บทที่ 29 เกิดอะไรขึ้นหานเสี่ยว์หลบหนีมาได้แต่ทว่าจู่ ๆ นางเกิดสะดุดกิ่งไม้ทำให้ล้มลงชายที่ตามนางมาคนแรกก็ได้เห็นว่านางได้รับบาดเจ็บจึงได้กระโดดลงจากหลังม้าพร้อมหัวเราะเยาะเย้ย"ฮึ ฮึ เป็นเพียงสตรีบอบบางคิดว่าจะหนีข้าได้อย่างนั้นหรือ""เจ้าอย่าเข้ามานะ หากเจ้าต้องการปล้นของมีค่าก็อยู่บนเกี้ยวเหตุใดต้องตามมาทำร้ายพวกข้าด้วย""ก็เพราะว่าข้าไม่ได้ต้องการของนะสิ สิ่งที่ข้าต้องการคือการตายของท่านต่างหาก " ใจของหานเสี่ยว์สั่นวูบเมื่อได้ยินว่าชายที่ตามมานั้นต้องการชีวิตนาง แต่นางจะมาสั่นกลัวไม่ได้นางจะสู้ให้ถึงที่สุด ชายฉกรรจ์ชักดาบออกมาเล็งใส่คอของหานเสี่ยว์แต่ทว่าตอนนี้หานเสี่ยว์เองได้กำดินไว้ในมือเมื่อนางได้จังหวะจึงหว่านดินใส่ตาของเขาก่อนที่ดาบจะฟันเข้าหานาง"ข้าไม่ยอมให้เจ้าเอาชีวิตของข้าไปได้ง่าย ๆ หรอก" "โอ๊ย! แสบตา " เมื่อหานเสี่ยว์เห็นชายคนนั้นทรุดตัวนั่งลงเพราะเจ็บตานางจึงรีบยืนขึ้นใช้ไม้ที่ถือมาด้วยฟาดใส่หัวของมัน ก่อนที่จะวิ่งหนีต่อแต่ตอนนี้นางก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้าสงสัยตอนที่นางล้มลงเมื่อครู่ข้อเท้าจะพลิกแต่นางก็ฝืนพาตัวเองหนีความเจ็บเท่านี้ทำอันใดนางไม่ได้ ชายอีกคนที่ตามม
1ทะลุมิติในฤดูใบไม้ผลิหญิงสาวคนหนึ่งก็ยังคงจะไปทำงานตามหน้าที่ของตนเอง แถมช่วงนี้ร่างกายของเธอก็ไม่ค่อยแข็งแรงเนื่องจากทำงานอย่างหนักเพื่อเก็บเงินไว้ใช้จ่าย ตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยสุขสบายสักวันเพราะฐานะที่ยากจนทำให้เธอต้องขยันมากกว่าคนอื่น ๆ จนตอนนี้เธออายุ 28 ปีมีงานประจำที่เงินน้อยนิดหักค่าห้องค่าใช้ส่วนตัวแถมยังต้องส่งไปให้ย่าที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เธอได้หางานเสริมทำเพื่อเพิ่มรายได้ ยิ่งตอนนี้ย่าไม่ค่อยสบายเพราะเริ่มอายุเยอะเธอจึงต้องหาเงินให้มาก ๆ เพื่อให้ย่าได้ซื้อยากิน โดยไม่สนเลยว่าตนเองนั้นแทบจะไม่ได้พักผ่อนด้วยซ้ำ “นี่เธอมาทำงานทำไมไม่ดูเวลาบ้าง มาทำงานทีหลังคนอื่นแถมยังมาสายบ่อย ๆ อย่างนี่ฉันจะแจ้งที่ทำงานของเธอให้จัดการไล่เธอออก” เจ้าของห้องที่ว่าจ้างเธอได้ดุด่าเพราะวันนี้เธอได้มาสายเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น เธอทำได้เพียงก้มหัวลงเพื่อขอโทษ “ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาเข้างานสาย ต่อจากนี้ฉันจะไม่มาสายอีก อย่าแจ้งเจ้านายฉันเลยนะคะ วันนี้ฉันจะทำงานล่วงเวลาที่คุณจ่ายให้นะคะ” เจ้าของห้องเมื่อได้ยินว่าไม่ต้องจ่ายเพิ่มหากทำงานเลยเวลาทำให้เธอยิ้มดีใจและไม่ว่าอะไรเธอต่ออี
