คนเมางอแง “ไอ้วิน! แม่มึงเมา ไปดูไหม? เดี๋ยวกูดูแลทางนี้ให้” เจคอร์ปพูดขึ้นในขณะที่สายตายังไม่ละจากภาพของเพื่อนที่ยืนโอบเอวหญิงสาวร่างเล็กชุดดำตรงหน้าเขา เขานึกชอบคนตัวเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มคนนี้เหลือเกิน ทำไมนะ? ทำไมรู้สึกถูกชะตา ถูกใจและอยากได้มาครอบครอง ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเป็นของเพื่อน “ไม่ต้อง!” เสียงวินเนอร์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ เบนสายตาไปยังชายวัยกลางคนหุ่นสมาร์ทมาดนิ่งเดินตรงเข้ามาที่พวกเขายืนอยู่ บุคคลที่เขารู้จักดี ‘พ่อ’ ของเขานั่นเอง “สวัสดีครับลุงเวนอล” มังกรเอ่ยทักทายบุคคลที่เข้ามาใหม่ มาเฟียใหญ่พยักหน้ารับคำทักทาย “แม่แก?” เวนอลเอ่ยขึ้นสั้นๆ ถามผู้เป็นลูกชาย ดูก็รู้ว่าวินเนอร์ถอดแบบนิสัยการพูดน้อยมาจากใคร วินเนอร์ไม่ได้ตอบอะไรกลับ แต่ใช้สายตามองไปยังเป้าหมายของผู้เป็นพ่อที่ตอนนี้กำลังเต้นโยกอยู่หน้าเวทีโดยมีเวหาและสิชลหิ้วปีก พ่อของเขาเห็นดังนั้นก็ทำได้แค่ส่ายหน้าและเดินไปหาคนเมาชุดแดง “สวัสดีครับ ผมชื่อเจคอร์ป เป็นเพื่อนกับไอ้วิน” เจคอร์ปพูดกับคนตัวเล็กในอ้อมแขนของเพื่อนเขา หญิงสาวแหงนหน้ามองเจคอร์ปเล็กน้อย “สวัสดีค่า~~ คุณเจคอร์ป เซชื่อเซรินค่ะ
นายหญิงน้อย รถสปอร์ตหรูสีดำขลับแล่นบนถนนโล่งด้วยความเร็ว เนื่องจากเวลานี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน ทำให้บนท้องถนนยามราตรีแทบไม่มีรถแม้แต่คันเดียว ภายในรถหรูวินเนอร์สวมเสื้อเชิ้ตดำสนิทสีเดียวกับรถ บนตักแกร่งของมาเฟียหนุ่มมีสาวน้อยร่างบางหลับพริ้มมาได้สักพักแล้ว คนตัวเล็กคงเพลียกับการเดินทางที่ยาวนานตลอดวัน ทั้งขึ้นเรือ นั่งรถ ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ “ไอ้ดิน! ถอดสูทมึงมา!” มาเฟียหนุ่มเอ่ยสั่งคนสนิทที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างพายุที่เป็นคนขับ “ห๊ะ? นายจะเอาไปทำอะไรครับ?” ดินถามคนเป็นนายด้วยความสงสัย แต่คนขับแอบอมยิ้ม เพราะรู้ว่านายของเขาให้เพื่อนเขาถอดเสื้อไปทำอะไร ก็จะไม่รู้ได้ยังไงล่ะ ในเมื่อเขาเองก็เคยโดนแบบนี้มาแล้ว “ถอด!!” ดินมองหน้าเจ้านายแบบ งงๆ แต่ก็ยอมถอดยื่นให้ตามคำสั่ง วินเนอร์รับเสื้อเอามาคลุมให้เซริน เพราะคนตัวเล็กอยู่ในชุดมินิเดรสสั้นรัดรูปที่พายุเป็นคนจัดหามาให้ “ถ้าครั้งหน้ามึงหาเสื้อผ้าแบบนี้มาอีก กูจะให้มึงไปรับเงินเดือนจากแม่กู” “โถ่…นาย ผมขัดอะไรนายหญิงใหญ่ได้บ้างครับ?” ก็จริงของมันนั่นแหละ มันไม่มีทางขัดแม่เขาได้ ไม่ใช่แค่มัน แต่เป็นทุกคน! “นายจะไปไหนดีครับวันนี้ เ
