Home / แฟนตาซี / ดาบพิฆาตสลับนภา / บทที่10 ข้าไม่ได้ตั้งใจ!!

Share

บทที่10 ข้าไม่ได้ตั้งใจ!!

Author: Prince_White
last update Last Updated: 2025-04-20 16:34:34

"ช่างเป็นเคล็ดวิชาที่ลึกล้ำเกินหยั่งถึง!" อวี้เหวินอุทานด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ดวงตาเป็นประกายราวกับค้นพบขุมทรัพย์ล้ำค่า เขาทอดสายตามองไปยังห้วงความคิด พลางหวนรำลึกถึงเนื้อหาของเคล็ดวิชาอีกครา

'เคล็ดวิชาหมัดอัคนีสังหารนั้น แบ่งออกเป็นสามขอบเขตใหญ่ อันได้แก่ ปฐพี อัคคี และวารี แต่ละขอบเขตยังแบ่งย่อยออกเป็นสามระดับ คือ เเรกเริ่ม กลาง และสูงสุด

ในขอบเขตปฐพีนั้น เป็นการวางรากฐานแห่งกระบวนท่าของหมัดอัคนีสังหาร พลังอำนาจแห่งหมัดในระดับเริ่มต้นอยู่ที่สามร้อยจิน ระดับกลางอยู่ที่หกร้อยจิน และระดับสูงสุดอยู่ที่เก้าร้อยจิน'

ภาพกระบวนท่าอันสลับซับซ้อนเริ่มฉายชัดในมโนสำนึกของอวี้เหวิน ราวกับมีผู้มาสาธิตอยู่ตรงหน้า เขาสังเกตทุกการเคลื่อนไหว จดจำทุกรายละเอียด เมื่อเริ่มเข้าใจในแก่นแห่งวิชาแล้ว อวี้เหวินจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น เริ่มต้นร่ายรำตามภาพที่ปรากฏในห้วงนิมิต

ฝ่ามือและหมัดถูกส่งออกไปในอากาศอย่างหนักแน่น สลับหมุนเวียนราวกับพายุโหมกระหน่ำ เท้าก้าวไปตามจังหวะ ท่วงท่าการยืนมั่นคงดุจขุนเขา ทุกอิริยาบถที่แสดงออกมาล้วนสง่างามและหนักแน่นราวกับผืนปฐพีอันกว้างใหญ่

ในระหว่างที่ฝึกฝนเพลงหมัด อวี้เหวินมิไ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ดาบพิฆาตสลับนภา   บทที่11 "สองบุรุษ" หนึ่งหิน...วุ่นวายยกใหญ่!

    ยามเมื่อสุริยันเยื้องย่างลงจากนภา โลกธาตุพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีส้มชาด แสงสุดท้ายสาดส่องทาบทาทิวเมฆราวกับผ้าไหมปักลาย เด็กหนุ่มนามว่าอวี้เหวินก้าวเดินอย่างเชื่องช้า ทอดฝีเท้าหนักแน่นแต่มิได้เร่งรีบ จุดหมายปลายทางคือบ้านหลังน้อย แสงไฟสลัวริบหรี่ลอดออกมาจากบานหน้าต่างไม้ในอีกไม่กี่ก้าวเบื้องหน้า ความเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักตลอดวันเกาะกุมหัวใจ ทว่าเมื่อย่างเท้าเข้าสู่เรือน ได้รับการต้อนรับอันอบอุ่นและการดูแลเอาใจใส่จากผู้เป็นบิดา ความอ่อนล้าทั้งมวลก็มลายหายสิ้นดุจไอหมอกยามรุ่งอรุณ หลังจากอวี้เหวินและบิดาได้ร่วมโต๊ะทานอาหารค่ำ พูดคุยสารทุกข์สุกดิบจนกระทั่งราตรีเริ่มย่างเข้าสู่ยามดึกสงัด อวี้เหวินจึงนั่งลงขัดสมาธิ สงบจิตใจปรับลมปราณอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะล้มตัวลงนอน ณ ห้วงความมืดมิดภายในเม็ดหินอัญมณีสีดำสนิทที่ห้อยอยู่บนคอของอวี้เหวิน ปรากฏร่างหนึ่งกำลังเคลื่อนไหวอย่างอ้อยอิ่ง “สามสิบสี่… สามสิบห้า… เวลาล่วงเลยมาเกือบเดือน ข้ากลับเคลื่อนกายมาได้เพียงสามสิบห้าก้าวเท่านั้น เบื้องหน้าจักมีสิ่งใดซ่อนอยู่อีกเล่า?” ซ่งเหยียนรำพึงรำพันกับตนเอง พลางหายใจหอบถี่ราวกับคนจมน้ำ เขานั่งลง หลับตาลงเพื่อ

