“ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรต้องห่วง องค์ชายวางใจเถิดหว่านหนิงรออยู่นี่ไม่นานองค์ชายก็จะกลับมา” น้ำเสียงอ่อนโยนไม่แสดงอารมณ์ที่สะกดกลั้นไว้ออกมา ใจหาย ..ใจหายเหลือเกิน“เจ้ากลับไปอยู่กับ ท่านแม่ของเจ้าที่ตระกูลจงข้าจึงจะเบาใจ”“องค์ชายเห็นดีเช่นนั้นหว่านหนิงย่อมไม่อาจขัด แต่องค์ชายไปรบแรมปีเห็นทีที่นี่จะขาดคนดูแล รกเรื้อจนน่าใจหาย”กอดหว่านหนิงไว้แน่น“ที่ไหนที่ไม่มีเจ้าที่นั่นก็น่าใจหายไปเสียทั้งหมด ข้าขอให้เจ้ารอ ข้าจะเร่งทำการรบให้เสร็จสิ้นโดยเร็วรอข้า ชายาข้าข้าจะรีบกลับมาโดยเร็ว เราจะกลับมาที่ตำหนักร้อยดาวพร้อมกัน ”หว่านหนิงกอดตอบ..ตำหนักฮองเฮา..“ลี่หยางรั้งตำแหน่งหวังอ๋องส่วนเจ้าสิบสอง เป็นต้าหวัง สิบสี่เจ้าไม่มั่นเอาใจเสด็จพ่อเที่ยวเล่นไปวันๆ เห็นหรือยังลี่หยางอาศัยความใกล้ชิด แซงหน้าเจ้าไปจนได้ทั้งๆ ที่ไม่เคยอยู่ในสายตาเสด็จพ่อแต่เดิมครั้งนี้กลับรั้งตำแหน่งหวังอ๋อง หากวันไหนเปลี่ยนใจ หมดความอดทนกับไท่จือที่ไม่ได้เรื่องคนนั้นเห็นที่ตำแหน่งไท่จือคงจะตกเป็นของลี่หยางอย่างเสียไม่ได้”“เสด็จแม่ ลี่หยางไปรบแรมปี การรบพุ่งใช่จะกำหนดได้หรือไรว่าจะไปจะมาตอนไหน ระหว่างนี้เรื่องกำจัดไท่จือลูกรั
“องค์ชายอย่าถือว่าเป็นบุญคุณ ข้ารักเคารพพี่สาวจินเฟย เกินกว่าจะละเลยท่าน”ลี่หยาง รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้โดดเดี่ยวอย่างที่คิดมาตลอด ตลอดเวลาที่เขาใช้ชีวิตเพียงลำพังในตำหนักร้อยดาว หว่านหวงลู่แวะเวียนไปเยื่ยมเยือนมิได้ขาด เขากลับคิดว่าเป็นเพียงฝันไป และระหว่างนั้นที่เขาคิดว่าไม่เหลือใคร หว่านหวงลู่กลับทุ่มเทเวลาที่มีอยู่สั่งสอนหว่านหนิงเพื่อให้มาเป็นชายาที่สมบูรณ์แบบของเขา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหว่านหนิงถึงไม่เคยปริปากเรื่องที่จะตอกย้ำความโดดเดี่ยวและความทุกข์เข็ญของเขาเลย นางกลับพยายามที่จะทำให้เขาเห็นว่ามีนางเคียงข้าง และช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ อีกทั้งยังช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและฝ่าบาทดีขึ้นทำให้องค์ชายที่ไร้ตัวตน กลับกลายมาเป็นหวังอ๋อง“ลี่หยาง มีตาหามีแววน่าจะรู้เสียตั้งนานว่าท่านน้าไม่เคยทอดทิ้ง”หว่านหวงลู่ ปาดน้ำตา“ที่ผ่านมา เรื่องภายในข้าไม่อาจข้องแวะ หากเรื่องนั้นไม่ทำให้องค์ชายถึงแก่ชีวิต ข้ารอเวลาที่หว่านหนิงจะเติบโต พร้อมที่จะดูแลองค์ชายตามคำสัญญา”“ท่านน้าบุญคุณครั้งนี้ลี่หยางซาบซึ้งใจยิ่งนัก ท่านน้าบอกข้ามาจะให้ข้าตอบแทนเช่นไร”“ตอบแทนข้า มีเพียงสิ่งเดียว ท่านต้องรักและดีกับ
