ธารดาราเงยหน้าขึ้นมาจ้องเตชินท์ หลังจากได้ยินคำถามของอีกฝ่าย
“ผมขอโทษครับ พอดีผมมีแต่เพื่อนผู้ชาย ผมก็เลยไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้...ผมสามารถถามกับพี่น้ำหวานได้หรือเปล่า?”
พอได้เห็นสีหน้าราวกับลูกหมากำลังจะถูกทิ้งของเตชินท์อีกครั้ง ธารดาราจึงได้ถอนหายใจออกมา ก่อนที่เธอจะตอบกลับอีกฝ่ายไปว่า
“พี่เคยจูบค่ะ แต่...” พูดยังไม่ทันจบ เตชินท์ก็ถามแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“จูบตอนไหน? แล้วมันเป็นใครครับ!”
“เออ...ผมขอโทษ พอดีผมฟังแล้วรู้สึกตื่นเต้นมากเกินไปหน่อยน่ะครับ คือผมยังไม่เคยไปจูบกับใครเลย แต่พี่...พี่เคยไปจูบกับคนอื่นมาแล้ว! พอได้รู้มันก็เลย...”
“พี่ว่า...เรากลับมาสนใจเรื่องเรียนกันต่อดีกว่าค่ะ?”
“ตอนที่พี่จูบกับ...ตอนที่พี่จูบกับแฟน! พี่รู้สึกอย่างไรบ้างหรือครับ?”
“เตคะ คำตอบในแบบทดสอบสามข้อสุดท้าย พี่ว่าเตเอากลับไป...”
“พี่ครับ! ตอนที่พี่จูบกับแฟนที่เคยคบหากัน ตอนนั้นพี่รู้สึกอย่างไรบ้างหรือครับ?”
ด้วยสีหน้าและท่าทางของเตชินท์ในตอนนี้ หากธารดาราไม่ตอบ...เจ้าตัวก็คงจะไม่หยุดถามเธอเป็นแน่ ธารดาราจึงตัดสินใจตอบคำถามของเตชินท์ให้มันจบ ๆ ไป
“พี่จำไม่ได้หรอกค่ะ เพราะพี่ก็เพิ่งเคยโดนจูบเพียงแค่ครั้งเดียว แล้วในเมื่อเตกล้าเล่าเรื่องส่วนตัวให้พี่ฟัง พี่ก็จะขอเล่าเรื่องส่วนตัวของพี่ให้เตฟังบ้างนะคะ แต่เมื่อฟังจบแล้ว...เตต้องสัญญาด้วยว่าจะไม่นำไปเล่าต่อ และก็ห้ามหัวเราะพี่ด้วย เข้าใจไหมคะ?”
แล้วเมื่อเห็นเตชินท์พยักหน้าตอบกลับมา ธารดาราจึงเริ่มเล่าเรื่องน่าอับอายที่มีเพียงแค่เพื่อนสนิททั้งสามคนของเธอเท่านั้นที่รู้...ให้อีกฝ่ายฟัง
“คือ...ตั้งแต่เกิดมาจนถึงทุกวันนี้ พี่มีแฟนมาทั้งหมดเพียงแค่หนึ่งคนถ้วนค่ะ เพราะพ่อกับแม่ของพี่ได้ขอคำสัญญาจากพี่เอาไว้ว่าจะต้องไม่มีเรื่องรักใคร่ในวัยเรียน
ซึ่งเหตุผลที่พี่ตัดสินใจตอบตกลงคบหาเป็นแฟนกับผู้ชายคนนั้น ก็อาจจะเป็นเพราะผู้ชายคนนั้นเป็นเพื่อนกับพี่ชายของเพื่อนสนิทพี่ และเจ้าตัวก็เข้ามาจีบในช่วงที่พี่เรียนจบพอดี แล้วที่สำคัญลักษณะภายนอกของผู้ชายคนนั้นก็ดูมีความเป็นผู้ใหญ่และดูเหมือนจะนิสัยดี
แต่สิ่งที่เห็นว่าเหมือนจะดี...มันกลับไม่เป็นอย่างที่พี่คิด เพราะในวันที่พวกพี่นัดกันไปกินเลี้ยงวันเกิดของเพื่อนสนิทในกลุ่ม ในวันนั้นขณะที่ทุกคนกำลังเมา...ผู้ชายคนนั้นที่พี่เพิ่งจะตอบตกลงคบหาดูใจกับมันได้ไม่ถึงสองเดือน มันก็ฉวยโอกาสดึงพี่เข้าไปจูบ แล้วด้วยความที่พี่ตกใจ พี่ก็เลย...ต่อยหน้าผู้ชายคนนั้นไปหนึ่งหมัดค่ะ”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะครับ?”
