บทที่ 54 ออกหน้าปกป้องส่วนทางด้านถังลู่เหมย เวลานี้เธอยืนมองหนังสือรับรองการสมรสของตนเองกับฉินหยางตงด้วยความไม่เชื่อสายตา แต่ก็ไม่อาจทำอะไรที่เหมือนคนปกติเขาทำได้ เธอจึงทำทีส่องหนังสือเล่มนี้ด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา“ต่อไปนี้เธอคือภรรยาของพี่แล้วนะอาเหมย ต่อไปนี้พี่จะปกป้องอาเหมยเอง” ชายหนุ่มส่งสายตาพร้อมกับบอกถึงสถานะใหม่ด้วยความอบอุ่น พร้อมกับสรรพนามใหม่จาก ‘ฉัน’ เป็น ‘พี่’นี่คือครั้งแรกที่ฉินหยางตงอยากปกป้องใครสักคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับหน้าที่การงาน และถังลู่เหมยคงเป็นคนแรกที่เขาอยากดูแลและอยากอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต ไม่ว่าเธอจะเป็นอย่างไรก็ตาม“อืม อาเหมยจะเป็นภรรยาพี่ชาย” หญิงสาวพยักหน้าตอบรับและไม่ลืมที่จะยิ้มกว้าง ๆ ให้เขาแต่กลายเป็นว่าฉินหยางตงกล่าวเตือนในการเรียกตนเอง “ต่อไปอาเหมยต้องเรียกพี่ว่าสามี เข้าใจหรือเปล่า อย่าเรียกว่าพี่ชาย อาเหมยมีพี่ชายแล้วคือถังอี้คุน”พอเจอคำนี้เข้าไป ต่อให้จะแกล้งบ้าแค่ไหน ความหวั่นไหวในใจย่อมต้องก่อตัวขึ้น เลยทำให้แก้มของหญิงสาวเกิดริ้วแดงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ จนสามีหมาด ๆ อดเอ็นดูไม่ได้ จึงต้องยื่นมือมาบีบแก้มเธอเบา ๆ และถามอย่างอ่อนโยนอีกครั้ง“เ
บทที่ 55 คำมั่นสัญญาเมื่อทั้งสองคนหันไปตามเสียงก็พบว่าเป็นช่ายเหมยฮวาและถังอี้คุนเดินเข้ามาในร้านพอดี“อ้าวอาเหมย มาซื้อของเหรอ แล้วทำไมไม่บอก พี่จะได้พามา” ช่ายเหมยฮวาเมื่อเห็นว่าน้องสามีในนามอยู่ในร้านตัวเอง ก็ส่งเสียงทักทายด้วยความยินดีที่ได้พบ“พี่สะใภ้ พี่ใหญ่” ถังลู่เหมยทักทายทั้งสองคนกลับไปด้วยรอยยิ้มลูกค้าในร้านพากันเห็นการทักทายอย่างสนิทสนมนั้น จึงได้แต่ซุบซิบคุยกันเสียงเบาถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เลยทำให้พนักงานในร้านหน้าเสียทันที“พอดีผมพาอาเหมยมาจดทะเบียนสมรสและพาเธอมาซื้อของสักหน่อย แต่พอมาถึงร้านนี้ พนักงานกลับไม่ให้เราซื้อเสื้อผ้า แถมยังดูหมิ่นและไล่อาเหมยให้ออกจากร้านอีกต่างหาก บอกว่าอาเหมยไม่ควรจับเสื้อผ้าที่มีราคา เพราะว่ายากจนและเป็นคนบ้านนอก” ฉินหยางตงพูดออกไปให้ช่ายเหมยฮารับรู้ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจปกติแล้วชายหนุ่มไม่ใช่คนพูดมากอย่างนี้ เขาก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นคนขี้ฟ้อง แต่ทั้งหมดที่ทำลงไปก็เพราะต้องการปกป้องหญิงสาวคนหนึ่งที่ได้ชื่อว่าภรรยาตนเอง ซึ่งแม้แต่ช่ายเหมยฮวาก็ยังแปลกใจ ที่พี่ชายของเธอเปลี่ยนไปแบบนี้ แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้ นอกจากกลั้นขำ