"เพื่อปกป้องจึงต้องแสร้งไม่รัก ในวังหลวงแห่งนี้ความรัก มักจะเป็นเสมือนคมดาบที่บาดลึกลงไปบนผิวเนื้อเพียงแค่พลิกสะบัดมือ ส่งมือดีตามประกบเจ้าห้าอีกแรง และส่งคนของท่านคอยสังเกตการณ์เคลื่อนไหวของฮองเฮาและ ตำหนักบูรพา"ฝานกงกงประสานมือคารวะการเดินทางผ่านไปด้วยความยากลำบาก"พี่ห้าท่านคงคิดถึงชายาไม่น้อย พระชายาเองก็คงคิดถึงท่านเช่นกันบอกแล้วว่าอย่าแต่งชายาดูข้ารึแสนสบาย ไม่รักผูกพันธ์ผู้ใดไปแห่งใดก็ไม่ต้องคิดถึง"ลี่หยางยังนิ่งไม่ต่อคำ"เพราะพี่ห้าเป็นเสียแบบนี้ ไม่พูดไม่แสดงอารมณ์ ถามจริงเคยเอ่ยคำหวานกับชายาบ้างหรือไม่""ข้าไม่จำเป็นต้องตอบ"ถอนหายใจ"พี่ห้าคนเราต้องมีกลยุทธ์ในการโอ้โลม ข้าไม่อยากนึกภาพพี่ห้าตอนจะให้นางอุ่นเตียงให้คงจะแข็งทื่อเป็นท่อนไม้แน่ๆ ระหว่างนี้ข้าอาสาสอนกลยุทธ์การเผด็จศึก แบบถึงพริกถึงขิงให้"ลี่หยางเลิกคิ้วสูง สีหน้าท่าทางที่แสดงความสนใจไม่น้อย เมื่อคิดถึงเรื่องอุ่นเตียงระหว่างเขากับหว่านหนิงก็ทำให้เผลออมยิ้มออกมาป่านนี้หว่านหนิงคงจะนอนหลับแล้วหรือไม่ก็คงกำลังเย็บถุงหอมใบใหม่ให้เขา แล้วใครจะนอนกอดหว่านหนิงแล้วนางจะนอนหนุนแขนของใครกันในเมื่อเขาไม่อยู่ร่วมเตียงในค่ำคืน
"องค์ชายห้าลี่หยาง และองค์ชายสิบสองลี่เจินถวายพระพรฝ่าบาท"ฮ่องเต้แคว้นเหว่ย จ้องใบหน้าหล่อเหลาและแววตามุ่งมั่นของลี่หยางด้วยความพึงพอใจ พลางคิดในใจคนผู้นี้นะหรือจะมาพร้อมกับดวงพิฆาตผู้อื่น ในเมื่อใบหน้าราวเทพสรรค์ลักษณะเปิดเผยอ่อนโยนและไม่มีท่าทีโอ้อวด หนำซ้ำกิริยาเหมือนกับถูกฝึกมาอย่างดี"ลุกขึ้นเถิดองค์ชายทั้งสองข้าได้ฟังเรื่องราวขององค์ชายห้าจากปากของอันฝูมาไม่น้อย เมื่อพบจึงได้รู้ว่าอันฝูกล่าวไม่ผิดแม้แต่น้อย"อันฝูยิ้ม"ขอบพระทัยฝ่าบาทในการนี้ลี่เจินก็นับว่ามากความสามารถไม่น้อยฮ่องเต้จึงวางใจให้คุมทัพร่วมกันกับข้า"ฮ่องเต้แคว้นเหว่ยขมวดคิ่วเหตุใดต้องเรียก ฮ่องเต้แคว้นจ้าวที่เป็นบิดาว่าฮ่องเต้น่าจะเรียกว่าเสด็จพ่อเสียมากกว่า"ข้าคงต้องหาโอกาสตอบแทน คงต้องคิดหาทางว่าสิ่งใดเหมาะที่จะตอบแทนบุญคุณฮ่องเต้แคว้นจ้าวกับองค์ชายทั้งสอง""ฝ่าบาทไม่ต้องทรงกังวลไป ในครั้งนี้แคว้นจ้าวกับแคว้นเหว่ยได้ประโยชน์ร่วมกันไม่ถือว่าเป็นบุญคุณเพียงแค่ร่วมใจกำจัดแคว้นหานผู้รุกรานก็ถือดีมากแล้วลำพังแคว้นใดแคว้นหนึ่งคงไม่สามารถเอาชนะผู้รุกรานอย่างแคว้นหานได้แน่""อย่างไรก็ต้องถือเป็นบุญคุณหากแคว้นจ้าวปฏิเสธก