    Last Updated : 2025-04-20
  • ดาบพิฆาตสลับนภา   บทที่12 ขบวนสินค้าตระกูลหวัง

    เปลือกตาที่หนักอึ้งราวกับถูกถ่วงด้วยตะกั่วค่อยๆ เปิดขึ้น เผยให้เห็นดวงตาที่ยังคงพร่าเลือนและง่วงงุน ร่างกายที่อ่อนล้าประหนึ่งถูกบั่นทอนเรี่ยวแรงของอวี้เหวินค่อยๆ ขยับเขยื้อนอย่างเชื่องช้า ก่อนจะพยุงกายลุกขึ้นนั่งบนเตียงไม้เนื้อดี มือเรียวลูบไล้ใบหน้าของตนเองเบาๆ เพื่อขับไล่ความง่วงงุนให้จางหายไป หลังจากเหตุการณ์พลิกผันเมื่อสามราตรีล่วงผ่าน อาการบาดเจ็บของอวี้เหวินก็สมานหายราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รุ่งอรุณแห่งวันนี้ เขาตื่นขึ้นด้วยความสดชื่น เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางไปฝึกฝนวิชาอีกครั้ง อวี้เหวินเริ่มบริหารร่างกายด้วยท่วงท่าที่คุ้นเคยเป็นเวลาครึ่งชั่วยาม ก่อนจะจัดเตรียมสัมภาระต่างๆ สำหรับการเดินทาง ในขณะที่เขากำลังตรวจตราสิ่งของภายในห่อผ้าอยู่นั้น เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นในห้วงความคิด "วันนี้เป็นวันที่จะต้องบุกเข้าไปในเขตแดนของพยัคฆ์หางแมงป่อง ซึ่งด้วยพละกำลังของเจ้าในยามนี้ ยังมิอาจบุกเข้าไปโดยลำพังได้ จำเป็นต้องมีสิ่งป้องกันไอความร้อนอันร้อนระอุจากรังของพวกมัน" อวี้เหวินแสดงสีหน้าเข้าใจ ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยถามด้วยความสงสัย "อย่าว่าแต่สิ่งใดใช้ป้องกันเลย แม้แต่ชื่อของมัน ข้

    Last Updated : 2025-04-20
  • ดาบพิฆาตสลับนภา   บทที่13 คุณสมบัติของผู้ยิ่งใหญ่

    "ฟ่อๆๆ!" เสียงขู่คำรามดุดันราวอสูรร้ายคำรามก้องกังวาน พร้อมกับร่างของอสรพิษลายพาดกลอนตัวเขื่อง พุ่งทะยานจากเงามืดแห่งโขดหินด้านหลัง หมายจะฉกกัดอวี้เหวินด้วยความเร็วราวสายฟ้าฟาด เขี้ยวแหลมคมสีเหลืองอำพันเผยให้เห็นถึงพิษร้ายที่พร้อมจะคร่าชีวิตในพริบตา"ฉัวะ!" อวี้เหวินที่ประสาทสัมผัสว่องไวดุจเหยี่ยวล่าเหยื่อ พลิกกายหลบหลีกได้อย่างหวุดหวิด พร้อมกับเหวี่ยงมือขวาออกไปราวกับแส้เหล็ก ฟาดเข้าที่กลางลำตัวของอสรพิษอย่างแม่นยำ เสียงเนื้อแตกดังสนั่น ร่างกายของงูร้ายพลันแหลกเหลว เลือดสีแดงฉานกระเซ็นเปรอะเปื้อนไปทั่วบริเวณ ราวกับพู่กันยักษ์สาดสีลงบนผืนดิน อวี้เหวินชักมือกลับ ดวงตาคมกริบจ้องมองซากอสรพิษด้วยความเหนื่อยล้า"นี่ก็เป็นตัวที่สามสิบแล้วกระมัง มิหนำซ้ำพลังของพวกมันยังเพิ่มพูนขึ้นอีกด้วย" เขาเอ่ยพลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลอาบแก้ม ดวงหน้าหล่อเหลาปรากฏร่องรอยความอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด ลมหายใจเริ่มถี่กระชั้น"เพียงเท่านี้เจ้าก็หอบเสียแล้วหรือ? แค่งูหางแมงป่องตัวเล็กกระจ้อยร่อยพวกนี้" เสียงทุ้มนุ่มของบุรุษผู้หนึ่งดังกระซิบข้างใบหูของอวี้เหวิน ราวกับภูตพรายปรากฏกายขึ้นจากความว่างเปล่า พร้อมกับร