บทที่ 56 คนผิดต้องได้รับโทษหลายวันต่อมา...แม้ว่าทั้งสองจะจดทะเบียนสมรสกันแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างสามีภรรยาเพราะบ้านยังสร้างไม่เสร็จ เรื่องการจ่ายเงินค่าช่างสร้างบ้าน ฉินหยางตงขอรับหน้าที่นี้เอง เพราะถึงอย่างไรเขาก็ต้องเข้ามาอยู่ด้วยอยู่แล้ว ตอนแรกบ้านรองถังคัดค้านในเรื่องนี้ แต่ชายหนุ่มบอกว่าเขาไม่ได้เดือดร้อนเงิน ทุกคนเลยปล่อยเลยตามเลยอย่างไรตอนนี้ฉินหยางตงได้ชื่อว่าเป็นลูกเขยของบ้านรองถังไปแล้ว หน้าที่ดูแลบ้านเขาก็มีส่วนไม่น้อยขณะที่ทุกคนกำลังทำงานอยู่นั้น มีสายโทรศัพท์โทรเข้ามาที่คอมมูน หัวหน้าคอมมูนก็เรียกฉินหยางตงให้มารับสาย เมื่อเขามารับสายแล้ว สิ่งที่เขาได้รับรู้จากสายข่าวคือหญิงคนสนิทของลั่วเค่อหยางก็คือหลานสาวจากบ้านใหญ่ถัง“เกิดอะไรขึ้นเหรอพี่หยางตง” ฉีหยวนกระซิบถามขึ้นเมื่อเจ้านายหนุ่มกลับมาทำงานด้วยกัน“สายข่าวแจ้งมาว่าผู้หญิงของลั่วเค่อหยางคือหลานสาวของบ้านใหญ่ถัง ถังถงซิน” ฉินหยางตงตอบออกมาเบา ๆเพียงเท่านี้ทั้งสามคนก็รู้แล้วว่านางนกต่อของลั่วเค่อหยางนั้นคือใคร และตอนนี้พวกเขาเข้าใกล้พ่อค้ามนุษย์มากขึ้นทุกทีแล้ว แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้“ส่งคนของเรา
บทที่ 57 สารภาพความจริงวันเวลาล่วงเลยมาเกือบเดือนแล้วที่ถังลู่เหมยและฉินหยางตงจดทะเบียนสมรสเป็นสามีภรรยากัน และตอนนี้บ้านที่สร้างก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อชาวบ้านเห็นว่าฉินหยางตงจ่ายเงินค่าก่อสร้างเองจึงรู้ได้ทันทีว่าเขาคือชายหนุ่มผู้ร่ำรวยจากเมืองหลวง และที่สำคัญบ้านหลังนี้มีไฟฟ้าใช้เนื่องจากหมู่บ้านนี้มีไฟฟ้าใช้แล้ว แต่ส่วนมากไม่มีใครต้องการ นั่นเพราะทุกคนคิดว่ามันคือภาระ แค่จุดเทียนจุดตะเกียงก็ได้แล้ววันนี้เมื่อบ้านรองถังย้ายเข้ามาอยู่บ้านใหม่ จึงเป็นที่ตื่นตาของชาวบ้านอย่างมาก เนื่องจากเครื่องเรือนต่าง ๆ ที่มีในบ้านนั้นล้วนเป็นของดีและของแพง จะว่าไปทั้งลูกเขยและลูกสะใภ้ของบ้านนี้ต่างก็ร่ำรวยกันทั้งนั้น จึงไม่แปลกถ้าจะมีบางคนอิจฉาตาร้อน“ย้ายเข้าบ้านใหม่ทั้งที ไม่คิดจะมีงานเลี้ยงหรือไง” หญิงชราคนหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างอิจฉา ในใจนั้นหวังว่าบ้านรองถังจะจัดเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่และเชิญชาวบ้านมาร่วมงาน บ้านของนางจะได้มากินอาหารฟรี โชคดีอาจจะได้กินอาหารจานเนื้อเหนียงฟางได้ยินก็รีบพูดขึ้นมา “เรื่องเลี้ยงหรือไม่เลี้ยงนั้นยังไม่ได้กำหนดวันหรอกนะต้องรอปรึกษากันก่อน” พูดจบก็เดินเข้าบ้านไปทันที ป
