หลินเสี่ยวเหยา เมื่อเห็นหลินฮวาเดินเข้าโรงแรมไป หญิงสาวเหลียวมองรอบๆ เมื่อเธอเห็นไม่มีคนจึงได้นำจักรยานออกมาจากในมิติ เธอได้ยินเสียงของเด็กน้อยเอ่ยขึ้นขณะที่กำลังจะนั่งจักรยานของผู้เป็นพี่สาว
"พี่สาวครับ นั่นใช่พี่ฮวาหรือเปล่าครับ?" หลินเสี่ยวหมิงชี้ไปที่หญิงสาวรูปร่างบอบบาง ที่กำลังเดินเข้าไปในโรงแรม หลินเสี่ยวเหยาหยุดจักรยานก่อนมองตามสายตาของน้องชาย
"น่าจะใช่ละ" เสี่ยวเหยาพยักหน้าตอบน้องชายเบาๆ "หลินฮวาแต่งตัวสวยจนพี่เกือบจำไม่ได้"
"พี่ฮวาแต่งตัวสวยขนาดนี้ เธอได้ไปได้ดี มีสามีร่ำรวยหรือเปล่าครับ?" เสี่ยวหมิงถามต่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เสี่ยวเหยาถอนหายใจเบาๆ "พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันน้องเล็ก พวกเราไม่ต้องสนใจเรื่องของคนคนนี้หรอก เธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเรา" เธอตอบน้องชายด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยก่อนจะกล่าว
"ไปกันเถอะน้องเล็ก" หญิงสาวพูดพลางขึ้นคร่อมจักรยานอีกครั้ง "เราต้องรีบไปแล้ว เดี๋ยวน้องจะไปโรงเรียนสาย"
หลินเสี่ยวหมิงพยักหน้ารับก่อนจะกอดเอวพี่สาวไว้แน่น หลินเสี่ยวเหยาปั่นจักรยานออกไป ทิ้งให้ภาพของหลินฮวาค่อยๆ เลือนหายไปในระยะไกล
เมื่อหลินเสี่ยวเหยากลับมาบ้านพร้อมหลินเสี่ยวหมิง ทันทีที่พวกเขาเดินผ่านประตูบ้านมา หลี่เฉียน หัวหน้าช่าง ก็เดินเข้ามาหาหลินเสี่ยวเหยาด้วยรอยยิ้มกว้าง"คุณหลินครับ" หลี่เฉียนพูดเสียงดัง "บ้านหลังใหม่ตอนนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ! ผมอยากให้คุณมาตรวจเช็กดูหน่อยว่ามีตรงไหนบ้างที่ต้องแก้ไข"หัวใจของหลินเสี่ยวเหยาเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น เธอรีบก้าวเท้าตามหลี่เฉียนไปยังบ้านหลังใหม่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกันข้ามกับบ้านหลังเก่าของเธอ หลินเสี่ยวหมิงวิ่งนำหน้าเธอไปอย่างตื่นเต้น มือเล็กๆ ของเขาสัมผัสกับผนังอิฐสีแดงสดอย่างเบามือเมื่อหลินเสี่ยวเหยาเดินเข้าไปในบ้าน เธอก็ต้องตะลึง บ้านหลังนี้สวยงามเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการไว้เสียอีก ผนังทาด้วยสีขาวสะอาด พื้นปูด้วยกระเบื้องสีเทาอ่อน เพดานสูงโปร่งทำให้บ้านดูสว่างและกว้างขวาง ห้องนั่งเล่นมีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่เปิดรับแสงแดดอ่อนๆ ห้องนอนของหลินเสี่ยวหมิงตกแต่งด้วยผ้าม่านสีฟ้าสดใสและมีเตียงไม้ขนาดเล็กที่ดูน่านอน"มันยอดเยี่ยมมาก!" เสี่ยวเหยาอุทานออกมาด้วยความดีใจ "มันเหมือนกับแบบที่ฉันให้คุณเป๊ะเลยค่ะ"หลี่เฉียนยิ้มกว้