งานเลี้ยงต้อนรับถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ โคมไฟถูกประดับประดาสวยงามตามมุมต่างๆ ลี่หยางไม่ชอบการเฉลิมฉลองตั้งแต่ยังเยาว์เขาไม่เคยได้รับอนุญาตให้ร่วมงานใดใด จึงไม่ชอบไปโดยปริยายอันฝูในชุดผ้าแพรสีโอโรสบางเบาขับผิวขาวให้กระจ่างตา ลี่หยางเพียงแค่มองผ่านมิได้ใส่ใจ กลับคิดว่าหากหว่านหนิงอยู่ที่นี่ คำพูดและการกระทำของนางคงทำเขาผ่อนคลายได้ไม่น้อย ในเมื่อใจตอนนี้เขาอึดอัดใจเหลือเกิน"อันฝูคารวะองค์ชาย"สุราในมือถูกยกขึ้นตรงหน้า นางกำนัลรินสุราลงจอกให้ลี่หยาง ที่ขัดเสียมิได้ยกสุรากรอกลงคอความร้อนแผ่ซ่านลงไปถึงไหนถึงไหน รสชาติขมและหวานที่ปลายลิ้น"555พี่ห้า ท่านดื่มสุราเป็นด้วยหรือ”ลี่เจิน รับจอกสุราลงวางบนโต๊ะให้อย่างเอาใจ"อันฝูขออภัยนึกไม่ถึงว่ายังมีบุรุษที่ไม่เคยดื่มสุราด้วยหรือ""ข้าลี่เจินดื่มแทนพี่ห้าเสียเอง"ยกจอกสุราขึ้นตรงหน้าอันฟูได้แต่ยิ้ม นึกเอ็นดูลี่หยางจะเคยดื่มอย่างไรเล่าในเมื่อตั้งแต่โตมาแม้หยดเดียวไม่เคยลิ้มลอง อย่างมากก็แค่สูดดม เรื่องราวสนุกสนานไม่เคยพานพบ แม้กระทั่งเรื่องบนเตียง ยังต้องมาหัดเอาตอนที่แต่งหว่านหนิงเข้าตำหนักร้อยดาว"เป็นอย่างไรบ้างพี่ห้า"ลี่เจินถามด้วยความห่วงใยจ
อันฝู เปิดปะตูห้องของลี่หยางแทรกตัวเข้าไปภายใน ลี่เจินเมามายเสียงหัวเราะดังลั่นอยู่ที่งานเลี้ยงฉลอง ลี่หยางนอนหลับสนิทบนแท่นนอน ผ้าแพรคลุมกายบางเบาถูกปลดลงกองไว้บนพื้น เท้าเปลือยเปล่าเย็นเฉียบดึงผ้าห่มสอดร่างเปลือยเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกับลี่หยางบนแท่นนอน มือบางกอดรอบเอวหนา ลี่หยางสะดุ้งสุดตัวผุดลุกขึ้นคว้ากระบี่ข้างแท่นนอนออกมา ชักกระบี่ออกจากฝักแม้แสงไฟจะสลัวแต่สิ่งที่เขาเห็นชัดเจนเหลือเกินเพียงพริบตากระบี่จ่ออยู่ที่คอหอยของอันฝู ที่ผุดลุกขึ้นนั่งคว้าผ้าห่มคลุมร่างเปลือยไว้ กลืนน้ำลายลงคอยากเย็น เหลือบมองปลายกระบี่ที่จ่ออยู่ที่คอหอย สะท้อนแสงวาววับ“องค์ชาย”“ออกไป”กระบี่ยังอยู่ที่คอหอย“แต่ องค์ชายอันฝูคิดว่าองค์ชายต้องการเพื่อน”สายตาดุดันน่ากลัวที่สุดเท่าที่อันฝูเคยเห็นมาแม้ใบหน้าจะน่ามองเพียงใดแต่สายตากลับน่ากลัวอย่างที่สุด“ออกไป”พูดคำเดิม“องค์ชายอันฝู ยอมพาตัวเองเข้ามาข้างในนี้ต้องอาศัยความกล้าเพียงใด”“เจ้าจะออกไปดีดีและมิตรภาพของเรายังไม่สั่นคลอน เพราะข้าจะถือว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจดูถูกข้า แต่หากข้าเรียกคนของข้าเข้ามาลากตัวเจ้าไปเราคงไม่อาจ ญาติดีกันได้อีกเมื่อเสร็จศึกครั้งนี้
