กินข้าวเสร็จลลิตาก็มานั่งข้าง ๆ ป๊าที่กำลังดูข่าวในโทรทัศน์ หูเธอฟังข่าว แต่ตากำลังดูรูปโปรไฟล์ของบรรดาผู้ชายที่เพิ่งจะแมทช์ด้วยในแอปพลิเคชันหาคู่ กลัวมันก็กลัว ยังจำได้ดีว่าอธิติขู่อะไรไว้บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นใจมันก็อยากจะลองอีกสักครั้ง ตอนนี้ชีวิตยังแปลกใหม่ไม่พอ เอาเข้าจริงก็แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยด้วยซ้ำ ก็แค่เคยลิ้มลองเรื่องเซ็กซ์แล้วก็แค่นั้น“หลิน…เอาขนมไปให้บ้านโน้นเขาหน่อย” สองบ้านแบ่งปันทุกอย่างแก่กันตลอด วันนี้วรรณวิมลเข้ากรุงเทพ พอได้เห็นขนมหน้าตาน่ากินก็ซื้อกลับบ้าน ไม่ลืมที่จะซื้อเผื่ออีกบ้านด้วย“ตอนนี้เลยเหรอม้า?”“ก็ต้องตอนนี้สิ จะให้เป็นตอนไหนล่ะ?”“โอเค ๆ” ที่ถามว่าจะต้องเป็นตอนนี้เลยหรือมันก็เป็นเพราะว่าเธอรู้ ตกค่ำแบบนี้บ้านโน้นจะเหลือแค่อธิติคนเดียวที่อยู่เฝ้าบ้าน เพราะกันต์ธีร์จะต้องกลับเข้ากรุงเทพนอนที่คอนโดมิเนียมใกล้ ๆ โรงพยาบาลที่ทำงาน ส่วนชยางกูรกับพ่อแม่จะชอบขับรถวนดูสาขาในทุกคืนวันศุกร์ ถ้าเธอไปที่บ้านนั้นตอนนี้ก็เท่ากับว่าต้องเจออธิติหากเป็นไปได้เธอก็อยากจะเลี่ยงการพบเจอเขา อย่างน้อยก็ควรต้องเว้นระยะห่างจากเขาสักพักก่อน แต่เห็นแล้วว่าเลี่ยงไม่ได้ รับกล่อง
6 คู่นอนระยะยาวจากที่คิดว่าจะนอนกับอธิติเพียงครั้งเดียวแล้วจบ ลลิตาก็ไม่สามารถเอาชนะความต้องการของตัวเองได้ เปลี่ยนมาเป็นคู่นอนชั่วคราว และสุดท้ายก็กลายมาเป็นคู่นอนระยะยาว เลยเถิดมาไกลจนหนึ่งปีเต็ม ลลิตาเลื่อนสถานะจากน้องสาวแถวบ้านมาเป็นคู่นอนระยะยาวของอธิติอย่างเต็มรูปแบบ เธอใช้ช่วงชีวิตวัยยี่สิบแปดปีจนถึงยี่สิบเก้าปีไปกับเซ็กซ์ เซ็กซ์แล้วก็เซ็กซ์ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น มันคล้ายกับว่าเธอกำลังลุ่มหลง มัวเมาและหมกมุ่นอยู่กับความรู้สึกฟินเวอร์ที่อธิติมอบให้ เริ่มต้นด้วยครั้งแรกแบบไม่ประสีประสา ต่อด้วยครั้งที่สอง ลามมามาถึงครั้งที่สามและสี่ จนกระทั่งครั้งที่สองร้อยแล้วเห็นจะได้มันนับไม่ถ้วนแล้วว่าลลิตาเคยได้เล่นบทสวาทกับอธิติไปกี่ครั้ง จากที่เธอไม่เป็นงาน ตอนนี้กลายเป็นเก่งกล้าสามารถ และใช่…ตลอดหนึ่งปีที่อยู่ในความสัมพันธ์แบบไร้สถานะกับเขา เธอไม่เคยไม่ได้มีแฟนหรือสร้างความสัมพันธ์กับผู้ชายคนไหน ไม่เคยได้ลิ้มลองเซ็กซ์กับใครอื่นเลยนอกจากเขา หากจะถามว่าทำไม หกเดือนแรกลลิตาตอบไม่ได้ ตอนแรกคิดแค่ว่าเสพติดเซ็กซ์ของเขาอย่างเดียว แต่เมื่อสามเดือนก่อนเธอเพิ่งได้คำตอบเธอเสพติดเซ็กซ์ของเฮียอี้ แ