    Last Updated : 2025-04-20
  • ดาบพิฆาตสลับนภา   บทที่14 พยัคฆ์หางเเมงป่อง

    ตึง! เงาร่างนั้นโผล่ออกมาท่ามกลางอากาศอันร้อนระอุ มันเป็นเงาร่างใหญ่ทะมึน แผ่กลิ่นอายอันร้อนแรงทั่วบริเวณ ขนทั่วกายแดงฉานดั่งเปลวเพลิง รูปร่างเป็นพยัคฆ์ล่ำสัน ทว่าสิ่งที่น่าสะพรึงยิ่งกว่ากลับเป็นหางแหลมคมที่คล้ายหางแมงป่อง สั่นไหวอยู่เบื้องหลัง เพียงแค่จ้องมอง ก็ทำให้ผู้พบเห็นต้องหวาดหวั่นจนหัวใจสั่นสะท้านทันทีที่มันเห็นซ่งเหยียนเฟยอยู่เบื้องหน้า ดวงตาแดงฉานพลันฉายแววดุร้าย มันอ้าปากกว้างส่งเสียงคำรามก้อง 'กรรร!' เสียงสะท้อนก้องไปทั่วบริเวณ ราวกับประกาศถึงความโกรธเกรี้ยวของมัน ดวงตาอำมหิตจับจ้องบุรุษร่างเล็กเบื้องหน้าอย่างไม่ลดละ มันเห็นเขาเป็นผู้บุกรุกที่ล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขตของมัน โดยไม่รอช้า มันยกอุ้งเท้าตบลงหนักๆ หนึ่งครั้งก่อนกระโจนเข้าใส่ซ่งเหยียนเฟยอย่างดุดัน!ซ่งเหยียนเฟยมองเห็นร่างอสูรตรงหน้า นัยน์ตาพลันทอประกายเย็นเยียบ เขาจ้องมันเขม็งก่อนกล่าวเสียงเรียบแต่หนักแน่น "พยัคฆ์หางแมงป่อง!"ไม่รอช้า มือข้างหนึ่งพลันยื่นออก ก่อนสะบัดเบาๆ ทว่ากลับทรงพลัง แสงสีแดงเลือดพลันปรากฏขึ้น วาบผ่านอากาศด้วยความเร็วเหนือคาด เพียงพริบตาเดียว แสงนั้นก็ทะลุผ่านร่างอสูร ราวกับคมมีดอันเฉียบคมแล่

    Last Updated : 2025-04-20
  • ดาบพิฆาตสลับนภา   บทที่15 เเหวนมิติ

    ยามรุ่งอรุณสาดส่องแสงทองอ่อนๆ ลงบนพื้นดิน พร้อมกับเสียงนกร้องเบาๆ ในยามเช้า อวี้เหวินรับประทานอาหารเช้าร่วมกับบิดาเสร็จสิ้น ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและแรงปรารถนาในการเดินทาง ครั้งนี้เขาตั้งใจเร่งมุ่งหน้าไปยังร้านค้าของชายหนุ่มนามหวังหลินล้วนเกิดจากที่อวี้เหวินเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของภาระที่ต้องพกพาไว้กับตัวเสมอ กระเป๋าที่เก็บของส่วนตัวกลายเป็นอุปสรรคในชีวิตประจำวัน เขาต้องพกพาสิ่งของมากมายไม่ว่าจะเป็นเเก่นพลังของอสูร สมุนไพร หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการฝึกฝน และทุกครั้งที่ต้องออกเดินทาง การบรรทุกสิ่งเหล่านั้นไปด้วยก็ย่อมสร้างความลำบากให้แก่เขา ความหนักหน่วงของสัมภาระทำให้เขาหยุดคิดและตระหนักถึงความจำเป็นของการมีที่เก็บของที่สะดวกและปลอดภัย จึงเป็นเหตุให้เขาเริ่มค้นหาวิธีการที่จะทำให้การเดินทางของเขาสะดวกสบายยิ่งขึ้น จึงได้ไปปรึกษาซ่งเหยียนเฟย ผู้ซึ่งเคยมีประสบการณ์ในวงการปราณยุทธ์ จนได้รู้จักกับสิ่งมหัศจรรย์หนึ่ง ซึ่งเป็นที่เก็บของที่ไม่ธรรมดา มันคือ "แหวนมิติ" ที่สามารถบรรจุสิ่งของไว้ได้ในช่องว่างของมิติ เหมือนกับการมีห้องส่วนตัวอยู่ท่ามกลางอากาศโดยที่ไม่ต้องพึ่

    Last Updated : 2025-04-20
  • ดาบพิฆาตสลับนภา   บทที่16 ดาบทลายฟ้าปรากฎตัว!

    ทันใดนั้น เสียงทุ้มลึกลับดังก้องขึ้นในห้วงสำนึกของเขา เป็นเสียงของซ่งเหยียนเฟยที่อยู่ในสร้อยคอ “อวี้เหวิน เจ้าสังเกตหรือไม่? พยัคฆ์หางแมงป่องพวกนี้ผิดแผกจากธรรมชาติเดิมของมัน สติปัญญาของพวกมันสูงกว่าที่ควรเป็น อีกทั้งสถานที่แห่งนี้ราวกับถูกแยกออกจากโลกภายนอก… บางที ราชันของพวกมัน อาจมิได้อ่อนแอเช่นที่เจ้าคิด” อวี้เหวินขมวดคิ้วแน่น ในใจพลันรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล แต่ยังไม่ทันได้ขบคิดมากกว่านี้ ซ่งเหยียนเฟยก็กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าบาดเจ็บหนัก ข้าจะช่วยจัดการพวกมันเอง” ทันใดนั้น ปราณสีแดงฉานดุจโลหิตพลุ่งพล่านออกมาจากสร้อยคอ มันแผ่กระจายไปทั่วถ้ำ ประหนึ่งดาบเทพสังหารที่พร้อมจะเชือดเฉือนทุกสิ่งให้แหลกสลาย พริบตาเดียว ปราณคมกริบดั่งคมมีดนับพันเส้นพุ่งออกไป เสียงแหวกอากาศดังสนั่น ฉัวะ! ร่างของพยัคฆ์หางแมงป่องระดับหลอมกายาที่ซุ่มมองอยู่ถูกปราณดาบสีโลหิตเฉือนขาดสะบั้น แขนขาขาดกระเด็น เลือดดำพุ่งกระจายราวกับสายฝนที่โรยตัวลงสู่พื้น เสียงกรีดร้องโหยหวนดังก้องทั่วถ้ำ ก่อนร่างมหึมาจะระเบิดออกเป็นเศษเนื้อกระจายไปทั่วบริเวณ กลิ่นคาวคลุ้งไปทั่ว อวี้เหวินเพ่งมองภาพนั้น พลันรู้สึกถึงแรง

    Last Updated : 2025-04-20
  • ดาบพิฆาตสลับนภา   บทที่17 เลื่อนระดับอีกครั้ง!