องค์ชายฟงฉือโบกมือลาก่อนจะถึงชายแดน"ขอบคุณ คุณชายผู้นิรนาม การได้ร่วมทางกับคุณชายทำใหข้า รู้สึกเหมือนได้พบสหายที่รู้ใจ""มีโอกาสอาจได้พบกันอีก"หว่านหนิงโบกมือลา"พระชายาเราจะทำอย่างไรต่อไป"เสี่ยวกู้ถามขึ้น"รั้งอยู่ที่นี่ ข้ามีเรื่องต้องทำอีกมาก""เราไปสมทบกับกองทัพของ…หวังอ๋องไม่ดีกว่าหรือ""ดี แต่ไม่ใช่ตอนนี้"คิดถึงลี่หยางอย่างนั้นหรือ เผลออมยิ้ม จะดีใจแค่ไหนหากได้พบกันลี่หยางแม่ทัพแคว้นเหว่ยและทัพของสองแคว้นออกเดินทางสู่ชายแดนแคว้นเหว่ย ที่ติดกับแคว้นหาน ขณะนี้เขากับหว่านหนิงอยู่ห่างกันไม่ถึงสิบลี้ลี่เจินและองค์หญิงอันฝู จะตามไปสมทบทีหลังเป็นการวางกลยุทธ์ในแบบที่หากพลั้งพลาดยังมีทัพสนับสนุน ความมืดปกคลุม กองทหารตั้งกองห่างชายแดนไม่มากนัก ลี่หยางกางแผนที่ทางทหารศึกษาภูมิศาสตร์ของแคว้นหานอย่างละเอียด วางแผนการรบอยู่เพียงลำพัง ท่านแม่ทัพของทั้งสองแคว้นเพิ่งจะกลับไป ดึกสงัดแล้วทุกสรรพเสียงเงียบลง พลันแสงเทียนที่ส่องสว่าง กลับโดน คมกระบี่ตัดฉับจนไส้เทียนขาด ความมืดมิดเข้าปกคลุม ลี่หยางหยิบกระบี่ข้างกาย เงาร่างสีดำยืนอยู่ไม่ห่างออกไป ลี่หยางตั้งใจสูดดมบางอย่างที่ลอยตามลม ใครบังอาจมาเ
“คิดว่า แกล้งข้าได้หรือ”เมื่อ เปิดมือบางออกใบหน้างามที่อยู่ตรงหน้าทำเอาลี่หยางเบิกตากว้าง ขยับเอวกดกระแทกร่างใหญ่ลงไปเหมือนแกล้ง“ทำไมมันคับอย่างนี้”หว่านหนิงอายจนหน้าแดง เรื่องแบบนี้มาพูดเหมือนกับถามสารทุกข์สุกดิบ ช่างไร้เดียงสา หว่านหนิงขำจนแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหว อย่างนี้แสดงว่าอ่านตำรากามสูตรยังไม่จบ เผลอหัวเราะเสียงใส“เป็น องค์ชายที่ต้องหาคำตอบเองมิใช่หรือ”ซุกหน้ากับอกหลบตาคมที่จ้องมองด้วยสายตากรุ้มกริ่มหวานหยด สมองอันชาญฉลาดประมวลผลได้ว่าเป็นเพราะ เขาไม่ได้อยู่ปรนเปรอนางเสียนานกระนั้นหรือ จึงคงความคับแน่นชวนตื่นเต้นเหมือนในครั้งแรกก็ไม่ปาน“อย่างนี้เห็นทีต้องทำให้มันเหมือนเดิม คาดว่าคืนนี้เจ้าคงออกไปไหนไม่ได้ อีกทั้งยังไม่ได้นอนทั้งคืนเป็นแน่ ข้อหาลักลอบเข้ามาหาสามียามที่กำลังหิวกระหายเช่นนี้”กระซิบที่ข้างหูเบา ๆ หว่านหนิงยิ้มเขินอาย ลี่หยางไม่รอช้าปล่อยให้เวลาผ่านไปเสียเปล่าขยับเอวเร่งจังหวะเร็วรี่กลีบบุปผาแย้มเยิ้มชื่นฉ่ำเหมือนต้องน้ำทิพย์จากสวรรค์ที่ไหลหลั่งชโลมกลีบบุปผาที่แล้งน้ำมานาน เกลียวลิ้นหมุนวนเติมความหวานให้กลีบบุปผาที่พร้อมจะแย้มกลีบอ้าเสียงหอบเหนื่อยจนแทนลืมหายใจ
เกี้ยวสีแดงถูกหามส่งเข้าวังในตอนเย็นย่ำวันหนึ่ง หว่านหวงลู่รู้ดีว่าไม่ต้องมาส่งหว่านหนิง สิ่งที่หว่านหนิงต้องการคือการเข้าไปในตำหนักร้อยดาวแบบเงียบๆ ก็ในเมื่อลี่หยางมิได้เป็นที่สนใจ และไม่ได้มีพิธีรีตองอะไร“คุณหนู ข้าเห็นทีต้องกลับแล้วเช่นกัน ท่านนั่งรออยู่ในห้องบรรทมขององค์ชายห้า เพียงครู่คาดว่า องค์ชายคงเสด็จในไม่ช้าเพราะมิได้มีการเลี้ยงฉลอง งานแต่งอย่างที่ควรจะเป็น “แม่สื่อที่มีหน้าที่เดินนำเกี้ยว ตามธรรมเนียมเอ่ยขึ้นเมื่อมาถึงตำหนักร้อยดาว“ท่านป้ากลับไปเถิดข้าทำใจไว้แล้ว