“ตอบแบบนี้ถ้าเจ้านายเธอมาได้ยิน เขาคงจะผิดหวัง” พูดไปก็ส่งมือหนาไปลูบไล้ต้นขาของลลิตาไป อธิติเป็นพวกมือปลาหมึก เขาชอบจับชอบลูบชอบคลำเนื้อตัวเธอเป็นว่าเล่น พอจับแล้วก็ชอบเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหน แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าลลิตาไม่ชอบ สองคนเป็นพวกคลั่งสกินชิพเหมือนกัน ถึงได้อยู่ด้วยกันได้“แล้วหลินต้องตอบว่าอะไร?” พอเขาเริ่มลูบไล้ ลลิตาก็เริ่มเคลื่อนกายเข้าไปใกล้ กระเถิบตัวเข้าไปนอนอิงแอบแนบชิดเพื่อให้เขาได้ลูบเธอมากขึ้น“ไม่รู้ เฮียไม่ใช่คนขายเกม…เฮียแค่เล่นเฉย ๆ”“แล้วเมื่อไหร่จะเลิกเล่น?”“ทำไมต้องเลิก?”“ไม่เบื่อบ้างเหรอ…เฮียเล่นแต่เกมทั้งวัน”“ไม่เบื่อ แล้วก็ไม่ได้เล่นทั้งวัน…อย่างตอนนี้ก็ไม่เล่นเกมแล้ว จะเล่นเธอแทน” ว่าแล้วก็ถาโถมกายเข้าทาบทับ ดึงคนตัวเล็กให้มาอยู่ภายใต้การควบคุม สอดมือล้วงเข้าใต้กระโปรงยีนที่สั้นเหนือเข่าของเธอ เขาเริ่มเคล้นคลึง ปากที่พร่ำพูดก็ขบดูดผิวกายหอม ๆ ของเธอไปด้วย“อื้อ! เฮีย…แล้วถ้าต้องเลือกล่ะ? ถ้าต้องเลือกระหว่างเล่นหลินกับเล่นเกมไปตลอดชีวิต เฮียจะเลือกอะไร?”“จุ๊บ! จ๊วบ! นึกว่าเธอจะรู้คำตอบอยู่แล้วซะอีก”“อ๊ะ! ถ้ารู้จะถามเหรอ?”“ไม่เลือก…เฮียจะเล่นทั้งเธอแล
7 พี่ชายแถวบ้านตั้งแต่ที่เข้ามาทำงานตำแหน่ง Project Coordinator หรือก็คือการประสานงานในองค์กรควบไปถึงระหว่างองค์กร ลลิตาก็ได้พบเจอผู้คนมากขึ้น เธอต้องงัดทักษะด้านการสื่อสารและประนีประนอมออกมาใช้ ก็ต้องเจอผู้คนมากหน้าหลายตา หลายชนชั้นวรรณะ ต่างที่มาที่ไป แม้จะตั้งใจปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียม แต่ก็ใช่ว่าจะทำแบบเดิม แบบเดียวกันได้กับทุกคน เรื่องพูดเพราะ พูดจาอ่อนหวานน่ะไม่ต้องห่วง ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับงานลลิตาทำได้ ระยะเวลาหนึ่งปีมานี้เธอฝึกยิ้มและฝึกความเป็นมิตรมาอย่างดีงานจะเดินได้ดี รวดเร็วและสำเร็จไปอย่างราบรื่นมันก็ขึ้นอยู่กับฝีปากและรอยยิ้มของเธอนี่แหละเพราะแบบนี้เองที่ทำให้ลลิตากลายเป็นคนโปรดของทุกทีม พี่ ๆ ฝ่ายบัญชีรักที่เธอส่งบิลตรงเสมอ เพื่อน ๆ จากทางมาร์เก็ตติ้งก็เอ็นดูที่เธอคุยง่าย ช่วยอะไรหลายอย่างได้ดี จะเด็ดที่สุดก็คือหนุ่ม ๆ จากแผนกไอทีนี่แหละที่ปลื้มเธอจนแทบคลั่ง เมื่อก่อนลลิตาใช้ชีวิตธรรมดาไปวัน ๆ ไม่สุงสิงกับใคร ไม่เข้าหาหรือสานสัมพันธ์กับคนในองค์กร เพราะแบบนั้นเธอถึงได้หมดไฟกับการทำงานไปอย่างน่าเสียดาย แต่พอย้ายมาทำงานที่เรด ร็อกเก็ต ไฟการทำงานของเธอก็พุ่งปร
