[DARLA’S PART]1 วันก่อนงานวันเกิด…เย็นของวันศุกร์ที่สุดแสนจะธรรมาของฉัน ก็ชุ่มช่ำไปด้วยสายฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสายคุณหมอสุดที่รักของฉัน ที่นานๆทีจะได้มีเวลาออกมาใช้ชีวิตแบบคนปกติในเย็นวันศุกร์สุดหรรษาอย่างคนอื่นเขาบ้างแต่ว่าเราไม่ได้มาเดตกันตามคู่รักกันอย่างเดียวนะคะ เรามาทำภารกิจตามหาของขวัญวันเกิดให้กับคุณตาของพี่เบลซด้วยนั่นเอง“หนูว่าเรือนนี้เป็นไง” ชายตรงหน้าเอ่ยถามฉันแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างจากเมื่อก่อนมาก (มากแบบกอไก่ล้านตัวไปเลย) บางมุมเขาก็มีความออดอ้อนตะมุตะมิ อย่างที่คนทั่วไปคงไม่มีโอกาสได้เห็นแน่ๆ แต่มุมดุของพี่เขาก็มีนะ ไม่พูดถึงมุมนั่นดีกว่ายิ่งคิดยิ่งเสียวสันหลัง“ก็สวยดีนะคะ แต่เรือนนี้เหมาะกับคุณท่านมากกว่า” ฉันชี้ไปที่อีกเรือนนึงที่วางอยู่ในกล่องเดียวกันให้เขาดู เพราะเรือนที่พี่เบลซยื่นมาให้ฉันดูมันน่าจะเหมาะกับผู้หญิงมากกว่าไง“เเน่สิเรือนนี้ของคุณยาย พี่สั่งทำสองเรือนครับ”“อ่อ…” “เป็นไงแฟนหนูเก่งปะ” ชายตรงหน้าหันมากระซิบที่ข้างหูของฉันอย่างหยอกล้อ พร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้ฉันแทบจะละลายลงตรงนี้ไปเลย“หึ…ทำหน้าแบบนี้หมายความว่าไงครับ”“ก็แฟนหนูเก่งนี่คะ” หย
เวลาที่คนเรามีความทุกข์ ก็อยากให้เวลาแห่งความหมองหม่นช่วงนั้นผ่านไปไวๆ แต่โชคชะตาก็มักจะเล่นตลกกับคนเราเสมอแหละ เพราะความรู้สึกที่ว่าช่วงเวลาเหล่านี้มันช่างยาวนานถึงแม้ว่าคนเราจะมี 24 ชั่วโมงเท่ากันก็ตาม แต่บางคนกลับรู้สึกว่า 24 ชั่วโมงนี้มันช่างยาวนานซะเหลือเกิน ต่างกับบางคนที่รู้สึกว่าช่วงเวลาแห่งความสุขมีเพียง 24 ชั่วโมงเองหรอ คงเป็นเพราะช่วงเวลาเหล่านั้นมันช่างผ่านไปไวเหลือเกินสำหรับฉันค่ำคืนนี้ที่แสนยาวนานคงจะผ่านไปด้วยการข่มตานอนให้หลับสินะ เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นแม่เสียน้ำตา ถึงจะไม่รู้ว่าท่านเศร้าใจกับเรื่องอะไร แต่ฉันก็มั่นใจว่ามันต้องเป็นเรื่องที่กระทบจิตใจท่าน ถึงฉันอยากจะช่วงแบ่งเบาความรู้สึกเหล่านั้นมากเท่าไหร่ก็ตาม ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับตอนนี้ก็คือรอ รอให้ท่านพร้อมที่จะเล่าทุกอย่างให้ฉันฟัง~ครืนนนนนนนนนนน~ ~ครืนนนนนนนนนนน~เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์ที่กำลังทำให้ฉันดำดิ่งกับความคิดต่างๆที่ตีกันเข้ามาให้หัวของตัวเอง~ unknown ~เวลาเกือบจะเที่ยงคืนอยู่แล้วกับปลายสายที่ไม่ได้ระบุชื่อ ใครกันนะที่โทรมาหาดึกดื่นขนาดนี้ฉันจึงตัดสินใจรับสาย“สวัสดีค่ะ”(…)“ใ
