ซานม่านหวาจ้องมององค์ชายเฟยเทียนด้วยความหงุดหงิด อากาศบริเวณนี้ร้อนอยู่แล้ว ยังต้องมาเจอคนอารมณ์ร้ายอีก ต่อให้นางเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองอย่างไร ก็ไม่เคยเอาอารมณ์ร้ายของตนเองไปลงที่ผู้อื่น เอ่อ... นางคิดเช่นนั้นนะ หญิงสาวชักม้าเข้าไปใกล้ม้าขององค์ชายเฟยเทียนที่คุมเชลยซ่อมแซมกำแพงเมืองตุนหวงอยู่ “เห็นทีข้าต้องคุยกับท่านแล้ว” ซานม่านหวาพูดขึ้นอย่างสิ้นความอดทน แต่อีกฝ่ายกลับตวัดสายตาคมกริบจ้องมอง ซึ่งไม่ได้ทำให้นางหวาดกลัวเลยสักนิด “นี่ใช่เวลาคุยหรือไร” เมื่อเห็นว่าการข่มขู่ของเขาไม่ได้ผล บุรุษหนุ่มบนหลังอาชาสีดำย้ายสายตากลับมาที่เชลยนับร้อยเบื้องหน้า “ข้าคุมการซ่อมแซมไม่ดีรึ” นางขึ้นเสียงอย่างไม่เกรงกลัว แม้นางจะเป็นเพียงรองแม่ทัพก็เถอะ “ข้าทำงานได้ตามกำหนดเวลาที่วางไว้ท่านมาเร่งให้คนพวกนี้เหนื่อยตายหรือไร” “เฮอะ!” องค์ชายเฟยเทียนแค่นเสียงในลำคอ ปรายตามองหญิงสาวที่ชักม้าให้เดินตามเขามา “ไม่คิดว่าคนอย่างเจ้าจะเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเป็น”“คนตายมันใช้ประโยชน์ไม่ได้ ตายไปก็เป็นได้แค่อาหารของแร้งกาเท่านั้น” นางพูดอย่างที่คิด คนอย่างนางไม่ได้
เพียงคิดถึง ใบหน้าของนางพลันปรากฏเบื้องหน้า รอยยิ้มและแววตาที่นางมองเขาเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น นางไม่เคยกลัวเขา... ไม่เคยเลยสักครั้งเดียว“ซานม่านหวา” เขาเรียกชื่อนางน้ำเสียงกระด้าง “เจ้าเรียกชื่อชายาของข้าสนิทสนมอย่างนี้เลยรึ”หญิงสาวหัวเราะออกมา “ข้านึกว่าท่านกลุ้มอกกลุ้มใจต้องมาใช้พลังงานกับเชลยพวกนี้ เพราะถูกเจ้าหมาหวงกระดูกตัวนั้นขัดขวางเสียอีก”“ดูเจ้าไม่ชอบมันเสียเท่าไหร่” เขาอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง “มันไม่ใช่หมาธรรมดา”“ข้ารู้ว่ามันเป็นหมาป่า” นางเบ้ปาก ว่านหนิงเหมยมักพูดแย้งเสมอถ้านางเรียกมันว่าหมา“มากกว่านั้น” เขาพูดพลางกระตุ้นให้ม้าเดินกลับมาทางเดิม“อะไรล่ะ มันกลายร่างเป็นคนได้อย่างนั้นเหรอ” นางถามไม่จริงจัง แต่พอเห็นอีกฝ่ายเงียบไป สีหน้าเรียบนิ่งไม่มีท่าทีล้อเล่นของเขาทำให้นางหัวเราะออกมา“ข้าก็ว่าอยู่ ดูมันไม่เหมือนหมาป่าทั่วไป”“ดูเจ้าไม่ตื่นตกใจเลยสักนิด”“ข้าอยู่กับปีศาจอย่างท่านมากี่ปี ทหารปีศาจที่ท่านเรียกออกมาก็เคยเห็นมาแล้ว กับแค่หมาป่ากลายเป็นมนุษย์หรือมนุษย์เป็นหมาป่าจะแปลกตรงไหนเล่า" นางเองเคยได้ยินเรื่องเล่าในตอนเด็ก เคยคิดว่าผู้ใหญ่เล่าหลอกให้หวาดกลัว ไม่คิดว่ามี
