‘สดชื่นมากม๊ากก...เลยวันนี้!’ ธารดาราคิดในใจ ก่อนจะเดินตามจ๋าเข้าไปในตัวบ้านของเตชินท์ เพราะว่าเมื่อคืนหลังจากที่เธอตัดสินใจพยายามข่มตาหลับ แต่สุดท้าย...จนถึงหกโมงเช้า ธารดาราก็ยังไม่ได้หลับเลยแม้แต่วินาทีเดียว
“จ๋าคะ เช้านี้เครื่องดื่มในของว่าง น้ำหวานรบกวนขอเป็นกาแฟแบบเข็ม ๆ เลยนะคะ”
“ได้ค่ะ หรือว่าคุณน้ำหวานจะให้จ๋าชงขึ้นไปให้พร้อมกับของคุณเตตอนนี้เลยดีคะ?”
หลังจากได้ยินคำถามของจ๋า ธารดาราคงเผลอแสดงความสงสัยทางสีหน้า เพราะยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรออกมา อีกฝ่ายก็บอกสิ่งที่เธอกำลังจะถามออกมาแล้ว
“พอดีเมื่อครู่คุณเตก็เพิ่งลงมาบอกกับจ๋าให้ช่วยชงกาแฟแบบเข้ม ๆ ขึ้นไปให้เหมือนกันน่ะค่ะ”
“อย่างนั้นก็เอาขึ้นไปพร้อมกันตอนนี้เลยก็ได้ค่ะ ขอบคุ
ธารดาราพยายามรวบรวมสติแล้วนึกไปถึงสัมผัสที่เธอได้รับมาจากเตชินท์เมื่อวาน จากนั้นเธอก็ขยับริมฝีปากของตัวเองทาบทับลงไปที่ริมฝีปากของเด็กหนุ่มตรงหน้า แล้วหลับตาของเธอลง... หลังจากนั้นธารดาราก็ค่อย ๆ ขบเม้มริมฝีปากของเตชินท์สลับทั้งบนและล่างเบา ๆ ก่อนที่เธอจะส่งลิ้นเล็กออกไปไล่เลียริมฝีปากล่างของเด็กหนุ่ม แล้วในขณะที่เธอยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว เตชินท์ก็ดูดลิ้นของเธอเข้าไปในปากของเจ้าตัวแล้ว โดยหลังจากนั้นเด็กหนุ่มก็ขึ้นมาเป็นผู้คุมเกมส์การสอนจูบในครั้งนี้ทันที จนเวลาผ่านล่วงเลยไปได้สักพัก... “อือ...อื้อ!!” ธารดาราใช้มือของตัวเองทุบลงไปที่ไหล่ของเตชินท์ซ้ำ ๆ เนื่องจากตอนนี้เธอกำลังจะขาดอากาศหายใจ แล้วเมื่อเด็กหนุ่มผละริมฝีปากของเจ้าตัวออก เธอก็รีบโกยเอาอากาศเข้าปอดพร้อมกับจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกโมโห “เต พี่ว่า...”