“พี่ก็เลิกกับผู้ชายคนนั้นเลยค่ะ”
“ฮึ... ฮา ฮ่า ฮ่า พี่สุดยอดมากเลยครับ”
‘หึ! อุตส่าห์ยอมเล่าให้ฟัง ก่อนเล่าก็บอกเอาแล้วว่าห้ามหัวเราะ!!’ ธารดารานึกโมโหในใจ ก่อนจะกล่าวว่า
“กล้าหัวเราะจูบแรกของพี่ ทั้งที่ตัวเองก็ยังไม่เคยจูบ”
“นั่นสินะครับ อย่างนั้น...พี่น้ำหวานช่วยสอนผมจูบได้ไหมครับ?”
“เออ...นี่ก็หกโมงเย็นแล้ว เตเก็บแบบทดสอบเอาไว้ก่อนนะคะ อาทิตย์หน้าพี่จะกลับมาตรวจให้อีกทีค่ะ วันนี้พี่ขอตัวกลับก่อนนะคะ” พูดจบ ธารดาราก็เก็บของแล้วรีบพาตัวเองออกมาจากห้องนอนของเตชินท์ทันที
“สอนวันนี้เป็นอย่างไรบ้างลูก? เอ๊ะ! ทำไมวันนี้หน้าของผึ้งถึงดูแดง ๆ ไม่สบายหรือเปล่าลูก?” สายธารเอ่ยถามบุตรสาวที่เดินเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าและใบหูที่มีสีแดงระเรื่อ
“ผึ้งสบายดีค่ะแม่ แต่วันนี้อากาศด้านนอกค่อนข้างร้อน หน้าผึ้งมันก็เลยแดงมั้งคะแม่”
‘แดงจริงด้วยแฮะ!’ธารดารามองเงาของตนเองในกระจก หลังจากเดินเลี่ยงสายธารเข้ามาล้างหน้าในห้องน้ำ คงเพราะในระหว่างขับรถกลับบ้าน คำขอแปลก ๆ ของเตชินท์มันยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของเธอ ถึงแม้ว่าธารดาราจะพยายามสลัดมันทิ้งเท่าไหร่ แต่สุดท้ายเธอก็วนกลับไปคิดถึงมันอยู่ดี
ธันวาหันไปมองธารดารา วันนี้เขารู้สึกว่าบุตรสาวดูจะตั้งใจกับการทานข้าวในจานเป็นอย่างมาก ‘หรือว่า...วันนี้จะสอนหนักจนไม่มีเวลากินข้าว’
“ผึ้งสอนวันนี้เป็นอย่างไรบ้างลูก?”
“ก็เหมือนเดิมค่ะพ่อ เตตั้งใจเรียนดีเหมือนเดิม”
“แล้วผึ้งบอกความจริงป้าหมิวกับเตหรือยัง?” สายธารเอ่ยถาม
“ยังค่ะ แต่อาทิตย์หน้าผึ้งตั้งใจจะไปสารภาพกับป้าหมิวก่อนค่ะ”
“ดีแล้วลูก โกหกผู้ใหญ่นาน ๆ ไม่ดี ว่าแต่...ทำไมไม่บอกเตไปพร้อมกันเลยล่ะ?”
“สำหรับเต...ไว้ผึ้งค่อยบอกตอนเข้าไปสอนพิเศษวันสุดท้ายค่ะ”
หลังจากได้ยินคำตอบของบุตรสาว ธันวาที่รู้สึกสงสัยจึงถามต่อจากผู้เป็นภรรยาทันทีว่า
“ทำไมทำอย่างนั้นล่ะลูก?”
“ก็ใครบอกให้เตจำผึ้งไม่ได้เองล่ะคะ”
“เรานี่!” ธันวาที่รู้สึกระอาจึงส่ายหน้าให้กับความคิดของบุตรสาว
จากนั้นสายธารก็เริ่มหันไปถามเรื่องงานของธันวาบ้าง ธารดาราจึงกลับมาสนใจข้าวในจานของตนเองต่อ แล้วหลังจากที่ทุกคนทานข้าวเย็นร่วมกันเสร็จ แต่ละคนก็แยกย้ายกันขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเอง
ซึ่งหลังจากที่ธารดาราจัดการดูแลร่างกายของตัวเองเสร็จ เธอก็เดินถือผ้าขนหนูผืนเล็กออกมานั่งเช็ดผมที่โต๊ะเครื่องแป้ง แล้วในขณะนั้นเธอก็เผลอนึกไปถึงคำขอของเตชินท์ขึ้นมาอีกครั้ง
‘นั่นสินะครับ อย่างนั้น...พี่น้ำหวานช่วยสอนผมจูบได้ไหมครับ?’