    เมื่อดาบทลายฟ้าปรากฏขึ้น อำนาจอันลี้ลับราวสวรรค์สั่นสะเทือนดุจพายุคลั่ง แรงกดดันอันมหาศาลปกคลุมไปทั่วทั้งผืนพสุธา เงาดาบสะท้อนอยู่ในดวงเนตรแห่งพยัคฆ์หางแมงป่อง อสูรยักษ์ที่ครองพงไพรมายาวนานกลับเผยอาการหวาดหวั่นออกมาอย่างมิอาจปิดบัง มันตระหนักในบัดดลว่า สิ่งที่อยู่เบื้องหน้านี้มิใช่อาวุธธรรมดา หากแต่เป็นอาญาสิทธิ์แห่งสวรรค์ อันสามารถดับลมหายใจของมันได้เพียงชั่วพริบตา ทว่า แม้ความหวาดกลัวจะแล่นพล่านไปทั่วกาย พยัคฆ์หางแมงป่องหาได้ยอมศิโรราบไม่ มันคำรามก้องสะท้อนสะท้านฟ้า พลันพุ่งทะยานเข้าหาซ่งเหยียนเฟยด้วยพลังเฮือกสุดท้าย ปราณอสูรพวยพุ่งออกมาราวกับทะเลเพลิง เปลวไฟสีดำสนิทลุกโชนทั่วร่าง กลิ่นกำมะถันแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ราวกับจะเผาผลาญทุกสรรพสิ่งให้มอดไหม้ มันแผดเสียงกึกก้อง ก่อนสะบัดกรงเล็บอันแหลมคม พุ่งทะลวงเข้าหาชายหนุ่มเบื้องหน้า ซ่งเหยียนเฟยก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวอย่างสงบนิ่ง คมดาบในมือสะท้อนประกายแห่งความตาย เขาหลุบตาลงเล็กน้อยก่อนกล่าวเสียงเย็นเยียบ “เจ้ากล้าหือกับข้าทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งใดอยู่ในมือข้า?” พยัคฆ์หางแมงป่องแยกเขี้ยว คำรามสะท้านสะเทือนปฐพี “เพียงเพราะดาบเล่มเดียว

    Last Updated : 2025-04-20
  • ดาบพิฆาตสลับนภา   บทที่18 ได้เเหวนมิติมาครอบครอง

    ผ่านไปหลายชั่วยาม ท่ามกลางสายลมราตรีอันเงียบสงัด เงาหนึ่งปรากฏขึ้นเหนือปากปล่องลาวา ลมวูบหนึ่งพัดไอร้อนให้กระจายออก เผยให้เห็นร่างของชายชราในอาภรณ์ดำหม่น เส้นผมสีเทาแซมขาวปล่อยยาวถึงกลางหลัง ดวงตาเรียวเล็กเป็นประกายเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มมุมปากฉายความเจ้าแผนการอันลึกล้ำ ชายชราผู้นี้ดูคล้ายเร่ร่อนไร้หลักแหล่ง แต่ทุกอากัปกิริยากลับเต็มไปด้วยพลังอันลึกล้ำ และแฝงกลิ่นอายของพรรคมารอย่างเด่นชัด เขากวาดตามองร่องรอยพลังที่ยังคงหลงเหลืออยู่ บ่อลาวาที่ยังคงเดือดพล่าน และเศษซากของแรงระเบิด ก่อนจะยกมือขึ้นลูบเคราของตนพลางถอนหายใจเบา ๆ “มาสายไปงั้นรึ?” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเสียดาย ราวกับพลาดโอกาสสำคัญไปเสียแล้ว เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าแล้วเปลี่ยนสีหน้ากลับมาเป็นเรียบเฉย แต่ในดวงตากลับฉายแววครุ่นคิด คำนวณกลอุบายภายในใจ “ภูเขาแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านแห่งหนึ่ง… บางทีที่นั่นอาจมีเบาะแสที่ข้าต้องการ” เขาพึมพำกับตนเอง ก่อนจะกระตุกยิ้มบาง ๆ อย่างมีเลศนัย แล้วในชั่วพริบตา ร่างของเขาก็พลันเลือนหายไปพร้อมกับสายลม ทิ้งไว้เพียงกลิ่นอายแห่งความลึกลับ และแรงลมที่พัดกระพือรอบพื้นที่นั้น ---