ธารดาราเมื่อเดินมาถึงหน้าประตูห้องนอนของเตชินท์ เธอก็ยืนทำใจอยู่ตรงนั้นสักพัก เพราะถ้าหากว่าเธอก้าวเท้าเข้าไปภายในห้อง นั่นก็หมายถึงการเผชิญหน้ากับเรื่องที่เธอได้ทำผิดพลาดลงไปในเรื่องที่สอง เนื่องจากการใช้ชีวิตที่ผ่านมา ธารดารามักจะลำดับและแบ่งแยกทุกความสัมพันธ์ของผู้คนที่อยู่รายล้อมรอบกายเธออย่างชัดเจน แต่ก็อาจจะเป็นเพราะเตชินท์ที่เริ่มเข้ามาในชีวิตของเธอด้วยสถานะของคำว่า‘น้องชายข้างบ้าน’ แล้วต่อมาสถานะของอีกฝ่ายก็เปลี่ยนมาใช้คำว่า‘ลูกศิษย์’ และก็ด้วยเพราะสถานะนี้ รวมไปถึงการกระทำล่าสุดของเธอกับเตชินท์ มันได้ส่งผลกระทบไปถึงกฎระเบียบข้อบังคับในสถาบันสอนภาษายิ้มรับที่ว่า... ‘คนเป็นครูห้ามคิดเกินเลยกับลูกศิษย์ของตัวเอง และก็ห้ามมีความสัมพันธ์ในรูปแบบอื่นนอกจากคำว่า‘ครู’ กับคำว่า‘ลูกศิษย์’ ซึ่งถ้าหากฝ่าฝืนแล้วถูกจับได้ โทษสถานเดียวที่จะได้รับก็คือ...การถูกไล่ออก’
ธารดาราดึงมือของตัวเองกลับมา ก่อนที่เธอจะหันหน้ากลับไปมองเด็กหนุ่มเจ้าของห้องด้วยความรู้สึกตกใจ “พี่ผึ้ง...พี่คิดว่าผมจะกล้าไปจูบกับคนที่เพิ่งเจอและเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่ถึงสองเดือนจริง ๆ หรือครับ? ทั้ง ๆ ที่ผมก็เคยบอกกับพี่เอาไว้แล้วว่า จูบแรกของผม...ผมจะเก็บมันเอาไว้ให้กับผู้หญิงที่ผมรักเท่านั้น!” “เต...คือพี่” ธารดาราที่ยังคงตกใจจึงไม่รู้ว่าเวลานี้ตนเองควรจะพูดอะไรออกมาดี เธอจึงทำแค่เพียงยืนมองเตชินท์ที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน จากนั้นเจ้าตัวก็เดินเข้ามาหาเธอทีละก้าวอย่างช้า ๆ ด้วยสีหน้าและท่าทางที่คล้ายกับกำลังรู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก แล้วเพียงไม่นานเด็กหนุ่มก็เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ หลังจากนั้นเตชินท์ก็ใช้มือข้างขวาดึงธารดาราเข้าไปไว้ในอ้อมกอด ส่วนมือข้างซ้ายของเจ้าตัวก็เอื้อมไปกดล็อคที่ลูกบิดประตู ก่อนที่เด็กหนุ่มจะใช้แขนทั้งสองข้างโอบกอดร่างกายของเธอเอาไว้จ
ธารดาราเมื่อขับรถออกมาจากบ้านของเตชินท์ได้สักพัก เธอก็ค่อย ๆ ชะลอรถ ก่อนที่เธอจะขับเข้าไปจอดยังบริเวณข้างทาง เพื่อปรับอารมณ์และรวบรวมสติของตัวเองก่อน “นี่เราทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย!” ธารดารายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแย่กับการกระทำของตัวเอง ทำไมเมื่อครู่เธอถึงปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเตชินท์ได้ถึงขนาดนั้น เพราะถึงแม้ว่า...หลังจากนี้เธอกับเด็กหนุ่มจะไม่ได้อยู่ในสถานะของคำว่า‘ครู’ และ‘ลูกศิษย์’ กันอีกต่อไป แต่ทว่า...เธอกับเตชินท์ก็อายุที่ห่างกันเกือบหกปี แล้วไหนจะเรื่องสเปคที่ธารดาราต้องการคู่ชีวิตที่มีนิสัยเหมือนกับพ่อของเธอ นั้นก็คือจะต้องดูเป็นผู้ใหญ่และใจเย็น และที่สำคัญในสายตาของธารดาราเตชินท์ก็อยู่ในสถานะของคำว่า‘น้องชาย’ แต่ถ้าเธอมองอีกฝ่ายเป็นเพียงแค่น้องชาย ทำไมเธอถึงกล้า...  
