คำพูดตีบตันอยู่ที่ลำคอ จะเปล่งออกไปได้อย่างไรว่าน้อยอกน้อยใจนักที่ผัวรักยังหวนคิดถึงเมียทาส ทั้งที่หล่อนยังอยู่ตรงนี้ทั้งคน เพียงระยะเวลาไม่นาน ใครเลยจะคิดว่าคุณพระจะหลงแม่เรียมได้มากเท่านี้ และหากคนที่หายไปนั้นเป็นหล่อนเล่า คุณพระจะห่วงหาหล่อนได้มากเท่าแม่เรียมหรือไม่
“แม่พิศอย่ากังวลใจเลย พี่ก็แค่ไม่สบายใจเท่านั้น นานวันไปก็คงหายเอง แม่พิศอย่าทุกข์ใจไปกับพี่เลยนะ ที่พี่ไม่ติดตามต่อก็เพราะว่าหากเรื่องกลับกลายเป็นแม่เรียมหนีตามบ่าวไพร่เรือนอื่นไป พี่คงไม่มีหน้าจะไปพบใครๆ ได้อีก สู้เงียบไปแบบนี้จะดีกว่า แม่พิศทำใจให้สบายเถอะ พี่จะไม่ทำให้แม่พิศเป็นกังวลอีก”
ยิ่งเห็นเมียรักน้ำตาเอ่อคลอ พระสรเดชฯ ยิ่งตีบตันคำพูด สิ่งที่คิดไว้ว่าจะกล้าก็เกิดไม่กล้าขึ้นมาอีก เพราะไม่อยากทำร้ายจิตใจแม่พิศอีกต่อไป แต่หากแม่พิศจะเป็นฝ่ายเสนอขึ้นมาก่อน นั่นจะเป็นสิ่งที่ดีมาก
&ld
เสียงอ่อนหวานพึมพำแนบชิดกับอกแกร่งของผัวรัก เมื่อเรี่ยวแรงแห้งหายไปกับการควบขี่อาชา เหลือไว้แต่เพียงความเหน็ดเหนื่อยที่เพียงไม่นานความซ่านเสียวครั้งใหม่จะบังเกิด และไม่ว่าจะครั้งไหนๆ แม่พิศก็จะทำให้คุณพระผัวรักมีความสุขให้มากที่สุด เพื่อคุณพระจะได้ไม่หลงลืมคาวสวาทที่เมียรักปรนเปรอ ไม่ว่าจะร่วมเสพสมกับหญิงใดก็ตาม คุณพระจักต้องระลึกไว้เสมอว่า ทุกความใคร่ที่เป็นไปตามครรลอง แม่พิศเมียรักคนนี้ทำได้ดีมากกว่าใคร “อูย... แม่พิศจ๋า... อูย... เมียรักของพี่ ดีที่สุด แม่พิศจ๋า...” แม่พิศยกยิ้มในสีหน้าเมื่อได้ยินเสียงคุณพระผัวรักครวญครางไม่ขาดปาก แต่หล่อนก็ตอบกลับไปไม่ได้เพราะบัดนี้อุ้งปากนั้นมีความแข็งแกร่งของคุณพระสอดแทรกอยู่เต็ม ยิ่งคุณพระครวญครางฟังชัด หล่อนก็ยิ่งรูดริมฝีปากเข้าครอบครองตัวตนของคุ
นางอิ่มเคืองใจนักเมื่อนางแพงไม่ตอบรับแต่กลับขอไปคิดดูก่อนตามที่คุณนายพิศแนะ ทั้งที่ทาสในเรือนจักต้องทำทุกสิ่งตามที่นายบอก เหตุใดนางแพงจึงกล้าที่จะมีทางเลือก “แล้วหากมันไม่เต็มใจเล่าอิ่ม เอ็งจะให้ข้าไปล่ามมันไว้ให้คุณพี่รึไง ถ้ามันขัดขืนขึ้นมา เอ็งคิดว่าคุณพระท่านจะได้รับความสุขจากมันเรอะ สู้ข้าไปหานังคนอื่นให้ท่านไม่ดีกว่ารึไง หรือยังไงอิ่ม” “เอ่อ... บ่าว...” นางอิ่มจนปัญญาที่จะหาคำตอบ เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริงคงได้วุ่นวายกันไปทั้งเรือนแน่ และวิสัยคุณพระท่านก็ไม่ใช่นายที่ข่มเหงบ่าว ไพร่ หรือข้าทาส ท่านมีทั้งพระเดชและพระคุณดีพร้อม แล้วอันใดเล่าท่านถึงจะต้องข่มเหงนางแพงเพียงเพราะต้องการตัวมัน “ถ้าอย่างนั้น เอ็งก็ไปหาทางให้นังแพงมันยอมให้ได้ จะทางใดก็ตาม เข้าใจรึไม่อ