บทที่ 58 เตรียมงานแต่งงานแม้จะเชื่อคำพูดของเขา แต่คนยุคนี้มักจะยึดติดกับความเท่าเทียมของฐานะ ต่อให้คนรักจะพูดว่าไม่มีปัญหา แต่สำหรับถังลู่เหมยต้องเผื่อใจไว้ด้วยว่าแม่สามีอาจจะไม่ชอบเธอก็ได้ เพราะเธอเป็นเพียงลูกสาวชาวบ้านในชนบทที่ห่างไกลเท่านั้น“พี่อย่าลืมนะคะว่าฉันเป็นเพียงลูกสาวชาวบ้านธรรมดา ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไรเลย ส่วนตัวพี่เองเป็นถึงยุวปัญญาชนจากเมืองหลวง แม้ว่าจะไม่รู้ว่าพี่ทำงานอะไร แต่พี่เป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลฉิน ที่บ้านมีกิจการมากมายที่เมืองหลวง แถมพ่อของพี่ยังรับราชการอีก แค่นี้ก็เห็นความห่างชั้นระหว่างเราสองคนมากความจริงพี่ไม่เหมาะที่จะมาเป็นสามีของชาวบ้านธรรมดา ที่ในอดีตเคยเป็นหญิงบ้าแบบฉันหรอก แต่ในเมื่อพี่ให้คำสัญญาแบบนี้แล้ว ต่อให้พ่อแม่ของพี่จะไม่ชอบฉันอย่างไร คืนนี้อาเหมยขอสัญญาว่า จะทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะใจพ่อแม่สามีให้ได้ค่ะ เพื่อครอบครัวของเรา”ถังลู่เหมยพูดทุกอย่างออกมาจากใจด้วยความมุ่งมั่นแต่ก็แฝงไว้ด้วยความอ่อนหวานในเมื่อเลือกที่แต่งงานกับผู้ชายคนนี้แล้ว ถังลู่เหมยเลยบอกกับเขาว่าในอนาคตเมื่อเจอกับพ่อแม่สามี ต่อให้คุณนายฉินจะไม่ชอบตนเองอย่างไร แต่เธอก็สัญญ
บทที่ 59 งานแต่งที่รอคอย“ก่อนหน้านี้น่ะใช่ครับ แต่เวลานี้เหมือนมันจะเปลี่ยนที่พักทุกวันครับ ส่วนที่กบดานจริง ๆ ยังไม่มีใครรู้ ส่วนกลุ่มคนไร้บ้านดูเหมือนเขาจะดูแลกันเองครับ” ลูกน้องอีกคนตอบกลับมาทันที เขาก็ไม่รู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังของคนกลุ่มนี้จริง ๆ คือใคร“อาหยวน ต่อไปให้จัดการเรื่องภาพถ่ายของลั่วเค่อหยางและคนของมันมาหลายใบหน่อย แล้วส่งให้กับสมาชิกกลุ่มของคนไร้บ้าน รู้ใช่ไหมว่าใครคือหัวหน้ากลุ่ม บอกกับเขาไปว่าฉันต้องการที่กบดานของมัน ราคาแพงแค่ไหนฉันยอมจ่ายไม่อั้น เรื่องนี้ควรจะจบเสียที” ฉินหยางตงสั่งการออกไปอย่างเด็ดขาดชายหนุ่มยอมจ่ายเพราะที่นี่ไม่ใช่พื้นที่ของตัวเอง อีกอย่างเขาไม่อยากบ้าบิ่นเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว นั่นเพราะเขามีคนที่ต้องปกป้องและดูแลแล้วอย่างไรล่ะ“ครับผู้กอง ผมจะรีบจัดการให้เรียบร้อย” ฉีหยวนตอบรับทันที เขามีภาพถ่ายของกลุ่มลั่วเค่อหยางติดตัวมาด้วย จึงจะรีบจัดการตามที่เจ้านายสั่งทันที เขาเองก็อยากจะจบเรื่องนี้แล้วเหมือนกัน เพราะรู้สึกสงสารเด็กสาวที่หายไปเหลือเกิน ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของพวกเธอจะเป็นอย่างไรบ้างหลังจากนั้นทั้งหมดปรึกษาและพูดคุยกันอีกกว่าสองชั่วโมงก่อ
บทที่ 60 ศพที่ 4ย้อนกลับมาห้องหอของถังลู่เหมย หญิงสาวนั่งรอสามีอยู่พักใหญ่ ฉินหยางตงก็ถูกสหายที่ทำงานในคอมมูนด้วยกันและลูกน้องอย่างฉีหยวนและต้าหมิงพาตัวมาส่ง เพราะสภาพของเขานั้นเดินแทบไม่ไหวจากการดื่มมากจนเมา“อาเหมย พวกเราพาพี่หยางตงมาส่ง ขอให้มีความสุขในวันแต่งงานนะ” ต้าหมิงเป็นคนพูดกับเจ้าสาวที่อยู่ใต้ผ้าคลุมหน้า หลังจากวางร่างเจ้านายลงที่เก้าอี้ใกล้ ๆ เธอ“ขอบคุณพี่ ๆ ที่มาส่งพี่หยางตงนะคะ” ถังลู่เหมยก้มศีรษะเล็กน้อยขณะที่พูดขอบคุณ“เห้อ ได้เข้าหอเสียที” เมื่อทุกคนออกไปแล้ว ฉินหยางตงก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรงและพูดขึ้น อาการของคนเมาเมื่อครู่นี้หายไปในพริบตาทันที จากร่างที่ซวนเซ ตาปรือเหมือนคนเมาหนัก กลายเป็นแววตาของหมาป่าเจ้าเล่ห์ที่เตรียมพร้อมจะขยำกวางน้อยเพื่อกินลงท้อง ท่าทางของเขาทำให้หญิงสาวมองค้อนสามีอย่างหมั่นไส้ “หายเมาเร็วจังเลยนะคะสามี” ถังลู่เหมยพูดขึ้นมาคล้ายกับหยอกล้อเล็กน้อย“ครับ พออยากเห็นใบหน้าที่งดงามของเจ้าสาว เจ้าบ่าวอย่างพี่เลยหายเมาทันที” เขาไม่ยอมถูกล้ออยู่ฝ่ายเดียวแน่นอน จึงพูดออกมาด้วยแววตาเปล่งประกายพอถูกหยอกล้อกลับมาจากสามี ใบหน้าของถังลู่เหมยก็แดงขึ้
บทที่ 61 ไม่ปิดบังอีกแล้ว“ลู่เหมย อย่าไปเล่นตรงนั้นสิ รอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาก่อน”ถังลู่เหมยเมื่อถูกสั่งห้ามอย่างนั้น จึงส่งสายตาให้กับพี่ชายและฉินหยางตง คล้ายกับขอความช่วยเหลือ“อาเหมยไม่ทำลายสถานที่เกิดเหตุหรอก เธอก็แค่เล่นเป็นนักสืบเท่านั้นเอง กล้องตัวนี้ก็ของเล่นที่ทำอะไรไม่ได้ เดี๋ยวฉันจะดูแลเธอเอง” ถังอี้คุนพูดขึ้นมาอย่างปกป้อง เพื่อไม่ให้ชาวบ้านตำหนิน้องสาว“อาเหมยเอามาให้สามีได้ไหม เดี๋ยวสามีถ่ายให้เอง” ฉินหยางตงพูดกับภรรยาอย่างอ่อนโยนเขารู้ดีว่ากล้องถ่ายรูปที่ภรรยากำลังถืออยู่นั้นเป็นของจริงไม่ใช่ของที่พังหรือว่าของเล่น อีกทั้งกล้องแบบนี้ดูจะสมัยใหม่ ซึ่งเขาเองอาศัยอยู่ที่ปักกิ่งก็ยังไม่เคยเห็นกล้องถ่ายรูปแบบนี้มาก่อน ทำให้เขาแปลกใจและสงสัยไม่น้อย แต่ก็ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปก่อนโดยไม่ถามอะไรเธอ“อืม สามีเล่นกับอาเหมยนะ” ถังลู่เหมยยิ้มกว้างออกมาและยื่นกล้องถ่ายรูปส่งให้สามี พร้อมกับแกล้งสอนเขาว่าทำอย่างไรหลังจากที่คิดว่าเก็บหลักฐานได้ครบจนพอใจแล้ว ฉินหยางตงจึงหันมาสบตากับภรรยาอีกครั้ง แม้จะไม่รู้ว่าเธอจะรู้เรื่องอะไรบ้าง แต่ที่สัมผัสมานานพอสมควร เขารู้ว่านอกจากเธอไม่ได้บ้าแล
บทส่งท้าย ครอบครัวที่สมบูรณ์หลังจากวันนั้นนี่ก็ผ่านมาสองสัปดาห์แล้ว เรื่องที่ช่ายจื่อเฉิงจัดการก็เงียบไปเหมือนกัน ไม่มีใครรู้ว่าเขาจบเรื่องนี้ด้วยวิธีใด และไม่มีใครได้พบเห็นสามแม่ลูกนั้นอีกเลย บ้างก็ว่าปี้เจียวหลานหนีตามใครบางคนไปส่วนทั้งสองคนนั้นก็มีข่าวลือว่าไม่ใช่ลูกของนายท่านช่าย ในวงสังคมต่างพูดถึงเรื่องนี้และมีข่าวลือแตกต่างกันไปคนละแบบ ซึ่งไม่รู้ว่าอันไหนคือเรื่องจริง อันไหนคือเรื่องเท็จ แต่สิ่งที่จริงนั้นคือทั้งสามคนหายไปจากวงสังคมของปักกิ่ง“ความโหดร้ายของช่ายจื่อเฉิงไม่มีใครเทียบได้หรอก สมัยที่เขายังเป็นหนุ่มก็พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นฝีมือ กว่าเขาจะไต่เต้าขึ้นมาได้จนมีทุกอย่างเหมือนทุกวันนี้ก็ไม่ใช่เล่น