71 : ลอบสังหารในโรงเตี๊ยม เซี่ยซือซือกางแผนที่หนังแกะดูอยู่บ่อยครั้ง นางหารือกับถานจ้านตลอดการเดินทาง ทั้งคู่ทำหน้าที่บังคับรถม้าเคียงข้างกัน บนศีรษะของพวกเขามีหมวกสานใบใหญ่ครอบอยู่ เซี่ยซือซือซื้อหมวกที่มีผ้าโปร่งแสงติดอยู่ นางไม่อยากให้เศษฝุ่นปลิวเข้าตา เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็รัดแขนให้ทะมัดทะแมง ทั้งคู่ทดลองบังคับรถม้าแค่ไม่กี่ครั้ง ก็สามารถออกเดินทางได้ นับว่าเป็นความสามารถ แบบก้าวกระโดดทั้งสองคน เซี่ยซือซือนอกจากจะให้น้ำพุวิเศษแก่คนแล้ว นางยังมอบน้ำพุวิเศษให้ม้าทั้งสองตัวอีกด้วย พวกมันดูกระฉับกระเฉงขึ้นทันตา พอถึงทางตรงก็ออกแรงวิ่งอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มีชะลอแค่ช่วงที่เป็นเส้นทางขรุขระและเป็นหลุมบ่อมากเกินไป เซี่ยซือหยางร้องไห้จนเหนื่อย และหลับอยู่ในอ้อมกอดของนางถานไป โชคดีที่เซี่ยซือซือซื้อผ้าห่มบุปุยฝ้ายอย่างหนามาด้วย นางต้องการใช้ปูให้ทุกคนได้นอนบนรถม้า กระทั่งเบาะนั่งตรงคนขับนางก็หาซื้อแบบหนาพิเศษมา “ด้านในเป็นอย่างไรบ้าง” ถานจ้านถามเมื่อถึงเส้นทางผ่านป่าไผ่ เขาบังคับรถม้าให้วิ่งไปช้า ๆ คนในรถม้าด้านหลังเงียบเสียงไปนานแล้ว จึงให้ภรรยาเข้าไปส่อง
72 : ข้าไม่ใช่หมอจะมีย่ามยาได้อย่างไร จ้าวเลี่ยงหลิงมองดูองครักษ์ของตนด้วยสายตาเคร่งเครียด เขาเดินทางออกมาปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของบิดา ให้เดินทางไปยังเมืองเว่ย์ ระหว่างทางกลับเจอคนลอบทำร้ายมาตลอด ซ้ำร้ายยังเจอข้าศึกบุกโจมตีแต่ละเมืองที่เดินทางผ่าน ทำให้เขาต้องเปลี่ยนเส้นทางไปเมืองเว่ย์ จนได้มาเข้าพักที่โรงพักม้าแห่งนี้ ไม่คิดว่าคนร้ายยังตามมาสังหารเขาในค่ำคืนนี้อีก คนของเขาได้รับบาดเจ็บหนัก และหาหมอรักษาได้ยากยิ่งนัก “มู่เหยียนเค้นคอพวกมันได้การหรือไม่” “พวกมันชิงฆ่าตัวตายไปเสียก่อน ขออภัยที่ข้าไม่อาจสืบหาคนจ้างวานได้” จีมู่เหยียนเป็นองครักษ์พระจำตัวของจ้าวเลี่ยงหลิง คนร้ายที่ถูกจับกุมชิงกัดยาพิษที่ซ่อนไว้ในฟัน กระอักเลือดตายไปต่อหน้าต่อตา ทำให้เขาไม่อาจสืบหาความจริงได้ “เจ้าว่าใช่คนของรัชทายาทหรือไม่” “เรื่องนี้ข้าไม่อาจออกความเห็นได้ขอรับ” “ช่างเถอะ ข้าไม่ได้มีกองทหารที่เป็นภัยต่อรัชทายาทเสียหน่อย เหตุใดยังมุ่งเป้ามาสังหารข้าอีก” “เกรงว่าอาจจะเป็นเรื่องที่ท่านเดินทางไปยังเมืองเว่ย์ ท่านอ๋องเจ็ดมีกองกำลัง
