Home / รักโบราณ / ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม / ตอนที่ 6 - 1 วันแรกในสำนักศึกษา

Share

ตอนที่ 6 - 1 วันแรกในสำนักศึกษา

last update Last Updated: 2025-04-22 11:11:24

“ชิงเหมย ข้าเห็นเจ้าทักทายผู้นั้นผู้นี้ตลอดทางที่พวกเราเดินกลับมาจากสำนักศึกษาเลย เจ้ารู้จักพวกเขาด้วยหรือ”

“ข้าก็รู้จักไม่ทุกคนหรอก แต่ว่าหากพวกเขาทักทายข้ามา ข้าก็มิมีเหตุผลอันใดให้ต้องเมินพวกเขานี่ เจ้าว่าจริงหรือไม่” หลูซินพยักหน้าเห็นด้วย

แต่ที่นางไม่เข้าใจคือนางก็ทำงานช่วยท่านพ่อท่านแม่ของนางขายของอยู่ภายในร้านเหลา ลูกค้าก็มีมากมายไม่ต่างจากร้านขนมของยายชิงเหมย ทว่าเหตุใดผู้คนถึงมิได้ทักทายนางมากเช่นเดียวกับสหาย หรืออาจจะเป็นเพราะคนพวกนี้จดจำใบหน้าของนางมิได้

“อาจจะเป็นเพราะข้าเรียกลูกค้าให้ท่านยายอยู่หน้าร้านบ่อยๆ คงจะทำให้พวกเขาจดจำข้าได้แหละมั้ง รีบไปกันเถิด” หลิวหลูซินเข้าใจได้ในทันทีที่สหายบอก

คงจะเป็นเช่นนั้นเพราะถึงนางจะช่วยท่านพ่อท่านแม่ขายของที่ร้าน นางก็มิได้ออกมารอต้อนรับลูกค้าที่ด้านหน้าร้าน หรือเรียกลูกค้าเข้าร้านเช่นเดียวกับชิงเหมย เด็กหญิงทั้งสองหยุดพูดคุยกันแล้วเร่งฝีเท้าเดินไปยังตลาดซานฉีซึ่งเป็นที่ทำมาหากินของตระกูลของพวกนาง

ซุนฉีกำลังเตรียมผสมแป้งเพื่อที่จะปั้นซาลาเปาและขนมเซาปิงอีกรอบ เพราะที่ทำไว้ก่อนหน้านั้นนางได้ขายไปจนหมดแล้ว ในขณะที่นางกำลังจะหยิบแป้งมาเทใส่อ่างกลม นางก็ต้องสะดุ้งตกใจเพราะว่ามีบางอย่างมาจิ้มที่ข้างเอว

“ว๊าย!!!” ซุนฉีอุทานออกมา แป้งที่ยังไม่ได้ผสมกระจัดกระจายจนเต็มใบหน้าของนาง

“คิกๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะใสๆ ที่คุ้นเคยดังขึ้นทำให้นางรู้ว่าผู้ใดที่มาแกล้งให้นางตกใจ

“เหมยเอ๋อร์…” นางครางชื่อหลานสาวออกมาทั้งใบหน้าขาวโพลนไปด้วยแป้งที่จะใช้ทำซาลาเปา

“คิกๆๆๆ ทะ…ท่านยาย เหตุใดใบหน้าของท่านถึงได้เต็มไปด้วยแป้งเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ” เด็กหญิงแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดท่านยายจึงมีใบหน้าเลอะไปด้วยแป้งทำขนมเช่นนั้น

“เด็กดื้อ… ไปสำนักศึกษากลับมา ก็มาแกล้งยายเลยหรือไร ดูซิ!! ยายต้องเสียแป้งไปเท่าใด” นางไม่ได้ทำโทษหลานสาวเพียงแค่ตำหนิเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนที่นางจะเดินไปหลังร้านเพื่อล้างหน้าแล้วจึงเดินกลับมา

“ข้าขออภัยเจ้าค่ะท่านยาย ข้าเห็นว่าท่านกำลังจมอยู่กับความคิดจนไม่ได้ยินว่าข้าเดินเข้ามา ข้าเลยนึกสนุกอยากแกล้งท่านสักนิด คิกๆๆ”

รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของชิงเหมยทำให้ซุนฉีโกรธไม่ลง นางรู้ว่าหลานสาวไม่ได้ตั้งใจ แต่นางก็เอาแต่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจริงๆ เพียงเพราะนึกเป็นห่วงว่าหลานสาวจะถูกกลั่นแกล้งรังแกจากพวกเด็กในสำนักศึกษา แต่พอได้เห็นใบหน้าของหลานสาวและได้ยินเสียงหัวเราะสดใสเช่นนี้ ที่สำนักศึกษาวันนี้คงไม่มีเรื่องให้นางต้องเป็นห่วง