ๆ เหมือนกัน” ฉินจิ้งเหยาพูดขึ้นมาท่ามกลางทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องโถง“ช่างมันเถอะค่ะคุณลุง อย่างไรเรื่องราวก็จบลงแล้ว ฉันเองก็ไม่อยากรับรู้ว่าสามคนแม่ลูกนั่นไปอยู่ที่ไหน ขอแค่ไม่มาวุ่นวายกับพวกเราก็พอแล้วค่ะ”ช่ายเหมยฮวาพูดขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ เธอไม่อยากรับรู้อะไรมากนัก แต่คิดว่าทั้งสามคนคงยังมีชีวิตอยู่ เพราะตอนนี้เธอเองก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ จึงขอร้องพ่อไปว่าไม่ว่าพ่อจะจัดการสาม
บทที่ 87 ได้เวลาจัดการให้สิ้นซาก“พี่รู้สึกไม่ค่อยดีน่ะ ลางสังหรณ์มันบอกอะไรแปลก ๆ ทำให้พี่ไม่สบายใจ เลยอยากกลับมาเยี่ยมคุณพ่อ” เธอตอบกลับน้องสะใภ้ไปตามตรงเพราะสายตาซ่อนความกังวลไว้ไม่มิด“อย่าเพิ่งคิดมากเลยนะคะ อาจจะไม่มีอะไรก็ได้ เดี๋ยวรอพี่หยางกลับมาก่อนค่อยปรึกษากันอีกทีว่าจะทำอย่างไร” ถังลู่เหมยพูดขึ้นและจับมือพี่สะใภ้ไว้เพื่อปลอบโยน จะว่าไปเรื่องนี้เธอก็ไม่รู้สถานการณ์ในบ้านตระกูลช่ายเลย เพราะไม่เคยสอบถามสามีถึงเรื่องบ้านของพี่สะใภ้ เธอรู้เพียงว่าพี่สะใภ้ใหญ่นั้นไม่ลงรอยกันกับแม่เลี้ยงตนเอง รวมถึงน้องทั้งสองคนที่เกิดจากแม่เลี้ยงด้วย“เรื่องตระกูลช่าย ลุงสืบมาให้เรียบร้อยแล้ว รอหลานมาจัดการด้วยตนเอง แต่ยังไม่มีเวลาที่จะส่งข่าวไป ไม่คิดว่าวันนี้เหมยฮวาจะมาด้วยตนเอง” จังหวะนั้นนายท่านฉินที่เดินลงมาจากชั้นบนก็พูดขึ้น แม้จะมีรอยยิ้มบนใบหน้าแต่แววตาก็ฉายแววกังวลออกมาเรื่องที่เขาให้คนสืบไว้นั้นจะว่าดีก็ดี จะว่าร้ายก็ร้าย แต่ถึงอย่างไรให้หลานสาวตัดสินใจด้วยตนเองดีกว่า อีกอย่างเขากับน้องเขยก็ไม่ได้สนิทติดเชื้อกันมากนัก จะมาให้เจ้ากี้เจ้าการเรื่องในครอบครัวอีกฝ่ายก็คงเป็นไปไม่ได้ อีกทั้ง
บทที่ 86 ครอบครัวพร้อมหน้าหญิงสาวที่ถูกมัดอยู่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเรียบนิ่ง แต่ดวงตานั้นกลับแข็งกร้าวขึ้นเรื่อย ๆ พูดจบถังลู่เหมยก็ลุกขึ้น พร้อมกับเชือกที่มัดแขนอยู่ก็หลุดออกอย่างง่ายดาย จากนั้นจึงเดินมายืนประจันหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาดุดัน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงลอดไรฟันออกมาว่า “แบบนี้ฉันคงปล่อยให้เธอใช้ชีวิตตามใจชอบอีกไม่ได้แล้วนะ หลี่ซิงหง”“ทะ ทำไมแกไม่ได้ถูกมัดไว้เหรอ” หลี่ซินหงเห็นอย่างนั้นก็ตกใจสุดขีด เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะไม่ถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือก ก่อนจะมองรอบ ๆ และเมื่อเห็นว่าชายฉกรรจ์ที่คิดว่าเป็นคนของตนเองไปยืนอยู่ด้านหลังของอีกฝ่าย ก็เข้าใจได้ทันทีว่าเธอติดกับดักแล้ว ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงที่เคียดแค้น“แกก็ไม่ใช่คนที่นี่สินะ แกมัน...”