ธารดาราเมื่อขับรถกลับมาถึงบ้าน เธอก็พยายามทำทุกอย่างให้มันไม่ต่างไปทุกวันที่ผ่านมา พอเห็นว่าสายธารกับธันวาทานข้าวเย็นกันจนอิ่มแล้ว เธอจึงเริ่มเกริ่นขึ้นมาว่า...เมื่อคืนวิวรดาได้โทรเข้ามาปรึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของนักเรียนกลุ่มใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเรียนในช่วงต้นเดือน โดยนักเรียนกลุ่มนี้มีปัญหาเรื่องการปิดกั้นตัวเองจากครูผู้สอน ซึ่งเหตุผลก็คือนักเรียนกลุ่มนี้เริ่มชินกับการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ในวันพรุ่งนี้ธารดารากับกลุ่มเพื่อนจึงนัดกันเข้าไปพูดคุยเพื่อหาทางออก ก่อนที่พวกเธอจะเรียกครูทั้งหมดในสถาบันสอนภาษาเข้ามาประชุม เพื่อปรับแผนการเรียนการสอนใหม่อีกครั้ง ดังนั้นหลังจากนี้เรื่องการสอนพิเศษให้กับเตชินท์ที่บ้าน ธารดาราคงต้องส่งครูในสถาบันสอนภาษายิ้มรับเข้าไปสอนแทนเธอก่อน หลังจากรับฟังปัญหาเรื่องงานของธารดาราจบ ธันวากับสายธารก็ช่วยกันคิดหาทางออกเรื่องงานให้กับบุตรสาว ซึ่งคนทั้งคู่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเรื่องที่ธารดาราจะส่งคนอื่นไปสอนพิเศษให
“ไอ้เต ทำไมวันนี้มึงถึงชวนพวกกูออกมานั่งกินเหล้าตั้งแต่หัววันเลยวะ?” นัฐพลเอ่ยถามเตชินท์พร้อมกับเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาตัวยาวกลางห้อง ซึ่งก็มีอัศวินนั่งชงเหล้าอยู่อีกด้านหนึ่งของโซฟา แล้วในขณะที่รอคำตอบ...เขาก็ไล่มองบรรยากาศภายในห้อง ‘ตอนนี้ก็มากับครบแล้วนี่หว่า แต่ทำไมพวกมันถึงดูตึงเครียดกันจังวะ’ นัฐพลคิดในใจ ก่อนจะหันไปมองที่เพื่อนของเขาทีละคน โดยนัฐพลเลือกมองไปทางคิมหันต์ก่อน เพราะเจ้าตัวนั่งที่เก้าอี้เดี่ยวฝั่งเดียวกันกับเขา ซึ่งตอนนี้คิมหันต์กำลังนั่งไถหน้าจอโทรศัพท์มือถืออย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วพอนัฐพลหันกลับมามองที่อัศวิน ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังนั่งคุยโทรศัพท์กับแฟนของเจ้าตัวอยู่ ส่วนไอ้คนที่ส่งข้อความชวนพวกเขาออกมาเที่ยวที่นี่! ตอนนี้มันก็กำลังทำอย่างที่บอกกับพวกเขาเอาไว้แล้วจริง ๆ นั่นก็คือ (วันนี้กูอยากกินเหล้า ห้าโมงเย็นออกไปเจอกันที่ร้านคาราโอเกะร้านเดิม กูโทรจองห้องประจำของพวกเราเอาไว้แล้ว) หลังจากที่นั