ปางไม้พัชรวิทิต เป็นปางไม้ซึ่งเจ้าของได้รับสัมปทานมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งปางไม้แห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ของป่าทางตอนเหนือสุดเขตแดนประเทศไทย ปางไม้พัชรวิทิตถูกแบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจน ส่วนของพื้นที่ทำงานถูกแยกออกจากส่วนของบ้านพักอย่างชัดเจน พื้นที่บริเวณบ้านพักคนงานถูกสร้างเป็นห้องแถวยาวหลายแถวเพื่อให้เพียงพอสำหรับคนงานกว่าสามสิบชีวิต ส่วนบ้านหลังเล็กๆข้างกันเป็นบ้านพักสำหรับของเจ้าปางไม้แห่งนี้ ห่างออกไปทางทิศตะวันตกของบ้านพักคนงานเป็นโรงครัวและที่รับประทานอาหารของทุกคนในปางไม้ ถูกสร้างเป็นเพลิงง่ายๆ สำหรับกันแดดกันฝนเสียงเอะอะโวยวายของผู้หญิงร่างบาง ซึ่งการแต่งกายด้วยชุดเดรสสายเดี่ยวสีดำ เครื่องสำอางที่ถูกแต่งแต้มอย่างปราณีตจากช่างแต่งหน้าชื่อดัง ทำให้เธอดูโดดเด่นอย่างไม่ต้องสงสัยและความแตกต่างของเธอก็ดึงดูดความอยากรู้อยากเห็นของชาวบ้านในปางไม้แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี เสียงที่ดังขึ้นมาจากทางบริเวณหน้าบ้างพัก ปลุกหญิงท้องแก่ที่กำลังหลับไหลอยู่ภายในบ้านตื่นขึ้นจากฝันอันแสนหวาน‘นี่มันเรื่องอะไรกันคะ’ เสียงของหญิงสาวท้องแก่เอ่ยถามคนตรงหน้าผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสามีและพ่อของลูกของเธออย่
@Condo VK22.00 น.สายฝนที่ยังคงโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำทำให้ถนนด้านนอกเต็มไปด้วยแสงไฟหน้ารถส่องสว่างไปทั่วบริเวณ เหตุมาจากฝนที่ตกลงมาเป็นเวลานานทำให้ถนนหลายสายในระแวกนี้มีน้ำท่วมขังเพื่อรอการระบาย การจราจรในตอนนี้จึงติดขัดเรียกได้ว่าแทบจะไม่ขยับเลยก็ว่าได้“ไปไหนกันนะ ไลน์ไปก็ไม่อ่าน” ฉันบ่นพึมพำอยู่ภายในห้องนอนของตัวเอง ฉันเข้าใจนะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันมีเหตุผลมากพอให้พี่เบลซโกรธ เรื่องนี้ฉันผิดจริงๆฉันยอมรับ“เฮ้ย…” ฝนด้านนอกฝนก็ตก ถนนรถก็ติด เขาจะเป็นอะไรรึป่าวนะแอ๊ด! ปัง!เสียงถูกเปิดออกและปิดลงด้วยฝีมือของใครคงเดาได้ไม่ยาก ฉันนั่งช่างใจอยู่สักพักก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงนอน เดินไปเปิดประตูอย่างช้าๆ อย่างน้อยก็ต้องประเมินสถานการณ์ก่อนว่าอารมณ์ของพี่เบลซอยู่ในระดับไหน จะได้วางแผนหาิธีจัดการ (ง้อ) ถูก อย่างกับที่เขาว่ากันว่ารู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งพี่เบลซกำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ที่ประจำของเขา สายตาเรียบนิ่งที่คาดเคาไม่ได้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่ยังคงจับจ้องไปยัง สติเฟน เคอร์รี (Stephen Curry) นักบาสเกตบอลชาวอเมริกัน ที่กำลังชู้ตบาส ลงห่วงไปอย่างไร้ที่ติ เ