2แม่เลี้ยงใจร้าย “เจ้าหยุดตื่นกลัวเถิด ข้าเองก็ไม่ได้ต้องการให้เป็นเช่นนี้แม้ว่าจะโกรธที่นางคอยตบตีเรา แต่ข้าก็ไม่เคยคิดอยากให้เรื่องมันเกิดขึ้นเช่นนี้สักหน่อย” เด็กชายได้ปลอบน้องสาวของตน “เฮือก! .” เสียงหายใจเฮือกใหญ่ทำให้ทั้งสองพี่น้องต้องหันไปมองด้วยความเร็ว “ท่านพี่นางฟื้นแล้ว” “เดี๋ยวข้าจะไปตามท่านพ่อเจ้าอยู่ที่นี่” เด็กชายได้เอ่ยบอกน้องสาวของตนแล้ววิ่งออกไป เด็กหญิงตัวเล็กจ้องมองร่างที่นอนอยู่บนเตียง จิวฉิงลืมตาขึ้นมากวาดตามองไปรอบ ๆ ก็ไม่คุ้นเคยกับสถานที่ที่ตัวเองอยู่ในตอนนี้นัก จำได้ว่าตัวเองนั้นตกลงสู่แม่น้ำหรือที่นี่คือสวรรค์ แต่แล้วเธอก็หันไปสบตากับเด็กหญิงตัวเล็กที่ยืนจ้องเธออยู่ข้างเตียง “นี่หนู ที่นี่ที่ไหน” จิวฉิงได้เอ่ยถามเด็กคนนั้นพร้อมลุกขึ้นนั่งบนเตียงนอน เด็กน้อยที่กลัวแม่เลี้ยงผู้นี้อยู่แล้วรีบตอบกลับมาอย่างสั่นกลัว “ท่านแม่ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจท่านแม่อย่าลงโทษท่านพี่นะเจ้าคะข้าเป็นคนทำทั้งหมด” เด็กหญิงตัวเล็กพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ราวกับว่านางไปทำอันใดให้เด็กคนนี้หวาดกลัวกัน จิวฉิงเลยลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะใช้มือจับที่แขนของเด็กหญิง “ทำไมต้
3ท่านมีแผนอันใดจิวฉิงหันมามองอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะมากมาย เธอรีบเดินมานั่งลงบนเก้าอี้พร้อมจับตะเกียบมาคีบอาหารเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย การที่ทะลุมิติในครั้งนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไปสำหรับเธอ เพราะต่อจากนี้เธอไม่ต้องตื่นเช้าหลับดึกและไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ จิวฉิงยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เมื่อกินอาหารเสร็จแล้วเธอก็ได้เดินดูรอบ ๆ บริเวณเรือนของคุณชายเหิงเยว์เข่อซิงก็ได้บอกรายละเอียดว่าวัน ๆ เธอต้องทำอะไรบ้าง เธอต้องดูแลทุกอย่างในเรือนเพราะเป็นฮูหยินของที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นข้ารับใช้หรือว่าเรื่องเบี้ยอัฐค่าใช้จ่ายทั้งหมดรายงานต่อคุณชายเหิงเยว์ได้รับรู้ในแต่ละรอบ จิวฉิงได้เรียนรู้โดยเร็วโชคดีที่เธออ่านตัวหนังสือในโลกนี้ออก จึงได้เปิดอ่านรายรับรายจ่ายของเรือนแห่งนี้ ตาเธอลุกวาวเมื่อเห็นยอดเงินมากมายหากนับว่าเป็นโลกปัจจุบันบ้านของคุณชายผู้นี้อยู่ในระดับร่ำรวยทีเดียว จิวฉิงจึงได้รีบหันไปถามเข่อซิงโดยเร็วด้วยความอยากรู้“เข่อซิง หากนี่เป็นรายรับรายจ่ายของคุณชายเหิงเยว์เช่นนี้เท่ากับว่าตระกูลของข้าต้องมีมากกว่านี้ใช่มั้ย?” “ก็ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วเจ้าค่ะ ตระกูลของคุณหนูเป็นตระกูลที่ร่ำรวยแถมท่านใต