สวยเหมือนไม่มีจริง... “มานี่มา” วินเนอร์เรียกคนตัวเล็กมาใกล้ๆ เพราะเซรินเอาแต่ยืนอยู่ตรงประตู เซรินเดินเข้าไปหาคนตัวโตตามคำเรียกด้วยท่าทาง งงๆ หยุดตรงหน้าและมองคนตัวสูง วินเนอร์ตวัดแขนคว้าเอวเล็กดึงเข้าหาตัวปะทะกับอกแกร่ง จับคนตัวเล็กหมุนหันหน้าไปทางเป้ายิงปืน ก้มลงกระซิบข้างหูจากด้านหลัง “ฉันจะสอนยิงปืน” “ทะ ทำไมเซต้องยิงปืนคะ?” “เป็นเมียมาเฟียต้องเอาตัวรอด ถ้าวันนึงเกิดอันตรายขึ้นกับตัวเธอ เธอจะต้องยิง ถึงแม้ว่าคนตรงหน้าเธอจะเป็นผู้มีพระคุณหรือเป็นฉันก็ตาม” “ไม่ได้ค่ะ ทำไม่ได้ เซทำไม่ได้” เซรินส่ายหน้าพร่ำบอกปฏิเสธ เธอคิดว่าเธอทำไม่ได้แน่นอน เธอไม่ได้มีความกล้าถึงขนาดจะไปยิงใครหรือฆ่าใครขนาดนั้น แต่วินเนอร์รู้ดีว่าคนตัวเล็กของเขา แม้ภายนอกจะดูนุ่มนิ่ม อ่อนแอ แต่เซรินเป็นคนใจเด็ด ดูได้จากวันที่เธอกระโดดเรือวันนั้น และเขาก็เชื่อว่าถ้าวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดแบบที่เขาคิดไว้ เซรินจะทำได้ เธอจะตัดสินใจได้ด้วยตัวของเธอเอง วินเนอร์จัดการหยิบปืนขึ้นมาสอนเซรินใส่กระสุนแยะยกไกปืน เขาอยู่ในท่ายืนซ้อนหลังเธอ จับมือเล็กที่ถือปืนเล็งไปยังเป้าด้านหน้า “สายตามองที่เป
ผัว สามี หรือที่รัก! ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูเพ้นท์เฮ้าส์ดังขึ้น จะเรียกว่าเพ้นท์เฮ้าส์ก็คงไม่ถูก เพราะเพ้นท์เฮ้าส์ของมาเฟียหนุ่มอยู่ชั้นที่ 40 ของตึกที่เป็นบริษัทของวินเนอร์ ตึกนี้มีทั้งหมด 40 ชั้น ชั้นล่างๆ ต่างแบ่งสันปันส่วนเป็นออฟฟิต เป็นที่พักของลูกน้องเขา และชั้นที่ 40 ทั้งชั้นก็เป็นพื้นที่ส่วนตัวเขาที่ไม่มีใครได้ขึ้นมาถ้าเขาไม่อนุญาต “นายครับ ช่างแต่งหน้า ทำผมมาแล้วครับ” เขาสั่งให้ช่างแต่งหน้า มาแต่งให้เซรินสำหรับไปงานในค่ำคืนนี้ “เข้ามา!” ช่างแต่งหน้า 1 หญิง 1 สาวสอง หอบของพะรุงพะรังเข้ามาทำหน้าที่ของตัวเอง “1 ชั่วโมง สำหรับการทำงาน” วินเนอร์เอ่ยขึ้น “ค่ะๆ” สาวสองรับปากแบบรนราน แค่สายตาก็ดูน่ากลัวแล้วถึงแม้เขาจะหล่อเอามากๆ ก็เถอะ เซรินนั่งรอช่างแต่งหน้าในห้องรับแขกของเพ้นท์เฮ้าส์ เริ่มมีรอยยิ้มเมื่อเห็นผู้ที่หอบข้าวของเข้ามาใหม่ “พี่ๆ มาแต่งหน้าใช่ไหมคะ?” เซรินถามด้วยท่าทางร่าเริงสดใส “ใช่แล้วค่า คุณน้อง แต่ว่านะ…ผู้ว่าจ้างให้เวลาพี่แค่ 1 ชั่วโมง จะทันไหมเนี่ย” “ทำไมให้เวลาพี่เขาน้อยจังล่ะคะคุณวินเนอร์” เซรินหันไปถามวินเนอร์ที่เดินตามเข้ามา แต่เขาไ
ดอกไม้ในแจกัน…ไหนใครจะกราบเมียกู!! “ดะ เดี๋ยวค่ะเฮียวิน” ก่อนเข้างานเซรินดึงแขนวินเนอร์ รั้งเขาไว้เพราะความกลัวและประหม่า วินเนอร์หันมามองตามแรงดึงของมือบาง เขารู้ว่าเธอกำลังกลัว มือใหญ่เลื่อนมาแกะมือบางที่จับแขนเสื้อเขา แล้วเอามากุมไว้ เดินจูงเข้างานเพื่อให้เซรินรู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยมากขึ้น “เซกลัว…” “มากับฉัน!” เซรินพยักหน้ารับ เดินตามการจูงมือของคนตัวโต งานวันเกิดของมาเฟียใหญ่ พ่อของเจคอร์ป จัดขึ้นที่คฤหาสถ์หลังหนึ่ง