รถสปอร์ตหรูขับด้วยความเร็วสูงฝ่าสายฝนที่ยังคงโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้นเรื่อยๆเมื่อออกมาจากเขตของชุมชน ก่อนจะหยุดลงเมื่อมาถึงโกดังร้างแถวชานเมือง โกดังเเห่งนี้เป็นที่เก็บประทัดและพุไฟของบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งตอนนี้ถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานานจากเหตุระเบิดเครื่องครั้งก่อน สายตาคมของเจ้าของรถมองทอดออกไปยังกระจกหลังรถ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเป็นปมด้วยความสงสัย ก่อนที่ขายาวจะก้าวลงจากรถไปยังเป้าหมายของเขา“เฮียเบลซ” จีซัสเอ่ยเรียกผู้ที่มาใหม่เสียงดังด้วยความร้อนใจ ดีนพี่ชายของเขาแยกจากเขาตั้งแต่เช้า เพราะมาธุระด่วยต้องไปทำ จากนั้นก็ได้รับรู้ว่าลูกน้องที่ติดตามมากับดีนเสียชีวิตอยู่ที่นี่ทั้งหมด“…”“ฝีมือไอ้มาร์คัสหรอเฮีย” จีซัสเอ่ยบอกกับเบลซเสียงเครียดตามสิ่งที่เขาคิด จีซัสกับดีนถึงทั้งสองจะเป็นพี่น้องกัน แต่ด้วยอุปนิสัยที่ต่างกันมากอย่างที่รู้จีซัสเป็นคนใจร้อนใครทำร้ายเขา เขาจะตอบกลับคนเหล่านั้นทันทีแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน แต่ดีนไม่ใช่แบบนั้น…“ไม่ใช่” เบลซตอบเสียงเรียบตามความรู้สึกของตัวเอง ภาพตรงหน้าไม่มีสิ่งไหนที่เเสดงถึงการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย ร่างของทั้งสามศพที่นอนเสียชี
[DARLA’s PART]“ทุกคนฟังทางนี้ เกิดอุบัติเหตุใหญ่ที่แผนกฉุกเฉินต้องการคนเพิ่ม” พี่อ้อมหัวหน้าพยาบาลแผนกศัลยกรรมเอ่ยบอกกับทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องพักของแผนก“พี่ให้นรินกับดาหลาลงไปช่วยข้างล่างนะคะ”“ค่ะ/ค่ะ” หลังจากที่ฉันกับรินรับปากพี่อ้อมเราทั้งสองคนก็รีบเดินลงไปช่วยงานที่แผนกฉุกเฉินทันที~หวี้หว่อ~ ~หวี้หว่อ~ ~หวี้หว่อ~“เด็กๆ มาช่วยทำแผลผู้บาดเจ็บ” ทันทีที่พวกเราเดินเข้ามาในห้องฉุกเฉินพี่หัวหน้าพยาบาลที่กำลังงานอยู่กับการจดประวัติการรักษาของผู้บาดเจ็บตรงหน้า“ค่า/ค่า” ฉันกับรินรีบเดินไปช่วยงานตามที่พี่หัวหน้าพยาบาลเธอบอกทันที“อีก 2 นาทีจะมีรถกู้ภัยเข้ามาอีก 2 คัน”“คันแรกอาการค่อนข้างวิกฤตผผู้บาดเจ็บไม่มีชีพจร” พี่หัวหน้าพยาบาลก้มอ่านข้อมูลในไอแพดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“ผมจัดการเอง แล้วอีกคันล่ะ” เสียงพี่เบลซดังมาจากประตูทางเข้า“ผู้บาดเจ็บมีแผลใหญ่ที่บริเวณศรีษะและบริเวณไหล่ข้างซ้าย เขามีสติและสามารถพูดตอบโต้ได้ค่ะ”“หมอผมฝากด้วย” พี่เบลซหันไปบอกกับคุณหมออีกคนที่เดินเข้ามาพร้อมกับเขา ก่อนที่เขาจะหันมาบอกกับทุกๆ คน“ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่คืนนี้คงต้องเหนื่อยกันหน่อย”“ครับ/
