“เว่ยเฟิงหรง ท่านพูดสิ่งใดข้าไม่เห็นเข้าใจเลยสักนิด นี่ท่านพึ่งจะกลับมาจากวังหลวงงั้นหรือเจ้าคะ”“เดิมทีมารอเพราะเป็นห่วงเจ้าคิดว่าจะมีเรื่องแต่ใครจะคิดว่าเจ้าจะมีคนคอยห่วงใยมากขนาดนี้กันเล่า ช่างเถอะมันไม่ได้สำคัญอะไร เจ้ากลับมาก็ดีแล้วรีบกลับเข้าไปเถอะ”ไป๋ซูเม่ยเห็นท่าทางไม่ดีของเว่ยเฟิงหรงนางก็เริ่มเข้าใจ นางหันมามองอาหยงที่ยืนทำตัวไม่ถูกอยู่ข้างหลังจึงบอกให้นางเดินเข้าจวนไปก่อน และนางเดินตามเว่ยเฟิงหรงเข้าไป“คุณชาย…ท่านโกรธข้างั้นหรือเจ้าคะ”“ข้าจะโกรธเจ้า…ด้วยเรื่องอันใดกันไม่มีเหตุผลเลยสักนิด”“เช่นนั้นเหตุใดจึงโมโหเมื่อเห็นว่าใต้เท้าเหยียนมาส่งข้าเล่าเจ้าคะ”“นี่ก็ค่ำแล้ว แม่ทัพเหยียนให้ใต้เท้าเหยียนมาส่งเจ้าก็นับว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องข้ามีสิทธิ์อันใดไปว่าเจ้า”“เช่นนั้นก็ดีเจ้าค่ะ ไม่โกรธก็ไม่โกรธเช่นนั้นข้าขอตัวเจ้าค่ะอยากอาบน้ำเหลือเกิน”“เอ่อ…เจ้า!!….ไม่มีสิ่งใดอยากจะ…เล่าให้ข้าฟังสักหน่อยหรือ”เว่ยเฟิงหรงหันไปถามนางเมื่อเห็นว่าไป๋ซูเม่ยจะเดินกลับเข้าไป นางรู้ดีว่าเขานึกสงสัยเรื่องที่นางไปที่หอฉงจูแต่ก็มิกล้าเอ่ยถามและในวันนี้ก็ยังเห็นเหยียนจินสือมาส่งนางอีกก็เลยไม่ค่อยพ
“เฟิงหรง พิษในกายท่านถูกขับออกหมดแล้วอีกทั้งตอนนี้ท่านจะไม่ต้อง….อ๊าา”เขาไม่ต้องการนางพูดสิ่งใดอีก เมื่อหันมาพบเพียงนางสวมชั้นในบางเบาเอาไว้ มือหนาค่อย ๆ รวบกายนางเข้ามาจนชิดและประกบปากนางอีกครั้ง นางเริ่มใช้มือปลดชุดของเขาออกจนหมด แผงอกกว้างที่นางเคยเห็นยามเขาเปลือยเมื่อตอนเขาลั่วซางปรากฏตรงหน้าอีกครั้งก่อนที่เขาจะละเมียดจูบนางอยู่ในสระน้ำเย็น“อ๊ะ!!”“กอดข้าเอาไว้สิ เจ้าหนาวงั้นหรือ”“อื้ม…เฟิงหรง….กอดข้าสิเจ้าคะ”“ข้าทำอยู่…”เขากอดนางแน่นและเริ่มลูบผมนาง จมูกของเขาค่อย ๆ ชนกับปลายจมูกนางอย่างหยอกเย้า จูบนับร้อย ๆ ครั้งถูกส่งไปทักทายนางครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้นางลืมความหนาว มือหนาคว้าบั้นท้ายบางเข้ามาบดเบียดกายล่างของเขาอีกครั้ง ร่างบางจงใจเบียดหน้าอกอูมแน่นเข้าหาเขาเช่นกัน เสียงลมหายใจของชายหนุ่มรดลงมาถี่ นางรู้ว่าเขาต้องการสิ่งใด“ซูเม่ย….”“คุณชาย…ท่านเคยทำเรื่องเช่นนี้มาก่อนหรือไม่”หน้าผากของทั้งสองชนกันระหว่างคุยกัน เขาพยายามจะไม่คิดแต่เมื่อก้มลงและเห็นอกอวบนูนและยอดประทุมสีสดที่พุ่งออกมาภายใต้ชั้นในแนบเนื้อนั่นกลับทำให้เขาเริ่มสั่นอีกครั้ง“ข้า…ไม่เคยแต่ว่าข้าเรียนมามาก
