ตัดกลับมายังสถานการณ์หลังจากเหลียนฮวาได้ยื่นดาบให้กับเฟยจิน เนื่องจากด้านหลังค่ายแห่งนี้ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้ว นางจึงหลบออกมายืนมองอยู่ตรงป่าไม่ใกล้ไม่ไกล
“เจ้าคงสงสัยเกี่ยวกับข้าสินะ” พูดขึ้นเพราะรู้ว่าเขาตามมาอยู่
“…” หยางหลงรอฟังเงียบๆ แม้ภายในใจกว่า 80% จะมีคำตอบให้ตัวเองแล้วว่านางเป็นใคร ตาคมกวาดมองทั่วใบหน้าเรียวสวย ไม่มีส่วนไหนคล้ายกับใบหน้าคนรักตนเลย จะมีเพียงแค่ดวงตาสดใสที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยและคิดถึง แม้ไม่เหมือนไปสักทีเดียว ทว่าเขาก็ไม่อาจละสายตาไปจากใบหน้านางได้
“ใช่ ข้าไม่ใช่คนจากโลกใบนี้ ข้ามาเกิดใหม่ก็จริง แต่จิตวิญญาณของข้าเป็นคนจากดาวสีน้ำงะ...” เหลียนฮวาหลับตากลั้นใจบอกความจริง
หมับ
และไม่รอให้พูดจบหยางหลงมั่นใจเกิน 100% ทันที เขาปรี่เข้าไปสวมกอดร่างเล็กด้วยความคิดถึง ตลอดระยะเวลาหลายปีของเขาไม่เสียเปล่า หากเขาไม่เชื่อลางสังหรณ์ตัวเองก็คงไม่ได้พบกับนาง
“จะ เจ้า…”
“พี่ตามหาเธอมานานเหลือเกิน โมนิก้า” หญิงสาว
“ซิงอีตื่น ๆ” แรงสะกิดทำให้หญิงสาวสะลึมสะลือ“ระ เราอยู่ที่ไหนเจ้าคะ” ภาพโหดร้ายเมื่อคืนยังติดตากว่าจะข่มตาหลับได้ นางมองซ้ายมองขวารู้สึกว่ารถม้าจอดนิ่ง“แม่ก็ไม่รู้ ไม่มีใครอยู่เลย” หลี่จ้านที่ตื่นได้สักพัก นางเปิดผ้าคลุมสำรวจรอบๆแล้วไม่พบตัวประหลาดหรือผู้คนแม้แต่คนเดียว บรรยากาศวังเวง หมอกควันยังหนาจนนางต้องปิดผ้า รีบปลุกบุตรสาว“ระ หรือจะไม่มีใครรอด” ดวงตาสั่นไหวอย่างขลาดกลัว เหตุการณ์ผู้คนวิ่งหนีร่างเต็มไปด้วยเลือดลอยเข้ามา“ปากเสีย อย่างน้อยก็เราสองคนที่รอด” หลี่จ้านก็กลัวจะเป็นอย่างคำพูดบุตรสาวเช่นกัน ทว่าพอคิดดูอีกทีสีหน้ากลับค่อยๆดีขึ้น หากเป็นเช่นนั้น งั้นสมบัติพวกนี้ก็จะกลายเป็นของนางนะสิ ฟึบ“เรารวยแล้วซิงอี” นางเปิดหีบใบหนึ่งออกพบเครื่องประดับราคาแพงอยู่เต็มไปหมด หากนำไปขายคงได้หลายหมื่นเหรียญทอง ส่วนลูกเขยเฒ่ากับนังฮูหยินน่าจะตายไปแล้ว สัตว์ประหลาดยั้วเยี้ยเช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะรอด“จะ จริงด้วย” ซิงอีท
