เมื่อลองคิดใคร่ครวญกลับไป นางพบว่าเขาแทบไม่พูดหวานกับนางสักเท่าใด คำบอกรักก็แทบนับครั้งได้ หรือนี่จะเป็นสาเหตุที่แม้นางกับเขาเป็นสามีภรรยากันแล้วมีสัมพันธ์ทางกายจนตอนนี้นางตั้งภรรค์ลูกของเขา แต่นางก็ยังกลับปัจจุบันไม่ได้ จนเกิดเรื่องที่เขาไปรบ หรือแท้ที่จริงใจเขามิเคยรักนาง
จริงสิ สมรสพระราชทาน ใครจะกล้าปฎิเสธคำของฮ่องเต้กัน หลินเข่อซิงคิดอย่างเศร้าสร้อย“นี่ข้าคงรักท่านอย่างสุดหัวใจเข้าแล้วจริงๆ ถึงกับตามืดบอดหลงลืมไปว่าท่านและนางเคยผูกพันกันมานานเพียงใด ยึดติดกับเนื้อเรื่องในนิยายหลงคิดว่าตนเองคือนางเอก แท้ที่จริงข้าต่างหากที่เป็นนางร้ายมาแยกพวกท่านออกจากกัน”หลินเข่อซิงร่ำไห้ปานใจจะขาด ลูกน้อยในท้องราวกับรับรู้ได้ ทั้งเตะทั้งถีบรุนแรง แต่กลับเป็นการกระตุ้นให้หลินเข่อซิงยิ่งหดหู่“เขามิได้ต้องการข้าแล้ว ถ้าหากเขารับรู้ว่าข้ามีเจ้า เขาคง…”คืนนั้นหลิงเฉินก็ยังมิกลับมา แต่หลินเข่อซิงที่จมจ่อมในห้วงคำนึงของตนเองจนมิสนใจสิ่งใดรอบกาย ปล่อยให้นางกำนัลจัดการทุกสิ่งให้นาง จนถึงเวลาเข้านอน หญิงสาวทำเพียงจ้องมองไปบนเพดาน น้ำตาระลอในท้องพระโรงอันโอ่อ่า เสียงประโคมกลองและฉาบดังขึ้น ประกาศเริ่มต้นพิธีอภิเษกสมรสของหานเจี๋ย ผู้ครองบัลลังก์มังกร และสตรีที่ทรงเลือกขึ้นเป็นฮองเฮา แม่ของแผ่นดิน พื้นผิวของโถงหลวงถูกปูด้วยพรมผืนใหญ่สีแดงฉาน ขับเน้นให้บรรยากาศยิ่งเต็มไปด้วยความสง่างาม บนโต๊ะยาวด้านหน้าถูกจัดเรียงเครื่องบรรณาการ เครื่องหอม และบรรดาของมีค่าจากทั่วสารทิศที่นำมาถวายแด่คู่บ่าวสาวทางเดินทอดยาวไปยังบัลลังก์ทองคำที่ตั้งตระหง่าน ที่นั่นเอง ฮ่องเต้หนุ่มทรงสวมฉลองพระองค์จักรพรรดิเต็มยศ ผ้าคลุมไหล่ปักดิ้นทองเป็นลวดลายมังกรอันงดงาม เสื้อคลุมทอด้วยไหมชั้นดีจากแดนไกล ที่แขนยาวปักลายพยัคฆ์ทองคำอีกชั้น มือซ้ายของพระองค์วางบนที่วางแขน ขณะที่มือขวาทรงวางนิ่งสงบเบื้องหน้าเขาคือเจ้าสาวในชุดสีแดงสด ประดับด้วยผ้าคลุมหน้าแพรบาง สะท้อนแสงไฟจากโคมทองระยิบระยับ ผ้าคลุมไหล่ยาวลากตามราวสายธารสีแดงที่ไหลริน สะท้อนความงามอันบริสุทธิ์ สตรีนางนี้มาพร้อมกับสายตาที่หวั่นไหวและความรู้สึกอันหลากหลายที่มิได้แสดงออกมาให้เห็นเด่นชัดหลังจากนั้น เสียงของหัวหน้าพิธีการดังกังวานขึ้น “ถวายคำนับแรกแด่ฟ้าและดิน!”
