บุญทิ้งสะดุ้งวาบเมื่อรับรู้ได้ถึงความฉ่ำชื้นของปลายลิ้นที่ไล้เลียอยู่บนหัวไอ้ทิ้งน้อย มันคิดไม่ผิด คุณนายจะทำให้มันด้วยความเต็มใจ เมื่อความซ่านเสียวก่อเกิดในหัวใจอย่างกู่ไม่กลับ
แม่พิศสะดุ้งตกใจกับสิ่งที่ทำลงไป เพราะเสียงของบุญทิ้งดังชัดขณะที่อุ้งปากของหล่อนนั้นอ้าอมเอาไอ้ทิ้งน้อยเข้าไปจนเกือบสุดลำ และเมื่อรู้ตัวอยากจะคายออกก็ทำไม่ได้เพราะบั้นท้ายของบุญทิ้งที่อัดไอ้ทิ้งน้อยส่งเข้ามาจนสุด ก่อนจะชักออกชักเข้าเป็นจังหวะไม่ต่างจากปากของหล่อนเป็นเส้นทางกามารมณ์ที่ไอ้ทิ้งน้อยจะเข้ามาปลดเปลื้อง
หล่อนหมดแรงที่จะต่อต้านเมื่อดอกไม้ฉ่ำน้ำกำลังถูกรุกรานด้วยปลายลิ้นและนิ้วมือของบุญทิ้งพร้อมๆ จนหล่อนต้องแอ่นสะโพกร่อนไปตามที่ปลายลิ้นและนิ้วมือของบุญทิ้งส่งอัดเข้ามา
เสียงครวญครางได้ยินเพียงอือออในลำคอเพราะไอ้ทิ้งน้อยใหญ่โตคับปากจนหล่อนต้องละเลียดปลายลิ้นอย่างยอมรับแล้ว บุญทิ้งจึงยกสะโพกขึ้นให้หล่อนได้ครวญครางตามความต้องการที่พวยพุ่งไม่หยุด และยิ่งซ่านเสียวจากปลายลิ้นของบุญทิ้งมากเท่าไร ลิ้นน้อยและร้อนรนก็ตวัดเลี
ทว่าเมื่อคุณพระสั่งให้ช่างมาสร้างสะพานเชื่อมต่อไปยังเกาะแก่ง เพื่อจะจัดสร้างศาลาเล็กๆ ไว้ให้แม่พิศได้ทอดอารมณ์ในช่วงวัน สวรรค์จึงแปรเปลี่ยนจากพื้นดินมาเป็นที่นอนนุ่มๆ ที่บุญทิ้งสามารถกระแทกกระทั้นไอ้ทิ้งน้อยใส่ดอกไม้ฉ่ำน้ำของแม่พิศได้รัวแรงมากขึ้นทว่าความลับของแม่พิศกลับไม่เป็นความลับตลอดไป เมื่อค่ำคืนหนึ่งที่คุณพระไปราชการหัวเมือง แม่พิศซึ่งรอเวลาที่จะดอดออกมาลักลอบเสพสมกับบุญทิ้ง ก็รีบรุดออกจากเรือนใหญ่โดยไม่ได้ห่วงหน้าพะวงหลังว่าจะมีใครตามติดมาด้วย และในจังหวะที่บุญทิ้งกำลังกระหน่ำตัวตนใส่บั้นท้ายงอนงามของแม่พิศอย่างตายอดตายอยากมาหลายวัน คนที่ก้าวออกมาจากความมืดก็ทำให้แม่พิศและบุญทิ้งผละออกจากกันในทันที.. ในเวลาแดดร่มลมตก แม่เรียมกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนฟูกนิ่มอย่างมีความสุข ด้วยมีบ่าวไพร่คอยปรนนิบัติพัดวีมิได้ขาด รวมทั้งอาหารหวานคาวแลผลไม้มากมี คุณนายพิศก็สั่งบ่าวไพร่จัดเตรียมเอาไว้ให้ ทำให้แม่เรียมมีชีวิตที่แสนจ
“ไปตลาดยามนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครเอาปลาแห้งมาขายบ้างหรือเปล่า ไม่ใช่หน้ามันซะด้วย” บ่าวที่ได้รับหน้าที่ให้ไปซื้อหาปลาแห้งบอกกับแม่ครัว“เถอะน่า ไปดูก่อน ถ้าไม่มีจริงๆ ก็หาปลาแห้งอย่างอื่นที่พอทำได้มาละกัน ปลากดแห้งก็ได้”“และถ้าไม่มีอีกล่ะ”“ไม่มีก็กลับมา แต่เอ็งน่ะนังแพง ก็รอฟังคุณเรียมบ่นหน่อยแล้วกัน” แม่ครัวหันมาบอกกับนางแพง เพราะรู้ฤทธิ์เดชของแม่เรียมดีว่าหากไม่ได้ดังใจแล้วนั้น บ่าวไพร่จะถูกดุด่าแค่ไหน“จะว่าไปแม่เรียมนี่ยังไงนะ ได้เป็นเมียท่านไม่นานก็วางอำนาจซะขนาดนี้แล้ว คุณนายใหญ่ดูแลพวกเรามายี่สิบปี ยังไม่เคยมาจ้ำจี้จ้ำไชขนาดนี้ ท่านอยากจะกินอะไรก็บอกล่วงหน้ากันเป็นวัน เพื่อจะได้ซื้อหาข้าวของได้ทัน แต่แม่เรียมนี่ อยากกินอะไรก็ต้องกินให้ได้”“เฮ้อ! ข้าล่ะหนักใจจริงๆ หากแม่เรียมมีคุณเล็กๆ ให้กับคุณพระท่านได้จริง พวกเราจะอยู่กันยังไงนะ อีกทั้งคุณนายท่านด้วย แค่คุณเรียมเป็นคนโปรดเยี่ยงนี้ คุณพระยังแทบไม่ได้กลับไปนอนที่เรือนใหญ่ หากมีลูก คุณพระท่านไม่ย้ายไปนอนถาวรที่เรือนหลังเล็กเรอ
แม่พิศกลัดกลุ้มหัวใจเพราะคุณพระกำลังจะคืนเรือน หากรู้ว่าแม่เรียมหายไปอย่างไร้ร่องรอยเยี่ยงนี้ คุณพระอาจจะตำหนิแม่พิศได้ว่าดูแลแม่เรียมได้ไม่ดีพอทว่าเมื่อคุณพระมาถึง เหตุการณ์กลับไม่ได้เป็นดังที่คาดการณ์ไว้ ด้วยคุณพระนั้นทั้งรักและเกรงอกเกรงใจในตัวแม่พิศอย่างที่สุด ยิ่งได้รู้ว่าแม่พิศสั่งบ่าวไพร่ให้ติดตามหาจนทั่วแต่ก็ไม่พบ คุณพระก็จนปัญญาที่จะไปติดตามหาหรือหากจะไปแจ้งกองโปลิศเพื่อให้ช่วยติดตาม คุณพระก็เห็นแก่หน้าตาว่าจะอับอายเขาได้ ว่าเพียงเมียทาสผู้เดียวก็ดูแลไม่ได้ เพราะหากเหตุกลับกลายเป็นว่าแม่เรียมจงใจหนีหายออกจากเรือนคุณพระด้วยเหตุทางชู้สาวกับชายอื่น คุณพระคงไม่มีหน้าจะออกไปพบกับผู้ใดได้อีกพระสรเดชฯ ก้าวขึ้นเรือนเล็กที่บัดนี้เงียบเหงาไร้ผู้คน ดวงตาคมเข้มกวาดมองทั่วบริเวณ สะท้อนใจว่าเหตุใดแม่เรียมจึงหนีหาย แม้จะอยู่ร่วมเรือนได้ไม่นาน ความรักอาจไม่มีแต่ความห่วงหาก็มีมาก แต่แล้วประตูห้องที่เคลื่อนออกก็ทำให้ท่านหันมอง“ใครน่ะ!”เสียงตวาดลั่นอยู่ด้านหลังทำให้นางแพงสะดุ้งจนสุดตัว มือกอดกระชับผ้าแพรพรรณที่เพิ่งขนออกมาจากห้องของแม่เรียมอ
