แต่ชาวเน็ตส่วนใหญ่คิดว่านี่ไม่ใช่การลอกเลียนแบบ ต่อให้สไตล์เหมือนกันแต่ยังมีจุดเด่นอื่นอีก สถานการณ์แบบนี้ไม่สามารถจำกัดความว่าเป็นการลอกเลียนแบบได้ ขอถามกลับว่าคนที่พูดว่าลอกเลียนแบบมีสิทธิอะไรคิดว่าคนเขาจะต้องลอกเลียนแบบแน่นอนน่าจะเป็นเพราะผู้บริหารของผิ่นเก๋อ จิวเวลรี่เห็นว่านี่ไม่เพียงไม่ได้กดหัวคนอื่น แต่กลับเป็นวิธีที่ "ใจร้อนอยากประสบความสำเร็จแต่กลับทำให้เสียการ" จึงอยากเพิกถอนคำค้นหายอดนิยมออกแต่คิดไม่ถึงว่า พวกเขาไม่สามารถเพิกถอนได้ เพราะว่ามีคนทุ่มเงินจำนวนมากซื้อคำค้นหายอดนิยมนี้ ผิ่นเก๋อของพวกเขาออกเงินสองเท่า ฝ่ายตรงข้ามก็ออกเงินสี่เท่า ตอนนี้เล่นเกมทุ่มเงินซื้อคำค้นหายอดนิยมแล้วเจียงเซิงนั่งดูหน้าแชทเฟซบุ๊กอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์ แฟรงค์เดินเข้ามา "เซิงเซิง ผิ่นเก๋อยอมแพ้การเพิกถอนคำค้นหายอดนิยมแล้ว ดูท่าว่าจะทุ่มเงินไม่ไหวแล้ว"เจียงเซิงหรี่ตาลง "พวกเขาทำใจทุ่มเงินไม่ได้ แต่น่าจะมีวิธีอื่นอีก"ทางด้านเจียงเซิงทุ่มเงินซื้อคำค้นหายอดนิยมกับผิ่นเก๋อ ทางด้านซือเย่เจ๋วก็ทุ่มเงินล้มธุรกิจของหานซื่อกรุ๊ป หลัวเชว่มองดูจนตกตะลึงตาค้าง สามีภรรยาคู่นี้ตอนนี้เป็นคนโง่ที่เงินเ
เซียวเถียนเถียนใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา เธอตกใจจนถอยหลังไปสองสามก้าว จากนั้นก็หันหลังวิ่งหนีไปเมื่อมาถึงนอกห้องทำงานของเจียงเซิง คนทั้งคนยังคงอยู่ในสภาพเครื่องรวน เมื่อเข้าไปข้างในก็ทรุดนั่งลงบนโซฟา ขาก็อ่อนแรงไปหมดเจียงเซิงเดินออกมาจากห้องทำงาน เห็นท่าทางเหม่อลอยของเซียวเถียนเถียน ก็ยิ้มบาง "เกิดอะไรขึ้น?"เซียวเถียนเถียนลุกนั่งทันที และวางกาแฟบนโต๊ะทำงานของเธอ "ซื้อ...ซื้อมาให้เธอ"เจียงเซิงเดินไปตรงหน้าโต๊ะแล้วหยิบกาแฟขึ้นมา เห็นเธอพูดจาติดขัดจึงถามขึ้น "เจอเรื่องอะไรมา ทำไมถึงตกใจขนาดนี้?""ก็...ก็ไม่ได้เจอเรื่องอะไร ก็แค่ระหว่างทางที่ซื้อกาแฟได้เจอกับหานเซิงเข้า เกือบจะทะเลาะกับเธอขึ้นมา"เจียงเซิงถือกาแฟเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน "แค่นั้นเหรอ?"เธอเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า "ใช่""งั้นเธอทำไมหน้าแดงขนาดนี้?""นั่นเป็นเพราะว่าฉันร้อน!" เซียวเถียนเถียนโกรธขึ้นมาทันที เจียงเซิงมองท่าทางประหม่าของเธอออก จึงหรี่ตาจ้องมองเธออยู่นานต่อให้เจอกับหานเซิงแล้วทะเลาะกัน ก็ไม่ถึงกับทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้ ท่าทางแบบนี้เห็นได้ชัดว่า...ทำเรื่องไม่ดีอะไรมา"อ่อใช่เซิงเซิง บนเฟซบุ๊กเรื่องลอกเลียนแ