หลังผ่านค่ำคืนอันแสนร้อนเร่ากับเจ้าผู้ครองแคว้น หยางเฟยฮุ่ยกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างผู้ชนะ กว่านางจะฝ่าด่านคัดเลือกสตรีนับพัน ฝ่าฟันต่อสู้กับเหล่าคุณหนูในห้องหอที่ต่างก็เพียบพร้อมไปด้วยความงามและความสามารถ แต่ที่ยากลำบากยิ่งกว่าคือการต้องวางแผนสกปรกทำให้น้องรองต้องเสียโฉมตัดโอกาสที่จะมาแย่งชิงกับนาง เพื่อที่นางจะได้เป็นตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวของตระกูล หยางลี่เฟย จะโทษก็โทษที่ชาติกำเนิดตัวเองเถอะ เจ้ามันก็แค่ลุกอนุ แต่อยากจะมาเทียบเคียงข้า อย่าได้โทษข้าเลย ที่ข้าไม่ยั้งมือ หยางเฟยฮุ่ยคิดในใจหยางเฟยฮุ่ยนั่งมองใบหน้าของตนเองในกระจก ดวงหน้างามพิลาส ดวงตาราวรีรุปหงส์ให้ความรุ้สึกหยิ่งผยองยามปรายหางตามอง จมุกเล็กเชิดรั้น ริมฝีปากยามแย้มยิ้มก็เย้ายวนมีเสน่ห์อย่างยิ่ง ใบหน้านี้ไม่ว่าใครได้มองย่อมตกหลุมนางทั้งนั้น มีแต่เจ้าคนน่าตายอวิ๋นเฟยหลงนั่นคนเดียว ตั้งแต่หลินเข่อซิงโผล่มาก็ไม่มองนางอีกเลย ทั้งที่แต่เล็กทั้งสองตระกุลต่างหมายหมั้นให้พวกนางได้ร่วมหอลงโลง หึ อวิ๋นเฟยหลง ตอนนี้ท่านก็คงจะได้แต่นึกเสียใจเป็นแน่ มาบัดนี้ข้ากลับดีใจที่ไม่ได้แต่งให้ท่าน ไม่เช่นนั้นค
บนพื้นที่ห่างไกลออกไปทางเหนือใกล้กับชายแดนแคว้นเกาเยว่ เสียงตัดไม้ดังก้องไปทั่วป่า เมื่อมองลึกเข้าไปจะพบกับชายร่างสูงใหญ่ล่ำสัน เครื่องแต่งกายมีเพียงเสื้อตัวบางทับด้วยเสื้อกั๊กเผยให้เห็นมัดกล้ามสองแขนแกร่ง กำลังตัดไม้อย่างขมักเขม้น หยาดเหงื่อไหลรินผ่านขมับ ชายหนุ่มขบกรามแน่นยามออกแรงยกขวาน ใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลา หนวดเครารกครึ้ม ส่งให้ใบหน้าคมเข้มไม่ไกลกันนัก มีสาวน้อยวัยกำดัดนั่งเท้าคางมองชายหนุ่มที่กำลังตัดไม้ด้วยแววตาหลงใหล สาวน้อยร่างบางสวมชุดกระโปรงยาวสีชมพูอ่อน ดูน่ารักน่าทะนุถนอมยิ่งนัก ข้างๆมีตระกร้าใส่อาหารและผลไม้ ดูไปก็คล้ายคู่รักที่ดูรักกันดียิ่ง แต่ความเป็นจริงนั้น…“จิ่นสือ วันนี้อากาศดีมาก ข้าว่าพอแค่นี้ดีไหม แล้วเราไปเดินเล่นในเมืองด้วยกัน” สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มเอ่ยชวนแต่ชายร่างกำยำกลับทำราวกับไม่ได้ยินเสียงนาง ยังคงตัดไม้ต่อไปอย่างไม่ลดละ“นี่ เมื่อไหร่ท่านจะยอมคุยกับข้าสักที นี่ก็ผ่านมาจะครึ่งปีอยู่แล้วนะ นับจากวันที่ท่านพ่อกับท่านแม่พาท่านมาอยู่ด้วยกัน”“…”“สมแล้วที่ท่านพ่อตั้งชื่อให้ท่านว่าจิ่