    Last Updated : 2025-04-20

Latest chapter

  • ดาบพิฆาตสลับนภา   บทที่26 ทลายพันจินใต้สายตาเย้ยหยัน มังกรซ่อนเล็บรอวันผงาด

    อวี้เหวิน... เสื้อผ้าบนกายเรียบง่าย ท่าทางไม่สะดุดตาเมื่อเทียบกับอัจฉริยะอื่น ๆ ที่สวมอาภรณ์หรูหรา หากดวงตาของเขา กลับเปล่งแสงเฉียบคมเยี่ยงดาบลับที่ซุกซ่อนในฝัก ใบหน้าสงบเฉย นิ่งราวแผ่นน้ำในยามราตรี แต่ในความนิ่งนั้นกลับมีบางสิ่งซ่อนอยู่... ร้อนแรงและหนักหน่วงดุจอัสนีสายลับที่รอวันฟาดฟันเขาก้าวเดินไปหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าแท่นศิลาสายวัดพลังสายลมเย็นโชยเอื่อยพัดชายเสื้อของเขาเบา ๆ คล้ายจะรับรู้ถึงแรงอารมณ์อันแน่นขนัดของเขาในยามนี้...ไม่มีเสียง ไม่มีคำพูด ไม่มีท่าทีแสดงความฮึกเหิมมีเพียงความสงบก่อนพายุอวี้เหวินสูดลมหายใจเข้าช้า ๆในใจกลับดังก้องด้วยเสียงของซ่งเหยียนเฟยจากมิติสร้อยคอ“เจ้าจะเปิดเผยพลังจริงหรือไม่?”เด็กหนุ่มหลับตาลงครู่หนึ่ง ดวงจิตสงบนิ่ง ก่อนพึมพำในใจ...“ไม่จำเป็น...ในยามนี้”“เพียงพอแค่ให้โลกรู้ว่า ข้า มิใช่คนที่ควรดูแคลน”ฝ่ามือของเขากำแน่น พลังหมุนเวียนจากส่วนลึกในกาย ปะทุแผ่วเบาแต่ทรงอานุภาพ เคล็ดวิชา หมัดอัคนีสังหาร เริ่มไหลเวียนผ่านเส้นเอ็นเส้นเลือดอย่างกลมกลืน ราวกับเพลิงที่ถูกกรั่นกลั่นจากขุมนรกแม้เป็นเพียง ขั้นกลาง หากภายใต้ร่างกายที่ผ่านการฝึกฝนด้วย เตาอ

  • ดาบพิฆาตสลับนภา   บทที่25 รุ่งอรุณแห่งการพิสูจน์ มังกรในเงามืดเตรียมทะยานฟ้า

    ในยามที่มิติภายในสร้อยคอผสานรวมกับผลึกทมิฬชิ้นใหม่ ความเปลี่ยนแปลงบางสิ่งก็เริ่มเกิดขึ้นอย่างแผ่วเบา หากแต่ลึกซึ้งจนสัมผัสได้ถึงแก่นแท้ของพลัง เสี้ยวหนึ่งของมิตินั้นเริ่มสั่นสะเทือนอย่างเงียบงัน ราวกับม่านหมอกอันดำสนิทที่เคยปกคลุมทั่วทุกทิศ เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นกระแสพลังทมิฬอันหนาแน่นและบริสุทธิ์กว่าก่อนหน้า ซ่งเหยียนเฟย เหินร่างจิ๋วอันงดงามประหนึ่งตุ๊กตาเทพหยก ก้าวเข้าสู่ความมืดมิดอันไร้จุดจบในมิติแห่งนี้ด้วยสีหน้าครุ่นคิดลึกซึ้ง ร่างของเขาแม้จะเล็กจ้อยดั่งนกน้อยในเงามังกร แต่ความเย่อหยิ่งสง่าของเผ่าทมิฬหาได้พร่ามัวลงไม่ ผ้าคลุมสีชาดโบกสะบัดพลิ้ว ท่ามกลางพลังปราณสีดำที่วนเวียนดั่งพายุใต้บาดาล “ความมืด… หนาขึ้นกว่าคราแรกเสียอีก” เสียงนุ่มลึกของเขาเอื้อนเอ่ยในความเงียบ เขายื่นฝ่ามือเรียวเล็กออกไป พลังทมิฬที่ปะทุอยู่อย่างแผ่วเบารอบตัวไหลซึมเข้าสู่ผิวเนื้อ ก่อเกิดประกายเรืองรองสีดำวาววับที่ชั้นผิว พลังอันน่าพิศวงนี้ไม่เพียงโอบอุ้มจิตใจ หากยังปลุกเร้ากายเนื้อให้เร่งฟื้นฟูราวปาฏิหาริย์ “เพียงแค่ชิ้นเดียว… มิติแห่งนี้กลับมีการตอบสนองถึงเพียงนี้?” ดวงเนตรเขม็งมองไปยังความเวิ้งว้างเบื้องหน้