“เจียวลู่เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่” เหยาฉือและเจียหมิงที่ทราบข่าวจากทหารคนอื่นรีบวิ่งเข้ามาหาคนทั้งสอง สายตาบ่งบอกว่าเป็นห่วงไม่น้อย“ขอรับ นางไม่มีผลอันใดกับความรู้สึกของเจียวลู่อีกต่อไปแล้ว” เจียวลู่เอ่ย“ไม่ต้องพยายามเข้มแข็ง พี่ใหญ่รู้ว่าเจ้าเก่ง” เหยาฉือที่ดูน้องออกลูบหัวพลางเอ่ยบอก ดวงตาเจียวลู่สั่นไหวเล็กน้อย ถ้าจะให้บอกว่าไม่มีความรู้สึกอันใดก็คงจะเกินจริงไปหน่อย เขายังเป็นมนุษย์ รัก โลภ โกรธ หลงเป็น เพียงแต่ที่บอกว่าไม่มีผลใดๆกับความรู้สึกเขาคิดตามนั้นจริงๆ“ข้ากลัวนางจะมาวุ่นวายกับพี่ใหญ่ พี่รองอีก” ชายหนุ่มบอกสิ่งที่คิด สายตาเป็นกังวล“ไม่ต้องกลัว ถ้านางกล้าก็ลองดู” เจียหมิงเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง ครอบครัวของเขาไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว ทุกคนเติบโตขึ้นมาก ทั้งความรู้ความคิด ไม่ยอมให้นางชักจูงง่ายๆอีกต่อไปยิ่งบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ การพึ่งพาตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ จะยากจนหรือร่ำรวยต่างก็ต้องเอาชีวิตรอดจากพวกตัวประหลาดคนคลั่งเหมือนๆกัน“ข้าก็ช่วยสอด
“ตรงนี้เหมาะเป็นที่ปลูกผักเลยเจ้าค่ะ” เหลียนฮวาเอ่ยหลังมองไปยังพื้นที่ที่ทหารคนหนึ่งชี้ให้ดู สีหน้าทหารหลายนายยิ้มแย้มมากขึ้น คงเพราะรู้ข่าวว่าพวกท่านลุงหมวกสานจะจัดคนไปช่วยเหลือชาวบ้านนอกพื้นที่แน่ๆ เลยพากันดีใจ นางก็พลอยรู้สึกยินดีไปด้วยหญิงสาวเดินสำรวจใกล้ ๆ ทำเลค่อนข้างดีเลย เป็นพื้นที่ว่างตรงมุมสุดของค่าย ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวคนเดินเหยียบแปลงผัก นางก้มหยิบดินขึ้นมาดูพบว่าดินมีสภาพแย่กว่าหลังบ้านนางมากโข อาจต้องบำรุงหนักทีเดียว“ให้พวกเราช่วยทำอะไรก่อนดีเหลียนเอ๋อร์”“พรวนดินเจ้าค่ะ น้ำเรามีจำกัด ข้าจะให้พวกท่านใช้อุปกรณ์พวกนี้ขุดดินแล้วทำเป็นแถวๆไว้” เหลียนฮวาหยิบจอบเสียมจากในมิติออกมา เลือกอันที่คล้ายผ่านการใช้งานมาแล้วดูเก่าที่สุด“ได้ๆ เจ้ารอชมผลงานได้เลย” ทหารลงมือทำตามที่นางอธิบายอย่างขยันขันแข็ง“โดนลดตำแหน่งมาเป็นคนสวนแล้วรึ สมน้ำหน้า” น้ำเสียงเยาะเย้ยดังขึ้นไม่ไกล เหลียนฮวาไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นใคร“ข้า