จิ่นสือมาอยุ่กับครอบครัวสกุลซุยมาได้พักใหญ่แล้ว เขามักจะไปตักน้ำตัดฟืนมาไว้ในบ้านเสมอ รวมถึงการออกไปจับจ่ายซื้อของแทนผุ้เฒ่าซุยอยุ่บ่อยครั้งและแน่นอนว่าเขามักจะมีดรุณีน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มตามติดไปด้วยอยุ่เสมอ จนผุ้ที่ได้พบเห็นต่างนึกเอ็นดุและชื่นชมในรุปลักษณ์ที่ดีงามของทั้งสองคนจิ่นสือมักมีอาการปวดศีรษะบ่อยครั้ง แต่ละครั้งมักมีอาการไม่นานมาก เพียงชั่วใบไม้ร่วงหล่นลงสุ่พื้น แต่ก็ทำให้เขาเจ็บร้าวในหัวจนแทบทรงตัวไม่อยุ่ในทุกค่ำคืนเขามักจะฝันถึงหญิงสาวที่ไม่มีใบหน้า เฝ้าเรียกหาเขาด้วยน้ำเสียงอาทรและห่วงหาคืนนี้ก็เช่นกัน…“ท่านพี่…ท่านพี่…”“…”“เจ้าเป็นใคร ต้องการอะไรกันแน่” เขาถามออกไปแต่ร่างบอบบางในชุดสีฟ้าอ่อน ผมยาวตรงสยายพลิ้วไหวตามแรงลมที่ไม่ทราบมาจากที่ใด เขาเพ่งมองไปยังใบหน้านั้น แต่แสงสีขาวสว่างจ้าเกินไปจนเขาตาพร่าไม่สามารถมองเห็นใบหน้านั้นได้ชายหนุ่มตัดสินใจเดินเข้าไปหาร่างนั้น แต่ยิ่งเดินยิ่งห่างไกล ราวกับร่างนั้นเคลื่อนถอยหลังหนีเขาอยุ่ร่ำไป“ได้โปรดเถิด ให้ข้าได้เห็นหน้าเจ้าสักนิด”จื
ซุยลี่อินใจเต้นรัว ใบหน้าเล็กร้อนผ่าว มือน้อยๆ ยกขึ้นไปจับตรงตำแหน่งที่มือใหญ่ได้วางไว้ก่อนหน้าเบาๆ ริมฝีปากจิ้มลิ้มแย้มยิ้มออกมาเสียจนแทบฉีกถึงใบหุ “ข้าจะรอท่านพี่กลับมานะเจ้าคะ” สาวน้อยตะโกนไล่หลังร่างสุงใหญ่ที่เดินทิ้งห่างไปไกล ซุยลี่อินยืนส่งชายในดวงใจจนร่างเขาหายลับไปจากสายตา จึงเดินกลับเข้าไปในบ้าน จิ่นสือได้ยินเสียงใสแว่วๆ แต่เขาไม่ได้หันกลับไป ทำเพียงเร่งฝีเท้าให้ทันนายท่านซุยเพียงเท่านั้น แสงแดดยามสายสาดส่องผ่านยอดไม้หนาทึบลงมาเป็นลำ จิ่นสือก้าวเดินตามผู้เฒ่าอย่างตั้งใจ แม้พื้นดินจะชื้นแฉะ แต่ในความชื้นนั้นกลับทำให้ป่าแห่งนี้อุดมไปด้วยพืชสมุนไพรอันหลากหลาย จิ่นสือมองสำรวจอย่างตั้งอกตั้งใจ "ดูเหมือนป่านี้จะซ่อนสมุนไพรล้ำค่าไว้มิใช่น้อย...ข้าสงสัยว่าเหตุใดต้นไม้เหล่านี้จึงเติบโตได้งดงามนัก" นายท่านซุยยิ้มอย่างยินดีที่ชายหนุ่มถามในเรื่องที่เขามีความรู้เป็นอย่างดี และยินดีแบ่งปันอย่างยิ่ง “ต้นไม้ในป่านี้ได้รับการดูแลจากธรรมชาติ และคนในหมู่บ้านของเราได้ช่วยกันร
จิ่นสือพยักหน้ารับ ขณะที่ลูบใบเทียนเฉ่าเบาๆ กลิ่นหอมฉุนของมันลอยออกมาแตะจมูก สมุนไพรชนิดนี้มีสรรพคุณล้ำค่า และเป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงการแพทย์แผนโบราณถัดมาไม่นาน พวกเขาก็เจอพุ่มไม้ที่ออกดอกเป็นช่อสีขาวเล็กๆ กลีบดอกดูเปราะบางและชุ่มชื่น“นี่คือไป่ฮวา หรือหญ้าพันงู ขึ้นชื่อในสรรพคุณสมานแผลและหยุดเลือดทันทีเมื่อมีแผลสด ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในยาสำหรับทหารหรือผู้ที่ทำงานเสี่ยงอันตราย”จิ่นสือสังเกตพุ่มไม้ไป่ฮวาด้วยความสนใจ“น่าสนใจนัก ยามศึกสงคราม สมุนไพรนี้คงช่วยได้มากจริงๆ”พวกเขาเดินต่อจนถึงลำธารเล็กๆ ที่ไหลเย็นสบาย สองข้างของลำธารมีต้นไม้เล็กๆ ออกผลเล็กๆ สีแดงจัดเต็มพุ่ม“ต้นนี้เรียกว่าซานจาหรือพุทราจีน ผลสีแดงของมันนี้กินได้ มีรสหวานอมเปรี้ยว ช่วยย่อยอาหารและบำรุงหัวใจเป็นเลิศ” นายท่านซุยหยิบผลซานจามาส่งให้จิ่นสือ“ลองชิมดูสิ หวานอมเปรี้ยวนี่ล่ะช่วยให้รู้สึกสดชื่นยิ่ง”จิ่นสือรับผลซานจามา ลองกัดเบาๆ รสชาติสดชื่นทำให้เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่าทันที สมุนไพรนี้ไม่เพียงแต่เป็นยาบำรุงแต่ยังเสริมพลังได้เป็นอย่างดี
“เอาล่ะ... อ่านจบในวันนี้แน่นอน!” หลินเข่อซิงพูดกับตัวเองอย่างมุ่งมั่น มือข้างหนึ่งถือแก้วชานมไข่มุก ส่วนอีกข้างกำลังไถนิ้วผ่านหน้าจอมือถือที่แสดงหน้าแอพนิยายออนไลน์ เธอนั่งพิงโซฟานุ่มๆ ในห้องนอน พลางห่อหมอนใบใหญ่ไว้ในอ้อมแขน เสมือนเป็นอุปกรณ์เสริมในการอ่านที่ขาดไม่ได้นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เธออ่านต่อเนื่องมาหลายเดือนแล้ว มันคือ “บุปผาซ่อนใจ คุณชายไร้รัก” นิยายจีนโบราณที่เข่อซิงหลงใหลตั้งแต่บทแรก นางเอกเรื่องนี้คือคุณหนูหลินผู้อ่อนหวานและบริสุทธิ์ ส่วนพระเอกคืออวิ๋นเฟยหลง คุณชายสุดหล่อที่เย็นชาแต่เท่ห์เหลือเกิน นี่มันสูตรสำเร็จของนิยายจีนโบราณชัดๆ!“ฮ่า ๆ ๆ” เข่อซิงหัวเราะออกมาเมื่อถึงฉากที่นางร้าย “หยางเฟยฮุ่ย” ทำหน้าเหมือนจะชนะนางเอก แต่ก็โดนตลบหลังอย่างงดงาม เธออดที่จะนึกขำไม่ได้ หยางเฟยฮุ่ยนะเหรอ! ตัวร้ายที่ทำทุกอย่างเพื่อพระเอก ร้ายลึกจนแทบไม่มีที่ว่างให้ความดีเข้ามาแทรก “แหม... คนแบบนี้ในชีวิตจริงนี่คงปวดหัวน่าดู แต่ก็ทำให้เรื่องสนุกใช่เล่นนะ!”หลินเข่อซิงถอนหายใจยาว เมื่อเลื่อนหน้าจอไปยังบทสุดท้าย ความตื่นเต้นเริ่มค่อยๆ ลดลงเมื่อเธอนึกถึงการจากลานิยายเรื่องนี้“เอาจริงดิ..
หลินเข่อซิงสูดหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมสติไว้ในใจ “เอาล่ะ! เรามาทำตามแผนกัน... ฉันจะต้องทำตัวเรียบร้อยและสง่างามที่สุดเหมือนผ้าพับไว้ ไม่มีทางทำพลาดแน่นอน!”หลังจากได้รับการเรียกตัวให้ไปพบอวิ๋นเฟยหลง หลินเข่อซิงก็ยืนเตรียมพร้อมอยู่ในลานหน้าตำหนักใหญ่ ชุดผ้าฝ้ายโบราณสีอ่อนยิ่งทำให้เธอดูเหมือนคุณหนูหลินที่แสนจืดชืดจากนิยายไม่มีผิด “อืม... ถ้าฉันเดินด้วยก้าวเล็กๆ ค่อยๆ ก้มหน้าไว้ คงจะดูเรียบร้อยพอสมควรสินะ” เธอคิด ขณะที่พยายามเดินอย่างสงบเสงี่ยมไปทางที่เขายืนอยู่ตึก ตึก ตึก...