  • ดาบพิฆาตสลับนภา   บทที่24 พบพานหินทมิฬ ปริศนาสร้อยคอ

    สายลมยามบ่ายแห่งเมืองซูไห่พัดโบกเอื่อยเบา หอบเอากลิ่นคาวของทะเลสาบ ผสมกับกลิ่นหอมจางๆ ของโอสถสมุนไพรที่ลอยอวลอยู่ทั่วไปในตลาดกลางเมือง ผู้คนหลากชนชั้นเดินขวักไขว่ ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าแม่ขาย ผู้ฝึกยุทธ์ในชุดยาวแสดงยศสำนัก หรือแม้แต่ผู้คนธรรมดาที่ถือถุงห่อข้าวปลาเดินสัญจรไปมา บางคนกำลังต่อรองราคาสินค้าอย่างออกรส บ้างนั่งพักหลบร้อนใต้ร่มผ้าปูตลาดแห่งนี้อึกทึกทว่าไม่ไร้ระเบียบ บรรยากาศกลับแฝงไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวที่หาไม่ได้จากหมู่บ้านเล็กอย่างเทียนฟู… อวี้เหวินเดินทอดสายตาไปรอบด้าน ความรู้สึกคล้ายอยู่ในโลกอีกใบที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและความเป็นไปได้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด“นี่แหละเมืองซูไห่ของแท้…” อู๋ซวนยิ้มพลางกวักมือเรียก “ทางนั้นคือร้านขายอาวุธ ส่วนฝั่งโน้นมีโรงน้ำชาใหญ่ ท่านรู้ไหมว่าชั้นบนมีนักเล่านิทานระดับตำนานประจำทุกค่ำคืนเลย!”อวี้เหวินพยักหน้าน้อยๆ ไม่ได้กล่าวอันใด แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความสนใจสายตาทั้งสองพลันสะดุดเข้ากับร้านหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางถนนรอง มุงด้วยหลังคาผ้าสีซีดดูธรรมดายิ่งนัก หากแต่ตั้งเรียงรายไว้ด้วย “ก้อนหิน” หลากขนาด สีสันไม่งดงาม ไม่อร่ามเรือง หากแต่แฝงกลิ่นอายเร้นลับ

  • ดาบพิฆาตสลับนภา   บทที่23 พบสหายใหม่ ณ นครหมอกเงิน

    รถม้าค่อยๆ แล่นผ่านถนนหินเรียบของเมืองซูไห่ บรรยากาศโดยรอบยังคงอบอวลด้วยกลิ่นสมุนไพรและไออุ่นของแสงแดดยามเที่ยง ใต้หลังคาโค้งของเรือนร้านค้า ผู้คนยังเดินขวักไขว่ด้วยจังหวะเร่งรีบที่แฝงด้วยจุดมุ่งหมาย เด็กเร่ขายข่าววิ่งสวนทางกับแม่ค้าขายโอสถ เงาของรถม้าคันหนึ่งทอดยาวลงบนพื้นหินราวกับบันทึกเส้นทางแห่งวาสนา ภายในรถ อวี้หลานยกม่านผ้าเปิดออกเล็กน้อย มองผ่านความพลุกพล่านไปยังตรอกซอยเบื้องหน้า ดวงตาเขาฉายแววเงียบขรึมครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหันไปกล่าวกับชายชราที่ยังกุมบังเหียนอยู่ “ผู้อาวุโสหลี่ ที่ตรงนั้นคงจะพอแล้ว... พวกข้าสองพ่อลูกจะขอลงตรงนี้เถิด มิเหมาะนักที่จะรบกวนพวกท่านไปมากกว่านี้” ชายชราหันขวับกลับมา คิ้วขมวดเล็กน้อย “เหตุใดต้องรีบร้อนนัก น้องอวี้ เราเองก็เหมือนญาติมิตรกันแล้ว ไหนเลยจะเรียกว่ารบกวนได้?” อวี้หลานยิ้มบาง สีหน้าสงบ “ท่านผู้อาวุโสเป็นผู้มีคุณ ข้ากับบุตรชายเพียงได้รับเมตตา ชายชาติบัณฑิตควรรู้จักถนอมวาสนาให้เหมาะสม นับจากนี้เส้นทางของพวกข้าคงแตกต่างจากท่านแล้ว... ที่ตรงนี้เพียงพอ ขอบคุณท่านเป็นอย่างยิ่ง” ชายชราเงียบงันไปครู่ ก่อนถอนหายใจเบาๆ “เช่นนั้นก็แล้วแต่...