ภายในงานโอ่อ่าเต็มไปด้วยนักธุรกิจสีขาว สีดำ และสีเทามากหน้าหลายตา ต่างพากันมาร่วมแสดงความยินดีและอวยพรให้กับมาเฟียใหญ่ในวงการ วินเนอร์เดินเข้างานตรงมาหาเจ้าของวันเกิดที่ยืนคุยกับแขกในงาน เขาสวัสดีพ่อของเพื่อนสนิทและเขาเองก็รู้จักเพราะพ่อของเขาและพ่อของเพื่อนเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว “อ้าว วิน! พ่อกับแม่มาด้วยไหม? มันไม่เห็นมาทักทายลุงเลย” “น่าจะกำลังจะถึงครับ” “อ่อๆ โอเค ตามสบายกันนะ เดี๋ยวลุงไปต้อนรับแขกก่อน” “ครับ” วินเนอร์รับคำและเดินไปยังกลุ่มเพื่อนๆ ของเขา “อื้อหืออ พาดอกไม้มาเปิดตัวขนาดนี้กูว่าไม่น่าจะใช่ดอกไม้ข้างทางแล้วมั้ง” มังกรเอ่ยแซวคนมาใ
เมียผม! "กูถามว่าอยากตายแบบไหน? ที่กล้ามาแตะต้องเมียกู!" "มะ ไม่คะ ดี้ยังไม่อยากตาย ดี้ขอโทษ คราวหลังดี้จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว" "ฉันก็จะไม่ทำอีกแล้ว อย่าทำอะไรพวกเราเลยนะคะ" "กูไม่ชอบคนที่พูดแล้วไม่ทำ ไม่อยากตายก็กราบเมียกูซะ!" "เฮียวิน..ไม่ต้องกราบหรอก ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะเป็นเรื่องยุ่งยาก" "มันพูดไว้ว่าจะกราบก็ต้องกราบ เพราะตอนพูดไม่มีใครบังคับให้พูด" "เฮียยยย" เซรินเรียกชื่อชายหนุ่มลากเสียงยาว เหนื่อยกับความดื้อดึงของมาเฟียหนุ่มที่ภายนอกดูน่ากลัว สีหน้าเย็นชา นิ่งขรึมแต่กลับดื้อที่สุด "จะกราบหรือจะตาย!" "กะ กราบค่ะ" หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายตัดสินใจเลือก อย่างน้อยก็แค่อายไม่ถึงตาย หญิงสาวค่อยๆนั่งลงตรงหน้าเซรินแล้วก้มกราบด้วยความอายและเจ็บใจ "ส่วนมึง! จะตายหรือจะให้ตัดมือทิ้ง?" วินเนอร์หันมาถามมือตบคนที่เคยเก่งใส่เซริน "มะ ไม่ตายค่ะ ไม่ตัดมือด้วย คุณวินเนอร์มีสิทธิ์อะไรจะ มะ มาตัดมือดี้คะ?" "แล้วมึงมีสิทธิ์อพไรมาตบหน้าเมียกู!!" "ดี้ไม่รู้นี่คะว่าเป็นใคร ถ้ารู้ก็จะไม่ยุ่งหรอกค่ะ" "พูดมาก!! พายุทำให้มันหุบปาก!!แล้วทำให้มันใช้มือไปตบใครไม่ได้อีก" "แต่นายครับ
อย่าไปไหนไกล… ‘จะไม่มีคำว่า ‘พรุ่งนี้’ สำหรับแก ยัยริน!!!’ ประภัสคำรามอยู่ในใจ คับแค้นอยู่ในอก เขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้สมบัติทั้งหมดหลุดมือเขาไปง่ายๆ แบบนี้แน่ “ผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณวินเนอร์ ยัยริน” “ค่ะ คุณอา” ปากระภัสบอกลาแล้วเดินออกไปพร้อมลูกน้อง “ง่วงหรือยัง?” “ยังค่ะ” “อืม.. งั้นขอคุยเรื่องงานกับเพื่อนอีกแปปนึง ค่อยพากลับนะ” “ค่ะ เดี๋ยวเซอยู่แถวๆ นี้ รอนะคะ” “อย่าไปไหนไกล ให้พายุอยู่เป็นเพื่อน!” “ไม่เป็นไรค่ะ เซอยู่ได้ ไม่ไปไหนค่ะ” “โอเค แปปเดียว ถ้าฉันออกมาไม่เจอเธอก็เตรียมตัวโดนลงโทษไว้เลย” วินเนอร์ทิ้งท้ายก่อนเดินไปยังกลุ่มเพื่อน เขาขู่เธอไว้แบบนั้นเพียงเพราะไม่อยากให้เธอไปอยู่ไกลจากสายตาของเขา ‘เฮียนะเฮีย เอะอะก็ทำโทษๆ’ เซรินเดินบ่นหน้าบูดๆ ออกมาทางระเบียงรับลม หลบผู้คนที่ดูจะวุ่นวาย เธอคิดว่าไม่ได้ไปไหนไกลจากงานเท่าไรนัก “ออกมายืนคนเดียว ไม่มีไอ้พายุมายืนเฝ้า ไม่กลัวหรอครับ?” “คุณเจคอร์ป” “ไม่ต้องเรียกคุณหรอก เรียก ‘เจค’ ฉยๆ พอ เรียกคุณมันดูห่างเหินเกินไป ยังไงผมก็เป็นเพื่อนสนิทของไอ้วิน” “คุณเจค” “ไม่เอาสิ เรียกพี
มึงไม่ได้รักกู มึงรักตัวเอง (เซฆ่าคน…) “รู้ไหม? อะไรที่ฉันเกลียดมากที่สุด!” เสียงผู้หญิงดังมาจากด้านหลังของเซริน เซรินถูกพันธนาการด้วยเชือกอยู่บนเก้าอี้ จึงไม่สามารถหันไปมองเจ้าของเสียงได้ ‘เสียงแบบนี้เหมือนเคยได้ยินที่ไหนกันนะ?’ “ฉันไม่ชอบเวลาที่มีใครสักคนมาทำให้ฉันเหมือนคนขี้แพ้ต่อหน้าคนอื่น ฉันอยากจะสับมันออกมาเป็นพันๆ ชิ้นเลยเธอรู้ไหม?” น้ำเสียงเย็นของคนพูดคล้ายคนโรคจิต “คุณ…” เซรินพูดค้างไว้แค่นั้นก่อนคำพูดทั้งหมดจะถูกกลืนหายไปเมื่อเห็นหน้าคนพูด “ยังไม่ทันได้ข้ามคืนเลย ลืมฉันแล้วหรอ?” “คุณที่อยู่ในห้องน้ำนี่เอง จับฉันมาทำไมคะ?” “เธอต้องชดใช้ที่ทำฉันอับอาย!” “แค่อับอาย ไม่ได้ตายนี่คะ ทำไมต้องแค้นขนาดถึงขั้นมาเอาชีวิตคนอื่นเลยรึไง?” “5555 อีดี้น่ะของปลอม กูนี่คนจริง!! โทษฐานที่มึงทำกูอับอาย กับที่มึงสะเออะมาแย่งคุณวินเนอร์ไปจากกู กูขอชีวิตมึงแล้วกันนะ ถ้าไม่มีมึง คุณวินเนอร์ก็ไม่มีใคร” “แล้วคิดว่าถ้าไม่มีฉัน เขาจะเอาเธอ?” “ไม่รู้ รู้แต่ว่าจะไม่มีใครหน้าไหนได้เป็นเมียคุณวินเนอร์ นอกจากคุณหนูขิมคนนี้คนเดียวเท่านั้น 55555” คุณหนูขิมหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเหมือนคนเ
special happiness ดวงตากลมใสค่อยๆเปิดเปลือกตาลืมขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิด กระพริบถี่ๆเพื่อปรับรับแสงที่สาดส่องรอดผ่านกระจกบานใสเข้ามาภายในห้องที่ดูคุ้นตามาตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่เธอคลอดลูกสาวมา นี่ไม่ใช่ห้องนอนของเธอ แต่เป็นห้องเลี้ยงเด็กอ่อนที่วินเนอร์ทำขึ้นเอาไว้เธอและพี่เลี้ยงคอยเลี้ยงลูกสาว ห้องค่อนข้างโปร่ง ภายในห้องเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ของเด็กทั้งยังมีกลิ่นบางอย่างที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์นั่นก็คือ กลิ่นนม กลิ่นแป้งเด็ก เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ฉายเข้ามาในความคิด เซรินเผลอหลับไประหว่างที่มองพี่เลี้ยงกำลังนั่งเล่นกับเด็กน้อยอย่างเพลินๆจนเผลอหลับไปเมื่อไรไม่รู้ตัว รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็เพราะเสียงเด็กที่ร้องอ้อแอ้ข้างหูกับพร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มของผู้ชายคนหนึ่งที่คล้ายกำลังหยอกล้อกันอยู่ เซรินจำเสียงนี้ได้ดี เมื่อตอนได้ยินเสียงนั้นครั้งแรกในห้องคลอด แม้จะเป็นเสียงร้องไห้ของเด็กแรกเกิด แต่เสียงนี้กลับกลายเป็นน้ำชะโลมหัวใจของเธอให้ชุ่มชื่นมากขึ้น แต่การเลี้ยงเด็กอ่อนไม่ใช่เรื่องสบาย แม้เธอจะมีพี่เลี้ยงคอยช่วยอยู่ก็ตาม ความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมาจึงทำให้ร่างบางเผลอหลับไป
