๒๑หวานชื่นทุกค่ำคืน“ พี่กลิ่นจ๊ะ พรุ่งนี้ไปทำบุญที่วัดกับรำพึงนะจ๊ะ พี่กลิ่นไม่ได้ไปกับรำพึงนานแล้ว ”“ ขอรับคุณรำพึง บ่าวก็อยากไปเหมือนกันขอรับ ”เจ้ากลิ่นตอบกลับนายสาวที่กำลังนั่งร้อยเครื่องแขวนเพื่อนำไปห้อยไว้ที่หน้าต่างทั่วเรือน วันนี้พ่อรักษ์ให้เจ้ากลิ่นอยู่ช่วยงานน้องสาวเนื่องจากตนเองต้องออกไปราชการกับท่านเจ้าคุณ โดยกำชับกับแม่รำพึงว่าพ่อกลิ่นต้องอยู่ช่วยงานใกล้ ๆ สายตาตลอด และไม่ให้เจ้ากลิ่นไปช่วยงานผู้ใดทั้งสิ้นไม่เว้นแม้แต่คุณหญิงพุดตาน“ ถ้าอย่างนั้นพี่กลิ่นไปเก็บดอกมะลิมาให้รำพึงเพิ่มได้ไหมจ๊ะ เดี๋ยวรำพึงจะร้อยมาลัยถวายพระเพิ่มจ้ะ ”“ ได้ขอรับคุณรำพึง ”เจ้ากลิ่นเดินลงไปจากเรือนเพื่อไปทำตามที่แม่รำพึงต้องการ หญิงสาวนั่งร้อยเครื่องแขวนอยู่เงียบ ๆ โดยมีบ่าวสาวในเรือนสามสี่คนคอยเป็นลูกมือด้านข้าง“ แม่ได้ยินว่าพรุ่งนี้แม่รำพึงจะไปทำบุญที่วัดรึ ”คุณพุดตานเดินเข้ามาเอ่ยถามหลังจากที่เจ้ากลิ่นเดินลงจากเรือนไปเพียงครู่ แม่รำพึงลอบพรูลมหายใจออกอย่างโล่งอกที่เจ้ากลิ่นไม่ได้อยู่ตรงนี้“ เจ้าค่ะคุณแม่ รำพึงว่าจะไปชวนคุณแม่อยู่พอดีเลยเจ้าค่ะพรุ่งคุณแม่สะดวกหรือไม่เจ้าคะ ”“ มีใครไปบ้
๒๒ผิดแผกพลั่ก!!! โครม!!!“ พวกมึงทำอัปปรีย์กระไรบนเรือนกู ”“ ว้าย ตายแล้ว...บัดสีบัดเถลิง ”ท่านเจ้าคุณใบหน้าแดงก่ำ คิ้วขมวดมุ่นเมื่อเห็นการกระทำของคนทั้งคู่ คนหนึ่งคือลูกชายเพียงคนเดียวของตนเอง กับอีกหนึ่งคนที่ถึงแม้จะเป็นเพียงลูกบ่าวในเรือน แต่ก็เอ็นดูและเห็นเป็นเฉกเช่นลูกหลานคนหนึ่งก็ไม่ปาน“ คุณพ่อ ”“ ท่านเจ้าคุณ ”พ่อรักษ์รีบผละออกจากตัวของเจ้ากลิ่นที่ตอนนี้หน้าถอดสีไปแล้ว มันรีบลงมาจากตั่งนอนก่อนที่จะนั่งคุกเข่าโดยมีพ่อรักษ์ยืนบังอยู่ด้านหน้าอีกที“ งามหน้ามั้ยล่ะ พวกมึงมันวิปลาสกันไปหมดแล้ว ”“ คุณพ่อ ข้ารักพ่อกลิ่น ”เพียะ!!มือเหี่ยวของผู้เป็นพ่อฟาดเข้ามาที่แก้มอย่างเต็มแรง ใบหน้าคร้ามหันไปตามแรงปะทะ เจ้ากลิ่นได้แต่นั่งตัวสั่นด้วยความตกใจ“ มึงวิปลาสไปแล้วรึไอ้รักษ์ ไอ้ระยำ ”“ ลูกมิได้วิปลาส ลูกแค่รักพ่อกลิ่น ”“ แม่หญิงมีเป็นร้อยเหตุใดมึงไม่เลือก บ่าวไพร่ในเรือนเสียก็มากมายเหตุใดฮึ ไอ้รักษ์เหตุใด ”ท่านเจ้าคุณแข้งขาอ่อนจนคุณพุดตานต้องรีบเข้ามาประคองไม่ให้ล้มลงไปเสียก่อน“ มีกระไรกันหรือเจ้าคะคุณแม่ ”แม่รำพึงเดินหน้าตาตื่นเข้ามาหา เมื่อได้ยินเสียงดังลั่นจนต้องสะดุ้งตื่น
