วันนี้เป็นวันที่เหอเสี่ยวหงได้ยินจากโจวเหวินหลงว่าผลคะแนนสอบเกาเข่าจะออก เหอเสี่ยวหงจึงสั่งปิดร้านแต่สำหรับใครที่จองห้องไว้แล้วก็มาได้ปกติ ส่วนขนมไข่ที่สั่งจองไว้ล่วงหน้าตอนเช้าจนถึงกลางวันสามารถมารับได้เลย ในส่วนของตอนบ่ายถ้าไม่มารับถือว่าสละสิทธิ์ไปรับพรุ่งนี้ ซึ่งเธอแจ้งไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว และลูกค้าทุกคนรับทราบกันดีในช่วงเช้าของวันจดหมายแจ้งผลคะแนนสอบเกาเข่าก็มาส่ง และทุกคนก็ยังไม่ได้เปิดอ่าน เพราะต้องทำงานที่ค้างไว้ให้เสร็จ แม้จะตื่นเต้นมากแค่ไหนก็ตาม ซึ่งในตอนเช้าทุกคนช่วยกันทำขนมไข่ ตัดให้เท่ากันและบรรจุใส่ถุงรอคนที่สั่งมารับ และจดหมายทั้งหมดเหอเสี่ยวหงเป็นคนเก็บไว้ เพราะเด็ก ๆ ต้องการให้มาส่งไว้ที่นี่ลูกค้าที่เคยมากินประจำในช่วงเช้าต่างชะโงกหน้าเข้ามามอง แต่เพราะมีป้ายติดไว้หน้าร้านว่าปิดร้านจึงไม่มีคนเดินเข้ามา และบางคนถึงกับเดินเข้ามาถามพนักงานที่อยู่หน้าร้านว่าป้ายบอกว่าปิดร้านแต่ทำไมยังมีคนเข้าไปดื่มชาได้ ซึ่งพนักงานก็ตอบตามที่เหอเสี่ยวหงบอกให้ตอบนั้นก็คือ ใครที่สั่งจองไว้ล่วงหน้าเวลาร้านปิดก็มาได้ปกติ ยกเว้นวันหยุดที่เหอเสี่ยวหงหยุดให้ทุกคน“อีกกี่ชิ้นจ๊ะซานนี” เหอเสี
เหอเสี่ยวหงรู้สึกตัวขึ้นเมื่อได้กลิ่นสมุนไพร เธอลืมตาขึ้นมาก็เห็นลูกสาวยื่นสมุนไพรมาให้ดม เหอเสี่ยวหงพยุงตัวเองขึ้นโดยที่มีเอ้อร์นีคอยช่วย“แม่เป็นยังไงบ้างคะ” เอ้อร์นีถามเสียงสั่นหลังจากที่น้องสาวคนเล็กของหล่อนอธิบายถึงข้อความในจดหมายตอบรับมหาวิทยาลัยทุกคนก็อึ้งกันทั้งหมด ทุกคนรู้ว่าลิ่วนีนั้นเรียนเก่ง แต่ไม่รู้ว่าหล่อนจะเลือกเข้ามหาวิทยาลัยอันดับหนึ่ง และมหาวิทยาลัยก็ยังเลือกหล่อน แต่อึ้งได้ไม่นานก็ต้องตกใจเพราะคนเป็นแม่หมดสติไป“แม่ไม่เป็นอะไรแล้วจ้ะ” เหอเสี่ยวหงตอบทั้งที่ยังหน้าซีด“ไปหาหมอกันเถอะค่ะ” ซานนีว่าแม่ของพวกหล่อนหมดสติไปเกือบครึ่งชั่วโมง ไม่รู้ว่าตกใจผลสอบของลิ่วนี หรือเป็นอะไรถึงได้หมดสติไปนานขนาดนั้น ที่ไม่ได้พาไปหาหมอตั้งแต่แรกเลยก็เพราะรอดูอาการ หากมันไม่หนักมาก อีกอย่างก็ไม่มีรถด้วย“ไม่ต้องหรอก” เหอเสี่ยวหงปฏิเสธ“แต่แม่คะ”“แม่ไม่ได้เป็นอะไร”“งั้นแม่นอนพักเถอะค่ะ หนูกับน้อง ๆ จะลงไปช่วยคนอื่นข้างล่าง” เอ้อร์นีว่าพลางพยุงคนเป็นแม่ให้นอนลงเหอเสี่ยวหงรู้สึกตัวอีกทีก็มืดแล้ว เธอได้ยินเสียงดังจากข้างนอก ลูกสาวคงพากันทำกับข้าวมื้อเย็น ตอนนี้เสื้อผ้าที่เธอใส่อยู่เป็