องค์ชายเฟยเทียนที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมซิ่นเจี่ยงและเจิ้งหู่ เจิ้งไฉ สายตาของเขามองนางเป็นสิ่งแรก เห็นนางยืนนิ่งหน้าซีดกัดริมฝีปากตนเองก็ก้าวเร็วๆ เข้าไปหาหญิงสาวทันทีว่านหนิงเหมยรู้สึกเหมือนว่ามีคนหยุดยืนอยู่เบื้องหน้า นางจึงรู้สึกตัวแล้วเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าเป็น...“ท่านอ๋อง”“เจ้าเป็นอะไร” ถามพลางใช้ปลายนิ้วแตะริมฝีปากของนาง “เจ้ากัดปากจนเลือดซึมแล้ว”“เปล่าเสียหน่อยเพคะ” นางถอยหลังไปครึ่งก้าวเพื่อให้พ้นนิ้วมือของเขา ถ้านางกัดปากจนเลือดออกนางคงรู้สึกถึงคาวเลือดไปแล้วเสียงหัวเราะหึๆ ของซิ่นเจี่ยงเรียกสติของทั้งสองหนุ่มสาว กุนซือ คลี่พัดโบกไปมาเดินผ่านทั้งสอง ทำเป็นไม่เห็นภาพเมื่อครู่แล้วไปนั่งที่เก้าอี้ของตน“รุยหลงก็มาด้วยรึ”“เจ้าค่ะท่านกุนซือ” รุยหลงทอดน้ำเสียง เห็นภาพเมื่อครู่แล้วบาดตาบาดใจเหลือเกิน ไม่เคยคิดว่าคนเยือกเย็นราวกับไร้หัวใจอย่างองค์ชายเฟยเทียนจะแสดงท่าทีเป็นห่วงเป็นใยผู้อื่นถึงเพียงนี้รุยหลง? องค์ชายเฟยเทียนเพิ่งเห็นว่ารุยหลงก็มาด้วย เขาขมวดคิ้วงุนงงว่าใครเป็นคนเรียกนางมา เขาแสร้งกระแอมไอแล้วจับมือของหญิงสาวเพื่อให้เดินไปนั่งข้างเขา แต่นางขืนตัวเล็กน้อย เขาจึงโน้มห
“ข้าต่างหากที่ควรถามว่ามันคิดจะทำอะไรกันแน่” นางกระตุกโซ่เงินในมือให้รัดคอมันแน่นขึ้น ไม่คิดว่าแร่เงินใช้กับครึ่งมนุษย์ครึ่งหมาป่าได้จริงหมาป่าตัวใหญ่ดิ้นรนอย่างอ่อนแรงแล้วค่อยๆ คืนร่างเป็นมนุษย์“เมฆา!” จ้าวต้าตกใจ ไยหมาป่าตัวใหญ่กลายเป็นมนุษย์ผู้ชายได้เล่า“นี่นะเรอะ! ร่างมนุษย์ของเจ้า” ซานม่านหวายิ้มเยาะ ไร้ความหวาดกลัว แถมนางยังนั่งทับร่างเปลือยของชายผู้นี้อยู่“ปล่อยข้า! ข้าต้องไปช่วยนาง”“เจ้าจะไปช่วยอะไรนางได้” ซานม่านหวาจับปลายคางของหมาป่าที่กลายเป็นชายหนุ่ม ใบหน้าของคนผู้นี้ไม่เลวนัก“จะให้ทั้งสองร่วมหอไม่ได้ ปีศาจจะดูดกลืนพลังชีวิตของนาง” เขายอมกลายร่างเป็นมนุษย์ต่อหน้าผู้อื่นเช่นนี้ เพราะต้องพูดเรื่องสำคัญซานม่านหวานิ่งไปครู่หนึ่งหันไปทางซิ่นเจี่ยงราวกับขอคำแนะนำ คนผู้นั้นเป็นกุนซือนี่ หน้าที่ของกุนซือคือประมวลเหตุการณ์และตัดสินใจ นางชอบใช้กำลังไม่ชอบใช้สมองซิ่นเจี่ยงคลี่พัดโบกไปมาด้วยท่าทีครุ่นคิดแล้วก็นึกได้ว่า...“ไม่เป็นไรหรอก”“ไม่เป็นไรจริงๆ รึ” ซานม่านหวาไม่รู้เรื่องที่หมาป่า เอ่อ ...ชายผู้นี้พูด แต่นางเชื่อกุนซือ“จริง เชื่อข้าเถิด” คราวนี้กุนซือยิ้มกว้าง แต่เห็น