เขาจับนางนอนหงายลงและค่อย ๆ กางขานางออกและเริ่มสอดใส่กายเข้าไป เริ่มแรกเหมือนจะยากแต่ในเมื่อคืนนี้นางพร้อมสำหรับเขานานแล้วจึงไม่ทำให้นางเจ็บมากเท่าไหร่นัก“อ๊าาา เฟิงหรง อ๊าา”เสียงครางที่ดังทำให้ผู้ที่ขยับกายเริ่มทนไม่ไหว เพียงแค่สอดเข้าไปเท่านั้นแต่ด้านในกับบีบรัดเขาอย่างรุนแรงจนเขาแทบจะทนไม่ได้และเริ่มขยับเข้าออกถี่มากขึ้น“ซูเม่ย!! อาา….”แรงกระแทกที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ จนบั้นท้ายนางถูกยกจนลอยขึ้น ใบหน้าที่เปี่ยมสุขตรงหน้าทำให้เขาหยุดไม่ได้ แรงกระแทกอัดไปถี่ ๆ พร้อมกับเสียงเรียกร้องของนาง“เร่งอีกนิด อ๊าา เฟิงหรง!! ข้าจะทนไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ อ๊าา!!”นางจะถึงสวรรค์อีกครั้งแล้ว เขาเองก็รู้สึกว่าบางอย่างกำลังขับเคลื่อนและบังคับให้เขาต้องเร่งจังหวะ และอารมณ์สูงสุดที่ต้องการก็ระเบิดขึ้นราวกับดอกไม้ไฟที่เคยเห็นตอนเป็นเด็กมันทั้งเต็มเปี่ยม เอ่อล้นและเสียวซ่านจนถึงที่สุดเมื่อถูกปลดปล่อยออกมา ซูเม่ยรับรู้ถึงน้ำอุ่น ๆ ที่ไหลเข้ามาจนล้นออกมาด้านนอก ร่างทั้งสองเกร็งพร้อมกันเมื่อแรงกระแทกครั้งสุดท้ายยังไม่หยุดลง“แฮก…..แฮก”“เจ้า…เจ็บหรือไม่”นางหันไปมองเขาที่กำลังก้มลงมาจูบนางเพื่อปลอบประโลม นางจึ
“ไหนท่านบอกว่าจะพาข้าออกมาซื้อของอย่างไรเล่า”“ก็กำลังไปอยู่นี่ไงนั่งอยู่ในรถม้ามันว่างก็เลย…”“เว่ย….เฟิง…หรง ท่านจะไม่เลือกสถานที่และเวลาเกินไปแล้วหากกล้าเข้ามาอีกข้าจะ….อื้อ”นางพยายามดันตัวเขาออกแต่ท้ายที่สุดก็ต้องยอมแพ้แต่โดยดี นึกไม่ถึงว่าหลังจากที่เขาขับพิษจากกายออกสำเร็จจะทำให้เขามีพละกำลังมากขนาดนี้เมื่อคืนนี้นางแทบจะหมดเรี่ยวแรงและยังเมื่อตอนเช้านี้อีก นึกไม่ถึงว่าพวกราชวงศ์จะมีบางอย่างเหมือนกัน นั่นคือ “ความต้องการที่มากผิดปกติ”“อ้าปากสิขอดูลิ้นหน่อย แบบนั้นแหละซูเม่ย อาา…..”รถม้าจอดที่หน้าหอเจิ้งหลิงซึ่งเป็นร้านตัดเสื้ออยู่นานแล้วแต่เว่ยเฟิงหรงกลับไม่พานางลงไปเสียที ซูเม่ยเสียเวลาจัดชุดให้เข้าที่อยู่นานพร้อมกับสายตาโมโหเมื่อลงจากรถม้ามาได้ นางก็พบกับต้าหมินจนไม่กล้าสบตาเขา เฟิงหรงหันมามองต้าหมินอย่างรู้กัน“เจ้ารออยู่ที่นี่แหละข้าใช้เวลาไม่นาน”“ขอรับคุณชาย เสี่ยวฟานบอกว่าจะรีบมาส่งข่าวข้าน้อยจะเอารถม้าไปจอดที่ตรอก”“อืม ไปเถอะ”เว่ยเฟิงหรงเดินตามซูเม่ยเข้าไปเพื่อรับชุดสำหรับร่วมงานฉลองสมโภชแคว้นที่พวกเขาสั่งตัดเอาไว้ เมื่อไป๋ซูเม่ยลองแล้วกลับพบว่ามีบางส่วนต้องแก้ไขเพรา
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเจ้าคิดเจ้าแค้นเช่นนี้ มาเมืองหลวงไม่กี่วันแต่กลับจัดการทั้งเส้นเลือดใหญ่ อีกทั้งตอนนี้ยังตัดแขน ขา ของเสวียนอวี่จนเขาแทบจะหมดทางแล้ว”“เขาผิดเองที่คิดจะทำร้ายท่านก่อน ข้าก็แค่เอาคืนเท่านั้น ผู้ชายของข้าจะให้ผู้ใดมาทำร้ายได้เช่นไร”เว่ยเฟิงหรงหันมามองนางและส่งสายตาหวานมาให้ ไป๋ซูเม่ยต้องรีบใช้นิ้วปิดปากเขาเอาไว้ นางรับมือเขาไม่ไหวอีกแล้วเพราะตอนนี้นางแทบจะไม่มีแรงเดินแล้ว“อย่าทำอะไรบ้า ๆ อีกนะ”“ไม่ทำหรอก ก็แค่รู้สึกอบอุ่นใจและดีใจที่อย่างน้อยก็มีคนปกป้องข้าและเป็นห่วงข้าเช่นเจ้าอยู่”“แต่สายตาท่านตอนนี้ไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลยทางที่ดีขยับออกไปก่อนเถอะเจ้าค่ะ”“ก็ได้ ข้ายังมีเรื่องจะบอกเจ้าอยู่ด้วย”“เรื่องอันใดเจ้าคะ”“เสด็จพ่อส่งคนมาแจ้งว่าท่านหมอไป๋และ…อนุกับบุตรสาวของนางเดินทางมาถึงเมืองหลวงแล้ว ตอนนี้รออยู่ที่จวนพวกเราคงต้องกลับไปพบพวกเขาก่อน”“มาถึงแล้วงั้นหรือ จริงด้วยสิข้าคลับคล้ายคลับคลาว่าอาหยงจะบอกเรื่องนี้เอาไว้เช่นกัน”“ซูเม่ย ถึงอย่างไรท่านหมอไป๋ก็เป็นบิดาของเจ้า แม้ว่าเรื่องที่เสด็จพ่อจะแต่งตั้งอนุให้เขาแต่นั่นเป็นเรื่องของความจำเป็นเจ้าก็อย่าได้โกรธเคื
“แต่ว่าเขาไม่มองลูกเลยนะเจ้าคะ สายตาของซื่อจื่อมองเพียงไป๋ซูเม่ย….”“เจ้าโง่หรืออย่างไร นั่นเพราะว่านางมาอยู่ที่นี่ก่อนพวกเราเท่านั้น ผู้ชายน่ะร้อยทั้งร้อยแพ้สตรีอ่อนแอบอบบางทั้งนั้น เจ้าก็แค่ใช้ความอ่อนโยนเข้าหาซื่อจื่อและพยายามผลักให้นางเป็นตัวร้ายอย่างที่เราเคยทำผ่าน ๆ มาอย่าลืมสิว่าชื่อเสียงของนางที่หยางโจวก็ถูกเราทำลายเพียงเพราะนางกล่าวหาว่าเจ้าทำร้ายนางจนคนทั้งหยางโจวร่ำลือว่านางอิจฉาเจ้าที่เข้ามาเป็นบุตรของใต้เท้าไป๋”“เจ้าค่ะท่านแม่ ลูกจะไม่ยอมปล่อยเว่ยซื่อจื่อให้คนเช่นนางเป็นแน่เจ้าค่ะ ซื่อจื่อรูปงามมากกว่าที่ข้าเคยพบเมื่อสองปีก่อนเสียอีกนะเจ้าคะท่านแม่”“ไม่ต้องห่วง ข้าเข้าจวนสกุลไป๋มาได้แล้วเจ้าเองก็เป็นชายาซื่อจื่อได้ไม่ยากนักหรอก ท่านอ๋องเชิญใต้เท้าไป๋มาเมืองหลวงครั้งนี้ก็เพราะเรื่องสู่ขอบุตรสาว แต่จะเป็นผู้ใดนั้นก็ยังไม่แน่ เจ้าต้องรีบหน่อยใช้เวลาที่เราพักอยู่ที่นี่ให้คุ้มค่าเข้าใจที่แม่พูดใช่หรือไม่”“ลูกเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”เรือนพักไป๋ซูเม่ย“เจ้าก็จัดเตรียมเอาไว้ ส่วนยานี่ก็….”“พี่ใหญ่เจ้าคะ”ไป๋ซูเม่ยรู้สึกแปล่ง ๆ หูเมื่อมีคนเรียกนางเช่นนั้นและยิ่งเมื่อหันไปพบกับหร่วน
ไป๋ซูเม่ยยิ้มและเดินไปที่ห้องยา เว่ยเฟิงหรงมองนางด้วยความรู้สึกหลากหลาย คิดไม่ถึงว่านางจะทำให้เขาเห็นหลาย ๆ อย่างและคิดได้ คนบางคนต่อหน้าดูอ่อนหวานแต่ลับหลังกับร้ายดุจอสรพิษ ตอนแรกเขาก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางจึงเดินกลับไปที่เรือนพักแต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ทั้งท่าทางและคำพูดของหร่วนเย่เหมยก็ทำให้เขารู้ว่าเขาเลือกคนไม่ผิด “เจ้ารู้อยู่แล้วงั้นหรือ”“ท่านหมายถึงเรื่องใดเจ้าคะ”“แม่นางหร่วนผู้นั้น เจ้าคิดว่านางมาที่นี่เพราะข้างั้นหรือ”“ใช่แน่นอน นางชื่นชมท่านมานานแล้วนี่เจ้าคะท่านอาจจะไม่รู้ตัว แต่มีสตรีใดในหยางโจวบ้างที่จะมีโอกาสได้พบซื่อ จื่ออย่างท่านและยังมีโอกาสได้พักจวนเดียวกันเช่นนี้”“แต่วันนี้เจ้ากลับหักหน้านางเสียจนนางทำตัวไม่ถูกเลยนะ”“หึ ข้าไม่คิดว่าคนเช่นนางจะทำได้หรอก”“เจ้าไว้ใจข้าขนาดนั้นเลยงั้นหรือ”“หากคนเราชอบกันง่ายเพราะมารยาเพียงเท่านั้นลู่หลินคงทำสำเร็จไปนานหลายปีแล้ว คงไม่ต้องรอให้หร่วนเย่เหมยปรากฏตัวตรงหน้าท่านหรอกจริงหรือไม่”“แต่เจ้าเองก็พึ่งจะพบข้าไม่นานเช่นกันนะ”ไป๋ซูเม่ยพาเขาเดินเข้ามาในห้องยาและปิดประตูทันทีและเดินเข้าไปหาเขา มือเรียวของนางโอบรอบคอเขาอย
ไป๋ซูเม่ยตกใจเมื่อรู้ว่าถูกอี้เสี่ยวฟานจับได้ว่าตามเขามาทั้ง ๆ ที่นางเองก็ถอยออกมาห่างพอสมควรแล้ว“นึกไม่ถึงจากกันไม่กี่เดือนวิชายุทธ์ของเสี่ยวฟานจะก้าวหน้าได้ยินไกลถึงเพียงนี้”ไป๋ซูเม่ยกำลังจะเดินออกไปแต่นางกลับพบว่ามีสตรีผู้หนึ่งเดินเข้าไปหาอี้เสี่ยวฟาน นางจึงเดินถอยกลับไปที่เดิมและเริ่มจับที่สร้อยข้อมืออีกครั้งเพื่อฟังเสียงพวกเขาคุยกัน สตรีผู้นั้นเดินไปหาเขาและหันหลังให้นางอยู่“เหตุใดเจ้าจึงออกมาจากตำหนักขององค์ชายหก...ลู่หลิน”ชื่อนั้นทำเอาไป๋ซูเม่ยถึงกับตกใจและหันไปมองอีกครั้ง แม้จะเห็นเพียงด้านหลังแต่ซูเม่ยก็จำได้เป็นลู่หลินไม่ผิดแน่“ข้า…อยากมาถามข่าวคราวของคุณชาย ได้ข่าวว่าเขาพึ่งจะเข้าวังมากับ….”“เจ้ามีสิทธิ์อันใดที่จะถามถึงเว่ยซื่อจื่ออีก การที่เขาตัดสินใจให้ข้าช่วยชีวิตเจ้าจากเดนนรกอย่างเสวียนอวี่ออกมาครั้งก่อนก็นับว่าช่วยเจ้ามากพอแล้ว”“ข้ารู้!! แต่ว่าท่านองครักษ์ ข้าก็แค่…อยากจะขอบคุณ”“ไม่ต้องหรอกเจ้าทำหน้าที่ของเจ้าในตำหนักของเสวียนฟงเพื่อตอบแทนเขาจะดีกว่าอย่าลืมว่าชีวิตของเจ้าในครั้งนี้ เว่ยซื่อจื่อเป็นผู้ที่ช่วยเจ้าเอาไว้เจ้าคงไม่คิดจะหักหลังเขาอีกเป็นครั้งที่สองหร
“อ๊าา!! อ๊าา….ท่านพี่ ข้าบอกท่านไปแล้วว่าอย่าหักโหมอย่างไรเจ้าคะ อ๊ะ!!”“อีกรอบเดียวนะซูเม่ย อีกครั้งเดียวจะให้เจ้าพักแล้ว อาา…เม่ยเอ๋อร์!!!”ร่างหนาค่อย ๆ หย่อนกายลงข้าง ๆ พระชายาที่นอนหันหลังและหอบอยู่ข้าง ๆ เขา เมื่อบทรักครั้งสุดท้ายจบลงเว่ยเฟิงหรงหันมากอดนางที่นอนหันหลังให้เรือนผมนางยุ่งเหยิงเพราะเขา หลังที่เคยเนียนงดงามบัดนี้เต็มไปด้วยรอยจ้ำสีแดงเกือบทุกแห่งที่เขาจะฝากรอยเอาไว้ “เจ้าอยากอาบน้ำหรือไม่”“ข้า….ลุกไม่ไหว”“ข้าเองก็ลุกไม่ไหวแล้วเช่นกัน ถ้าอย่างนั้นก็นอนพักผ่อนก่อนเถิดเอาไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยไปอาบด้วยกันแล้วค่อยขึ้นไปที่เขาลั่วซาง”“เฟิงหรง”“หืม”“ท่านคิดว่าข้าเอาแต่ใจตัวเองหรือไม่เจ้าคะที่…ขอให้ท่าน….”