"คุณหนูอารมณ์ดีด้วยเหตุใดเจ้าคะ"เสี่ยวโหรวที่กำลังตักยาในถ้วยป้อนคุณหนูนางเอ่ยถามคนที่ตอนนี้บนใบหน้ามีแต่รอยยิ้มขัดกับอาการบาดเจ็บจากกองเพลิงของนางอย่างสิ้นเชิง"เจ้าบอกว่าท่านอ๋องฝ่ากองเพลิงเข้าไปช่วยข้า""เจ้าค่ะ"หากจำไม่ผิด เสี่ยวโหรวบอกเรื่องนี้หลันจินเยว่ไปนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว"ข้ายังไม่ได้ทำยาให้ท่านทานท่านก็ตกหลุมรักข้าแล้วสินะ"ริมฝีปากบางสวยได้รูปพึมพำเบา ๆ พร้อมใบหน้าที่แดงก่ำขึ้นด้วยความเขินอายจากการคิดเข้าข้างตนเองฝ่ายเดียว"คุณหนูมีไข้หรือเจ้าคะ"เสี่ยวโหรวตกใจที่เห็นคนบนเตียงจู่ ๆ ก็หน้าแดงลามไปจนถึงคอ"ข้าไม่เป็นอะไร เอายามาป้อนต่อเถอะ"แม้ยานี้จะขม แต่ยามนี้คนที่กำลังลุ่มหลงกับบุรุษรูปงามที่ยอมเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือนางกลายเป็นว่ายานี้หวานราวน้ำผึ้งขึ้นมาทันที"คุณหนูคงอยากรีบหายเพื่อไปดูอาการท่านอ๋องใช่ไหมเจ้าคะ"สมแล้วที่เป็นสาวใช้ข้างกายเฟิงเยว่ซิน"แน่นอนสิ เจ้าบอกว่าท่านอ๋องบาดเจ็บที่มือขวาตอนช่วยข้าออกมา เวลานี้คงหยิบจับอะไรยากเป็นแน่"เพราะความวู่วามวิ่งฝ่ากองเพลิงเข้าไปช่วยสตรีเจ้าปัญหาที่กำลังจะถูกไฟย่างสดจึงถูกกระเบื้องที่ร้าวตกลงมาเฉือนเข้าที่ต้นแขนขวาลากยาวเท
"งั้นท่านก็ไปเถิด เห็นเสี่ยวโหรวบอกว่าท่านอ๋องพักอยู่ที่จวนปีกใน"สีหน้าคนได้ฟังซีดลงเล็กน้อย หลันจินเยว่เห็นท่าทีคนเป็นพี่จึงเชื่อสิ่งที่เสี่ยวโหรวบอกว่าพื้นที่นั้นถ้าไม่มีคำสั่งจากตงเปียนอ๋องไม่ว่าผู้ใดก็เข้าไม่ได้จริง ๆ"พี่ได้ข่าวว่าจวนปีกในห้ามคนนอกเข้า แต่เจ้ามาพักที่นี่หลายวันแล้ว ท่านอ๋องคงไม่เห็นเจ้าเป็นคนอื่นใช่หรือไม่"เฟิงเยว่ซูกำลังหยั่งเชิงดูสถานะของอีกคนว่าตอนนี้นางอยู่ในจวนนี้มีอำนาจมากเพียงใดแล้ว"แน่นอน ข้าจะพาพี่หญิงไปเข้าเฝ้าท่านอ๋องเอง"เสี่ยวโหรวที่ได้ยินคำพูดส่งเดชหวังเอาชนะอีกคนถึงกับรั้งแขนหลันจินเยว่ไว้ แต่เจ้าตัวเหมือนจะมีแผนการในใจจึงได้แต่ส่งสายตาบอกว่านางจัดการได้ไม่ต้องกังวล"งั้นก็ดีเลย เรารีบไปกันเถอะ""ท่านพี่ใจเย็นก่อน ข้าขอตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าสักประเดี๋ยว ชุดนี้มีแต่กลิ่นยา ท่านอ๋องจะทรงไม่โปรดเอา"'ลูกอนุอย่างเจ้าต่อให้อาบน้ำขัดผิวพรรณยังไงก็ไม่มีวันเทียบคนอย่างข้าได้หรอก'"ตามสบายเถิด"หลันจินเยว่ค้อมหัวให้คุณหนูใหญ่เล็กน้อยจึงให้เสี่ยวโหรวพยุงเข้าไปเปลี่ยนอาภรณ์ด้านในตอนนี้ทั้งสองนางไร้ซึ่งสาวใช้กำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าจวนปีกในของตงเปียนอ๋อ