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าด้วยเพราะฤทธิ์ของสุราที่ยังคงเหลืออยู่ในร่างกายหรือด้วยเพราะอะไร หลังจากนั้นเตชินท์ถึงได้กล้าเล่าเรื่องระหว่างเขากับธารดารา ตั้งแต่ในวัยเด็ก...มาจนถึงสถานการณ์ล่าสุดของพวกเขาให้อัศวินฟัง แล้วเมื่ออีกฝ่ายฟังจบ เจ้าตัวก็หันกลับมาถามว่า “แล้วมึง...จะมานั่งดักรอเจอพี่ผึ้งของมึงแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เลยหรือ?” “กูไม่ได้มาดักเจอ กูก็แค่มาแอบมอง แต่...ถ้าได้เข้าไปทักทายหรือพูดคุยกันบ้างก็คงดี” พูดจบ เตชินท์ก็ถอนหายใจออกมาอย่างแรงหนึ่งครั้ง คงเพราะสามปีกว่า ๆ ที่ผ่านมาเขาเอาแต่เฝ้ามองธารดาราอยู่ห่าง ๆ มาโดยตลอด แล้วการที่วันนี้เขาบังเอิญได้เข้าไปอยู่ในสายตา และได้สบตากับคนที่เขาแอบรัก มันจึงทำให้เขาเกือบเผลอเดินตามเธอไปเสียอย่างนั้น จนผ่านไปได้สักพักเตชินท์กับอัศวินก็กลับเข้าไปหาเพื่อน ๆ ที่รออยู่ในห้องร้องคาราโอเกะ จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
ในระหว่างที่เตชินท์ทำแบบทดสอบที่ได้รับมาจากธารดารา เขาก็คิดขึ้นได้ว่าตอนนี้ตัวเองต้องการเวลาและความใกล้ชิด เพื่อที่เขาจะได้กลับไปสนิทกับหญิงสาวให้ได้เหมือนเดิมก่อน เตชินท์จึงตัดสินใจทำแบบทดสอบให้มันผิดพลาดมากที่สุด เพื่อเรียกคะแนนสงสารจากธารดารา จนอีกฝ่ายยินยอมเพิ่มระยะเวลาในการเข้ามาสอน จากนั้นเขาจึงรีบเสนอให้ใช้ห้องนอนของตัวเองเป็นห้องเรียนแทนห้องรับแขก แล้วเมื่อธารดาราตอบตกลง หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา...เตชินท์จึงเริ่มทำตามแผนการที่เขาแอบคิดไว้ต่อทันที โดยในช่วงแรก ๆ เตชินท์ก็แอบเป็นกังวล เพราะธารดาราเลือกเดินกลับเข้ามาในชีวิตของเขาด้วยการเป็นคนอื่น ซึ่งมันอาจจะกระทบกับแผนที่เขาได้เตรียมการเอาไว้ แต่เมื่อเตชินท์ลองปรับเปลี่ยนแผน...แล้วเริ่มเดินเกมส์รุก หลังจากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเขากับธารดารา มันก็เริ่มกลับมาใกล้ชิด และเริ่มสนิทกันยิ่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้ด้วยซ้ำ คงด้วยเพราะในตอนแรกเตชิน
“น้ำผึ้งปวดแผลหรือลูก?” ธารดาราหลุดออกมาจากภวังค์ความคิดหลังจากได้ยินคำถามของผู้เป็นแม่ แล้วเมื่อเงยหน้ากลับขึ้นมาเธอก็ได้เห็นสายตาที่แสดงออกถึงความเป็นห่วงจากธันวาและสายธาร เธอจึงรีบตอบกลับไปว่า “ผึ้งไม่ได้ปวดแผลค่ะแม่ คือ...เมื่อครู่ผึ้งเผลอคิดอะไรนิดหน่อยเท่านั้นเองค่ะ ผึ้งขอโทษที่ทำให้พ่อกับแม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” “ไม่เป็นไรเลยลูก แต่ถ้าหนูรู้สึกไม่ดี ปวดแผลหรือรู้สึกเจ็บตรงไหนขึ้นมา น้ำผึ้งต้องรีบบอกพ่อกับแม่เลยนะลูก” “ได้ค่ะพ่อ” เพียงไม่นานพวกเธอก็มาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน แล้วที่หน้าประตูห้อง...เวลานี้ก็มีแค่ภัสสรที่นั่งเฝ้ารออยู่ที่หน้าห้องนั้นคนเดียว “ป้าหมิวคะ” “น้ำผึ้ง! ทำ