บทที่ 4 อย่างไรข้าก็ไม่มีทางชอบสตรีเช่นเจ้าจิวฉิงได้บอกให้เข่อซิงไปสั่งพ่อครัวของที่นี่จัดอาหารมาให้ทั้งสามได้กินด้วยกัน ผ่านไปสักระยะก็มีสาวใช้ได้ยกสำรับมาจัดวางอยู่บนโต๊ะจนเต็มไปหมด จิวฉิงมองดูเด็กทั้งสองยังคงกลัวว่านางมีแผนร้ายเมื่ออาหารมาวางตรงหน้าจิวฉิงก็ได้นำตะเกียบคีบทุกอย่างเข้าปากอย่างละนิดอย่างละน้อยจนทำให้เด็กมั่นใจว่านางไม่ได้วางยาพิษ“เห็นมั้ยว่าข้าไม่คิดจะทำอันใดพวกเจ้าหากข้าใส่ยาพิษปานนี้ข้าคงโดนพิษไปแล้ว กินเถิดตอนที่ทุกอย่างยังร้อน ๆ หากเย็นแล้วจะไม่อร่อย ” เด็กทั้งสองมองหน้ากันก่อนผู้เป็นพี่ได้พยักหน้าให้น้องสาวกินอาหารที่อยู่ตรงหน้าจิวฉิงมองดูทั้งสองอย่างเอ็นดู ทั้งสามคนก็ได้กินอาหารอย่างอร่อย ๆ จิวฉิงได้พูดคุยอย่างที่เจ้าของร่างไม่เคยทำมาก่อน“เจ้าทั้งสองได้ร่ำเรียนหนังสือหรือไม่ ?”“ตัวของข้าท่านพ่อให้อ่านตำราอยู่ที่เรือนเสียก่อนเพราะท่านอาจารย์ยังไม่รับข้าเป็นศิษย์”“อย่างนี้นี่เอง แล้วลู่เอ๋อร์เล่า ?”“ท่านแม่ข้าเป็นสตรีหน้าที่ของข้าคือการเรียนรู้การเย็บปักถักร้อยเจ้าค่ะ แต่ข้ายังเด็กนักท่านพ่อให้ข้าเรียนรู้กิริยาเท่านั้นเจ้าค่ะ” ลู่เอ๋อร์เริ่มกล้าที่จะพูดกับ
บทที่ 5 หาทางกลับจิวฉิงยิ้มร่าออกมาอย่างดีใจ“ท่านเอ่ยออกมาเองนะห้ามกลับคำ รุ่งเช้าข้าจะนำเรื่องนี้ไปแจ้งท่านพ่อหลังจากนั้นข้าจะออกจากเรือนของท่านทันที” คำพูดของนางทำเอาเหิงเยว์ต้องสงสัยคิ้วขมวดเข้าหากัน นางยอมมาอยู่ที่เรือนของเขานานนับ 5 ปี ไม่ยอมไปไหนแต่เหตุใดวันนี้นางถึงดีใจที่เขาจะหย่าให้นางเช่นนี้ แต่ก็ดีเช่นกันตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเองก็ไม่ได้มีใจให้นางสักนิด แม้นางจะงดงามแต่เวลาที่มองใบหน้าของนางก็เห็นใบหน้าของภรรยาทับซ้อนเข้ามาทุกครั้ง ทำให้เขาไม่เคยมานอนที่ห้องของนางเลยตั้งแต่แต่งนางเข้ามา“หากเจ้าต้องการเช่นนั้นก็เป็นการดีต่อตระกูลของข้าเช่นกัน” พูดจบเหิงเยว์ก็ได้เดินออกไปด้านนอก เข่อซิงก็ได้เดินเข้ามาเห็นนายหญิงของตนเองยิ้มมุมปากนางจึงเกิดความสงสัยมีเรื่องอันใดที่ทำให้นางมีความสุขได้ขนาดนี้ “คุณหนูยิ้มเช่นนี้มีเรื่องดี ๆ อันใด หรือเจ้าคะ”“เข่อซิง คุณชายเหิงเยว์บอกว่าจะหย่าให้ข้า วันรุ่งขึ้นข้าจะนำเรื่องนี้ไปแจ้งต่อท่านพ่อเจ้ารีบไปพักผ่อนเถิดข้าเองก็จะไปพักเช่นกัน ” เข่อซิงงงงวยเอะใจที่เห็นคุณหนูดีใจขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนนางต้องร้องกรี๊ดออกมาไม่พอใจเป็นแน่ และไม่มีทา