แต่พอใกล้เข้าไปเรื่อยๆ ความตื่นเต้นก็เริ่มประทุขึ้น เธอเคยอ่านเรื่องนี้ไม่รู้กี่รอบ แต่ตอนนี้ต้องเจอกับพระเอกสุดหล่อในชีวิตจริง หัวใจของหลินเข่อซิงเต้นระรัวราวกับกลองศึก!อวิ๋นเฟยหลงยืนอยู่ตรงหน้าเข่อซิง ใบหน้าคมเข้มของเขาดูสง่างามจนเธอเผลอหยุดหายใจไปชั่วขณะ โอ้โห...หล่อจริง ๆ... แต่ก็เย็นชาเหมือนในนิยายไม่มีผิด เข่อซิงคิดในใจ ขณะที่พยายามทำท่าเรียบร้อยสงบเสงี่ยมที่สุดเท่าที่จะทำได้“ข้าคืออวิ๋นเฟยหลง” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ดูเย็นชาตามแบบฉบับของเขา ดวงตาสีดำสนิทจับจ้องที่หลินเข่อซิงอย่างเฉยชาหลินเข่อซิงรีบโค้งตัวลงอย่างสุ
จิ่นสือพยักหน้ารับ ขณะที่ลูบใบเทียนเฉ่าเบาๆ กลิ่นหอมฉุนของมันลอยออกมาแตะจมูก สมุนไพรชนิดนี้มีสรรพคุณล้ำค่า และเป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงการแพทย์แผนโบราณถัดมาไม่นาน พวกเขาก็เจอพุ่มไม้ที่ออกดอกเป็นช่อสีขาวเล็กๆ กลีบดอกดูเปราะบางและชุ่มชื่น“นี่คือไป่ฮวา หรือหญ้าพันงู ขึ้นชื่อในสรรพคุณสมานแผลและหยุดเลือดทันทีเมื่อมีแผลสด ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในยาสำหรับทหารหรือผู้ที่ทำงานเสี่ยงอันตราย”จิ่นสือสังเกตพุ่มไม้ไป่ฮวาด้วยความสนใจ“น่าสนใจนัก ยามศึกสงคราม สมุนไพรนี้คงช่วยได้มากจริงๆ”พวกเขาเดินต่อจนถึงลำธารเล็กๆ ที่ไหลเย็นสบาย สองข้างของลำธารมีต้นไม้เล็กๆ ออกผลเล็กๆ สีแดงจัดเต็มพุ่ม“ต้นนี้เรียกว่าซานจาหรือพุทราจีน ผลสีแดงของมันนี้กินได้ มีรสหวานอมเปรี้ยว ช่วยย่อยอาหารและบำรุงหัวใจเป็นเลิศ” นายท่านซุยหยิบผลซานจามาส่งให้จิ่นสือ“ลองชิมดูสิ หวานอมเปรี้ยวนี่ล่ะช่วยให้รู้สึกสดชื่นยิ่ง”จิ่นสือรับผลซานจามา ลองกัดเบาๆ รสชาติสดชื่นทำให้เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่าทันที สมุนไพรนี้ไม่เพียงแต่เป็นยาบำรุงแต่ยังเสริมพลังได้เป็นอย่างดี
ซุยลี่อินใจเต้นรัว ใบหน้าเล็กร้อนผ่าว มือน้อยๆ ยกขึ้นไปจับตรงตำแหน่งที่มือใหญ่ได้วางไว้ก่อนหน้าเบาๆ ริมฝีปากจิ้มลิ้มแย้มยิ้มออกมาเสียจนแทบฉีกถึงใบหุ “ข้าจะรอท่านพี่กลับมานะเจ้าคะ” สาวน้อยตะโกนไล่หลังร่างสุงใหญ่ที่เดินทิ้งห่างไปไกล ซุยลี่อินยืนส่งชายในดวงใจจนร่างเขาหายลับไปจากสายตา จึงเดินกลับเข้าไปในบ้าน จิ่นสือได้ยินเสียงใสแว่วๆ แต่เขาไม่ได้หันกลับไป ทำเพียงเร่งฝีเท้าให้ทันนายท่านซุยเพียงเท่านั้น แสงแดดยามสายสาดส่องผ่านยอดไม้หนาทึบลงมาเป็นลำ จิ่นสือก้าวเดินตามผู้เฒ่าอย่างตั้งใจ แม้พื้นดินจะชื้นแฉะ แต่ในความชื้นนั้นกลับทำให้ป่าแห่งนี้อุดมไปด้วยพืชสมุนไพรอันหลากหลาย จิ่นสือมองสำรวจอย่างตั้งอกตั้งใจ "ดูเหมือนป่านี้จะซ่อนสมุนไพรล้ำค่าไว้มิใช่น้อย...