อย่าไปไหนไกล… ‘จะไม่มีคำว่า ‘พรุ่งนี้’ สำหรับแก ยัยริน!!!’ ประภัสคำรามอยู่ในใจ คับแค้นอยู่ในอก เขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้สมบัติทั้งหมดหลุดมือเขาไปง่ายๆ แบบนี้แน่ “ผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณวินเนอร์ ยัยริน” “ค่ะ คุณอา” ปากระภัสบอกลาแล้วเดินออกไปพร้อมลูกน้อง “ง่วงหรือยัง?” “ยังค่ะ” “อืม.. งั้นขอคุยเรื่องงานกับเพื่อนอีกแปปนึง ค่อยพากลับนะ” “ค่ะ เดี๋ยวเซอยู่แถวๆ นี้ รอนะคะ” “อย่าไปไหนไกล ให้พายุอยู่เป็นเพื่อน!” “ไม่เป็นไรค่ะ เซอยู่ได้ ไม่ไปไหนค่ะ” “โอเค แปปเดียว ถ้าฉันออกมาไม่เจอเธอก็เตรียมตัวโดนลงโทษไว้เลย” วินเนอร์ทิ้งท้ายก่อนเดินไปยังกลุ่มเพื่อน เขาขู่เธอไว้แบบนั้นเพียงเพราะไม่อยากให้เธอไปอยู่ไกลจากสายตาของเขา ‘เฮียนะเฮีย เอะอะก็ทำโทษๆ’ เซรินเดินบ่นหน้าบูดๆ ออกมาทางระเบียงรับลม หลบผู้คนที่ดูจะวุ่นวาย เธอคิดว่าไม่ได้ไปไหนไกลจากงานเท่าไรนัก “ออกมายืนคนเดียว ไม่มีไอ้พายุมายืนเฝ้า ไม่กลัวหรอครับ?” “คุณเจคอร์ป” “ไม่ต้องเรียกคุณหรอก เรียก ‘เจค’ ฉยๆ พอ เรียกคุณมันดูห่างเหินเกินไป ยังไงผมก็เป็นเพื่อนสนิทของไอ้วิน” “คุณเจค” “ไม่เอาสิ เรียกพี
มึงไม่ได้รักกู มึงรักตัวเอง (เซฆ่าคน…) “รู้ไหม? อะไรที่ฉันเกลียดมากที่สุด!” เสียงผู้หญิงดังมาจากด้านหลังของเซริน เซรินถูกพันธนาการด้วยเชือกอยู่บนเก้าอี้ จึงไม่สามารถหันไปมองเจ้าของเสียงได้ ‘เสียงแบบนี้เหมือนเคยได้ยินที่ไหนกันนะ?’ “ฉันไม่ชอบเวลาที่มีใครสักคนมาทำให้ฉันเหมือนคนขี้แพ้ต่อหน้าคนอื่น ฉันอยากจะสับมันออกมาเป็นพันๆ ชิ้นเลยเธอรู้ไหม?” น้ำเสียงเย็นของคนพูดคล้ายคนโรคจิต “คุณ…” เซรินพูดค้างไว้แค่นั้นก่อนคำพูดทั้งหมดจะถูกกลืนหายไปเมื่อเห็นหน้าคนพูด “ยังไม่ทันได้ข้ามคืนเลย ลืมฉันแล้วหรอ?” “คุณที่อยู่ในห้องน้ำนี่เอง จับฉันมาทำไมคะ?” “เธอต้องชดใช้ที่ทำฉันอับอาย!” “แค่อับอาย ไม่ได้ตายนี่คะ ทำไมต้องแค้นขนาดถึงขั้นมาเอาชีวิตคนอื่นเลยรึไง?” “5555 อีดี้น่ะของปลอม กูนี่คนจริง!! โทษฐานที่มึงทำกูอับอาย กับที่มึงสะเออะมาแย่งคุณวินเนอร์ไปจากกู กูขอชีวิตมึงแล้วกันนะ ถ้าไม่มีมึง คุณวินเนอร์ก็ไม่มีใคร” “แล้วคิดว่าถ้าไม่มีฉัน เขาจะเอาเธอ?” “ไม่รู้ รู้แต่ว่าจะไม่มีใครหน้าไหนได้เป็นเมียคุณวินเนอร์ นอกจากคุณหนูขิมคนนี้คนเดียวเท่านั้น 55555” คุณหนูขิมหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเหมือนคนเ
ตอบด้วยภาษากาย (nc) ห้องนอนสีดำของมาเฟียหนุ่มตกแต่งตามสไตล์เรียบๆ แต่หรูหรา ภายในห้องเงียบสนิทมีเพียงเสียงลมหายใจของเขาที่นั่งกดมือถือพิงหัวเตียง โดยมีคนตัวเล็กที่นอนกอดเอวเขาไว้ด้วยท่าทางหลับสนิท เขากดดูข้อมูลที่ดินลูกน้องเขาส่งมาให้เป็นข้อมูลเกี่ยวกับตัวเซรินที่เขาให้ดินไปหามาให้ เขาต้องการหาตัวฆาตรกรในคืนวันฝนตก ต้องการทวงทุกอย่างที่เป็นของเธอคืนให้เธอ และอยากทำให้ชีวิตของเธอกลับมาเป็นปกติสุขให้ได้เร็วที่สุด “ตื่นแล้วก็ลืมตา” “เฮียรู้ได้ไงว่าเซตื่นแล้ว” “หึ!” เขาหัวเราะในลำคอ เอ็นดูความเป็นเด็กน้อยของเธอ “เตรียมตัวรับโทษไว้หรือยังเด็กดื้อ!” “รับโทษอะไรอ่ะ เซยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ” “อย่าไปไหนไกล..จำได้ไหม?” “จะจำได้ค่ะ แต่เซไม่ได้ไปไหนเลยนะ เขามาขู่เซให้ไปเอง” คนตัวเล็กแก้ตัวแบบเลิ่กลั่ก “รู้” เขาเองรู้อยู่แล้วว่าเธอโดนข่มขู แต่ด้วยความอยากทำโทษคนตัวเล็กเลยแกล้งไม่สนใจฟังเหตุผล “คนที่ขับรถตามเซไป แล้วตกข้างทางไม่ใช่เฮียหรอ? เซคิดว่าเป็นเฮีย ตกใจแทบแย่” “ไอ้ดิน” “แล้วพี่ดินเป็นไงบ้างคะ?” “ไม่เป็นไร ลูกน้องฉันไม่ใช่คนกระจอก แค่พวกกระจ๊อกทำอะไรคนของฉันไม่ได
คืนฝนตก (อีกครั้ง) ‘สวัสดีค่ะ ในวันนี้นะคะบริเวณพื้นที่ภาคกลางยังมีฝนตกเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีความกดอากาศต่ำหรือกลุ่มก้อนเมฆดำเคลื่อนตัวอยู่เหนือน่านฟ้าเป็นจำนวนมากด้วย และคาดว่าพายุลมร้อนได้เคลื่อนตัวเข้าใกล้ประเทศไทย ส่งผลให้ประเทศไทยตอนกลางมีฝนตกหนักในช่วงนี้ค่ะ’ เสียงทีวีรายงานสภาพอากาศของประเทศไทยตอนกลาง กำลังมีพายุเข้า คนตัวเล็กนั่งดูรายงานนี้ด้วยท่าทางวิตกกังวล เธอกลัวฝน กลัวพายุ กลัวความมืดจากฝนตก เธอหันไปถามชายหนุ่มที่นั่งทำงานเอกสารอยู่บนโต๊ะข้างๆ “เฮีย…” “หืม?” เขาตอบแต่หน้ายังก้มอยู่กับเอกสาร “คืนนี้เฮียจะไปไหนหรือเปล่า?” เพราะเธอไม่อยากอยู่คนเดียวในคืนที่มีฝนตก หากมีไฟดับ เธอกลัวเหตุการณ์เดิมๆ ย้อนกลับมาอีกจะทำให้เธอควบคุมความกลัวไว้ไม่ได้ “ไอ้คาร์โก้ชวนไปคุยงานที่ผับไอ้เจค” “อ่อค่ะ” เธอตอบแค่นั้น เพราะคงจะห้ามเขาไม่ได้และคงจะไม่กล้ารั้งให้เขาอยู่เป็นเพื่อนเธอได้หรอก “มีอะไรหรือเปล่า?” “ไม่มีค่ะ” เธอไม่กล้าบอก “เฮียกลับดึกไหมอ่ะ?” “ไม่รู้!” เขาละสายตาจากกองเอกสารขึ้นมามองคนถาม เขารับรู้ได้ว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างจากการถามเยอะกว่าปกติของคนตัวเล็ก
ยอมใจร้าย ในห้องนอนสีดำที่มืดสนิท มีเพียงลมหายใจนิ่งที่บ่งบอกว่าเจ้าของเสียงหายใจนั้นตกอยู่ในห้วงหลับใหลตัดขาดจากโลกความจริงโดยสิ้นเชิง “เป็นยังไงบ้างไอ้หมอ” วินเนอร์ถาม หมอพี เพื่อนของเขาที่เป็นหมอแล้วเป็นมาเฟียควบคู่กันไป “อาการภายนอกมีแค่บาดแผลจากเศษกระจก อาการภายในปกติ แต่อาการจิตใจย่ำแย่” “กูต้องทำยังไง?” “มึงควรให้เธอตัดขาดจากโลกอันโหดร้ายนี้ก่อนอันดับแรก งดให้เธอรับรู้เรื่องราวทุกอย่างที่มันจะกระทบจิตใจเธอ” “ให้กูขังเธอ?” “มึงจะบ้าหรอ กูไม่ได้หมายถึงแบบนั้น” “วิธีเดียวที่จะทำให้เธอไม่รับรู้อะไรคือขังเธอไว้” วินเนอร์เถียง “มึงคิดได้แค่นั้นหรอวะ?” “แล้วต้องกูทำยังไงวะ” “ไปให้ไอ้เจคช่วย มันช่วยได้” หมอพีพูดจบก็จัดแจงเก็บข้าวของเตรียมเดินทางออกไป เพราะหมดหน้าที่ของเขาแล้ว หลังจากหมอพีกลับไปแล้ววินเนอร์ต้องต่อสายหาเจคอร์ป ปรึกษาขอความคิดเห็น ขอความช่วยเหลือให้เซรินหายจากอาการที่เป็นอยู่ ‘ฮัลโหล ว่าไงไอ้วิน’ “มึงว่างไหม? กูมีเรื่องให้ช่วย” ‘จะว่างไม่ว่างต้องดูก่อนว่ามีเรื่องอะไร’ “เรื่องเซริน” ‘ว่าง!! มีอะไรว่ามา’ “ไอ้หมอบอกว่า ต้องทำให้เซรินตัด
มาเฟียกระจอก เรือลำขนาดกลางแล่นลอยอยู่กลางท้องทะเลอันดำสนิท ท้องนภามีดวงจันทร์ดวงกลมลอยเด่นอยู่ด้านบนมีหมู่ดาวล้อมรอบคอยเป็นเพื่อนดวงจันทร์ คืนนี้เป็นคืนเดือนหงายทำให้เห็นบรรยากาศรอบข้างได้ค่อนข้างชัดกว่ายามปกติ จะมีเพียงแค่ท้องทะเลเท่านั้นที่มีสีนิลดำ แต่งแต้มด้วยแสงสีทองจากดวงจันทร์ที่ตกกระทบกับพื้นน้ำยามมีสายลมเบาๆ ทำให้พื้นน้ำเกิดคลื่นน้อยๆ “น้องริน ไม่หนาวหรอครับ มายืนตากลมอยู่ตรงนี้” เจคอร์ปเอ่ยทักเซรินที่ยืนรับลมอยู่ตรงระเบียงเรือ “พี่เจค ได้ข่าวเฮียบ้างไหมคะ?” “มายืนตรงนี้ระวังตกเรือนะเวลาคลื่นมาแรงๆ” เจคอร์ปหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามเธอ “ฮือออ พี่เจค…ได้เจอเฮียบ้างไหม?” หญิงสาวร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะกลั้น ความอัดอั้น ความคิดถึง ความห่วงใยที่อัดอั้นอยู่ข้างในไม่มีที่ระบาย มีเพียงน้ำตาที่ทำหน้าที่ให้เธอได้ระบายผ่านน้ำตา “เฮ้อ … เดี๋ยวพี่แจ้งข่าว ถ้าเจอตัวมัน แต่เชื่อพี่เถอะ มันไม่ตายง่ายๆ หรอกไอ้วินน่ะ เดี๋ยวมันก็มารับเรา ตอนนี้แค่รักษาตัวเอง ดูแลตัวเองให้ดี รอมันกลับมา อย่าอ่อนแอ เป็นเมียมาเฟียถ้าอ่อนแอก็ต้องแพ้กับตาย!!” “ค่ะ ฮึบ!!” เซรินทำเสียงฮึบให้กำลังใจตัวเองแ
ไอ้ตัวเล็กมาแล้ว “นายครับๆ แย่แล้วครับ!” เสียงของพายุวิ่งเข้ามาบอกวินเนอร์ผู้เป็นนาย ที่กำลังนั่งสนทนาวางแผนขั้นตอนต่อไปอยู่กับพวกมังกร “มีอะไร? ร้องเหมือนมีใครตาย” มังกรพูดขึ้นแซวลูกน้องคนสนิทของเพื่อนเขา แทนเจ้านายของพายุ แต่เจ้านายเขาทำแค่เพียงเงยหน้ามองลูกน้องตัวเองเฉยๆ “เมื่อกี้ไอ้ต้นหลโทรมาครับ” “เกิดอะไรขึ้นกับเมียกู!!” วินเนอร์ลุกขึ้นทันทีพร้อมกับถามออกไป เขารู้ได้ทันทีว่าเกิดเรื่องไม่ดีกับเซรินแน่ๆ เพราะต้นหลคือลุกน้องของเจคอร์ปเพื่อนของเขาที่เขาฝากเซรินไว้ให้ดูแลในระหว่างที่เขาต้องไปจัดการเรื่องยุ่งยากที่เป็นสาเหตุให้ชีวิตของเซรินต้องตกระกำลำบาก เมื่อจัดการเรียบร้อยแล้ว เขาจะไปรับเซรินพร้อมของขวัญชิ้นพิเศษ “มีพวกไหนไม่ทราบแน่ชัดครับ ติดตามพวกของคุณเจคอร์ปไป หลังจากต้นหลโทรมาบอกแล้ว สักพักมันก็โทรกลับมาใหม่ครับ แต่ไม่มีเสียงของมัน มีแต่เสียงสนทนากัน จับใจความได้ว่า พวกมันได้ทำการยึดเรือของคุณเจคอร์ปไว้เรียบร้อยและกำลังพาตัวคุณเซรินและคุณเจคอร์ปไปที่ไหนสักที่หนึ่งครับ” “มันพาไอ้เจคไปไหน?” มังกรถามพายุ “ผมจับจากสัญญาณมือถือของไอ้หล มันกำลังมุ่งหน้าไปยังเกาะของคุ