บทที่ 6 ไข้หวัดรุ่งสางของอีกวันแสงแดดสาดส่องเข้ามากระทบร่างกายของหานเสี่ยว์แต่ทว่าตอนนี้นางกลับมีอาการหนาวสั่นไปทั้งร่างกาย เข่อซิงที่เขามาดูแลจัดการเสื้อผ้าอาภรณ์ของหานเสี่ยว์ในทุก ๆ เช้าเมื่อเห็นว่าคุณหนูของตนเองยังไม่ตื่นก็รู้สึกผิดแปลกเพราะหานเสี่ยว์นั้นมักจะตื่นมารอเข่อซิงในทุก ๆ เช้าเพื่อให้นางยกน้ำมาให้ล้างตา เข่อซิงจึงได้เข้าไปดูที่ห้องนอนก็พบว่าหานเสี่ยว์นอนหนาวสั่นอยู่บนเตียงนอน เมื่อเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็เห็นเหงื่อที่ผุดออกมาจากรูขุมขนมากมาย“คุณหนู คุณหนูท่านไม่สบายหรือเจ้าคะ” เข่อซิงมาจับตัวของหานเสี่ยว์ก็รับรู้ถึงความร้อนของร่างกายราวกับเพลิงเผาไหม้“โอ๊ะ! คุณหนูท่านตัวร้อนมากเลย นี่ผู้ใดอยู่ข้างนอกเข้ามานี่ที " เข่อซิงเรียกสาวใช้อีกคนที่อยู่ด้านนอกเข้ามาด้านใน“มีอะไรหรือ ".“เจ้าไปตามท่านหมอมาตรวจร่างกายของฮูหยินที ดูเหมือนนางจะไม่สบาย” เข่อซิงสั่งสาวใช้ให้ไปตามท่านหมอมาโดยเร็ว “ได้ข้าจะไปตามเดี๋ยวนี้” สาวใช้รีบเดินออกไปตามท่านหมอที่โรงหมอในหมู่บ้านทันที ส่วนเข่อซิงก็ได้นำผ้ากระถังน้ำมาเช็ดตัวให้หานเสี่ยว์บรรเทาความร้อนลงได้บ้างฝั่งด้านลู่เอ๋อร์นางตื่นเต้นมากที่จะได้ไปห
บทที่ 7 เฝ้าไข้ฝั่งด้านเลี่ยงเฟิงมาถึงห้องอ่านตำราของท่านพ่อเขาก็ไม่ได้มีกระจิตกระใจกับการอ่านตำราสักเท่าไหร่ เพราะเขาเองก็เป็นห่วงว่าลู่เอ๋อร์อาจจะติดไข้จากหานเสี่ยว์ได้ จนเหิงเยว์สังเกตได้จึงได้จับตำราที่อยู่มือของเลี่ยงเฟิงออกมาจากตัวของเขา“วันนี้เจ้าเป็นอันใดข้าเห็นเจ้าเอาแต่เหม่อลอยแถมอ่านตำราหน้าเดียวเป็นเวลานาน”“คือว่าข้าเป็นห่วงลู่เอ๋อร์ขอรับท่านพ่อ”“ลู่เอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้นกับนางหรือว่าหานเสี่ยว์รังแกนางอีกแล้ว”“มิใช่ขอรับแต่ที่ข้าเป็นห่วงเพราะกลัวว่านางจะติดไข้จากท่านแม่มากกว่า ก่อนที่ข้าจะมาหาพ่อข้าได้ไปส่งลู่เอ๋อร์ที่ห้องท่านแม่ตามที่นางสั่ง แต่เมื่อข้าไปถึงก็พบว่าท่านแม่นอนสั่นเทาอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียวแถมยังมีท่านหมอมาตรวจร่างกายท่านแม่อีกด้วยไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านแม่จะฟื้นหรือยัง " เลี่ยงเฟิงได้เอ่ยออกมาอย่างเป็นห่วง ทำให้เหิงเยว์ที่ครุ่นคิดนางบอกว่าจะไปหาท่านพ่อของนางเมื่อฟ้าสาง หรือนี่จะเป็นแผนของนางอีกเพราะนางไม่อยากหย่าอย่างที่นางบอก เขาจึงจะไปดูใบหน้าที่เสแสร้งของนางว่าตอนนี้นางเล่นละครตบตาคนในเรือนจนเชื่อสนิทได้อย่างไร“เจ้าอ่านตำราอยู่ในห้องนี้ไปก่อนเดี๋ยวข
บทที่ 29 เกิดอะไรขึ้นหานเสี่ยว์หลบหนีมาได้แต่ทว่าจู่ ๆ นางเกิดสะดุดกิ่งไม้ทำให้ล้มลงชายที่ตามนางมาคนแรกก็ได้เห็นว่านางได้รับบาดเจ็บจึงได้กระโดดลงจากหลังม้าพร้อมหัวเราะเยาะเย้ย"ฮึ ฮึ เป็นเพียงสตรีบอบบางคิดว่าจะหนีข้าได้อย่างนั้นหรือ""เจ้าอย่าเข้ามานะ หากเจ้าต้องการปล้นของมีค่าก็อยู่บนเกี้ยวเหตุใดต้องตามมาทำร้ายพวกข้าด้วย""ก็เพราะว่าข้าไม่ได้ต้องการของนะสิ สิ่งที่ข้าต้องการคือการตายของท่านต่างหาก " ใจของหานเสี่ยว์สั่นวูบเมื่อได้ยินว่าชายที่ตามมานั้นต้องการชีวิตนาง