“พี่เบลซ” เสียงดาหลาเอ่ยเรียกชายที่เธอรักเสียงอ่อน“...”“พี่เบลซ ดาอธิบายได้นะคะ”“...”ไม่มีเสียงตอบกลับจากชายร่างใหญ่ที่กำลังฉุดกระชากร่างบางให้เดินตามเขาเข้าคอนโดหรูไป ความเงียบระหว่างเราบวกกับแรงบีบที่มือหนาส่งมายังข้อมือเล็กของร่างบางมันทำให้เธอรับรู้ได้ทันทีว่าเขาโกรธมาก มากซะจนไม่รู้จะบรรยายบรรยากาศมาคุตอนนี้ได้อย่างไรถึงชายตรงหน้าจะมีท่าทีที่ไม่อยากรับฟังเธอ แต่ถึงยังไงดาหลาก็ยังอยากอธิบายให้กับชายที่รักฟังอยู่ดี เพราะถ้าไม่อธิบายแล้วจะเข้าใจกันได้ยังไง“พี่เบลซคะ”“…”“ฟังดาหน่อยนะคะ”ปัง!“อ๊ะ!...” ประตูถูกปิดตามแรงถีบของร่างสูง ก่อนที่เขาจะผลักร่างบางลงพื้นอย่างแรง“พะ พี่เบลซจะทำอะไรคะ” ดาหลาเอ่ยบอกกับชายตรงหน้าเสียงสั่นด้วยความกลัว แววตาที่ฉันไหวถูกอาบไปด้วยน้ำตา ดาหลาจ้องมองไปยังชายตรงหน้าเธอรับรู้ได้ทันทีว่าอันตรายกำลังจะคลืบคลานเข้ามาหาเธอร่างบางของดาหลาค่อยๆ ถอยหลังหนีในขณะที่ร่างสูงก็ค่อยๆ เดินขยับเข้ามาหาเธอช้าๆ อย่างใจเย็น เมื่อก่อนต่อให้เขาจะโกรธเธอมากแค่ไหน เขาก็ไม่เคยที่จะทำรุนแรงกับฉันขนาดนี้“ดาอธิบายได้ค่ะ พี่กำลังเข้าใจผิด”“หึ เข้าใจผิด”“อ๊ะ!” ดาหลาร้อง
‘ตอแหล จะไม่รู้ได้ไงว่าเขามีลูกเมียมีอยู่แล้ว อีเมียน้อย’‘อีเมียน้อย’‘อีเมียน้อย’:‘อีเมียน้อย’เฮือกกกกกก !!!“อ๊า...ฮืออออออออ” ดาราลุกพรวดขึ้นมานั่งทันทีด้วยความตกใจ ฝันร้ายในอดีตที่คอยตามหลอกหลอนเธอมานานแสนนานมันกลับมาอีกครั้งหลังจากที่มันไม่มีผลกระทบกับเธอมาตั้งแต่ดาหลาคลอดออกมา เพราะเวลาทั้งหมดเธอมอบให้กับลูกและงานเท่านั้นจนไม่มีเวลามานั่นคิดถึงเรื่องราวในอดีต“ฮึก ฮืออออออ...” น้ำตาใสไหลออกมาจากดวงตาหวานหยาดเยิ้มของเธอ ความฝันจากบาดแผลเมื่อครั้งในอดีตยังคงสร้างความเจ็บปวดให้เธอได้เสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ ชีวิตของบุคคลในเรื่องราวเหล่านั้นจะเปลี่ยนแปลงไปสักเท่าไหร่ แต่หัวใจที่เจ็บปวดของเธอก็ยังคงจดจำมันได้อย่างดี“ทำไมนะ ทำไมไม่ลืมมันไปสักที” ดาราร้องไห้ออกมาอย่างหนักมือบางยกขึ้นมาเช็ดหน้าเช็ดตาที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาใส“เวลามันก็ผ่านมานานแล้ว ทำไมฉันยังเจ็บอยู่” มือบางลูบลงที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเองเบา เพื่อหวังว่ามันจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่เธอกำลังเป็นอยู่ตอนนี้ได้บ้าง แต่ไม่ใช่เลยมันไม่ได้ช่วยอะไรเธอได้เลยสักนิดร่างบางตัดสินใจลุกขึ้นจากที่นอน ล้างหน้าล้างตาก่
“อ่ะแฮ่ม!!!” “พะ พี่เบลซ” ฉันร้องเรียกเขาด้วยความตกใจ ถึงฉันกับพี่มาร์คัสจะไม่ได้ทำอะไรผิดก็ตาแต่ฉันก็ยังกลัวว่าเขาสองคนจะมีเรื่องกันอย่างวันนั้นอีก “ปล่อยมือออกจากเมียกูได้แล้วมั้ง” พี่เบลซเอ่ยบอกกับร่างสูงอีกคน ก่อนจะเดินเข้ามาจับมือหนาออกจาหัวของฉัน “หึ!” “ดาเข้าไปช่วยแม่กับยายเตรียมอาหารเถอะครับ ตรงนี้แดดมันแรงเกินไป” พี่เบลซเอ่ยบอกกับฉันด้วยรอยยิ้ม “พี่สองคนจะไม่ทะเลอะกันแน่หรอคะ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงทั้งสองตรงหน้าออกไปด้วยความกังวล ทุกครั้งที่พวกเขาเจอไม่เคยมีครั้งไหนที่พวกเขาจะคุยกันดีๆได้เลย “ไม่มีอะไรหรอครับ เข้าไปข้างในก่อนนะดา” พี่มาร์คัสเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ “แน่นะคะ” ฉันถามทั้งสองคนออกไปอีกครั้ง “ครับ/ครับ” “ก็ได้ค่ะ” ฉันตอบรับทั้งสองอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินเข้ามาในตัวบ้าน...