73 : พี่จ้านข้าขอโทษ คนบ้านสกุลถานนอนหลับสนิทจนถึงเช้า พวกเขาตื่นมาอีกทีเป็นเวลายามเฉิน[1]แล้ว นางถานเป็นคนตื่นนอนคนแรก นางมองดูลูกชายลูกสะใภ้ นอนกอดกันกลมบนเตียงนอน หัวใจพลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นทั้งคู่ได้นอนด้วยกัน “ท่านป้าเช้าแล้วหรือ” เซี่ยซือหยางลุกขึ้นมานั่งขยี้ตาแบบงุนงง “เช้าแล้วเจ้านอนต่ออีกหน่อยดีหรือไม่เสี่ยวซือหยาง” “อื้ม” เจ้าตัวน้อยทิ้งตัวลงไปนอนอีกหน นางถานลูบศีรษะของเขาเบา ๆ ก่อนดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้เซี่ยซานซาน ให้พวกเขานอนต่ออีกสักหน่อยก็แล้วกัน ตัวนางลุกออกจากห้องไป ให้คนหาน้ำมาล้างหน้าล้างตา จากนั้นก็เดินไปถามเสี่ยวเอ้อร์ ว่าทางโรงเตี๊ยมสามารถเตรียมอาหารเช้าให้ได้หรือไม่ “ห้องครัวของเรายังสามารถทำอาหารได้อยู่ขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์ตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “เช่นนั้นก็ดี” นางถานเลือกรายการอาหารง่าย ๆ สำหรับมื้อเช้าของทุกคน กลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง ทุกคนกลับตื่นนอนกันหมดแล้ว นางเลยให้คนยกน้ำเข้ามาให้ล้างหน้าล้างตากัน “ข้าสั่งเขาทำมื้อเช้าให้แล้ว พวกเราไปนั่งกินที่ห
74 : ซือซือเจ้ามีตาทิพย์ใช่ไหม เซี่ยซือซือเจอสถานที่สำหรับพักแรมคืนนี้แล้ว เป็นลานโล่งมีต้นไม้ใหญ่อยู่สองต้น นางสามารถก่อไฟทำอาหารมื้อค่ำได้ ลานโล่งแห่งนี้หากมีคนร้ายมุ่งมาหาจริง พวกนางก็ขึ้นรถม้าหลบหนีได้ง่ายขึ้น กระโจมหนึ่งหลังถูกตั้งขึ้นอย่างรวดเร็ว “ดีที่ซือซือคิดเร็วทำเร็ว หาซื้อกระโจมติดรถม้ามาด้วย พวกเราเลยไม่ต้องกลัวยุงจะกัดยามค่ำคืน” นางถานเอ่ยชมลูกสะใภ้ไม่ขาดปาก “ท่านพี่” เซี่ยซือหยางทำตัวอ้อนท่านพี่ของเขาหลังกินมื้อค่ำเสร็จแล้ว “ไม่ได้” ถานจ้านรู้เจตนารมณ์ของเขาดี จึงเอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน “ข้ายังไม่ได้เอ่ยอันใดเลย พี่เขยรู้ได้อย่างไร ว่าข้าอยากนอนกับท่านพี่” “น้องเล็กความต้องการของเจ้ามันแปะติดหน้าผากอยู่” เซี่ยซานซานล้อน้องชายขำ ๆ มีอยู่ไม่กี่เรื่องที่เซี่ยซือหยาง ทำตัวออดอ้อนน่ารักเช่นนี้ “ไอหยา หน้าผากข้า ท่านพี่แกะออกให้ข้าที” “เจ้านี่ซื่อเกินไปแล้วนะน้องเล็ก อาซานนางก็แค่หลอกเจ้าเล่น มีที่ไหนกัน” เซี่ยซือซือทำนิ้วดีดใส่หน้าผากของน้องเล็ก “นี่แนะ ข้าดีดออกไปแล้ว” เจ้าตัวน้อยทำหน้างุ