“น้ำผึ้ง น้ำผึ้ง นี่แม่เองนะลูก เงยหน้าขึ้นมามองแม่ก่อนเร็วลูก แม่อยู่ตรงนี้แล้ว...น้ำผึ้ง คุณคะ...ลูกของเรา ฮึก! ฮือออ...” “น้ำผึ้งลูก น้ำผึ้ง! น้ำผึ้งเงยหน้าขึ้นมามองพ่อแล้วปล่อยตัวเตชินท์ก่อนลูก” หลังจากได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นหูและรับรู้ได้ถึงแรงเขย่าเบา ๆ ซึ่งมันไม่ใช่แรงดึง แรงตบหรือแรงกระชากเหมือนกับที่ผ่านมาเมื่อครู่ ธารดาราจึงเงยหน้ากลับขึ้นมามอง... “พ่อ แม่ พ่อคะ แม่คะช่วยเตด้วยค่ะ ช่วยเตชินท์ด้วยค่ะพ่อ ฮึก...ฮือออ” “ได้ลูก...ได้เดี๋ยวพ่อช่วยเตให้เอง แต่ตอนนี้น้ำผึ้งต้องใจเย็น ๆ แล้วปล่อยตัวเตชินท์ออกมาก่อน เวลานี้รถพยาบาลมาถึงแล้วลูก” ธารดารายอมปล่อยตัวเตชินท์ออกมาจากอ้อมแขน จากนั้นบุรุษพยาบาลก็รีบเข้ามาดูแลบาดแผลตามร่างกายของเธอกับเตชินท์ โดยมีธันวากับสายธารคอย
ซึ่งหลังจากที่ธารดาราตะโกน ผู้ชายที่น่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มโจรก็วิ่งเข้ามาแล้วหมายจะใช้มือปิดปากของเธอ ธารดาราจึงรีบก้มตัวหลบพร้อมกับสะบัดแขน จนเธอเป็นอิสระจากมือของผู้ชายร่างใหญ่ จากนั้นธารดาราก็หันมาเตะตัดขา แล้วต่อยเข้าไปที่ใบหน้าของผู้ชายที่น่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มโจร แต่ด้วยความที่เรี่ยวแรงของเธอมีน้อยกว่าอีกฝ่ายมาก รวมไปถึงความชำนาญในเรื่องของการชกต่อยข้างถนนที่ผู้ชายคนนั้นมีอยู่ ทำให้ในจังหวะที่ธารดาราออกหมัด...ผู้ชายคนนั้นก็ได้ยกมือข้างซ้ายขึ้นมารับหมัดของเธอเอาไว้ จากนั้นอีกฝ่ายก็ใช้มือข้างขวาพุ่งเข้ามาบีบที่ต้นคอของธารดาราพร้อมกับออกแรงผลัก จนทั้งศีรษะและตัวของเธอกระแทกลงไปฟาดกับพื้นอย่างแรง หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็พลิกกลับขึ้นมานั่งคร่อมอยู่บนตัวของธารดาราทันที “ถุย! ฤทธิ์เยอะนักนะมึง” อั๊ก!
ธารดารารีบเด้งตัวออกมา แล้ววิ่งลงไปที่ไหล่ถนนห่างจากจุดที่เธอจอดรถพอสมควร จากนั้นเธอก็หันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้ชายที่เธอก้าวถอยหลังไปชนเมื่อครู่ แต่ในระหว่างนั้นสายตาของธารดาราก็เหลือบไปเห็นผู้ชายร่างเล็กคนหนึ่งกำลังพยายามปลดล็อคประตูรถยนต์ของเธออยู่... “เฮ้ย! นั่นแก...” ธารดาราที่กำลังจะตะโกนต่อ ต้องหยุดชะงักทันที เพราะเธอสัมผัสได้ถึงความเย็นจากเหล็กแหลมที่จี้เข้ามาตรงบริเวณช่วงเอวข้างขวาของเธอ จากนั้นธารดาราก็ได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมาที่ข้างหูซ้ายว่า “หากยังไม่อยากตายอยู่ตรงนี้ น้องสาวคนสวยก็รีบหุบปากของตัวเองลงไปซะ” ธารดารารีบหุบปากของตัวเองลงทันที หลังจากนั้นเธอก็พยายามมองรอบกาย เวลานี้ไม่มีใครอยู่ใกล้ตัวเธอเลยสักคนนอกจากโจรสามคนนี้ แล้วก็คงจะด้วยเพราะตอนนี้มันได้เลยเวลาเที่ยงคืนมามากแล้ว คน รถยนต์ หรือแม้แต่รถจักรยานยนต์ที่มักจะขับผ่านเข้ามายังเส้นทางนี้จ