เดินมาถึงหน้าตึกซัน ทาวเวอร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของออฟฟิศเรด ร็อกเก็ต ลลิตาก็ได้เห็นรถของอธิติจอดรออยู่ ที่จริงต้องบอกว่ามันคือรถของที่บ้านเขา เพราะตัวเขาเองนั้นไม่มีรถ จะให้พูดตรง ๆ เท่าที่เธอรู้เขาคนนี้ไม่มีทรัพย์สินอะไรเป็นของตัวเองนอกจากชุดคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เขาใช้เล่นเกมอยู่ทุกวัน เธอขึ้นมานั่งบนรถ พอเห็นว่าเขาใส่เสื้อบอลมาก็ได้แต่ถอนหายใจไม่รู้ว่าเมื่อไรจะเลิกใส่เสื้อบอลนี่ออกจากบ้านสักที!“เสื้อที่หลินซื้อให้มีตั้งเยอะ เฮียเอาไปทิ้งไว้ไหนหมด?” เธอซื้อทั้งเสื้อทั้งกางเกงดี ๆ ให้เขา ไม่เคยสักครั้งที่จะเห็นเขาใส่“จะทิ้งทำไม? มันก็แขวนอยู่ในตู้นั่นแหละ”“แล้วทำไมไม่เอามาใส่?”“ก่อนจะถามเรื่องเสื้อ…บอกเฮียหน่อยไหมว่าไปไหนมา? เฮียมารอตั้งแต่ห้าโมงครึ่งแล้วนะหลิน เลิกงานแล้วไปไหนวะ?” น้ำเสียงของเขาหงุดหงิด ก็เขามารอเธอตั้งหนึ่งชั่วโมงครึ่งแล้ว“หลินไปกินปิ้งย่างกับเพื่อนมา แล้วปกติเฮียก็มารับหลินสายตลอด…ครั้งนี้ก็คิดว่าจะมาสายเหมือนเดิม”“จะคิดแบบนั้นได้ยังไง?”“ก็ใครจะรู้ล่ะว่าเฮียจะมาตรงเวลา มาถึงแล้วทำไมไม่โทรมาอะ?”“ก็เฮียลืมเอามือถือออกมาด้วย แล้วเรานัดกันไปดูหนังไม่ใช่เหรอ? ทำไม
8 งอนเองหายเอง“แปลก ๆ”พอลลิตากับอธิติแยกตัวออกไปจากร้านบิงซู ซาร่าคนขี้สงสัยก็ทำจมูกย่น สูดลมหายใจสั้น ๆ หลายทีติดต่อกันจนเกิดเป็นเสียงฟุดฟิด คำว่าแปลก ๆ ที่เอ่ยออกมานั้นมันเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้เรื่องชาวบ้านล้วน ๆ“แปลก ๆ อะไรของแกวะ? กลับบ้านกันเถอะ”“สองคนนั้นอะ แกว่าเป็นแค่พี่น้องแถวบ้านกันจริงเหรอวะ? พี่น้องแท้ ๆ แม่งยังไม่เช็ดปากให้กันเลย แต่นี่เป็นแค่พี่แถวบ้าน แล้วแกเห็นไหมว่าเฮียอี้จ้องหน้าแกไม่ยอมละสายตาเลย”“ไม่เห็น เพราะฉันมัวแต่มองหน้าหลินอยู่”“ตอนนี้ฉันว่ามีอยู่สองกรณีว่ะ ถ้าเฮียอี้ไม่ได้เป็นเกย์ก็ต้องเป็นแฟนไอ้หลินมันแน่ ๆ ที่มองหน้าแกแบบนั้นถ้าไม่ใช่เพราะชอบแก ก็คงเป็นเพราะหึงไอ้หลินชัวร์ ๆ”“เกย์บ้าอะไรของแกวะ? ฉันไม่เห็นรู้สึกเลยว่าเฮียอี้จะเหมือนเกย์ตรงไหน” พิชญะเห็นต่างจากญาติสนิทขี้สงสัยของเขา “ไหนแกบอกว่าหลินโสดแล้วก็ยังไม่สนใจเรื่องหาแฟนไง? สองคนนั้นจะเป็นแฟนกันได้ยังไง แล้วถ้าเป็นแฟนกันจริง ๆ ทำไมต้องปิดบัง?”“นั่นน่ะสิ ถึงได้บอกว่ามันแปลก ๆ ไง ก็ถ้าเฮียอี้ไม่ใช่เกย์แล้วก็ไม่ใช่แฟนของไอ้หลิน ทำไมต้องแย่งทิชชูจากมือแกไปเช็ดปากไอ้หลิน? สายตาที่มองแกมันก็คล
“เฮียก็รู้นี่ว่าหลินงอน! แล้วทำไมไม่ง้อ?”“ก็ไม่รู้ว่างอนเรื่องอะไร จะให้ง้อยังไง? จะให้ทำไปงั้น ๆ ง้อไปส่ง ๆ เหรอ? แบบนั้นเธอโอเคหรือไง?” เขารู้ว่าลลิตาคงไม่พอใจอะไรสักอย่าง แต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร มันอาจเป็นเรื่องหนังแอ็คชั่นที่เขายืนยันว่าต้องดูให้ได้ทั้งที่เธอไม่ชอบดู หรืออาจเป็นเรื่องที่เขาบังคับให้เธอกินปิ้งย่างทั้งที่เธอบอกว่าอิ่มจนแทบกลืนไม่ลง คิดวนไปวนมามันก็น่าจะมีแค่สองเรื่องนี้“ช่างเหอะ หลินจะมาคาดหวังอะไรจากคนอย่างเฮียได้ล่ะ?”