“คุณพี่เป็นอันใดเจ้าคะ หรือว่างานราชการหนักหนาจนคุณพี่ต้องครุ่นคิดเยี่ยงนี้” แม่พิศเอ่ยถาม ดวงตาอ่อนแสงทอดมองคุณพระผัวรัก ด้วยความผิดที่ทำไว้นั้นหนักหนานัก ทำให้เมื่อใดก็ตามที่คุณพระคืนเรือน แม่พิศจักทำหน้าที่ของเมียให้ดีที่สุด ไม่ว่าท่านปรารถนาสิ่งใด แม่พิศก็จะจัดแจงจัดหามาให้ไม่ขาดตกบกพร่อง แลในยามนี้ยิ่งแม่เรียมมาหายไป คุณพระก็ยิ่งจะดูเคร่งเครียดมากขึ้นไปอีกเท่าตัว “ไม่มีอันใดดอกแม่พิศ ว่าแต่วันนี้มีอะไรให้พี่กินบ้างล่ะ กลิ่นหอมเชียว” เมื่อคุณพระชี้ชวนให้ดูสำรับอาหาร แม่พิศก็ยิ้มแย้มพลางเปิดสำรับกับข้าวที่ปิดฝาไว้อย่างเรียบร้อย และอาหารหวานคาวที่ปรากฏอยู่ในถ้วย ก็ทำให้คุณพระแย้มยิ้มพลางกุมฝ่ามือนุ่มนวลของเมียรัก เพราะไม่ว่ากี่ปีจะล่วงไป แม่พิศก็ไม่เคยบกพร่อง หากแต่สิ่งที่คิดไว้นั้นกลับขัดต่อคำมั่นที่ให้ไว้&
คำพูดตีบตันอยู่ที่ลำคอ จะเปล่งออกไปได้อย่างไรว่าน้อยอกน้อยใจนักที่ผัวรักยังหวนคิดถึงเมียทาส ทั้งที่หล่อนยังอยู่ตรงนี้ทั้งคน เพียงระยะเวลาไม่นาน ใครเลยจะคิดว่าคุณพระจะหลงแม่เรียมได้มากเท่านี้ และหากคนที่หายไปนั้นเป็นหล่อนเล่า คุณพระจะห่วงหาหล่อนได้มากเท่าแม่เรียมหรือไม่ “แม่พิศอย่ากังวลใจเลย พี่ก็แค่ไม่สบายใจเท่านั้น นานวันไปก็คงหายเอง แม่พิศอย่าทุกข์ใจไปกับพี่เลยนะ ที่พี่ไม่ติดตามต่อก็เพราะว่าหากเรื่องกลับกลายเป็นแม่เรียมหนีตามบ่าวไพร่เรือนอื่นไป พี่คงไม่มีหน้าจะไปพบใครๆ ได้อีก สู้เงียบไปแบบนี้จะดีกว่า แม่พิศทำใจให้สบายเถอะ พี่จะไม่ทำให้แม่พิศเป็นกังวลอีก” ยิ่งเห็นเมียรักน้ำตาเอ่อคลอ พระสรเดชฯ ยิ่งตีบตันคำพูด สิ่งที่คิดไว้ว่าจะกล้าก็เกิดไม่กล้าขึ้นมาอีก เพราะไม่อยากทำร้ายจิตใจแม่พิศอีกต่อไป แต่หากแม่พิศจะเป็นฝ่ายเสนอขึ้นมาก่อน นั่นจะเป็นสิ่งที่ดีมาก &ld
เสียงอ่อนหวานพึมพำแนบชิดกับอกแกร่งของผัวรัก เมื่อเรี่ยวแรงแห้งหายไปกับการควบขี่อาชา เหลือไว้แต่เพียงความเหน็ดเหนื่อยที่เพียงไม่นานความซ่านเสียวครั้งใหม่จะบังเกิด และไม่ว่าจะครั้งไหนๆ แม่พิศก็จะทำให้คุณพระผัวรักมีความสุขให้มากที่สุด เพื่อคุณพระจะได้ไม่หลงลืมคาวสวาทที่เมียรักปรนเปรอ ไม่ว่าจะร่วมเสพสมกับหญิงใดก็ตาม คุณพระจักต้องระลึกไว้เสมอว่า ทุกความใคร่ที่เป็นไปตามครรลอง