วันเวลาของนางมีเพียงเขาแต่วันเวลาของเขาไม่เคยมีนาง“หนิงเหมย” เห็นนางหอบหายใจแรง หัวใจก็รุ่มร้อน “ตอนนั้นเจ้ายังเด็ก เจ้าไม่รู้จักความรักและคิดไปเองว่าเจ้ารักข้า”“ใช่ ตอนนั้นหม่อมฉันแค่สิบสอง” นางฝืนยิ้มและหัวเราะขืนๆ “ท่านอ๋องเคยเห็นดอกทานตะวันหรือไม่ หม่อมฉันเป็นเช่นนั้น คอยติดตามมองท่านเสมอมา รับรู้ทุกเรื่องราวของท่านผ่านเสียงกระซิบที่ไม่มีวันโกหกของเหล่าพฤกษา”หญิงสาวหยุดพูดแล้วยกมือทุบหน้าอกตัวเอง ไล่ความเจ็บปวดที่เจียนกระอักออกมาเต็มที“ขอโทษ...หม่อมฉันขอโทษจริงๆ” นางพยายามไม่ร้องไห้แต่น้ำตาไม่หยุดไหลเสียที “หม่อมฉันอยากบอกว่า ท่านอ๋องไม่ต้องรักหม่อมฉันก็ได้ ท่านไม่ใช่ปีศาจ แต่หัวใจของท่านยังเป็นมนุษย์ ขอเพียงเปิดหัวใจให้สัมผัสความรักเถิด อย่าปิดกั้นตัวเอง อย่าชิงชังตัวเอง ให้อภัยตัวเองเถิด” ไยนางมองเขาทะลุปรุโปร่งเช่นนี้ เขายื่นมือไปหา ทว่านางปัดมือของเขาออก เรี่ยวแรงของนางน้อยนิด ผลักไสไม่ยอมให้เขาแตะต้อง รู้ทั้งรู้ว่าตนเองถูกพิษและจะต้องตาย แต่นางยังห่วงความรู้สึกของเขา ท่าทางเศร้าโศกของนางทำให้ปวดใจ ราวกับมีเหล็กแหลมมาทิ่มแทง ร่างกายที่มีเกราะปีศาจมังกรเพลิงปกป้อง ไม่เคยร
เขากดกลับไปอีกครั้ง ได้ยินเสียงนางครางกระเส่าอยู่ใต้ร่าง ใบหน้างามสะบัดไปมา ผมยาวคลี่สยายดูเย้ายวนดุจภาพวาด เขาถอนตัวออกช้าๆ และหยัดตัวกลับเข้าไป เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าแต่ทรมานด้วยความเสียวซ่าน ร่างกายของนางสอดประสานเคลื่อนไหวรับจังหวะของเขา นางตอบรับด้วยความอ่อนนุ่มและรุ่มร้อน โอบรัดอย่างแนบชิด แนบแน่นไปกับทุกสัมผัส นางเกิดมาเพื่อเขา เป็นของเขาอย่างแท้จริง และดื้อดึงอย่างที่สุด เมื่อนางยังไม่ยอมเรียกชื่อเขา บุรุษหนุ่มเพิ่มจังหวะเร่งร้อนขึ้น ขยับสะโพกสอบเคลื่อนไหวเข้าออกเร็วขึ้น หัวใจของนางเต้นถี่รัว มือใหญ่กอบกุมดอกบัวตูม เร่งเร้านางให้เรียกชื่อของเขา“เฟย...เทียน... เฟยเทียน...”นางทนรับระลอกอารมณ์อีกไม่ได้แล้ว เรียวขาโอบรัดเอวของเขาอย่างที่ธรรมชาติสั่งสอน ร่างของบุรุษชุ่มไปด้วยเหงื่อ มือใหญ่เลื่อนจากทรวงอกมาจับสะโพกของนางยกขึ้น ก้นงามงอนลอยเหนือที่นอนแล้วขยับสะโพกดันแท่งหยกร้อนเข้าออกในช่องรักที่เปียกชุ่ม ผมยาวของเขาลงมาเคลียทรวงอกที่สั่นไหวไปตามแรงเคลื่อนไหวของชายหนุ่ม ดวงตาของหญิงสาวมองปลายผมที่เป็นสีแดงดุจย้อมโลหิตลงมาคลอเคลียร่างนาง ทุกการขยับเคลื่อนไหวทำให้นางครวญคราง ทั้งส