“…” คาดหวัง…สิ่งที่อธิติเกลียดที่สุด เขาเกลียดการถูกคาดหวังมากกว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ แล้วเขาก็เคยบอกเธอไปแล้วว่าอย่ามาคาดหวังอะไรจากเขา เพราะตัวเขาก็เองก็ไม่เคยคาดหวังอะไรจากใคร แม้แต่กับเธอก็ด้วย“เฮีย…” ลลิตาเพิ่งรู้ตัวว่าหลุดปากพูดสิ่งที่เขาเกลียดออกมา เห็นเขานิ่งไปเธอก็รู้ทันทีว่าเขากำลังไม่พอใจ“เฮียจะไปส่งที่บ้าน”“เฮีย…หลินไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น หลินหมายถึง…หลินไม่น่างอนให้เฮียง้อ ทั้งที่หลินก็ควรต้องรู้อยู่แล้วว่าเฮียง้อใครไม่เป็น”“ไม่ใช่ง้อไม่เป็น แต่ไม่รู้ว่าจะง้อยังไง ก็เฮียไม่รู้ว่าเธองอนเรื่องอะไร” ว่าแล้วเขาก็สตาร์ทเครื่องรถย
9 เด็กดีของเฮียเมื่อคืนอธิติส่งลลิตาเข้านอนไปตอนตีสามด้วยเสียงครางและความฟินอย่างถึงที่สุด คำบอกฝันดีของเขามันไม่ใช่คำพูด หากเป็นสัมผัสแสนล้ำลึกที่ทำให้เธอล่องลอยไปไกลถึงสวรรค์ชั้นเจ็ด พอเช้าขึ้นมาเขาก็บอกอรุณสวัสดิ์รับวันใหม่เธอด้วยจูบอันดูดดื่ม ไม่เพียงเท่านั้นยังอุ้มเธอพาเข้ามาในห้องน้ำ เขาบอกว่าอยากอาบน้ำกับเธอ แต่ไม่มันจะไม่จบเพียงเท่านั้นลลิตารู้ดี รู้ว่าเขาจะกระหน่ำเสพสมกับเธอระหว่างอาบน้ำ รู้ว่าเขาจะไม่หยุดจนกว่าน้ำในกายหยดสุดท้ายจะหลั่งออกมาอธิติชอบมีเซ็กซ์พอ ๆ กับที่ชอบออกกำลังกายและเล่นเกม ขณะที่ลลิตาก็เคลิบเคลิ้มหวามไหวไปกับสัมผัสที่เขามอบให้ สองคนเปลือยเปล่ากอดรัดฟัดกันจนแบบจะหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน สายน้ำจากฝักบัวไหลชโลมกายคนทั้งสองจนชุ่มฉ่ำ ทว่าที่ฉ่ำกว่าคงจะหนีไม่พ้นตรงกลางหว่างขาของลลิตา เธอครางเสียงกระเส่าในตอนที่เขาอัดกระแทกเข้ามา กัดปากร้องเสียวไม่หยุดให้กับทุกความกระสันซ่านที่เขามอบให้“เฮีย…ท่านี้เข้ามาลึกจังเลย อ๊าห์! ลึกจนหลินจุกไปหมดแล้วเฮียอี้” ลลิตาโอบรอบคออธิติไว้แน่น ตอนนี้เขากำลังกระเตงอุ้มเธออยู่ กระทุ้งกระแทกเข้ามาแบบเน้น ๆ รัวเร็วและลึกสุดใจในทุกดอก
บทส่งท้ายในที่สุดวันที่ลลิตาและอธิติรอคอยก็มาถึง เป็นวันงานแต่งงานของเขาและเธอ ซึ่งแม้ว่าทั้งสองจะมีเชื้อสายจีนแต่ก็เลือกจะจัดงานตามความสะดวก เป็นพิธีแบบผสมผสานไม่ได้ตรงตามแบบแผนใด ๆ ช่วงเช้าจัดเป็นพิธีหมั้น มีการสวมแหวนและมอบสินสอด ส่วนช่วงบ่ายจนถึงเย็นก็เป็นงานเลี้ยงที่จัดขึ้นในสวนดอกไม้เจ้าบ่าวในชุดสูทสีน้ำเงินยืนรอเจ้าสาวอยู่ที่ซุ้มดอกไม้ เขาเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อเพลงบรรเลงเริ่มดังขึ้น หัวใจมันเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เขาที่เคยผิดหวังครั้งใหญ่ในชีวิตจนล้มเลิกความคิดเรื่องแต่งงานไปแล้ว