75 : คุณชายท่านกับข้า เป็นคนแปลกหน้าต่อกันนะเจ้าคะ คืนนี้เซี่ยซือซือไม่กล้าพักในโรงเตี๊ยม นางเลือกกางกระโจมริมทาง ห่างจากตัวตำบลเพียงเล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่ามีศัตรูของพวกเขาดักรออยู่หรือไม่ อาการของทั้งสองดีขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างทางก็ตื่นขึ้นมากินน้ำกินข้าวได้อยู่ เซี่ยซือซือมอบรถม้าให้พวกเขานอนคืนนี้ ส่วนครอบครัวของนางนอนกระโจมกันตามเดิม เซี่ยซือหยางดูจะสงสัย เหตุใดถึงมีคนอื่นร่วมเดินทางได้ เขาเดินไปแอบดูคนบนรถม้าอยู่บ่อยครั้ง “เจ้ามีอันใดอยากถามก็ถามมา” จีมู่เหยียนส่งสายให้เขาเข้าไปหาใกล้ ๆ “ท่านอาพวกท่านเป็นใคร” เซี่ยซือหยางไม่ได้กลัวพวกเขา ก้าวเท้าสั้น ๆ ไปหยุดอยู่ตรงหน้าของจีมู่เหยียน “ข้าเป็นคนที่พักโรงเตี๊ยมเดียวกันกับพวกเจ้า เมื่อคืนก่อนโน้นอย่างไรล่ะ พอดีเกิดเรื่องขึ้นพี่สาวของเจ้า เลยให้ร่วมเดินทางมาด้วยกัน” “เช่นนี้นี่เอง ข้านึกว่าท่านพี่ไปเก็บมาจากข้างทาง” จีมู่เหยียน “...” ไม่ผิดเลยหากจะเรียกว่าเก็บมา เพราะนางเข้าไปกวักมือเรียกเขาในป่าจริง ๆ “ท่านมีชื่อไหม” ความสงสัยของเจ้าตัวน้อยยังไม่
76 : เมืองเว่ย์ กลุ่มคนร้ายควบม้าจากไปด้วยความเร็วสูง ฝุ่นฟุ้งตลบไปตามหลังม้าของพวกเขา เมื่อลับสายตาไปแล้ว สองคนบนต้นไม้ถึงได้ลงมาด้านล่าง “ขออภัยพวกท่านที่ทำให้ต้องลำบากไปด้วย” จ้าวเลี่ยงหลิงโค้งคำนับให้นางถาน “ตอนนี้ในตำบลไม่ปลอดภัยแล้ว ข้าว่าจะเลี่ยงไปทางอื่น พี่จ้านท่านพอจะหาเส้นทางลัดได้หรือไม่” เซี่ยซือซือเห็นแล้วว่าคนพวกนั้น มุ่งหน้าไปดักรอพวกเขาอยู่ที่ตำบลข้างหน้า “เอาแผนที่เจ้ามาดูก่อนซือซือ” “ข้าช่วยพวกเจ้าดูได้ เส้นทางนี้ข้าเคยผ่านมาหนหนึ่ง” จีมู่เหยียนเดินเข้าไปดูแผนที่ใกล้ ๆ กับถานจ้าน เขาชะงักเล็กน้อย ตอนเห็นตราประทับของหอโอสถหยวนเป่า “แผนที่นี่หย่งเล่อให้เจ้ามารึ” “ไม่ได้ให้ข้าหรอกให้ภรรยาของข้า พวกเขาทำการค้าต่อกัน” ถานจ้านตอบตามตรง เส้นทางต่อจากนี้ค่อนข้างซับซ้อน เขาไม่ค่อยสันทัดเท่าใด จีมู่เหยียนค่อนข้างคุ้นเคยกับแผนที่ เขาชี้นิ้วให้ดูว่ามีเส้นทางที่สามารถเลี่ยงเข้าไปในตำบลได้ แต่ถานจ้านแย้งไปว่า ต้องให้ภรรยาของเขา สำรวจเส้นทางอีกทีว่าปลอดภัยหรือไม่ เขาไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่นางมีตา
77 : ข้าคงแก่ตัวลงไป ไหนเลยจะมีใครจำได้ ราวหนึ่งเค่อรถม้าก็วิ่งมาจอดอยู่หน้าประตูจวนแม่ทัพโหย่ว เซี่ยซือซือได้รับมอบหมายให้เข้าไปดูข้างในก่อน จีมู่เหยียนยังไม่อาจให้ซื่อจื่อของเขา ลงจากรถม้าในตอนนี้ได้ เขาต้องแน่ใจว่าในจวนแม่ทัพ มีคนที่พวกเขาอยากพบเจออยู่ “บอกไปว่าคุณชายจ้าวเลี่ยงหลิงมาขอพบแม่ทัพโหย่ว ข้าอยากรู้ว่าแม่ทัพโหย่วอยู่ที่จวนหรือไม่ หากไม่อยู่ให้เจ้ากลับออกมา