เขาหันมาดึงนางเข้ามากอดกับแผงอกกว้าง เขาดึงผ้าห่มมาห่มให้เขาและนางก่อนจะพูดกับนาง“เจ้าน่ะหรือจะเอาแต่ใจตัวเอง ข้าไม่เคยเห็นว่าเจ้าจะทำสิ่งใดที่ทำให้ข้าลำบากใจเลยสักครั้ง หากไม่นับเรื่องที่เจ้าแอบไปทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายในเมืองหลวงนั่น”“ข้า….จะไม่ทำ….”เขาใช้นิ้วปิดปากนางเอาไว้เพื่อมิให้นางพูดออกมา“ไม่ต้องพูดและไม่ต้องสัญญาอะไรอีกแล้ว แม้ว่าเจ้าจะไปอีกข้าก็จะติดตาม
งานพระราชพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทและงานอภิเษกสมรสผ่านไปได้สองวัน ไป๋ซูเม่ยและเว่ยเฟิงหรงก็ต้องกลับมาเตรียมของเพื่อเตรียมตัวเข้ารับพระราชพิธีสมรสพระราชทานทั้งคู่กราบทูลขอเพียงแค่พิธีรับราชโองการและงานเลี้ยงในวังเท่านั้นส่วนงานอภิเษกทั้งคู่ทูลขอฝ่าบาทกลับไปจัดที่หยางโจว“ซูเม่ย เมื่อใดเจ้าจะได้กลับมาที่เมืองหลวงอีกกันนะข้าหรือว่าให้ข้าไปเยี่ยมเจ้าที่หยางโจวดีล่ะ”“เฟยหย่าเจ้าอย่ามัวแต่นึกอยากเที่ยวสิ เจ้าเป็นพระชายาองค์รัชทายาทแล้วนะ ยังจะห่วงเที่ยวอีกงั้นหรือ”“เสด็จพี่เพคะ น้องซูเม่ยมาเมืองหลวงกว่าข้าจะรู้จักกับนางและได้สนิทกันก็แทบจะมิได้พานางไปเที่ยวที่ใดเลยเพราะมีแต่เรื่องเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวันจนถึงวันอภิเษกก็ต้องเตรียมการวุ่นวายเช่นนี้”“พี่หญิงเพคะ ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกเพคะหม่อมฉันกับซื่อจื่อจะแวะมาเยี่ยมพวกพระองค์อย่างแน่นอนเพคะ เสด็จพ่อเองก็ต้องเข้าวังหลวงอีกสี่เดือนข้างหน้าเพื่อมาเยี่ยมฝ่าบาทและร่วมงานพระราชพิธีคล้ายวันพระราชสมภพอยู่แล้ว เอาเป็นว่าเราจากกันไม่นานหรอกเพคะ”“เจ้าพูดจริง ๆ นะ น้องหญิงเจ้ากลับไปที่หยางโจวก็ดูแลตัวเองให้ดีนะ”“เพคะพี่หญิง ไม่สิพระชายาเองก็มีองค์
“อ๊าา หานลั่ว!!”ลิ้นของเขาเริ่มคลี่ร่องกลีบชื้นฉ่ำตรงหน้าออก ร่างของเฟยหย่าเอนขึ้นตามสัมผัสลิ้นและนิ้วของเขา มือนางจับที่ผ้าห่มเอาไว้แน่นเมื่อถูกเขาล่วงล้ำเข้ามาทั้งลิ้นและนิ้วจนนางทนไม่ไหว“อ๊าาา หานลั่ว ไม่ไหวแล้ว ข้ารู้สึกแปลก ๆ มันจะ อ๊าา!!!!”ร่างน้อย ๆ นั้นเกร็งกระตุกจนเกิดเสียง จวินหานลั่วรวบขาของนางและยังใช้ลิ้นปรนเปรอนางไม่หยุด เมื่อเห็นว่านางพร้อมแล้วเขาจึงค่อย ๆ สอดใส่แท่งแกร่งของเขาที่ปวดตึงหนึบอยู่นานแล้วเข้าไป เขาอ่อนโยนจนนางรู้สึกถึงความห่วงใยที่เขามีให้นาง “หานลั่ว อ๊าา ช่างดียิ่งนัก รู้สึก อ๊าา ดียิ่งนัก อ๊าา…”“เฟยหย่า ข้าจะ…เร่งได้อีกนิดได้หรือไม่”“เร็วอีกหน่อยเจ้าค่ะ อ๊าา หานลั่วเร็วขึ้นอีก