ไม่คิดไม่ฝันว่าสุดท้ายจะอยากแต่งงานกับใครสักคนขึ้นมาอีกครั้ง และไม่คิดเช่นกันว่าคนคนนั้นจะเป็นลลิตา น้องสาวที่เขาเห็นหน้าเห็นตามาตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยคิดว่าจะรักเธอในรูปแบบนี้มาตั้งแต่แรกเขาไม่เคยคิดว่าชีวิตจะอยู่โดยมีเธอเข้ามาเป็นแรงผลักดันไม่เคยคิดเลยว่าอยู่ ๆ จะอยากเป็นเสาหลักค้ำชูใครจนกระทั่งเขาได้ตกหลุมรักเธอเข้าเต็มหัวใจถามว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้เขารักเธอได้มากมายขนาดนี้ อธิติตอบไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าเริ่มรักเธอในฐานะผู้ชายคนหนึ่งตอนไหน ไม่รู้เลยว่าเพราะอะไรถึงรัก รู้เพียงแต่ว่า…ไม่มีเธออยู่เคียงข
“คิดว่าเฮียรู้ไม่ทันเหรอว่าเธอแกล้ง?”“หลินแกล้งเฮียบ้างไม่ได้เหรอ? ทีเฮียชอบแกล้งหลินล่ะ?” ลลิตาเชิดหน้าพร้อมรอยยิ้มอย่างคนท้าทาย แต่สุดท้ายก็ต้องนิ่วหน้าเสียวเมื่ออธิติล้วงลึกเข้าไปถึงจุดสั่นไหว “อื้อ…เฮียอี้!”“เปียกเฉย…แค่อมให้เฮียก็ทำให้เธอเสียวได้เหรอ?”“คิดว่าตัวเองอยากเป็นคนเดียวหรือไง?”“บอกเฮียสิว่าเธออยากมากแค่ไหน” สองคนจ้องตากันและกัน เรียวนิ้วของอธิติสอดลึกเข้าถึงโพรงอุ่น ตวัดเกี่ยวกระทำความเสียวซ่านให้คนตัวเล็ก แล้วเธอก็ร่อนโยกสู้เรียวนิ้วเขาเป็นจังหวะ“อ๊ะ! โคตรอยากเลย…ฮึก! เฮียขา…หลินอยากโดนเฮียกระแทกแรง ๆ”“แรงแค่ไหน?”“แรงที่สุด…ฮึก! เฮียอี้…เอาหลินหน่อย…อ๊าห์! เอาหลินทีเฮียอี้” ไม่มีเหตุผลให้ลลิตาต้องเขินอาย อีกไม่กี่วันคนตรงหน้าก็จะได้ชื่อว่าเป็นสามีเธอแล้ว ความต้องการมันบังคับให้เธอร้องขอ โอบรอบคอเขามาประกบปากจูบ จูบแล้วก็จูบอีกทว่ามันยังไม่หนำใจ เหมือนได้เท่าไรก็ไม่พอ“ไม่อยากให้เฮียเลียให้ก่อนเหรอ?”“ฮึก! ไม่ต้องแล้ว…ใส่มาเลยได้ไหม? หลินต้องการเฮียจนจะทนไม่ไหวแล้ว อ๊ะ! อ๊าห์!” พูดไม่ทันขาดคำอธิติก็มอบสิ่งที่ลลิตาโหยหาให้เธอ ถลกชุดลูกไม้บาง ๆ ขึ้นแล้วเอาความเป็นเ
30 ที่รักกลับมาถึงคอนโดมิเนียมลลิตาก็เข้าครัวไปทำมื้อเย็น ส่วนอธิติก็เข้าห้องทำงานไปเคลียร์งานของตัวเอง ช่วงนี้เขาต้องทำงานหนักเพราะมีเกมใหม่ที่กำลังสร้าง ทำงานไปได้สักพักลลิตาก็มาเรียกให้ไปกินข้าว ดูเหมือนว่าความพยายามของลลิตาจะเริ่มแสดงผล เพราะข้าวอบกุ้งวันนี้รสชาติดีกว่าครั้งก่อน ข้าวสุกทุกเม็ด รสชาติไม่เค็มโดดแล้ว ถือว่าเป็นเมนูที่อร่อยใช้ได้“อร่อยไหม?” หญิงสาวเอ่ยถาม เธอชอบใจและมีความสุขทุกครั้งที่เห็นอธิติกินอาหารฝีมือเธอ“อะไรที่เธอทำก็อร่อยทั้งนั้นแหละ ถึงเธอเอาดินเอาโคลนมาให้กิน…เฮียก็ว่าอร่อย”“เวอร์! ใครจะเอาดินเอาโคลนมาให้สามีกิน”“…” เมนูแรกที่เธอทำก็เหมือนเอาโคลนมาผัด อธิตินึกอยากจะพูดคำนั้นแต่ไม่กล้า เขาไม่ใช่พ่อบ้านใจกล้าและไม่ชอบเวลาเมียงอนด้วย อีกอย่าง…คืนนี้เขายังอยากให้เธอง้ออยู่“ยังงอนหลินอยู่อีกเหรอ? หลินบอกแล้วไงว่าที่พูดไปว่าขาดทุนอะ มันไม่ได้หมายความว่าอยากไปนอนกับคนอื่นที่ไม่ใช่เฮีย…ขนาดนี้แล้วยังไม่เชื่อใจกันอีกเหรอ?”