ข้าไม่ไว้ใจคนอื่น” จีมู่เหยียนสั่งการนางอย่างรอบคอบ “เหตุใดท่านไม่เข้าไปด้วยตัวเองล่ะ” ถานจ้านไม่พอใจเล็กน้อยที่เขามอบหน้าที่นี้ให้ภรรยาของตัวเอง “ไม่เป็นหรอกพี่จ้าน พวกเขาแค่ระมัดระวังไว้ก่อน ดีเสียอีกพวกเราจะได้ไม่เสี่ยงไปด้วย พี่จ้านรอข้าอยู่ตรงนี้แหละ หากได้เรื่องอย่างไร ข้าจะออกมาบอกนะเจ้าคะ” “แล้วถ้าเกิดเรื่องกับเจ้าล่ะ” “ให้ข้าไปกับนางดีหรือไม่” นางถานเสนอตัวเองช่วย “ไม่ดีเจ้าค่ะ” เซี่ยซือซือปฏิเสธทันควัน นางไม่อยากให้เรื่องมันยุ่งยากไปกว่านี้ “ซือซือเหตุใดเจ้าถึงไม่ให้ข้าไปด้วยล่ะ อย่างน้อยข้าก็พอรู้จักคนในจวนแม่ทัพ” “ท่านแ
78 : เหตุใดถึงได้เรียกหลูจิ่นฟานเช่นนี้ เจ้าเป็นญาติกับเขารึ แม่ทัพโหย่วตงหยางเดินเข้ามาในห้องโถง เห็นฮูหยินของตัวเองนั่งอยู่ก็นึกแปลกใจ “ท่านพี่เชิญนั่งเจ้าค่ะ” โหย่วฮูหยินผายมือเชิญสามี ให้นั่งลงบนเก้าอี้ตัวด้านข้างของนาง “ฮูหยินเจ้ามีธุระอันใดกับพวกเขาหรือ” “ข้าแค่แวะมาทักทายแขกของท่านพี่เจ้าค่ะ แล้วท่านพี่ล่ะเจ้าคะมีธุระอันใดที่นี่” โหย่วฮูหยินยิ้มให้สามี ก่อนเบนสายตาไปมองถานเหลียนฮวา ที่นั่งก้มหน้าอยู่เก้าอี้ตัวถัดจากลูกชาย “พวกเขาเป็นผู้มีพระคุณของซื่อจื่อ เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ข้าฟังหมดแล้ว ข้ามีบางอย่างที่สนใจและมันน่าจะมีประโยชน์ต่อกองทัพของข้า” แม่ทัพโหย่วเอ่ยแล้วมองไปยังเซี่ยซือซือ “เจ้าชื่อเซี่ยซือซือสินะ” “เจ้าค่ะเป็นข้าเอง” “ข้าได้ยินเรื่องที่เจ้าใช้ยารักษาบาดแผลหายขาดฉับพลัน ชนิดที่ว่าแผลสดใหม่ยังบรรเทาได้ในชั่วข้ามคืน เป็นเรื่องจริงหรือไม่” “เป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะ” “เจ้าบอกซื่อจื่อว่ายานั้น คนจากหอโอสถหยวนเป่ามอบให้มา แต่ภายหลังกลับบอกว่านักพรตเร้นกายให้มา สรุปแล้วเจ้าเอายานั่
114 : ยวนยางคู่ (จบ) สองเดือนต่อมา เสียงประทัดจุดขึ้นตรงหน้าคฤหาสน์ตระกูลเซี่ย ถานจ้านเป็นฝ่ายแต่งเข้ามาเป็นเขยของตระกูล คนนอกไม่รู้มักคิดติฉินนินทา แต่การที่เซี่ยซือซืออยู่กับสองแม่ลูกตระกูลถานมาตั้งแต่ต้น พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันมาหลายปีแล้ว ไม่แบ่งแยกว่าใครต้องแต่งเข้าบ้านใคร นางถานเองย่อมรู้ว่าการที่บุตรชายแต่งเข้าบ้านของภรรยา เป็นเพราะเขาต้องการช่วยนางดูแลน้อง ๆ ทั้งสองคน ตัวนางเองมีวันนี้ได้เพราะเซี่ยซือซือเช่นเดียวกัน “เจ้าไม่เสียใจแน่นะเหลี่ยฮวา” แม่เฒ่าจางแอบถามก่อนพิธีเริ่มต้นขึ้น “ข้าไม่เสียใจเจ้าค่ะแม่เฒ่าจาง