เป็นครั้งแรกที่ครอบครัวต้องแยกจากกันไกล แต่การแยกกันครั้งนี้ไม่ใช่แยกจากกันไปเลย เพียงแต่แยกย้ายกันมีสังคมใหม่ ๆ ในอนาคตข้างหน้าในตอนที่เข้าเรียนระดับประถม เด็ก ๆ ยังแค่ไปเรียนที่เดียวกัน พักด้วยกัน และในวันหยุดยังกลับมาที่บ้านได้ แต่ในรอบนี้คงจะกลับมาบ่อย ๆ ไม่ได้เพราะต้องไปเรียนต่างถิ่นเหอเสี่ยวหงไม่ได้ไปส่งลูกสาวที่มหาวิทยาลัยสักคน เพราะแต่ละคนนั้นไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัยที่เดียวกัน เหอเสี่ยวหงกลัวว่าหากไปส่งคนใดคนหนึ่งที่เหลือก็อาจน้อยใจได้ ถึงแม้สาว ๆ จะไม่พูดก็ตามแต่สำหรับอู๋นีกับคนที่เรียนมหาวิทยาลัยฉงชิ่ง โจวเหวินหลงขับรถไปส่งเองส่วนเหอเสี่ยวหงก็กำชับทุกคนให้ส่งจดหมายมาที่ร้านหากถึงที่หมายแล้ว และเธอก็ยังเตรียมของให้ลูกสาวหลายอย่าง ผ้านวมที่หนา เสื้อผ้า ยาและของใช้ส่วนตัว พวกของกินจะตามไปที่หลังหากส่งที่อยู่มาให้ เพราะเหอเสี่ยวหงคิดว่ามันจะลำบากเกินไปถ้าเอาไปด้วยในตอนที่ยังไม่ได้ที่พักสำหรับหลาน ๆ เหอเสี่ยวหงเตรียมยาให้ เพราะของอย่างอื่นที่บ้านของหลานคงเตรียมไว้ให้แล้ว ส่วนผ้านวมเหอเสี่ยวหงมีไม่พอให้หลานจึงไม่ได้เอาให้ ยกเว้นเสี่ยวยวี่ที่ได้เหมือนเหล่าลูกสาวของเธอทุกอย่างตอ
เหอเสี่ยวหงนั่งคุยกับหลานสาวอยู่ครู่หนึ่ง โจวเหวินหลงก็เดินกลับเข้ามาทักหลานสาวที่นั่งคุยกับคนเป็นภรรยาอยู่“ต้านี”“อารอง” โจวต้านียิ้มเกือบ ๆ สองปีได้แล้วที่หล่อนไม่ได้เจออาชายคนนี้ ในตอนที่หล่อนแต่งออกมานั้นมีเพียงพ่อกับแม่ของหล่อนที่มาส่งที่บ้านสามี ส่วนครอบครัวอารองติดงานและดูแลในส่วนของบ้านรองวันนี้หล่อนกำลังเย็บเสื้อให้ลูกในท้องที่ยังไม่คลอด โดยมีป้าสะใภ้ใหญ่ที่ไม่ต้องทำงานอยู่ที่บ้านเป็นเพื่อน พอได้ยินจากปากป้าสะใภ้ว่ามีคนเป็นอามาหาหล่อนจึงรีบออกมา“เป็นยังไงบ้าง” โจวเหวินหลงถามหลานสาว“ช่วงนี้หนูหยุดงานน่ะค่ะ เพราะท้องโตแล้ว” หล่อนตอบโจวต้านีเป็นหลานสะใภ้คนเล็กของบ้าน โดยที่ตั้งแต่หล่อนแต่งเข้ามาหล่อนก็ทำงานในห้างสรรพสินค้ามาตลอด เพิ่งจะหยุดอยู่บ้านเมื่อช่วงตั้งครรภ์เข้าเดือนที่หก จริง ๆ แล้วหล่อนต้องทำงานต่ออีกสองเดือน เพราะยังไม่ใกล้คลอดแต่หล่อนกลับลาออกจากงานไปเลยไหน ๆ แล้วครอบครัวของหล่อนก็แยกออกจากบ้านใหญ่แล้ว เพียงแต่อาศัยอยู่ในชายคาเดียวกันเฉย ๆ คนอื่นต่อให้ไม่พอใจก็ไม่มีสิทธิ์มาคัดค้าน และสามีของหล่อนก็เห็นด้วย เขาสามารถหาเงินเลี้ยงหล่อนกับลูกได้“อยู่ที่นี่สบายดี
ระยะเวลาเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมาตั้งแต่ย้ายมาที่ฉงชิ่ง เหอเสี่ยวหงไม่ค่อยกลับไปที่บ้านเกิดเลย และมีเพียงโจวเหวินหลงเท่านั้นที่กลับไปบ่อย เพราะเหอเสี่ยวหงคิดว่ามันไม่จำเป็นต้องเดินทางหลายวันเพื่อกลับไปอยู่ที่นู่น ไม่รู้ว่าจะต้องกลับไปทำไมในเมื่อลูกสาวก็อยู่ที่นี่ แต่เพราะเธอจากบ้านมาหลายปีแล้ว