๒๓ระเหเร่ร่อน“ พักเสียหน่อยนะ ”ไอ้จอมเอ่ยปากบอกกับเจ้ากลิ่นที่ตอนนี้ใบหน้าของมันแทบจะไม่มีสีเลือดอยู่แล้ว เลือดบนหลังของมันซึมออกมาจนน่าตกใจ ไอ้จอมได้แต่มองอย่างเป็นห่วงแต่ก็ทำกระไรมากไม่ได้ เพราะที่ที่พวกมันอยู่ตอนนี้คือกลางป่าระหว่างพระนครกับหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ไอ้จอมเคยอาศัยอยู่ หากเป็นคนที่ร่างกายแข็งแรงดีการเดินทางนี้คงแค่วันเดียวก็น่าจะถึงได้ไม่ยาก แต่นี่เจ้ากลิ่นเจ็บหนักแถมสภาพจิตใจของมันตอนนี้แค่ลุกขึ้นนั่งมันก็ยังลำบาก“ เอ็งไหวมั้ยกลิ่น ”“ พักสักหน่อยก็ดีขึ้นจ้ะพี่จอม ”“ แต่หน้าเอ็งซีดมาก พี่ว่าคืนนี้เราค้างกันที่นี่ดีกว่า ขืนยังเดินไปเรื่อย ๆ แล้วเอ็งไม่ไหวเอากลางป่าที่ลึกกว่านี้จะอันตรายเสียเปล่า ๆ ”เจ้ากลิ่นได้แต่พยักหน้าเพราะมันเองก็รู้สึกเหมือนตัวรุม ๆ มาครู่ใหญ่แล้วเหมือนกัน ไอ้จอมเอากระบอกไม้ไผ่ภายในมีน้ำสะอาดยื่นให้เจ้ากลิ่นกิน ก่อนที่มันจะเอาผ้าที่พกมาด้วยปูรองบนพื้นให้เจ้ากลิ่นได้นอนอย่างสบายตัว“ เอ็งนอนกงนี้เสีย เดี๋ยวพี่จะไปหาฟืนมาก่อไฟไล่ยุงให้ ไม่ต้องกลัวแถวนี้ไม่ได้ไกลจากพระนครเท่าใด ยังพอมีคนไปมาให้เห็นอยู่บ้าง ”“ จ้ะพี่จอม... ”ไอ้จอมลูบหัวน้องอย่างรัก
๒๔ถวิลหาวันนี้หลังจากที่สอนเด็ก ๆ อ่านเขียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้ากลิ่นก็เข้ามาปัดกวาดเช็ดถูในพระอุโบสถ โพรงไม้ที่ด้านในมีน้ำบรรจุถูกเจ้ากลิ่นเอาผ้ามาแช่ลงไปแล้วบิดพอหมาดแล้วมันก็เริ่มเช็ดพื้นรอบบริเวณ“ หลวงตา... ”เจ้ากลิ่นถูพื้นไปได้สักพัก ภิกษุชราก็เดินด้วยท่าทีสงบเข้ามาด้านในพระอุโบสถ“ ยังไม่เสร็จหรือโยมกลิ่น ”“ อีกสักประเดี๋ยวขอรับ หลวงตามีกระไรให้กระผมทำหรือไม่ขอรับ ”“ ไม่มีหรอกโยม สิ่งที่ต้องทำโยมก็ทำเสร็จหมดแล้ว อาตมาต้องขอบใจโยมกลิ่นมากนะ ”“ กระผมต้องขอบพระคุณหลวงตามาก ๆ ขอรับที่เมตตากระผมกับพี่จอมให้ที่อยู่ที่กิน ทำแค่นี้ยังน้อยไปเสียด้วยขอรับถ้าเทียบกับความเมตตาของหลวงตาขอรับ ”“ สายสิญจน์เส้นที่โยมใส่อยู่น่ะ เก็บรักษาดี ๆ นะ มันจะช่วยโยมกลิ่นให้จากหนักเป็นเบาได้ ”หลวงตาเอ่ยบอกเมื่อเห็นของมงคลที่อยู่บนข้อมือของคนตรงหน้า เจ้ากลิ่นมองหน้าหลวงตาก่อนที่จะมองไปยังสายสิญจน์ที่มันได้รับมาจากพระอีกรูปเมื่อนานมาแล้ว“ กระผมได้มานานแล้วขอรับหลวงตา ได้มาจากพระที่พระนครน่ะขอรับ ”“ รักษาให้ดีนะโยมกรรมของโยมที่ทำกันมานั้นหนักหนาสาหัสนัก มีสติให้มากอยู่กับทุกวันให้ดีที่สุด กาลภาย
๒๕สุขสมและตรมทุกข์“ พี่รักษ์...อ่อนโยนกับบ่าวด้วยนะขอรับ ”“ พี่จะทะนุถนอมพ่อกลิ่นไม่ให้ช้ำเลย พี่สัญญา ”พูดจบพ่อรักษ์ก็ขยับมือขึ้นลงส่วนหัวแดงก่ำมีน้ำใสปริ่ม นิ้วด้านไล้วนน้ำเหนียวให้เคลือบไปทั่วท่อนรัก มันฉ่ำแฉะจนเสียงขยับขึ้นลงนั้นดังสลับกับเสียงร้องครวญครางของเจ้ากลิ่น“ อ้าาา...