จะว่าไปตอนเด็ก ๆ เตชินท์ก็มักจะเป็นแบบนี้ อีกฝ่ายชอบมาอ้อนให้ธารดาราช่วยสอนหนังสือ สอนทำการบ้าน สอนเล่นซน หรือไม่ก็ให้ช่วยสอนทำนู่นทำนี่ เรียกได้ว่า...ทุกวันเตชินท์จะต้องมีเรื่องมาอ้อนให้เธอช่วยสอน
แต่เรื่องที่เตชินท์มาขอให้ธารดาราช่วยสอนในวันนี้ มัน....
‘ไอ้เด็กบ้า! มีใครหน้าไหนเขาช่วยสอนเรื่องจูบกันบ้าง!!’
.......................................................................
ผู้เขียนขอขอบคุณทุกยอดวิว ยอดกดหัวใจ ยอดกดติดตาม และทุกข้อความของผู้อ่านทุกท่านมาก ๆ นะคะ ทุกยอดคือกำลังใจที่ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆของผู้เขียนเลยค่ะ
ธารดาราก้าวขาออกจากรถยนต์คู่ใจ แล้วมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูรั้วซี่เหล็กบานใหญ่หน้าบ้านของเตชินท์เพื่อเตรียมที่จะกดกริ่ง แต่ผ่านมาได้สักพักเธอก็ยังไม่ยกมือขึ้นไปกด เพราะตอนนี้ในใจของธารดารามันคิดแค่เพียงว่า... ‘ทำไมวันเสาร์มันจึงได้เวียนมาถึงเร็วนักนะ!’ นั่นก็เพราะในอาทิตย์ที่ผ่านมาคำขอแปลก ๆ ของเตชินท์มันยังคงวนเวียนเข้ามาในความคิดของธารดาราอยู่บ่อยครั้ง แล้วยิ่งเด็กหนุ่มได้แอบไปเพิ่มเพื่อนในโปรแกรมส่งข้อความกับเธอ แต่ก็ยังดีที่อีกฝ่ายไม่เคยส่งสติ๊กเกอร์หรือส่งข้อความอะไรเข้ามาพูดคุยกับธารดาราเลยสักครั้ง แล้วก็โชคดีที่เตชินท์แอบไปเพิ่มเพื่อนกับบัญชีที่มีชื่อว่า...น้องยิ้ม! เนื่องจากธารดารามีบัญชีในโปรแกรมส่งข้อความอยู่สองบัญชี นั่นก็คือบัญชีที่มีชื่อว่าน้ำผึ้งหวาน...โดยบัญชีนี้มีข้อมูลตัวตนที่แท้จริงของเธออยู่ กับบัญ
“นี่เรียกว่าจูบหรือครับ? แบบนี้มันเหมือนกับที่ผมเคยเห็นเด็กอนุบาลจุ๊บกันที่หน้าโรงเรียนเลยครับพี่ เออ...จริงด้วย ผมก็ลืมไปเลยว่าพี่น้ำหวานเสียจูบแรกตอนเมา แต่ผมว่าจูบครั้งนั้น...พี่อย่านับมันเลยดีกว่าครับ พี่น้ำหวานมาดูนี่สิครับ...วันนั้นเพราะพี่ไม่ยอมตอบ ผมก็เลยลองไปศึกษาวิธีการจูบแบบคนรักกันมา คลิปนี้เห็นวิธีการจูบแบบชัดมากเลยครับพี่” แม้จะรู้สึกโกรธแต่ธารดาราก็ยอมขยับเข้าไปดูคลิปวีดีโอในโทรศัพท์มือถือของเตชินท์ ซึ่งภาพเคลื่อนไหวที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอก็คือชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนจูบกันแบบดูดดื่มท่ามกลางวิวทะเลยามค่ำคืน โดยความยาวของคลิปวีดีโอนั้นกินเวลาไปถึงห้านาที ซึ่งตลอดทั้งห้านาทีคนทั้งสองในคลิปก็เรียกได้ว่า...