“ครับ พี่ส่งข้อความมาบอกว่า ‘พี่ขอเวลา’ แต่เวลาที่พี่ขอมันกี่วัน กี่เดือน หรือกี่ปีกันล่ะครับ ก็พี่ไม่ยอมบอกว่า...พี่จะขอเวลาจากผมนานเท่าไหร่? ผมก็เลยไม่รู้ว่าตนเองจะต้องรอพี่อีกนานแค่ไหน?” เตชินท์พยายามสงบใจของตัวเองลง ก่อนจะพูดต่อ “พี่ผึ้งครับ ผมรู้ว่าที่ผ่านมา...ผมทำผิดต่อพี่ ผมขอโทษพี่จริง ๆ นะครับ แต่พี่...พี่อย่าเฉยชากับผมแบบนี้ได้ไหมครับ? แล้วพี่ก็อย่าหายไปจากชีวิตของผมแบบนี้อีกเลย! ผมโทรเข้าไปหาพี่กี่ครั้ง พี่ก็ไม่เคยรับ ผมส่งข้อความไปหาพี่หลังจากวันนั้น พี่ก็ไม่เคยเข้าไปเปิดอ่านข้อความของผมอีกเลย ผมพยายามใช้ช่องทางอื่นติดต่อเข้าไปหาพี่ แต่พี่ก็ไม่เคยสนใจ ถึงผมจะรอวันที่พี่ให้อภัยและให้คำตอบกับผมได้ แต่ผมก็...” “อย่างนั้นก็ไม่ต้องรอ” “พี่ผึ้ง!”&
ธารดารารู้ว่าตอนนี้เพื่อนสนิททั้งสามคนกำลังรู้สึกเป็นห่วงเธอ ซึ่งที่ผ่านมาไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัวพวกเธอไม่เคยมีเรื่องอะไรปิดบังกัน แล้วก็ด้วยเพราะเวลานี้พวกเธออยู่ในห้องทำงานของผู้บริหาร ซึ่งก็มีเพียงแค่พวกเธอสี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าออกห้องนี้ได้ ธารดาราจึงตัดสินใจเล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นระหว่างเธอกับเตชินท์ให้คนทั้งสามฟัง... แล้วหลังจากที่ธารดาราเล่าจบ ซูซี่ก็ออกความเห็นขึ้นมาทันทีว่า “โอ้ย! แก...เด็กแกน่ารักอ่ะ ออกแนวใส ๆ ผึ้งแกมีรูปของน้องเตชินท์แบบที่อัปเดตแล้วให้ดูไหม?” เนื่องจากพวกซูซี่เคยเห็นแต่รูปในวัยเด็กของเตชินท์ที่ถ่ายคู่กับธารดาราเท่านั้น “มี” ธารดาราเปิดรูปโปรไฟล์ของเตชินท์ในโปรแกรมส่งข้อความ ก่อนจะยื่นโทรศัพท์มือถือไปทางซูซี่ “แต่ฉันว่าเด็กคนนี้ออกแนวเจ้าเล่ห์มากกว่าใสซื่อนะ” วิวรดาพูดพร้อมกับยื่น
“แล้วกูจะรู้ไหมเนี่ยว่าบ้านพี่ผึ้งของมึงอยู่ที่ไหน?” อัศวินก้มมองเตชินท์ ตั้งแต่ทำความรู้จักจนคบหาเป็นเพื่อนสนิทกับมันมา เขาก็เพิ่งเคยเห็นมันอยู่ในสภาพนี้เป็นครั้งแรก “ไม่รู้ก็ปล่อยกูไว้ที่นี่ กูจะกินเหล้าต่อ...พวกมึงจะไปที่ไหนก็ไป!” “ไอ้เต กูถามจริง ๆ ทำไมมึงถึงรักคนที่... เออ...กูขอพูดตรง ๆ นะ พี่ผึ้งของมึงเขาก็ยังไม่ได้รักมึงตอบเลยด้วยซ้ำ แล้วไม่แน่ว่า...ที่ผ่านมาเขาก็อาจจะมองมึงเป็นเพียงแค่อดีตน้องชายข้างบ้านเท่านั้นเอง” “กูก็ไม่รู้ แต่ที่กูรู้ก็คือ...ตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมาไม่มีวันไหนเลยที่กูไม่คิดถึงพี่ผึ้ง และไม่ว่าจะสุขหรือจะทุกข์ คนที่กูมักจะคิดถึงเป็นคนแรกก็คือพี่ผึ้ง แล้วที่สำคัญพี่ผึ้งคือแรงบันดาลใจของกู เพราะมีพี่ผึ้งอยู่...กูถึงได้พยายามทำตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิมในทุก ๆ วัน” “แล้วจากนี้มึงจะทำยังไงต่อ?”