อื้อ…”เขาพยายามรักษาความเร็วเอาไว้เพราะเกรงว่านางจะเจ็บ ลิ้นหนาค่อย ๆ จูบไปที่ยอดปทุมสีสวยเพื่อให้นางคลายความเจ็บแต่ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้เจ็บมากเพราะเขาอ่อนโยนกับนางมากกว่าที่จะทำให้นางเจ็บได้“อาา เฟยหย่าเปลี่ยนท่านะ”“อื้อ อ๊าา!! หานลั่ว ท่านี้ลึกมากเพคะ เสียวมากจริง ๆ อ๊าา กระแทกเข้ามาอีก อ๊าาา”จวินหานลั่วรู้ว่าเขาจะทนได้อีกไม่นานแล้วเมื่อด้านในนางทั้งคับแน่นและบีบรัดเข
สนามชู่จวี“อะไรกัน เล่นสกปรกงั้นหรือ แย่แล้ว องค์ชายสาม!!”“พี่หญิง ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ”เหยียนเฟยหย่าวิ่งไปยังห้องที่มีคนหามจวินหานลั่วเข้ามา นางวิ่งเข้ามาทันทีเมื่อเห็นเขาถูกหามออกมานอกสนาม“องค์ชายสาม!!”“เฟยหย่า!! เจ้ามา…ได้เช่นไรกัน”องค์ชายสั่งให้ทุกคนออกไปเมื่อเห็นว่าเฟยหย่าวิ่งพรวดพราดเข้ามา ประตูห้องพักปิดลงเมื่อนางหันมาจับมือเขาเอาไว้“องค์ชาย เหตุใดท่านจึงบาดเจ็บเช่นนี้ พวกนั้นเล่นนอกกติกา”“เฟยหย่า อย่าพึ่งพูดนี่เจ้ามาทำอะไรที่นี่”“หม่อมฉันเห็นพระองค์ถูกทำร้าย คนพวกนั้น…”“เฟยหย่า คนพวกนั้นมิใช่คนต่างแคว้นแต่เป็นนักฆ่าที่เสวียนอวี่ส่งเข้ามา”“อะไรนะ!! นี่เขา….ตั้งใจจะเล่นงานท่านงั้นหรือ”“เฟยหย่า!! เจ้าจะทำสิ่งใด อย่าพึ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น เว่ยเฟิงหรงกับพี่ใหญ่เจ้ารู้แล้วพวกเขาอยู่ในสนาม ทันทีที่ข้าถูกเล่นงานเว่ยเฟิงหรงก็ให้คนพาข้าออกมาเกรงว่าพวกมันจะทำร้ายข้า เจ้าอย่าได้ทำสิ่งใดพวกเขาจัดการกันเองได้ คนของพวกเราอยู่ในสนามแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มจัดการพวกที่เหลือแล้ว”“ก็ได้จวินหานลั่วครั้งนี้ข้าจะเชื่อท่าน”“เจ้าก้มลงมานี่หน่อยสิ”เหยียนเฟยหย่าก้มลงมา จวินหานลั่วจับนางลงมาและจู
งานเลี้ยงประจำปี“เจ้าว่าอย่างไรนะ เสด็จพ่อจะประทานสมรสงั้นหรือ เช่นนั้นข้าไม่เข้าร่วมจะดีกว่าข้าไม่สนใจเรื่องงานเลี้ยงกับพวกขุนนางขี้ประจบเหล่านั้นหรอก”“องค์ชายสาม ครั้งนี้มีสตรีบุตรขุนนางหลายคนเข้าร่วม พระองค์ไม่สนใจจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ”“เฉินกงกง ท่านอยากให้ข้าแต่งงานมากขนาดนี้เชียวหรือ ท่านขี้เกียจดูแลข้าแล้วสินะ”“หามิได้ ๆ พ่ะย่ะค่ะเพียงแต่เรื่องการแต่งงานฝ่าบาทต้องเห็นชอบพระองค์เองก็มิควรเก็บตัวเช่นนี้”“ว่าแต่ครั้งนี้เสด็จพ่อจะประทานสมรสคู่ใดเป็นพิเศษเล่า”เฉินกงกงบอกกล่าวไป ทั้งเรื่องขององค์ชายที่จะแต่งบุตรสาวขุนนางและท่านหญิงเข้ามาในวังหลวง รวมถึงบรรดาองค์หญิงที่ต้องแต่งงานกับแม่ทัพและ….“อีกคู่น่าจะเป็นองค์ชายสี่กับคุณหนูรองสกุลเหยียนพ่ะย่ะค่ะ”ตำราพิชัยยุทธ์หล่นจากมือของ “จวินหานลั่ว” โดยไม่ได้ตั้งใจ เขาเหม่อลอยเมื่อได้ยินชื่อนั้นเข้าหูจนฉินกงกงตกใจ“องค์ชาย….องค์ชายสาม!!”“หา…เอ่อ อ้อ อะไรนะ สกุลเหยียนกับ…น้องสี่ พวกเขาไปรู้จักกันเมื่อใดงั้นหรือ”“เห็นว่าฮองเฮาเป็นผู้สู่ขอแทนองค์ชายสี่พ่ะย่ะค่ะ”“อะไรนะ…ฮองเฮางั้นหรือ ดูท่าแล้วไม่เกี่ยวกับความรู้สึกสินะ”หลังจากนั้นเขาเองก็