ลูกสาวก็แยกย้ายกันไปเรียน ที่ร้านก็ยังมีพนักงานดูแล หากกลับไปดูบ้านไม่กี่วันคงจะไม่เป็นไรหลังจากหลายวันก่อนที่เหอเสี่ยวหงไปหาหลานสาวเธอจึงคุยกับโจวเหวินหลงเรื่องนี้ ในตอนแรกเขาไม่เห็นด้วย เพราะการเดินทางไปหลายวันทำให้เขาห่วงร้าน แต่เหอเสี่ยวหงก็หาวิธีมาตะล่อมให้เขาพากลับบ้านเกิดจนได้โดยการกลับบ้านในครั้งนี้โจวเหวินหลงขับรถเอง ไม่ขึ้นรถไฟเหมือนทุกครั้งที่กลับไปหาน้องสาว เพราะครั้งนี้มีคนเป็นภรรยาไปด้วยเขาจึงกลัวเธอเหนื่อย เหอเสี่ยวหงบอกเรื่องนี้กับครอบครัวเหอแล้ว และทุกคนอยากไปด้วย แต่เพราะอาสามกับอาสี่นั้นกำลังยุ่ง ๆ เรื่องที่จะลาออกจากกองทัพจึงไปไม่ได้ ส่วนสะใภ้ใหญ่นั้นจะต้องไปดูลูกสาวคนโตจึงไปด้วยไม่ได้เพราะฉะนั้นการกลับบ้านเกิดในครั้งนี้ จึงมีเพียงเหอเสี่ยวหงกับโจวเหวินหลงเท่านั้น เหอเสี่ยวหง
ระหว่างที่ต้องรอเครื่องนอน เหอเสี่ยวหงกับโจวเหวินหลงก็นั่งพักคุยกัน จริง ๆ ทั้งสองคนปรึกษากันว่าจะออกไปเดินดูข้างนอกว่ามีอะไรบ้าง แต่ก็จะรอเครื่องนอนมาส่งก่อน เพราะถ้าเกิดเอามาส่งในตอนที่ไม่อยู่จะได้ไม่ต้องไปเอาเองเพราะไม่มีของอะไรมาเลยยกเว้นใบชากับขนมของเด็ก ๆ เหอเสี่ยวหงจึงคิดที่จะหาของไปฝากที่บ้านฝั่งสามี แม้จะต้องเสียเงินมากพอสมควรก็ตาม เพราะบ้านฝั่งสามีมีมากกว่าสิบบ้าน และหากว่าไม่มีอะไรไปฝากเลย โจวเหวินหลงก็จะถูกมองไม่ดี แม้เหอเสี่ยวหงจะเคยไปในอนาคต ที่แม้จะเคารพแต่ก็ไม่ถึงกับต้องเอาของมาฝาก แต่มารยาทก็สำคัญเช่นกันพวกเธอจากหมู่บ้านโจวไปหลายสิบปี หากจะให้มือเปล่ากลับบ้านคงจะถูกคนมอง และเหอเสี่ยวหงก็ยังไว้หน้าบ้านฝั่งสามีด้วยประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ก็มีพนักงานเอาเครื่องนอนกับกุญแจห้องมาให้ เวลาจะออกไปไหนจะได้ล็อกห้องไว้ และถ้าจะคืนห้องต้องเอากุญแจไปคืนเหอเสี่ยวยืนฟังข้อห้ามของทางห้องพักอยู่ครู่หนึ่ง หลังพนักงานเอาเครื่องนอนกับกุญแจมาให้ จริง ๆ มันต้องจ่ายมัดจำค่ากุญแจไว้สองหยวนด้วยเผื่อไม่เอามาคืน แต่เพราะต้องรอเครื่องนอนอยู่นานจึงได้มาฟรี และเหอเสี่ยวหงก็คิดว่ามันดีมาก“งั้นเราออ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว แต่เหอเสี่ยวหงกับโจวเหวินหลงที่นอนพักอยู่ในบ้านก็ต้องสะดุ้งตื่น เพราะมีคนมาเรียกเสียงดัง เหอเสี่ยวหงมองหน้าสามีก่อนจะดูนาฬิกาที่เอาติดมาด้วย พบว่าตอนนี้ประมาณสี่โมงเย็น และหากมองออกไปข้างนอกก็ยังมีแสงส่องเข้ามา“เดี๋ยวผมออกไปดูก่อน” โจวเหวินหลงบอกเหอเสี่ยวหงพยักหน้าลุกขึ้นมาแต่งตัว เพราะชุดที่ใส่ในตอนนี้ไม่ได้เรียบร้อย หากออกไปคนอาจจะมองไม่ดี‘เปิดบ้านหน่อยสิ’‘ฉันมาถามข่าวหลานชาย’‘เห็นขับรถคันใหญ่ คงจะรวยสินะ !’