"กู้หลุนเฟยเจินกงจู่[1]รับสั่งให้หม่อมฉันนำยาชั้นดีมาถวายแก่ท่านอ๋องเฟยหลงเพคะ"กริยานอบน้อมอ่อนหวาน หากเป็นชายที่สนใจสตรีคงต้องเชยชมนางอย่างไม่หยุดปาก ต่างจากตงเปียนอ๋องผู้เย็นชาคนนี้ที่มิได้ชายตามองเฟิงเยว่ซูสักนิดเดียว"ข่าวไวเหมือนกัน สงสัยข้าคงต้องเข้าวังไปขอบพระทัยเสด็จพี่สามแล้ว""กู้หลุนเฟยเจินกงจู่ยังฝากหม่อมฉันบอกกล่าวแก่ท่านอ๋องอีกเรื่องเพคะ""หืม เสด็จพี่ว่าอย่างไรบ้าง""องค์หญิงสามทรงรับสั่งให้ข้าแจ้งแก่ทานอ๋องว่า เรื่องไฟไหม้โรงครัวเรื่องเล็ก แต่สุขภาพท่านอ๋องเรื่องใหญ่ยิ่ง ครั้งหน้าหากเกิดเรื่องเช่นนี้อีก ท่านอ๋องอย่าทรงเสียดายเพียงแค่โรงครัวจนตัวเองต้องบาดเจ็บอีกเป็นพอเพคะ"ตงเปียนอ๋องผู้ฉลาดเฉลียวเงยหน้ามองเฟิงเยว่ซูที่หลุบตาลงต่ำตามประเพณีแบ่งชนชั้นเขาคือองค์ชายสี่น้องขององค์หญิงสามเฟยเจิน ถึงแม้จะคนละมารดา แต่ทั้งสองคนก็เรียกว่าสนิทกันอยู่บ้าง ตงเปียนอ๋องเฟยหลงพอจะรู้นิสัยใจคอพี่สาวคนนี้ของเขาดีเจ้ากี้เจ้าการ เป็นคนโผงผาง แต่นับว่ามีเมตตาและจิตใจดี สิ่งที่เขามองจากสารที่องค์หญิงสามส่งผ่านแม่นางเฟิงผู้นี้มาคงมิพ้นกำลังส่งนางมาให้เขาดูตัวอีกกระมัง"โรงครัวข้าย่อมเสี
"คุณหนู!""เสี่ยวโหรว เจ้ามาได้อย่างไร"หลันจินเยว่ที่นั่งใส่มูลสัตว์ตามต้นไม้อย่างเหน็ดเหนื่อยหันไปถามสาวใช้ที่ถือข้าวของเต็มสองมือเดินตรงมาหานาง"คุณหนูของบ่าวทำไมเปรอะเปื้อนเช่นนี้เจ้าคะ"สองมือรีบยกขึ้นปัดฝุ่นปัดดินออกจากเสื้อผ้าราคาแพงที่ตัดเย็บมาอย่างดีออกให้หลันจินเยว่ ก่อนจะล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดแก้มที่เปื้อนดินเปื้อนโคลนออกเบา ๆ"เลอะแค่นี้เจ้าอย่าใส่ใจเลย บอกข้ามา เจ้าแอบเข้ามาใช่หรือไม่"หลันจินเยว่รีบพาสาวใช้หลบหลังต้นไม้ใหญ่เพราะกลัวเสี่ยวโหรวจะโดนจับได้ว่าแอบเข้ามาในเขตหวงห้าม"บ่าวไม่ได้แอบเข้ามาเจ้าค่ะ เป็นท่านชิงหรงให้บ่าวเอาของกินมาส่งให้คุณหนู"เสี่ยวโหรวยกตะกร้าที่นางใส่อาหารมาให้หลันจินเยว่ดู คนรู้ความจริงถึงกับโล่งอกที่สาวใช้มาอย่างถูกวิธี จะได้ไม่ต้องโดนลงโทษอีกคน"ชิงหรงคงสำนึกผิดเลยส่งเจ้ามา"นึกแล้วก็แค้นใจ!เมื่อวานนี้หลันจินเยว่ก็สงสัยอยู่สหายวัยเยาว์ของนางทูลเหตุผลอันใดต่อตงเปียนอ๋องเขาถึงกล้าให้นางเข้ามาในเขตหวงห้ามเช่นนี้ ที่ไหนเลยเพราะอู่ชิงหรงแจ้งต่อตงเปียนอ๋องว่านางมาเพื่อขอรับผิดชอบต่อโรงครัวที่ทำพังไป สุดท้ายจึงต้องมารับโทษด้วยการใส่มูลสัตว์รดน