ลูกชายข้ายังใช้แซ่ของข้ามาตั้งแต่เกิด ข้าไม่สนใจเรื่องชื่อแซ่หรอกเจ้าค่ะ สนใจแค่ว่าเขามีความสุขในชีวิตหรือไม่ ข้าเคยถามเรื่องซื้อเรือนเป็นของตัวเอง จ้านเออร์ปฏิเสธในทันที เขาไม่ยอมแยกจากซือซือไปไหน และรู้ว่านางเองก็ไม่สามารถแยกจากน้อง ๆ ไปได้เช่นเดียวกัน พวกเราอยู่ด้วยกันเช่นนี้ก็มีความสุขดีแล้วนี่เจ้าคะ ยังท่านมีครอบครัวอาจารย์ฮู่ ล้วนแล้วแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน” “เจ้าคิดเช่นนี้ย่อมดีแก่พวกเขา อย่าไปฟังเสียงผ
113 : ขอแต่งงาน ถานจ้านพานางไปเลือกซื้อโคมไฟอันใหม่ จากนั้นก็ชวนกันไปล่องเรือในบึง เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของผืนน้ำ ที่สะท้อนแสงเป็นดวงไฟน้อยใหญ่เต็มไปหมด ฝีพายยืนอยู่ด้านหลังทำเป็นไม่สนใจคู่สามีภรรยา ที่กำลังอิงอกซบไหล่กันอยู่ ถานจ้านถอดเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกออกคลุมให้ภรรยา “ซือซือ” “หืม” “เจ้าอายุสิบแปดแล้วนะ” “อื้ม” “เราแต่งงานกันเถอะ” เซี่ยซือซือ “...” นางรีบดันศีรษะตัวเองออก เงยหน้ามองเขาด้วยความงุนงง “ไม่ใช่เราเป็นสามีภรรยากันแล้วรึ” “ใช่ แต่เราไม่เคยเข้าพิธีแต่งงานกัน และยังไม่เคยร่วมหอ” ทำไมเซี่ยซือซือได้ยินแล้วรู้สึกว่า เขาย้ำสองคำสุดท้ายแบบแปลก ๆ ก้มลงเล่นนิ้วมือตัวเองเงียบ ๆ “ร่วมเหอหรือ” พวงแก้มแดงปลั่ง ภายใต้แสงจากโคมไฟที่แขวนไว้ตรงหัวเรือ “เจ้าเคยเล่าให้ข้าฟังว่า โลกของเจ้าบุรุษขอสตรีแต่งงาน จะสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย” ถานจ้านล้วงหยิบแหวนหยกเนื้อดีสีขาวออกมาจากแขนเสื้อ บรรจงสวมใส่บนนิ้วนางข้างซ้ายให้นาง “แต่งงานกับข้านะซือซือ” เซี่ยซือซือมองแหวนบนนิ้ว
112 : ชีวิตในเมืองหลวง เมื่อแคว้นฉีแพ้สงครามย่อยยับ เพื่อแสดงความจริงใจว่าจะไม่บุกแคว้นจ้าวในช่วงสิบปีนับจากนี้ พวกเขาจึงยอมส่งองค์ชายหกซึ่งมีอายุเพียงห้าปี มาเป็นตัวประกันที่แคว้นจ้าว หลังจากนั้นเพียงห้าเดือน เมืองหลวงได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น เนื่องจากฮ่องเต้ทรงสวรรคตลงด้วยโรคร้าย ท่านอ๋องเจ็ดกับท่านอ๋องห้าจึงต้องนำทัพ เข้าไปปราบปรามขุนนางชั่วที่ก่อกบฏ และปลดองค์รัชทายาทผู้ไร้ความสามารถลงจากบัลลังก์ ท่านอ๋องเจ็ดได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ให้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ถัดไป เมืองหลวงที่เคยเต็มไปด้วยขุนนางชั่ว กลับถูกกำจัดทิ้งไปในเวลาเพียงสองปีกว่า แน่นอนว่าคนที่อยู่เบื้องหลัง