แต่งงานกันนะ "ขึ้นมาสิ" วินเนอร์จูงมือของเซรินขึ้นไปบนดาดฟ้าของเรือสำราญ เรือลำที่เขสและเธอพบเจอกันครั้งแรก สถานที่ต้นกำเนิดความรักของพวกเขาทั้งสองคน "มีอะไรหรือเปล่าคะเฮีย ทำไมต้องพาเซมาที่นี่ด้วย?" เซรินยังไม่ยอมเดินตามการจับจูงของคนตัวใหญ่ เพราะเธอรู้สึกว่าวันนี้วินเนอร์มีท่าทางแปลกไป ดูลุกลี้ลุกลนและพูดมากผิดปกติ ที่ผ่านมาจะพูดจะคุยกับเธอแต่ละคำราวกับกลัวดอกพิกุลจะร่วง "ขึ้นมาเถอะ" เขาบอกกับเธออีกรอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอมองหน้าและสบตากับเขา พบกับสายตาวิบวับของคนตัวใหญ่ เซรินเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ามีอะไรอยู่บนดาดฟ้าเรือกันแน่ทำไมเขาถึงอยากให้เธอขึ้นไปนัก สุดท้ายเธอก็ทนต่อสายตาอ้อนๆของเขาไม่ไหว จึงยอมเดินตามการจับจูงของเขาขึ้นไปบนดาดฟ้าของเรือ เมื่อเซรินก้าวขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ เธอก็เห็นโต๊ะตัวหนึ่งตั้งอยู่กลางดาดฟ้า มันถูกปูด้วยผ้าสีขาวดูสะอาดตา ตรงกลางโต๊ะมีแจกันใบโตวางอยู่ และในแจกันก็มีดอกทานตะวันดอกใหญ่หนึ่งดอกเสียบอยู่ในนั้น ดอกทานตะวันสีเหลืองทอง ดอกใหญ่ดูเด่นอยู่กลางโต๊ะ ทำให้เป็นที่ดึงดูดสายตาของเธอเหลือเกิน เก้าอี้สองตัวถูกวางไว้ข้าง ๆ โต๊ะ เซรินมองหน้าเขาด้
ต่อแขน ต่อขา เซรินกลับมาบริหารบริษัทของพ่อกับแม่ที่เหลือทิ้งไว้ให้เธอ ก่อนหน้านี้ตกไปอยู่ในมือของผู้เป็นอา บริหารจนบริษัทเกือบล้มละลาย ตอนนี้เธอกลับมากอบกู้มันขึ้นมาโดยมีวินเนอร์ มาเฟียผู้เป็นสามีคอยให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษาและเอาบริษัทของตัวเองมาร่วมลงทุนกับบริษัทของเธอด้วย อีกทั้งยังมีบริษัทคู่ค้าด้วยอีกหลายบริษัทที่้ป็นบริษัทของเจคอร์ป พี่ชายบุญธรรมของเธอและเหล่าเพื่อนของวินเนอร์ที่ให้การสนับสนุนซัพพอร์ตเธอเป็นอย่างดี ทำให้บริษัทของเธอฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ทุกอย่างกำลังลงตัว ทางครอบครัวของผู้เป็นอา ทั้งภรรยาและลูกของอา เซรินก็ไม่เอาผิดเพราะเขาไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการกระทำของอาเธอเลย บ้านที่ทั้ฃสองอาศัยอยู่ ทั้งรถ เธอก็ยกให้ พร้อมทั้งให้เงินก้อนจำนวนหนึ่งที่พอจะให้ทั้งสองตั้งตัว มีอยู่มีกิน มีใช้ต่อไปได้สักพักใหญ่ๆ ถ้ารู้จักอดออม ประหยัดและหาเงินเข้ามาใช้จ่ายได้เพิ่มเอง ส่วนเรื่องผู้เป็นอา เธอให้คำตอบกับสองแม่ลูกเพียงแค่ว่า อาหายไปโดยที่ไม่มีใครรู้ ผู้เป็นภรรยาของเขาก็ไม่สงสัย ติดใจอะไรเพราะรู้ดีว่าผู้เป็นสามีของตนนั้น เป็นคนเช่นไร มีศัตรูเยอะเพียงใด หายไปก็คงเพราะศัตรูค