"เธอ…"“ผู้ชายทุกคนชอบผู้หญิงที่อ่อนโยนและน่ารัก คนปากคอเราะรายอย่างเธอชีวิตนี้คงไม่มีคนชอบเธอหรอก”ขณะพูด เธอก็พูดเหน็บแนม "ถ้าไม่ใช่ว่าเธอเป็นลูกสาวตระกูลเซียว จะมีการแต่งงานเกี่ยวดองกันกับตระกูลลู่ที่ดีขนาดนี้เหรอ คุณชายลู่แต่งงานกับเธอซวยไปแปดชาติจริง ๆ"เซียวเถียนเถียนสีหน้าเคร่งขรึมลงทันที เธอง้างมือขึ้นจะฟาดหน้าของหานเซิงหานเซิงเงยหน้าขึ้นให้เธอตบแต่ฝ่ามือยังไม่ทันโดน ข้อมือก็ถูกคนจับเอาไว้ลู่ลี่เซินดึงเซียวเถียนเถียนไปข้างหลังแล้วมองดูเธอ "ลงมือต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ ไม่รู้จักอายบ้างเหรอ?"ผู้คนรอบตัวพากันมองมาทางนี้ เหมือนกำลังจะรอดูฉากเด็ดอยู่ ถ้าหากเมื่อครู่เซียวเถียนเถียนตบลงไปจริง ๆ ก็จะมีคนถ่ายรูปเอาไว้และเอาเรื่องนี้ไปพูดกันแต่เซียวเถียนเถียนไม่ยอมแพ้ เธอสะบัดมือของเขาออก "นายยุ่งอะไรกับฉันด้วย""คุณชายลู่ คุณมาได้พอดีเลย คู่หมั้นของคุณร้ายกาจ เมื่อครู่ยังอยากจะตบฉันด้วย ถ้าคุณไม่ห้ามไว้ หน้าของฉันคงบวมไปแล้วหานเซิงท่าทางน่าสงสาร เธอมีความมั่นใจคิดว่าผู้ชายชอบแบบนี้กันหมด แทบอยากจะให้ลู่ลี่เซินเห็นใจเธอ สงสารเธอ และทะเลาะกับเซียวเถียนเถียนขึ้นมาแต่หานเซิง
กู้เฉินกวางยิ้มบางแต่ไม่ได้พูดอะไรหลัวเชว่มองไปที่ซือเย่เจ๋วและพูดไม่ออก นี่เห็นได้ชัดว่าถูกคุณเจียงควบคุมจนอยู่หมัดแล้ว......บริษัท Soul จิวเวลรี่สิบเจ็ดบอกว่าเจียงยี่กับผู้เฒ่าเจียงได้พาเจียงเฮงกลับเมืองจินเฉิงแล้วเงินห้าแสนกว่าบาทที่ต้ายฉิงใช้จ่ายไปตอนนี้ได้ตามกลับผ่านทางตำรวจแล้ว แต่ก็ตามกลับมาได้แค่แสนกว่าบาท แต่ต้ายฉิงถูกควบคุมการเดินทาง อยากจะหนีก็หนีไม่ได้เจียงเซิงก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายหลังจากผ่านเรื่องนี้ไปผู้เฒ่าเจียงคงจะทำตัวดีไม่น้อย จากอายุของเธอในตอนนี้อยากจะดิ้นรนต่อไป เกรงว่าคงจะไม่มีโอกาสดิ้นรนแล้วหลายชายของตัวเองล้างผลาญครอบครัวใช้เงินสะสมของเธอจนหมด แถมยังถูกหลอก แม้แต่ลูกชายก็ยังไม่ยอมรับเธอ ตอนนี้เธอก็ไม่มีอารมณ์คิดถึงมรดกของพ่อของเธอแล้ว*อลิซลอกเลียนแบบโซรา*พาดหัวข่าวเฟซบุ๊กที่โดดเด่นบนหน้าจอทำให้เจียงเซิงที่เพิ่งดื่มน้ำแทบจะพ่นน้ำออกมาเธอลอกเลียนแบบตัวเอง?เมื่อเปิดดู ก็เป็นเรื่องประดับ*รุ่นคู่รัก*ที่เธอออกแบบคล้ายกับสไตล์การออกแบบของเธอก่อนหน้านี้ แต่ไม่รู้ว่าใครตั้งใจพูดตัดสินเรื่องนี้ว่าลอกเลียนแบบ ชาวเน็ตที่ไม่ผ่านกรองการครุ่นคิดก็เชื่อจ
กู้เฉินกวางถอดแว่นกันแดดออกแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าตรงหน้าอก "สถานการณ์ของนายแบบนี้ คงไม่ต้องให้ฉันแนะนำตัวเองใช่ไหม?"ซือเย่เจ๋วก็มองออกว่าเขาคือใคร "อยู่ในวงการบันเทิงได้ไม่เลวเลยสินะ"กู้เฉินกวางหัวเราะเบา ๆ “คนอื่นบอกว่านายความจำเสื่อมฉันยังไม่เชื่อ”เขาเดินไปที่โซฟาแล้วนั่งลงด้วยตัวเอง หลัวเชว่รินชาให้เขาหนึ่งแก้วซือเย่เจ๋วลุกขึ้นยืนและเดินอ้อมโต๊ะทำงานไปตรงหน้าโซฟา จากนั้นก็ปลดกระดุมชุดสูทออกแล้วนั่งลง "แขกหายากสินะ มีธุระอะไรกับฉัน?""มีธุระจริง ๆ นั่นแหละ" กู้เฉินกวางยกแก้วน้ำชาขึ้น "ฉันคิดว่านายคงจะเคยรู้จักกับหานจื้อเหนียนสินะ?"ในตอนที่ซือเย่เจ๋วกำลังครุ่นคิดว่าหานจื้อเหนียนคือใคร หลัวเชว่ก็ก้มตัวชี้แนะ "ประธานหานคนนั้นเมื่อครั้งที่แล้ว"ซือเย่เจ๋วหรี่ตาลงและยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง "ทำไม ตระกูลหานมุ่งเป้าไปที่นายเหรอ?"กู้เฉินกวางไม่ได้พูดอะไรซือเย่เจ๋วสีหน้าจริงจังขึ้นมา "ฉันว่านายก็อายุเยอะแล้ว ควรจะพิจารณาเรื่องการแต่งงานได้แล้ว?"กู้เฉินกวางวางแก้วชาลง และครุ่นคิด “เร่งให้ฉันแต่งงาน นายเป็นห่วงอะไร?”ซือเย่เจ๋วสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย จากนั้นกอดอกมองเขา "ตาข้าง