คอยเฝ้าดูคนชั่วและชี้เป้าหมายความผิดได้อย่างแม่นยำ ยังเป็นเซี่ยซือซือคนเดิม แม้นางไม่ขอรับตำแหน่งใด ๆ เพราะอยากทำการค้าเพื่อความร่ำรวย แต่หากมีเรื่องสำคัญจริง ๆ อยากให้นางช่วย นางก็พร้อมช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ แม่ทัพโหย่วถูกย้ายมาเป็นแม่ทัพประจำเมืองหลวง ฮ่องเต้ได้มอบจวนให้เขาได้อยู่อาศัยอย่างสมเกียรติ และมอบตำแหน่งให้บุตรชายทั้งสอง โหย่วหยางหลงได้เป็นหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร แม้เขาแขนพ
111 : ขับไล่ข้าศึก เซี่ยซือซือนอนไปได้เพียงหนึ่งชั่วยามเศษ ท่านอ๋องเจ็ดก็ส่งคนมาตามนางที่กระโจม ให้นางตรวจสอบดูสถานการณ์ที่ค่ายของข้าศึก เซี่ยซือซือใช้เวลาไม่นานก็พบว่าฤทธิ์ของยาเริ่มทำงาน ท่านหมอใช้ยาที่ทำให้ร่างกายอ่อนแรง ไร้รสไร้กลิ่นไร้สี ม้าศึกนับหมื่นตัวล้มเกลื่อนอยู่บนพื้น ส่วนทหารหนึ่งในสี่ต่างก็ลุกไม่ขึ้นเช่นกัน “ได้ผลเจ้าค่ะท่านอ๋อง แม้จำนวนที่ได้รับยาไม่มากนัก แต่ก็ทำให้กองทหารม้าทมิฬไร้อาชาสู้รบได้จริง ๆ” “เช่นนั้นดี ออกคำสั่งไปให้เตรียมตัวออกรบ ส่งข่าวให้ทางซื่อจื่อได้รู้ด้วย” ท่านอ๋องเจ็ดจะรุกฆาตข้าศึกในเช้านี้ เซี่ยซือซือตัดสินใจพูดเรื่องน้ำพุวิเศษกับท่านอ๋องเจ็ดตามลำพัง นางไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้มากนัก แต่ทหารนับแสนนาย นางไม่สามารถลงมือคนเดียวได้ “เจ้าบอกว่าน้ำพุวิเศษสามารถทำให้กำลังวังชาเพิ่มขึ้นได้เช่นนั้นรึ” “เจ้าค่ะ ท่านลองดื่มดูก็ได้แต่แค่อึกเดียวพอนะเจ้าคะ มันช่วยในการรักษาเป็นหลัก ร่างกายคนปกติหากดื่มเกินหนึ่งอึก มันจะส่งผลเสีย” นางล้วงหยิบขวดน้ำพุวิเศษยื่นให้ท่านอ๋องเจ็ด ท่านอ๋องเจ็ดรับข
110 : กำจัดหน่วยสอดแนม ซื่อจื่อได้รับจดหมายเตือนแล้วถึงกับหน้าดำคล้ำในทันที หากไม่มีการเตือนจากฝั่งท่านอ๋องเจ็ด เขาคงไม่ได้สนใจข้าศึกที่แอบมาด้านข้างเป็นแน่ รีบออกคำสั่งให้ทหารหลักสามหมื่นนาย ดักซุ่มโจมตีข้าศึกที่จ้องทำลายคลังเสบียงในคืนนี้ ส่วนข้าศึกด้านหน้าที่แสร้งทำเป็นบุกโจมตี ก็ให้กองทัพย่อย ๆ ออกไปจัดการส่วนหนึ่ง ที่เหลือตรึงกำลังอยู่กับที่ ห้ามผลีผลามโดยเด็ดขาด ยามดึกทหารทั้งสองฝั่งต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ถานจ้านนำทหารร้อยนาย ตามด้วยเซี่ยซือซือกับอาจารย์ฮู่ ลอบเข้าไปโจมตีหน่วยสอดแนมของอีกฝ่าย หนนี้พวกมันมากันเพียงสิบสองคน แบ่งออกเป็นสองกลุ่มกลุ่มละหกคน เซี่ยซือซือชี้เป้าให้พลธนูโจมตีได้อย่างง่ายดาย จากนั้นนางก็ปลีกตัวไปช่วยสามีกับอาจารย์ฮู่ หน่วยสอดแนมทั้งแปดกลายเป็นศพในเวลาอันรวดเร็ว “จุดพลุส่งสัญญาณ” นางสั่งทหารด้านหลัง ปัง ! ปัง ! ตามที่ตกลงกันไว้ หากพลุส่งสัญญาณดังขึ้น รุ่งเช้าทหารทุกนายต้องเดินทางลงจากเทือกเขาชิงเทียนอย่างเงียบ ๆ กลุ่มของถานจ้านจะเดินทางนำหน้าไปก่อน เพื่อที่จะได้ส่งสัญญาณบอกคนด้านหลังเป็นระยะ เป