จบที่เรา เบาที่สุด ในห้องพักคนป่วยที่เงียบสงัดจนได้ยินแค่เสียงหายใจของหนุ่มสาวสองคนที่อยู่ภายในห้อง หลังจากวินเนอร์และเพื่อนๆ ของเขาเดินออกจากห้องไปตามคำขอของเซริน เพื่อปล่อยให้เธอและเจคอร์ปได้เคลียร์ใจกันเพียงลำพัง เพราะเขาเชื่อใจผู้หญิงของเขาที่จะต้องหาทางออกที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่ายได้แน่ๆ และเขาก็ไว้ใจเพื่อนของเขาที่รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร และจะหาบทสรุปให้กับเหตุการณ์นี้ได้เช่นกัน "พี่เจค เจ็บตรงไหนไหมคะ?" เซรินเป็นฝ่ายทำลายความเงียบเริ่มบทสนทนาขึ้นมาก่อน "พี่ปลอดภัยแล้ว น้องรินไม่ต้องห่วง และไม่ต้องกังวลว่าที่พี่เป็นแบบนี้เพราะตัวน้องริน" เขารู้ว่าหญิงสาวเป็นห่วงและกังวลใจว่าตัวเองจะเป็นสาเหตุให้เขาต้องบาดเจ็บ และด้วยปมที่ติดอยู่ในใจของหญิงสาวยิ่งทำให้เขาเองเกิดความกังวลไปด้วยว่าหญิงสาวจะเป็นเช่นไรหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่เขาเอาตัวเองบังกระสุนแทนเธอ และพูดว่าจะ ‘ปกป้อง’ ซึ่งเป็นคำต้องห้าม แต่กลับกัน หญิงสาวตัวเล็กไม่เป็นอะไรเลย ไม่คลุ้มคลั่งอีกต่อไปแล้ว เพราะความทรงจำของเธอกลับมา และอาการแพนิค คลุ้มคลั่งบังคับตัวเองไม่ได้ก็หายไปด้วยเนื่องจากเธอรู้ความจริงและมีสติอยู่กับตัวเ
พี่ชาย...ใช่ไหม? ภายในห้องพักผู้ป่วย ห้องพิเศษของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ห้องพิเศษที่ไม่มีคนนอกได้มีโอกาสเข้ามาใช้บริการ เนื่องจากทั้งชั้นในชั้นนี้เป็นห้องพักผู้ป่วยส่วนตัวของเจ้าของโรงพยาบาล ซึ่งเป็นของตระกูลใหญ่ที่มีทั้งหมอส่วนตัว โรงพยาบาลเอกชน มีชั้นรักษา มีชั้นพักฟื้นส่วนตัว ภายในห้องพักกว้าง ตกแต่งเรียบง่ายแต่มีครบทุกเครื่องอำนวยความสะดวก และครบทุกเครื่องมือแพทย์ คนป่วยนอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย รายล้อมไปด้วยผู้คนหลากหลายอิริยาบท ประมาณ5-6 คน “กูคิดว่ามึงจะไม่ตื่นขึ้นมาดูโลกอันสดใสอีกครั้งซะแล้ว 555” คาร์โก้เปิดฉากบทสนทนาด้วยน้ำเสียงขบขันแกมหยอกล้อเพื่อนสนิท “พวกมึงก็ไปช่วยกูช้าจริง” คนบนเตียงสวนกลับในทันที แม้จะไม่เต็มเสียงมากนัก เพราะเขาเองก็เพิ่งจะฟื้นและออกมาจากห้อง ICU เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา “สำออยจริง มึงออกมาได้ ช่วยเหลือตัวเองได้ ทำไมมึงไม่ลุยออกมาวะ?” มังกรปิดท้ายประโยคด้วยคำถาม เขาเองรู้จักฝีมือเพื่อนดี สถานการณ์หนักกว่านี้เขาก็หนีออกมาได้ เขาก็จัดการได้ แต่นี่เขาไม่ทำ มันเกิดอะไรขึ้น เหตุผลอะไรที่ทำให้เพื่อนของเขายอมเอาตัวเองไปตกอยู่ในอันตราย “น้องริน...”