แต่นางจะมาสั่นกลัวไม่ได้นางจะสู้ให้ถึงที่สุด ชายฉกรรจ์ชักดาบออกมาเล็งใส่คอของหานเสี่ยว์แต่ทว่าตอนนี้หานเสี่ยว์เองได้กำดินไว้ในมือเมื่อนางได้จังหวะจึงหว่านดินใส่ตาของเขาก่อนที่ดาบจะฟันเข้าหานาง"ข้าไม่ยอมให้เจ้าเอาชีวิตของข้าไปได้ง่าย ๆ หรอก" "โอ๊ย! แสบตา " เมื่อหานเสี่ยว์เห็นชายคนนั้นทรุดตัวนั่งลงเพราะเจ็บตานางจึงรีบยืนขึ้นใช้ไม้ที่ถือมาด้วยฟาดใส่หัวของมัน ก่อนที่จะวิ่งหนีต่อแต่ตอนนี้นางก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้าสงสัยตอนที่นางล้มลงเมื่อครู่ข้อเท้าจะพลิกแต่นางก็ฝืนพาตัวเองหนีความเจ็บเท่านี้ทำอันใดนางไม่ได้ ชายอีกคนที่ตามม
บทที่ 28 ไม่ต้องห่วงข้าเกี้ยวของหานเสี่ยว์เดินทางมาได้สักระยะก็ต้องพบสิ่งไม่คาดคิด เกี้ยวถูกวางลงและบ่าวด้านนอกรีบเรียกฮูหยินอย่างตื่นตระหนก "ฮูหยินขอรับตอนนี้เกิดเรื่องไม่รู้ว่าเป็นโจรป่าหรือว่ามีผู้ปองร้าย พวกข้าจะถ่วงเวลาต่อสู้กับคนพวกนั้นฮูหยินรีบพาคุณชายกับคุณหนีเถอะขอรับ " เข่อซิงตกใจมากรีบเร่งหานเสี่ยว์"คุณหนูเรารีบหนีเถอะเจ้าค่ะ ""เดี๋ยวก่อนข้าหาของก่อน" หานเสี่ยว์ก็หวาดกลัวไม่แพ้กันแต่ตอนที่นางอยู่ที่เรือนนางเห็นกล่องกำไลของเหิงเยว์ มันเป็นของสิ่งแรกที่เขาให้นางเป็นของขวัญนางจึงอยากนำไปด้วยเมื่อนางหาของเจอก็ได้พากันลงมาจากเกี้ยวมองเห็นชายกรรจ์จำนวนสี่คนกำลังต่อสู้กับบ่าวรับใช้ "เข่อซิงเจ้าจับมือเลี่ยงเฟิง ส่วนลู่เอ๋อร์จับมือข้า เร็วเถิดหากคนของเราต้านไม่ไหวเราอาจจะถูกทำร้ายเอาได้" "ท่านแม่ข้ากลัว " ดวงตาของลู่เอ๋อร์เริ่มแดงก่ำ นางจึงรีบปลอบพร้อมพานางวิ่งหนี"ไม่ต้องกลัวข้าอยู่นี่เรารีบหนีเถอะ" แม้ว่าหานเสี่ยว์เองก็หวาดกลัวจับใจแต่ตอนนี้นางต้องละทิ้งความกลัวนี้ทิ้งเสียก่อนเพราะเด็กทั้งสองต้องอยู่ในการดูแลของนาง นางจะไม่ให้เด็กทั้งสองได้รับบาดเจ็บ ทั้งสี่คนก็ได้วิ่งหนีเข
บทที่ 27 ความฝันนางเดินมานั่งลงบนเตียงนุ่มของหานเสี่ยว์ก่อนจะนอนราบลงบนที่นอนก่อนจะผล็อยหลับไป หมอกควันคละฟุ้งหนาเตอะจิวฉิงตื่นขึ้นมาเห็นสตรีงดงามกำลังนั่งแปรงผมอยู่ที่หน้ากระจก จากเห็นจากด้านหลังก็รู้ว่าสตรีที่งดงามผู้นี้นั้นเป็นเจ้าของร่างตัวจริง"ท่านกลับมาแล้วหรือ ข้าดีใจจังเพราะข้าจะได้กลับโลกของข้าแล้ว" จิวฉิงดีใจรีบเอ่ยออกมา "ข้าไม่ได้กลับมาเพียงแต่ข้ามาหาเจ้าก็เท่านั้น เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ามีความผิดที่ใหญ่หลวงแม้ตายไปแล้วก็ต้องชดใช้กรรมที่ก่อไว้ ข้ามิอาจจะกลับมาใช้ชีวิตได้อีกต่อไปข้าจึงอยากจะมาขอร้องเจ้า จงใช้ชีวิตเป็นข้าต่อไปและมอบความรักให้แก่เด็ก ๆ ทั้งสองทีเพราะตอนที่ข้ามีชีวิตอยู่นั้นข้าไม่เคยทำดีสักหนพอข้าตายไปกลับมาสำนึกได้ ""ไม่นะ ข้าเองก็ต้องกลับโลกของข้า ข้ามีคุณย่าที่ต้องดูแลท่านกับมาเถอะนะ ตอนนี้ท่านรู้หรือไม่ว่าคุณชายเหิงเยว์บุรุษที่ท่านรักเริ่มมีใจให้ท่านแล้ว สิ่งที่ท่านต้องการตอนนี้ก็ได้สมหวังแล้ว ท่านต้องกลับมานะ" จิวฉิงรีบอธิบายบอกแก่หานเสี่ยว์ตัวจริงแต่ทว่านางกลับยิ้มกว้างให้แก่จิวฉิงไม่นานเรือนร่างของนางก็จางหายไป แต่ก่อนที่จะจางหายไปนางได้เอ่ยบางอย่างก่