อื้อออ... ”มือหนาอีกข้างคว้าข้อมือขาวของคนด้านล่างออกจากปากของตนเองสอดประสานนิ้วเข้าด้วยกัน เมื่อไม่มีท่อนแขนปิดปากไว้ เสียงหวานก็ครางออกมาอย่างอดไม่อยู่ ยิ่งยอดถันถูกลิ้นร้อนสาละวนดูดเม้มเสียงหวานก็ดูจะเย้ายวนเจ้าของลิ้นร้อนให้ยิ่งโลมเลียรุนแรง ส่วนอ่อนไหวก็ไม่ต่างกันมือหนาของพ่อรักษ์รูดขึ้นลงจนหนังหุ้มส่วนปลายนั้นลงมาจนสุด ขนาดของมันเมื่ออยู่ในมือใหญ่ของพ่อรักษ์นั้นมองแทบไม่เห็น แต่มันก็แข็งตึงเพราะแรงรูดรั้ง เสียงเฉอะแฉะดังประสานเสียงลมหายใจและสายฝน“ อื้อ...อ้าาา พี่รักษ์...อ๊ะ บ่าวรู้สึกแปลก ๆ อ้า อื้อออ....ม....บ่าวกลั้นไม่ไหวแล้วขอรับ อ้าาา... “ของเหลวสีมุกของเจ้ากลิ่นพุ่งออกมาอย่างแรง กระเซ็นเลอะหน้าท้องทั้งของตนเองและคนที่อยู่แนบชิดกัน พ่อรักษ์ขยับมือให้ช้าลง เสียงหอบหายใจของเจ้ากลิ่นนั้นช่าง
๒๖ใช้ชีวิต“ พี่จอม...หลายวันมานี้ พี่ไปนอนที่ไหนจ๊ะพี่ ”เจ้ากลิ่นเอ่ยถามเมื่อวันนี้เห็นพี่ชายของตนเองมาที่เรือน หลังจากที่ไม่เห็นหน้าค่าตามาหลายเพลา หรือก็ตั้งแต่พ่อรักษ์นั้นมาหลับนอนเอาที่เรือนแห่งนี้ ไอ้จอมเหลือบตาไปมองอีกคนที่กำลังมองตนเองเช่นกัน ในขณะที่พ่อรักษ์นั้นทำทีเป็นว่ากำลังพรวนดินอยู่ที่แปลงผัก“ พี่ไปนอนที่วัดกับหลวงตามา เอ็งไม่ต้องเป็นกังวลไปดอก ”“ ได้กินข้าวกินปลาบ้างหรือไม่จ๊ะพี่จอม เหตุใดทำไมถึงได้ดูซูบลงถนัดตาเยี่ยงนี้เล่าจ๊ะ ”“ ก็กินข้าวก้นบาตรหลวงตา เอ็งไม่ต้องเป็นห่วงพี่ดอก ห่วงคนของเอ็งเถิด ไม่เคยจับเสียมจับจอบเสียด้วย ”เจ้ากลิ่นมองไปยังพ่อรักษ์ที่กำลังง่วนอยู่ที่แปลงผัก ก่อนที่จะหันกลับมามองหน้าของพี่ชายตนเอง ที่ตอนนี้แววตานั้นกลับดูไม่สดใสอย่างที่เคย ไอ้จอมเองก็รู้ว่าคนตรงหน้านั้นกำลังเป็นกังวลจึงส่งยิ้มไปให้“ อย่าได้เป็นห่วงข้านักเลย ที่ข้ามานี่ก็จะมาหากระไรกินเสียหน่อย วันนี้ยังไม่มีกระไรตกถึงท้องเลย เอ็งมีกระไรให้พี่กินบ้างหรือไม่ล่ะ ”เมื่อเห็นว่าพี่ชายลูบท้องตนเอง แม้ว่าในห้วงความรู้สึกของมันจะรู้ว่าไอ้จอมนั้นไม่ได้ยิ้มออกมาอย่างที่ตาของมันเห็น แต่เ
๒๗ข้อแม้สุดท้ายจากวันเป็นเดือน เคลื่อนเลื่อนจนผ่านไปอีกปีที่พ่อรักษ์นั้นมาอยู่กับเจ้ากลิ่นที่นี่ มีหลายคราที่เจ้ากลิ่นถามถึงทางเรือนท่านเจ้าคุณ ว่าทราบหรือไม่ที่พ่อรักษ์มาอยู่กับตนที่นี่ แต่พ่อรักษ์มักเลี่ยงที่จะตอบทุกครั้งไป จนหลายครั้งเข้าเจ้ากลิ่นก็เลยเหนื่อยที่จะถามอีกต่อไปชีวิตในทุก ๆ วันที่ผ่านไปเต็มไปด้วยความเรียบง่าย เช้ามาพ่อรักษ์ก็โรยข้าวเปลือกให้ไก่ในเล้า รดน้ำแปลงผัก พรวนดิน สายหน่อยหลังจากที่เจ้ากลิ่นไปสอนหนังสือเด็กที่วัด พ่อรักษ์ก็จะออกไปหาปลาไปขายที่ตลาด ตกเย็นมาก็ไปช่วยเจ้ากลิ่นเก็บกวาดลานวัดบ้าง