แม่พิศเมียรักคนนี้ทำได้ดีมากกว่าใคร “อูย... แม่พิศจ๋า... อูย... เมียรักของพี่ ดีที่สุด แม่พิศจ๋า...” แม่พิศยกยิ้มในสีหน้าเมื่อได้ยินเสียงคุณพระผัวรักครวญครางไม่ขาดปาก แต่หล่อนก็ตอบกลับไปไม่ได้เพราะบัดนี้อุ้งปากนั้นมีความแข็งแกร่งของคุณพระสอดแทรกอยู่เต็ม ยิ่งคุณพระครวญครางฟังชัด หล่อนก็ยิ่งรูดริมฝีปากเข้าครอบครองตัวตนของคุ
นางอิ่มเคืองใจนักเมื่อนางแพงไม่ตอบรับแต่กลับขอไปคิดดูก่อนตามที่คุณนายพิศแนะ ทั้งที่ทาสในเรือนจักต้องทำทุกสิ่งตามที่นายบอก เหตุใดนางแพงจึงกล้าที่จะมีทางเลือก “แล้วหากมันไม่เต็มใจเล่าอิ่ม เอ็งจะให้ข้าไปล่ามมันไว้ให้คุณพี่รึไง ถ้ามันขัดขืนขึ้นมา เอ็งคิดว่าคุณพระท่านจะได้รับความสุขจากมันเรอะ สู้ข้าไปหานังคนอื่นให้ท่านไม่ดีกว่ารึไง หรือยังไงอิ่ม” “เอ่อ... บ่าว...” นางอิ่มจนปัญญาที่จะหาคำตอบ เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริงคงได้วุ่นวายกันไปทั้งเรือนแน่ และวิสัยคุณพระท่านก็ไม่ใช่นายที่ข่มเหงบ่าว ไพร่ หรือข้าทาส ท่านมีทั้งพระเดชและพระคุณดีพร้อม แล้วอันใดเล่าท่านถึงจะต้องข่มเหงนางแพงเพียงเพราะต้องการตัวมัน “ถ้าอย่างนั้น เอ็งก็ไปหาทางให้นังแพงมันยอมให้ได้ จะทางใดก็ตาม เข้าใจรึไม่อ
‘เป็นอย่างไรบ้างนังแพง’ เสียงของคุณนายพิศคล้ายจะก้องกังวานอยู่ในความคิด เมื่อความซ่านเสียวพุ่งวาบไปทั่วทั้งร่าง ทว่าน้ำหนักจากฝ่ามือตนก็ให้ความเสียดเสียวได้ไม่เท่าฝ่ามือของคุณนายพิศที่ทาบทับอยู่กับอกอวบอิ่มเปล่าเปลือย ยิ่งนิ้วมือบอบบางนั้นบีบบี้ที่ปลายยอดสีชมพูเข้ม นางแพงยิ่งสะท้านไหวจนต้องห่อปากเพราะความอัดอั้นที่ปะทุอยู่ภายใน ‘บ่าว... บ่าว... บ่าวไม่รู้เจ้าค่ะ บ่าว...’ ‘เอ็งเสียวใช่รึไม่นังแพง’ ‘สะ... เสียวรึเจ้าคะ’ ‘อืม... นี่แหละเรียกว่าความเสียว แค่มือข้า เอ็งยังเสียวได้มากขนาดนี้ หากเป็นมือของคุ
แม่จันทร์สะอื้นฮึกฮัก เพราะไม่อาจรู้ได้ว่าความเจ็บปวดร้าวรวดดั่งถูกมีดแหลมคมปักกรีดอยู่กึ่งกลางร่างกายนี้ จะมลายคลายลงได้อย่างไร เมื่อมันเจ็บเสียจนหล่อนไม่กล้าที่จะร่ำร้อง ด้วยกลัวว่าเพียงร่างกายขยับ ความเจ็บปวดนั้นจะทวีทบเท่า แลถึงตอนนั้นร่างกายนี้อาจตายเสียก็ได้ ทว่าแม้นเจ็บเพียงใด