‘เป็นอย่างไรบ้างนังแพง’ เสียงของคุณนายพิศคล้ายจะก้องกังวานอยู่ในความคิด เมื่อความซ่านเสียวพุ่งวาบไปทั่วทั้งร่าง ทว่าน้ำหนักจากฝ่ามือตนก็ให้ความเสียดเสียวได้ไม่เท่าฝ่ามือของคุณนายพิศที่ทาบทับอยู่กับอกอวบอิ่มเปล่าเปลือย ยิ่งนิ้วมือบอบบางนั้นบีบบี้ที่ปลายยอดสีชมพูเข้ม นางแพงยิ่งสะท้านไหวจนต้องห่อปากเพราะความอัดอั้นที่ปะทุอยู่ภายใน ‘บ่าว... บ่าว... บ่าวไม่รู้เจ้าค่ะ บ่าว...’ ‘เอ็งเสียวใช่รึไม่นังแพง’ ‘สะ... เสียวรึเจ้าคะ’ ‘อืม... นี่แหละเรียกว่าความเสียว แค่มือข้า เอ็งยังเสียวได้มากขนาดนี้ หากเป็นมือของคุ
ดวงตาของนางแพงที่เงยขึ้นสบดวงตาของท่านราวกับถูกมนตร์สะกด ช่างทำให้ความแข็งแกร่งเร่งเร้าอยากจะทำตามที่ปรารถนา ทว่าหากทำเช่นนั้นจริง นางแพงคงจะเข็ดหลาบจนขยาดผู้ชายไปตลอดชีวิต ซึ่งท่านจะไม่ทำเช่นนั้น “เอ็งกลัวข้ารึ แพง” “จะ... จะ... เจ้าค่ะ บ่าว... บ่าว...” คำพูดที่กว่าจะเอ่ยออกมาได้ ด้วยตะกุกตะกักอยู่นานยิ่งทำให้พระสรเดชฯ ต้องยิ้มมากขึ้น ปลายนิ้วร้อนๆ แตะไต่ที่ริมฝีปากที่เผยอค้างเพราะถูกลูบไล้ไปมา และดวงตาที่เบิกกว้างนั้นก็ไม่น้อยหน้าที่จะเผยให้เห็นถึงความตื่นกลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ “เรียกแทนตัวเองว่า แพง” “บ่าว...”&nbs
ยิ่งริมฝีปากอุ่นวาบนั้นงับปลายยอดทั้งสองฝั่งสลับไปมา มันก็ยิ่งบิดกายเต้นเร้า ความซ่านเสียวที่บังเกิดอยู่นี้มากเสียยิ่งว่านิ้วมือของคุณนายพิศที่ลูบไล้ และมากกว่านิ้วมือของตัวเองที่เขี่ยเร็วรี่ด้วยความอยาก เพราะนี่คือฝ่ามือสากใหญ่ของผู้ชาย ทั้งยังผสานกับปลายลิ้นร้อนที่รัวเร็วตวัดปลายยอดอีกด้วย สิ่งที่นางแพงกำลังพบเจอนี้คืออะไรกัน มันจะต้องแดดิ้นสิ้นใจตายในครานี้ใช่หรือไม่ หากความซ่านเสียวจากปลายยอดนี้ไม่สิ้นสุด มันจะทำอย่างไร “อา... คุณท่านเจ้าขา... อา... อื้อ... คุณท่านเจ้าขา... อา...” “เป็นอย่างไรเล่าแพง เอ็งเสียวรึไม่” คุณพระเอ่ยถามทั้งที่ริมฝีปากยังเคล้าคลออยู่บนยอดอก ทำให้แรงลมปากพัดผ่านปลายยอดให้นางแพงต้องหลับตาพริ้มแอ่นอก