บทที่ 26 ข้าได้รับบาดเจ็บหานเสี่ยว์นางได้เก็บเสื้อผ้าของใช้ของตนลงหีบเสื้อผ้า เพื่อนำไปเปลี่ยนตอนอยู่ที่เรือนของท่านพ่อก็พบกล่องไม้เล็ก ๆ ที่อยู่ในกล่องผ้า นางจึงเปิดดูก็เห็นว่าเป็นกำไลหยกที่เหิงเยว์มอบให้ หานเสี่ยว์ใช้มือหยิบจับขึ้นมาดูพร้อมสวมใส่มันช่างเข้ากับนางยิ่งนักแต่เมื่อยิ่งมองดูก็ทำให้หัวใจของหานเสี่ยว์รู้สึกเศร้าใจ เพราะนี้ไม่ใช่ของนางแต่เป็นของหานเสี่ยว์ตัวจริงต่างหาก นางจึงเก็บใส่ไว้ในกล่อง หูของนางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินมาหานางจึงเผลอตัววางกล่องนั้นใส่กล่องหีบเสื้อผ้าตนเองไปด้วย หานเสี่ยว์ปิดหีบก่อนจะลุกขึ้นไปดูว่าผู้ใดที่มาหาตน เมื่อนางเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่นก็เห็นสีหน้าตื่นตระหนกเป็นกังวลของเหิงเยว์ที่เดินเข้ามาหานางอย่างเร่งรีบ "เหตุใดท่านถึงมามีสีหน้าเช่นนี้เกิดเรื่องอันใดไม่ดีหรือเจ้าคะ " หานเสี่ยว์เอ่ยถามอย่างสงสัย "เจ้าจะกลับเรือนของเจ้าหรือ อย่าไปได้หรือไม่ อยู่ที่นี่ก่อนหากเจ้าไปเด็กทั้งสองจะอยู่อย่างไรเจ้าไม่สงสารเด็ก ๆ หรือ เลี่ยงเฟิงกับลู่เอ๋อร์น่าเวทนาที่ถูกมารดาจากไปตั้งแต่เด็ก ตอนนี้เด็กทั้งสองนั้นรักเจ้ามากเพียงใดเจ้าก็รู้หากเจ้าไปเด็กทั้งสอ
บทที่ 25 แผนชั่วเหิงเยว์ลงจากหลังม้าบ่าวในเรือนก็ได้มารับม้าไปเก็บที่คอกเขาเดินมาหาทั้งสามคน"ท่านพ่อ ท่านพ่อปลอดภัยดีหรือไม่เจ้าคะ บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่" เขาอุ้มลู่เอ๋อร์เมื่อนางวิ่งเข้ามาหา"ไม่เลยข้าไม่ได้รับบาดเจ็บสักนิด คงเป็นเพราะก่อนจะออกไปข้าได้กำลังใจดี ๆ จึงมีไม่ศัตรูที่ใดมาทำร้ายได้" เขาพูดพร้อมหันไปมองหานเสี่ยว์สายตาหวานเยิ้ม นางสบตาเขาก็รีบหลบสายตาทันที "กลับมาปลอดภัยก็ดีแล้วเช่นนี้ข้าเองก็หมดห่วง ""จริงสิเจ้าคะ ในเมื่อมีเรื่องดี ๆ เช่นนี้ข้าว่าคุณชายเหิงเยว์น่าจะฉลองสักหน่อย ไม่แน่นะเจ้าคะคุณงามความดีในครั้งนี้คุณชายอาจจะได้รับตรงแหน่งที่ใหญ่กว่าเดิม เช่นนี้ยิ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เลยเจ้าค่ะ""นั้นสินะ เช่นนั้นเจ้าไปบอกพ่อครัวให้จัดอาการพร้อมสุรามาคืนนี้ในเรือนของเราจะจัดเลี้ยงฉลอง" เหิงเยว์เห็นดีด้วยกับความคิดของเข่อซิง เลี่ยงเฟิงกับลู่เอ๋อร์ได้ยินก็พากันยิ้มร่าดีใจ นานเท่าไหร่แล้วที่เรือนของพวกเขาไม่มีงานรื่นเริงเลย " เย้ ๆ เลี้ยงฉลองข้าชอบ จะได้มีขนมแสนอร่อยกินมากมาย" เลี่ยงเฟิงได้เอ่ยออกมา"ใช่แล้วท่านพี่ข้าจะกินให้เต็มที่เลย" "พวกเจ้ากินได้แต่ต้องกินเพียงเล็กน