เว่ยเฟิงหรงอุ้มไป๋ซูเม่ยลงจากรถม้า พักหลัง ๆ คนในจวนอ๋องที่เมืองหลวงมักจะชินตากับการที่เว่ยซื่อจื่ออุ้มนางลงมาเช่นนี้แล้ว แต่ละคนคิดไปเองว่าเพราะไป๋ซูเม่ยนั่งรถม้ามาแล้วหลับซื่อจื่อไม่อยากให้นางตื่นจึงอุ้มลงมา และบางคนก็คิดว่าไป๋ซูเม่ยเป็นสตรีที่อ่อนแอ เพียงแค่นั่งรถม้ากระเทือนก็จะเดินไม่ไหว แต่ไม่มีผู้ใดเลยที่ล่วงรู้ความจริงนอกจากอาหยงและต้าหมิน องครักษ์ของซื่อจื่อและสาวใช้ของนาง“เฟิงหรงท่านจะเกินไปแล้วนะเจ้าคะข้าเอวแทบหักทุกครั้งเลย จากนี้ไปข้าจะแยกรถม้ากับท่าน!!”“เม่ยเอ๋อร์เจ้าจะทำเช่นนี้หาได้ไม่ ผู้อื่นก็คุ้นชินกับการที่ข้าทำเช่นนี้แล้วเจ้าจะใส่ใจไปทำไมกัน เจ้าก็มิใช่ผู้ที่จะสนใจสายตาคนอื่นเสียเมื่อไหร่เล่า ไม่เอาน่าอย่าทำหน้างอเช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะพาไปกินเกี๊ยวน้ำร้านประจำของเจ้าดีหรือไม่”“ไม่ต้องเอาเกี๊ยวมาล่อข้าให้ตายใจ ก่อนจะไปกินเกี๊ยวท่านมิกินข้าก่อนจนหมดแรงสุดท้ายก็ต้องให้คนซื้อมาให้ข้าถึงเตียงหรอกหรือ ข้ารู้จักท่านดีเว่ยเฟิงหรง คนเจ้าเล่ห์”“เช่นนั้นไหน ๆ เจ้าก็รู้ทันข้าแล้ว…ก็อย่าเสียเวลาเลยนะไปอาบน้ำกันเถอะคนดี”“หยุด!! ข้าไม่อาบกับท่านแน่นอน เว่ยเฟิงหรง!! ไม่นะ ออก
อารามหย่งหลินเว่ยเฟิงหรงและไป๋ซูเม่ยขึ้นเขามาเพื่อเยี่ยมอาจารย์ตงหยวนซึ่งนั่งสวดมนต์อย่างสงบอยู่ในวิหาร เมื่อทั้งสองเข้าไปอาจารย์ก็เอ่ยทักทายขึ้นมาโดยที่ยังไม่ทันได้หันมามองทั้งคู่“พวกเจ้ามาเยี่ยมข้าเร็วกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีกนะ”""คารวะอาจารย์""“อืม…ตามสบายเถิดเว่ยซื่อจื่อ ท่านหญิง”“อาจารย์ ท่านทราบ!!”“เสด็จพ่อของเว่ยซื่อจื่อและฝ่าบาทมาปรึกษาข้าก่อนหน้านี้ ถึงไม่ได้อยากรู้แต่อย่างไรก็ต้องรู้ ฮ่า ๆ วันนี้มาหาข้าได้ ดูแล้วท่านหญิงคงจะหายดีแล้วสินะ”“ศิษย์มาที่นี่เพื่อกราบขอบคุณท่านอาจารย์เจ้าค่ะที่ช่วยศิษย์เอาไว้ครั้งก่อน หากว่ามิได้อาจารย์ไปช่วยเหลือศิษย์คงไม่รอด”“เรื่องนั้นที่จริงไม่ต้องถึงมือข้าหรอก เพียงแต่ว่าคนของเจ้า….ดูเหมือนจะไม่มีสติเอาเสียเลยข้าจึงไปเพื่อเรียกสติเขาเท่านั้น”ไป๋ซูเม่ยมองมาที่เว่ยเฟิงหรงและลอบขำ เฟิงหรงถึงกับหันไปค้อนให้นางที่กล้าขำเขาต่อหน้าเช่นนี้“เม่ยเอ๋อร์ ไว้หน้าข้าหน่อยก็ดีนะ นี่ต่อหน้าอาจารย์เชียวนะ”“ท่านพี่ คงยากแล้วล่ะเจ้าค่ะ ทั้งท่านพ่อ พี่หญิงเฟยหย่า องค์รัชทายาทหรือแม้แต่ท่านอ๋องต่างก็นำเรื่องนี้มาพูดกับข้าหมดแล้ว ก็ยังมีอาจารย์นี่แหละเจ้าค