ริมฝีปากยังคงดูดดุนปลายยอดเกสรบัวคู่งาม ทั้งที่ปลายนิ้วยังคงสอดแทรกลงลึก จากปลายนิ้วเป็นข้อนิ้ว จากข้อนิ้วกลายเป็นครึ่งนึ่ว และจากครึ่งนิ้วก็ถูกดันจนมิด “อ่ะ! อื้อ..” นางแพงผวาขึ้นทั้งร่างเมื่อนิ้วร้อนๆ ของคุณพระแทรกเข้าไปในกายเนื้อของมันจนมิด ความเจ็บแปลบสะท้านกระจายจากเต่าตัวน้อยของมันก่อนจะรับรู้ได้ถึงแรงตอดรัด ทั้งเจ็บทั้งซ่านเสียวได้ในจังหวะเดียวกัน นางแพงไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้จะเรียกว่าอะไร รู้แต่ว่ามันทั้งเจ็บทั้งเสียว แต่ก็อยากให้ปลายนิ้วของท่านทะลวงเข้าสู่ปากเต่าของมันมากขึ้นๆ ทว่าเมื่อท่านค่อยๆ เคลื่อนปลายนิ้วออก มันกลับรู้สึกเสียดายจนต้องแอ่นเต่าตัวน้อยงับปลายนิ้วของท่านเอาไว้อย่างลืมตัว แต่เมื่อท่านสอดปลายนิ้วเข้าม
พระสรเดชฯ ก็จ้องมองเป็นเม็ดทับทิมสีแดงสดที่เต้นระริกสั่นเรียกปลายลิ้นของท่านให้แตะต้องชอนชิมความหวาน และเมื่อปลายลิ้นแข็งแตะลงเบาๆ คุณพระก็แว่วได้ยินเสียงครวญครางของนางแพงที่ฟังไม่เป็นคำมากกว่าเดิม “อา... อา... อา...” นางแพงบิดกายด้วยความเสียวซ่านที่กระหน่ำใส่เนื้อตัวของมันครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งที่ปลายลิ้นของคุณพระตวัดเลียไล้ ยิ่งรู้สึกราวกับว่าร่างกายจะล่องลอยทั้งที่ความเป็นจริงนั้นมีเพียงสะโพกเท่านั้นที่ถูกยกขึ้นสูงเพื่อให้คุณพระจ้วงแทงปลายลิ้นร้อนๆ ลงมาให้ลึกมากยิ่งขึ้น เปลือกตาที่หลับพริ้มปรือมองปลายลิ้นที่ตวัดเลียไล้เครื่องเพศหรือเต่านาตัวน้อยของมัน ก่อนที่ท่านจะลากปลายลิ้นลงลึกจนมันต้องหลับตาเพื่อซึมซาบเอาความซ่านเสียวที่พุ่งกระหน่ำใส่ร่างกายอีกครั้ง&
นางแพงก้มหน้าแต่ยอมขยับกายเข้าใกล้ สิ่งที่ท่านทำให้นั้นมันได้รับความสุขแล้วถึง 2 ครั้ง และสิ่งที่จะเกิดต่อจากนี้ก็คงถึงคราที่มันจะสร้างความสุขให้กับท่านบ้าง และคงไม่น่าหวาดหวั่นนัก เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริงแม่เรียมก็คงไม่ยินดีที่จะรับใช้ท่าน แต่หากว่าดีแล้วเหตุใดแม่เรียมจึงหนีหายกันเล่า “แพง คิดอะไรอยู่รึ ข้าบอกให้มานี่ไง” “เจ้าค่ะ” นางแพงรับคำขยับเข้าไปแนบชิด จนสะโพกผายรับรู้ได้ถึงกระแสความอุ่นวาบซาบซ่านที่แผ่ออกมาจากกายเนื้อแข็งแกร่งตรงหน้า “เงยหน้ามองข้าสิ ก้มหน้าอยู่เยี่ยงนี้จะคุยกันได้อย่างไร” นางแพงกลั้นใจเงยหน้าขึ้นสบสายตากับท่าน แต่ก็ทนไม่ไหวต้องเลี่ยงสายตาไปทางอื่น ด้วยแววปรารถนาที่แ