‘ใช่ หลายคนเห็นนายขับรถยนต์มา’‘ฉันอยากดูรถ’‘ขอเข้าไปดูรถหน่อย‘ทำไมไม่เปิดล่ะ’‘ใช่ ๆ’‘น้องชายแกอยากคุยด้วย!’‘หลานชายมาทั้งทีเราก็อยากมาถาม’‘ใช่แล้ว’‘ให้อาเข้าไปหน่อย’‘เปิดสิ’‘เอ๊ะ!’ระหว่างที่เหอเสี่ยวหงเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ได้ยินเสียงวุ่นวายข้างนอก เธอไม่รู้ว่าเป็นใครบ้างเพราะจำเสียงไม่ได้ อีกอย่างอีกฝ่ายก็ไม่ได้สำคัญให้เธอจดจำ และใส่ใจ“มีอะไร”เหอเสี่ยวหงออกมาดูหน้าบ้านเพราะยังได้ยินเสียงโต้ตอบกันอยู่ โจวเหวินหลงก็ยืนอยู่แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะคนที่มาเป็นญาติผู้ใหญ่ทั้งนั้น“สะใภ้รอง!” ผู้หญิงแก่ ๆ คนหนึ่งเรียกเธอ“ใครน่ะ” เหอเสี
เหอเสี่ยวหงมองชาวบ้านถกเถียงเรื่องเข้ามหาวิทยาลัยของลูกสาวตนเองด้วยสายตาว่างเปล่า เมื่อไม่นานมานี้ยังต่อว่าเธอกับสามีเรื่องขายลูกสาวกินอยู่เลย“ไป ๆ จะไปไหนก็ไป ฉันจะคุยกับหลานชายฉัน” ย่าโจวเอ่ยไล่ชาวบ้านที่เข้ามามุงหลายสิบคน‘แต่โจวเหวินหลงก็เป็นหลานชายของพวกเรานะคะแม่’‘นั่นสิ นาน ๆ เขากลับมาบ้านพวกเราก็อยากจะถามไถ่’‘ใช่ ๆ’‘อีกอย่างมหาวิทยาลัยอะไรที่หลานสาวเข้า พวกเราก็ยังไม่รู้เลย’‘เข้าจริงหรือเปล่า’'ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลย''ใช่'‘ใช่ จะไล่พวกเราไปไม่ได้นะ’และทุกคนยังปฏิเสธที่จะจากไป ทุกครั้งที่มีเรื่องอะไรพวกเขาก็ต้องรู้เรื่องด้วยทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ทุกคนในหมู่บ้านก็รู้เรื่องกันทั้งนั้น“จะไปไหนก็ไป” ย่าโจวเอ่ยอีกรอบชาวบ้านที่มามุงมองหน้ากันไปมา ไม่มีใครกล้ามีปัญหากับย่าโจวเพราะนางมีลูกหลานเยอะ อีกอย่างในหมู่บ้านโจว สกุลโจวก็ใหญ่ที่สุด แทบจะหมดหมู่บ้านอยู่แล้วหากมีปัญหากับย่าโจวก็เท่ากับมีปัญหากับทั้งสกุลโจว ย่าโจวในตอนนี้นับว่าเป็นผู้อาวุโสที่สุดในสกุล ‘ไปก็ได้จ้ะ’‘ฉันไปแล้ว’‘ไป ๆ’‘ฉันลืมว่าหุงข้าวไว้ คงจะต้องกลับไปดู’‘น้ำคงจะเต็มนาแล้ว’‘ใช่’‘ใคร
เรื่องราวของหยาดฟ้าที่เหอเสี่ยวหงคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอะไรทั้งนั้นหยาดฟ้าในวัยสิบสองขวบเป็นเด็กสาวที่น่าสงสารคนหนึ่ง ตั้งแต่เด็กจนโตเธอไม่เคยเห็นหน้าผู้เป็นพ่อสักครั้ง แม่ให้เหตุผลว่าเลิกกันก่อนที่เธอจะลืมตาดูโลก และเล่าให้ฟังว่าพ่อติดเหล้าหนักมาก และชอบทุบตีแม่ที่กำลังท้องเธอเกือบห้าเดือน สุดท้ายแม่ทนไม่ไหวก็เลยเก็บเงินที่ซ่อนไว้หนีมาบ้านเกิดผู้เป็นยายและยายของเธอก็เป็นเพื่อนวัยเด็กของคุณย่าเหอ คุณย่าเหอที่สงสารก็เลยรับแม่ของเธอมาเป็นคนสนิท จนกระทั่งเธออายุสิบสองขวบก็เกิดข่าวร้ายแม่ของเธอมีร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงหลังจากที่คลอดเธอออกมา