คำสารภาพจากพี่ชาย เวลาผ่านมาได้สักพักหนึ่ง เรือก็แล่นมาถึงยังเป้าหมายนั่นคือเกาะของเจคอร์ป และก็เป็นดังที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ เกาะของเขาถูกลูกน้องนับหลายสิบคนพร้อมอาวุธครบมือของเสี่ยอำนาจยึดไว้ได้ เจคอร์ปและเซรินถูกพาตัวขึ้นจากเรือมุ่งหน้าไปยังโกดังเก็บสินค้าท้ายเกาะ "โอ้โห สินค้า อาวุธมีดยาว มีดสั้น ปืนพก มากมายเลยนี่หว่า นี่มันคลังแสงชัดๆ เลย 5555 กูขอแล้วกันนะ คุณเจคอร์ป มาเฟียกระจอก" เสี่ยอำนาจพูดขึ้นขอเอาแบบหน้าด้านๆ มันตั้งใจจะยึดทุกอย่างของเจคอร์ปจากนั้นก็ปิดปากเขาทิ้ง "หน้าด้าน!" ไม่ใช่เสียงของเจคอร์ปแต่เป็นเสียงของเซรินที่พูดออกมาเสียงเรียบด้วยท่าทางไม่พอใจ "ตัณหากลับอย่างเดียวไม่พอยังหน้าด้านอีก เกิดมายังไม่เคยเห็นใครเลวเท่านี้มาก่อนเลย" "อีนี่!!!" ผั้วะ!! เสี่ยอำนาจฟาดมืออ้วนๆ หนาๆ ลงบนใบหน้าใส จนร่างบางกระเด็นตาแรงฟาดล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง "ปากดีนักนะมึง อีกเดี๋ยวมึงก็จะได้เห็นแค่ตรงนี้แหละ ต่อจากนี้มึงก็จะไม่ได้รับรู้อะไรเกี่ยวกับโลกใบนี้แล้ว" "น้องริน!!" เจคอร์ปตะโกนออกมาด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นหญิงสาวล้มลงกับพื้น "โอ้ยยยย" เสียงร้องอย่างเจ็บปวดออก
special happiness ดวงตากลมใสค่อยๆเปิดเปลือกตาลืมขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิด กระพริบถี่ๆเพื่อปรับรับแสงที่สาดส่องรอดผ่านกระจกบานใสเข้ามาภายในห้องที่ดูคุ้นตามาตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่เธอคลอดลูกสาวมา นี่ไม่ใช่ห้องนอนของเธอ แต่เป็นห้องเลี้ยงเด็กอ่อนที่วินเนอร์ทำขึ้นเอาไว้เธอและพี่เลี้ยงคอยเลี้ยงลูกสาว ห้องค่อนข้างโปร่ง ภายในห้องเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ของเด็กทั้งยังมีกลิ่นบางอย่างที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์นั่นก็คือ กลิ่นนม กลิ่นแป้งเด็ก เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ฉายเข้ามาในความคิด เซรินเผลอหลับไประหว่างที่มองพี่เลี้ยงกำลังนั่งเล่นกับเด็กน้อยอย่างเพลินๆจนเผลอหลับไปเมื่อไรไม่รู้ตัว รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็เพราะเสียงเด็กที่ร้องอ้อแอ้ข้างหูกับพร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มของผู้ชายคนหนึ่งที่คล้ายกำลังหยอกล้อกันอยู่ เซรินจำเสียงนี้ได้ดี เมื่อตอนได้ยินเสียงนั้นครั้งแรกในห้องคลอด แม้จะเป็นเสียงร้องไห้ของเด็กแรกเกิด แต่เสียงนี้กลับกลายเป็นน้ำชะโลมหัวใจของเธอให้ชุ่มชื่นมากขึ้น แต่การเลี้ยงเด็กอ่อนไม่ใช่เรื่องสบาย แม้เธอจะมีพี่เลี้ยงคอยช่วยอยู่ก็ตาม ความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมาจึงทำให้ร่างบางเผลอหลับไป