เจียงเซิงไม่ปฏิเสธ "ใช่ค่ะ" เธอหัวเราะเบา ๆ "รวมทั้งเงินห้าล้านบาทนั่นด้วย นั่นก็เป็นเงินที่ฉันให้ คุณก็ไม่ได้บอกคุณย่าว่าคุณมีเงินห้าล้านบาทใช่ไหม?"ผู้เฒ่าเจียงหันหน้ามองไปทางเจียงยี่เจียงยี่ไม่ได้พูดอะไร เห็นได้ชัดว่ายอมรับแล้ว"คุณไม่อยากยอมรับแม่ ไม่อยากยอมรับลูกชาย ฉันก็ไม่ก้าวก่ายคุณ ในเมื่อเงินเอาให้คุณแล้ว คุณอยากจะใช้อะไรก็เรื่องของคุณ"เจียงเซิงกอดอก สายตาเย็นชา "แน่นอนว่าถ้าหากคุณยอมเอาเงินไปใช้ในทางที่ต้อง ฉันอาจจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่คุณปรับเปลี่ยนตัวเองไม่ได้แล้ว เอาเงินให้คุณมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ใด ๆ"มือที่วางอยู่บนขาของเจียงยี่กำแน่นอย่างอดไม่ได้ สีหน้าก็รู้สึกอับอายผู้เฒ่าเจียงมองดูเจียงเซิง "เซิงเซิง ในเมื่อเธอยังมีชีวิตอยู่ และก็ยอมช่วยอาของเธอกับลูกพี่ลูกน้องของเธอ...""คุณย่า คุณคิดมากเกินไปหรือเปล่า?" เจียงเซิงขัดคำพูดของเธอทันที "ฉันไม่ได้ช่วยพวกเขาโดยไม่มีเหตุผลหรอกนะคะ ฉันก็แค่ช่วยให้คุณได้เห็นความโหดร้ายของโลกนี้อย่างชัดเจน"ผู้เฒ่าเจียงมองไปทางเธอด้วยความเหม่อลอยเจียงเซิงลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าต่าง และหันข้างมองไปทางพวกเขา "เพราะว
เพิ่งจะเข้าไปในห้อง เจียงยี่ก็อยู่ด้วย เจียงยี่นั่งอยู่บนเก้าอี้ บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังวางมือบนไหล่ของเขาไม่ให้เขาหนีไปได้ตอนที่ผู้เฒ่าเจียงเห็นผู้หญิงแปลกหน้าถูกพาตัวเข้ามา และคุกเข่าลงบนพื้น ก็งุนงงไปหมด "นี่คือ..."สิบเจ็ดพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย "ฉิงฉิงที่หลานชายของคุณพูดถึง คุณให้เธออธิบายกับคุณเองเถอะ"ฉิงฉิง?ผู้เฒ่าเจียงสายตามองไปที่ผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง ต้ายฉิงร้องไห้แล้วคลานมาที่ข้างเตียง "คุณย่าเจียง ขอโทษนะคะ ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรหลอกลวงเจียงเฮง ขอร้องพวกคุณปล่อยฉันไปเถอะค่ะ"ผู้เฒ่าเจียงนึกขึ้นได้ว่าเจียงเฮงหลานชายของเธอนำเงินก้อนนั้นให้กับผู้หญิงคนนี้ เธอก็รู้สึกโมโหขึ้นมา และผลักฉิงฉิงออก "เธอยังมีหน้ามาหาฉันอีก? เงินของหลานชายฉันล่ะ?"ต้ายฉิงถูกผลักล้มลงกับพื้น ไหล่ของเธอสั่นเทา น้ำตาไหลลงแก้ม ชั่วขณะไม่รู้ว่าควรจะพูดเรื่องเงินก้อนนั้นที่เธอใช้ไปหมดแล้วอย่างไรดี“ฉิงฉิง!”เจียงเฮงปรากฏตัวนอกประตูและเห็นต้ายฉิงนั่งอยู่บนพื้น เขาจึงรีบเดินไปประคองเธอ "คุณย่า ฉิงฉิงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร"“แกยังจะพูดอีก?” ผู้เฒ่าเจียงหน้าเขียวหน้าดำ "นังเด็กคนนี้หลอกเอาเงินของแก เ