ข้าสงสัยว่าเหตุใดต้นไม้เหล่านี้จึงเติบโตได้งดงามนัก" นายท่านซุยยิ้มอย่างยินดีที่ชายหนุ่มถามในเรื่องที่เขามีความรู้เป็นอย่างดี และยินดีแบ่งปันอย่างยิ่ง “ต้นไม้ในป่านี้ได้รับการดูแลจากธรรมชาติ และคนในหมู่บ้านของเราได้ช่วยกันร
จิ่นสือมาอยุ่กับครอบครัวสกุลซุยมาได้พักใหญ่แล้ว เขามักจะไปตักน้ำตัดฟืนมาไว้ในบ้านเสมอ รวมถึงการออกไปจับจ่ายซื้อของแทนผุ้เฒ่าซุยอยุ่บ่อยครั้งและแน่นอนว่าเขามักจะมีดรุณีน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มตามติดไปด้วยอยุ่เสมอ จนผุ้ที่ได้พบเห็นต่างนึกเอ็นดุและชื่นชมในรุปลักษณ์ที่ดีงามของทั้งสองคนจิ่นสือมักมีอาการปวดศีรษะบ่อยครั้ง แต่ละครั้งมักมีอาการไม่นานมาก เพียงชั่วใบไม้ร่วงหล่นลงสุ่พื้น แต่ก็ทำให้เขาเจ็บร้าวในหัวจนแทบทรงตัวไม่อยุ่ในทุกค่ำคืนเขามักจะฝันถึงหญิงสาวที่ไม่มีใบหน้า เฝ้าเรียกหาเขาด้วยน้ำเสียงอาทรและห่วงหาคืนนี้ก็เช่นกัน…“ท่านพี่…ท่านพี่…”“…”“เจ้าเป็นใคร ต้องการอะไรกันแน่” เขาถามออกไปแต่ร่างบอบบางในชุดสีฟ้าอ่อน ผมยาวตรงสยายพลิ้วไหวตามแรงลมที่ไม่ทราบมาจากที่ใด เขาเพ่งมองไปยังใบหน้านั้น แต่แสงสีขาวสว่างจ้าเกินไปจนเขาตาพร่าไม่สามารถมองเห็นใบหน้านั้นได้ชายหนุ่มตัดสินใจเดินเข้าไปหาร่างนั้น แต่ยิ่งเดินยิ่งห่างไกล ราวกับร่างนั้นเคลื่อนถอยหลังหนีเขาอยุ่ร่ำไป“ได้โปรดเถิด ให้ข้าได้เห็นหน้าเจ้าสักนิด”จื
บนพื้นที่ห่างไกลออกไปทางเหนือใกล้กับชายแดนแคว้นเกาเยว่ เสียงตัดไม้ดังก้องไปทั่วป่า เมื่อมองลึกเข้าไปจะพบกับชายร่างสูงใหญ่ล่ำสัน เครื่องแต่งกายมีเพียงเสื้อตัวบางทับด้วยเสื้อกั๊กเผยให้เห็นมัดกล้ามสองแขนแกร่ง กำลังตัดไม้อย่างขมักเขม้น หยาดเหงื่อไหลรินผ่านขมับ ชายหนุ่มขบกรามแน่นยามออกแรงยกขวาน ใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลา หนวดเครารกครึ้ม ส่งให้ใบหน้าคมเข้มไม่ไกลกันนัก มีสาวน้อยวัยกำดัดนั่งเท้าคางมองชายหนุ่มที่กำลังตัดไม้ด้วยแววตาหลงใหล สาวน้อยร่างบางสวมชุดกระโปรงยาวสีชมพูอ่อน ดูน่ารักน่าทะนุถนอมยิ่งนัก ข้างๆมีตระกร้าใส่อาหารและผลไม้ ดูไปก็คล้ายคู่รักที่ดูรักกันดียิ่ง แต่ความเป็นจริงนั้น…“จิ่นสือ วันนี้อากาศดีมาก ข้าว่าพอแค่นี้ดีไหม แล้วเราไปเดินเล่นในเมืองด้วยกัน” สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มเอ่ยชวนแต่ชายร่างกำยำกลับทำราวกับไม่ได้ยินเสียงนาง ยังคงตัดไม้ต่อไปอย่างไม่ลดละ“นี่ เมื่อไหร่ท่านจะยอมคุยกับข้าสักที นี่ก็ผ่านมาจะครึ่งปีอยู่แล้วนะ นับจากวันที่ท่านพ่อกับท่านแม่พาท่านมาอยู่ด้วยกัน”“…”“สมแล้วที่ท่านพ่อตั้งชื่อให้ท่านว่าจิ่