แทบจะกลืนกินปากกันเลยก็ว่าได้ หลังจากที่คลิปวีดีโอนั้นจบลงเตชินท์ก็เก็บโทรศัพท์มือถือ ก่อนที่เจ้าตัวจะเอ่ยประโยคระคายหูของธารดาราขึ้นมาอีกครั้งว่า &
‘สดชื่นมากม๊ากก...เลยวันนี้!’ ธารดาราคิดในใจ ก่อนจะเดินตามจ๋าเข้าไปในตัวบ้านของเตชินท์ เพราะว่าเมื่อคืนหลังจากที่เธอตัดสินใจพยายามข่มตาหลับ แต่สุดท้าย...จนถึงหกโมงเช้า ธารดาราก็ยังไม่ได้หลับเลยแม้แต่วินาทีเดียว “จ๋าคะ เช้านี้เครื่องดื่มในของว่าง น้ำหวานรบกวนขอเป็นกาแฟแบบเข็ม ๆ เลยนะคะ” “ได้ค่ะ หรือว่าคุณน้ำหวานจะให้จ๋าชงขึ้นไปให้พร้อมกับของคุณเตตอนนี้เลยดีคะ?” หลังจากได้ยินคำถามของจ๋า ธารดาราคงเผลอแสดงความสงสัยทางสีหน้า เพราะยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรออกมา อีกฝ่ายก็บอกสิ่งที่เธอกำลังจะถามออกมาแล้ว “พอดีเมื่อครู่คุณเตก็เพิ่งลงมาบอกกับจ๋าให้ช่วยชงกาแฟแบบเข้ม ๆ ขึ้นไปให้เหมือนกันน่ะค่ะ” “อย่างนั้นก็เอาขึ้นไปพร้อมกันตอนนี้เลยก็ได้ค่ะ ขอบคุ
ธารดาราพยายามรวบรวมสติแล้วนึกไปถึงสัมผัสที่เธอได้รับมาจากเตชินท์เมื่อวาน จากนั้นเธอก็ขยับริมฝีปากของตัวเองทาบทับลงไปที่ริมฝีปากของเด็กหนุ่มตรงหน้า แล้วหลับตาของเธอลง... หลังจากนั้นธารดาราก็ค่อย ๆ ขบเม้มริมฝีปากของเตชินท์สลับทั้งบนและล่างเบา ๆ ก่อนที่เธอจะส่งลิ้นเล็กออกไปไล่เลียริมฝีปากล่างของเด็กหนุ่ม แล้วในขณะที่เธอยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว เตชินท์ก็ดูดลิ้นของเธอเข้าไปในปากของเจ้าตัวแล้ว โดยหลังจากนั้นเด็กหนุ่มก็ขึ้นมาเป็นผู้คุมเกมส์การสอนจูบในครั้งนี้ทันที จนเวลาผ่านล่วงเลยไปได้สักพัก... “อือ...อื้อ!!” ธารดาราใช้มือของตัวเองทุบลงไปที่ไหล่ของเตชินท์ซ้ำ ๆ เนื่องจากตอนนี้เธอกำลังจะขาดอากาศหายใจ แล้วเมื่อเด็กหนุ่มผละริมฝีปากของเจ้าตัวออก เธอก็รีบโกยเอาอากาศเข้าปอดพร้อมกับจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกโมโห “เต พี่ว่า...”