[BLAZ’S PART] “รอบนี้ไม่ต่อยกูหรอวะ” ไอ้มาร์คัสเอ่ยถามผมขึ้นด้วยน้ำเสียงกวนๆ “เมียคุมความประพฤติกูอยู่” ผมตอบกลับมันไปเสียงเรียบ “หึ มีอะไรอยากคุยกับกูก็ว่ามา”
ก๊อกๆๆ !!!!“เดี๋ยวแม่ไปเปิดเองลูก” “เชิญค่ะ” แม่ดาราเดินไปเปิดประตูให้กับคนที่มาใหม่ ก่อนที่ท่านจะดูตกใจเล็กน้อย “คุณท่าน คุณผู้หญิง...สวัสดีค่ะ” แม่ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะยกมือไหว้ทั้งสองที่มาใหม่อย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องมากพิธีหรอกดา เราเข้าไปข้างในกันเถอะฉันไม่ได้มาที่นี่ในฐานะเจ้านาย ฉันมาในฐานะยาย ฉันมาขอโทษแทนหลานชายตัวดีของฉันที่ทำผิดไว้กับลูกสาวของเธอ” เสียงคุณท่านเอ่ยถามแม่ของฉันเสียงอ่อน ก่อนที่แม่ของฉันจะเปิดประตูเพื่อตอนรับผู้ที่มาใหม่ทั้งสอง “ใช่ค่ะตามที่คุณแม่ท่านบอก ดาราไม่ใช่คนงานในบ้านเราแล้ว แต่เป็นแม่ของผู้หญิงที่ลูกชายเรารักมากที่สุด” คุณสัณห์แม่ของพี่เบลซพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “คุณท่าน คุณสัณห์สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้ทั้งสองอย่างนอบน้อม ก่อนจะก้มหน้าให้กับพวกท่านอย่างไม่กล้าสบตา “สวัสดีจ่ะหนูดา แม่ขอโทษแทนลูกแม่ด้วยนะดาหลา” คุณสัณห์หันมาบอกกับกับฉันเสียงอ่อน ก่อนที่ท่านจะลูบหัวฉันอย่างเอ็นดู “ถ้าต่อไปนี้ตาเบลซรังแกหนูอีกบอกยายเลยนะ เดี๋ยวยายจัดการให้เอง” คุณท่านเอ่ยบอกกับด้วยใบหน้า
[BLAZ’S PART]“ดา ดาครับ” ผมเอ่ยเรียกร่างบางที่หมดสติไปในอ้อมกอดของผม ผมอุ้มเธอไว้แนบอกก่อนจะพาเธอออกมาด้านนอก ก่อนที่จะผมวางเธอลงบนเตียงซึ่งห้องนี้อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องพักฟื้นของตาทอง “คุณหมอเบลซมีอะไรให้ฉันช่วยไหมค่ะ” เสียงพยาบาลเดินตามเข้ามาช่วยผม ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามผมขึ้น “ไปตามหมอจากแผนกสูติมาที” ผมเอ่ยบอกกับพยาบาลตรงหน้าเสียงเรียบ “ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะคุณหมอเบลซ” หลังจากที่พยาบาลเดินออกไปผมจึงเริ่มตรวจร่างกายเบื้องต้นให้กับร่างบางตรงหน้า เธอหมดสติไปมาจากการที่เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ตาของเธอหมดสติไปจนถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไปบ่ายสามของอีกวันเธอยังไม่ได้นอนพักเลย รวมถึงเธอมีความเครียด ความวิตกกังวลสะสมอยู่มากทีเดียวและมีเรื่องหนึ่งที่ยังคงกวนใจผมอยู่ถึงร่างบางตรงหน้าผมจะไม่มีอาการอะไรที่ผิดปกติแสดงออกมาให้ผมเห็น แต่ผมมี...