แต่งงานกันนะ "ขึ้นมาสิ" วินเนอร์จูงมือของเซรินขึ้นไปบนดาดฟ้าของเรือสำราญ เรือลำที่เขสและเธอพบเจอกันครั้งแรก สถานที่ต้นกำเนิดความรักของพวกเขาทั้งสองคน "มีอะไรหรือเปล่าคะเฮีย ทำไมต้องพาเซมาที่นี่ด้วย?" เซรินยังไม่ยอมเดินตามการจับจูงของคนตัวใหญ่ เพราะเธอรู้สึกว่าวันนี้วินเนอร์มีท่าทางแปลกไป ดูลุกลี้ลุกลนและพูดมากผิดปกติ ที่ผ่านมาจะพูดจะคุยกับเธอแต่ละคำราวกับกลัวดอกพิกุลจะร่วง "ขึ้นมาเถอะ" เขาบอกกับเธออีกรอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอมองหน้าและสบตากับเขา พบกับสายตาวิบวับของคนตัวใหญ่ เซรินเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ามีอะไรอยู่บนดาดฟ้าเรือกันแน่ทำไมเขาถึงอยากให้เธอขึ้นไปนัก สุดท้ายเธอก็ทนต่อสายตาอ้อนๆของเขาไม่ไหว จึงยอมเดินตามการจับจูงของเขาขึ้นไปบนดาดฟ้าของเรือ เมื่อเซรินก้าวขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ เธอก็เห็นโต๊ะตัวหนึ่งตั้งอยู่กลางดาดฟ้า มันถูกปูด้วยผ้าสีขาวดูสะอาดตา ตรงกลางโต๊ะมีแจกันใบโตวางอยู่ และในแจกันก็มีดอกทานตะวันดอกใหญ่หนึ่งดอกเสียบอยู่ในนั้น ดอกทานตะวันสีเหลืองทอง ดอกใหญ่ดูเด่นอยู่กลางโต๊ะ ทำให้เป็นที่ดึงดูดสายตาของเธอเหลือเกิน เก้าอี้สองตัวถูกวางไว้ข้าง ๆ โต๊ะ เซรินมองหน้าเขาด้
ต่อแขน ต่อขา เซรินกลับมาบริหารบริษัทของพ่อกับแม่ที่เหลือทิ้งไว้ให้เธอ ก่อนหน้านี้ตกไปอยู่ในมือของผู้เป็นอา บริหารจนบริษัทเกือบล้มละลาย ตอนนี้เธอกลับมากอบกู้มันขึ้นมาโดยมีวินเนอร์ มาเฟียผู้เป็นสามีคอยให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษาและเอาบริษัทของตัวเองมาร่วมลงทุนกับบริษัทของเธอด้วย อีกทั้งยังมีบริษัทคู่ค้าด้วยอีกหลายบริษัทที่้ป็นบริษัทของเจคอร์ป พี่ชายบุญธรรมของเธอและเหล่าเพื่อนของวินเนอร์ที่ให้การสนับสนุนซัพพอร์ตเธอเป็นอย่างดี ทำให้บริษัทของเธอฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ทุกอย่างกำลังลงตัว ทางครอบครัวของผู้เป็นอา ทั้งภรรยาและลูกของอา เซรินก็ไม่เอาผิดเพราะเขาไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการกระทำของอาเธอเลย บ้านที่ทั้ฃสองอาศัยอยู่ ทั้งรถ เธอก็ยกให้ พร้อมทั้งให้เงินก้อนจำนวนหนึ่งที่พอจะให้ทั้งสองตั้งตัว มีอยู่มีกิน มีใช้ต่อไปได้สักพักใหญ่ๆ ถ้ารู้จักอดออม ประหยัดและหาเงินเข้ามาใช้จ่ายได้เพิ่มเอง ส่วนเรื่องผู้เป็นอา เธอให้คำตอบกับสองแม่ลูกเพียงแค่ว่า อาหายไปโดยที่ไม่มีใครรู้ ผู้เป็นภรรยาของเขาก็ไม่สงสัย ติดใจอะไรเพราะรู้ดีว่าผู้เป็นสามีของตนนั้น เป็นคนเช่นไร มีศัตรูเยอะเพียงใด หายไปก็คงเพราะศัตรูค