“เจ้าขยับตัวขลุกขลักเช่นนี้ผู้อื่นก็ย่อมตื่นสิ” “ถ้าท่านอ๋องตื่นแล้ว หม่อมฉันขอกลับห้องตัวเองนะเพคะ” “ฟ้ายังไม่สว่าง ข้าอยากหลับต่ออีกสักหน่อย” “ท่านอ๋องก็หลับไปสิเพคะ หม่อมฉันไม่รบกวนแล้ว” “เจ้าไม่คิดจะรับผิดที่ชอบที่ทำให้ข้าตื่นหน่อยหรือไร” นางอ้าปากจะโต้เถียงแล้วนึกได้ว่าสิ่งที่ตื่นนั้นอาจหมายถึง ‘สิ่งนั้น’ ต่างหาก รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากทำให้นางหน้าแดงขึ้นมา ซ้ำยังกดสะโพกลงบดเบียดนางอีก “เจ้าคงไม่คิดว่าทำเพียงครั้งเดียวจะถอนพิษสำเร็จหรอกนะ” คิ้วเรียวขมวดมุ่น “แต่หม่อมฉันรู้สึกเป็นปกติแล้วนะเพคะ หายใจคล่อง ไม่แน่นหน้าอก ไม่ร้อนรุ่มแล้วด้วย” ใบหน้าคมโน้มลงมาจรดหน้าผากตนเองกับหน้าผากของนาง ในห้องยังมืดอยู่ ทว่าเมื่อจ้องมองใบหน้าเล็กใกล้ๆ ใต้ขอบตาไม่มีรอยคล้ำ แววตากระจ่างใส ชีพจรนางปกติ อ่อ! ถ้าไม่นับที่มันเต้นรัวตอนที่เขาหยอกล้อนาง คราแรกเขานึกว่านางหมดสติ เมื่อประคองร่างบางไว้ในวงแขน นางขยับตัวซุกซบกับอกของเขาราวกับแมวน้อย ทำให้เขาคลายกังวล ทั้งที่บอกตนเองไม่ให้ร
ดวงตาของนางเบิกกว้างอย่างตกใจ เขาละมือจากทรวงอกแล้วเลื่อนลงไปคลึงเนินเนื้อนุ่ม แยกกลีบดอกไม้แล้วแทรกนิ้วกร้านเข้าไป’ “อ๊า...” นางครางสะอึกสะอื้น รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวเข้าออกของนิ้วแกร่งและตามด้วยริมฝีปากของเขาที่โน้มหน้าลงมาดูดกลืนเสียงครวญครางของนางไม่ให้ส่งเสียงร้องขอความเมตตาใดๆ ร่างกายของเขาแนบชิดนาง รับรู้ถึงผิวกายอ่อนนุ่มและอบอุ่นรัญจวนใจ หัวใจใต้ฝ่ามือของเขาเต้นรัว นางหอบหายใจแรงจนเขาต้องผละริมฝีปากนางอย่างเสียดาย โน้มตัวลงไล้เลียยอดตูมบนทรวงอกขาวราวหิมะที่เวลานี้มันชูชันรับสัมผัสของเขา ริมฝีปากของนางสั่นระริกพลางสูดลมหายใจ ตามมาด้วยเสียงครางกระเส่า ทรมานกับการรุกเร้าของเขา ร่างกายรับสัมผัสทั้งลิ้นและนิ้วมือที่ขยับเข้าออกรัวเร็วจนเห็นระลอกน้ำแผ่กระจาย แม้อยู่ในน้ำ ร่างกายกลับร้อนรุ่มและเปียกชื้น ดวงหน้าเล็กแดงซ่าน ร่างสั่นสะท้านเกร็งกระตุก ไม่อาจคิดสิ่งใดได้อีก รู้เพียงว่าเขาถอนนิ้วออกแล้วละริมฝีปากจากทรวงอกของนาง ทว่าเขากลับประคองสะโพกของนางแล้วส่งแท่งหยกร้อนเข้ามาแทนที่ อาศัยที่นางยังไม่ทันตั้งตัว กุมบั้นเอวนางแล้
ลมหายใจของเขามีไว้เพื่อนาง ลมหายใจของนางมีไว้เพื่อ เรื่องย่อ เรื่องราวระหว่างเทพมังกรดิน ฮวงหลง และหญิงสาวเดินดินนามซิ่นฮวา เมื่อโชคชะตาเล่นตลกให้หญิงสาวมองเห็น ‘เทพมังกรดิน’ เขาจำ(ใจ)ต้องปรากฏกายทุกครั้งที่นางเรียกขานนามของเขา ทำให้เทพเซียนชั้นฟ้ากลายเป็นพี่เลี้ยงของเด็กหญิงตัวน้อย จวบจนนางเติบโตเป็นหญิงสาวงามสะพรั่ง กฎสวรรค์ทำให้เขาต้องหักห้ามใจ แต่เพราะนางและเขามีชะตาที่ต้องชดใช้กรรมร่วมกัน และมีเพียง ‘ลมหายใจมังกร’ เท่านั้น ที่จะต่อลมหายใจของนางได้ เส้นทางที่เขาเลือกมิใช่สิ่งที่นางปรารถนา