ในระหว่างที่เตชินท์ทำแบบทดสอบที่ได้รับมาจากธารดารา เขาก็คิดขึ้นได้ว่าตอนนี้ตัวเองต้องการเวลาและความใกล้ชิด เพื่อที่เขาจะได้กลับไปสนิทกับหญิงสาวให้ได้เหมือนเดิมก่อน เตชินท์จึงตัดสินใจทำแบบทดสอบให้มันผิดพลาดมากที่สุด เพื่อเรียกคะแนนสงสารจากธารดารา จนอีกฝ่ายยินยอมเพิ่มระยะเวลาในการเข้ามาสอน จากนั้นเขาจึงรีบเสนอให้ใช้ห้องนอนของตัวเองเป็นห้องเรียนแทนห้องรับแขก แล้วเมื่อธารดาราตอบตกลง หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา...เตชินท์จึงเริ่มทำตามแผนการที่เขาแอบคิดไว้ต่อทันที โดยในช่วงแรก ๆ เตชินท์ก็แอบเป็นกังวล เพราะธารดาราเลือกเดินกลับเข้ามาในชีวิตของเขาด้วยการเป็นคนอื่น ซึ่งมันอาจจะกระทบกับแผนที่เขาได้เตรียมการเอาไว้ แต่เมื่อเตชินท์ลองปรับเปลี่ยนแผน...แล้วเริ่มเดินเกมส์รุก หลังจากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเขากับธารดารา มันก็เริ่มกลับมาใกล้ชิด และเริ่มสนิทกันยิ่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้ด้วยซ้ำ คงด้วยเพราะในตอนแรกเตชิน
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าด้วยเพราะฤทธิ์ของสุราที่ยังคงเหลืออยู่ในร่างกายหรือด้วยเพราะอะไร หลังจากนั้นเตชินท์ถึงได้กล้าเล่าเรื่องระหว่างเขากับธารดารา ตั้งแต่ในวัยเด็ก...มาจนถึงสถานการณ์ล่าสุดของพวกเขาให้อัศวินฟัง แล้วเมื่ออีกฝ่ายฟังจบ เจ้าตัวก็หันกลับมาถามว่า “แล้วมึง...จะมานั่งดักรอเจอพี่ผึ้งของมึงแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เลยหรือ?” “กูไม่ได้มาดักเจอ กูก็แค่มาแอบมอง แต่...ถ้าได้เข้าไปทักทายหรือพูดคุยกันบ้างก็คงดี” พูดจบ เตชินท์ก็ถอนหายใจออกมาอย่างแรงหนึ่งครั้ง คงเพราะสามปีกว่า ๆ ที่ผ่านมาเขาเอาแต่เฝ้ามองธารดาราอยู่ห่าง ๆ มาโดยตลอด แล้วการที่วันนี้เขาบังเอิญได้เข้าไปอยู่ในสายตา และได้สบตากับคนที่เขาแอบรัก มันจึงทำให้เขาเกือบเผลอเดินตามเธอไปเสียอย่างนั้น จนผ่านไปได้สักพักเตชินท์กับอัศวินก็กลับเข้าไปหาเพื่อน ๆ ที่รออยู่ในห้องร้องคาราโอเกะ จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันกลับบ้าน