บทที่ 24 จับกุมใต้เท้าชั่วเหิงเยว์เดินออกมาหยุดเดินอยู่กลางทางเขาใช้มือทาบอกแกร่งของตน ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขามักจะใจสั่นเมื่ออยู่ใกล้นาง เขาใจเต้นแรงเมื่อถูกหานเสี่ยว์สัมผัสแถมยังเอ่ยวาจาแปลก ๆ กับนางอีกด้วย "นี่ข้าเป็นอะไรไป ถึงได้เอ่ยออกมาเช่นนั้น หรือว่าข้านั้นชอบนางเข้าแล้วจริง ๆ ไม่หรอกข้าแค่รู้สึกขอบคุณนางเท่านั้น นั้นสิข้าก็แค่ไม่ค่อยได้ใกล้ชิดสตรีจึงทำให้หวั่นไหว เหิงเยว์ตั้งสติ" เขาบอกกล่าวตนเองแต่ที่น่าแปลกที่ครั้งนี้เขามองนางแต่ทว่าไม่เห็นภาพทับซ้อนของซู่ซ่านเลย หรือว่าตอนนี้ภาพจำของซู่ซ่านได้เลือนลางไปแล้ว เมื่อถึงวันที่เหิงเยว์ต้องไปจัดการจับกุมใต้เท้าเจียวหั่วก็ได้มาถึง เขาแต่งกายออกจากเรือนด้วยชุดที่ทะมัดทะแมงเพื่อนำทหารออกไปจับกุมในครั้งนี้ หานเสี่ยว์นางรู้เรื่องนี้จึงได้เดินมาหาเหิงเยว์ที่นางมาเพราะไม่อยากให้เขาได้รับบาดเจ็บมาอีก แม้จะไม่เข้าใจตนเองแต่ทว่าขาของนางก็ได้มาหยุดอยู่หน้าประตูของเขาเสียแล้ว เหิงเยว์เห็นหานเสี่ยว์มาหาเขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากจนเผลอตัวยิ้มออกมา"เจ้ามาหาข้าหรือ""เจ้าค่ะ ออกจากเรือนครั้งนี้ข้าขอให้ท่านกลับมาอย่างปลอดภัยนะเจ้าคะ""นี่เจ้
บทที่ 23 หรือเจ้าอยากได้หัวใจของข้ามาถึงเรือนเขาก็ได้ไปพบเลี่ยงเฟิงกับลู่เอ๋อร์ที่วิ่งเล่นอยู่สวนหลังเรือนโดยมีสาวใช้คอยดูแลอยู่ เมื่อเด็ก ๆ เห็นท่านพ่อของตนก็ดีใจรีบวิ่งเข้ามาหา "ท่านพ่อ ท่านพ่อไปข้างนอกมาหรือเจ้าคะ" เหิงเยว์อุ้มลู่เอ๋อร์ขึ้นมาบนแขนแกร่งก่อนจะใช้มืออีกข้างจับมือของเลี่ยงเฟิงไปนั่งที่เก้าอี้ "ใช่แล้ว วันนี้ข้าออกไปข้างนอกมาและมีของอร่อยมาฝากพวกเจ้าทั้งสองด้วย" "จริงหรือขอรับ ว๊าวข้าชอบขนมขอรับ" ดวงตากลมโตของทั้งสองลุกวาวเมื่อได้ยินว่ามีของอร่อยมาฝาก เขาวางลู่เอ๋อร์ลงพร้อมหยิบขนมออกมาจากถุงมอบให้ทั้งสอง "ข้ารักท่านพ่อที่สุดเลยเจ้าค่ะ มีแต่ของน่ากินทั้งนั้น""ข้าเองก็รักท่านพ่อเช่นกันจะกินให้อร่อยนะขอรับ" "เจ้าทั้งสองชอบข้าเองก็ดีใจเช่นนั้นเจ้านั่งกินเสร็จก็อย่าลืมไปล้างมือกันด้วยนะ ""ขอรับ /เจ้าค่ะ" เขามองดูเด็ก ๆ กินอย่างเอร็ดอร่อยก่อนจะบอกให้เด็ก ๆ นั่งกินกันอยู่ที่นี่ส่วนเขานั้นจะนำของไปมอบให้แก่หานเสี่ยว์ เหิงเยว์เดินทอดขามาอย่างช้า ๆ ตั้งแต่ครั้งที่นางป่วยเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาเข้ามา "เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนไปเลย " เขาเอ่ยพึมพำเมื่อเห็นข้าวของทุกอย่างยังค