เพียงหนึ่งชาติภพเพื่อให้ใจได้ ‘รัก’ แม้ช่วงเวลานั้นจะแสนสั้น.... นางก็ยินดี จาก ‘ท่อนแขนมังกร’ สู่ ‘ลมหายใจมังกร’ (ท่อนแขนมังกรรุ่นลูก) ‘ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น ข้าจะอยู่ข้างกายท่าน จะไม่มีวันทอดทิ้งท่านอย่างเด็ดขาด’ “แม้ว่าข้าจะกลายเป็นคนอัปลักษณ์ เจ้าก็ยังอยู่เคียงข้างข้าหรือ?” ‘แน่นอน’ นางยืนยันด้วยแววตาใสซื่อ ‘ข้ามิได้รักท่านที่หน้าตา แต่เพราะจิตใจของท่านต่างหากที่ข้าหลงรัก’ “เจ้ารักข้า?” คำสารภาพรักของนางนั้น เขาได้ยินมานับร้อยนับพันครั้งแล้วกระมัง แต่ครั้งนี้ แม้นางไม่ไ
“เช่นนั้นเจ้าไม่ลองมีลูกสาวให้เป็นเพื่อนซิ่นฮวาอีกคนเล่า เด็กๆในตำหนักมีแต่เด็กผู้ชาย ถ้ามีลูกผู้หญิงเพิ่มขึ้นอีกคนก็คงดีไม่น้อย ตอนนี้ซิ่นสือก็สามขวบแล้ว ถ้าเจ้าจะมีลูกอีกสักคนก็...”บุรุษหนุ่มผู้กรำศึกมานับไม่ถ้วนถึงกับสะอึกไปเมื่อเห็นสายตาดุๆ ของภรรยาตัวน้อย“ข้ามิใช่แม่หมูนะ” เหตุใดมาเคี่ยวเข็ญให้นางตั้งท้องขนาดนี้นะ“โธ่! เพราะเห็นเจ้าเป็นภรรยาหนึ่งเดียวของข้าถึงได้ชวนเจ้ามีลูกอีกสักคนหรือสองคนก็ได้” เขาโอบไหล่นางพานางกลับเข้าห้องพัก ปล่อยให้จ้าวต้าอยู่กับลูกชายสองคนของเขา คงเป็นวิธีเบี่ยงเบนความสนใจจากว่านหนิงเหมยให้จ้าวต้าไปรับตัวซิ่นฮวาจากสวนกระจ่างใจจ้าวต้าโคลงศีรษะไปมาแล้วมองเด็กน้อยทั้งสอง แม้ฐานะของเขาต้อยต่ำนัก แต่เขาเสมือนพี่ใหญ่ที่ต้องดูแลเด็กๆ เหล่านี้ เขาถอนหายใจก่อนยิ้มอ่อนโยน จูงมือซิ่นหลิงและอุ้มซิ่นสือไปส่งป้าฮุยเหอก่อนแล้วค่อยไปรับเด็กหญิงแสนซุกซนผู้นั้นเด็กหญิงตัวต้นเรื่องนั่งหน้าบึ้งตึงในศาลาหกเหลี่ยมของสวนกระจ่างใจ ท่านแม่ให้นางนั่งสำนึกผิดอยู่ผู้เดียว แต่กระนั้น นางก็รู้และมั่นใจว่าองครักษ์ของท่านพ่อคอยจับตาดูนางอยู่“เรื่องนิดเดียวเอง ไยท่านแม่ต้องโกรธถึงเ
ชายหนุ่มวัยสิบหกพาเรือนร่างกำยำเดินเข้าไปพร้อมรอยยิ้มประดับใบหน้าคมเข้ม แม้อายุเพียงแค่สิบหกปีแต่เพราะฝึกฝนวรยุทธ์อย่างเข้มงวด ทำให้เขาดูสูงใหญ่กว่าชายหนุ่มวัยเดียวกัน แทบไม่เหลือเค้าโครงเด็กชายผอมกะหร่องที่ค่อยติดตามพระชายาเลยแม้แต่น้อย เพียงร่างสูงเดินเข้าไปในห้องโถง พลันประสาทรับรู้ถึงการพุ่งเข้าใส่ ทว่าเขากลับไม่ปัดป้องหรือหลบหลีก ยอมให้ร่างเล็กโถมเข้าใส่สุดแรงจนเสียหลักหงายหลังล้มลงให้เด็กชายตัวน้อยวัยห้าขวบนั่งทับ “พี่จ้าวต้ากลับมาแล้ว!” มือน้อยของเด็กชายขยุ้มคอเสื้ออีกฝ่าย สีหน้าตื่นเต้นดีใจทั้งที่ไม่เจอกันแค่สามเดือน “คุณชายซิ่นหลิง” ชายหนุ่มหัวเราะขบขันกับท่าทางดีอกดีใจของอีกฝ่าย เพราะรู้ว่าผู้ที่พุ่งเข้ามาเป็นใครจึงยอมให้นั่งทับบนร่างตัวเองเช่นนี้ เขาจับไหล่เด็กชายตัวน้อย ยกตัวขึ้นเพื่อให้ตัวเองลุกขึ้นยืนได้ “พี่จ้าวต้ามาแล้ว ไปช่วยซิ่นฮวาเร็วๆ เข้า” มือน้อยกระตุกมือใหญ่แล้วชี้ไปทางด้านหลังของตำหนักดุจตะวัน “หือ? คุณหนูเป็นอะไรไปขอรับ” เขาถามพลางมองไปตามทิศทางที่นิ้วป้อมๆ ชี้ไป ถ้าคุณหนูตัวน้อยอยู่ที่สวนก