เช้าวันรุ่งขึ้นเนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด หลินเสี่ยวหมิงเลยไม่ได้ไปโรงเรียน หลินเสี่ยวเหยาเลยเดินไปปลุกน้องชายตั้งแต่เช้า"เสี่ยวหมิง! ตื่นได้แล้ว! วันนี้พี่สาวจะออกไปข้างนอก พี่สาวฝากดูแลบ้านด้วยนะ" น้ำเสียงหวานใสของเสี่ยวเหยาดังมาจากห้องครัว"ครับพี่!" หลินเสี่ยวหมิงขานรับอย่างงัวเงียพลางลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเดินไปจัดการล้างหน้าแปรงฟันเมื่อหลินเสี่ยวหมิงเดินไปที่ห้องครัว เขาเห็นพี่สาวของเขากำลังจัดเตรียมอาหารเช้าอย่างคล่องแคล่ว"พี่จะไปข้างนอกกับพี่ชายเฟิงเหรอครับ?" หลินเสี่ยวหมิงเอ่ยถามขณะรับถ้วยโจ๊กข้าวโพดร้อน ๆ จากมือพี่สาว"ใช่จ้ะ พวกพี่มีธุระต้องไปทำที่นอกเมือง" หลินเสี่ยวเหยาตอบด้วยรอยยิ้ม"แล้วจะพี่สาวจะกลับมาตอนไหนครับ?" หลินเสี่ยวหมิงถามต่อ"พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน อาจจะเย็น ๆ หรือค่ำ ๆ" หญิงสาวตอบพลางลูบหัวน้องชายอย่างเอ็นดู "น้องเล็กดูแลตัวเองดีๆ นะ อย่าซน อย่าออกไปเล่นไกลบ้านล่ะ ช่วยพี่สาวรดน้ำผัก และอย่าลืมให้อาหารเสี่ยวหง และ เสี่ยวจง ด้วยนะ""ครับผม" หลินเสี่ยวหมิงรับปากอย่างว่าง่ายไม่นานนักหยางเฟิงมาถึ
เมื่อมาถึงปลายเขา หลินเสี่ยวเหยาก็นำรถจิ๊บทหารของหยางเฟิงออกมาจากในมิติ พันตรีหนุ่มรีบขับรถจิ๊บทหารแล่นฉิวไปตามถนนที่ทอดยาวสู่เมืองจินหลงอย่างรวดเร็ว เขาเหยียบคันเร่งมิดด้วยความร้อนใจ ข้างๆ เขาคือ หลินเสี่ยวเหยา เธอกำลังมองนาฬิกาข้างในมิติด้วยสีหน้ากังวลใจ"อีกไม่นานก็ใกล้จะถึงโรงแรมแล้ว" หยางเฟิงพูดกับหญิงสาวอย่างร้อนใจ เขาเร่งรีบไปให้ถึงโรงแรมหลงหยวนชุนให้เร็วที่สุด หนึ่งชั่วโมงต่อมา รถจี๊ปก็มาจอดสนิทหน้าโรงแรมหลงหยวนชุน หยางเฟิงและหลินเสี่ยวเหยาก็กระโดดลงจากรถแล้วรีบตรงไปยังลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้นบนสุดของโรงแรมทันทีเมื่อมาถึงหน้าห้องพัก หยางเฟิงไม่รอช้า เขารีบยกมือขึ้นเคาะประตูทันที "ก๊อก ก๊อก ก๊อก" เสียงเคาะดังก้องไปทั่วทางเดินที่เงียบสงบไม่นานนัก ประตูก็เปิดออกโดย จ้าวหลิน ทันทีที่ประตูเปิดออก หยางเฟิงและหลินเสี่ยวเหยาก็แทบจะพุ่งพรวดเข้าไปในห้องพักราวกับพายุ ความกังวลฉายชัดบนใบหน้าของทั้งคู่ ขณะที่สายตาของพวกเขากวาดไปทั่วห้องอย่างรวดเร็วราวกับกำลังมองหาบางสิ่งและแล้วความกังวลนั้นก็มลายหายไปในพริบตา เมื่อสายตาของทั้งสองไปหยุดอยู่ที่ร่างของชาย
หลังจากจัดการกวาดล้างพวกกบฏที่บุกมาโจมตีคุณปู่ของเขาจนสิ้นซาก หยางเฟิงก็ยังไม่อาจสลัดความโกรธแค้นออกไปได้ง่ายๆ!"พวกมันบังอาจ! กล้ามาลอบทำร้ายคุณปู่ของพี่ พี่จะไม่ปล่อยให้พวกมันลอยนวลแน่!" หยางเฟิงกำหมัดแน่นพลางกล่าวกับหลินเสี่ยวเหยา คู่หมั้นสาวที่ยืนอยู่ข้างกายดวงตาคมกริบของพันตรีหนุ่มลุกโชนด้วยไฟแค้น ความโกรธเกรี้ยวพลุ่งพล่านในอกราวกับพายุที่พร้อมจะถล่มทำลายทุกสิ่ง เขาไม่เคยคิดว่าจะมีใครกล้าบุกมาทำร้ายคนในครอบครัวของเขาอย่างอุกอาจเช่นนี้หลินเสี่ยวเหยาเอื้อมมือบางไปจับมือหนาของคุณตัวร้ายไว้แผ่วเบา ก่อนจะพยายามปลอบประโลมคู่หมั้นหนุ่ม"ใจเย็นๆ ก่อนนะพี่เฟิง