เกิดใหม่... แพขนตาหนา ค่อยๆ ขยับ เปลือกตาบางเปิดขึ้น พร้อมกระพริบถี่เพื่อปรับรับแสงสว่างที่กระทบเข้ามาที่สายตา เพราะหลับตาเป็นเวลานานจึงต้องใช้เวลาในการปรับสภาพอยู่สักพักหนึ่ง เมื่อปรับได้แล้ว หญิงสาวกวาดสายตาไปรอบๆ ภายในห้องเงียบกริบเหมือนกับว่าไม่มีคนอยู่ แต่จริงๆ แล้วมีร่างหนานั่งอยู่ข้างเตียง ซบหน้าหลับกับแขนของเธอ ‘ทำไมไม่ไปนอนดีๆ นะ’ เซรินคิดในใจ อยากจะขยับตัวให้คนร่างใหญ่รู้สึกตัว่าเธอตื่นแล้ว แต่ก็กลัวจะรบกวนเวลานอนของเขา ซึ่งคิดดูแล้วช่วงที่เธอยังไม่ตื่นเขาน่าจะไม่ได้พักผ่อนไม่ได้นอนแน่ๆ เพราะไม่งั้นเขาคงไม่มานั่งหลับตรงนี้หรอก ‘จะปลุกหรือจะแกล้งดีนะ ทำโทษคนโกหก’ หญิงสาวปิดเปลือกตาลง ลองแกล้งขยับแขนที่ทำให้ดูเหมือนจะฟื้นแต่ยังไม่ฟื้น พอให้คนข้างๆ รู้สึกตัว และก็ดูเหมือนจะได้ผล คนข้างๆ ค่อยๆ ขยับตัวตื่นขึ้น “เซ ฟื้นแล้วหรอ ตื่นแล้วใช่ไหม” วินเนอร์ลุกขึ้นยืน เขารู้สึกเหมือนร่างบางเริ่มขยับ เขาคิดว่าเธอคงฟื้นแล้ว แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หญิงสาวยังคงนอนนิ่ง อยู่บนเตียง เปลือกตาบางยังปิดสนิท มีแพขนตาปกคลุมหนาเป็นแพสวยงามแม้ยามไม่ได้แต่งแต้มเครื่องสำอางค์บนใบหน้า ‘เซ
อย่าทิ้งพี่ไป... เปลือกตาหนา ค่อยๆ เปิดขึ้น พร้อมกระพริบถี่ๆ เพื่อปรับรับแสงสว่างภายในห้อง ภาพแรกที่เขาเห็นเมื่อลืมตาขึ้นคือเพดานขาวมีหลอดไฟที่เปิดให้แสงสว่าง กับเสาน้ำเกลือที่คาดว่าน่าจะเป็นเสาน้ำเกลือที่เจาะอยู่ที่แขนเขาเอง เปลือกตาหนาปิดลงอีกครั้ง พร้อมน้ำใสๆ ไหลลงข้างแก้ม เมื่อเขาคิดถึงคำพูดของหมอก่อนที่ทุกอย่างจะดำมืดไป มันยากเกินที่เขาจะรับความจริงไหว ถ้าต่อจากนี้ไม่มีเธอ เขาจะอยู่ไหวได้ยังไง "ตื่นแล้วก็ลืมตาเถอะ" เสียงของผู้หญิงดังขึ้น แค่หลับตาฟังเสียงเขาก็รู้แล้วว่าเจ้าของเสียงคือใคร ยูริ ผู้เป็นแม่ของเขา ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะได้เจอกับเซริน ยูริจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่มีบทบาทสำคัญในชีวิตเขา แต่พอมีเซรินเข้ามาเป็นดอกไม้ในชีวิตเขา ผีเสื้ออย่างเขาก็ขาดดอกไม้ไม่ได้ไปเสียแล้ว “ดูท่าน่าจะหนักครับ” เสียงผู้ชาย เขาจำได้แม้ไม่ได้ลืมตามามอง เสียงของคาร์โก้เพื่อนเขาเอง “คงหนักแหละ ถึงขนาดร้องไห้ให้กับดอกไม้ที่ย้ำนักย้ำหนาว่าแค่ดอกไม้ข้างทาง สภาพตอนนี้คือ?” “ขาดไม่ได้เลยดิ” เสียงพวกเพื่อนของเขาพากันตอกย้ำซ้ำเติมในการเป็นหมาโบ้ที่กลืนน้ำลายตัวเอง “พวกมึงก็หยุดซ้ำเติมมั