หลังผ่านค่ำคืนอันแสนร้อนเร่ากับเจ้าผู้ครองแคว้น หยางเฟยฮุ่ยกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างผู้ชนะ กว่านางจะฝ่าด่านคัดเลือกสตรีนับพัน ฝ่าฟันต่อสู้กับเหล่าคุณหนูในห้องหอที่ต่างก็เพียบพร้อมไปด้วยความงามและความสามารถ แต่ที่ยากลำบากยิ่งกว่าคือการต้องวางแผนสกปรกทำให้น้องรองต้องเสียโฉมตัดโอกาสที่จะมาแย่งชิงกับนาง เพื่อที่นางจะได้เป็นตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวของตระกูล หยางลี่เฟย จะโทษก็โทษที่ชาติกำเนิดตัวเองเถอะ เจ้ามันก็แค่ลุกอนุ แต่อยากจะมาเทียบเคียงข้า อย่าได้โทษข้าเลย ที่ข้าไม่ยั้งมือ หยางเฟยฮุ่ยคิดในใจหยางเฟยฮุ่ยนั่งมองใบหน้าของตนเองในกระจก ดวงหน้างามพิลาส ดวงตาราวรีรุปหงส์ให้ความรุ้สึกหยิ่งผยองยามปรายหางตามอง จมุกเล็กเชิดรั้น ริมฝีปากยามแย้มยิ้มก็เย้ายวนมีเสน่ห์อย่างยิ่ง ใบหน้านี้ไม่ว่าใครได้มองย่อมตกหลุมนางทั้งนั้น มีแต่เจ้าคนน่าตายอวิ๋นเฟยหลงนั่นคนเดียว ตั้งแต่หลินเข่อซิงโผล่มาก็ไม่มองนางอีกเลย ทั้งที่แต่เล็กทั้งสองตระกุลต่างหมายหมั้นให้พวกนางได้ร่วมหอลงโลง หึ อวิ๋นเฟยหลง ตอนนี้ท่านก็คงจะได้แต่นึกเสียใจเป็นแน่ มาบัดนี้ข้ากลับดีใจที่ไม่ได้แต่งให้ท่าน ไม่เช่นนั้นค
ในท้องพระโรงอันโอ่อ่า เสียงประโคมกลองและฉาบดังขึ้น ประกาศเริ่มต้นพิธีอภิเษกสมรสของหานเจี๋ย ผู้ครองบัลลังก์มังกร และสตรีที่ทรงเลือกขึ้นเป็นฮองเฮา แม่ของแผ่นดิน พื้นผิวของโถงหลวงถูกปูด้วยพรมผืนใหญ่สีแดงฉาน ขับเน้นให้บรรยากาศยิ่งเต็มไปด้วยความสง่างาม บนโต๊ะยาวด้านหน้าถูกจัดเรียงเครื่องบรรณาการ เครื่องหอม และบรรดาของมีค่าจากทั่วสารทิศที่นำมาถวายแด่คู่บ่าวสาวทางเดินทอดยาวไปยังบัลลังก์ทองคำที่ตั้งตระหง่าน ที่นั่นเอง ฮ่องเต้หนุ่มทรงสวมฉลองพระองค์จักรพรรดิเต็มยศ ผ้าคลุมไหล่ปักดิ้นทองเป็นลวดลายมังกรอันงดงาม เสื้อคลุมทอด้วยไหมชั้นดีจากแดนไกล ที่แขนยาวปักลายพยัคฆ์ทองคำอีกชั้น มือซ้ายของพระองค์วางบนที่วางแขน ขณะที่มือขวาทรงวางนิ่งสงบเบื้องหน้าเขาคือเจ้าสาวในชุดสีแดงสด ประดับด้วยผ้าคลุมหน้าแพรบาง สะท้อนแสงไฟจากโคมทองระยิบระยับ ผ้าคลุมไหล่ยาวลากตามราวสายธารสีแดงที่ไหลริน สะท้อนความงามอันบริสุทธิ์ สตรีนางนี้มาพร้อมกับสายตาที่หวั่นไหวและความรู้สึกอันหลากหลายที่มิได้แสดงออกมาให้เห็นเด่นชัดหลังจากนั้น เสียงของหัวหน้าพิธีการดังกังวานขึ้น “ถวายคำนับแรกแด่ฟ้าและดิน!”