"ทำสวนแค่นี้สบายมาก แต่ก่อนวิ่งขึ้นวิ่งลงตึกสิบชั้นยังไม่บ่นเลย""คุณหนูหมายถึงที่หอคัมภีร์หรือเจ้าคะ"เผลอหลุดพูดเกี่ยวกับชีวิตประจำวันโลกปัจจุบันตัวเองเสียได้ ทำเอาเสี่ยวโหรวมองหน้าอย่างใคร่สงสัยกับสิ่งที่ได้ยิน"ใช่ ๆ ข้าหมายถึงหอคัมภีร์นั่นแหละ เลิกมากความได้แล้ว รีบกลับไปก่อนจะมีคนมาเจอเร็ว!"สองมือผลักไสสาวใช้ให้รีบกลับออกจากเขตหวงห้าม ในใจเสี่ยวโหรวแม้จะสงสัยว่าคุณหนูนางไปวิ่งเล่นที่หอคัมภีร์ตั้งแต่เมื่อใดแต่ก็มิกล้าถาม อีกทั้งยังไม่อยากกลับแต่ก็มิอยากสร้างความเดือดร้อนเพิ่มโทษให้หลันจินเยว่จึงลุกเดินออกมาอย่างอ้อยอิ่ง"นางเป็นเช่นไรบ้าง"เสียงทุ้มที่ยืนมองทั้งสองนางมาได้สักพักถามขึ้น ทำเอาเสี่ยวโหรวแข้งขาอ่อนแรงเพราะกลัวจะโดนลงโทษอีกคน"ทะ ท่านอ๋อง""ข้าไม่ลงโทษเจ้าหรอก นาง... เป็นเยี่ยงไรบ้าง"ความจริงแล้วคนที่สั่งให้นำเสี่ยวโหรวมายังจวนปีกในคือตงเปียนอ๋อง ทว่าเขาไม่อยากให้คนอื่นมองว่าปฏิบัติต่อหลันจินเยว่ดีเกินไปจึงใช้ชื่ออู่ชิงหรงแทน"คุณหนูไม่ยอมให้บ่าวช่วยแม้ว่ามือนางจะเจ็บจนช้ำเลือดทั้งฝ่ามือแล้วเจ้าค่ะ"ตงเปียนอ๋องเหลือบมองไปยังจุดที่หลันจินเยว่กำลังนั่งพักอย่างเหม่อลอย
ซึ่งตอนนี้สิ่งที่ตงเปียนอ๋องยังไขไม่ออกคือ เหตุใดซู่จินเพ่ยถึงไม่สังหารบุตรีนางนี้ของศัตรูเสีย แต่กลับสั่งให้ลูกน้องจับนางแบบมีชีวิตกลับไป นางผู้นี้เป็นเพียงลูกอนุภริยาของเฟิงอู๋เยว่ จะไปมีความสำคัญอันใดเท่าเฟิงเยว่ซูคุณหนูใหญ่คนนั้นกัน"ตามต่อไปเงียบ ๆ ข้าจะใช้กลยุทธจับเสือมือเปล่า"ในหมากกระดานนี้มีทั้งจักจั่น ตั๊กแตน ขาดแค่นกขมิ้น เพราะตงเปียนอ๋องผู้นี้ฉลาดเกินกว่าจะเป็นนกขมิ้นที่ยังคงมีคนจ้องตลบด้านหลังอีกที"ขอรับ"รับคำสั่งเสร็จสายลับเงาแห่งกองทัพมังกรขาวที่ถูกฝึกมาอย่างดีก็ใช้วิชาตัวเบากระโจนออกไปจากจวนปีกในอย่างเงียบเฉียบและไร้ร่องรอย"ขาหมูจ๋า~ ข้ามาแล้ว"เสียงสตรีแสนตะกละดังขึ้นดึงความสนใจให้ตงเปียนอ๋องชายตากลับมามองสองขาแกร่งภายใต้ชุดเรียบแต่หรูหราเดินออกไปนอกห้องเพื่อสั่งความไปยังโรงครัวอีกแห่งผ่านมาครึ่งชั่วยาม คนที่เป็นลมแดดก็ได้สติ หลันจินเยว่นั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนโต๊ะอาหารที่มีของกินวางเรียงรายชวนน้ำลายสอ"ชักช้าอาหารเย็นชืดหมด"เสียงราบเรียบติดตำหนิกราย ๆ ดังขึ้นตงเปียนอ๋องนั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะอาหาร ในมือมีกาน้ำชาที่กำลังรินลงถ้วยชาท่าทางสบายใจ"ทั้งหมดนี่ท่านให้ข้
ภายในห้องโถงรับรองเต็มไปด้วยบรรดาขุนนางมากหน้าหลายตากำลังนั่งจิบน้ำชาในงานเลี้ยงต้อนรับบุตรชายของซู่จินเพ่ยกันอย่างสุขสำราญ"จิ่งอวิ๋นนำชัยกลับมาเป็นของขวัญท่านพ่อขอรับ"ซู่จิ่งอวิ๋น บุตรชายเพียงคนเดียวของซู่จินเพ่ยออกศึกขับไล่ข้าศึกที่ชายแดนใต้ได้ชัยชนะกลับมา ทำให้เสนาบดีกรมกลาโหมอย่างซู่จินเพ่ยจัดงานต้อนรับอย่างสมเกียรติ"ท่านแม่ทัพอวิ๋นช่างเก่งกาจสมคำร่ำรือ" หนึ่งในขุนนางสอพลอกล่าวยกย่องอย่างนอบน้อม"ขอบคุณใต้เท้าทุกท่านที่มาร่วมงานวันนี้"นอกจากจะเป็นบุรุษผู้กรำศึกมานับไม่ถ้วน