  • ดาบพิฆาตสลับนภา   บทที่22 เมืองซูไห่ ดินเเดนเเห่งโอสถ

    กลางป่าเงียบสงบที่บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นสนามรบ เสียงฟาดปะทะและเสียงร้องคำรามแทรกซึมไปทั่วทุกอณูอากาศ ดั่งเสียงของสายฟ้าที่ฟาดลงกลางพงหญ้า เสียงแห่งการต่อสู้บังเกิดขึ้นพร้อมกับแสงจันทร์ที่ส่องลงมาอย่างเวทนา หัวหน้าโจรซึ่งบัดนี้ลุกขึ้นจากพื้นได้แล้ว ดวงตาเปี่ยมด้วยเพลิงโทสะ ร่างพุ่งเข้าใส่ชายชราผู้สงบเย็น แต่กลับแฝงด้วยความน่าเกรงขาม “แก...เจ้าคนเฒ่า! กล้าดีอย่างไรถึงกล้าซัดข้าก่อน!” “เจ้าต่างหากที่กล้าเสียยิ่งกว่า ข้าผู้มีอายุคราวปู่เจ้ายังไม่อาจปล่อยให้หยาบคายได้ตามอำเภอใจ” ชายชรากล่าวเสียงเรียบ ดวงตาทอประกายสงบนิ่ง แต่ฝ่ามือทั้งสองกลับกางออกอย่างมั่นคง ยืนตรึงพื้นดินประหนึ่งเสาเข็มแห่งขุนเขา พริบตานั้น สองร่างพุ่งเข้าหากัน เสียงหมัดกระทบหมัดดัง “ปัง!” ลั่นสนั่น แรงกระแทกแผ่สะเทือนไปทั่ว รถม้าไหววูบเล็กน้อย เศษใบไม้ปลิวว่อนในอากาศ ในอีกฟากหนึ่ง อวี้เหวินซัดหมัดอัคนีสังหารซ้ำแล้วซ้ำเล่า ร่างของศัตรูแต่ละคนปลิวกระเด็นราวใบไม้หลุดจากกิ่ง ใบหน้าของเด็กหนุ่มเปื้อนเลือดของศัตรู แต่แววตานั้นยังคงแน่วแน่ไม่คลอนแคลน ขณะนั้นเอง พ่อของเขากำลังจะวิ่งเข้ามาช่วยเหลือด้วยมือเปล่า “ท่านพ่อ! ท่า

  • ดาบพิฆาตสลับนภา   บทที่21 ใต้แสงจันทร์กลางป่า เพลิงเเห่งการต่อสู้พลันลุกโชน

    แสงแดดยามสายสาดส่องลอดผ่านช่องว่างของกิ่งไม้ ทาบเงาไม้เป็นลายทออยู่บนพื้นดินที่แห้งกรัง เสียงนกร้องก้องอยู่ไกลลิบคล้ายกำลังร่ำลา และลมยามเช้าที่แผ่วเบานั้นก็เย็นเยียบกว่าทุกวัน... หรือบางทีอวี้เหวินอาจเพียงรู้สึกไปเองวันนี้ วันที่เขาต้องก้าวเท้าออกจากหมู่บ้านแห่งนี้... ได้มาถึงแล้วเขายืนอยู่หน้าบ้านไม้เก่าหลังคุ้นเคย ใบหน้าเรียบนิ่ง แววตาค่อย ๆ กวาดมองจากหลังคาที่ยังมีรอยซ่อมเก่า ๆ ฝีมือของบิดา ลงมาจนถึงชานไม้ที่เขาเคยวิ่งเล่นสมัยเด็ก และหยุดอยู่ที่บานประตูที่เขาเคยเปิดปิดนับครั้งไม่ถ้วนในแต่ละวันทุกสิ่งล้วนเงียบสงบเกินไป“ต่อจากนี้... บ้านหลังนี้ คงเงียบเหงาไร้ผู้คนแล้วกระมัง”เสียงพึมพำของเขาเบาจนแทบถูกกลืนไปกับสายลม ทว่าในใจกลับหนักอึ้งยิ่งนักตั้งแต่ลืมตาดูโลกเมื่อสิบห้าปีก่อน เขาไม่เคยก้าวออกไปไกลกว่าภูเขาหลังหมู่บ้านเลย บ้านหลังน้อยหลังนี้คือทั้งโลกของเขา เป็นที่ที่เขาเรียนรู้จักความอบอุ่น ความทุกข์ และความหวังขณะที่สายตายังทอดมองบ้านหลังนั้น อวี้เหวินพลันส่ายหัวเบา ๆ อย่างรำคาญตัวเอง ราวกับจะสะบัดความอาลัยออกจากใจ ก่อนจะละสายตาจากภาพตรงหน้า แล้วถอนหายใจออกมาอย่างเงียบงัน“

  • ดาบพิฆาตสลับนภา   บทที่20 บทเริ่มเเห่งเพลิงล้างเเค้น!

    ชายชราสบถในใจ ‘ข้าจะไม่ปล่อยให้ศึกนี้ยืดเยื้อต่อไปอีก!’เขาสะบัดแขนเสื้อ มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปหยิบของบางสิ่ง มันคือ “ยันต์มารสังหาร” อักขระโบราณที่สลักไว้ด้วยโลหิตของจอมยุทธ์ยุคบรรพกาล พลังมารเข้มข้นหมุนวนอยู่ภายใน พอปรากฏออกมาก็ส่งกลิ่นอายมรณะจนพืชพรรณรอบข้างเหี่ยวเฉาในพริบตาชายชรากระตุกยิ้มเย็น แรงกดดันจากพลังมารพลันทวีคูณ เขาโยนยันต์ออกไปกลางอากาศ ก่อนจะร่ายอาคมควบคุม มันเปล่งแสงสีดำสนิท ก่อนจะพุ่งทะลวงเข้าใส่อสรพิษยักษ์“จงสลายไปซะ!” เขากล่าวเสียงก้องยันต์มารสังหารพุ่งเข้าใส่ร่างของอสรพิษยักษ์โดยตรง พลังมหาศาลปะทุขึ้นเป็นระลอก เงามารมหึมาปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้า กดทับร่างของมันไว้แน่น ก่อนที่เส้นแสงสีดำจะฉีกกระชากพลังอสูรของมันจนแหลกสลายอสรพิษยักษ์กรีดร้องเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ร่างของมันจะค่อย ๆ แหลกสลายไปกับสายลม เหลือเพียงเถ้าถ่านสีดำล่องลอยอยู่กลางอากาศชายชราหอบหายใจ ดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นชา เขาเก็บยันต์ที่เหลือกลับเข้าไป ก่อนจะปรายตามองอวี้เหวินที่ซุ่มอยู่ห่าง ๆ ‘เจ้าหนู ข้ารู้นะว่าเจ้าคิดอะไรอยู่…’ชายชราจ้องมองซากของอสรพิษยักษ์ที่แน่นิ่งอยู่ตรงหน้า ดวงตาของเขาทอประกายเย