ว่าต้องเป็นแบบนี้ หลายอย่างไม่เกินคาดหมายนัก”แม่สื่อยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะถอยออกไปทันทีหว่านหนิงยืนนิ่งหน้าตำหนักรกร้างไม่มีการเลี้ยงฉลองไม่มีแม้กระทั่งการคารวะบรรพบุรุษ หรือญาติผู้ใหญ่มีเพียงส่งตัวหว่านหนิงเข้ามาในตำหนักร้อยดาวเพียงลำพัง“ท่านแม่ หว่านหนิงจะพยายามให้ถึงที่สุด”สูดลมหายใจเข้าลึกๆผลักบานประตูเข้าไปช้าๆ ภาพเบื้องหน้าคนผู้หนึ่งในอาภรณ์สีแดงรูปร่างสูงโปร่ง แต่ซูบผอมปากคอคิ้วคางแม้จะรับกับใบหน้าคิ้วดกดำผิวขาวจนกลายเป็นซีด ริมฝีปากบางแต่ทว่าซีดขาว หากมีสีเลือดกว่านี้ บุรุษผู้นี้อาจจะนับได้ว่าหล่อเหลาเราเ
หว่านหนิงในอาภรณ์เต็มพระยศในแบบของฮองเฮา ยืนเคียงข้างลี่หยางฮ่องเต้รูปงามแต่ใจเดียวสมกันราวกิ่งทองใบหยกมือข้างขวาถูกมือของลี่หยางเกาะกุมไว้ จุดธูปเทียนบูชาสวรรค์และบรรพบุรุษ เตรียมที่จะขึ้นนั่งบัลลังก์มังกร ฉีกวนลี่ยืนอยู่ข้างหน้าสวมมงกุฎสีทองอร่ามลงบนศีรษะของลี่หยาง“นับแต่นี้เจ้าคือฮ่องเต้แคว้นจ้าวองค์ใหม่ ลี่หยางฮ่องเต้พ่อหวังว่าเจ้าจะทำนุบำรุงศาสนาและปกป้องดูแลราษฎรดุจลูกหลานของเจ้า”ฝานกงกง ยื่นตราประทับของฮ่องเต้ ให้ฉี่กวนลี่ที่มอบมันให้กับลี่หยางหน้ามุขสูง ทั้งสองคนลี่หยางและหว่านหนิงยืนเคียงข้างกันเสียงแซ่ซ้องจากราษฎรดังไปทั่วลานกว้าง ลี่หยางยิ้มกว้าง ชีวิตเขาแม้ผ่านความลำเค็ญมากมายเพียงใดแต่เมื่อมองย้อนกลับไปกลับคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องราวที่เป็นบทเรียนสอนใจเท่านั้นต่อจากนี้ ชีวิตขององค์ชายห้าผู้อับเฉามีพร้อมแล้วซึ่งความสุขและครอบครัวในวันนั้นลี่หยางนั่งซุกอยู่ในมุมมืด เดียวดายเหน็บหนาวความมืดปกคลุมไปทั่วบริเวณท้องไส้ปั่นป่วนด้วยความหิว ในคืนไหว้พระจันทร์ที่หลายคนต่างสนุกสนาน แต่เขากลับเดียวดาย ครึ่งหลับครึ่งตื่นเด็กหญิงตัวอ้วนป้อมยกมืออุ่นขึ้นลูบใบหน้าเบาๆ แล้ววางขนมไหว้พระ
ลี่หยาง สืบเสาะหาสมุนไพรนานาชนิดมาบำรุงร่างกายให้หว่านหนิงทั้งสมุนไพรสำหรับช่วยให้การคลอดไหลลื่น และสุมนไพรบำรุงร่างกายทั้งทารกในครรภ์และตัวหว่านหนิงเอง อาหารทุกอย่างล้วนถูกลี่หยางชิมเสียก่อน ท่องจำเรื่องราวอาหารคาวหวานที่หว่านหนิงกินว่าสิ่งใดทำให้แพ้ท้อง สิ่งไหนที่หว่านหนิงไม่ชอบ วันว่าง ก็จะฝึกการนั่งการนอนและการหายใจ ตำราต่างๆ มากมายนำมากองรวมกัน ลี่หยางใช้เวลาทั้งหมดในการอ่านตำราเกี่ยวกับการตั้งครรภ์“ลี่เจินส่งสาสน์เรื่องการสถาปนาฮ่องเต้ของเแค้วนเหว่ย”“ส่งของกำนัลยังแคว้นเหว่ย ความจริงข้าอยากให้ไท่จือเดินทางเข้าร่วมงานพิธีในครั้งนี้ หากแต่ไท่จือเฟยใกล้จะคลอดเต็มที