และไม่ยอมเข้ารักษาอาการป่วยจนเกิดเรื้อรัง สุดท้ายจึงจากเธอไปวันนั้นหยาดฟ้าจำได้ดี เธอร้องไห้แทบใจขาดเมื่อคนที่อยู่กับเธอมาตลอดจากไป และเป็นวันเดียวกันที่มีคนเข้ามาช่วยพยุงเธอเอาไว้ นั่นก็คือคุณย่าเหอกับเหอเสี่ยวหง เพื่อนสนิทสาวพ่วงตำแหน่งเจ้านายของเธอ ถึงคุณย่าเหอกับเหอเสี่ยวหงไม่ได้เจ้ากี้เจ้าการกับตำแหน่ง และเธอก็ถือว่าเป็นหลานบุญธรรมของท่านแล้ว แต่เธอก็รู้ตัวดีว่าไม่ควรเอาตัวเองไปเทียบกับเหอเสี่ยวหงคุณย่าเหอเ
เหอเสี่ยวหงรู้สึกว่าช่วงนี้ดวงของสามีตกมาก เมื่อได้ที่ดินคืนมาแล้วทั้งโจวเหวินหลงกับพี่ชายใหญ่ก็จะพากันกลับ แต่ก็เกิดเรื่องอีกครั้งโจวกว่างโมโหที่ผู้เป็นพ่อยกบ้านและที่ดินให้กับพี่ชาย จึงลงมือกับคนเป็นแม่ด้วยอาการมึนเมา มีคนเข้าไปช่วยทันแต่อาการนางหลี่ซื่อก็หนักมาก เพราะไม่มีเงินไปหาหมอโจวเหวินหลงรับรู้และเขาก็ยังกลับฉงชิ่งไม่ได้ การกลับบ้านจึงต้องเลื่อนออกไปอีกหลายวัน ถึงนางหลี่ซื่อไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของโจวเหวินหลง โจวจือหยวน และโจวมี่ แต่นางก็เลี้ยงโจวมี่มา โจวมี่เลยมาขอร้องพี่ชายให้พานางหลี่ซื่อไปโรงพยาบาล“ถ้าคุณพานางไป ก็ไม่ต้องกลับมา” เหอเสี่ยวหงกล่าวเสียงเรียบในวันที่เธอแท้งลูก นางหลี่ซื่อไม่มีแม้แต่เชิญหมอมารักษาหรือพาเธอไปหาหมอ ปล่อยให้เธอแท้งลูกซ้ำยังบอกย่าโจวว่าเธอสะดุดขยะในห้องล้มอีก แม้นางหลี่ซื่อตายเธอก็ไม่เสียใจ‘ผมบอกพวกเขาแล้วครับ’มีไม่กี่เรื่องที่เหอเสี่ยวหงจะปฏิเสธสามี และครั้งนี้ต่อให้ใครมาขอร้องเหอเสี่ยวหงก็ไม่ยอม ลูกชายและลูกสะใภ้ หลานของนางก็ยังอยู่ ทำไมถึงต้องมาพึ่งสามีเธอด้วย อีกอย่างก่อนที่พวกเธอจะออกจากหมู่บ้าน นางหลี่ซื่อยังอยู่ในกลุ่มที่มาไล่พวกเธอเลย“ฉัน
เข้าสู่วันที่ห้าของการกลับบ้านของโจวเหวินหลง เหอเสี่ยวหงก็ได้รับข่าวร้าย สกุลโจวได้สิ้นผู้อาวุโวอย่างย่าโจวไปแล้ว นางจากไปด้วยโรคชราที่เป็นปัญหามาหลายปีเหอเสี่ยวหงส่ายหน้าเมื่อวางสายจากสามีไปหลังเขาติดต่อมา ในร้านน้ำชามีโทรศัพท์จึงไม่แปลกที่เหอเสี่ยวหงจะได้รับการติดต่อจากสามี ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาการย่าโจวทรุดหลังจากที่เธอพาครอบครัวกลับ“มีอะไรหรือเปล่าครับ”เป็นผู้จัดการหลงที่เก็บโต๊ะเสร็จถามเหอเสี่ยวหง เขาเห็นเจ้านายนั่งคุยกับปลายสายไม่นาน แต่ตอนนี้หล่อนกลับมีสีหน้าที่เคร่งเครียด“ไม่มีอะไรค่ะ เดี๋ยวถ้าเอาบัญชีร้านขึ้นไปบนห้อง ตามโจวต้านีให้ด้วยนะคะ” เหอเสี่ยวหงส่ายหน้า“ได้ครับ”โจวต้านียังไม่กลับมาทำงาน คงเพราะหลานสาวตัวน้อยของเธอป่วย อันที่จริงเธอก็บอกหล่อนแล้วว่าไม่ต้องมา