หลายวันต่อมา กลางคืนยังมีซอมบี้พยายามบุกเข้ามาอยู่ทุกวัน ทว่าแม่ทัพจัดกองกำลังแบ่งออกไปต่อสู้กับพวกมันทุกคืน และอีกไม่นานหากซอมบี้รอบค่ายเริ่มซาลง จะมีการจัดตั้งทีมเพื่อออกไปช่วยชาวบ้านนอกพื้นที่ ส่วนช่วงกลางวันหลังจากเตรียมแปลงผัก บำรุงสภาพดินเสร็จ เหลียนฮวาตัดสินใจว่าวันนี้แหล่ะที่จะบอกครอบครัว“ห๊า นะ นี่พวกเจ้า…” เจียหมิงอุทานอย่างตกตะลึงเมื่อบุตรสาวสารภาพบางอย่าง แต่ที่รู้สึกควันออกหูมากกว่าคือนางจูงมือตัวต้นเหตุเข้ามาด้วย“พวกเราคบกันเจ้าค่ะ” เหลียนฮวาเอ่ยย้ำอีกครั้งเสียงหนักแน่น กระชับมือที่จับกับชายคนรักไว้“ละ ลุงไม่ได้หูฟาดใช่หรือไม่” เหยาฉือทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ ตบหน้าตัวเองคล้ายให้ตื่นจากฝัน ยังไม่ทันได้ดูลาดเลาเลย หลานสาวเล่นชิงเปิดตัวก่อนเลยหรือ“จริงหรือหยางหลง” เจียวลู่ถามชายหนุ่มอีกคนที่เงียบตั้งแต่ต้น“อืม ต้องอภัยทุกท่านที่มาบอกเอาป่านนี้ แต่ได้โปรดให้เราคบกันด้วยเถอะขอรับ” หยางหลงก้มหัวลงอย่างขอร้อง หากแม่นมเห็นองค์ชายผู้ซึ่งเป็นเชื้อพร
ใกล้ๆประตูเมืองเขตชั้นในแฮร่ กรร“อย่าลดการป้องกัน ฝ่าเข้าไป” แม่ทัพแห่งแดนตะวันตกเอ่ยสั่ง ทหารหลายร้อยบัดนี้เหลือเพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น พวกเขาต้องฝ่าไปให้ถึงประตูเมืองชั้นในให้ได้ ยิ่งใกล้จะมืดพวกมันเริ่มทยอยออกมาเยอะขึ้น อุตส่าห์คิดว่ามาทันแล้วเชียว“แฮ่ก ๆ หากเรายังฝ่าเข้าไปเช่นนี้ มีหวังโดนพวกมันล้อมแน่ขอรับ” รองแม่ทัพเอ่ยบอกเสียงกังวล พวกเขาสู้กับพวกมันมาหลายชั่วยาม นอกจากจำนวนยังไม่ลด กลับยังมีมาเพิ่มเรื่อยๆแหงนมองท้องฟ้าใกล้เปลี่ยนสี หลังจากต่อสู้อดหลับอดนอนกันมาหลายวัน พบว่าเมื่อใดก็ตามที่แสงสว่างหมดไป ความมืดมิดเข้าปกคลุม พวกมันจะว่องไวและดุร้ายขึ้นผลัก ฉั้วะ“ทุกคนตามข้ามา” ลู่จือเลือกที่จะฝ่าวงล้อมเปิดทางมุ่งหน้าไปยังประตูที่อยู่ตรงหน้าปัง ปัง“เปิดประตู ข้าลู่จือ แม่ทัพแห่งตะวันตก” ในที่สุดพวกเขาก็ฝ่าเข้ามาได้ ลู่จือรีบทุบประตูเมืองที่ปิดแน่น ในขณะที่ลูกน้องของเขายังสู้เพื่อกันพวกมันไม่ให้เข้าใกล้แม่ทัพอยู่ปัง ปัง ปัง&l