คงไม่เหมาะนักที่จะให้ไท่จือเดินทางแรมเดือน”“ฝานกงกง อาสาเดินทางนำของกำนัล ร่วมแสดงความยินดีกับองค์ชายสิบสองลี่เจิน”ฉีกวนลี่พยักหน้าเห็นด้วย“ลูกคิดว่ารอให้ไท่จือเฟยคลอดองค์ชาย จึงจะส่งสาสน์ให้ลี่เจินและอันฝูร่วมเฉลิมฉลองแสดงความยินดีอีกครั้ง ลูกเองก็คิดถึงลี่เจินไม่น้อยอยู่ต่างแคว้นต้องปรับตัว คงลำบากมากหน่อย”“ลี่เจินไม่นานก็จะขึ้นนั่งบัลลังก์ เป็นเขาที่จัดการบางอย่างได้ดีกว่าที่ข้าคิดไว้”ฉีกวนลี่ชื่นชมลี่เจิน ออกนอก
"หญิงผู้หนึ่งที่ยอมแต่งกับองค์ชายที่มีดวงพิฆาตไม่สนใจเสียงร่ำลืออีกทั้งพยายามฉุดดึงและสร้างองค์ชายที่แข็งแกร่งยอมทนลำบากเพื่อรอวันที่สวยงามวันที่ฟ้าสดใส แต่เมื่อวันนั้นมาถึงกลับต้องถูกปล่อยให้เดียวดายในตำแหน่งที่สูงส่ง"องครักษ์วิ่งเข้ามาข้างใน"ฝ่าบาทไท่จือเฟยเป็นลมหมดสติ อยู่ข้างๆ ที่ไท่จือคุกเข่าอยู่"ฉีกวนลี่ลุกขึ้นยืน ฝานกงกงถลาออกไปด้านนอกพบลี่หยางกำลังเขย่าร่างไร้สติของหว่านหนิง ปากก็ร้องเรียกหาหมอหลวง หยาดฝนยังโปรยปรายไม่หยุดลี่หยางและหว่านหนิงเปียกปอนร่มที่ถือมาถูกกางกันฝนให้ลี่หยางแต่ตัวเองยอมเปียกฝน ลี่หยางพยายามจะลุกขึ้นยืนทั้งที่ปวดหัวเข่าเพราะคุกเข่าอยู่เสียนาน"พาไท่จือเฟยเข้าไปข้างในตำหนักก่อน"ฉีกวนลี่พูดขึ้นดังๆ ลี่หยางมองสบตาฉีกวนลี่สายตาเจ็บซ้ำ ฝานกงกงช่วยพยุงทั้งสองคนให้ลุกขึ้นพาเข้าไปด้านใน"ตามหมอหลวง"ฉี่กวนลี่ออกคำสั่งด้วยเสียงอันดังฝานกงกง เตรียมอาภรณ์ชุดใหม่ให้ลี่หยาง"ให้ห้องเครื่องต้มน้ำขิงแล้วนำมาที่นี่ทันที"ตำหนักฮ่องเต้บังเกิดความวุ่นวายไม่น้อย หมอหลวงถือหลวมยาเข้ามา ลี่หยางถลาเข้าไปข้างๆหว่านหนิง"ไท่จือเฟยเป็นอย่างไรบ้าง แล้วลูกของข้าล่ะ"ฉีกวนลี่หันขวั
“ข้า..ข้า..ข้ากำลังจะเป็นพ่อเจ้าได้ยินไหม ลูกของเรา”หว่านหนิงยิ้มบางๆ ยกมือขึ้นลูบที่ท้องอย่างทะนุถนอมตอนที่55ยอม"เจ้าเป็นสิ่งมีค่าที่สุดเท่าที่ข้าเคยมีบัดนี้กับให้สิ่งมีค่าที่สุดแกข้าเพิ่มเติม อย่างนี้จะไม่ให้รักเจ้าได้อย่างไร"กอดประคองหว่านหนิงแน่น"ท่านพี่ท่านกับลูกก็คือสิ่งเดียวที่ข้าหวงแหนที่สุด"ลี่หยางกลับพูดน้อยลงกว่าเดิม เขามีเรื่องให้ทำมากมายแต่รอยยิ้มกลับเพิ่มมากขึ้น เฝ้ามองหว่านหนิงทุกอย่างก้าว จะนั่งหรือเดินต้องคอยประคอง ดังกลัวว่าจะหกล้ม“กุ้ยอิงกับอิงไถต่อแต่นี้อย่าให้ไท่จือเฟยทำงานใดใดในตำหนักร้อยดาว พวกเจ้าต้องมั่นดูแลอย่าให้ไท่จือเฟยต้องลงมือทำสิ่งใดไม่อย่างนั้นข้าคงต้องสั่งลงโทษเจ้าทั้งสอง อีกไม่นานข้าจะหานางกำนัลที่ไว้ใจได้สักหลายคนหน่อยมาคอยดูแล ไท่จือเฟย”หว่านหนิงยิ้ม“ข้าให้หมอหลวงส่งยาบำรุงที่ดีที่สุดมาที่ตำหนักร้อยดาวข้าตั้งใจเคี่ยวยาให้เจ้าด้วยตัวเอง”“ท่านพี่จะทรงลำบากไปไย”“เพื่อเจ้า เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ เมื่อเทียบกับสิ่งที่เจ้าทำเพื่อข้าอีกทั้งยังอุ้มท้องลูกของข้า ทนลำบากอยู่หลายเดือนเรื่องที่ข้าทำจึงถือว่าเล็กน้อยเหลือเกิน”"อีกอย่างข้าเห็นท่าน หาซื้อผ