บทที่ 22 คำเตือนจากหญิงชรา"เจ้ามาที่ห้องของข้ามีเรื่องอันใด อีกอย่างข้าจะไปไม่ไปที่ใดก็เรื่องของข้า เจ้าไม่ต้องมายุ่ง" เมื่อหลบหลีกไม่ได้นางจึงต้องปกป้องตนเอง "เฮอะ ! นี่ท่านต้องการอันใดกันข้ามาครั้งก่อนข้าได้ยินว่าท่านพี่จะหย่ากับท่านแล้วเหตุใดท่านยังอยู่ที่นี่ ทำไมไม่หย่าไปเลยหรือว่าท่านมีแผนอันใดอีก ""จะให้ข้าบอกเจ้าอีกสักเท่าไหร่ถึงจะเข้าใจต่อให้ข้าจะหย่าไม่หย่าก็เรื่องของข้า ส่วนข้ามีแผนอันใดหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้า เจ้ามันก็แค่ญาติพี่น้องจงรู้จักที่ของตนเองเสียบ้าง อย่าพยายามหวังสูงเกินไปต่อให้ไม่มีข้า ท่านพี่เหิงเยว์ของเจ้าก็ไม่มีทางสนใจเจ้าหรอกนะ ออกไปจากห้องข้าและอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าของเจ้าอีก มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน" หานเสี่ยว์เหนื่อยที่จะต่อปากต่อคำจึงได้ขู่ให้นางกลัวและกลับไปเสีย "ที่ข้าออกไปเพราะไม่ได้หวาดกลัวท่านหรอกนะ คอยดูเถิดสักวันข้าจะเปิดเผยนิสัยที่แท้จริงของท่านด้วยตัวข้าเอง"ลู่ฟางกำมือแน่นก่อนจะเดินออกมาอย่างเจ็บใจ คิดหรือว่าสตรีเช่นนางจะเกรงกลัว นางจึงได้เก็บใจแค้นกลับไปวางแผนเพื่อที่จะกลับมาเอาคืนอย่าสาสม เมื่อนางเดินออกมาจากห้องอย่างฟัดเหวี่ยง
บทที่ 21 ไม่เห็นน้องเลยรุ่งสางมาเยือนหานเสี่ยว์ลืมตาขึ้นมาก็พบผนังห้องที่ไม่คุ้นเคย จนนางเกือบจะร้องกรี๊ดออกมาแต่ ก็นึกขึ้นมาได้ว่านางได้มานอนอยู่ที่ห้องของเหิงเยว์นางรีบเช็คเสื้อผ้าของตนเองก็พบว่าเสื้อผ้านั้นยังคงอยู่ที่เดิมความกังวลก็ลดลงเป็นโล่งใจนางมองดูคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ นางแต่กลับไม่พบเขาเลย หานเสี่ยว์จึงได้ลุกขึ้นเพื่อกลับห้องของตน"เจ้าตื่นแล้วหรือ"แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงของเหิงเยว์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างจิบชาอย่างสบายใจ"เห็นเช่นนี้แล้วยังจะถามอีกหรือเจ้าคะ ""เมื่อไหร่เจ้าจะพูดดี ๆ กับข้าเสียที""แล้วทีท่านล่ะต่อว่าโดยหารู้ความจริงไม่ ผู้ใดดีมาข้าก็ดีกลับ " พูดจบหานเสี่ยว์ก็ได้เปิดประตูกำลังเดินออกไป แต่แล้วก็ต้องพบว่าประตูนั้นก็กำลังถูกเปิดเข้ามาเช่นกัน "ท่านพี่เป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ ข้าเป็นห่วงจนนอนไม่หลับเลย" ลู่ฟางนางรีบมาหาเหิงเยว์ตั้งแต่เช้าตรู่ก็ต้องยืนชะงักใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มตอนนี้ก็ได้หุบลงทันทีเมื่อเห็นว่าหานเสี่ยว์อยู่ในห้องนอนของเหิงเยว์"ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร อย่าบอกนะว่าท่านมานอนกับท่านพี่ ไม่จริง! ท่านพี่รังเกียจท่านนี่น่าไม่มีทางออกไปนะข้าจะเข้าไปหาท่า