“พร้อมแล้วใช่ไหม” เสียงแหบพร่าของผีดิบกลายพันธุ์เยว่เล่อเอ่ยถามบนบัลลังก์ แสยะยิ้มเห็นฟันแหลมคม ผิวสีซีด ร่างกายเต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปน สวมฉลองพระองค์ด้วยอาภรณ์ของราชวงศ์ลั่วสีเหลืองทองอร่าม“พะย่ะค่ะฝ่าบาท” เหล่าขุนนางที่บัดนี้พร้อมใจถวายรับใช้ฮ่องเต้องค์ใหม่ต่างทำหน้าที่กันอย่างขยันขันแข็ง เพราะไม่อยากตกเป็นอาหารของพวกผีดิบ“ดี นำตัวพวกนางเข้ามา”“ฮึก ปะ ปล่อยข้าไปเถอะ”“กรี๊ดด ปล่อยนะ” หญิงสาวหน้าตางดงาม ช่วงวัยไม่ถึง 20 หลายคนต่างถูกนำตัวเข้ามา พวกนางถูกชำระร่างกายจนสะอาดเอี่ยม สวมชุดพริ้วไหวสีขาว หน้าตาทุกคนต่างเปื้อนเป็นรอยคราบน้ำตา ที่นี่มีตัวประหลาดรูปร่างคล้ายคนอยู่เต็มไปด้วยหมับ“ชะ ช่วยพวกเราด้วย” หญิงคนหนึ่งที่จับชายเสื้อของขุนนางที่อยู่ใกล้ ดูแล้วเขายังเป็นมนุษย์ น่าจะช่วยพวกนางออกไปได้พรึบ“ปล่อยข้า!” ขุนนางคนนั้นกลัวว่าฮ่องเต้จะอารมณ์เสียจึงรีบสะบัดชายเสื้อจนห
ยามเซิน (15.00 - 16.59 น.)“เหลียนเอ๋อร์ ฝนหยุดแล้ว” หยางหลงปลุกแฟนสาวเบาๆ เพราะนางบอกว่าต้องรีบไปช่วยให้ทัน เมื่อฝนหยุดเขาจึงต้องปลุกก่อนฟ้าจะมืด“อื้ออ” เหลียนฮวาที่นอนหลับสบาย ปรือตาตื่นขึ้นมา“เตรียมตัวก่อน ในมิติมีชุดเปลี่ยนใช่ไหม”“จริงด้วย ขอโทษเจ้าค่ะ ข้าลืมเลย” เพราะมัวแต่คิดเรื่องแบบนั้นจนต้องปิดกั้นมิติไว้ ทำให้นางลืมไปเลยว่าในมิติมีชุดให้เปลี่ยน“ไม่เป็นไร เราเปลี่ยนชุดกันก่อน เจ้าหิวหรือยัง”“ยังเจ้าค่ะ พี่หยางล่ะ”“พี่ก็ยัง เรารีบเดินทางก่อนดีกว่าก่อนจะมืดค่ำ” เหลียนฮวาหยิบชุดจากคลังส่งให้คนรัก ก่อนทั้งสองจะเปลี่ยนเป็นชุดสีดำทั้งตัวดูทะมัดทะแมง โดยชุดของชายหนุ่มจะมีหมวกคลุมอยู่ด้วย เพราะนางรู้ว่าเขาไม่ค่อยชอบเปิดเผยใบหน้า และของนางเองก็มีผ้าบางๆคลุมใบหน้าส่วนล่างเช่นกัน“ให้พี่อุ้มเจ้าอีก....”“กำลังข้าเต็มร้อยเจ้าค่ะ พี่หยางเถอะไม่เมื่อยหรือเป็นเบาะรองนอนให้ข้าตั้งนาน&rdqu
“ถะ ถึงแล้ว” แม่ทัพฮั่วหมิงหอบร่างผายผอม ไม่เหลือเคล้าเดิม บาดแผลเหวอะหวะสีม่วงช้ำน้ำหนองไหลออกมา เพราะเกิดการติดเชื้อ เขาเดินทางมายังค่ายที่ชายแดนได้สำเร็จ แต่คงฝืนร่างกายได้เพียงเท่านี้ แม้จะใช้เวลานานแต่ความแค้นที่มีเป็นตัวผลักดันชั้นดีแฮร่ แฮร่ฮั่วหมิงเปิดกระโจมทดลองที่มีร่างของผีดิบตาสีแดงอยู่หลายสิบตัว