  • ดาบพิฆาตสลับนภา   บทที่19 เผชิญหน้าปีศาจชราเเห่งเงามาร

    ภายในเรือนรับรองแขกแห่งหมู่บ้านเทียนฟู บรรยากาศในห้องเจรจาคลุ้งไปด้วยกลิ่นชาอ่อน ๆ ควันจางลอยขึ้นจากกาน้ำชาเคลือบเงา หวังหยวนนั่งอยู่ ณ ที่นั่งอันสูงศักดิ์ เบื้องหน้าคือหัวหน้าหมู่บ้านเทียนฟู ผู้มีท่าทางสุขุมแต่แววตาเต็มไปด้วยความกังวล "ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ข้าได้ยินมาว่าเมื่อประมาณหนึ่งถึงสองเดือนก่อน มีแสงประหลาดดั่งดาวตกพุ่งลงมายังเขตเขาใกล้หมู่บ้านแห่งนี้ มิทราบว่ามีผู้ใดเห็นสิ่งนั้นอย่างชัดเจนบ้างหรือไม่" หวังหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงไว้ด้วยความหมายล้ำลึก หัวหน้าหมู่บ้านขยับกาน้ำชาช้า ๆ ก่อนถอนหายใจเบา ๆ "เรื่องนี้... ข้าเองก็ได้ยินมาอยู่บ้าง มีชาวบ้านบางคนอ้างว่าเห็นประกายสีแดงฉาน ตกลงยังหุบเขา แต่...หลังจากนั้นก็ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปสำรวจด้วยตนเอง" เขาเว้นระยะไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียงเบา "ท่านเองก็มาที่นี่เพราะเหตุนี้ใช่หรือไม่?" หวังหยวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พลางจิบชาตรงหน้า สีหน้าของเขายังคงสงบนิ่ง แต่ภายในดวงตา ทอแววพินิจครุ่นคิดอยู่ลึก ๆ "ในเมื่อมีดาวตกปริศนา ตกลงในเขตนี้ แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปตรวจสอบเลยแม้แต่ผู้เดียว? หรือว่า... มีบางสิ่งที่มิอาจเปิดเผย

  • ดาบพิฆาตสลับนภา   บทที่18 ได้เเหวนมิติมาครอบครอง

    ผ่านไปหลายชั่วยาม ท่ามกลางสายลมราตรีอันเงียบสงัด เงาหนึ่งปรากฏขึ้นเหนือปากปล่องลาวา ลมวูบหนึ่งพัดไอร้อนให้กระจายออก เผยให้เห็นร่างของชายชราในอาภรณ์ดำหม่น เส้นผมสีเทาแซมขาวปล่อยยาวถึงกลางหลัง ดวงตาเรียวเล็กเป็นประกายเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มมุมปากฉายความเจ้าแผนการอันลึกล้ำ ชายชราผู้นี้ดูคล้ายเร่ร่อนไร้หลักแหล่ง แต่ทุกอากัปกิริยากลับเต็มไปด้วยพลังอันลึกล้ำ และแฝงกลิ่นอายของพรรคมารอย่างเด่นชัด เขากวาดตามองร่องรอยพลังที่ยังคงหลงเหลืออยู่ บ่อลาวาที่ยังคงเดือดพล่าน และเศษซากของแรงระเบิด ก่อนจะยกมือขึ้นลูบเคราของตนพลางถอนหายใจเบา ๆ “มาสายไปงั้นรึ?” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเสียดาย ราวกับพลาดโอกาสสำคัญไปเสียแล้ว เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าแล้วเปลี่ยนสีหน้ากลับมาเป็นเรียบเฉย แต่ในดวงตากลับฉายแววครุ่นคิด คำนวณกลอุบายภายในใจ “ภูเขาแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านแห่งหนึ่ง… บางทีที่นั่นอาจมีเบาะแสที่ข้าต้องการ” เขาพึมพำกับตนเอง ก่อนจะกระตุกยิ้มบาง ๆ อย่างมีเลศนัย แล้วในชั่วพริบตา ร่างของเขาก็พลันเลือนหายไปพร้อมกับสายลม ทิ้งไว้เพียงกลิ่นอายแห่งความลึกลับ และแรงลมที่พัดกระพือรอบพื้นที่นั้น ---

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status