เช็ดถูด้านในพระอุโบสถบ้างตามแต่ว่าเจ้ากลิ่นนั้นจะให้ไปทำตรงไหน“ เหนื่อยมั้ยขอรับ ”“ ไม่เหนื่อยจ้ะ พ่อกลิ่นเล่าเหนื่อยหรือไม่ ”“ พี่รักษ์ทำเสียคนเดียวหมดเยี่ยงนี้ ข้าจะไปเหนื่อยได้อย่างไรเล่าขอรับ ”เจ้ากลิ่นเอ่ยแล้วอมยิ้มน้อย ๆ ส่งไปให้คนตรงหน้าที่เหงื่อกาฬไหลจนเนื้อตัวเงาวับ“ โยมกลิ่น โยมรักษ์... ”“ ขอรับหลวงตา ”“ มีคนมาหาโยมทั้งสอง อาตมาให้โยมผู้นั้นรออยู่ที่ศาลาวัดน่ะ ”“ ขอรับหลวงตา ”“ ประเดี๋ยวก่อนโยมรักษ์ โยมกลิ่น ”เมื่อเจ้ากลิ่นกับพ่อรักษ์นั้นกำลังเดินไปหาคน
๒๘ประชดประชันผ่านมาหลายเพลาแล้วที่พ่อรักษ์นั้นดูเงียบขรึมกว่าปกติ ถึงแม้ว่าจะพูดจาปราศรัยกับเจ้ากลิ่นเหมือนเคย แต่น้ำเสียงนั้นกลับดูเฉยเมยอย่างเสียไม่ได้ทุกวันที่ผ่านไปนั้นพ่อรักษ์ไม่เคยแม้แต่จะขึ้นไปดูแลผู้เป็นบิดาเลยสักครั้ง มีแค่ถามไถ่จากแม่รำพึงบ้างเป็นครั้งคราว วัน ๆ เอาแต่ถางหญ้าพรวนดินในแปลงผักหลังเรือนเหมือนดังเช่นตอนที่อยู่เรือนเก่า" กินกระไรเสียหน่อยนะขอรับ "เจ้ากลิ่นยกสำรับมายังศาลาเล็กที่เพิ่งปลูกไว้ใกล้กับแปลงผักเพื่อเอาไว้หลบแดด พ่อรักษ์หันมามองคนที่ยกสำรับมาให้ตนก่อนที่จะหันกลับไปรดน้ำผักต่อ" พ่อกลิ่นเอาไปวางไว้ที่ศาลาก่อนเถิด พี่ยังไม่หิว "" แต่นี่พี่รักษ์ยังไม่ได้กินกระไรมาตั้งแต่เช้าแล้วนะขอรับ "" ก็พี่บอกว่ายังไม่หิว พ่อกลิ่นฟังไม่รู้ความรึ "พ่อรักษ์ชะงักไปชั่วครู่เมื่อเผลอกระชากเสียงใส่คนรักด้วยความหงุดหงิด ดวงตาน้อย ๆ นั่นวูบไหวด้วยความตกใจปนน้อยใจ น้ำใสเอ่อคลอก่อนที่จะหันหลังเอาสำรับในมือไปวางไว้ในศาลาตามที่คนด้านหลังนั้นต้องการ" พ่อกลิ่น พี่.... "คนตัวโตอยากจะเอื้อนเอ่ยคำขอโทษแต่เพราะความเอาแต่ใจของตนเองจึงทำได้แต่ปล่อยให้เจ้ากลิ่นเดินจากไป" ไอ้กลิ่น
ตอนที่ ๓สุดท้ายเราอาจจะได้พบกัน...เคยเป็นมั้ยที่ตื่นขึ้นมาแล้วชีวิตเหมือนมีอะไรหายไปบางอย่าง...ตั้งแต่ที่ผมฝันประหลาดครั้งนั้น ทุกเช้าที่ตื่นมาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แม้จะมีความสุขอยู่กับพ่อแม่แต่ก็เป็นความสุขที่มันไม่เต็มอิ่ม ผมได้แต่เฝ้าถามกับตัวเองว่าเพราะอะไร แต่มันก็ไม่เคยมีคำตอบ“ ตื่นแล้วเหรอลูก ”“ ครับแม่ พ่อล่ะครับ ”“ ออกไปบริษัทแล้วล่ะ แม่ให้ทานข้าวก่อนพ่อก็ไม่ยอม บอกว่าต้องรีบเข้าไปเคลียงานด่วน แต่กรณ์ต้องกินนะแม่ทำไว้แล้ว ”“ ครับแม่ วันนี้ผมไม่ได้รีบไปไหนครับ ”“ ดีเลยงั้นก็มาทานข้าวสิ แม่ก็กำลังจะทานพอดีจะได้มีเพื่อนกินข้าว ”“ ครับ ”ทุกเช้ามันก็ดำเนินไปเหมือนอย่างเช่นทุกวัน อีกไม่เท่าไหร่ผมก็ใกล้ที่จะเรียนจบแล้ว กะว่าจะขอพ่อกับแม่พักผ่อนหลังจากที่เรียนมาอย่างหนักซักปีหนึ่งก่อน ค่อยเข้าไปเรียนรู้งานที่บริษัท“ แล้ววันนี้กรณ์จะออกไปไหนหรือเปล่าลูก ”“ ผมนัดพี่ทัพไว้ครับ ว่าจะออกไปหาอะไรกินกันตอนกลางวันครับ ”“ งั้นเหรอ ถ้างั้นแม่ฝากบอกพี่เราหน่อยสิว่ากลับมาค้างที่บ้านบ้าง นอนอยู่แต่ที่คอนโดไม่รู้ว่าแอบซ่อนสาว ๆ ไว้หรือเปล่า ”“ อย่างพี่ทัพเนี่ยเหรอจะซ่อนสาว ผมเห็นเ