แม่จันทร์สะอื้นฮึกฮัก เพราะไม่อาจรู้ได้ว่าความเจ็บปวดร้าวรวดดั่งถูกมีดแหลมคมปักกรีดอยู่กึ่งกลางร่างกายนี้ จะมลายคลายลงได้อย่างไร เมื่อมันเจ็บเสียจนหล่อนไม่กล้าที่จะร่ำร้อง ด้วยกลัวว่าเพียงร่างกายขยับ ความเจ็บปวดนั้นจะทวีทบเท่า แลถึงตอนนั้นร่างกายนี้อาจตายเสียก็ได้ ทว่าแม้นเจ็บเพียงใด สัญชาตญาณก็ยังร้องสั่งให้แม่จันทร์มอง เพื่อให้รู้ที่มาของความเจ็บนั้น และสิ่งที่แม่จันทร์เห็นก็ทำให้ริมฝีปากต้องอ้าค้างมากขึ้น ด้วยไม่ใช่มีดพร้าที่ทิ่มตำร่างกาย แต่กลับเป็น ‘ท่อนเนื้อ’ ขนาดใหญ่ที่ยื่นออกมาจากกึ่งกลางกายของท่านกำลังทิ่มตำที่โพรงดอกไม้ สีหน้ารวดร้าวของท่านและคำสอนของแม่ที่แว่วมาในความคิดทำให้แม่จันทร์ต้องยิ้มทั้งที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เพราะนี่คงเป็นลำดับขั้นสุดท้ายก่อนที่หล่อนจะพานพบกับสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
เมื่อริมฝีปากของท่านทาบลงมาบนกลีบปากนุ่มก่อนจะบดเบียดยั่วเย้าอย่างอ่อนโยน ตามติดมาด้วยปลายลิ้นร้อนที่เกลี่ยไล้ไปมาอยู่บนกลีบปาก นั่นทำให้แม่จันทร์ถึงกับตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก “เจ้าคุณอา...” พระยาสรเดชฯ อมยิ้มในสีหน้า ดวงตาคมเข้มเต็มเปี่ยมไปด้วยกาลเวลาทอดมองหญิงสาวที่สั่นประหม่าไปทั้งร่าง จนลืมเลือนไปเสียสิ้นว่าต้องรักษากิริยาและต้องเรียกท่านว่าเช่นไร ทว่าสิ่งที่แม่จันทร์เป็นอยู่นี้ก็ช่างน่าเอ็นดูนัก “ที่ไม่ให้เรียกเยี่ยงนั้น เพราะพี่อยากให้แม่จันทร์เรียกพี่ว่า ‘เจ้าคุณพี่’ จะได้รึไม่” “เจ้าค่ะ เจ้าคุณพี่”
เสียงมโหรีขับขานท่วงทำนองกล่อมหอดังแผ่วแว่วมาในห้อง ส่งผลให้ผู้เป็นเจ้าสาวที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงต้องกระชับฝ่ามือเข้าหากันแน่นด้วยประหม่านัก เพราะอีกไม่นานเจ้าบ่าวซึ่งออกไปส่งผู้หลักผู้ใหญ่และขอบคุณผู้ที่มาร่วมงานก็จะกลับเข้ามา และเมื่อนั้นลำดับขั้นของงานวิวาห์จึงจะถือว่าสัมฤทธิ์ผล เจ้าสาวคนสวยชำเลืองมองที่นอนหนานุ่มขึงผ้าปูสีชมพูปักลวดลายดอกไม้กระจิริดดูอ่อนหวาน ทั้งข้าวของที่ใช้ทำ ‘พิธีเรียงหมอน’ ก็ยังวางเรียงรายกันอยู่อย่างสงบนิ่ง ฟักเขียว แมวคราว ไก่ขาว ไม้เท้า ถ้วยน้ำ และหินบดยา ถูกวางอยู่มุมซ้ายของเตียง ถุงเงินและถุงทอง ที่บรรจุถั่วเขียว งาดำ ข้าวตอก ดอกรัก ดอกบานไม่รู้โรย ถูกเปิดและหยิบเอาถั่ว งา และดอกไม้เหล่านั้นออกมาโปรยบนที่นอนเพื่อเป็นมงคล เมื่อนึกถึงเหตุที่เพิ่งผ่านไปเจ้าสาวก