ทั้งยังมีร่างของชายคนหนึ่งนอนอยู่ในนั้น เครื่องมือที่จะสามารถแก้แค้นแทนได้ เขาค่อยๆเดินไปหยุดตรงตั่งเตียงของชายที่หลับไหลฉึกฮั่วหมิงใช้ดาบสีดำที่ช่วยชีวิตเขาตลอดการเดินทางกรีดข้อมือตัวเองให้เลือดหลั่งไหลลงไปบนปากของชายที่นอนหลับ หากมองภายนอกชายผู้นี้เหมือนมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ทว่าความจริงคือผีดิบกลายพันธุ์ที่ทดลองสำเร็จตัวแรกของท่านอาจารย์นั่นเอง เขาพอมีวิชาที่อาจารย์เคยสอนควบคุมมันอยู่ ไม่รู้วิธีนี้จะทำให้มันฟื้นขึ้นมาหรือเปล่า แต่ขอให้ได้ผล“อึก บ้าจริง” เขาลืมไปได้อย่างไรว่าดาบเล่มนี้ใช้ฟันผีดิบตาสีขาวมาหลายตัวระหว่างเดินทาง พอนำมากรีดเข้าที่ข้อมืออาจทำให้กลายเป็นพวกมัน แต่บา
“อุแว้ อุแว้”“ที่รักเหนื่อยไหม ขอบคุณที่คลอดบุตรให้พี่อีกคนนะ” หยางหลงเช็ดเหงื่อตรงหน้าผากให้คนรักที่หน้าซีดเซียว“ไม่เลยเจ้าค่ะ แค่เห็นหน้าลูกๆกับพี่ ข้าก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง” เหลียนฮวาที่มีประสบการณ์จากการคลออบุตรครั้งแรกถึงสองคน ครั้งนี้จึงคลอดง่ายมาก หมอหลวงที่เดินทางจากแคว้นเว่ยโดยเฉพาะอุ้มเด็กน้อยตัวอวบอ้วนเข้ามา“ขอแสดงความยินดีกับชินอ๋องและพระชายา เป็นเด็กทารกเพศชาย ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์เพคะ” หมอหญิงส่งเด็กทารกให้แก่ชินอ๋อง หยางหลงรับมาด้วยความทะนุถนอม“อีกแล้ว ข้าอุ้มท้องเขามา 9 เดือนนะเจ้าคะ” เหลียนฮวาพูดอย่างน้อยใจ เมื่อบุตรลายคนที่สามไม่มีส่วนไหนเหมือนนางเช่นเดียวกัน นี่น้ำเชื้อเขาแรงมากเลยหรือ ลูกออกมาสามคน หน้าตาเหมือนเขาทุกคน“ฮ่าๆ คนที่สี่ต้องเหมือนเจ้าอย่างแน่นอน” หยางหลงพูดด้วยรอยยิ้ม เหลียนฮวาได้แต่อ้าปาก
แคว้นฉินพระราชวัง“ฮื่อ ฮื่อ” เสียงเด็กน้อยร่ำไห้อยู่ข้างเตียงของหญิงนางหนึ่ง“แค่ก ๆ ขะ ข้าไม่น่า คะ คลอดเด็กอย่างเจ้าออกมาเลย” องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยใบหน้าโกรธแค้น ตัวนางซูบผอมเหลือแต่กระดูก อันเนื่องจากคลอดเด็กลูกครึ่งผีดิบที่กัดกินชีวิตนางตั้งแต่อยู่ในครรภ์ นางหวังให้ลูกของนางเติบโตมาแข็งแกร่งเหมือนพ่อ ทว่าเด็กออกมากลับเป็นผู้หญิง นอกจากอ่อนแอแถมยังไร้ประโยชน์ทำไมกันนะ ชีวิตของนางถึงไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง ตั้งแต่มีพระสวามี เขาก็ทิ้งนางให้อยู่ท่ามกลางผีดิบ ดีที่ยังมีคนรับใช้หลงเหลือไว้ให้อยู่ แต่รอบตัวก็เต็มไปด้วยผีดิบ ไม่มีใครสามารถออกจากแคว้นได้เลย มีครั้งหนึ่งที่แม่ทัพของเคยคิดออกจากแคว้น ทว่ายังไปได้ไม่ไกล ต่างโดนเหล่าผีดิบเข้ามากัดกินทั้งเป็น หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าออกไปนอกแคว้นอีกเลย“ท่างแม่…”“ยะ อย่า แ
4 ปีต่อมา“เสี่ยวชุน เสี่ยวเฉินลงมาจากต้นไม้เดี๋ยวนี้!!” เหลียนฮวาตะโกนบอกบุตรชายตัวแสบวัยสามขวบทั้งสอง อุ้มท้องมา 9 เดือน แต่ไม่มีส่วนใดได้นางมาเลย เด็กๆถอดแบบพี่หยางมาทั้งหมด ชอบปีนต้นไม้เหมือนใครก็ไม่รู้? แถมยังหลบหนีพี่เลี้ยงเก่งเป็นที่หนึ่ง“ปี้ชายลงไปก่อนซี่” เสี่ยวชุนหรือเว่ยชุนหวงเอ่ยบอกพี่ชายที่คลอดก่อนตนเพียง 5 วินาที ร่างกลมป้อมอวบอัด ทว่ากลับว่องไวกว่าคนเป็นพี่บุ้ยปากให้พี่ชายลงจากต้นไม้ก่อน“เจ้าเปงน้องก็ต้องลงก่อง” เสี่ยวเฉินหรือเว่ยเฉินอี้กล่าวบอกผู้เป็นน้อง ทั้งสองเกี่ยงกันลงก่อนเนื่องจากยังดูพวกท่านตาฝึกซ้อมยังไม่เสร็จ“ลง มา พร้อม กัน” เหลียนฮวาจำต้องเน้นเสียงทีล่ะคำบอกบุตรชาย ไม่งั้นก็ยังเกี่ยงกันไม่เลิก บุตรชายของนางทั้งสองชื่นชอบการต่อสู้เป็นพิเศษ หากเห็นทหารหรือบรรดาตาๆตัวเองฝึกก็จะรีบขอตามไปดูอย่างไวพวกเด็กๆจะเรียกพ่อของนางว่าต
“เหนื่อยหรือไม่” หยางหลงเอ่ยถามเจ้าสาวของตนหลังคืนแต่งงานผ่านพ้นไป คนรักที่กลายมาเป็นภรรยาและคู่ชีวิตของเขานับแต่นี้เหลียนฮวานั่งตัวเกร็งอย่างทำอะไรไม่ถูก นางกำลังเผชิญกับคืนเข้าหอเป็นครั้งแรก“…”“เหตุใดไม่คุยกับพี่้เล่า” หยางหลงค่อยๆเปิดผ้าคลุมเจ้าสาวเชยคางมนมาสบตา ทั้งสองสบตากันอย่างลึกซึ้ง“ตะ ต้องดื่มเหล้าก่อนมงคลเจ้าค่ะ” เหลียนฮวาที่ไม่รู้จะหาข้ออ้างอันใดมาเอ่ยจึงมองไปที่กาใส่เหล้ามงคลเอาไว้“จริงสิ เป็นขนบธรรมเนียมของที่นี่” หยางหลงยิ้มกริ่มก่อนจะค่อยๆเทเหล้ามงคลจากกาน้ำสองจอดและยกขึ้นมาถือไว้“ดื่มเถิด” เขายื่นให้คนรักหนึ่งแก้วและถือไว้เองหนึ่งแก้ว ทั้งสองคล้องแขนกันก่อนจะยกขึ้นดื่มพร้อมกัน ทั้งกลิ่นทั้งรสชาติของเหล้ามีความแรงจนเหลียนฮวาต้องนิ่วหน้า นางรีบกลืนภายในอึกเดียว ไม่นานหน้