ตอนที่ ๒เฝ้ามองจวบจนวาระสุดท้าย“ ช่วยแจ้งคุณรักษ์บุตรของท่านเจ้าคุณวรจิตรทีได้หรือไม่ขอรับว่าเย็นนี้ให้รีบกลับเรือนทีขอรับ ”เสียงบ่าวในเรือนของพ่อรักษ์เอ่ยบอกกับนายทวารที่เฝ้าอยู่หน้าประตู น้ำเสียงของมันดูร้อนรนและมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ใจของมันอยากจะเข้าไปในอาณาบริเวณที่พ่อรักษ์ทำงานอยู่เสีย เพื่อแจ้งให้นายของมันได้รู้ในทันที แต่ขี้ข้าอย่างมันไม่สามารถเข้าไปในด้านในได้ เลยได้แต่เพียงฝากแจ้งข่าวคราวไว้ให้แต่เพียงเท่านั้น หวังก็เพียงว่านายของมันจะได้รับทราบความนี้แต่โดยเร็ว" มีกระไรหรือรำพึง มีคนแจ้งพี่ว่ามีบ่าวให้พี่รีบกลับมาที่เรือน "" คุณพี่รักษ์เจ้าคะ พี่นวลเจ้าค่ะ ฮึก ๆ ฮืออออ.... "" เป็นกระไร แม่นวลเป็นกระไรหรือ "" น้องก็มิรู้เจ้าค่ะ อยู่ดี ๆ วันนี้คุณพี่นวลก็ถ่ายและสำรอกทั้งวันเจ้าค่ะ น้องให้บ่าวไปตามหมอยามา กำลังตรวจดูเจ้าค่ะคุณพี่ ฮืออออ... "" อย่าร้องแม่รำพึง หมอยามาแล้วพี่นวลเจ้ามิเป็นกระไรมากดอก "พ่อรักษ์นั้นพูดให้กำลังใจน้องสาวของตนเอง นับตั้งแต่คราที่เจ้ากลิ่นตายจากไป พ่อรักษ์ก็จมอยู่กับความเศร้าสร้อย จะมีก็แต่สองหญิงสาวที่เป็นเสมือนเพื่อนที่คอยดูแลกันเป็นหลักเพร
..มอบไว้แด่ความรักในชาตินี้ของพ่อรักษ์และเจ้ากลิ่น..ตอนที่ ๑แกงสายบัวงานศพของเจ้ากลิ่นผ่านมาแรมเดือนแล้ว แต่บรรยากาศในเรือนกลับยังคงอบอวลไปด้วยความเงียบงัน บนเรือนใหญ่นั้นมีเพียงแม่รำพึงกับแม่นวลลออที่อยู่กับบ่าวเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ไม่เห็นร่างสูงของชายหนุ่มหนึ่งเดียวของเจ้าของเรือนนี้แม้แต่น้อยแต่นั่นก็มิแปลกกระไร เพราะร่างสูงในตอนนี้อาศัยอยู่แต่เพียงที่เรือนเล็กหลังสวน เก็บตัวเงียบอยู่เพียงคนเดียวในเรือน หน้าคร้ามหนวดเคราขึ้นเขียวครึ้ม ใต้ดวงตาสีนิลดำคล้ำปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนดูทรุดโทรมไปโขแม้ว่าพ่อรักษ์ยังคงทำงานอยู่ตามปกติ แต่พอมีเวลาว่างอย่างเช่นวันนี้ก็จะขลุกตัวอยู่แต่ที่เรือนเล็กไม่ออกไปไหน“ คุณรักษ์เจ้าคะ...คุณนวลให้บ่าวนำสำรับมาให้เจ้าค่ะ ”ร่างสูงหลุดออกจากภวังค์หลังจากที่ปล่อยให้ตนเองจมอยู่กับอดีตที่ไม่สามารถหวนคืนกลับมาได้อยู่ครู่ใหญ่“ วางไว้เสียกงนั้นแหละ ประเดี๋ยวข้าออกไปกิน ”“ เจ้าค่ะ... ”พ่อรักษ์วางหนังสือในมือที่เปิดค้างเอาไว้โดยไม่ได้อ่านเลยแม้แต่นิดลง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปยังสำรับข้าวที่วางไว้ มองไปยังของคาวหวานที่จัดเอาไว้ ก่อนดวงตาจะจับจ้องไปยังแกงสายบัว