ซู่จิ่งอวิ๋นยังรูปงามไม่แพ้บุรุษทั่วไป หากเพียงเขามีจิตใจเมตตาสักหน่อย คงนับว่าเป็นชายที่ควรค่าแก่การเป็นคู่ครอง"ข้าขอตัวรำลึกความหลังกับจิ่งอวิ๋นสักครู่"ซู่จิตเพ่ยรีบตัดบทเพื่อให้ได้อยู่ด้วยกันกับลูกชายตามลำพัง"เชิญท่านเสนาซู่ตามสบาย"ขุนนางอีกท่านเอ่ยอย่างไม่รั้ง แค่ได้มากินอาหารหรู ๆ อิ่มฟรี แถมยังอาจจะมีเบี้ยหวัดเพิ่มติดไม้ติดมือเพิ่มขึ้น คนพวกนี้ก็พร้อมจะก้มหัวให้สองพ่อลูกตระกูลซู่"ท่านเรียกข้ากลับมาครานี้คงมิใช่แค่จัดงานเลี้ยงฉลองชัยให้ข้าใช่หรือไม่"สมแล้วที่ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เพียงแค่เห็นท่าทีขอ
"พี่ว่าเสื้อผ้าเจ้ามีแต่ชุดพื้น ๆ ไหน ๆ องค์หญิงก็ทรงอนุญาตให้เจ้าเข้าวังแล้วพี่จะพาไปเลือกผ้าที่ร้านจินหลี่เพื่อตัดชุดใหม่ ที่นั่นมีแต่ผ้าสวย ๆ เนื้อดีทั้งนั้น"เสียงใสเอ่ยเจื้อยแจ้วแกมเจ้ากี้เจ้าการตั้งแต่เข้ามาถึงห้องแห่งนี้"เหตุใดจู่ ๆ องค์หญิงสามถึงอยากพบข้า"หลันจินเยว่เอ่ยถามอย่างใคร่สงสัยเพิ่งผ่านมาไม่กี่วันนางมิได้ความจำสั้นที่จะจำคำดูหมิ่นถึงสถานะนางจากพี่สาวและสาวใช้ที่ชื่อเสี่ยวจินถึงสาเหตุที่นางเข้าวังไม่ได้แต่มาวันนี้องค์หญิงเฟยเจินกลับบอกให้หลันจินเยว่เข้าวังได้ จะไม่ให้นางสงสัยได้เยี่ยงไร"สวรรค์คงเห็นใจอยากให้เราสองพี่น้องได้อยู่รวมกันกระมัง องค์หญิงสามเลยเกิดเมตตาต่อเจ้าขึ้นมา"เกี่ยวอะไรกับสวรรค์ หลันจินเยว่โตมากับยุคสมัยใหม่นางไม่เคยเชื่อเรื่องแบบนี้"ข้าขอรอเสี่ยวโหรวก่อน"หลังจากที่เฟิงเยว่ซูกับสาวใช้มาถึงจวนเหมยฮัว จู่ ๆ สาวใช้อย่างเสี่ยวจินก็ท้องเสีย เดือดร้อนให้เสี่ยวโหรวต้องไปเชิญหมอมาดูอาการ แต่นี่ก็ผ่านมาสักพักหนึ่งแล้วยังไม่เห็นแม้เงาของเสี่ยวโหรวและหมอ"หากเจ้าปล่อยให้องค์หญิงสามทรงรอนานคงมิใช่เรื่องดี" เฟิงเยว่ซูรบเร้าต่อ"แต่ว่า..."หลันจินเยว่รู้สึก
"เหตุใดท่านถึง..."จำต้องกลืนคำพูดลงคอเมื่อถูกนิ้วของคนรักปิดไว้ที่ริมฝีปากไม่ให้ขยับเอ่ย"อย่าขยับ ห้ามพูดใด ๆ"ตงเปียนอ๋องรู้สึกว่าร่างกายตนเองแปลกไปข้างในมันร้อนรุ่ม ลำคอแห้งผากเหมือนคนกระหายน้ำหากแต่ความรู้สึกเขากลับบอกว่าน้ำเพียงอย่างเดียวช่วยให้เขาดับกระหายไม่ได้เขาเริ่มตั้งสติจนจมูกสัมผัสได้ถึงกลิ่น ๆ หนึ่ง"ผงเริงรมย์""มันคืออันใด"หลันจินเยว่เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกจึงใคร่สงสัย ทว่าสิ่งที่อยากรู้กลับไม่ได้ถูกเอ่ยออกมาจากปากตงเปียนอ๋องเมื่อด้านนอกมีบุคคลมาเยือน"ฉินกงกงเข้าเฝ้าองค์ชายสี่เฟยหลง"เสียงกงกงของเสด็จย่าเขาดังขึ้นอยู่ด้านนอก"ฉินกงกงมีเรื่องอันใด"เหตุใดคนสนิทของเสด็จย่าถึงได้มาเยือนเข้าถึงจวนแห่งนี้ แถมมาได้เวลาเหมาะเจาะกับอาการประหลาดที่เพิ่งเริ่มแสดงอาการอีก"ไทเฮามีรับสั่ง ผงเริงรมย์นั้นไซร้ จงใช้ให้เกิดประโยชน์ หลังจากนี้สามวันเป็นฤกษ์ดี สามารถจัดงานมงคลได้"เสียงแหลมบาดหูของฉินกงกงเอ่ยราชโองการขององค์ไทเฮาเสร็จจึงทูลลากลับเข้าวังหลวง ทิ้งให้ตงเปียนอ๋องอมยิ้มอยู่ในห้องเมื่อรู้สาเหตุแล้วว่าเหตุใดตนถึงมีอาการแปลกประหลาดเช่นนี้"อะไรคือผงเริงรมย์และอะไรคือสามวันม
บทส่งท้าย : เมื่อหมอกจางหาย บุปผางามผลิบาน"ข้าขับพิษออกจากร่างกายองค์ชายเรียบร้อยแล้ว พักฟื้นสักสองสามวันก็หายดี"หมอหลวงประจำจวนเหมยฮัวเอ่ยบอก"ส่วนยานี้ต้มทานสามมื้อจนกว่าแผลจะหายดี"เสี่ยวโหรวรีบเข้าไปรับยานั้นจากหมอหลวง"อ้อข้าลืมอีกเรื่อง"ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบกว่าเดิมเพราะนึกว่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงอันใดอีก"แผลนั้นต้องห้ามโดนน้ำเด็ดขาด คงต้องรบกวนพระชายาแล้ว"หมอหลวงหันมากำชับเรื่องสำคัญนี้กับหลันจินเยว่ ทำเอาใบหน้านางแดงระเรื่อเพราะไม่คิดว่าคนนอกจวนอย่างหมอหลวงท่านนี้จะรู้เรื่องสถานะของนางกับองค์ชายสี่อีกคน"ข้าไปส่งท่านหมอ"อู่ชิงหรงเดินนำหน้าเพื่อส่งหมอหลวงกลับโรงหมอ"บ่าวขอตัวไปต้มยาให้ท่านอ๋องนะเจ้าคะ"ทุกคนออกไปจากห้องหมดแล้วเหลือเพียงแค่หนึ่งคนหลับอยู่บนเตียงอย่างไร้วี่แววจะฟื้นและอีกคนที่นั่งลงข้างเขาด้วยความเป็นห่วง"ไหนท่านรับปากข้าว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย"ตอนที่หลันจินเยว่ได้ยินว่าตงเปียนอ๋องถูกอาวุธลับอาบยาพิษเล่นงานถึงกับวิ่งถือห่อยาหลายขนานไปดักรอพวกเขาระยะทางกือบลี้ ทั้งล้มลุกคลุกคลานจนแข้งขาถลอก บ่าวใช้คนใดขวางนางไล่ตะเพิดจนหมดสิ้น หากไม่สลบเสียก่อนหลันจินเยว
ชายแดนทิศใต้"เจ้าเลิกดื้อรั้นเถิด ตอนนี้เผ่าซีเซียงยอมจำนนต่อกองทัพมังกรขาวหมดแล้ว"เสียงกร้าวของอู่ชิงหรงประกาศลั่นการปราบกบฎดำเนินมาได้สองชั่วยามแล้ว คนของเผ่าซีเซียงบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วนจนหัวหน้าเผ่ายกธงขาวยอมแพ้ให้กับอำนาจของแม่ทัพแห่งกองทัพมังกรขาวเฟยหลงทว่าต่อให้เสียเลือดเนื้อเสียคนไปมากมายเพียงใด ผู้ที่หัวรั้นเกลียดการพ่ายแพ้อย่างซู่จิ่งอวิ๋นไม่มีทางวางกระบี่ในมือลงเป็นแน่"วันนี้ข้ากับเจ้า ถ้าปลาไม่ตาย ตาข่ายก็ต้องขาด"ซู่จิ่งอวิ๋นโต้ตอบด้วยสำบัดสำนวนเสียงหนักแน่น วันนี้ทั้งเขาและตงเปียนอ๋องผู้นี้ต้องสู้กันให้ถึงที่สุด ให้ตายกันไปข้างถึงจะจบศึกในครั้งนี้"ช่างเด็ดเดี่ยวเช่นบิดาเจ้าเสียจริง"ตงเปียนอ๋องกล่าวชมในความเด็ดเดี่ยวนี้ หากเอามาใช้ให้ถูกทางคงเป็นที่น่ายกย่อง"วันนี้ข้าจะแก้แค้นให้ท่านพ่อที่ถูกพวกเจ้าบังคับให้ดื่มยาพิษนั่น"[1]ยามโฉ่วของวันนี้ เสนาซู่จินเพ่ยได้กรอกยาพิษฆ่าตัวตายหลังได้รับราชโองการเป็นนักโทษประหารที่ต้องบั่นคอเสียบประจาน ข่าวนั้นดังเซ็งแซ่ไปทั่วแคว้นจนมาถึงหูซู่จิ่งอวิ๋นบุตรชายเพียงคนเดียวที่ตั้งใจจะบุกไปช่วยบิดาออกมาแต่มิทันกาลเสียงกระบี่ฟาดฟันอย่
"ทะ...ท่านอ๋อง"ใบหน้าสวยขึ้นสีแดงระเรื่อเมื่อถูกเอาอกเอาใจจากอีกคน"วันนี้สนุกไหม"เขาชวนนางคุยปกติ หากแต่ในแววตากลับมีความกลัดกลุ้มอยู่หลายส่วนจะเรื่องอะไรได้ ก็ตอนที่นางเดินซื้อของในตลาดมีนักฆ่าสะกดรอยตามถึงสามคน โชคดีที่ตงเปียนอ๋องอ่านเกมในครั้งนี้ออกคนรักของเขาถึงได้ปลอดภัยกลับมาหากเขาเล่าเรื่องนี้ให้นางฟัง หลันจินเยว่คงไม่สบายใจ เก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในห้องอีกเป็นแน่ ตอนนี้เลยต้องเอาอกเอาใจนางเพื่อบอกกล่าวแก่เรื่องที่ตริตรองมาอย่างดีแก่นางในเวลาที่เหมาะสม"ตอนแรกก็สนุก"ตอบพร้อมยู่ปากอย่างหุดหงิดในเวลาต่อมา"ใครทำอันใดให้ว่าที่ชายาของข้าขุ่นเคืองใจ"ที่ใช้คำว่า 'ว่าที่' เพราะทั้งสองยังไม่เข้าพิธีสมรสกัน ตงเปียนอ๋องอยากให้เกียรตินางจึงจะรอปราบกบฎตระกูลซู่แล้วสิ้นถึงจะทำพิธีตามประเพณีแคว้น"ข้ากำลังดูผ้าเพื่อจะเอามาตัดชุดใหม่ให้ท่าน แต่เจอเข้ากับคนที่วางยาสลบข้าเพื่อส่งต่อให้คนพวกนั้นเข้า"ที่จริงเรื่องนี้องครักษ์เงาของเขารายงานมาหมดแล้ว"เจ้าพบเฟิงเยว่ซู?""จะเป็นใครอีกละ! พี่สาวตัวดีของเฟิงเยว่ซินนั่นแหละ"ตงเปียนอ๋องหลุดขำออกมาเบา ๆ เมื่อได้ฟังประโยคแปลก ๆ นั้นจบ"เจ้าพูดเหม
"เสี่ยวโหรวเร็ว ๆ เข้า"เสียงเจื้อยแจ้วของหลันจินเยว่ในอาภรณ์สีลูกท้อร้องเรียกสาวใช้ที่เดินหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังอยู่ด้านหลัง"คุณหนูช้าหน่อยเจ้าค่ะ"วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส นางเลยขออนุญาตตงเปียนอ๋องออกมาเดินตลาด ฝั่งนั้นเห็นว่านางเพิ่งผ่านอันตรายมาเมื่อไม่กี่วันก่อนเลยให้ออกมาเที่ยวเล่นจะได้ลืมเรื่องร้าย ๆ พวกนั้น หากแต่ตงเปียนอ๋องก็มิได้นิ่งนอนใจ เขาส่งองครักษ์เงาคอยติดตามอยู่ห่าง ๆ เผื่อเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นจะได้ช่วยเหลือนางทัน"คุณหนูจะซื้อไปฝากท่านอ๋องหรือเพคะ"หลันจินเยว่ยืนดูผ้าไหมเนื้องามที่ร้านหนึ่งตรงตรอกเล็ก ๆ ของตลาด"เจ้าว่าหากท่านอ๋องเปลี่ยนมาใส่สีสว่างตาขึ้นจะดูภูมิฐานอยู่ไหม"ตั้งแต่ที่เห็นและรู้จักกันมา นางไม่เคยเห็นบุรุษที่ว่าสวมใส่เสื้อผ้าสีอื่นที่มิใช่สีดำสีเข้ม