จบที่เรา เบาที่สุด ในห้องพักคนป่วยที่เงียบสงัดจนได้ยินแค่เสียงหายใจของหนุ่มสาวสองคนที่อยู่ภายในห้อง หลังจากวินเนอร์และเพื่อนๆ ของเขาเดินออกจากห้องไปตามคำขอของเซริน เพื่อปล่อยให้เธอและเจคอร์ปได้เคลียร์ใจกันเพียงลำพัง เพราะเขาเชื่อใจผู้หญิงของเขาที่จะต้องหาทางออกที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่ายได้แน่ๆ และเขาก็ไว้ใจเพื่อนของเขาที่รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร และจะหาบทสรุปให้กับเหตุการณ์นี้ได้เช่นกัน "พี่เจค เจ็บตรงไหนไหมคะ?" เซรินเป็นฝ่ายทำลายความเงียบเริ่มบทสนทนาขึ้นมาก่อน "พี่ปลอดภัยแล้ว น้องรินไม่ต้องห่วง และไม่ต้องกังวลว่าที่พี่เป็นแบบนี้เพราะตัวน้องริน" เขารู้ว่าหญิงสาวเป็นห่วงและกังวลใจว่าตัวเองจะเป็นสาเหตุให้เขาต้องบาดเจ็บ และด้วยปมที่ติดอยู่ในใจของหญิงสาวยิ่งทำให้เขาเองเกิดความกังวลไปด้วยว่าหญิงสาวจะเป็นเช่นไรหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่เขาเอาตัวเองบังกระสุนแทนเธอ และพูดว่าจะ ‘ปกป้อง’ ซึ่งเป็นคำต้องห้าม แต่กลับกัน หญิงสาวตัวเล็กไม่เป็นอะไรเลย ไม่คลุ้มคลั่งอีกต่อไปแล้ว เพราะความทรงจำของเธอกลับมา และอาการแพนิค คลุ้มคลั่งบังคับตัวเองไม่ได้ก็หายไปด้วยเนื่องจากเธอรู้ความจริงและมีสติอยู่กับตัวเ
พี่ชาย...ใช่ไหม? ภายในห้องพักผู้ป่วย ห้องพิเศษของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ห้องพิเศษที่ไม่มีคนนอกได้มีโอกาสเข้ามาใช้บริการ เนื่องจากทั้งชั้นในชั้นนี้เป็นห้องพักผู้ป่วยส่วนตัวของเจ้าของโรงพยาบาล ซึ่งเป็นของตระกูลใหญ่ที่มีทั้งหมอส่วนตัว โรงพยาบาลเอกชน มีชั้นรักษา มีชั้นพักฟื้นส่วนตัว ภายในห้องพักกว้าง ตกแต่งเรียบง่ายแต่มีครบทุกเครื่องอำนวยความสะดวก และครบทุกเครื่องมือแพทย์ คนป่วยนอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย รายล้อมไปด้วยผู้คนหลากหลายอิริยาบท ประมาณ5-6 คน “กูคิดว่ามึงจะไม่ตื่นขึ้นมาดูโลกอันสดใสอีกครั้งซะแล้ว 555” คาร์โก้เปิดฉากบทสนทนาด้วยน้ำเสียงขบขันแกมหยอกล้อเพื่อนสนิท “พวกมึงก็ไปช่วยกูช้าจริง” คนบนเตียงสวนกลับในทันที แม้จะไม่เต็มเสียงมากนัก เพราะเขาเองก็เพิ่งจะฟื้นและออกมาจากห้อง ICU เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา “สำออยจริง มึงออกมาได้ ช่วยเหลือตัวเองได้ ทำไมมึงไม่ลุยออกมาวะ?” มังกรปิดท้ายประโยคด้วยคำถาม เขาเองรู้จักฝีมือเพื่อนดี สถานการณ์หนักกว่านี้เขาก็หนีออกมาได้ เขาก็จัดการได้ แต่นี่เขาไม่ทำ มันเกิดอะไรขึ้น เหตุผลอะไรที่ทำให้เพื่อนของเขายอมเอาตัวเองไปตกอยู่ในอันตราย “น้องริน...”