ฟาววววววว... ควับ! “กรี๊ดดดดด...” สิ้นสุดเสียงกรีดร้องร่างที่สะบักสะบอมไปด้วยบาดแผลของนางแพงก็มีอันสิ้นสติไปด้วยความเจ็บปวด แต่คุณพระท่านก็ยังไม่หนำใจ ทั้งที่ตนเองก็หอบตัวโยนด้วยลงแรงไปกับหวายทั้งตัว คุณพระท่านร้องสั่งให้ข้าทาสไปนำเกลือเม็ดละลายน้ำเอามาสาดใส่บาดแผลของนางแพงให้มันฟื้นคืนขึ้นมาอีก เพื่อจะให้เรือนร่างนี้ได้รับความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง ให้สาสมกับสิ่งที่มันทำเอาไว้ เพราะมันเจ็บกาย แต่ท่านนั้นเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ รักมากก็แค้นมาก หวงมากก็อยากจะให้ตายคามือด้วยความทรยศ “สาดเข้าไป! เอาให้มันเจ็บมันแสบ มันจะได้รู้ว่าใครอย่าบังอาจมาทำเรื่องอัปรีย์จัญไรบนเรือนกูอีก ไอ้อีหน้าไหนที่มันกล้า มันจะต้องโดนเยี่ยงน
ฉาด! ฝ่ามือกระทบใบหน้าของนางแพงอีกครั้งให้หันไปตามแรงตบ เมื่อนางแพงเอาแต่ยิ้มและหัวเราะขันกับคำพูดของตนเอง มันทำความเสื่อมเสียเพียงผู้เดียวยังไม่พอ ยังจะริปากดีป้ายสีให้แม่พิศเมียรักต้องมัวหมองไปด้วย “ตบอีกสิเจ้าคะ ตบให้อีแพงมันตายไปเลย ไม่ต้องรอหวายแล้วเจ้าค่ะ แค่น้ำมือคุณท่าน อีแพงก็แทบจะตายคามืออยู่แล้ว แต่ก่อนตายขออีแพงได้พูดให้หมดเปลือกเถิด อีแพงคบชู้ อีแพงยอมรับ แต่หากคุณนายพิศคบชู้เล่าเจ้าคะ คุณท่านจะทำเช่นไร จะลงโทษคุณนายเทียบเท่ากับอีแพงรึไม่ หรือจักส่งคุณนายไปให้กองโปลิศตัดสิน ให้ประณามหยามเหยียดไปทั่วพระนคร ว่าลูกสาวบ้านนี้สัญชาติคบชู้สู่ชาย บ้านใดนำไปเป็นลูกเป็นเมีย ก็รังแต่จะเสื่อมเสียคบชู้อยู่ร่ำไป” “อีแพง!” 
“เอ็งช่างกล้าพูดนักนังแพง...” น้ำเสียงเอ่ยออกมาด้วยความเข่นเครียด ยิ่งเห็นเรือนร่างอวบอิ่มของเมียสาวคราวลูกสั่นสะท้านไปด้วยแรงสะอื้น คุณพระท่านยิ่งสะท้อนไปถึงหัวใจ เพราะนางแพงเมียทาสผู้นี้ ท่านสนิทเสน่หามันยิ่งนัก กลับมาคืนเรือนครั้งนี้ ท่านก็หวังจะโอ้โลมมันให้มีความสุข เพราะทิ้งร้างให้เปล่าเปลี่ยวอยู่นาน จนต้องสั่งให้เจ้าเข้มมาแจ้งข่าวกับแม่พิศว่าท่านจะคืนเรือนในวันนี้ ให้นางแพงได้เตรียมตัวต้อนรับท่านเถิด แต่กลับกลายเป็นว่านางแพงมันมีความสุขจนแทบจะสำลักอยู่แล้ว แม้จะรู้ว่าท่านคืนเรือนวันนี้ มันก็ยังกล้าที่จะพาไอ้บุญทิ้งไปร่วมรักกันบนเรือน บนเตียงที่ทับรอยของท่าน รวมทั้งคำรักที่มันพร่ำพลอดแก่กันและกันนั้น แปลว่านางแพงผู้นี้ไม่เคยเห็นท่านอยู่ในสายตาสักนิด มันไม่คิดถึงความสุขสบายที่ท่านปรน