สัญชาตญาณก็ยังร้องสั่งให้แม่จันทร์มอง เพื่อให้รู้ที่มาของความเจ็บนั้น และสิ่งที่แม่จันทร์เห็นก็ทำให้ริมฝีปากต้องอ้าค้างมากขึ้น ด้วยไม่ใช่มีดพร้าที่ทิ่มตำร่างกาย แต่กลับเป็น ‘ท่อนเนื้อ’ ขนาดใหญ่ที่ยื่นออกมาจากกึ่งกลางกายของท่านกำลังทิ่มตำที่โพรงดอกไม้ สีหน้ารวดร้าวของท่านและคำสอนของแม่ที่แว่วมาในความคิดทำให้แม่จันทร์ต้องยิ้มทั้งที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เพราะนี่คงเป็นลำดับขั้นสุดท้ายก่อนที่หล่อนจะพานพบกับสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
เมื่อริมฝีปากของท่านทาบลงมาบนกลีบปากนุ่มก่อนจะบดเบียดยั่วเย้าอย่างอ่อนโยน ตามติดมาด้วยปลายลิ้นร้อนที่เกลี่ยไล้ไปมาอยู่บนกลีบปาก นั่นทำให้แม่จันทร์ถึงกับตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก “เจ้าคุณอา...” พระยาสรเดชฯ อมยิ้มในสีหน้า ดวงตาคมเข้มเต็มเปี่ยมไปด้วยกาลเวลาทอดมองหญิงสาวที่สั่นประหม่าไปทั้งร่าง จนลืมเลือนไปเสียสิ้นว่าต้องรักษากิริยาและต้องเรียกท่านว่าเช่นไร ทว่าสิ่งที่แม่จันทร์เป็นอยู่นี้ก็ช่างน่าเอ็นดูนัก “ที่ไม่ให้เรียกเยี่ยงนั้น เพราะพี่อยากให้แม่จันทร์เรียกพี่ว่า ‘เจ้าคุณพี่’ จะได้รึไม่” “เจ้าค่ะ เจ้าคุณพี่”
เสียงมโหรีขับขานท่วงทำนองกล่อมหอดังแผ่วแว่วมาในห้อง ส่งผลให้ผู้เป็นเจ้าสาวที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงต้องกระชับฝ่ามือเข้าหากันแน่นด้วยประหม่านัก เพราะอีกไม่นานเจ้าบ่าวซึ่งออกไปส่งผู้หลักผู้ใหญ่และขอบคุณผู้ที่มาร่วมงานก็จะกลับเข้ามา และเมื่อนั้นลำดับขั้นของงานวิวาห์จึงจะถือว่าสัมฤทธิ์ผล เจ้าสาวคนสวยชำเลืองมองที่นอนหนานุ่มขึงผ้าปูสีชมพูปักลวดลายดอกไม้กระจิริดดูอ่อนหวาน ทั้งข้าวของที่ใช้ทำ ‘พิธีเรียงหมอน’ ก็ยังวางเรียงรายกันอยู่อย่างสงบนิ่ง ฟักเขียว แมวคราว ไก่ขาว ไม้เท้า ถ้วยน้ำ และหินบดยา ถูกวางอยู่มุมซ้ายของเตียง ถุงเงินและถุงทอง ที่บรรจุถั่วเขียว งาดำ ข้าวตอก ดอกรัก ดอกบานไม่รู้โรย ถูกเปิดและหยิบเอาถั่ว งา และดอกไม้เหล่านั้นออกมาโปรยบนที่นอนเพื่อเป็นมงคล เมื่อนึกถึงเหตุที่เพิ่งผ่านไปเจ้าสาวก