คราวนี้ถังลู่เหมยไม่ตอบคำถามนี้ และไม่รออีกฝ่ายพูดจนจบประโยค เธอเลือกที่จะเดินไปใกล้กว่าเดิม ก่อนจะกระซิบด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยมว่า “หุบปากของหล่อนให้สนิท ถ้าพูดเรื่องนี้ออกมาแม้แต่คำเดียว วันนั้นจะเป็นวันที่เธอพูดไม่ได้ไปตลอดชีวิต เพราะฉันจะตัดลิ้นของเธอออกมาย่างให้หมากิน จำไว้”พูดจบเธอเดินไปหาสามีที่ยืนฟังเรื่องราวทั้งหมด ก่อนจะมีเ
บทที่ 85 จัดการขั้นเด็ดขาดถังลู่เหมยและป๋ายหลานกลับบ้านด้วยรถยนต์ของตระกูลฉินเหมือนเดิม แต่ในขณะที่กำลังนั่งรถอยู่นั้น ก็มีรถยนต์ขับตามมาหนึ่งคัน ก่อนที่รถคันนั้นจะขับแซงขึ้นมาและปาดหน้าให้รถที่ถังลู่เหมยนั่งอยู่จอดลงอย่างกะทันหัน“เกิดอะไรขึ้น” ป๋ายหลานถามขึ้นด้วยความตกใจ พร้อมกับกุมมือลูกสะใภ้ไว้แน่น“มีรถมาจอดปาดหน้ารถของเราครับคุณนาย น่าจะเป็นโจรมาปล้น” คนขับรถวัยกลางคนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนกเล็กน้อย“ตายแล้ว แล้วเราจะทำยังไงดีละเนี่ย” ป๋ายหลานพูดขึ้นมาอย่างตกใจมากกว่าเดิม แม้ว่าเรื่องนี้ลูกชายกับสะใภ้บอกว่ามันอาจจะเกิดขึ้นและทั้งสองหาทางแก้ไขไว้แล้วก็ตาม“ไม่ต้องกลัวนะคะ คุณแม่อยู่ในรถก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันจะไปดูเอง” ถังลู่เหมยบีบมือของแม่สามีเบาๆ ก่อนจะตอบกลับด้วยท่าทีปกติ โดยไม่มีอาการหวาดกลัวใด ๆ เลย“ระวังตัวด้วยนะอาเหมย” ป๋ายหลานบอกกับลูกสะใภ้อย่างเป็นห่วง“ค่ะคุณแม่” หญิงสาวรับปากแม่สามี จากนั้นก็พูดกับคนขับรถว่า“ลุงไม่ต้องลงไปหรอกค่ะ ดูแล้วพวกมันมาไม่กี่คนเอง เดี๋ยวฉันจัดการได้ อีกอย่างมีคนของพี่หยางตงแอบติดตามมาด้วย แต่หากเกิดอะไรขึ้นก็รีบพาคุณแม่ไปยังที่ปลอดภัยห
บทที่ 84 ซ้อนแผน“ได้สิ พี่เคยบอกแล้วว่าหากเหมยฮวาอยากไปเมื่อไร พี่ก็พร้อมจะพาไปเสมอ ถ้าอย่างนั้นเราไปปักกิ่งกันเถอะ พี่เองก็ไม่เคยได้พบพ่อตามาก่อน อย่างน้อยก็ได้ไปยกน้ำชาสักครั้งก็ยังดี” ถังอี้คุนพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนแม้ว่าเขากับภรรยาจะจดทะเบียนและแต่งงานกันอย่างถูกต้องแล้ว แต่เรื่องที่พบหน้ากับพ่อตานั้น เขายังไม่เคยเจอและไม่เคยยกน้ำชามาก่อน ซึ่งมันก็คงไม่ดีแน่หากใครได้รับรู้เรื่องนี้ ดังนั้นการที่ภรรยาคิดจะเดินทางไปปักกิ่งในครั้งนี้ เขาจึงเห็นว่าสมควรแล้ว“ถ้าลูกทั้งสองคนตั้งใจจะไปปักกิ่ง พ่อกับแม่ก็ตั้งใจจะไปกับลูกด้วย การเอาลูกสาวของเขามาโดยไม่มีการพูดจาสู่ขอกับพ่อของเหมยฮวา พ่อก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกัน ไปครั้งนี้จะได้สู่และให้ทั้งสองคนยกน้ำชาให้ถูกต้อง” ถังเยี่ยพูดขึ้นมาหลังจากได้ยินความตั้งใจของลูกชายและสะใภ้ ซึ่งเรื่องนี้ก็ติดอยู่ในใจของเขาและภรรยามาตลอด เขามีลูกสาวก็เข้าใจในเรื่องนี้ดี“อย่างนั้นพวกลูกหลานไปกันเถอะนะ เดี๋ยวแม่กับตาเฒ่าจะเฝ้าบ้านให้เอง” ย่าถังพูดสนับสนุนขึ้นมา เมื่อได้ยินลูกและหลานพูดถึงเรื่องที่จะไปปักกิ่งเพื่อทำทุกอย่างให้ถูกต้อง“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปกันทั้งหมด