แต่โจวต้านีก็รั้นมาจนได้“แม่คุยอะไรกับพ่อเหรอคะ”พอผู้จัดการหลงเดินออกจากร้านไป ก็เป็นซานนีที่ประจำร้านอยู่เอ่ยถาม หล่อนรู้แค่ว่ามารดาคุยกับใคร แต่จับใจความไม่ค่อยได้“ย่าโจวเสียแล้ว” เหอเสี่ยวหงถอนหายใจสำหรับเหอเสี่ยวหงแล้วเธอรู้สึกว่ามันผ่านไปเร็วมาก อีกอย่างเรื่องที่เธอแท้งเมื่อยี่สิบปีก่อนก็ยังไม่ได้บอกย่าโจ
เหอเสี่ยวหงมองหน้าหลานสาวตัวน้อยนามเฟยฮวาวัยห้าเดือนในอ้อมแขนแล้วถอนหายใจออกมา ไม่รู้ว่าสกุลเฟยตาบอดหรือยังไง ทำไมถึงมองไม่เห็นความน่ารักของหลานสาวตัวน้อยคิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเมื่อมองลูกสาวช่วยคนอื่นขนของโจวต้านีลงจากรถ หรือเพราะเธอไม่บังคับลูกสาวกันนะ ถึงไม่ได้มีหลานให้อุ้มแบบนี้ได้แต่อิจฉาสะใภ้ใหญ่ที่ได้ลูกเขยก่อนคนอื่น แล้วยังได้หลานก่อนคนอื่นอีก ยังดีที่สหายของเธอยังไม่มีหลาน เหอเสี่ยวหงจึงไม่ต้องทนฟังเสียงอวดหลาน“ให้ฉันอุ้มหลานบ้างสิ”สะใภ้ใหญ่เดินเข้ามาหาผู้เป็นน้องสะใภ้และน้องสาว ตั้งแต่ที่ลูกสาวอุ้มหลานสาวลงรถมา นางก็ยังไม่ได้อุ้มหลานเลย มีแต่เหอเสี่ยวหงที่อุ้มหลานแล้วไม่ยอมปล่อยให้ใครอุ้มต่อ“เดี๋ยวพี่ก็ได้อุ้มแล้ว” เหอเสี่ยวหงแย้งอย่างไม่จริงจังนักโจวต้านีขอเข้าทำงานพร้อมสามีในร้านผู้เป็นอากับอาสะใภ้ โดยที่แม่ของหล่อนยินดีที่จะดูแลหลานระหว่างที่พ่อกับแม่ของหลานทำงานแบบไม่เอาเงินสักเฟิน“หลับแล้ว” สะใภ้ใหญ่บอก“อืม”เหอเสี่ยวหงส่งหลานสาวให้ผู้เป็นยายแท้ ๆ อุ้ม แล้วตัวเองก็ออกมาช่วยทุกคนขนของเข้าบ้านตึกแถว ยังไงโจวต้านีก็แต่งออกแล้วจะให้ไปอยู่รวมกับครอบครัวก็ไม่ใช่ อีกอย
จากที่จะกลับไปพักผ่อนอยู่บ้านเกิดในช่วงปิดเทอมตามคำขอของสาว ๆ บ้านรองโจวก็ต้องกลับมาอยู่ที่ฉงชิ่ง เหอเสี่ยวหงเอ่ยขอโทษลูกสาวกับหลานสาวที่ต้องพากลับกระทันหัน ยิ่งกับอาสามแล้วเหอเสี่ยวหงยิ่งเอ่ยขอโทษอยู่หลายครั้งเหอเสี่ยวหงรู้ว่าอาสามอยากอยู่ที่บ้านเหอ แต่พอเหอเสี่ยวหงจะกลับเขาก็ไม่สามารถอยู่ต่อได้ เป็นห่วงหลาน ๆ หากปล่อยให้มาด้วยกัน“เอาไว้เรียนจบแม่ค่อยพากลับไปดีกว่า” เหอเสี่ยวหงบอกลูกสาวอีกตั้งหลายปีที่เด็ก ๆ จะเรียนจบ ทุกคนในหมู่บ้านก็คงจะลืมไปแล้ว อีกอย่างทุกคนก็รู้กฎหมายกันอย่างดี เหอเสี่ยวหงจึงไม่กลัวที่จะกลับไป แต่ครั้งนี้มันตั้งตัวไม่ทัน“ไม่กลับก็ได้ค่ะ อยู่นี่ก็ดีแล้ว” เอ้อร์นีเอ่ยตอบเป็นคนแรกหล่อนอยากกลับไปที่บ้านเกิดก็จริง แต่หล่อนกลัวเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีก ลึก ๆ แล้วหล่อนรู้ว่าแม่ของหล่อนเป็นห่วงเรื่องการบังคับแต่งงาน เอ้อร์นีไม่ใช่คนโง่ หล่อนถูกมารดาเลี้ยงมาอย่างดีแต่ก็ไม่ได้เลี้ยงให้โง่เขลา แม่ของหล่อนไม่ชอบการบังคับ หล่อนก็ไม่ชอบการบังคับเช่นเดียวกัน“ใช่ค่ะ ไม่กลับไปแล้วก็ได้” ลิ่วนีเอ่ยด้วยความหวาดกลัว หล่อนเป็นเด็กที่ตั้งแต่จำความได้ก็เติบโตมาในเมือง จึงไม่ร