เกิดใหม่... แพขนตาหนา ค่อยๆ ขยับ เปลือกตาบางเปิดขึ้น พร้อมกระพริบถี่เพื่อปรับรับแสงสว่างที่กระทบเข้ามาที่สายตา เพราะหลับตาเป็นเวลานานจึงต้องใช้เวลาในการปรับสภาพอยู่สักพักหนึ่ง เมื่อปรับได้แล้ว หญิงสาวกวาดสายตาไปรอบๆ ภายในห้องเงียบกริบเหมือนกับว่าไม่มีคนอยู่ แต่จริงๆ แล้วมีร่างหนานั่งอยู่ข้างเตียง ซบหน้าหลับกับแขนของเธอ ‘ทำไมไม่ไปนอนดีๆ นะ’ เซรินคิดในใจ อยากจะขยับตัวให้คนร่างใหญ่รู้สึกตัว่าเธอตื่นแล้ว แต่ก็กลัวจะรบกวนเวลานอนของเขา ซึ่งคิดดูแล้วช่วงที่เธอยังไม่ตื่นเขาน่าจะไม่ได้พักผ่อนไม่ได้นอนแน่ๆ เพราะไม่งั้นเขาคงไม่มานั่งหลับตรงนี้หรอก ‘จะปลุกหรือจะแกล้งดีนะ ทำโทษคนโกหก’ หญิงสาวปิดเปลือกตาลง ลองแกล้งขยับแขนที่ทำให้ดูเหมือนจะฟื้นแต่ยังไม่ฟื้น พอให้คนข้างๆ รู้สึกตัว และก็ดูเหมือนจะได้ผล คนข้างๆ ค่อยๆ ขยับตัวตื่นขึ้น “เซ ฟื้นแล้วหรอ ตื่นแล้วใช่ไหม” วินเนอร์ลุกขึ้นยืน เขารู้สึกเหมือนร่างบางเริ่มขยับ เขาคิดว่าเธอคงฟื้นแล้ว แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หญิงสาวยังคงนอนนิ่ง อยู่บนเตียง เปลือกตาบางยังปิดสนิท มีแพขนตาปกคลุมหนาเป็นแพสวยงามแม้ยามไม่ได้แต่งแต้มเครื่องสำอางค์บนใบหน้า ‘เซ
อย่าทิ้งพี่ไป... เปลือกตาหนา ค่อยๆ เปิดขึ้น พร้อมกระพริบถี่ๆ เพื่อปรับรับแสงสว่างภายในห้อง ภาพแรกที่เขาเห็นเมื่อลืมตาขึ้นคือเพดานขาวมีหลอดไฟที่เปิดให้แสงสว่าง กับเสาน้ำเกลือที่คาดว่าน่าจะเป็นเสาน้ำเกลือที่เจาะอยู่ที่แขนเขาเอง เปลือกตาหนาปิดลงอีกครั้ง พร้อมน้ำใสๆ ไหลลงข้างแก้ม เมื่อเขาคิดถึงคำพูดของหมอก่อนที่ทุกอย่างจะดำมืดไป มันยากเกินที่เขาจะรับความจริงไหว ถ้าต่อจากนี้ไม่มีเธอ เขาจะอยู่ไหวได้ยังไง "ตื่นแล้วก็ลืมตาเถอะ" เสียงของผู้หญิงดังขึ้น แค่หลับตาฟังเสียงเขาก็รู้แล้วว่าเจ้าของเสียงคือใคร ยูริ ผู้เป็นแม่ของเขา ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะได้เจอกับเซริน ยูริจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่มีบทบาทสำคัญในชีวิตเขา แต่พอมีเซรินเข้ามาเป็นดอกไม้ในชีวิตเขา ผีเสื้ออย่างเขาก็ขาดดอกไม้ไม่ได้ไปเสียแล้ว “ดูท่าน่าจะหนักครับ” เสียงผู้ชาย เขาจำได้แม้ไม่ได้ลืมตามามอง เสียงของคาร์โก้เพื่อนเขาเอง “คงหนักแหละ ถึงขนาดร้องไห้ให้กับดอกไม้ที่ย้ำนักย้ำหนาว่าแค่ดอกไม้ข้างทาง สภาพตอนนี้คือ?” “ขาดไม่ได้เลยดิ” เสียงพวกเพื่อนของเขาพากันตอกย้ำซ้ำเติมในการเป็นหมาโบ้ที่กลืนน้ำลายตัวเอง “พวกมึงก็หยุดซ้ำเติมมั