พูดได้แค่นั้นก็อยากจะอาเจียนหรือหาของเปรี้ยวมากิน คราวนี้ฮองไทเฮาอดหัวเราะไม่ได้ ในขณะที่หลานรักอย่างเขากลับรู้สึกอับอายยิ่งนัก เพราะหลบสายตาของผู้เป็นย่าจึงปะทะกับสายตาล้อเลียนขององครักษ์ฝาแฝดทั้งสอง ทำได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างไม่พอใจ ก็ใครใช้ให้เขารักนางมากขนาดนี้กันเล่า เฮ้อ!“เอาเถิดๆ อย่างไรข้าจะเป็นยายแก่หนังเหนียวรอเจ้าพาเหลนและสะใภ้กลับมาเยี่ยมอยู่ที่นี่”องค์ชายเฟยเทียนโค้งตัวอำลาฮองไทเฮา คราวนี้เขาไม่รั้งอยู่นาน ใช้วิชาตัวเบาราวล่องหนหายออกไปจากวังหลวงพร้อมองครักษ์ทั้งสองอย่างรวดเร็ว เพื่อกลับไปดูแลคนที่ทำให้เขาต้องออกอาการแพ้ท้องแทนอยู่อย่างนี้ตุนหวงรถม้ามาหยุดหน้าตำหนักดุจตะวัน หญิงวัยกลางคนโผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างรถอย่างไม่มั่นใจนัก จนกระทั่งเห็นเด็กชายที่เคยเลี้ยงดูรีบวิ่งเข้ามาหา นางจึงยิ้มกว้างออกมา“จ้าวต้า”“ป้าฮุยเหอมาแล้ว” จ้าวตารีบไปประคองให้นางลงจากรถม้า ก่อนท่านอ๋องเดินทางไปเมืองหลวงได้สอบถามเขาถึงคนสนิทหญิงรับใช้ที่บ้านเดิม ท่านอ๋องต้องการให้พระชายามีคนคุ้นเคยอยู่ใกล้ๆ คอยช่วยเหลือยามตั้งครรภ์แรก เขาจึงนึกถึงป้าฮุยเหอที่ดูแลเขาและพระชายามาตั้งแต่เกิด แต่เ
ดวงเนตรเบิกกว้างอย่างตกใจ ไม่คิดว่าจะได้ยินโอรสที่ทรงหมางเมินกล่าวออกมาเช่นนี้ จ้องมองบุรุษเบื้องหน้าที่ใบหน้าละม้ายคล้ายกันนัก สิ่งที่ลูกชายพูดออกมานั้นล้วนอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ ทุกครั้งที่มองใบหน้านี้จึงเหมือนมองตนเองในวันวัยเดียวกัน ยามที่เป็นเพียงองค์รัชทายาทก็ราวกับเป็นเพียงหุ่นเชิดให้ใครต่อใครบงการ พยายามอย่างยิ่งให้เป็นที่ยอมรับ ได้รับความรักจากบิดาหรือก็คืออดีตฮ่องเต้องค์ก่อน แม้รู้ว่าสิ่งที่ตนทำไปนั้นไม่ถูกต้อง แต่ไม่อาจแก้ไขอะไรได้สิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในใจ ไม่คิดเลยว่าบุรุษเบื้องหน้าผู้ถอดแบบเขาออกมาแทบทุกกระเบียดนิ้ว จะมองออกจนทะลุปรุโปร่งเช่นนี้ “สิ่งที่กระหม่อมทำก็เพื่อแผ่นดินมังกรแห่งนี้ ศึกภายในกระหม่อมไม่ขอยุ่งเกี่ยว กระหม่อมมิสนใจว่าผู้ใดต้องการกำจัดกระหม่อม