ม๊าเคยเล่าให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ ว่าป๊าผมมีอาการแบบเดียวกันนี้ตอนที่ม๊าท้องผม มันทำให้ผมสงสัยว่าร่างบางตรงหน้ากำลังตั้งท้อง และผมเป็นคนแพ้ท้องแทนเธอ“สวัสดีค่ะคุณหมอเบลซ” หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยถามผมขึ้นอย่างนอบ
“อ้วกกกกกก…” ผมโก่งคออ้วกออกมาจนแสบคอไปหมด ก่อนจะทรุดนั่งลงกับพื้นห้องน้ำอย่างหมดแรง“คุณเบลซเป็นไงบ้างลูก ไหวไหม” ยายมณีเอ่ยถามผมดังมาจากด้านนอก“ผมไม่เป็นไรครับยาย”“มีอะไรหรอคะยาย” เสียงดาหลาเอ่ยถามยายของด้วยความสงสัย“ก็คุณเบลซนะสิลูกอยู่ดีๆก็อาเจียนออกมา”“อาเจียนหรอคะ” ดาหลาเอ่ยถามยายของเธอกลับไปอีกครั้ง แต่น้ำเสียงของเธอมันเเสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเธอเป็นห่วงผม“ใช่ลูก”“เมื่อกี้เขาก็ยังดีๆอยู่นี่คะ” เสียงดาหลาดังเข้ามาใกล้ขึ้น เหมือนเธอจะเดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าห้องน้ำที่ผมอยู่“ก็นั่นสิลูก”แอ๊ดดดด !!!“คุณเบลซ” ยายมณีเอ่ยเรียกผมเสียงอ่อน ก่อนจะเดินเข้ามาผมอย่างเป็นห่วง“ผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆครับยาย” ผมเอ่ยบอกกับหญิงสูงวัยตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม ผมเลือกที่จะไม่พูดความจริงกับท่าน เพราะผมคงไม่กล้าบอกหรอกนะว่าผมเหม็นกลิ่นอาหารที่ท่านทำอะ“หน้าคุณซีดมากเลยนะคะ” เธอเอ่ยบอกกับผมเสียงอ่อน“^0^” ผมหันไปยิ้มหวานให้กับเธออีกครั้ง“คุณยิ้มอะไรคะ” เธอเอ่ยถามผมเสียงเรียบอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์กับท่าทางของผมสักเท่าไหร่“หนูเป็นห่วงพี่หรอครับ” ผมยิ้มหวานก่อนจะเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าออกไปเสียงอ่อน“ป
“คุณเบลซคะลุกขึ้นเถอะค่ะ” น้าดาราเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน ก่อนจะเดินเข้ามาพยุงผมให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง“น้าดาครับ ตา ยายครับ ผมรักดาหลามาก…”“…”“ผมรักเธอมากจริงๆ”“…”“ในวันนี้ที่ไม่มีเธออยู่หัวใจของผมมันก็แตกสลายไม่เป็นชิ้นดี ผมขอ…” ผมเอ่ยบอกกับทั้งสามคนตรงหน้าเสียงสั่นน้ำตายังคงคออยู่เต็มดวงตา“…”“นะครับน้าดา ผมกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้แล้ว แต่ผมขอทำปัจจุบันที่ยังเหลือใหม่ได้ไหมครับ”“ค่ะ น้าจะให้อภัยคุณ” น้าดาราเอ่ยบอกกับผมเสียงเรียบพร้อมกับจ้องมองมาที่ผมนิ่งๆ“ดา…” เสียงตาทองดุลูกสาวของท่านเสียงดัง“แต่ถ้าคุณเบลซทำให้ลูกสาวของน้าเจ็บปวด ไม่ว่าจะเป็นทางกาย และทางใจอีกเพียงครั้งเดียว คุณเบลซต้องเป็นคนเดินออกไปจากชีวิตของลูกสาวน้า มันจะไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สองสำหรับคุณอีก”“…”“จะรับปากน้าไหมคะ” น้าดาราเอ่ยถามผมเสียงเรียบ“ผมรับปากครับ มันจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอนครับ” ผมเอ่ยบอกกับหญิงวัยกลางคนตรงหน้าด้วยความหนักแน่น เรื่องที่เคยเกิดขึ้นมันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกเพียงครั้งเดียวมันก็มากเกินพอเเล้ว วันนี้ผมรู้ซึ้งแล้วว่าถ้าผมไม่มีดาหลาผมไม่สามารถอยู่บนโลกที่กว้างใหญ
[DARLA’S PART]16.30 น.“ยายคะต่อไปดาจะจัดการเรื่องอาหารการกินให้ยายเองนะคะ” ฉันเอ่ยบอกกับยายของตัวเองเสียงอ่อน ทันทีที่รถประจำทางจอดบริเวณหน้าทางเข้าสวนส้ม ฉันกับแม่ดาพายายไปโรงพยาบาลในตัวอำเภอ เพราะท่านบ่นเวียนหัวไม่หายสักทีฉันกลัวว่าจะเป็นหนังถ้าปล่อยไว้นาน เลนพาท่านไปหาหมอให้คุณหมอตรวจดูสักหน่อย“…” ยายมณีมองมาทางฉันด้วยแววตาเศร้าๆ ราวกับเด็กที่กับเด็กที่กำลังโดนบังคับยังไงยังงั้น ฉันส่งยิ้มหวานไปให้ท่านก่อนจะพูดต่อ“ของมันของทอดต้องค่อยๆลดแล้วนะคะ”“จ้าหลานรัก” ยายเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน ก่อนที่ท่านจะส่งยิ้มมาให้ฉันอย่างเอ็นดู“งั้นเราเริ่มเลยนะคะ หนูขอยึดกล้วยทอดก่อนเลยค่ะ” ฉันดึงถุงกล้วยทอดออกจากมือของยายเบาๆ“เอ้า…เริ่มเลยเลอะยายหนู” ยายเอ่ยถามฉันออกมาเสียงอ่อน พร้อมกล้วยทอดในมือฉันตาละห้อย ถึงยังไงฉันก็ไม่ใจอ่อนหลอกนะเพื่อสุขภาพที่ดีของฉัน“ป้ายหายไปแล้ว สงสัยพ่อจะได้คนงานใหม่แล้วนะจ๊ะแม่” แม่ของฉันพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังรั้วตรงหน้าที่ปกติมันมีป้ายประกาศติดอยู่ ซึ่งฉันเป็นคนเอามาติดเองกับมือก่อนจะออกไปโรงพยาบาล“ดีแล้วลูกตาแก่จะได้มีลูกมือ กลางคืนก็จะได้มีคนช่วยเดินเวรด้วย”“ท
[BLAZ’S PART]23.00 น.@คฤหาสน์ตระกูลอัครหิรัญ“อือ...” ผมครางออกมาเบาๆ ไอ้ดีนกับไอ้จีหิ้วแขนทั้งสองข้างของบนไว้บนบ่าหนาของพวกมัน พร้อมกับเดินตามป๊าเข้าไปในบ้าน “...” ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผมทันทีที่เดินเข้ามายังห้องนั่งเล่น อยู่กันครบเลยทุกคนคงจะอยู่รอผมกลับมาสินะ เพราะตั้งวันนั้นที่น้าดาราหายตัวไปผมก็ไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลย “ตาเบลซ” ม๊าของผมร้องเรียกผมด้วยความตกใจ ท่านเดินเข้ามาหาผมก่อนจะเช็ดคราบน้ำตาออกจากใบหน้าของผม ก็อย่าที่ผมเคยบอกผมไม่เคยเสียน้ำตาให้ใครเห็นมาก่อนมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ม๊าผมจะตกใจ “ดีน จี วางตาเบลซตรงนี้ลูก” ม๊าผมหันไปบอกกับไอ้ดีนและไอ้จีให้วางผมลงบนโซฟาที่ห่างไปไม่ไกล ก่อนที่ท่านจะลงมานั่งข้างๆผม “เล่ามาว่ามันเกินเรื่องอะไรขึ้น” ถามผมถามขึ้นเสียงแข็ง “...”“ดีน”“ผมไม่รู้รายละเอียดอะไรมากครับ...ผมรู้แค่ว่าไอ้มาร์คัสพาดาหลาหนีไปครับ” ไอ้ดีนเอ่ยตอบคุณตาของผมเสียงเรียบ“แล้วจีรู้อะไรบ้างไหมลูก” คุณตาหันไปถามจีซัสอีกคน“จีรู้เท่าเฮียดีนครับตา”“เจ้าเบลซล่ะอะไรจะสารภาพไหม” คุณตาหันกลับมาถามผมเสียงเรียบ พร้อ