ๆ เลยสักครั้งเดียว"บ่าวว่าผ้าสีไหนหากอยู่บนตัวท่านอ๋องก็ดูสง่างามหมดเจ้าค่ะ"หลันจินเยว่เห็นด้วยอย่างยิ่ง วันนี้สาวใช้ของนางพูดได้ถูกใจต้องตบรางวัล"ผ้าพับนี้ข้าซื้อให้เจ้า"นางหยิบผ้าไหมสีกลีบดอกเหมยส่งให้เถ้าแก่ร้าน"คุณหนู นั่นคงแพงมากนะเจ้าคะ"มองแค่ตายังไม่ได้จับต้องเนื้อผ้าเสี่ยวโหรวก็รู้ว่านั่นคือไห
ผ่านมาครึ่งชั่วยามแล้วหลังจากที่ตงเปียนอ๋องออกมาจากห้องนั้นเพื่อฟังรายงานจากเหล่าทหารว่าซู่จิ่งอวิ๋นหนีไปกบดานกับเผ่าซีเซียงบนเขาทางใต้ เขาเลยสั่งให้ทุกคนกลับมาวางแผนกันที่จวนเหมยฮัวก่อนการเดินทางกลับจำต้องใช้ม้าถึงจะถึงที่หมายโดยเร็ว ทว่าหลันจินเยว่กลับเลือกที่จะโดยสารม้ามากับอู่ชิงหรงแทนอีกคน"เหตุใดข้ารู้สึกว่าเจ้ากำลังหลบหน้าท่านอ๋อง"บุรุษผู้โผงผางคิดเห็นการใดก็พูดออกไปจนหมดสิ้นถามสหายวัยเยาว์"ข้ามิได้หลบหน้าผู้ใด"หลันจินเยว่ที่นั่งอยู่ด้านหลังเขาตอบเหมือนร้อนตัว"หากข้าเป็นคนอื่นคงเชื่อที่เจ้ากล่าวมา"จะมาเกิดฉลาดเอาอะไรตอนนี้ นางยิ่งอยากอยู่เงียบ ๆ ตบตีกับคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบจากตงเปียนอ๋องว่าตกลงแล้วที่เขาบอกชอบนางหมายถึงร่างกายเฟิงเยว่ซินหรือตัวตนที่นางแสดงออกกัน"หยุด!"ตงเปียนอ๋องที่ควบม้าตามหลังสองคนนี้สั่งเสียงลั่น ทหารทุกนายต่างหยุดควบม้าเพื่อรอฟังคำสั่งถัดไป"ท่านอ๋องพบสิ่งใดผิดปกติหรือขอรับ"หนึ่งในทหารที่ควบม้ารั้งท้ายลงจากม้ามาถามไถ่"ม้าตัวนี้อ่อนแรงแล้ว หยุดพักที่นี่สักพักก่อน"หากม้าที่ตงเปียนอ๋องทรงขี่อยู่คือทมิฬกาลคงหาข้ออ้างเช่นนี้ไม่ได้สายตาคมมองแผ่นหลังบ
ตอนนี้ดวงตะวันเริ่มขึ้นใหม่อีกครั้ง บ่งบอกว่าทั้งสองกายที่นอนกอดกันทั้งคืนเจอกับรุ่งเช้าของวันใหม่แล้วหลันจินเยว่รู้สึกตัวตื่นก่อนจึงค่อย ๆ แกะมือแกร่งที่โอบกอดนางไว้ในอ้อมกอดทั้งคืนออกอย่างช้า ๆเมื่อคืนไม่รู้ว่าเหตุใดจุดจบของทั้งคู่จึงกลายเป็นการหลอมรวมเป็นหนึ่งเช่นนั้นถึงแม้จะยังเคอะเขินและเจ็บหน่วงไปทั้งร่างกายอยู่ แต่นางไม่อยากให้อีกคนตื่นมาเจอสภาพกึ่งเปลือยเช่นนี้จึงตั้งใจหนีจากอกอุ่นออกมาแต่งกายให้เรียบร้อย"คิดจะหนีข้ารึ"ดวงตาดั่งกวางน้อยตกใจกับเสียงทุ้มที่เอ่ยทว่าหลับตาอยู่"ทะ...ท่านตื่นแล้ว"ปกติไม่ได้พูดจาติดขัดเช่นนี้ เหตุใดครั้งนี้ถึงไม่กล้าต่อปากต่อคำเถียงอีกคนกันเล่าพรึ่บ!ตงเปียนอ๋องขี้แกล้งพลิกร่างบอบบางกึ่งเปลือยของนางให้นอนกองทับบนอกตนหลันจินเยว่จ้องมองร่องรอยจิกข่วนบนกล้ามอกอันเกิดจากนางพลางร้อนรุ่มขึ้นที่พวงแก้มทั้งสองข้าง"แอบอ่านกินข้าอยู่หรือ""บ้า!"กำปั้นน้อย ๆ ทุบลงกึ่งกลางเนื้ออกหนัดแน่น"หากข้าบ้า เจ้ามิน่าสงสารหรือ""ทำไมข้าต้องน่าสงสาร"นางเงยหน้าขึ้นมองคนที่พูดจาให้งวยงง"เพราะเจ้ามีสามีเป็นคนบ้า"สะ...สามี!ใบหน้าสวยแดงกร่ำไปทั่วพวงแก้ม ริมฝีปากเ
"เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น ตลอดทางมาที่นี่ข้าทำเครื่องหมายเอาไว้แล้ว"อ้อ คงจะเป็นพวกเครื่องหมายลับที่รู้กันแค่ไม่กี่คน"แผลท่าน"ดวงตาสีน้ำตาลเหลือบมองแขนที่พันผ้าสีขาวเพื่อห้ามเลือดเอาไว้"แผลเล็กน้อย ข้าต้มยาไว้เดี๋ยวเอามาให้เจ้าทาน"ไม่รอช้าตงเปียนอ๋องผู้เย่อหยิ่งไม่เคยปรนนิบัติใครมาก่อนรีบออกไปยกหม้อยาที่ต้มรอคนเจ็บฟื้นมาให้นางทันที"แค่กลิ่นก็รู้แล้วว่าขม"จริมฝีปากจิ้มลิ้มกล่าว ใบหน้าสวยหวานหันหนีไปอีกทางเพราะไม่ชอบกลิ่นของยาถ้วยนี้"ยาไม่ขมจะช่วยให้หายได้เยี่ยงไร เจ้าฝืนดื่มสักอึกเถอะ"ถ้วยยาถูกยกขึ้นใกล้ใบหน้าหวานนั้นอีกครั้งหลันจินเยว่เหมือนตกอยู่ในมนตร์สะกดเมื่อเผลอสบตาตงเปียนอ๋องที่จ้องนางอยู่ก่อนแล้ว"งั้นข้าป้อนเจ้าแล้วกัน"ว่าจบจึงจับช้อนแล้ววนยาในถ้วยสองสามรอบ ตักยาขึ้นจากถ้วยแล้วจ่อตรงริมฝีปากบางหลันจินเยว่อ้าปากเล็กน้อยเพื่อกลืนยาในช้อนนั้นหากแต่ไม่ยอมละสายตาไปจากใบหน้าตงเปียนอ๋องราวกับมองแล้วจะช่วยลดรสชาติขมของยานี้ลงได้"เด็กดี"รู้ตัวอีกทีจากแค่คิดว่าต้องดื่มแค่อึกเดียวกลายเป็นถูกตงเปียนอ๋องป้อนจนหมดถ้วย"ทะ...ท่า...น"อ้าปากเตรียมต่อว่าอีกคนที่หลอกให้นางทานยาแ
"ต้าเสียน?"นี่เป็นสิ่งเหนือความคาดเดาของตงเปียนอ๋อง เขาไม่เคยคิดว่าคนที่บงการพ่อลูกตระกูลซู่จะเป็นผู้ร่วมสายเลือดเดียวกับเขาอย่างองค์หญิงสาม"เหนือฟ้าย่อมมีฟ้า เจ้าคงคิดว่าท่านพ่อข้าจะไม่หาทางหนีที่พึ่งไว้สินะ"เมื่อคิดว่าตอนนี้ตนมีอำนาจกว่าอีกฝ่ายก็เริ่มอวดเบ่งด้วยเสียงเย้ยหยัน"ถ้ำแห่งนี้จะเป็นสุสานของพวกเจ้า"จบประโยคนั้น ซู่จิ่งอวิ๋นปรี่เข้าไปฟาดฟันตงเปียนอ๋องเฟยหลงเช่นเดียวกับคู่ของต้าเสียนที่กำลังกันทางไม่ให้อู่ชิงหรงเข้าไปช่วยเหลือหลันจินเยว่บุรุษแห่งกองทัพมังกรขาวทั้งสองแม้จะรับมือคู่ต่อสู้หากแต่ในใจกลับห่วงสตรีเพียงหนึ่งเดียวที่ถูกจับมัดไว้กลางวงต่อสู้หวั่นจะถูกลูกหลงเอา"ท่านอ๋องระวัง!"เสียงนั้นช้าไป คมกระบี่ของซู่จิ่งอวิ๋นเฉือนเข้าที่แขนตงเปียนอ๋องจนเลือดสีแดงซึมออกมา"ท่านอ๋อง!"อู่ชิงหรงอาศัยความเร็วเข้ารับกระบี่ของซู่จิ่งอวิ๋นที่กำลังจะซ้ำลงอีกครั้งได้ทันท่วงที"ท่านพาซินเอ๋อร์หนีไปก่อน"เสียงอู่ชิงหรงดังขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับที่คมกระบี่เขาฟันลงบนขาพับของซู่จิ่งอวิ๋นจนเซเสียหลัก"ท่านแม่ทัพอวิ๋น!"ต้าเสียนเห็นท่าทีไม่สู้ดี แม้จะบาดเจ็บทั้งสองฝ่ายแต่บาดแผลของซู่จิ่งอว