แต่ชีวิตของกระหม่อมขอเพียงได้ปกป้องราษฎรและรักษาแผ่นดินที่แลกมาด้วยหยาดโลหิตและชีวิตทหาร หากกำจัดกระหม่อมไปแล้ว เห็นทีว่าจะไม่เป็นผลดีต่อแผ่นดินนี้”“เจ้ากำลังข่มขู่ข้ากระนั้นรึ” “มิได้ กระหม่อมแค่ต้องการย้ำให้พระบิดาเข้าใจ อย่าได้สิ้นเปลืองสมองมาระแวงกระหม่อม”เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นจิบอีกครั้ง
เทพมังกรดินดูผลงานของตน เฝ้ามองเหล่ามารปีศาจกลับคืนสู่นรกแล้ว จึงกลายร่างเป็นบุรุษเจ้าของเส้นผมสีเงินยวง เดินเข้าไปหาคนทั้งสอง หญิงสาวพลิกตัวใช้ร่างของตนบังร่างของชายที่นางรักไว้ แม้นางรูปร่างเล็ก แต่กางแขนออกเพื่อปกป้องเขา“หนิงเหมย” เขาปรามนาง อยากจะหัวเราะที่เวลานี้มีหญิงสาวตัวเล็กกางแขนปกป้องเขาเต็มที่ ในชีวิตของเขา จะมีใครสักกี่คนที่ยอมอยู่เคียงข้างเช่นนี้ เพียงหนึ่งชีวิตอันแสนสั้น ได้รู้จักรัก หัวใจได้รับความรักก็นับว่ามีค่าและมีเกียรติให้ตายได้อย่างสงบแล้วเป็นนางเท่านั้นที่ทำให้เขาได้เรียนรู้ที่จะรัก ได้สัมผัสความรัก เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว พอแล้วจริงๆ เทพมังกรดินจ้องมองชายหนุ่มหญิงสาวทั้งสองแล้วก็ลอบถอนหายใจ นี่แหละหนา จึงเป็นได้เพียงมนุษย์ไม่อาจละทิ้งอาวรณ์ได้ เขายื่นมือไปใช้เพียงปลายนิ้วแตะน้ำตาของหญิงสาว ว่านหนิงเหมยเบิกตาโต เห็นน้ำตาของตนกลั่นกลายเป็นก้อนกลมเล็กดุจลูกแก้ววาววับลอยเหนือฝ่ามือของเทพมังกรดิน แล้วยื่นไปที่เบื้องหน้าขององค์ชายเฟยเทียน “นี่คือ...” ว่านหนิงเหมยพึมพำ “กลืนมันลงไป” เทพมังกรดินสั่งน้ำเสียงเฉียบขาด องค์ช
“เจ้าเรียกปีศาจได้ ไยข้าจะทำบ้างมิได้” เพื่อชัยชนะ ย่อมทำได้ทุกอย่างไม่ว่าชัยชนะนั้นจะได้มาอย่างไรก็ตาม“เจ้าแลกสิ่งใดกับการเรียกปีศาจออกมา!”แม้เขามีปีศาจมังกรเพลิงอยู่ในท่อนแขนซ้าย แต่เรียกใช้เพียงการศึกครั้งเดียว เมื่อสิบปีก่อนที่เรียกกองทัพทหารปีศาจขึ้นมา กลายเป็นฝันร้ายไปชั่วชีวิต นับแต่นั้น เขาเพียงใช้แค่เกราะปีศาจมังกรเพลิงคุ้มกันกายค่าตอบแทนของทหารปีศาจเหล่านี้คือหายนะไม่สิ้นสุด ความตายที่ไม่อาจประเมินได้อยู่เบื้องหน้า ปีศาจเหล่านี้ล้วนต้องดื่มเลือดฉีกเนื้อกินวิญญาณมนุษย์ ครานั้นปีศาจที่เขาเรียกออกมากัดกินทหารฝ่ายตรงข้าม เศษซากที่เหลือกลายเป็นศพ กองเป็นภูเขาซากศพชวนให้อาเจียนและขนหัวลุก“ข้ามิโง่เช่นเจ้าที่แลกวิญญาณตนเองหรอกนะ” ลาซูแหงนหน้าหัวเราะ ดวงตากลายเป็นสีแดงราวกับย้อมด้วยโลหิต “แต่ข้าแลกด้วยชีวิตผู้คนในตุนหวง เมื่อข้านำกองทัพเข้ายึดครองแผ่นดินของเจ้า ผู้คนของเจ้าก็จะกลายเป็นอาหารอันโอชะให้พวกมันอย่างไรเล่า เมื่อเวลานั้นมาถึง ดินแดนของเจ้าจะมีเพียงผู้คนของข้าเท่านั้นที่เหยียบยืนบนแผ่นดินเปื้อนเลือดแห่งนี้”แม้ไม่ได้ยินเสียงสนทนาของคนทั้งสอง แต่บัดนี้หญิงสาวเข้าใจแล้วว่
นางหวังให้ตัวเองส่งเสียงเตือนให้ดังกว่านี้ แต่เสียงที่เปล่งออกไปเป็นเพียงเสียงแหบแห้งและสั่นเครือ นางรวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลือเพียงน้อยนิด อาภรณ์สีดำขลิบแดงที่นางสวมทำให้ผิวกายของนางแสบร้อน ดวงตาเบิกกว้าง นางเห็นกลุ่มคนบุกเข้าไปกำลังปะทะกับทหารมองโกล “ท่าน...อ๋อง...” เสียงของนางแผ่วเบายิ่งกว่าเสียงของสายลม น้ำตาที่ทนกลั้นกลิ้งร่วงหล่นจากดวงตาเปื้อนแก้ม ขอให้นางได้เพียงส่งเสียง ได้เพียงเตือนเขาก็ยังดี “โอ๊ย!” ว่านหนิงเหมยร้องเสียงหลง หูทั้งสองข้างราวกับมีเสียงปริแตกลั่นดังเปรี๊ยะ! มือที่ถูกมัดทำให้ไม่อาจยกขึ้นมาแตะหูของตนได้ นางเจ็บจนนิ่วหน้า รู้สึกเหมือนมีน้ำไหลออกมาจากหูทั้งสองข้างนางหลับตาพยายามสะกดกลั้นความเจ็บที่ตนได้รับ เสียงหวีดแหลมที่ทำให้หูทั้งสองข้างเจ็บปวด ทำให้นางไม่อาจได้ยินเสียงอื่นใดอีก ในชั่วลมหายใจต่อมา หญิงสาวรู้สึกว่าเชือกที่มัดนางอยู่ถูกตัดขาดอย่างรวดเร็วพร้อมร่างของนางที่ร่วงหล่น เพียงเสี้ยวเวลาอันแสนสั้นและเปราะบาง ยามนั้นนางกลับนึกถึงเมื่อครั้งที่นางตกต้นหลิวอายุเกือบร้อยปีในสวนสี่ฤดูของฮองไทเฮา หัวใจของนางหล่นวูบ
“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่” มือเรียวกำแน่น เผลอจิกเล็บกับฝ่ามือของตนเอง เมื่อเห็นอีกฝ่ายตั้งใจฟัง ลาซูจึงเอ่ยขึ้น “สังหารท่านอ๋องอย่างไรเล่า คงมีแต่ท่านเท่านั้นที่จะสังหารผู้ที่ครอบครองพลังปีศาจมังกรเพลิง” ลาซูพูดราวกับเป็นเรื่องธรรมดา “อ้อ! แต่อย่าได้เป็นกังวลไป หากพระชายากลายเป็นม่าย กระหม่อมยินดีรับท่านมาอยู่เคียงข้างอย่างไม่รังเกียจ” ยังไม่ทันสิ้นประโยคดี ฝ่ามือเล็กของหญิงสาวกระทบซีกแก้มของลาซูสุดแรงที่นางมี เพราะคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงหญิงไร้วรยุทธ์จึงไม่หลบหลีกยินดีให้นางตบหน้าเขาเต็มแรง ว่านหนิงเหมยลดมือที่ยกค้างอยู่ลง แสร้งทำเป็นประคองสองมือไว้บนตัก ทว่ามือข้างขวานั้นชาและสั่นระริก หญิงสาวกัดริมฝีปากตนเองไม่ให้แสดงความตื่นตระหนกออกมา ดวงตาเป็นประกายฉายแววเคืองโกรธและจ้องมองอย่างไม่เกรงกลัว “หากมือของข้าต้องเปื้อนเลือด ต้องเป็นเลือดของคนชั่วเช่นเจ้าเท่านั้น! ข้ายินดีตายแต่ไม่ยอมทำร้ายท่านอ๋องเด็ดขาด!” “ดี!” ลาซูหัวเราะเหมือนคนเสียสติ ยื่นมือไปจับข้อมือข้างที่ตบหน้าเขากระชากนางให้ลุกขึ้นพร้อมกับต