ธารดาราเมื่อเดินมาถึงหน้าประตูห้องนอนของเตชินท์ เธอก็ยืนทำใจอยู่ตรงนั้นสักพัก เพราะถ้าหากว่าเธอก้าวเท้าเข้าไปภายในห้อง นั่นก็หมายถึงการเผชิญหน้ากับเรื่องที่เธอได้ทำผิดพลาดลงไปในเรื่องที่สอง เนื่องจากการใช้ชีวิตที่ผ่านมา ธารดารามักจะลำดับและแบ่งแยกทุกความสัมพันธ์ของผู้คนที่อยู่รายล้อมรอบกายเธออย่างชัดเจน แต่ก็อาจจะเป็นเพราะเตชินท์ที่เริ่มเข้ามาในชีวิตของเธอด้วยสถานะของคำว่า‘น้องชายข้างบ้าน’ แล้วต่อมาสถานะของอีกฝ่ายก็เปลี่ยนมาใช้คำว่า‘ลูกศิษย์’ และก็ด้วยเพราะสถานะนี้ รวมไปถึงการกระทำล่าสุดของเธอกับเตชินท์ มันได้ส่งผลกระทบไปถึงกฎระเบียบข้อบังคับในสถาบันสอนภาษายิ้มรับที่ว่า... ‘คนเป็นครูห้ามคิดเกินเลยกับลูกศิษย์ของตัวเอง และก็ห้ามมีความสัมพันธ์ในรูปแบบอื่นนอกจากคำว่า‘ครู’ กับคำว่า‘ลูกศิษย์’ ซึ่งถ้าหากฝ่าฝืนแล้วถูกจับได้ โทษสถานเดียวที่จะได้รับก็คือ...การถูกไล่ออก’
ธารดาราดึงมือของตัวเองกลับมา ก่อนที่เธอจะหันหน้ากลับไปมองเด็กหนุ่มเจ้าของห้องด้วยความรู้สึกตกใจ “พี่ผึ้ง...พี่คิดว่าผมจะกล้าไปจูบกับคนที่เพิ่งเจอและเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่ถึงสองเดือนจริง ๆ หรือครับ? ทั้ง ๆ ที่ผมก็เคยบอกกับพี่เอาไว้แล้วว่า จูบแรกของผม...ผมจะเก็บมันเอาไว้ให้กับผู้หญิงที่ผมรักเท่านั้น!” “เต...คือพี่” ธารดาราที่ยังคงตกใจจึงไม่รู้ว่าเวลานี้ตนเองควรจะพูดอะไรออกมาดี เธอจึงทำแค่เพียงยืนมองเตชินท์ที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน จากนั้นเจ้าตัวก็เดินเข้ามาหาเธอทีละก้าวอย่างช้า ๆ ด้วยสีหน้าและท่าทางที่คล้ายกับกำลังรู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก แล้วเพียงไม่นานเด็กหนุ่มก็เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ หลังจากนั้นเตชินท์ก็ใช้มือข้างขวาดึงธารดาราเข้าไปไว้ในอ้อมกอด ส่วนมือข้างซ้ายของเจ้าตัวก็เอื้อมไปกดล็อคที่ลูกบิดประตู ก่อนที่เด็กหนุ่มจะใช้แขนทั้งสองข้างโอบกอดร่างกายของเธอเอาไว้จ
ธารดาราเมื่อขับรถออกมาจากบ้านของเตชินท์ได้สักพัก เธอก็ค่อย ๆ ชะลอรถ ก่อนที่เธอจะขับเข้าไปจอดยังบริเวณข้างทาง เพื่อปรับอารมณ์และรวบรวมสติของตัวเองก่อน “นี่เราทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย!” ธารดารายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแย่กับการกระทำของตัวเอง ทำไมเมื่อครู่เธอถึงปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเตชินท์ได้ถึงขนาดนั้น เพราะถึงแม้ว่า...หลังจากนี้เธอกับเด็กหนุ่มจะไม่ได้อยู่ในสถานะของคำว่า‘ครู’ และ‘ลูกศิษย์’ กันอีกต่อไป แต่ทว่า...เธอกับเตชินท์ก็อายุที่ห่างกันเกือบหกปี แล้วไหนจะเรื่องสเปคที่ธารดาราต้องการคู่ชีวิตที่มีนิสัยเหมือนกับพ่อของเธอ นั้นก็คือจะต้องดูเป็นผู้ใหญ่และใจเย็น และที่สำคัญในสายตาของธารดาราเตชินท์ก็อยู่ในสถานะของคำว่า‘น้องชาย’ แต่ถ้าเธอมองอีกฝ่ายเป็นเพียงแค่น้องชาย ทำไมเธอถึงกล้า...  