ริมฝีปากยังคงแนบชิดแต่ท่อนแขนช้อนเรือนร่างอวบอิ่มขึ้นโอบอุ้มพาก้าวเดินไปสู่เตียงสี่เสาที่มีม่านลูกไม้สีขาวประดับอยู่ ร่างงดงามถูกวางไว้บนฟูกนุ่มที่ขึงเรียบตึงด้วยผ้าปูเตียงสีชมพูอ่อน กอปรกับแสงไฟสีนวลจากตะเกียงก็ช่วยส่งขับให้ผิวกายสีน้ำผึ้งนวลเนียนนี้ให้ยิ่งนวลน่าลูบไล้ฝ่ามือลงไปสัมผัสมากยิ่งขึ้น “พี่บุญทิ้งจ๋า... แพงรักพี่เหลือเกิน” “พี่ก็รักแม่แพงยิ่งนัก” แม่แพงคล้องฝ่ามือรอบลำคอแกร่งของไอ้ทาสวัยหนุ่มพลางรั้งใบหน้าคมเข้มนั้นเข้าหาตัว ความแข็งแกร่งนี้ที่หล่อนปรารถนา ความเข้มแข็ง ดุดัน ของคนรุ่นหนุ่ม หาใช่ความแก่ชราของชายวัยคราวพ่อเฉกเช่นคุณพระท่าน และเมื่อใบหน้าคมเข้มนั้นเคลื่อนเข้าใกล้ แม่แพงก็หลับตาพ
“อา... บุญทิ้งจ๋า... กระแทกลงมาแรงๆ เลย บุญทิ้งจ๋า...” “ขอรับคุณท่าน ไอ้ทิ้งจะกระแทกให้แหลกคา...” ขาดคำของบุญทิ้ง ไอ้ทิ้งน้อยก็โจนทะยานไปข้างหน้า ทะลวงเข้าไปในโพรงฉ่ำน้ำของคุณนายพิศอย่างบ้าคลั่ง และเมื่อคุณนายกรีดร้องด้วยความสุข ไอ้ทิ้งน้อยก็พ่นพิษร้อนออกมาอย่างท่วมท้นเช่นเดียวกัน โพรงดอกไม้ตอดตุบจนบุญทิ้งต้องซุกซบใบหน้าลงไปที่เต้าอวบอิ่มของคุณนายพิศ พร้อมทั้งจูบซับปลายยอดงอนงามด้วยความซ่านเสียวและพิศวาส ความร้อนแรงของคุณนายเจ้าของเรือนยังมีให้มันอย่างไม่หยุดหย่อน ตราบจนเสียงไก่ขันดังแว่วมา ไอ้ทิ้งน้อยจึงจำต้องอำลาโพรงน้ำหวานกลับไป เพื่อทำหน้าที่ทาสในเรือนเฉกเช่นเดิม.. 
“ขอบใจแพง” “ใช่ ข้าขอบใจที่แม่แพงจะไม่นำเรื่องของบุญทิ้งไปบอกคุณพระท่าน” “เอ่อ... เจ้าค่ะ” แม่แพงก้มหน้าไม่กล้าสบสายตาคุณนายพิศ ด้วยไม่รู้ว่าคุณนายรู้เรื่องมากไปกว่านี้รึไม่ และคำพูดต่อมาของคุณนายก็ทำให้แม่แพงเข้าใจว่าคุณนายพิศไม่ได้รู้เรื่องระหว่างตนกับบุญทิ้ง “ข้าหลงผิดไปเอง ต่อแต่นี้ไปข้าจะไม่กระทำผิดเยี่ยงนั้นอีก” เสียงสะอื้นของคุณนายพิศทำให้แม่แพงต้องมองคุณนายใหญ่เจ้าของเรือนด้วยความเห็นใจและสะท้อนในหัวอกตัวเองอย่างที่สุด เพราะสิ่งที่คุณนายพิศตั้งมั่นว่าจะไม่ทำผิดนั้น บัดนี้ตัวของแม่แพงเองนั่นแหละที่กร