“ใครจะไปรู้ ต่อไปถ้าเจอใครมาทำเหมือนว่าเคยนอนกับเฮียอีก…เธอจะไม่พูดเรื่องนั้นขึ้นมาอีกเหรอ?” ที่จริงเขาหายโกรธหายงอนไปตั้งแต่ที่ได้ยินคำว่า
ลลิตาไม่ใช่แม่ศรีเรือนที่ชอบทำงานบ้านหรือทำกับข้าวเก่ง อาจต้องพูดว่าเธอแทบจะทำอาหารไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ แต่เมื่อรู้ตัวว่าจะต้องแต่งงานและเป็นแม่ของลูกในสักวัน เธอก็พยายาม…เริ่มทำงานบ้านให้ติดเป็นนิสัย เริ่มเข้าครัวฝึกทำอาหาร ซึ่งคนแรกและคนเดียวที่ต้องเป็นหนูทดลองชิมอาหารฝีมือเธอก็คือว่าที่คุณสามีหลังเลิกงานทั้งสองคนมักจะแวะซุปเปอร์เพื่อซื้อของเข้าบ้าน อธิติชอบทุกครั้งที่ได้มาซื้อของกับลลิตาแบบนี้ เขาจะคอยโอบเอว โอบไหล่เธอแบบที่ไม่ปล่อยให้เดินห่างจากกาย ไม่ว่าเธอจะเดินไปทางไหนเขาก็จะรีบตามติดเหมือนเป็นเงาตามตัว“วันก่อนที่หลินทำข้าวอบกุ้งให้กิน เฮียชอบไหม? อยากกินอีกไหม?” หญิงสาวเอ่ยถามขณะที่สองคนกำลังเดินเลือกซื้ออาหารสด“ข้าวอบกุ้งเหรอ?” อธิติจำได้ดีข้าวอบกุ้งที่เม็ดข้าวยังแข็งเพราะไม่สุกดี รสชาติก็เค็มจนแทบกลืนไม่ลง พูดได้เลยว่าลลิตาไม่เหมาะกับงานในบ้านเลยแม้แต่น้อย แต่เพราะเห็นถึงความพยายามเขาเลยกินมันจนหมดไม่เหลือสักเม็ด ชมเธอครั้งแล้วครั้งเล่าว่ามันอร่อยสุด ๆ“หรืออยากกินสปาเก็ตตีขี้เมาแบบวันนั้นอีก?”“เฮียกินอะไรก็ได้ เธอทำอะไรให้กินเฮียก็กินได้ทั้งนั้นแหละ” อธิติคิดแล้วคิดอีกว่าค
29 จากคู่นอนเป็นคู่รักนับจากวันที่อธิติได้สร้างเรื่องเซอร์ไพรซ์กับคนที่บ้านจนถึงวันนี้ก็นับเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว เขาและลลิตาย้ายมาอยู่ด้วยกันที่คอนโดมิเนียมหรูราคาหลายสิบล้านที่ซื้อไว้เก็งกำไร ตอนนี้ลลิตาได้ลาออกจากลุคแล้วกลับเข้ามาทำงานที่เรด ร็อกเก็ตในตำแหน่งหัวหน้าแผนก Project Coordinator ที่ว่างอยู่หลังจากที่เพชรไพลินย้ายกลับไปอยู่อเมริกา ซึ่งทีแรกอธิติไม่ต้องการให้ลลิตาทำงานอะไรเลย เขาอยากให้เมียนอนสบาย ๆ อยู่ที่บ้าน แต่พอเธอยืนกรานว่ายังไงก็ยังอยากออกไปทำงาน เขาก็เสนอให้เธอมาเป็นเลขาของเขา ซึ่งก็อีกเช่นกัน…เธอปฏิเสธ สุดท้ายอธิติก็ต้องยอมตามใจให้ลลิตาไปทำงานในตำแหน่งที่อยากทำตลอดหนึ่งเดือนมานี้สองคนผัวเมียต้องปรับตัวเข้าหากันอย่างมากมาย เพราะไม่เคยได้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแบบยี่สิบสี่ชั่วโมงแบบนี้มาก่อน เถียงกันได้ทุกวัน มีเรื่องให้ต้องทะเลาะกันได้ตลอด แต่พอถึงเวลาเข้านอนก็นอนกกนอนกอดกันแบบไม่เหลือที่เว้นว่าง ส่วนใหญ่เรื่องที่ทะเลาะก็เป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเรื่องความไม่เป็นระเบียบของอธิติ เรื่องที่เขาไม่ยกฝาชักโครกบ้าง เรื่องเขาถอดกางเกงในม้วนเป็นเล็กแปดแล้วไม่ยอมใส่ไว้ใน