ฟาววววววว... ควับ! “กรี๊ดดดดด...” สิ้นสุดเสียงกรีดร้องร่างที่สะบักสะบอมไปด้วยบาดแผลของนางแพงก็มีอันสิ้นสติไปด้วยความเจ็บปวด แต่คุณพระท่านก็ยังไม่หนำใจ ทั้งที่ตนเองก็หอบตัวโยนด้วยลงแรงไปกับหวายทั้งตัว คุณพระท่านร้องสั่งให้ข้าทาสไปนำเกลือเม็ดละลายน้ำเอามาสาดใส่บาดแผลของนางแพงให้มันฟื้นคืนขึ้นมาอีก เพื่อจะให้เรือนร่างนี้ได้รับความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง ให้สาสมกับสิ่งที่มันทำเอาไว้ เพราะมันเจ็บกาย แต่ท่านนั้นเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ รักมากก็แค้นมาก หวงมากก็อยากจะให้ตายคามือด้วยความทรยศ “สาดเข้าไป! เอาให้มันเจ็บมันแสบ มันจะได้รู้ว่าใครอย่าบังอาจมาทำเรื่องอัปรีย์จัญไรบนเรือนกูอีก ไอ้อีหน้าไหนที่มันกล้า มันจะต้องโดนเยี่ยงน
ฉาด! ฝ่ามือกระทบใบหน้าของนางแพงอีกครั้งให้หันไปตามแรงตบ เมื่อนางแพงเอาแต่ยิ้มและหัวเราะขันกับคำพูดของตนเอง มันทำความเสื่อมเสียเพียงผู้เดียวยังไม่พอ ยังจะริปากดีป้ายสีให้แม่พิศเมียรักต้องมัวหมองไปด้วย “ตบอีกสิเจ้าคะ ตบให้อีแพงมันตายไปเลย ไม่ต้องรอหวายแล้วเจ้าค่ะ แค่น้ำมือคุณท่าน อีแพงก็แทบจะตายคามืออยู่แล้ว แต่ก่อนตายขออีแพงได้พูดให้หมดเปลือกเถิด อีแพงคบชู้ อีแพงยอมรับ แต่หากคุณนายพิศคบชู้เล่าเจ้าคะ คุณท่านจะทำเช่นไร จะลงโทษคุณนายเทียบเท่ากับอีแพงรึไม่ หรือจักส่งคุณนายไปให้กองโปลิศตัดสิน ให้ประณามหยามเหยียดไปทั่วพระนคร ว่าลูกสาวบ้านนี้สัญชาติคบชู้สู่ชาย บ้านใดนำไปเป็นลูกเป็นเมีย ก็รังแต่จะเสื่อมเสียคบชู้อยู่ร่ำไป” “อีแพง!” 
“เอ็งช่างกล้าพูดนักนังแพง...” น้ำเสียงเอ่ยออกมาด้วยความเข่นเครียด ยิ่งเห็นเรือนร่างอวบอิ่มของเมียสาวคราวลูกสั่นสะท้านไปด้วยแรงสะอื้น คุณพระท่านยิ่งสะท้อนไปถึงหัวใจ เพราะนางแพงเมียทาสผู้นี้ ท่านสนิทเสน่หามันยิ่งนัก กลับมาคืนเรือนครั้งนี้ ท่านก็หวังจะโอ้โลมมันให้มีความสุข เพราะทิ้งร้างให้เปล่าเปลี่ยวอยู่นาน จนต้องสั่งให้เจ้าเข้มมาแจ้งข่าวกับแม่พิศว่าท่านจะคืนเรือนในวันนี้ ให้นางแพงได้เตรียมตัวต้อนรับท่านเถิด แต่กลับกลายเป็นว่านางแพงมันมีความสุขจนแทบจะสำลักอยู่แล้ว แม้จะรู้ว่าท่านคืนเรือนวันนี้ มันก็ยังกล้าที่จะพาไอ้บุญทิ้งไปร่วมรักกันบนเรือน บนเตียงที่ทับรอยของท่าน รวมทั้งคำรักที่มันพร่ำพลอดแก่กันและกันนั้น แปลว่านางแพงผู้นี้ไม่เคยเห็นท่านอยู่ในสายตาสักนิด มันไม่คิดถึงความสุขสบายที่ท่านปรน