ธารดาราเมื่อขับรถกลับมาถึงบ้าน เธอก็พยายามทำทุกอย่างให้มันไม่ต่างไปทุกวันที่ผ่านมา พอเห็นว่าสายธารกับธันวาทานข้าวเย็นกันจนอิ่มแล้ว เธอจึงเริ่มเกริ่นขึ้นมาว่า...เมื่อคืนวิวรดาได้โทรเข้ามาปรึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของนักเรียนกลุ่มใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเรียนในช่วงต้นเดือน โดยนักเรียนกลุ่มนี้มีปัญหาเรื่องการปิดกั้นตัวเองจากครูผู้สอน ซึ่งเหตุผลก็คือนักเรียนกลุ่มนี้เริ่มชินกับการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ในวันพรุ่งนี้ธารดารากับกลุ่มเพื่อนจึงนัดกันเข้าไปพูดคุยเพื่อหาทางออก ก่อนที่พวกเธอจะเรียกครูทั้งหมดในสถาบันสอนภาษาเข้ามาประชุม เพื่อปรับแผนการเรียนการสอนใหม่อีกครั้ง ดังนั้นหลังจากนี้เรื่องการสอนพิเศษให้กับเตชินท์ที่บ้าน ธารดาราคงต้องส่งครูในสถาบันสอนภาษายิ้มรับเข้าไปสอนแทนเธอก่อน หลังจากรับฟังปัญหาเรื่องงานของธารดาราจบ ธันวากับสายธารก็ช่วยกันคิดหาทางออกเรื่องงานให้กับบุตรสาว ซึ่งคนทั้งคู่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเรื่องที่ธารดาราจะส่งคนอื่นไปสอนพิเศษให
“เตคะ พรุ่งนี้เตต้องเข้าไปที่โรงงานกี่โมงหรือคะ?” ธารดาราเอ่ยถามเตชินท์ แต่มือทั้งสองข้างกับดวงตาก็ไล่ตรวจดูของใช้ในตะกร้า และกระเป๋าเสื้อผ้าให้กับบุตรทั้งสอง “ไม่เข้าครับ เพราะผมสั่งให้ไอ้นัฐเข้าไปตรวจดูการติดตั้งแทนผมแล้ว” “อย่างนั้นวันพรุ่งนี้...” พูดยังไม่ทันจบ เสียงของบุตรชายก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน “คุณแม่ครับ น้าซูซี่โทรมาครับ” “ขอบคุณครับลูก” จากนั้นธารดาราก็เดินไปคุยโทรศัพท์กับเพื่อนสาว แต่ผ่านไปไม่ถึงสองนาที เธอก็เดินกลับมาหาเตชินท์ แล้วก็คงจะด้วยเพราะระยะเวลาในการพูดคุยที่ไม่ปกติ รวมกับความไม่พอใจเล็กน้อยที่เธอน่าจะเผลอแสดงออกทางสีหน้า เตชินท์จึงเอ่ยถามออกมาว่า “มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือปล่าครับ?”
ธารดารานั่งมองความวุ่นวายในห้องรับแขก เนื่องจากตอนนี้พี่ธีร์หรือเด็กชายธีร์ธาดางามรุ่งวัยห้าขวบกำลังรับบทลงโทษจากผู้เป็นพ่อด้วยการไปนั่งเข้ามุมเป็นเวลาสามนาที หลังจากที่เจ้าตัวกระชากหุ่นยนต์ตัวโปรดออกมาจากมือของน้องฟ้าหรือเด็กหญิงเนตรนภา งามรุ่งวัยสามขวบครึ่ง เป็นเหตุให้น้องฟ้าล้มก้นกระแทกพื้นร้องไห้จ้า ซึ่งเหตุผลที่พี่ธีร์กระชากหุ่นยนต์ออกมาจากมือน้องฟ้าก็เพราะว่า น้องฟ้าจับหุ่นยนต์ตัวโปรดของพี่ธีร์ฟาดลงกับพื้นไปแล้วสองครั้ง ธารดาราก้มมองบุตรสาวตัวน้อยบนตัก เมื่อครู่เจ้าตัวเพิ่งจะร้องไห้ฟ้องพ่อว่าโดนพี่ชายแกล้ง แต่เวลานี้กลับนั่งอมยิ้มกินขนมอยู่บนตักของเธอเสียแล้ว นี่ขนาดเธอกับเตชินท์มีบุตรด้วยกันเพียงแค่สองคนนะเนี่ย! แล้วถ้าหากในวันนั้นชายหนุ่มไม่ยอมเปลี่ยนความคิดของตัวเอง แล้วยังคงยืนยันที่จะมีลูกด้วยกันให้ได้หกคนตามความคิดของเธอ