109 : เข้าสู่สมรภูมิรบ เรือนโหย่วเสวี่ยหยา เซี่ยซานซานฝึกฝนวรยุทธ์กับคุณหนูสามจนเหนื่อยล้า นางกำลังนั่งกินขนมที่สาวใช้นำมาให้ ส่วนโหย่วเสวี่ยหยาขอตัวเข้าไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ความจริงนางชวนเซี่ยซานซานไปอาบน้ำด้วย แต่เซี่ยซานซานปฏิเสธไม่อยากรบกวน “เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่” เสียงนุ่มทุ้มของโหย่วหยางหลงดังขึ้นอยู่ด้านหลัง “คุณชายใหญ่” เซี่ยซือซือรีบลุกขึ้นโค้งศีรษะให้เขา “ข้าเห็นสาวใช้บอกว่าเสวี่ยหยามีแขก นึกว่าจะเป็นใครที่ไหนเสียอีก นั่งลงสิเจ้ากำลังกินขนมอยู่ไม่ใช่รึ” “เจ้าค่ะ” เซี่ยซานซานไม่อยากอยู่กับคนผู้นี้ตามลำพัง นางเหมือนเด็กน้อยขี้ขลาด มองไปทางประตูห้องของโหย่วเสวี่ยหยาตลอดเวลา “เหตุใดถึงไม่นั่ง รังเกียจข้ารึ” “มะไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้านั่งแล้ว” นางไม่กล้ามองสบสายตากับเขาด้วยซ้ำ นั่งลงบนเก้าอี้อย่างจำใจ “กลัวข้ารึ” มุมปากของโหย่วหยางหลงกระตุกเบา ๆ นึกอยากแกล้งเด็กสาวคนนี้ขึ้นมา “เจ้ามาฝึกวรยุทธ์กับน้องสามของข้า เหตุใดไม่มาลองฝึกกับข้าดูบ้างล่ะ” “ข้าฝีมืออ่อนหัดนัก ไม่บังอาจไ
108 : รักษาท่านอ๋องห้า แม่เฒ่าจางกับเสี่ยวเป่าเริ่มปรับตัวเข้ากับทุกคนได้แล้ว นางคอยช่วยเหลืองานบ้านทุกอย่าง ไม่ทำตัวนิ่งดูดายแต่อย่างใด แม้ว่านางถานจะบอกให้อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำอันใด แต่ความเกรงใจของหญิงชรานั้นมีมากเหลือเกิน เซี่ยซือซือเลยปล่อยให้ท่านทำไป การอยู่เฉย ๆ จะยิ่งทำให้รู้สึกเครียด นางคอยกำชับแม่เฒ่าจางว่า นางมีเงินสามารถเลี้ยงดูทั้งคู่ได้ ไม่ต้องคิดว่านางจะลำบาก แม่เฒ่าจางถึงได้วางใจ “ท่านพี่ข้าไปหาคุณหนูสามได้หรือไม่” เซี่ยซานซานอยากเจอหน้าโหย่วเสวี่ยหยา นางอยากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไร ถอนหมั้นไปแล้วทางซื่อจื่อจะตำหนินางหรือไม่ “อืม” เซี่ยซือซือคิดหนักเพราะนางต้องไปทำงานนี่สิ “ไปเพิ่มอีกคนคงไม่เป็นไรหรอกซือซือ” ถานจ้านหน้าน้องสาวภรรยาแล้วรู้สึกสงสาร “แล้วน้องเล็กล่ะ” เซี่ยซือซือมองหาน้องชายบ้าง เพราะปกติเซี่ยซานซานจะเป็นคนคอยดูแลเขา เซี่ยซานซาน “เขาเล่นอยู่กับเสี่ยวเป่าหลังบ้านเจ้าค่ะ มีหนิงเซียนคอยดูอยู่” “เจ้าเข้าไปบอกท่านแม่ไว้ก่อน เผื่อไม่เห็นเจ้าท่านจะเป็นห่วงเอา” “ได้ท่านพี่” เซี่ยซา