๓๖สิ่งแรก สิ่งเดียว และสิ่งสุดท้ายที่จะรัก“ พี่รักษ์ขอรับ... ”“ ว่าอย่างไรพ่อกลิ่น ”“ ยังไม่มีผู้ใดพบพี่จอมอีกหรือขอรับ ”พ่อรักษ์ส่ายหน้าแทนคำตอบให้กับเจ้ากลิ่น เจ้ากลิ่นเองก็ได้แต่มีสีหน้ากังวล ผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบเจอคนที่ตามหา“ หากไอ้จอมยังอยู่มันคงไม่อยากกลับมาเสียแล้วกระมัง มันคงละอายใจในสิ่งที่ทำลงไปจนมาสู้หน้าพ่อกลิ่นไม่ไหว แม้ว่าสิ่งที่มันทำจะทำเพื่อปกป้องพ่อกลิ่นก็เถอะ ”“ น้องเป็นห่วงพี่จอมขอรับ... ”“ พี่รู้...แต่หากพี่ชายของพ่อจอมยังอยู่ดี หรือหากร้ายกว่านั้นเราก็ต้องพบเจอแล้ว แต่นี่กลับไม่พบแม้แต่เงา นั่นก็แสดงว่าพี่ชายของพ่อกลิ่นไม่อยากให้ใครพบเจอ ”“ ... ”“ ชีวิตต้องดำเนินต่อไปนะพ่อกลิ่น แม้ว่าพี่มิใช่คนดีเด่กระไรนัก แต่นับจากนี้พี่สัญญาว่าจะปกป้องพ่อกลิ่น และคนในเรือนนี้อย่างเต็มพละกำลังที่พี่มี และพอที่จะทำได้แทนไอ้จอมเอง พ่อกลิ่นเชื่อพี่ได้หรือไม่ ”“ ...ขอรับพี่รักษ์ ต่อจากนี้น้องจะเชื่อพี่รักษ์ขอรับ ”“ เช่นนั้นเรากลับเรือนกันดีหรือไม่ พี่ว่าแม่นวลกับแม่รำพึงรอเรากินข้าวเย็นกันนานแล้วล่ะ ”พ่อรักษ์เอ่ยบอกก่อนที่จะกุมมือขาวของเจ้ากลิ่นให้
๓๕กลับสู่เรือนผ่านมาหลายเพลาแล้วแต่ร่างบางที่นอนนิ่งบนเบาะนุ่มก็ยังไม่แม้แต่จะครางให้ได้ยิน พ่อรักษ์เองก็ได้แต่นั่งเฝ้าอยู่เยี่ยงนี้มาหลายเพลาแล้ว มือหนากอบกุมมือขาวซีดของเจ้ากลิ่นไว้ด้วยความทะนุถนอม“ รีบตื่นมาเถิดหนาพ่อกลิ่นของพี่...นอนนานเกินไปแล้วนะ ”น้ำเสียงเจือปนไปด้วยความเป็นห่วง ดวงตาทอดมองไปยังร่างบางไม่วางตา“ กินข้าวเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะคุณพี่ ”“ วางไว้ก่อนเถิด...พี่ยังไม่หิว ”“ กินกระไรบ้างเถิดเจ้าค่ะ หากคุณพี่เป็นกระไรขึ้นมาอีกคนจะยิ่งแย่นะเจ้าคะ ”“ ... ”เมื่อเห็นแววตาอ้อนวอนของน้องสาว ร่างหนาจึงขยับตัวเข้ามาหาสำรับข้าวที่วางไว้“ คุณพ่อเป็นอย่างไรบ้าง ”“ ก็สามวันดีสี่วันไข้น่ะเจ้าค่ะ คุณพี่ไปดูคุณพ่อบ้างสิเจ้าคะ คุณพ่อมองหาแต่คุณพี่ ”“ หมอยามาดูทุกวันอยู่ใช่ไหม ”“ เจ้าค่ะ...คุณพี่เจ้าคะ น้องขอร้องนะเจ้าคะ ”“ ไว้พี่จะไปก็แล้วกัน... ”“ ขอบคุณนะเจ้าคะ... ”“ แล้วนี่ได้ข่าวไอ้จอมบ้างหรือไม่ ”พ่อรักษ์เอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่บอกมันเรื่องของคุณพุดตานไป ก็ไม่ได้ข่าวคราวกระไรอีกเลย“ น้องให้คนไปสอบถามจากหมู่บ้านใกล้ ๆ รวมถึงที่เรือนของคุณพุดตานแล้วเจ้าค่ะ แต่ม