เตชินท์เดินออกมาจากห้องน้ำ เขาก็ไม่เห็นธารดารานั่งรออยู่บนเตียง หรือที่โต๊ะเครื่องแป้งเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา แล้วเมื่อเขาหันไปมองแถวโถงทางเดิน เขาก็เห็นหญิงสาวกำลังนั่งดื่มเบียร์อยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์น้ำ ‘ผึ้งดื่มเบียร์!’ ตั้งแต่รู้จักกันมาธารดาราไม่ใช่คนดื่ม หากไม่ใช่ในงานเลี้ยงหรืองานสังสรรค์ หญิงสาวไม่เคยหยิบเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์ขึ้นมาดื่มให้เห็นเลยสักครั้ง ‘แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?’ เตชินท์เดินเข้าไปหาธารดาราพร้อมกับเอ่ยเรียก และเอื้อมมือไปเขย่าที่ต้นแขนของหญิงสาวเบา ๆ “ผึ้งครับ” “เตอาบน้ำเสร็จแล้วหรือคะ?” “ครับ เออ...ผึ้งเป็นหรือเปล่าครับ? หรือว่ามี...” ถามยังไม่ทันจบ ธารดาราก็ลากเตชินท์
“เตคะ ตื่น! วันนี้เรามีแพลนที่ต้องไปทำกันหลายอย่างเลยนะคะ” ธารดาราเขย่าแขนคนที่โอบกอดร่างกายของเธอเอาไว้ จนเธอไม่สามารถขยับตัวออกมาได้ “ตอนนี้กี่โมงแล้วหรือครับ?” “สิบโมงค่ะ” “เมื่อรู้สึกตัว...ก็รีบปล่อยผึ้งได้แล้วค่ะ ผึ้งจะได้ลุกไปอาบน้ำ” “แต่ผมยังไม่อยากลุกเลยนี่ครับ” ธารดารามองสามีของตัวเองอย่างระอา เวลานี้อ้อมแขนของอีกฝ่ายก็ยังคงกอดรัดร่างกายเธอเอาไว้จนแน่น แถมเตชินท์ก็ยังขยับใบหน้าเข้ามาซุกไซร้ที่ซอกคอของเธออีก ธารดาราจึงกล่าวเสียงเข้มขึ้นว่า “เตคะ เราคุยกันไว้แล้วไม่ใช่หรือคะ? และวันนี้...มันก็วันที่ห้าแล้วนะคะ ที่ผึ้งยังไม่ได้ก้าวขาออกจากบ้านพักไปไหนเลย” “ขอโทษครับ” 
แล้วเมื่อเตชินท์ได้รับอนุญาต เขาก็กระตุกปมสายผูกเอวของหญิงสาวใต้ร่างพร้อมกับแหวกชุดคลุมออกทันที “อ่ะ! เตคะ!” ธารดาราตกใจจนเผลอยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดหน้าอกพร้อมกับหนีบขาของตนเองเอาไว้ “ผึ้งสวยขนาดนี้ อย่าปิดเลยนะครับ” พูดจบ เตชินท์ก็ยกมือทั้งสองข้างของธารดาราขึ้นมาจูบ ก่อนจะจับกางออก จากนั้นเขาก็ก้มลงจูบที่ริมฝีปาก ก่อนจะผละออกมาไล่เลียพร้อมกับขบเม้มไปตามร่างกายขาวผ่องของอีกฝ่าย ซึ่งในขณะเดียวกันฝ่ามือใหญ่ทั้งสองข้างของเตชินท์ก็ขยับกลับเข้ามาบีบขยำหน้าอกพอดีตัวของธารดารา แล้วเพียงไม่นานริมฝีปากหนาก็ก้มลงไปครอบครองยอดอกของหญิงสาวใต้ร่างทันที “อื้อ...เตคะ เต...” ธารดาราสั่นสะท้านเมื่อต้องรับสัมผัสจากฝ่ามือหนาที่เข้ามาบดคลึงอยู่ที่ทรวงอกของเธอ ไปพร้อมกับปลายลิ้นร้ายและริมฝีปากของคนบนร่างที่ทั้งไล่เลีย ขบกัด ดูดดึงยอดอกทั้งสองข้างของเธอสลับกันไปมา ซึ่งบางทีก็คล้ายกับว่าจะ
หลังจากวันที่ธารดารารับปากเรื่องแต่งงานกับเตชินท์ พ่อกับแม่ของเธอและแม่ของเตชินท์ก็นัดกันไปดูฤกษ์แต่งงานให้กับพวกเธอทันที ซึ่งวันมงคลสมรสที่ผู้ใหญ่ทั้งสองครอบครัวหามาได้มีทั้งหมดสามวัน โดยเตชินท์กับธารดาราตกลงใจเลือกวันมงคลที่อยู่ในช่วงเดือนสิบสองของปีนี้ แล้วหลังจากนั้นความวุ่นวายจากการจัดเตรียมงานแต่งก็เริ่มต้นขึ้นทันที แต่ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยหรืออาจจะมีบางเรื่องที่มันดูติดขัดไปบ้าง แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ตลอดจนถึงวันแต่งงาน... วันงานมงคลสมรส... ในช่วงเช้าเริ่มต้นด้วยฝ่ายเจ้าบ่าวอย่างเตชินท์เดินทางมาจัดเตรียมขบวนขันหมาก ก่อนจะเคลื่อนขบวนตั้งแต่ปากซอยทางเข้าหมู่บ้าน ซึ่งพอมาถึงประตูบ้านเจ้าสาว...ขบวนเจ้าบ่าวก็ต้องหยุดชะงัก เพราะเจอเข้ากับเพื่อนเจ้าสาวของธารดารา รวมไปถึงบรรดาคุณครูในสถาบันสอนภาษายิ้มรับที่มาช่วยกันกั้นประตูเงินประตูทอง แต่ขบวนเจ้าบ