บทที่ 83 ข่าวสำคัญหลังจากวันนั้น นี่ก็ผ่านมาเกือบสัปดาห์แล้วที่หลี่ซินหงไม่สามารถดำเนินการตามแผนการที่วางไว้ได้ นั่นก็เพราะว่าถังลู่เหมยนั้นไม่ได้ออกจากบ้านตระกูลฉินอีกเลย เพราะผู้เป็นแม่สามีได้ซื้อของมากมายมาให้เธอจนแทบจะใช้ไม่หมดอยู่แล้ว ซึ่งแม้จะอยากออกไปหาลู่ทางเพื่อทำการค้าของตนเอง แต่เธอก็ไม่ขัดขืนเพราะไม่อยากทำให้ทุกคนลำบากใจ โดยเฉพาะสามีของเธอทุกวันถังลู่เหมยจะทำอาหารให้ทุกคนในบ้านกิน และนั่งฟังแม่สามีเล่าเรื่องต่างๆ ในปักกิ่งให้ฟัง ป่ายหลานสอนมารยาทการเข้าสังคมให้เธออย่างใส่ใจ ซึ่งถังลู่เหมยก็ไม่ขัดอะไรเพราะเห็นสีหน้าของแม่สามีดูมีความสุขที่ได้สอนและจับเธอแต่งตัว“อาเหมยอีกสามวันจะมีงานสังคม โดยตระกูลฉินเป็นประธาน เธอเตรียมตัวด้วยนะ แม่จะพาอาเหมยออกงานอย่างเป็นทางการ” ป๋ายหลานเดินมาบอกลูกสะใภ้ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องโถง ถึงเรื่องที่ตระกูลฉินจะเป็นประธานในงานเลี้ยงสมาคมการค้าในครั้งนี้ และเธอตั้งใจให้สะใภ้ได้ไปร่วมงานด้วย หลายวันมานี้เธอยอมรับสะใภ้คนนี้ได้อย่างเต็มหัวใจแล้ว ถังลู่เหมยได้ยินอย่างนั้นก็อมยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงดีใจเพราะนี่คือการยอมรั
บทที่ 82 นี่คือลูกสะใภ้ฉันหลังจากที่หลี่ซินหงกลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลหลี่ เธอเอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จากับใคร จนผู้เป็นแม่ต้องเอ่ยถามด้วยความไม่สบายใจ“ลูกยังคิดมากเรื่องของผู้กองฉินเหรอ”“ฉันก็ไม่อยากคิดมากหรอกนะคะแม่ แต่เมื่อใจมันรักไปแล้วก็ยากที่จะห้าม เวลานี้ฉันเลยรู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ต้องทำใจว่าฉันคงไม่มีวาสนาได้เป็นคนที่เขารัก”หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและแสร้งบีบน้ำตาออกมาเล็กน้อย เพื่อให้ผู้เป็นแม่เห็นใจและสงสาร แต่ความจริงแล้วเธอไม่ได้รักเขามากมายขนาดนั้น เธอเพียงแค่ต้องการเขามาเป็นของเธอก็เท่านั้นเอง อีกทั้งตระกูลฉินก็ร่ำรวยอีกด้วย “ดีแล้วที่ลูกทำใจได้ อย่างไรก็มองหาคนใหม่ก็ได้นะลูก เผื่อว่าเขาจะรักลูกแม่ด้วยใจจริง”หย่วนเฟิงพูดกับลูกสาวอย่างอ่อนโยนและดีใจที่ลูกทำใจได้แล้ว เพราะต่อให้อยากเกี่ยวดองกับตระกูลฉินมาก แต่เธอก็ไม่อยากให้ลูกไปแย่งสามีของใคร อย่างน้อยในปักกิ่งนี่ก็ไม่ได้มีแค่ลูกชายจากตระกูลฉินเท่านั้นที่คู่ควรกับลูกสาวของเธอขณะที่กำลังปลอบใจลูกอยู่นั้น เธอไม่รู้เลยว่าเวลานี้หลี่ซินหงมีประกายตาอย่างชิงชังขึ้นมา โดยที่ไม่รู้ว่าในใจของเธอนั้นกำลังคิดอะไ