[DARLA’S PART]19.00 น.@สวนส้มตาทอง “แม่คะ ที่นี่คือที่ไหนหรอคะ” ฉันเอ่ยถามแม่ออกไปด้วยความสงสัย พร้อมกับรถหรูของมาร์คัสเลี้ยวเข้ามาในบริเวณของ ‘สวนส้มตาทอง’ ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน “บ้านเราน่ะลูก” แม่เอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน พร้อมกับสายตาของท่านที่มองออกไปยังบ้านหลังใหญ่ตรงหน้า “ถึงแล้วครับ” มาร์คัสเอ่ยบอกฉันกับแม่ พร้อมกับรถหรูของเขาที่หยุดลงบริเวณหน้าบ้านทรงไทยประยุกต์ 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ตรงหน้า “วันนี้ผมส่งตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจัดการอะไรเรียบร้อยแล้วผมจะมาเยี่ยมใหม่” ร่างสูงเอ่ยบอกกับพวกเราทั้งสองเสียงเรียบ “น้าขอบคุณมากนะ ถ้าไม่ได้มาร์คัสเราสองคนคงแย่” “ผมยินดีครับคุณน้า แต่ว่าอย่าลืมที่ผมบอกนะครับ” มาร์คัสย้ำกับแม่ของฉันอีกครั้ง ซึ่งเขาทั้งสองคนคุยอะไรกันฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน “น้าไม่ลืมค่ะ” แม่ตอบกลับร่างสูงตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนที่ท่านจะลงจากรถหรูคันนี้ไป “ดาขอบคุณพี่มาร์คัสมากนะคะ ช่วยดาไว้ตั้งหลายครั้ง” ฉันเอ่ยขอบคุณร่างสูงตรงหน้าเสียงอ่อน ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่
@เพนท์เฮ้าส์มาร์คัส“เชิญครับลูกสาวของคุณน้าอยู่ด้านใน” มาร์โคบอกกับหญิงวัยกลางคนตรงหน้า “…” เธอพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องตรงหน้าตามคำเชิญของเขา ตลอดเวลาที่เดินเข้ามายังเพนท์เฮ้าส์หรูหลังนี้ ในหัวเธอเต็มไปด้วยคำถาม ‘ลูกสาวของเธอรู้จักกับคนพวกนี้ได้อย่างไร’ ถึงพวกเขาจะแต่งกายดูดี ของที่เขาใช้แต่ละอย่างราคาก็แพงแสนแพง แต่ถึงอย่างงั้นกูเถอะเขาก็ดูไม่ค่อยน่าไว้ใจสักเท่าไหร่“ดาหลา” ดาราร้องเรียกร่างบางที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงกว้าง เธอวิ่งเข้าไปหาลูกสาวของเธอทันที ก่อนที่จะชะงักไปเล็กน้อยที่เห็นผู้ชายอีกคนหน้าตาคล้ายกับผู้ชายคนเดิมที่ไปรับเธอ เดินออกมาจากประตูบานใหญ่ข้างๆ “คุณ!” “สวัสดีครับคุณน้าผมมาร์คัสเป็นฝาแฝดกับมัน” ร่างสูงพูดขึ้นก่อนจะชี้ไปยังชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ด้านหลังของเธอ“ค่ะ ฉันดาราเป็นแม่ของเธอนะคะ” ดาราเอ่ยบอกกับมาร์คัสก่อนที่เธอจะนั่งลงข้างร่างบางที่นอนหลับไหล มือบางของเธอลูบลงไล้ไปตามใบหน้าของลูกสาวอย่างอ่อนโยนด้วยความคิดถึงและเป็นห่วงร่างบางตรงหน้าจับใจ อุณหภูมิจากร่างบางที่ส่งมายังฝ่ามือของเธอทำให้เธอรับรู้ได้ทันทีว่าร่