ธารดาราเดินเข้าไปไม่ถึงสิบก้าวเธอก็เห็นสติ๊กเกอร์เรืองแสงเป็นรูปลูกศรสีเขียวติดอยู่ที่พุ่มไม้เตี้ยข้างถนน โดยปลายลูกศรชี้ไปยังกระดาษที่ถูกพับเป็นรูปสีเหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งมันวางอยู่ไม่ห่างจากปลายลูกศรมากนัก ธารดาราจึงเดินเข้าไปดู...บนกระดาษแผ่นนั้นมีข้อความที่เขียนด้วยปากกาเรืองแสงสีส้ม (ยิ้มก่อนเปิดอ่าน)ซึ่งลายมือแบบนี้ธารดาราจำได้ทันทีว่า มันคือลายมือของเตชินท์ แล้วพอเธอเปิดเข้าไปอ่านด้านใน ก็มีข้อความเขียนด้วยปากกาเรืองแสงสีชมพูว่า... (ตามอ่านจดหมายมาเรื่อย ๆ นะครับ อย่าเพิ่งถอดใจไปก่อนนะ ผมรอคุณแฟนอยู่) “เล่นอะไรเนี่ยเต ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!” จากความรู้สึกเป็นห่วงเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกโมโห แต่ก็ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา ธารดาราจึงได้แต่เดินมองหาลูกศรอันต่อไป ซึ่งมันก็ติดอยู่กับพุ่มไม้ที่อยู
ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด... เสียงเตือนดังขึ้นมาจากโทรศัพท์มือถือ แต่มาดังในช่วงเย็นแบบนี้...ธารดาราหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาเปิดดู ‘ใช่จริงด้วย เสียงแจ้งเตือนความจำในวันสำคัญ’ แล้วเมื่อธารดาราเปิดเข้าไปดูเรื่องที่บันทึกให้แจ้งเตือน ‘ครบสามปีแล้วหรือนี่?’ ในวันที่ธารดารากับเตชินท์ตกลงคบหากันเป็นแฟน วันนั้นชายหนุ่มได้ตั้งแจ้งเตือนเอาไว้ทั้งในโทรศัพท์มือถือของตัวเองและของเธอ แล้วในวันนั้นเตชินท์ก็ได้ขอเปลี่ยนคำเรียกขาน โดยอีกฝ่ายขอให้ธารดาราเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อ และเจ้าตัวก็ขอเรียกเธอแบบนั้นด้วยเช่นกัน ซึ่งเมื่อทั้งครอบครัวของเธอ และครอบครัวของเตชินท์รับรู้เรื่องการคบหากันแบบคนรักจากปากของพวกเธอ ทั้งสองครอบครัวก็ไม่ได้ขัดขวาง แล้วยังกล่าวคำอวยพรให้ค่อย ๆ รัก ค่อย ๆ เรียนร
ธารดาราเมื่อเดินทางมาถึงบ้านของเตชินท์ ป้าจีนก็ออกมาต้อนรับพร้อมกับพาเธอเดินขึ้นไปยังห้องนอนของเตชินท์ เนื่องจากตอนนี้ภัสสรก็อยู่บนห้องนั้นกับบุตรชาย หลังจากนั้นภัสสรก็นั่งพูดคุยอยู่กับพวกเธอครู่หนึ่ง ก่อนที่อีกฝ่ายจะเอ่ยขอตัวลงไปเคลียร์งานที่คั่งค้างของตัวเองต่อ การมาหาเตชินท์ในวันนี้ของธารดาราความตั้งใจส่วนหนึ่งก็คือการมาเยี่ยม อีกส่วนก็คือเธอต้องการจะมาให้คำตอบกับเตชินท์ แต่เมื่อเธอได้กลับเข้ามาในบ้านหลังนี้ มันก็ทำให้ธารดารานึกได้ถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้ตัวเองก้าวขากลับเข้ามาในชีวิตของเด็กหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง “พี่ผึ้งเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” เตชินท์เอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าที่เริ่มเปลี่ยนไปของธารดารา “เต...เตจะต้องออกเดินทางวันไหนหรือคะ?” &