ริมฝีปากยังคงแนบชิดแต่ท่อนแขนช้อนเรือนร่างอวบอิ่มขึ้นโอบอุ้มพาก้าวเดินไปสู่เตียงสี่เสาที่มีม่านลูกไม้สีขาวประดับอยู่ ร่างงดงามถูกวางไว้บนฟูกนุ่มที่ขึงเรียบตึงด้วยผ้าปูเตียงสีชมพูอ่อน กอปรกับแสงไฟสีนวลจากตะเกียงก็ช่วยส่งขับให้ผิวกายสีน้ำผึ้งนวลเนียนนี้ให้ยิ่งนวลน่าลูบไล้ฝ่ามือลงไปสัมผัสมากยิ่งขึ้น “พี่บุญทิ้งจ๋า... แพงรักพี่เหลือเกิน” “พี่ก็รักแม่แพงยิ่งนัก” แม่แพงคล้องฝ่ามือรอบลำคอแกร่งของไอ้ทาสวัยหนุ่มพลางรั้งใบหน้าคมเข้มนั้นเข้าหาตัว ความแข็งแกร่งนี้ที่หล่อนปรารถนา ความเข้มแข็ง ดุดัน ของคนรุ่นหนุ่ม หาใช่ความแก่ชราของชายวัยคราวพ่อเฉกเช่นคุณพระท่าน และเมื่อใบหน้าคมเข้มนั้นเคลื่อนเข้าใกล้ แม่แพงก็หลับตาพ
“อา... บุญทิ้งจ๋า... กระแทกลงมาแรงๆ เลย บุญทิ้งจ๋า...” “ขอรับคุณท่าน ไอ้ทิ้งจะกระแทกให้แหลกคา...” ขาดคำของบุญทิ้ง ไอ้ทิ้งน้อยก็โจนทะยานไปข้างหน้า ทะลวงเข้าไปในโพรงฉ่ำน้ำของคุณนายพิศอย่างบ้าคลั่ง และเมื่อคุณนายกรีดร้องด้วยความสุข ไอ้ทิ้งน้อยก็พ่นพิษร้อนออกมาอย่างท่วมท้นเช่นเดียวกัน โพรงดอกไม้ตอดตุบจนบุญทิ้งต้องซุกซบใบหน้าลงไปที่เต้าอวบอิ่มของคุณนายพิศ พร้อมทั้งจูบซับปลายยอดงอนงามด้วยความซ่านเสียวและพิศวาส ความร้อนแรงของคุณนายเจ้าของเรือนยังมีให้มันอย่างไม่หยุดหย่อน ตราบจนเสียงไก่ขันดังแว่วมา ไอ้ทิ้งน้อยจึงจำต้องอำลาโพรงน้ำหวานกลับไป เพื่อทำหน้าที่ทาสในเรือนเฉกเช่นเดิม.. 
“ขอบใจแพง” “ใช่ ข้าขอบใจที่แม่แพงจะไม่นำเรื่องของบุญทิ้งไปบอกคุณพระท่าน” “เอ่อ... เจ้าค่ะ” แม่แพงก้มหน้าไม่กล้าสบสายตาคุณนายพิศ ด้วยไม่รู้ว่าคุณนายรู้เรื่องมากไปกว่านี้รึไม่ และคำพูดต่อมาของคุณนายก็ทำให้แม่แพงเข้าใจว่าคุณนายพิศไม่ได้รู้เรื่องระหว่างตนกับบุญทิ้ง “ข้าหลงผิดไปเอง ต่อแต่นี้ไปข้าจะไม่กระทำผิดเยี่ยงนั้นอีก” เสียงสะอื้นของคุณนายพิศทำให้แม่แพงต้องมองคุณนายใหญ่เจ้าของเรือนด้วยความเห็นใจและสะท้อนในหัวอกตัวเองอย่างที่สุด เพราะสิ่งที่คุณนายพิศตั้งมั่นว่าจะไม่ทำผิดนั้น บัดนี้ตัวของแม่แพงเองนั่นแหละที่กร