ดอกไม้...ตายแล้ว ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล "ญาติคนไข้รอด้านนอกนะคะ" เสียงพยาบาลคนหนึ่งพูดขึ้น ก่อนจะช่วยกันกับพยาบาลอีกหลายคนดันเตียงคนไข้2เตียงเข้าห้องฉุกเฉิน หมอหลายท่านและพยาบาลวิ่งเข้าวิ่งออกห้องพยาบาลอยู่หลายรอบ ด้วยความรีบร้อนใจ ไม่ต่างอะไรจากบรรดาญาติคนไข้ที่อยู่ด้านนอก "หมอ ช่วยเมียกับเพื่อนผมด้วย" วินเนอร์คว้าข้อมือหมอที่กำลังจะเข้าห้องฉุกเฉิน "หมอจะทำเต็มที่สุดความสามารถครับ" หมอพูดจบแล้วเดินเข้าห้องฉุกเฉินไป "ไอ้วินๆ มึงก็ปล่อยให้หมอรีบไปช่วยพวกมันก่อน" คาร์เตอร์แทรกขึ้นหลังจากหมอเดินหายเข้าไป เขารู้ว่าเพื่อนเขาเป็นห่วงเมีย เขาเองก็เป็นห่วงเพื่อนของเขาที่อยู่ข้างในด้วยเหมือนกัน "เซรินจะเป็นอะไรไหมวะ?" วินเนอร์รำพึงออกมาแผ่วเบาๆ คล้ายคนละเมอ แต่ยังไม่ทันที่เพื่อนๆ จะได้ตอบอะไร "เข้าห้องฉุกเฉินไปแล้วใช่ไหมวะ?" เสียงของคนใหม่ที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาก็ร้องถามขึ้น "ไอ้หมอ ช่วยเมียกูกับไอ้เจคด้วย" วินเนอร์ถลาเข้าไปหาคนมาใหม่ที่เป็นเพื่อนของเขาเอง "เออ !!! เพื่อนกูเหมือนกัน พวกมึงรอข้างนอก อย่าเพิ่งไปไหน เผื่อมีอะไรจะต้องช่วยตัดสินใจ" พูดเสร็จเขาก็รีบเดินเข้าห
ตอกย้ำความจริง ดูเหมือนสถานการณ์ทุกอย่างจะคลี่คลาย และสงบจบลงด้วยดี เสี่ยอำนาจได้รับกรรมตามที่ตัวเองก่อไว้ สำหรับเขามาเฟียอย่างวินเนอร์ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิตเท่านั้น เมื่อมันพรากลมหายใจไปใคร มันก็ต้องเอาลมหายใจของตัวเองไปไถ่บาปเท่านั้น “รีบไป ไอ้เจคท่าไม่ค่อยดี เอามันไปโรงพยาบาลด่วน” เสียงมังกรตะโกนเร่งลูกน้อง หลังจากเห็นพวกวินเนอร์มุ่งตรงมาที่เหลือที่พวกเขาจอดรออยู่ “เฮีย! ฮึก..เซคิดถึงเฮีย..ฮืออ” เซรินร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “เฮียรู้ไหมว่าเซกลัวแค่ไหน..เซกลัว กลัวว่าเฮียจะเป็นอันตราย..ฮึก” “ไม่เป็นไรนะ เฮียอยู่นี่แล้ว” ร่างสูงเอ่ยพร้อมกับกอดปลอบหญิงสาว “เฮีย…เฮียช่วยลูกของเราด้วยนะ ช่วยลูกด้วย...” เซรินพูดพร้อมกับกุมมือหนา เอามาวางไว้ที่หน้าท้องของตนเอง ขาสองข้างเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลออกมา “ลูกหรอ เมื่อกี้เซพูดว่าลูกใช่ไหม!!” สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วไปหมด หัวใจของชายหนุ่มเต้นตึกตักพร้อมทั้งความคิดในหัวที่ตีรวนเมื่อได้รับรู้ว่าตนเองกำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว ทั้งความรู้สึกดีใจ ผสมปนเปไปกับความรู้สึกโกรธเคืองและเคียดแค้นเสี่ยอำนาจที่เกือบจ