๓๔ร่ำลาฉับ!!!“ อ๊ากกกกกกก ”เลือดสีแดงกระเซ็นไปทั่วพร้อมกับเสียงร้องของคนที่โดนคมดาบตัดฉับไปที่ข้อมือจนขาด“ ไอ้เดรัจฉาน!!!! ”ไอ้จอมถีบไอ้เชิดกระเด็นออกไปจากตัวของเจ้ากลิ่น เสียงร้องอันเจ็บปวดของมันไม่ได้ทำให้ไอ้จอมนั้นเห็นใจเลยแม้แต่น้อย ลุงมั่นที่วิ่งตามมาถึงทีหลังก็รีบเข้าไปดูเจ้ากลิ่นทันที“ กลิ่นเอ้ย กลิ่นเป็นกระไรลูก... ”“ ลุงมั่น ข้าฝากดูไอ้กลิ่นให้ข้าหน่อย ”“ เอ็งไม่ต้องกังวล เดี๋ยวลุงพาเจ้ากลิ่นไปโรงหมอเอง แต่เอ็งอย่าทำกระไรวู่วามไปเสียล่ะไอ้จอม ”ไอ้จอมไม่ได้ตอบกลับ มันได้แต่ย่างสามขุมไปทางไอ้เชิดที่กำลังลุกขึ้นมาด้วยสีหน้าเจ็บปวด มืออีกข้างที่เหลือกอบกุมแขนที่เหลือแต่ข้อมือของตนเอง เลือดไหลออกมาเป็นทาง มันถอยหลังเมื่อเห็นว่าตัวเองนั้นเสียเปรียบ แต่ไอ้จอมไม่ยอมให้มันหนีไปไหนได้ มันวิ่งไปถีบเข้าที่ยอดอกของไอ้เชิดจนมันล้มลงไปอีกครั้งไอ้จอมขึ้นคร่อมไปบนตัวของไอ้เชิดก่อนที่จะสาวหมัดรัวใส่ไอ้เชิดด้วยความเดือดดาล หากเป็นเพลาปกติแล้วไอ้เชิดไม่น่าจะโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียวเยี่ยงนี้ แต่นี่เป็นเพราะมันมีร่างกายไม่สมบูรณ์อีกต่อไปทำให้มันตอบโต้กระไรไอ้จอมแทบไม่ได้เลย“ มึงบอกกูมา มึ
๓๓เดือดดาลพ่อรักษ์กินข้าวเช้าที่น้องสาวเอามาให้จนหมดสำรับ มื้อนี้ดูเหมือนจะเจริญอาหารมากกว่าปกติ แต่ถึงแม้ภายในใจจะโล่งอกเพราะตนเองนั้นไม่ได้มีกระไรเกินเลยกับเมียในนาม แต่พอมานั่งคิดดูแล้วเหตุการณ์ทุกอย่างที่มันล่วงเลยจนกลายเป็นแผลขนาดใหญ่ นั้นมีสาเหตุมาจากคนเพียงแค่คนเดียว เมื่อนึกได้แล้วพ่อรักษ์ก็ได้แต่นึกก่นด่าตนเองอยู่ในใจ ที่ผ่านมามัวแต่เห็นแก่ความรู้สึกของตนเองเพียงอย่างเดียว จนมองไม่เห็นถึงต้นตอของปัญหาเลยสักนิด“ มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง...เข้ามาหากูที ”“ เจ้าคะคุณรักษ์ มีกระไรให้บ่าวทำหรือเจ้าคะ ”“ มึงไปดูทีว่าคุณหญิงพุดตานอยู่ที่ห้องหรือไม่ ”“ คุณหญิงออกไปตลาดตั้งแต่เช้าแล้วเจ้าค่ะ คุณรักษ์มีกระไรหรือไม่เจ้าคะ ”“ ไม่มี...เอ็งจะไปทำกระไรก็ไปเถิด อีกประเดี๋ยวข้าก็จะกลับเรือนข้าแล้ว ”“ เจ้าค่ะ... ”พ่อรักษ์ได้แต่นั่งอยู่บนเตียงนอนในห้องของแม่รำพึง แววตามีประกายกระไรบางอย่าง ในใจครุ่นคิดว่าต่อแต่นี้ตนเองจะต้องใช้ชีวิตให้มีสติมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จะไม่ปล่อยให้อารมณ์นำพาตนเองให้ทำกระไรโดยไม่คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนอีกแล้วคืนนี้พ่อรักษ์มานั่งมองจันทร์เสี้ยวที่ลอยอยู่บนนภา หวนรำ