บทที่ 81 เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เองเขาไม่คิดจะโทษภรรยาที่จะพูดอย่างนั้นกับแม่ตนเอง เพราะเชื่อว่าเธอคงจะเหลืออดแล้วเหมือนกัน ถึงได้โต้แย้งแบบนั้น“หยางตง” ป๋ายหลานเรียกลูกชายเสียงดังเมื่อได้ยินคำพูดของเขา ส่วนสองแม่ลูกก็หน้าซีดลงทันควัน“สามี อาเหมยเหนื่อยแล้ว” ถังลู่เหยเห็นสถานการณ์เริ่มตึงเครียดก็พูดออดอ้อนสามีและแสร้งอ่อนแอออกมาเพื่อแก้สถานการณ์ เธอนั้นตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะส่งข่าวหาอู่เหลย เพื่อให้คนของเขาสืบเรื่องลูกสาวตระกูลหลี่คนนี้ เพราะท่าทางที่เธอเห็นคือแม่ดอกบัวขาวชัด ๆอีกทั้งยังมองสามีของเธอเหมือนอยากจะกลืนกินเขาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ขณะเธอเป็นผู้หญิงด้วยกันยังกลัวอีกฝ่ายเลย ที่บอกว่ากลัวไม่ได้กลัวอะไรหรอกนะ แต่กลัวสายตาของเธอจะฉกสามีไป ฉินหยางตงเป็นคนตรงๆ คงไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมมายาของแม่ดอกบัวขาวคนนี้“ถ้าอย่างนั้นเราขึ้นข้างบนเถอะครับ สามีจะพาภรรยาไปพักผ่อนเอง”ฉินหยางตงเห็นแบบนั้นก็โอบเอวภรรยาไว้อย่างรักใคร่และพูดกับเธออย่างอ่อนหวาน ก่อนจะหันไปพูดกับพ่อแม่ด้วยน้ำเสียงที่ปกติ“ผมขอตัวก่อนนะครับ พวกเราสองคนเดินทางมาเหนื่อย ๆ ยังไงก็ขอไปพักผ่อนสักหน่อย หากแม่ยังอยากจะรับแขกต่
บทที่ 80 มาถึงก็เจอแม่ดอกบัวขาวทันทีฉินหยางตงและถังลู่เหมยทั้งสองนั่งรถรับจ้างกลับมาที่ตระกูลฉิน เมื่อมาถึงชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยเพราะเห็นว่ารถของตระกูลหลี่จอดอยู่ที่หน้าบ้าน จนทำให้ถังลู่เหมยสงสัยขึ้นมา“มีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอเอียงหน้าถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นสีหน้าของสามี“น่าเบื่อครับ พี่ปฏิเสธแล้วแต่บ้านหลี่ก็ยังไม่...เฮ้อ” ชายหนุ่มมองไปที่รถยนต์ที่จอดอยู่แล้วพูดขึ้น เขาไม่รู้จะบอกอย่างไร เนื่องจากกลัวว่าภรรยานั้นจะโกรธที่พอมาถึงวันแรกก็มีผู้หญิงมารอที่บ้าน“ลูกสาวบ้านหลี่คือคนที่แม่พี่อยากจะให้พี่แต่งงานด้วยใช่ไหมคะ” เธอมองตามสายตาของสามีและถามกลับไปอย่างไม่อ้อมค้อม เนื่องจากเรื่องนี้ชายหนุ่มเล่าให้เธอฟังบ้างแล้ว“ครับ” ฉินหยางตงพยักหน้ารับอย่างไม่สบายใจ“ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไรค่ะ ฉันเชื่อใจพี่ เพราะไม่ว่าอย่างไรพี่คือสามีของฉันคนเดียว ฉันเชื่อว่าพี่รักฉันคนเดียว แค่นี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ” ถังลู่เหมยพูดออกมาไปพร้อมยิ้มหวานให้กับสามีเธอนั้นเชื่อใจสามี เพราะตลอดเวลาที่แต่งงานกันมา เขาไม่เคยทำเธอหวาดระแวงเลยสักครั้งเดียว มีแต่แสดงความรักกับเธอจนเธอจะเป็นเบาหวานตายอยู่แล้ว“แ