เว่ยเฟิงหรงกระซิบบอกจนนางต้องเบือนหน้าหนี นึกไม่ถึงว่าถึงขนาดนี้แล้วเขายังหึงอยู่ ไป๋ซูเม่ยเดินไปที่อุทยานหลวงตามที่เขาบอก นางเดินไปพบคนผู้หนึ่งซึ่งวันนี้เขาสวมชุดสีดำที่ดูแปลกตา“มาแล้วหรือ….คุณหนูไป๋”“อี้เสี่ยวฟาน เจ้า….เหตุใดจึงได้แต่งชุดนี้”นางมองไปยังชุดที่ดูแปลกตาสีเข้มที่ทำให้อี้เสี่ยวฟานดูดีและเหมาะสมกับเขามากกว่าชุดองครักษ์ที่เขามักจะสวมอยู่เสมอเมื่ออยู่กับเสวียนอวี่“นี่น่ะหรือ นี่เป็นเครื่องแบบของแม่ทัพกองทัพอินทรีย์ทองขององค์รัชทายาทน่ะ เป็นอย่างไรมันเหมาะกับข้าหรือไม่”“ว่าอย่างไรนะนี่เจ้าเป็น….ยอดเยี่ยมมากเลยไม่เห็นมีผู้ใดบอกข้ามาก่อนหน้านี้มาก่อนเลยว่าเจ้าจะเป็นถึงแม่ทัพของนักรบเกราะทองนั่น ข้ายินดีด้วย ข้า…เอ่อ…”“เราอยู่กันสองคน อิ่นหลงเจ้าบอกเรื่องของเจ้ากับเว่ยซื่อจื่อไปแล้วสินะ เขาถึงได้ยอมให้เจ้ามาพบข้าในวันนี้”ไป๋ซูเม่ยเงยหน้ามองสหายรักที่ในที่สุดเขาก็กล้ายอมรับนางแล้วว่านางคืออิ่นหลง สหายของเขา นางมองเขาพร้อมกับน้ำตาที่รื้นขึ้นมา“ใช่แล้วล่ะ ข้าบอกเฟิงหรงไปหมดแล้ว ทั้งเรื่องที่ข้าถูกเสวียนอวี่ฆ่าและอยู่ในร่างของไป๋ซูเม่ย คู่หมั้นของเขา”“สวรรค์คงเห็นความดีในต
“ที่จริงข้าก็คิดจะชวนเจ้าไปเช่นกัน เอาเป็นว่าพรุ่งนี้หลังจากเข้าเฝ้าฝ่าบาทแล้วเราก็แวะไปหาอาจารย์ก่อนก็แล้วกัน”“เจ้าค่ะ ขอบคุณที่ท่านใส่ใจ”“ข้าย่อมรู้ดีว่าเจ้าอยากจะทำสิ่งใด เจ้าเป็นภรรยาของข้าแค่มองตาเจ้าก็พอจะรู้แล้วว่าเจ้าคิดสิ่งใดอยู่ แต่ข้าคงไม่อนุญาตให้เจ้าไปร่วมพิธีของเสวียนอวี่หรอกนะ”“ข้าไม่ได้อยากจะไปอยู่แล้วเจ้าค่ะ เรื่องนั้นมิได้เกี่ยวกับข้าสักหน่อย ว่าแต่พรุ่งนี้เราต้องเข้าเฝ้าฝ่าบาทด้วยเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”“พระราชาทานรางวัลที่ช่วยปราบกบฏ ประทานยศใหม่และพระราชทานงานสมรส”“นี่พวกเรา…ต้องสมรสในเมืองหลวงหรือเจ้าคะ”“เป็นพระราชประสงค์ของฝ่าบาทที่อยากจะตอบแทนเจ้าและสกุลเหยียนน่ะ เสด็จพ่อบอกข้ามาเมื่อคืนก่อนครั้งนี้เห็นทีจะเลี่ยงยากเพราะว่าฝ่าบาทตั้งใจประทานรางวัลนี้ให้กับพวกเราและยัง…แต่งตั้งเจ้าเป็นท่านหญิงอีกด้วย”“ท่านหญิงหรือเจ้าคะ แต่ว่าข้า…เหตุใดจึง…”“เรื่องนี้เป็นใต้เท้าเหยียนสองพ่อลูกเป็นผู้เสนอ และฝ่าบาทเองก็นึกขอบใจเจ้าหากว่าคืนนั้นกองทัพสกุลเหยียนและกององครักษ์หลวงของเยียนจินสือมาไม่ทันคงเกิดความเสียหายมากกว่านั้น ดังนั้นเรื่องนี้เป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท เสด็จพ่