อธิติจูงมือลลิตาเข้ามาในบ้าน ทีแรกลลิตาบอกว่ายังไม่พร้อมให้อธิติมาเจอป๊าม้าตอนนี้ แต่ฝ่ายชายไม่ยอม เขาบอกว่าถ้าเว้นระยะเวลาอาจทำให้ผู้ใหญ่คิดว่าเขาไม่ให้เกียรติ เข้ามาแล้วก็เห็นกิตติคุณกับวรรณวิมลนั่งทำหน้ากลุ้มใจอยู่ที่โซฟา ส่วนกวินกานต์ก็นั่งอ่านบัญชีอยู่ที่โต๊ะกินข้าวซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน“ป๊า…ม้า…เฮียอี้อยากมาคุยด้วย” ลลิตาเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด แต่ไม่ทันที่คนเป็นพ่อแม่จะได้ตอบอะไร อธิติก็เข้าไปคุกเข่าตรงหน้าพวกท่านแล้ว“ผมขอโทษเจ๊กกับโกวครับ ที่ทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาหรือทำเหมือนไม่ให้เกียรติ ที่มานี่ก็เพื่อจะบอกว่าผมรักและอยากดูแลหลินจริง ๆ และผมเชื่อว่าผมเองสามารถทำให้หลินมีความสุขได้แน่นอน เราสองคนรักกันจริง ๆ ครับ” อธิติยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง เขาไม่รู้ว่าจะต้องพูดยังไงเพื่อให้ผู้ใหญ่ยอมรับได้ เลยได้แต่พูดในสิ่งที่คิดเท่านั้น“ถ้าขึ้นตั้งท้อง…โกวว่ามันเกินไปหน่อยนะอี้ สองคนรักกันแล้วทำไมไม่บอกให้ผู้ใหญ่รับรู้ โกวไม่เคยรู้เลยว่าหลินมีแฟน อยู่ ๆ ก็ท้องขึ้นมาซะอย่างนี้มันใช้ได้ที่ไหน โต ๆ กันแล้วทำไมเรื่องแค่นี้คิดไม่ได้?” วรรณวิมลรู้สึกผิดหวังเมื่อได้รู้ว่าลูกสาวคนเล็กท้องก่อนแต่ง
28 ยังไงเธอก็คือคนที่เฮียรักเหมือนเดิมบรรยากาศภายในห้องอาหารอึมครึมและเงียบงันเมื่อทุกคนได้ยินตรงกันว่าอธิติทำให้ลลิตาตั้งท้องอยู่ในเวลานี้ นับว่ายิ่งกว่าเรื่องเซอร์ไพรซ์ คงต้องบอกว่ามันคือเรื่องช็อกที่ทำเอาทุกคนตั้งรับไม่ทัน แม้แต่ลลิตาเองก็ยังตั้งรับกับสิ่งที่อธิติพูดไม่ทัน ใครจะไปคิดว่าเขาจะบ้าเลือดกุเรื่องท้องขึ้นมาเพื่อเอาชนะผู้ใหญ่แบบนั้นผลัวะ!!!วินาทีที่ทุกคำกำลังอึ้ง อ้ายฉิงก็ลุกจากเก้าอี้เข้าไปตบหัวลูกชายอย่างแรงจนหน้าคว่ำ“ม้าทนแกได้ทุกอย่างนะอี้! แต่เรื่องนี้ทนไม่ได้จริง ๆ แกบอกว่าทำหลินเขาท้องอย่างนั้นเหรอ?! สองคนไปรักกันตอนไหน?! แล้วไปทำอีท่าไหนหลินถึงท้องได้?!”“ถ้าจะต้องลงลึกถึงเรื่องท่า…ผมว่ามันจะมากไปหน่อยนะม้า”พลั่ก!!!ครั้งนี้เป็นนพชัยที่ทนความหน้ามึนของลูกชายคนรองไม่ไหว ตบเข้าที่ขมับไปอีกหนึ่งที แต่ดูเหมือนว่าอธิติจะไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย“ไอ้ลูกบ้า! จนถึงขนาดนี้แล้วแกยังจะมีหน้ามาล้อเล่นอีกเหรอ?!”“เรื่องจริงเหรอหลิน? นี่แกท้องจริง ๆ เหรอ?” กิตติคุณเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าลูกสาวของเขาจะไปลงเอยกับอธิติได้ แสดงว่าที่ผ่านมาที่สองคนสนิทกัน มันมากอะไรมากกว่าที่เห