พวกเราต้องสืบหาตัวการที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก่อน" เสียงหวานของเธอราวกับสายน้ำเย็นที่พยายามดับเปลวเพลิงแห่งความแค้นหยางเฟิงหันไปมองหน้าหลินเสี่ยวเหยา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น"ใช่ เหยาเหยาพูดถูก พี่จะต้องรู้ให้ได้ว่าใครที่บงการอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ พี่จะลากตัวมันมาลงโทษให้สาสม!" หยางเฟิงพยักหน้าให้คู่หมั้นสาว ก่อนจะก้าวเดินไปเปิดประตูห้องน้ำที่อยู่ด้านในสุดของห้องนอน เขารู้
เมื่อใกล้จะถึงเที่ยงคืนเมื่อขบวนรถบรรทุกทหารเคลื่อนตัวผ่านถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อของเมืองจินหลง แสงไฟหน้ารถสาดส่องไปยังเส้นทางคดเคี้ยวและขรุขระภายในรถบรรทุกเหล่านั้น พลตรีเฉินผู้มีใบหน้าเคร่งขรึมนั่งอยู่ท่ามกลางนายทหารของเขา สายตาของเขาจ้องมองไปยังแผนที่ที่กางอยู่บนตัก แผนที่แสดงภูมิประเทศของภูเขาทางตอนใต้ของเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านหลงสุ่ย หมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหุบเขาอันห่างไกลพลตรีเฉินได้ระดมกำลังพลจากกองพลที่ 7 และ 13 ที่มีชื่อเสียงของเขา รวมถึงกำลังเสริมอีก 150 นาย รวมแล้ว 170 นาย ทุกคนล้วนเป็นทหารผ่านศึกที่มีประสบการณ์โชกโชนในการต่อสู้ พวกเขาได้รับคำสั่งให้เคลื่อนพลไปยังหมู่บ้านหลงสุ่ย ซึ่งเป็นที่ซ่อนตัวของกลุ่มกบฏที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติเมื่อขบวนรถมาถึงเชิงเขา บรรดาทหารก็ลงจากรถอย่างเป็นระเบียบ พวกเขาสวมเครื่องแบบสีเขียวมะกอกที่พรางตัวได้อย่างดี สะพายเป้สัมภาระที่เต็มไปด้วยเสบียงและกระสุน อาวุธปืนไรเฟิลและปืนกลแขวนอยู่บนบ่าของพวกเขา พร้อมที่จะใช้งานได้ทุกเมื่อพลตรีเฉินยืนอยู่หน้ากองทหารของเขา สายตาของเขาสำรวจใบหน้าของพวก
ยามราตรีแผ่คลุมทั่วผืนป่า ท้องฟ้าไร้แสงจันทร์ มีเพียงแสงดาวริบหรี่ส่องประกายอยู่ห่างไกล ท่ามกลางความมืดมิดนั้น กองกำลังทหารกำลังเคลื่อนพลอย่างเงียบเชียบ พวกเขาซ่อนตัวอยู่ตามพุ่มไม้และโขดหิน รอคอยสัญญาณจากผู้นำกลุ่มทันใดนั้น เสียงหวานแต่หนักแน่นก็ดังขึ้นจากวิทยุสื่อสารคู่กายของพันตรีหนุ่ม หยางเฟิง"พี่เฟิง ได้ยินไหม? ฉันเจอคลังอาวุธของพวกกบฏแล้ว เตรียมพร้อมโจมตีได้เลย " เสียงหวานแต่หนักแน่นของหลินเสี่ยวเหยาดังแว่วมาจากในวิทยุสื่อสาร ทำให้บรรยากาศในกองทัพอบอวลไปด้วยความตื่นเต้นหยางเฟิงยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ เขาหันไปพยักหน้าให้เหว่ยเจี้ยน หัวหน้าหน่วยที่ 7 ผู้ที่มีฝีมือการต่อสู้เก่งกาจพอๆ กับเขา เหว่ยเจี้ยนตอบรับด้วยการพยักหน้ากลับอย่างมั่นคง แววตาของทั้งสองเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในการทำภารกิจที่จะเกิดขึ้น"ทุกหน่วย เตรียมพร้อม! เราจะบุกโจมตีฐานทัพพวกกบฏในอีกสิบนาทีข้างหน้า" หยางเฟิงออกคำสั่งผ่านวิทยุสื่อสาร น้ำเสียงของเขาหนักแน่นและเด็ดขาดเหล่าทหารหนุ่มคนอื่นๆ ต่างขานรับคำสั่งของหัวหน้ากลุ่มด้วยความพร้อมเพรียง พวกเขาตรวจสอบอาวุธและส
พลตรีเฉินยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้ากลุ่มทหารที่รายล้อมตัวพวกกบฏเอาไว้ ร่างสูงใหญ่ของเขาในชุดเครื่องแบบสีเขียวเข้มเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่น ใบหน้ามีรอยย่นใต้หมวกทรงทหารบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าจากการศึกอันยาวนานเบื้องหลังเขาคือกองทหารผู้ภักดีราวหนึ่ง170นาย ทุกคนต่างถืออาวุธคู่กายแน่น มือเปื้อนเลือดจากการต่อสู้อันดุเดือดที่เพิ่งจบลงไป เหล่าเชลยศึกกว่าเก้าสิบคนที่รอดชีวิตต่างถูกจับมัดรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ทุกคนต่างมีใบหน้าซีดเผือดและร่างกายสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว พวกเขาคือกลุ่มกบฏที่พยายามโค่นล้มรัฐบาลและสร้างความวุ่นวายให้แก่ประเทศชาติไม่ไกลจากจุดที่พลตรีเฉินยืนอยู่ ร่างสองร่างที่ถูกจับมัดอย่างแน่นหนาคุกเข่าอยู่บนพื้น จางเหว่ยและหลี่เหว่ย ใบหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและบาดแผล"รายงานสถานการณ์มา" พลตรีเฉินสั่งการเสียงเข้มหยางเฟิงก้าวออกมาข้างหน้า "เรียนท่านผู้บังคับบัญชา พวกเราได้ทำการจับกุมหลี่เหว่ย หัวหน้ากลุ่มกบฏ พร้อมพรรคพวกได้สำเร็จในขณะที่พวกมันกำลังหลบหนีออกไปทางด้านหลังค่าย"พลตรีเฉินพยักหน้ารับฟังอย่างตั้งใจ"พวกมันถูกจับโดยหลินเสี่ยวเ
คฤหาสน์ตระกูลเซียว อันโอ่อ่ากว้างใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองหยวนหลิงเมืองขนาดใหญ่ทางภาคใต้ของประเทศ ภายในห้องโถงใหญ่ ที่ประดับประดาด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจง และแจกันดอกเหมยที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่น เจียงเหม่ยหลิง ภรรยาหลวงของเซียวจิ้งหนาน เจ้าของคฤหาสน์ กำลังนั่งจิบน้ำชาอย่างสง่างามอยู่บนเก้าอี้ไม้มะฮอกกานีตัวโปรดรอบโต๊ะน้ำชา ยังมีคุณนายอีกสี่คนนั่งอยู่ ได้แก่ ซูหนิง คุณนายรองผู้มีใบหน้าเรียวสวยหวาน ลู่เหยา คุณนายสามผู้มีดวงตากลมโตเป็นประกาย เฉินหง คุณนายสี่ผู้มีผิวขาวผ่องราวกับหยก และคุณนายห้าหยางเหมย บุคลิกเงียบขรึมแต่แฝงไปด้วยความเฉลียวฉลาด บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย"พี่เหม่ยหลิง ฉันเห็นพี่จิ้งหนานซื้อสร้อยไข่มุกเส้นใหม่ให้น้องเหมยเมื่ออาทิตย์ก่อน สวยงามมากเลยนะคะ" ซูหนิงคุณนายรองเอ่ยถึงคุณนายห้าด้วยน้ำเสียงหวานหยด พร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้เจียงเหม่ยหลิงผู้เป็นภรรยาหลวงเจียงเหม่ยหลิงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "อืม ก็แค่สร้อยไข่มุกธรรมดา ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษเลย""แหม พี่เหม่ยหลิง พูดอย่างน