ดอกไม้...ตายแล้ว ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล "ญาติคนไข้รอด้านนอกนะคะ" เสียงพยาบาลคนหนึ่งพูดขึ้น ก่อนจะช่วยกันกับพยาบาลอีกหลายคนดันเตียงคนไข้2เตียงเข้าห้องฉุกเฉิน หมอหลายท่านและพยาบาลวิ่งเข้าวิ่งออกห้องพยาบาลอยู่หลายรอบ ด้วยความรีบร้อนใจ ไม่ต่างอะไรจากบรรดาญาติคนไข้ที่อยู่ด้านนอก "หมอ ช่วยเมียกับเพื่อนผมด้วย" วินเนอร์คว้าข้อมือหมอที่กำลังจะเข้าห้องฉุกเฉิน "หมอจะทำเต็มที่สุดความสามารถครับ" หมอพูดจบแล้วเดินเข้าห้องฉุกเฉินไป "ไอ้วินๆ มึงก็ปล่อยให้หมอรีบไปช่วยพวกมันก่อน" คาร์เตอร์แทรกขึ้นหลังจากหมอเดินหายเข้าไป เขารู้ว่าเพื่อนเขาเป็นห่วงเมีย เขาเองก็เป็นห่วงเพื่อนของเขาที่อยู่ข้างในด้วยเหมือนกัน "เซรินจะเป็นอะไรไหมวะ?" วินเนอร์รำพึงออกมาแผ่วเบาๆ คล้ายคนละเมอ แต่ยังไม่ทันที่เพื่อนๆ จะได้ตอบอะไร "เข้าห้องฉุกเฉินไปแล้วใช่ไหมวะ?" เสียงของคนใหม่ที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาก็ร้องถามขึ้น "ไอ้หมอ ช่วยเมียกูกับไอ้เจคด้วย" วินเนอร์ถลาเข้าไปหาคนมาใหม่ที่เป็นเพื่อนของเขาเอง "เออ !!! เพื่อนกูเหมือนกัน พวกมึงรอข้างนอก อย่าเพิ่งไปไหน เผื่อมีอะไรจะต้องช่วยตัดสินใจ" พูดเสร็จเขาก็รีบเดินเข้าห
ตอกย้ำความจริง ดูเหมือนสถานการณ์ทุกอย่างจะคลี่คลาย และสงบจบลงด้วยดี เสี่ยอำนาจได้รับกรรมตามที่ตัวเองก่อไว้ สำหรับเขามาเฟียอย่างวินเนอร์ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิตเท่านั้น เมื่อมันพรากลมหายใจไปใคร มันก็ต้องเอาลมหายใจของตัวเองไปไถ่บาปเท่านั้น “รีบไป ไอ้เจคท่าไม่ค่อยดี เอามันไปโรงพยาบาลด่วน” เสียงมังกรตะโกนเร่งลูกน้อง หลังจากเห็นพวกวินเนอร์มุ่งตรงมาที่เหลือที่พวกเขาจอดรออยู่ “เฮีย! ฮึก..เซคิดถึงเฮีย..ฮืออ” เซรินร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “เฮียรู้ไหมว่าเซกลัวแค่ไหน..เซกลัว กลัวว่าเฮียจะเป็นอันตราย..ฮึก” “ไม่เป็นไรนะ เฮียอยู่นี่แล้ว” ร่างสูงเอ่ยพร้อมกับกอดปลอบหญิงสาว “เฮีย…เฮียช่วยลูกของเราด้วยนะ ช่วยลูกด้วย...” เซรินพูดพร้อมกับกุมมือหนา เอามาวางไว้ที่หน้าท้องของตนเอง ขาสองข้างเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลออกมา “ลูกหรอ เมื่อกี้เซพูดว่าลูกใช่ไหม!!” สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วไปหมด หัวใจของชายหนุ่มเต้นตึกตักพร้อมทั้งความคิดในหัวที่ตีรวนเมื่อได้รับรู้ว่าตนเองกำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว ทั้งความรู้สึกดีใจ ผสมปนเปไปกับความรู้สึกโกรธเคืองและเคียดแค้นเสี่ยอำนาจที่เกือบจ