“องค์ชายน้อยอยู่ในครรภ์ของเจ้าแล้วตอนนี้ ข้าจะทูลให้เสด็จพ่อยกเลิกกฎการมีชายารองและแต่งตั้งสนมมากมายให้เกิดเรื่องวุ่นวายเหมือนที่ผ่านมาเสียที”หว่านหนิงซุกหน้าลงบนอกกว้างที่บัดนี้กับอบอุ่นมิได้เย็นชาเหมือนที่ผ่านมา อ้อมกอดที่กระชับแน่นทั้งคืนไม่เขินอายหรือแอบประคองกอดเหมือนเมื่อครั้งแต่งเข้าตำหนักร้อยดาวใหม่ๆ“หว่านหนิงไม่ขอสิ่งใดขอเพียงได้เคียงข้างเช่นนี้ทุกค่ำคืน” หว่านหนิงตกใจใน คำพูดของตัวเองไม่น้อย ก่อนหน้านั้นยังคิดว่าการแต่งเข้าตำหนักร้อยดาวเป็นการตกนรกหรือไร แต่มาวันนี้กลับรู้สึกว่าตำหนักร้อยดาวแห่งนี้เป็นดั่งสวรรค์ เมื่อมีลี่หยางประคองกอดอยู่อย่างนี้ทุกค่ำคืนทั้งคืนหว่านหนิงสวมเสื้อคุลมมังกรสีน้ำเงินเข้มให้ลี่หยาง ใบหน้าหล่อเหลาช่างดูเหมาะกับเสื้อคลุมมังกรเหลือเกิน เหล่าขุนนางราชสำนักคุกเข่าส่งเสียงแซ่ซ้องสรรเสริญ“ไท่จือทรงพระเจริญ พันปี”หว่านหนิงยิ้มอย่างเป็นสุข ลี่หยางหันสบตากับหว่านหนิง ส่งยิ้มกว้างกว่าทุกครั้งที่หว่านหนิงเคยเห็นมา“เจ้าคิดว่าได้อย่างนั้นหรือ การที่เจ้าจะตัดสินใจสิ่งใดโดยใช้ความรู้สึกของตัวเองตัดสิน”“เสด็จพ่อ ฝ่าบาทลูกเห็นทีจะ ขอสละตำแหน่งไท่จือ”หว่านหนิ
“สวีเยียน เชื่อข้าเถอะ ลี่จางคือลูกของเราเป็นเจ้าสิบสี่ เจ้าคิดหรือว่าหากเขาไม่ใช่ลูกข้าข้ายังจะให้เขามีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้หรือ ข้าไม่ไว้ใจเจ้าแต่ทว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ เลือดของเจ้าสิบสี่ถูกนำมาพิสูจน์ความเป็นพ่อลูกกับข้าตั้งแต่ลืมตามาดูโลกคิดหรือไรว่าหากข้ารู้ว่าเขาไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของข้าแล้วเขาจะมีชีวิตยืนยาวเพียงนี้”ลี่จางทรุดกายลงกับพื้นก้มหน้าร้องไห้เหมือนคนเสียสติ เสียงร้องโหยหวน ด้วยดวงใจที่แหลกสลาย ลี่เจินเข้าไปพยุงแต่ลี่จางกลับสะบัดตัวหนี ภาพตรงหน้า สะเทือนใจไม่น้อย ฮองเฮาสวีเยียนเองก็ไม่ต่างจากลี่จาง ทรุดกายลงกับพื้นหมดเรี่ยวแรงดวงตาเหม่อลอยพร่ำพูดแต่คำพูดเดิมๆ“ไม่จริง ไม่จริง ไม่ใช่ ไม่จริง”น้ำตาไหลนองเต็มตาแต่ปราศจากเสียงสะอื้นฉีกวนลี่หลับตาลงช้าช้าไล่หยาดน้ำตา ให้ไหลคืนลงในอกกล้ำกลืนอย่างที่สุด หากจะโทษใครสักคน ให้โทษตัวเขาที่มีใจเดียวรักมั่นแต่จินเฟยคนเดียวไม่มีสายตาไว้มองใคร ความรักนั้นยังถูกถ่ายทอดไปยังลี่หยางรักเขายิ่งแแก้วตาทำทุกวิถีทางให้ลี่หยางรอดพ้นเงื้อมมือฮองเฮา แม้จะแสร้งไม่รักแต่กลับซ่อนไม่มิด หันมองลี่หยาง ที่จับตัวหวานหนิงมาสำรวจว่าบาดเจ็บตรงไหนห