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา รถไฟขบวนพิเศษจากเมืองหลวงก็แล่นเข้าสู่สถานีรถไฟเมืองจินหลง หยางกั๋วเฉิงและหลิวซิวหยวน พ่อแม่ของหยางเฟิง ย่างก้าวลงจากรถไฟด้วยสีหน้าที่เปี่ยมสุข ท่ามกลางเสียงต้อนรับของลูกชายและลูกสะใภ้ที่มารอรับอย่างพร้อมหน้า"คุณพ่อ คุณแม่" หยางเฟิงโผเข้ากอดพ่อแม่ด้วยความคิดถึง น้ำตาคลอหน่วย "ผมคิดถึงพ่อกับแม่เหลือเกิน""ลูกชายแม่" หลิวซิวหยวนลูบหลังลูกชายเบาๆ ปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอบอุ่น "แม่ก็คิดถึงลูกเหมือนกัน"หยางกั๋วเฉิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ "เจ้าสามแกโตเป็นหนุ่มแล้วนะ แถมยังจะแต่งงานมีครอบครัวอีกต่างหาก""แล้วนี่หลินเสี่ยวเหยา คู่หมั้นของลูก ใช่ไหม?" หลิวซิวหยวนเอ่ยถามพลางมองไปยังหญิงสาวหน้าหวานที่ยืนข้างๆ ลูกชายด้วยสายตาเอ็นดู"สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ หนูชื่อหลินเสี่ยวเหยาค่ะ" หลินเสี่ยวเหยาโค้งคำนับอย่างนอบน้อม"หนูเสี่ยวเหยา ไม่ต้องมากพิธีหรอก" หยางกั๋วเฉิงยิ้มให้หลินเสี่ยวเหยาอย่างเป็นมิตร "พ่อได้ยินเรื่องของลูกจากเจ้าสามมาเยอะพอสมควร พอได้มาเห็นตัวจริงแล้วน่ารักกว่าที่คิดไว้มาก""จริงสิ พี่ชายคนโตของพ่อกับลูกสะใภ้ก็มาด้วยนะ"
เสียงไซเรนดังกึกก้องไปทั่วบริเวณโรงแรมหลงหยวนชุน เซียวจิ้งหนานและเจียงเหม่ยหลิงถูกใส่กุญแจมือถูกลากตัวไปขึ้นรถทหาร หยางเฟิงหัวหน้าหน่วยที่ 13 ปาดเหงื่อที่ผุดพรายบนหน้าผาก เขาหันไปสั่งการเจียงเฉินเพื่อนสนิทของเขา"เจียงเฉิน นายรีบพาหลินฮวาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!" หยางเฟิงสั่งการด้วยน้ำเสียงเข้มเจียงเฉินพยักหน้ารับคำสั่งอย่างรวดเร็ว เขารับร่างบอบบางของหลินฮวาที่หมดสติไปจากหัวหน้าหน่วยอย่างระมัดระวัง ใบหน้าซีดเผือดของหลินฮวามีรอยไหม้จากน้ำกรดปรากฏให้เห็นเป็นบาดแผลที่น่ากลัว ใบหน้าของเธอเสียหายไปทั้งใบหน้า เจียงเฉินกัดฟันแน่น เขาอุ้มหลินฮวาขึ้นรถ รีบบึ่งไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันทีเมื่อไปถึงโรงพยาบาล ทีมแพทย์และพยาบาลต่างก็กรูเข้ามาช่วยเหลือหลินฮวาอย่างเร่งด่วน พวกเขาเข็นเตียงของหลินฮวาเข้าห้องฉุกเฉินทันที เจียงเฉินมองตามร่างของหญิงสาวที่หายลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน"คุณหมอครับ อาการของเธอจะเป็นยังไงบ้างครับ" เจียงเฉินถามคุณหมอเมื่อเห็นทีมแพทย์ออกจากห้องฉุกเฉินมา"อาการของเธอค่อนข้างสาหัส ของเหลวที่เธอได้รับเข้าไปนั้นเป็นกรดที่มีฤทธิ์รุนแรงมาก ตอนนี้เ
หลังจากได้ข้อมูลทั้งหมดจากหลี่เหว่ยแล้ว หลินเสี่ยวเหยาก็รีบแจ้งหยางเฟิงถึงแผนที่จะไปช่วยลูกชายของหลี่เหว่ยที่บ้านพักตากอากาศชานเมืองจินหลงทันทีหยางเฟิงแสดงสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด "เหยาเหยา เธอแน่ใจนะว่าจะไปเอง? ไม่ให้พี่ไปด้วย"หลินเสี่ยวเหยาส่ายหน้า "ไม่เป็นไรหรอกพี่เฟิง พี่ไปจัดการเรื่องจับกุมเซียวจิ้งหนานเถอะ เรื่องหลี่เหว่ยตงฉันจัดการเองได้" เธอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น"แต่ว่า..." หยางเฟิงยังคงลังเล"ไม่มีแต่ค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้ พี่ไม่ต้องห่วง" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พร้อมส่งยิ้มหวานละมุนให้คู่หมั้นหนุ่มหยางเฟิงถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใย "ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเหยาเหยาก็ระวังตัวด้วยนะ มีอะไรโทรมาที่ค่ายทหารติดต่อพี่ได้ตลอด"หลินเสี่ยวเหยาพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน "ค่ะ...พี่เฟิง งั้นเดี๋ยวฉันขอยืมรถพี่เฟิงหน่อยนะคะ""เหยาเหยาขับรถเป็นด้วยหรือครับ" หยางเฟิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยเห็นหลินเสี่ยวเหยาขับรถมาก่อน"ฉันขับรถเป็นค่ะ" หลินเสี่ยวเหยากล่าวอย่
แสงอาทิตย์สีทองค่อยๆ ลับหายไปหลังแนวขุนเขา ทิ้งไว้เพียงสีส้มจางๆ ระบายขอบฟ้า แต่แสงนั้นไม่อาจบรรเทาความร้อนรุ่มในใจของเจียงเหม่ยหลิงได้เลยแม้แต่น้อย รถยนต์คันใหญ่เคลื่อนตัวเข้าสู่เมืองจินหลงในยามพลบค่ำ เธอหันไปสั่งคนสนิทเสียงเข้ม"ไปสืบเรื่องหลินฮวาที่ร้านจินหยวนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้"รถยนต์ยังคงแล่นไปตามถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนและรถลาก เจียงเหม่ยหลิงมองออกไปนอกหน้าต่าง ทิวทัศน์ที่คุ้นเคยกลับดูหม่นหมองลงในสายตา"นายหญิงครับ" เสียงของลูกน้องคนสนิทดังขึ้น ทำให้เจียงเหม่ยหลิงละสายตาจากภาพด้านนอก"ว่าอย่างไร" เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงแววเคร่งขรึม"คุณเซียวได้ไถ่ตัวหลินฮวาจากร้านจินหยวนจริงครับ จากการสืบปากคำเจ้าของร้านทำให้ทราบว่าตอนนี้เธอพักอยู่ที่โรงแรมหลงหยวนชุน" ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยรายงานเจียงเหม่ยหลิงกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ความโกรธเกรี้ยวประดุจเปลวไฟลุกโชนขึ้นในอก เธอหวนนึกถึงคำพูดของบรรดาอนุภรรยาของเซียวจิ้งหนานที่คอยพูดจาดูถูกเหยียดหยาม ชอบโอ้อวดเรื่องสามีให้เธอฟัง แม้จะโกรธเพียงใด แต่เจียงเหม่ยหลิงก็รู้ดีว่าเธอต้องอดทน เธอรู้ว
ไม่ถึงสิบนาที ประตูห้องสอบสวนก็เปิดออกอีกครั้ง ร่างระหงของหลินเสี่ยวเหยาปรากฏขึ้น เธอเดินอย่างสง่าผ่าเผยออกมาจากห้อง ทิ้งให้หลี่เหว่ยจมอยู่กับความคิดอันสับสนวุ่นวายเพียงลำพังทันทีที่ก้าวพ้นประตู หลินเสี่ยวเหยาต้องเผชิญหน้ากับบุรุษสองนายที่ยืนรออยู่ หยางเฟิงในชุดทหารที่ดูสง่างามยืนรออยู่เคียงข้างพลตรีเฉินกั๋วชิง ผู้บังคับบัญชาของเขา ดวงตาคมกริบของหยางเฟิงจับจ้องมาที่หลินเสี่ยวเหยาอย่างร้อนรน ความอยากรู้ฉายชัดอยู่ในแววตา"เหยาเหยา เป็นยังไงบ้าง หลี่เหว่ยมันยอมปริปากหรือยัง?" เสียงทุ้มเข้มของพันตรีหนุ่มดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบของทางเดินหลินเสี่ยวเหยาหยุดยืนอยู่หน้าหยางเฟิงและพลตรีเฉินกั๋วชิง เธอสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะตอบ "แน่นอนค่ะว่าหลี่เหว่ยสารภาพ" เธอตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับกำลังพูดถึงเรื่องดินฟ้าอากาศหยางเฟิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ เขาและเหว่ยเจี้ยน ต่างก็เค้นสอบสวนหลี่เหว่ยมาตลอดทั้งอาทิตย์ ใช้ทั้งวิธีข่มขู่และทรมานสารพัด แต่หัวหน้ากลุ่มกบฏก็ยังคงปิดปากเงียบ ไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวแต่หลินเสี่ยวเหยาที่เข้าไปในห้องสืบสวน
ท้องฟ้าเหนือเมืองจินหลงยังคงมืดครึ้ม แม้แสงอาทิตย์แรกของวันใหม่จะเริ่มสาดส่อง ทว่าบรรยากาศในเซฟเฮาส์ลับกลับเย็นเยียบราวกับถูกปกคลุมด้วยเงามืดเซียวจิ้งหนานนั่งนิ่ง สายตาคมกริบจับจ้องไปยังลูกน้องที่ยืนตัวสั่นอยู่เบื้องหน้า ใบหน้าที่ถึงจะมีอายุเยอะแต่ก็ยังคงความหล่อเหลา บัดนี้ใบหน้าเขากลับบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกรี้ยวเมื่อทุกสิ่งที่เขาได้วางแผนไว้ล้มเหลวไม่เป็นท่า"นายท่านผมมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ ผมได้รับรายงานว่าค่ายของพวกกบฏที่เราสนับสนุนถูกทหารบุกโจมตีตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วครับ" เสียงของลูกน้องรายงานด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "อาวุธและคนของเราถูกจับยึดไปทั้งหมด...""ว่ายังไงนะ!" เสียงทุ้มต่ำของเซียวจิ้งหนานดังก้องไปทั่วห้องทำงานเมื่อได้ยินข่าวร้าย "ค่ายของเราถูกพวกทหารรัฐบาลบุกโจมตีงั้นเหรอ?"แก้วเหล้าคริสตัลที่บรรจุของเหลวสีอำพันล้ำค่าหลุดร่วงจากมือหนา กระทบกับพื้นหินอ่อนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ของเหลวสีทองอร่ามไหลนองไปทั่วพรมเปอร์เซียราคาแพง"ครับนายท่าน" ลูกน้องคนสนิทก้มหน้าลงต่ำด้วยความหวาดกลัว "พวกมันบุกเข้ามาโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว ทำให้คนของเราเสียชีวิ
คฤหาสน์ตระกูลเซียว อันโอ่อ่ากว้างใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองหยวนหลิงเมืองขนาดใหญ่ทางภาคใต้ของประเทศ ภายในห้องโถงใหญ่ ที่ประดับประดาด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจง และแจกันดอกเหมยที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่น เจียงเหม่ยหลิง ภรรยาหลวงของเซียวจิ้งหนาน เจ้าของคฤหาสน์ กำลังนั่งจิบน้ำชาอย่างสง่างามอยู่บนเก้าอี้ไม้มะฮอกกานีตัวโปรดรอบโต๊ะน้ำชา ยังมีคุณนายอีกสี่คนนั่งอยู่ ได้แก่ ซูหนิง คุณนายรองผู้มีใบหน้าเรียวสวยหวาน ลู่เหยา คุณนายสามผู้มีดวงตากลมโตเป็นประกาย เฉินหง คุณนายสี่ผู้มีผิวขาวผ่องราวกับหยก และคุณนายห้าหยางเหมย บุคลิกเงียบขรึมแต่แฝงไปด้วยความเฉลียวฉลาด บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย"พี่เหม่ยหลิง ฉันเห็นพี่จิ้งหนานซื้อสร้อยไข่มุกเส้นใหม่ให้น้องเหมยเมื่ออาทิตย์ก่อน สวยงามมากเลยนะคะ" ซูหนิงคุณนายรองเอ่ยถึงคุณนายห้าด้วยน้ำเสียงหวานหยด พร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้เจียงเหม่ยหลิงผู้เป็นภรรยาหลวงเจียงเหม่ยหลิงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "อืม ก็แค่สร้อยไข่มุกธรรมดา ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษเลย""แหม พี่เหม่ยหลิง พูดอย่างน
พลตรีเฉินยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้ากลุ่มทหารที่รายล้อมตัวพวกกบฏเอาไว้ ร่างสูงใหญ่ของเขาในชุดเครื่องแบบสีเขียวเข้มเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่น ใบหน้ามีรอยย่นใต้หมวกทรงทหารบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าจากการศึกอันยาวนานเบื้องหลังเขาคือกองทหารผู้ภักดีราวหนึ่ง170นาย ทุกคนต่างถืออาวุธคู่กายแน่น มือเปื้อนเลือดจากการต่อสู้อันดุเดือดที่เพิ่งจบลงไป เหล่าเชลยศึกกว่าเก้าสิบคนที่รอดชีวิตต่างถูกจับมัดรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ทุกคนต่างมีใบหน้าซีดเผือดและร่างกายสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว พวกเขาคือกลุ่มกบฏที่พยายามโค่นล้มรัฐบาลและสร้างความวุ่นวายให้แก่ประเทศชาติไม่ไกลจากจุดที่พลตรีเฉินยืนอยู่ ร่างสองร่างที่ถูกจับมัดอย่างแน่นหนาคุกเข่าอยู่บนพื้น จางเหว่ยและหลี่เหว่ย ใบหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและบาดแผล"รายงานสถานการณ์มา" พลตรีเฉินสั่งการเสียงเข้มหยางเฟิงก้าวออกมาข้างหน้า "เรียนท่านผู้บังคับบัญชา พวกเราได้ทำการจับกุมหลี่เหว่ย หัวหน้ากลุ่มกบฏ พร้อมพรรคพวกได้สำเร็จในขณะที่พวกมันกำลังหลบหนีออกไปทางด้านหลังค่าย"พลตรีเฉินพยักหน้ารับฟังอย่างตั้งใจ"พวกมันถูกจับโดยหลินเสี่ยวเ
ยามราตรีแผ่คลุมทั่วผืนป่า ท้องฟ้าไร้แสงจันทร์ มีเพียงแสงดาวริบหรี่ส่องประกายอยู่ห่างไกล ท่ามกลางความมืดมิดนั้น กองกำลังทหารกำลังเคลื่อนพลอย่างเงียบเชียบ พวกเขาซ่อนตัวอยู่ตามพุ่มไม้และโขดหิน รอคอยสัญญาณจากผู้นำกลุ่มทันใดนั้น เสียงหวานแต่หนักแน่นก็ดังขึ้นจากวิทยุสื่อสารคู่กายของพันตรีหนุ่ม หยางเฟิง"พี่เฟิง ได้ยินไหม? ฉันเจอคลังอาวุธของพวกกบฏแล้ว เตรียมพร้อมโจมตีได้เลย " เสียงหวานแต่หนักแน่นของหลินเสี่ยวเหยาดังแว่วมาจากในวิทยุสื่อสาร ทำให้บรรยากาศในกองทัพอบอวลไปด้วยความตื่นเต้นหยางเฟิงยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ เขาหันไปพยักหน้าให้เหว่ยเจี้ยน หัวหน้าหน่วยที่ 7 ผู้ที่มีฝีมือการต่อสู้เก่งกาจพอๆ กับเขา เหว่ยเจี้ยนตอบรับด้วยการพยักหน้ากลับอย่างมั่นคง แววตาของทั้งสองเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในการทำภารกิจที่จะเกิดขึ้น"ทุกหน่วย เตรียมพร้อม! เราจะบุกโจมตีฐานทัพพวกกบฏในอีกสิบนาทีข้างหน้า" หยางเฟิงออกคำสั่งผ่านวิทยุสื่อสาร น้ำเสียงของเขาหนักแน่นและเด็ดขาดเหล่าทหารหนุ่มคนอื่นๆ ต่างขานรับคำสั่งของหัวหน้ากลุ่มด้วยความพร้อมเพรียง พวกเขาตรวจสอบอาวุธและส