ทีแรกอธิติจะพาลลิตาไปส่งที่บ้านท้ายซอย แต่แล้วทั้งสองคนก็ได้รับข้อความว่าให้ไปเจอที่ร้านอาหารจีนร้านประจำที่สองครอบครัวชอบไปด้วยกัน พอมาถึงก็เห็นว่าทุกคนมาพร้อมหน้าพร้อมตากันอยู่แล้ว“ทำไมมาด้วยกันล่ะ…ไปไหนกันมาเหรอ?” กันต์ธีร์เอ่ยทักทาย ขณะที่อธิติกับลลิตาแยกตัวไปนั่งตรงข้ามกัน ทั้งที่ตอนแรกก็เดินเคียงคู่กันมาแท้ ๆ“เคี้ยวหมูกรอบในปากให้หมดก่อนไหม แล้วค่อยถาม” ลลิตาแยกเคี้ยวใส่เพื่อน“หมดแล้ว” กันต์ธีร์รีบเคี้ยวงับ ๆ แล้วกลืน “ตกลงไปไหนกันมา? ทำไมมาด้วยกัน?”“กูไปรับหลินมาจากออฟฟิศ มึงมีปัญหาอะไรไอ้เฟย?” เป็นอธิติที่ตอบ แล้วคำตอบของเขาก็ทำให้ลลิตาเบิกตาโต ไม่คิดว่าเขาจะตอบออกมาด้วยใบหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวแบบนั้น ส่วนคนอื่น ๆ บนโต๊ะก็หันมองกันอย่างแปลกใจ ก็เข้าใจว่าสองคนสนิทกัน…แต่ถึงกับไปรับจากออฟฟิศเพื่อมาที่นี่มันก็แปลก ๆ“อ่าว ๆ อย่าเพิ่งตีกัน ๆ ที่วันนี้เราสองครอบครัวนัดมากินข้าวก็เพราะมีเรื่องสำคัญอยากคุย” นพชัยปรามลูกชาย“เรื่องเที่ยวสิ้นปีเหรอป๊า?” กันต์ธีร์ถามพลางใช้ตะเกียบคีบสามชั้นตุ๋นเข้าปาก “ล็อกวันเดินทางได้เลย ผมจะได้ลางาน”“เรื่องเที่ยวเอาไว้ก่อน ที่จะคุยวันนี้มันสำคัญก
27 เซอร์ไพรซ์!ขับรถออกจากออฟฟิศของลุคมาได้สักพัก อธิติก็เริ่มเปิดเพลงซึ่งเพลงแรกที่เปิดขึ้นมาทำเอาลลิตาที่มองออกไปนอกกระจกรถ ต้องหันกลับมามองหน้าเขา มันเป็นเพลงที่เธอเคยบอกเขาว่าชอบแต่เขากลับบอกว่ามันไม่เพราะเลยสักนิด“อะไรเนี่ยเฮีย…ไม่ชอบเพลงนี้ไม่ใช่เหรอ?” แปลก ๆ เขาบอกว่าจะตามตื๊อหรือตามง้อมันก็ดี เพราะเธออยากเห็นว่าคนอย่างเขามีความพยายามแค่ไหน แต่มันก็ควรทำให้มันพอดี เขาควรจะเป็นตัวเองสิ ไม่ใช่มาเอาใจกันจนเวอร์แบบนี้“ใครบอก?”“เฮียไง ตอนนั้นที่หลินบอกว่าชอบเพลงนี้แล้วเอาให้เฮียฟัง เฮียบอกว่าไม่ชอบ”“แต่ตอนนี้ชอบแล้ว พอได้ฟังอีกครั้งมันก็เพราะดี เหมือนที่เมื่อก่อนเฮียไม่รักเธอ…แต่ตอนนี้โคตรรักเลย” อธิติหันมาสบตาลลิตาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันกลับไปมองทางข้างหน้า จังหวะนั้นเขาแอบยื่นมือหนาไปวางบนหลังมือเล็ก ๆ ที่เธอวางมือบนหน้าตักตัวเอง ยิ้มกว้างมากกว่าเดิมเมื่อเธอไม่ขยับหนีมือเขา “มือเธอนิ่มดีจัง”“อย่ามาเนียน…ใครให้จับ?”“ปากบอกไม่ให้จับ แต่ก็ไม่ยอมดึงมือออก…เอาจริงเธอก็เป็นคนปากแข็งเหมือนกันนะ” ได้ทีก็เหมือนจะเอาใหญ่ รั้งมือเล็กย้ายมาวางบนหน้าขาตัวเอง สอดสวมห้านิ้วของกันและกันไว้แน่