๓๒ผิดแผนเสียงหรีดหริ่งร้องระงมในคืนที่หนาวเหน็บเช่นคืนนี้ ร่างขาวนวลเอวคอดกิ่วนอนหันหลังให้กับร่างคร้ามสีเข้มลมหายใจไม่เป็นจังหวะ บ้างสั้น บ้างยาวที่พ่นออกมาของพ่อรักษ์นั้นยิ่งทำให้ค่ำคืนนี้เย็นยะเยือกมากขึ้นไปอีก ดวงตากลมโตค่อย ๆ ลืมขึ้นมาเมื่อข่มตาหลับอย่างไรก็ไม่มีทางหลับลงได้ แม้ว่าค่ำคืนตั้งแต่แต่งงานกันเข้ามาก็ผ่านมาร่วมเดือนแล้ว แต่ความสัมพันธ์ของพ่อรักษ์กับแม่นวลลออนั้นไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ยิ่งเมื่อเจ้ากลิ่นออกจากเรือนนี้ไปแล้วก็ยิ่งดูเหมือนว่าพ่อรักษ์นั้นจะปิดกั้นตนเองออกจากคนอื่น ๆ“ นวลว่าตั้งแต่วันพรุ่ง นวลจะกลับไปนอนที่ห้องของนวลนะเจ้าคะ... ”“ ... ”“ นวลรู้ดีเจ้าค่ะว่าคุณพี่มิได้รักนวล แต่ที่เราต้องแต่งงานกันเยี่ยงนี้เป็นเพราะนวลไม่กล้าเอง ตั้งแต่วันพรุ่งนวลจะกลับไปนอนที่ห้องของนวลเราสองคนจะได้มิต้องมาอึดอัดใจกันเยี่ยงนี้นะเจ้าคะ ”แม่นวลลออเอ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบที่มีเพียงเสียงของแมลงคลออยู่ไกล ๆ พ่อรักษ์ได้แต่นอนฟังอยู่เงียบ ๆ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาพรูใหญ่“ แม่นวลก็นอนเสียที่ห้องนี้ ห้องหับใหญ่สะดวกกว่าห้องเล็กเดิมที่เคยนอน ส่วนข้าจะกลับไปนอนที่เรือนเล็กหลัง
๓๑จำต้องปล่อยไปงานแต่งของพ่อรักษ์กับแม่นวลถูกเร่งให้เร็วขึ้นกว่าเดิม เมื่อเรื่องที่แม่นวลลออกับพ่อรักษ์นั้นทำผิดผีกันนั้นแพร่งพรายออกไปยังนอกเรือน ไม่ต้องบอกก็รู้แจ้งว่าเป็นฝีมือของผู้ใดหากไม่ใช่คุณพุดตานบ่าวไพร่ในเรือนต่างง่วนอยู่กับการตระเตรียมงานให้พร้อม ข้าวปลาอาหารของมงคลต่าง ๆ ถูกตระเตรียมไว้มิให้ขาดตกบกพร่อง ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นถูกคุณพุดตานเตรียมการไว้เป็นอย่างดี ปานว่าของเหล่านี้นั้นมีพร้อมมานานแล้วเสียด้วยซ้ำนับตั้งแต่เกิดเรื่องของพ่อรักษ์กับแม่นวลลออ เจ้ากลิ่นก็กลับมานอนที่เรือนบ่าวเพราะไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ของมันไปกระทบกับแม่นวลลออ คราแรกพ่อรักษ์มิยอมทำตามเพราะไม่ต้องการแต่งงานกับแม่นวลลออ แต่เมื่อเรื่องนี้รู้ไปถึงชาวบ้านร้านประชาด้านนอก ชื่อเสียงของแม่นวลก็พลอยด่างพร้อยไปด้วย เจ้ากลิ่นจึงใช้ข้ออ้างที่ว่าหากเรื่องของมันกับพ่อกลิ่นออกไปยังคนนอกเรือนอีก รังแต่จะทำให้ท่านเจ้าคุณเสียชื่อและอาจจะทำให้อาการเจ็บไข้ที่ดูเหมือนดีขึ้นให้กลับมาทรุดหนักเอาได้ พ่อรักษ์จึงยอมให้เจ้ากลิ่นกลับมานอนที่เรือนบ่าว ส่วนตนเองก็นอนอยู่ที่เรือนเล็กมิได้กลับขึ้นไปอยู่ที่เรือนใหญ่ แม้ว่าท่านเ