“555 ฉีกวนลี่ผู้นี้ ปกป้องใครได้กัน แม้แต่สนมที่รักอย่างเช่นแม่ของเจ้ายังถูกแม่ข้าฮองเฮาส่งคนฆ่าวางเพลิง แม้จะเรียกตัวเองว่าพ่อแต่ปกป้องใครได้กัน เจ้าเองก็รู้ดีนี่ลี่หยางตลอดเวลาเขาเคยปกป้องเจ้าหรือไร”ฉีกวนลี่กัดฟันแน่น ทั้งๆ ที่ระแคะระคายมาบ้างแล้วว่าฮองเฮาเป็นคนส่งคนไปลอบสังหารสนมจินเฟยแต่ครั้งนี้ได้ยินกับหูจึงเกือบระงับความแค้นเคืองไว้ไม่ได้“ความผิดของข้าอย่างเดียว คือปล่อยให้เจ้าสองคนแม่ลูกมีชีวิต อยู่เสียนานคิดว่า อาจจะกลับตัวกลับใจได้”“ข้าเคยบอกแล้วว่าเป็นเพราะท่านฉีกวนลี่ ข้าเคยรักเคยเทิดทูนท่าน เหมือนที่ลูกพึงจะกระทำ หากท่านใส่ใจเราสองคนแม่ลูกสักนิดไม่เฉยชา เราสองคนอาจจะดีกับท่านอย่างจริงใจ”“จะให้ข้าดีกับพวกเจ้าอย่างจริงใจทั้งๆ ที่รู้ว่าฮองเฮาผิดต่อข้าเช่นนั้นหรือ”“เสด็จแม่จะไม่ผิดต่อท่าน หากท่านไม่มัวแต่อาลัยอาวรณ์คร่ำควรญกับการจากไปของสนมจินเฟย เสด็จแม่บอกว่าหัวใจของท่านอยู่ที่สนมจินเฟย ลี่หยางเป็นดั่งแก้วตาในเมื่ออยากให้ท่านตายคงต้องสังหารหัวใจและแก้วตาของท่านเสีย”“ทหารจับพวกมันไปขังไว้พรุ่งนี้ประหารเสียพร้อมกันให้หมด”องครักษ์นับรอยล้อม ลี่หยางและหว่านหนิงที่หันหลังชนกั
“ละทิ้งความโกรธเกลียดไม่ได้ เจ้าจะมีความสุขได้เช่นไร”“ฝ่าบาทเดิมทีตำแหน่งฮองเฮาต้องได้ความรักมากกว่าผู้ใด แต่ฝ่าบาทกลับละเลยมอบความรักให้แต่จินเฟยเพียงคนเดียว แล้วจะให้สวีเยียนยิ้มและเป็นสุขได้อีกหรือ เช่นนั้นข้าจำต้องหาความสุขเพียงลำพัง”กระซิบเบาๆ ข้างหูหัวหน้าขันทีออกมายืนด้านหน้า ตรงช่องทางเดินที่สองข้างขนาบซ้ายขวาด้วยเหล่าขุนนาง“พิธีเริ่มได้….”ฉีกวนลี่เชิดหน้านั่งตัวตรง“บัดนี้ถึงเวลา ข้าฉีกวนลี่จะประกาศอาณัติจากสวรรค์ แม้จะรวดเร็วไปบ้างแต่เมื่อเป็นลิขิตจากสวรรค์จึงไม่อาจทัดทาน”เหล่าขุนนางต่างซุบซิบบ้างก็สงสัยว่ามีเรื่องใดกันที่เป็นอาณัติสวรรค์บ้างก็บอกเล่าสิ่งที่ระแคะระคายมาเมื่อไม่นานมานี้นอกกำแพงเมือง ลี่เจินและฝานกงกง ยืนอยู่หน้าประตูวัง และทหารที่ติดตามหลายร้อยคนเสียงอื้ออึงโกลาหล กระบี่ในมือปัดป้องลูกดอกที่ถูกยิงลงมาจากกำแพงเมือง ทหารหลายนายกำลังใช้เครื่องทุ่นแรงกระทุ้งบานประตูใหญ่ให้เปิดออก การบาดเจ็บล้มตายหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่ทหารแปดกองธงหาได้มีแค่เพียงหยิบมือจำนวนมากมายคณานับกองหน้าล้มตายก็มีกองหนุนเข้ามาเสริม เลือดไหลนองพื้นดั่งสายน้ำสวีถงนำองครักษ์เสื้อแพรช่วยกันต้า