107 : คุณชายเริ่นก้งเยว่กับพี่หญิงใหญ่ วันต่อมาโรงประมูลหยางชุนกระจายข่าวออกไปอย่างหนาหู ว่าคุณชายเริ่นก้งเยว่ได้นำของล้ำค่ามาร่วมประมูล ผู้คนต่างแห่มาซื้อตั๋วเข้าชมกันอย่างล้นหลาม รวมไปถึงคนในจวนท่านอ๋องห้าด้วย “เจ้าแน่ใจนะว่าข้าเหมือนสตรีแล้ว” สตรีร่างสูงอย่างถานจ้านเริ่มรู้สึกประหม่า เขาแอบออกมาแต่งตัวที่โรงเตี๊ยมด้านนอก เพราะไม่อยากให้คนในบ้านรู้เรื่องนี้ “พี่หญิงใหญ่เหตุใดไม่เชื่อมือข้าล่ะขอรับ” เซี่ยซือซือที่อยู่ในชุดของคุณชายเริ่นก้งเยว่กลั้นขำแทบตาย นางถักเปียทำมวยผมให้เขาอย่างน่ารัก ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างสวยงาม “พี่หญิงใหญ่ท่านงามมากขอรับ บุรุษในโรงประมูลต้องคลั่งไคล้ท่านแน่” ถานจ้าน “...!?” เขามองพ่อหนุ่มน้อยหน้าตาเกลี้ยงเกลาตรงหน้า นางจะรู้บ้างไหมว่าแต่งเช่นนี้แล้วดึงดูดสายตาผู้คนยิ่งนัก “เจ้ารีบสวมหมวกเถอะ” เขาหยิบหมวกใบใหญ่ครอบลงบนศีรษะของนาง ก่อนจะสวมให้ตัวเองอีกด้วย หากเซี่ยซือซือไม่บอกว่านางสวมหมวกปิดบังใบหน้า ไว้ตลอดเวลาที่ปลอมตัวเป็นคุณชายเริ่นก้งเยว่ เขาคงห้ามไม่ให้นางเข้าไปยังโรงประมูลแล้ว ก่อนหน้
106 : เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม ! รถม้าวิ่งช้า ๆ ผ่านถนนที่มีขอทานกับคนไร้บ้านรวมตัวกันอยู่ เซี่ยซือซือไม่อยากให้น้องชายของนาง เห็นภาพน่าเวทนาเหล่านี้ นางอยากพาเขากลับเข้าไปนั่งในรถม้า แต่ไม่มีที่ให้จอดรถม้าได้อย่างปลอดภัย หากจอดไปแล้วเกรงว่าคนไร้บ้านเหล่านี้ จะกรูกันเข้ามารุมทึ้งรถม้าของนางเข้า จึงต้องให้เขานั่งอยู่บนตักของนางต่อไป เซี่ยซือหยางกินขนมในมือแล้วมองสองข้างทางไปด้วย เขาเห็นคนยากไร้นอนเกลื่อนข้างถนนเต็มไปหมด เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า ก้มลงมองขาสั้น ๆ กับนิ้วมือป้อม ๆ ของตัวเอง จะไปช่วยเหลืออันใดผู้อื่นได้ “แต่เอ๋ ?” เขาหันกลับไปมองดูอีกที ขนมในมือถูกปล่อยทิ้งลงพื้น ลุกขึ้นยืนหันหน้ามองไปยังด้านหลัง “น้องเล็กอันตรายอย่าลุก” เซี่ยซือซือจับเขาเอาไว้แน่น ๆ แต่เหตุใดเขาถึงได้ดิ้นรน อยากมองไปด้านหลังเช่นนี้ “เสี่ยวเป่า นั่นเจ้าใช่ไหม !” ถานจ้านถึงกับค่อย ๆ หยุดรถม้าลง เขาหันไปมองหน้าเซี่ยซือหยางด้วยความแปลกใจ “เสี่ยวซือหยางเจ้าเรียกใคร” “เหมือนข้าจะเห็นเสี่ยวเป่า” เขาพูดคล้ายไม่แน่ใจ “เสี่ยวเป