“ถวายบังคมเสด็จพ่อ” ฮ่องเต้สวรรค์มองบุตรสาวด้วยสายตาไม่พอใจนัก“เจ้ารู้ความผิดที่ก่อหรือไม่เทพธิดาเหมยลี่” น้ำเสียงดังก้องกังวาลไปทั่วชั้นฟ้า“ไม่เพคะ” เทพธิดาเหมยลี่เชิดหน้าไม่ยอมแพ้“เจ้า!!!”“ลูกไม่คิดว่าการที่พวกเรารักกันจะผิดตรงไหน”“แม้จะไม่มีบัญญัติว่าห้ามรักต่างฐานันดร แต่เจ้าก็ทำผิดกฎสวรรค์ เจ้ากำลังตั้งครรภ์!!!” ฮ่องเต้สวรรค์แทบลมจับ สั่งให้ทูตสวรรค์หรือที่เรียกทหารในโลกมนุษย์พาธิดากลับมาและนำไอ้ชายที่มันล่อลวงบุตรสาวของเขามารับโทษ“ตั้งครรภ์ จริงสิ เสด็จพ่อทรงมีหลานแล้วเพคะ นางจะเป็นเทพธิดาตนใดมาเกิดกันนะ” เหมยลี่พูดไปยิ้มไป สายใยแม่ลูกทำให้รู้ว่าในครรภ์ของนางเป็นเพศหญิง พลางลูบหน้าท้องแบนราบของตน“ช่างเรื่องนั้นก่อน เจ้าต้องได้รับโทษ” ฮ่องเต้สวร
“พี่หยาง ผักที่เราปลูกงอกแล้วเจ้าค่ะ” เหลียนฮวากล่าวอย่างตื่นเต้น เป็นล็อตสองที่ทดลองปลูก แถมผักที่ปลูกยังเป็นชนิดใหม่“หืม งอกเร็วมาก ยังไม่ถึงเดือน” หยางหลงรีบเข้ามาดูต้นผักตามคนรักชี้บอก วันนี้พ่อตาและคนอื่นไม่อยู่ต้องไปทำภารกิจ“เพราะดินที่เราหมั่นบำรุงมั้งเจ้าคะ”ฟอดดด“เพราะเราช่วยกันปลูกต่างหาก” ขายหนุ่มแอบหอมแก้มแฟนสาวเร็วๆ แล้วส่งยิ้มกระชากใจหลังจากกลับจากแคว้นเว่ยมีประกาศอย่างเป็นทางการเรื่องว่าที่พระชายาองค์ชายห้า เล่นเป็นข่าวดัง พูดถึงกันอยู่พักใหญ่เพราะว่าที่พระชายาเป็นคนต่างแคว้นแถมยังเป็นสามัญชน ทว่าทั้งคู่กลับไม่มีใครสนใจ พากันเดินทางไปแคว้นจ้าวสลับกับแคว้นเว่ย ไปๆมาๆระหว่างสองแคว้น แถมยังหวานกันยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากไม่ต้องปกปิดตัวตนอีกต่อไป“ครั้งหน้าหากผักในโรงปลูกผักโตกว่า
“อื้มม พะ พอก่อนเจ้าค่ะ แฮ่กๆ” เหลียนฮวาหลบชายคนรักที่ตะบมจูบอย่างหื่นกระหาย“เราไม่ได้สกินชิพกันมาหลายวันแล้วนะ” หยางหลงเอ่ยอย่างงอนๆ ไม่ว่าจะเดินไปไหนระหว่างพวกเขามักมีสายตาจับจ้อง ทั้งยังส่งเสียงทักทายมาให้ตลอด พอจะอยู่กันสองคนก็จะมีสายตาจับผิดของพ่อตามองมาอยู่เสมอ ทำให้เขาแทบปลีกตัวอยู่กันสองต่อสองไม่ได้เลย“ก็ใครใช้ให้พี่เป็นคนดังล่ะเจ้าคะ” เหล่าทหารหลายคนที่อยากขับรถแบบเขา จึงพากันเข้ามาพูดคุยขอให้เขาช่วยสอนขับรถ ทั้งยังพูดถึงแต่เรื่องรถ ความชอบของพวกผู้ชายหนีไม่พ้นพวกนี้เลยจริงๆ“พี่สอนพ่อตากับลุงแม่ทัพขับแล้ว พวกเขาไม่ไปถามทั้งสองบ้าง” หยางหลงพูดน้องใจอย่างไม่จริงจังนัก“คิกคิก ก็ไม่มีใครขับได้ผาดโผนเท่าพี่นี่นา” เหลียนฮวาหัวเราะขำ พวกทหารติดใจความเร็วของรถเครื่อง พอกลับไปนั่งรถม้าเริ่มพากันบ่นว่าช้าบ้าง อืดบ้าง ทั้งที่พอนั่งรถเครื่องก็พากัน
ณ พระราชวัง“พวกเจ้าจะทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้!!!” จ้าวฮ่องเต้ตะโกนลั่นอย่างไม่พอพระทัย เหล่าแม่ทัพต่างพากันจับกุมเขาและขุนนางฝ่ายสนับสนุน ใช้สายตาไม่พอใจมองไปทางแม่ทัพเลี่ยงจินที่เดิมทีมีหน้าที่ปกป้องเขา แต่กลับเข้าร่วมกับแม่ทัพคนอื่น“ฮ่องเต้ที่ละทิ้งประชาชน มิอาจดำรงอยู่ต่อไปได้หรอกพะย่ะค่ะ” เลี่ยงจินเป็นคนตอบ เขาตัดสินใจได้ทันทีหลังจากได้พูดคุยกับแม่ทัพเป่ยหวงและลู่จือ สิ่งที่แม่ทัพลู่จือพบเจอไม่สมควรเกิดขึ้นอย่างยิ่ง“คะ ใคร ใครรายงานพวกเจ้า ข้าปิดประตูเมืองเพียงแค่รอสถานการณ์คลี่คลายเท่านั้น หากดีขึ้น...”“ฝ่าบาทมั่นใจว่าเป็นเช่นนั้นหรือพะย่ะค่ะ” เหล่าขุนนางที่ส่งจดหมายแจ้งแก่แม่ทัพเป่ยหวง พร้อมทั้งถือหลักฐานเดินเข้ามายังท้องพระโรง“พวกเจ้า ไม่จริง ข้าเพียงแค่ทำตามคำแนะนำของราชครู!!” จ้าวฮ่องเต้ที่เห็นหลักฐานในมือขุนนางกลับทำตาโตกล่าวถึ
“นะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ออกไป” เยว่เล่อกล่าวออกมาอย่างสับสนพร้อมสั่งพวกมัน เขามองผีดิบที่พากันรุมเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่สนคำสั่งของเขา“เป็นอะไรไหมขอรับท่านแม่ทัพ”“ฮะ ฮุ่ยหมิง แค่กๆ” เป่ยหวงตื่นตะลึงกับภาพที่เห็น ฮุ่ยหมิงตัวเป็นๆยืนอยู่ตรงหน้า หรือเป็นเพียงภาพความฝันกันแน่ ทว่าสีตาของเขากลับเหมือนพวกคนคลั่ง“ข้าเองขอรับ” ฮุ่ยหมิงพยุงร่างของแม่ทัพขึ้น คิดว่าจะหนักแต่ผิดคาดตัวของท่านแม่ทัพเบากว่าที่คิด“จะ เจ้าจริงๆหรือ” เป่ยหวงถามขึ้นดวงตาพร่ามัวที่ใกล้จะปิด เขากลัวจะเป็นแค่ความฝันเท่านั้น หากเฟยจินมาอยู่ตรงนี้ด้วยอีกฝ่ายคงดีใจไม่น้อย“ขอรับ” สิ้นสุดคำตอบของเขา เป่ยหวงสลบไปทันที ฮุ่ยหมิงใช้มือเช็คลมหายใจแล้วเป่าปากอย่างโล่งอก โชคดีที่ท่านแม่ทัพสลบไปเท่านั้นผลักก