เมื่อลองคิดใคร่ครวญกลับไป นางพบว่าเขาแทบไม่พูดหวานกับนางสักเท่าใด คำบอกรักก็แทบนับครั้งได้ หรือนี่จะเป็นสาเหตุที่แม้นางกับเขาเป็นสามีภรรยากันแล้วมีสัมพันธ์ทางกายจนตอนนี้นางตั้งภรรค์ลูกของเขา แต่นางก็ยังกลับปัจจุบันไม่ได้ จนเกิดเรื่องที่เขาไปรบ หรือแท้ที่จริงใจเขามิเคยรักนางจริงสิ สมรสพระราชทาน ใครจะกล้าปฎิเสธคำของฮ่องเต้กัน หลินเข่อซิงคิดอย่างเศร้าสร้อย“นี่ข้าคงรักท่านอย่างสุดหัวใจเข้าแล้วจริงๆ ถึงกับตามืดบอดหลงลืมไปว่าท่านและนางเคยผูกพันกันมานานเพียงใด ยึดติดกับเนื้อเรื่องในนิยายหลงคิดว่าตนเองคือนางเอก แท้ที่จริงข้าต่างหากที่เป็นนางร้ายมาแยกพวกท่านออกจากกัน”หลินเข่อซิงร่ำไห้ปานใจจะขาด ลูกน้อยในท้องราวกับรับรู้ได้ ทั้งเตะทั้งถีบรุนแรง แต่กลับเป็นการกระตุ้นให้หลินเข่อซิงยิ่งหดหู่“เขามิได้ต้องการข้าแล้ว ถ้าหากเขารับรู้ว่าข้ามีเจ้า เขาคง…”คืนนั้นหลิงเฉินก็ยังมิกลับมา แต่หลินเข่อซิงที่จมจ่อมในห้วงคำนึงของตนเองจนมิสนใจสิ่งใดรอบกาย ปล่อยให้นางกำนัลจัดการทุกสิ่งให้นาง จนถึงเวลาเข้านอน หญิงสาวทำเพียงจ้องมองไปบนเพดาน น้ำตาระลอ
“ถวายพระพรฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆปี” หลินเข่อซิงย่อตัวลงทำความเคารพฮ่องเต้ “ไม่ต้องมากพิธี คนกันเองทั้งนั้น” หายเจี๋ยโบกมืออย่างไม่ใส่ใจพลางนั่งที่โต๊ะน้ำชา “พระองค์ทรงให้คนพาหม่อมฉันมาที่นี่ด้วยเหตุใดเพคะ” หลินเข่เซิงถามเสียงเรียบ แต่แววตาแสดงความไม่พอใจแจ่มชัด “ข้าว่าตำหนักที่เจ้าอยู่ดูจะแคบไปนะ เดี๋ยวข้าจะให้เจ้าย้ายไปตำหนักที่ใกล้ข้าดีหรือไม่ จะได้มีที่กว้างขวาง ซ้ำยังมีสวนสวยงามและน้ำตกเล็กๆให้เจ้าดูอีกด้วย” หานเจี๋ยเฉไฉพูดเรื่องอื่น ทำราวกับไม่ได้ยินที่นางถาม “ฝ่าบาท เหตุใดจึงกระทำการโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งนัก ท่านโหวจงรักภักดีต่อฮ่องเต้พระองค์ก่อน จนถึงตอนที่ท่านขึ้นครองบัลลังก์มังกรนี้เขามิเคยตั้งคำถาม มีแต่ตั้งใจทำงานของตนอย่างสุดความสามารถ ท่านตอบแทนตระกูลที่ภักดีกับท่านเช่นนี้น่ะหรือ” หลินเข่อซิงถามออกไปอย่างสุดกลั้น คราแรกนางตั้งใจไว้ว่าจะควบคุมอารมณ์ตนเอง เพราะตอนนี้นางไม่มีอำนาจใดๆจะต่อกรกับอีกฝ่ายได้ แต่เมื่อเห็นใบหน้านี้ นางกลับนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งประสบมา เลือดของคนตระกูล
ท่านโหวและฮูหยินใหญ่ตกใจเป็นอันมาก“เจ้าเข้าใจอะไรผิดรึไม่ ข้ามิเคยทำเรื่องเช่นนั้น” อีกฝ่ายแสยะยิ้มไม่น่ามอง “ทำหรือไม่หลักฐานก็มีอยู่”สิ้นเสียงทหารที่เข้าค้นจวนต่างโยนกระดาษจดหมายที่เขียนตอบโต้กับสายลับแคว้นเกาเยว่ บนนั้นคือลายมือท่านโหวชัดเจน“ไม่ ข้าไม่ได้ทำ ข้าถูกใส่ร้าย ข้าจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเดี๋ยวนี้”“ช้าก่อน ท่านคิดว่าตนเองเป็นผู้ใดกัน คิดจะพบหน้าฝ่าบาท ก็พบได้ง่ายๆเช่นนั้นหรือ อีกอย่างฝ่าบาททรงตัดสินโทษพวกเจ้าตระกูลอวิ๋นแล้ว”ในขณะที่ดาบกำลังจะฟาดฟันลงมาสวบ! เสียงดาบแทงทะลุอก ฮูหยินใหญ่ทรุดลงไปกองกับพื้น ท่านโหวตะโกนออกมาสุดเสียง ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่อยู่กินกันมานาน เอาตัวเข้ารับดาบแทนเขา “ได้โปรดปล่อยสามีข้าไปเถิดนะท่านเขาบริสุทธิ์” ฮูหยินใหญ่ยื่นมือไขว้คว้าจับข้อท้าของทหารนายนั้น “ข้าขอร้องท่าน อย่างน้อยก็คิดถึงความสัมพันธ์เก่าก่อน ท่านโหวเมื่อครั้งเป็นแม่ทัพก็ปฎิบัติต่อท่านอย่างดีมิใช่หรือ อึ่ก”ฮูหยินใหญ่กระอักเลือดออกมาคำโต ท่านโหวตรงเข้าไปดึงตัวภรรยาออกมาโอบกอดไว้แนบอก