เหอเสี่ยวหงเดินนำลูกสาวตามโจวเหวินหลงเข้าไปภายในบ้าน ชาวบ้านที่มามุงแหวกออกให้เข้าไป แต่พอเข้าไปแล้วก็กลับมามุงเหมือนเดิมครั้งก่อนอยู่เพียงนอกบ้าน แต่ครั้งนี้ที่ต้องเข้ามาในบ้านเพราะย่าโจวล้มป่วยอีกแล้ว ภายในบ้านที่ไม่ใหญ่จึงแคบลงถนัดตาเมื่อมีคนล้อมรอบ‘หลานสาวบ้านโจวแน่ ๆ’‘ฉันต้องทาบทามจากย่าโจวแล้ว’‘ฝันอยู่เหรอ บ้านรองโจวอยู่ในมือสะใภ้รองโจว คงจะให้ลูกสาวแต่งมาอยู่ชนบทหรอก!’‘ใครจะไปรู้ อีกอย่างสะใภ้ก็ต้องเชื่อฟังครอบครัวของสามี’‘ไม่ใช่ว่าแต่งงานกันแล้วรึ อายุขนาดนี้แล้ว’‘จริง ถ้ายังไม่แต่งคงจะไม่มีใครเอา’เหอเสี่ยวหงหันไปมองชาวบ้านที่นินทาลูกสาวของเธอ เรื่องที่ลูกสาวจะแต่งกับใครเหอเสี่ยวหงไม่ได้ห้าม ต่อให้ฝ่ายชายไม่มีเงินแต่ง ถ้าลูกสาวจะแต่งเธอก็ให้แต่ง สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่เป็นไร แต่คนอื่นจะเดือดร้อนด้วยทำไม“ลูกสาวฉันไม่แต่งงานแล้วทำไม”ชาวบ้านที่ซุบซิบอยู่หน้าบ้านเงียบปากกันลงทันที เมื่อสะใภ้รองโจวพูดขึ้น ใคร ๆ ก็ไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเหอเสี่ยวหง“นี่ย่าทวด เป็นย่าของพ่อเรา”เหอเสี่ยวหงแนะนำย่าโจวให้ลูกสาวทำความเคารพ ซึ่งเด็ก ๆ รู้จัก แต่นี่ก็ไม่ได้มาเจอกันนานแล้ว เธอจึง
สาว ๆ ปิดเทอมสองเดือนในภาคเรียนแรก ที่ปิดนานขนาดนี้เพราะเพิ่งเปิดปีแรก จึงต้องปรับเปลี่ยนอะไรหลายอย่างจึงหยุดนานทุกคนมาปรึกษากันดูแล้ว ลูกสาวอยากกลับไปดูบ้านเกิดกันมาก โจวเหวินหลงจึงจะพาไป แต่รถคันเดียวไม่สามารถไปกันได้หมด จึงต้องซื้ออีกคันเพราะถ้าไม่ซื้อก็ไปกันไม่หมดแน่ ลำพังแค่ของก็เต็มรถแล้วแต่ครั้งนี้ต่างออกไป อาสามเหอจะไปด้วย รถที่ซื้ออีกคันก็เป็นเขาขับ ส่วนอาสี่ยังกลับไม่ได้เพราะเดินเรื่องยังไม่เสร็จ ซึ่งอาสี่เศร้ามาก หลายเดือนจนจะปีแล้วการลาออกยังไม่ถึงไหนเลย เหมือนทางกองทัพจะรั้งเขาไว้ด้วย การลาออกจึงถูกสกัดไว้“เดี๋ยวหนูกับซานนีแล้วก็เสี่ยวยวี่จะไปนั่งกับตาสามเอง” เอ้อร์นีบอกเพราะรถมีสองคันจึงต้องแบ่งกันนั่ง อีกอย่างถ้าจะเบียดกันไปก็คงจะไม่ได้“ดีเลยค่ะ หนูอยากนั่งกับแม่” ลิ่วนีพยักหน้าเหอเสี่ยวหงส่ายหัวก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย เดินตรวจดูของพอเห็นว่าไม่ขาดอะไร ก็ไปสั่งงานผู้จัดการร้านไว้ “ฉันฝากร้านด้วยนะคะ ไม่มีกำหนดกลับ แต่ก่อนสาว ๆ จะเปิดเทอมแน่นอน” เหอเสี่ยวบอก“ได้ครับ คุณนายโจวไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจะจัดการให้” ผู้จัดการหลงพยักหน้า“ส่วนบัญชีส่งให้ดูหลังวันหยุดนะคะ”
เหอเสี่ยวหงอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่เช้าเพื่อมารอคุณลุงลี่โจวหูเอาใบชามาส่ง นี่ก็ผ่านมาสามวันตามที่เอ้อร์นีบอกว่าคุณลุงจะเป็นคนมาส่งใบชาเอง และเมื่อวานตอนเย็นคุณลุงติดต่อมาอีกครั้งว่ามาถึงฉงชิ่งแล้ว แต่เพราะมันมืดแล้วจึงจะพักกันก่อน พรุ่งนี้เช้าจึงจะมาส่งส่วนวันนี้โจวเหวินหลงไม่ได้ออกไปคุมช่าง เพราะวันนี้ทำแค่ความสะอาด และวันนี้เป็นวันที่อู๋นีบอกว่าจะกลับบ้านด้วย“ฉันลงไปรอข้างล่างนะคะ” เหอเสี่ยวหงบอกสามีที่แต่งตัวอยู่จริง ๆ เธอไม่ต้องเป็นคนรับของเองก็ได้ จะให้ผู้จัดการหลงรับเหมือนปกติก็ได้ แต่เนื่องจากครั้งนี้คุณลุงมาส่งเอง เหอเสี่ยวหงจึงต้องออกมาต้อนรับ“มากันครบแล้วเหรอ” เหอเสี่ยวหงถามพนักงาน“ครบแล้วค่ะ” เฟยหยางอิงตอบ“ไปทำความสะอาดที่เก็บใบชาเถอะ” เหอเสี่ยวหงพยักหน้าก่อนจะสั่งงาน“ได้ค่ะ”“ได้ครับ”ยังดีที่สามวันที่ผ่านมาลูกค้าที่จองห้องได้เข้าใช้ห้องครบทุกคิว เนื่องจากใบชามีเพียงพอต่อสองวัน และเมื่อวานก็เป็นวันหยุด ทุกคนไม่ได้ทำงานกัน วันนี้เหอเสี่ยวหงจึงต้องให้ทำความสะอาดห้องที่เก็บใบชา เวลาเก็บใบชาจะได้เก็บนาน ๆ อีกอย่างก็จะไม่ได้มีฝุ่นมาเกาะ“แม่!”เหอเสี่ยวหงสะดุ้งตกใจก่อนจะหัน
ตั้งแต่ที่ทำการซื้อขายใบชาจากไร่ชา เหอเสี่ยวหงซื้อใบชามาจากไร่ของคุณลุงลี่โจวหูคนเดียวเท่านั้น เพราะเธอได้เซ็นสัญญาเรื่องการซื้อขายเอาไว้ ปกติก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร คงจะมีแต่ช่วงนี้ที่มีปัญหา และใบชาก็ไม่ได้มาส่งเป็นเวลาสามวัน และคงไม่ถึงสองวันที่ใบชาที่มีจะหมดส่วนเรื่องผ้าผลตอบรับดีมาก ลูกค้าเก่าที่เคยซื้อแทบจะร้องไห้ออกมาเพราะอยากได้อีก บางคนก็ซื้อไปขายที่อื่นแต่เหอเสี่ยวหงก็ให้ราคาเต็ม ไม่ได้ลดราคาให้เพราะเธอไม่ได้ขายส่ง ส่วนจะเอาไปขายที่อื่นเธอก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขาซื้อไปแล้วยังดีที่ผ้าปักลายมีมากถึงพันกว่าม้วน จึงไม่ทำให้ของขาดตลาดเท่าไร จะมีก็แต่บางลายเท่านั้นที่เหอเสี่ยวหงให้สหายปักเพิ่ม ในหนึ่งวันจะได้ผ้าปักลายเพียงห้าม้วน หรือบางวันก็มากกว่าสิบม้วน อย่างสามวันที่ผ่านมาก็ปักลายผ้าได้ยี่สิบเก้าม้วน เหอเสี่ยวหงเก็บมันเอาไว้แยกอีกที่หนึ่ง เอาไว้ของในร้านหมดค่อยเอามาเพิ่มตอนนี้ทุกคนพยายามช่วยกันติดต่อไร่ชา เพราะต้องสอบถามเรื่องใบชาแต่ไม่มีใครรับสายเลย ไม่รู้ว่าเพราะรู้ว่าเป็นพวกเธอหรือเปล่าจึงไม่ยอมรับ หรือไม่ก็พวกเขามีปัญหากันจริง ๆ“อย่างนี้เราแย่แน่ ๆ เลยครับ” ผู้จัดการหลงเอ่