“ท่านยาย วันนี้พวกเรากลับเรือนกันก่อนยามโหย่วเถิดนะเจ้าคะ ข้า…อยากกินมื้อเย็นพร้อมกับท่านยาย”

คำชวนของหลานสาวทำให้ซุนฉีปฏิเสธไม่ลง เพราะนางขายขนมกลับหลังยามโหย่วมาเกือบห้าวันแล้ว หลานสาวคงจะเหงาที่ได้กินมื้อเย็นลำพัง นางจึงพยักหน้าตกลง ชิงเหมยยิ้มกว้างออกมา ก่อนที่สองยายหลานจะช่วยกันเก็บข้าวของและทำความสะอาดร้านขนม ครั้นทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ซุนฉีจึงพาชิงเหมยไปซื้อพวกผักและเนื้อสัตว์เพื่อจะได้ทำมื้อเย็นให้นางกินตามความต้องการของนาง

“อ้าว… วันนี้ขายหมดแล้วรึ ข้าว่าจะไปซื้อซาลาเปาเสียหน่อย” แม่ค้าขายผักเอ่ยทักซุนฉี

“จ้า… หมดแล้ว แต่วันนี้ไม่ทำเพิ่มเพราะข้าจะกลับไปทำมื้อเย็นกินกับหลานสาวเสียหน่อย ไม่ได้ร่วมโต๊ะมื้อเย็นด้วยกันมาสี่ห้าวันแล้ว” ซุนฉีตอบด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ก่อนที่จะเลือกซื้อผักสดจากร้านนี้ ชิงเหมยมองไปยังร้านเหลาของสหายใหม่ก็ยิ้มออกมา

“ท่านยาย… ท่านรู้จักเจ้าของร้านเหลาร้านนั้นหรือไม่เจ้าคะ” ซุนฉีเหลียวมองไปตามนิ้วของหลานสาวที่ชี้ไปยังร้านขายอาหารขนาดไม่เล็กและไม่ใหญ่เท่าโรงเตี๊ยม ทว่ากลับเป็นร้านที่มีลูกค้าแน่นทุกชั่วยาม

“รู้จักสิ ยายขายของที่ตลาดนี้มานาน หากพวกร้านค้าที่ขายมาก่อนหรือมาพร้อมๆ กันกับยาย ยายก็รู้จักทั้งนั้นแหละ เจ้าถามเพราะเหตุใดกันหรือ” ซุนฉีตอบพลางเอ่ยถามหลานสาวออกมาด้วยความประหลาดใจ เพราะก่อนหน้านางก็ไม่เห็นว่าหลานสาวจะสนใจร้านค้าในตลาดซานฉีเท่าใดนัก

“ลูกสาวร้านนั้นเป็นสหายที่ได้รู้จักกันที่สำนักศึกษาวันนี้เจ้าค่ะท่านยาย วันนี้ข้าก็เดินกลับมาพร้อมกันกับนาง” ชิงเหมยตอบออกมาด้วยน้ำเสียงสดใส นางรู้สึกชินกับร่างนี้จนทำตัวกลมกลืนไปตามวัยเสียแล้ว

“โอ้… ไปวันแรกก็ได้สหายกลับมาแล้วหรือนี่"

ซุนฉีเอ่ยถามหลานออกมาด้วยน้ำเสียงยินดี ไม่น่าห่วงอย่างที่นางคิด นางก็เป็นกังวลทั้งวัน เกรงว่าหลานจะไม่มีผู้ใดคบหา หรือเกรงว่าหลานจะถูกดูถูกเหยียดหยามให้เจ็บช้ำน้ำใจ ครั้นได้รู้ว่านางมีสหายเช่นนี้นางก็สบายใจไปเปราะนึง

“ข้ามีสหายตั้งสองคนเจ้าค่ะ ท่านยายมิต้องเป็นกังวลเลยนะเจ้าคะ"

ชิงเหมยรู้ดีว่าซุนฉีนั้นเป็นกังวลเกี่ยวกับนาง หากเป็นชิงเหมยคนก่อนไม่แน่อาจจะเป็นเรื่องที่น่ากังวลก็เป็นได้ แต่สำหรับนาง… เรื่องเพียงเท่านี้นั้นเล็กน้อยยิ่งนัก

ซุนฉีทั้งรู้สึกสบายใจและโล่งใจที่หลานสาวนั้นมีสหายให้คบหายามที่นางไปสำนักศึกษา ต่อไปนางคงจะไม่ต้องมานั่งเป็นกังวลเรื่องของชิงเหมยยามที่นางไปสำนักศึกษาอีก เพียงหวังว่าสหายที่เข้าหาชิงเหมยนั้นจะเป็นเด็กดีและไม่เข้ามาทำให้ชิงเหมยต้องเจ็บช้ำน้ำใจ

สองยายหลานช่วยกันเลือกซื้อทั้งผักและเนื้อสัตว์ก่อนที่จะพากันเดินกลับเรือนของพวกตน ตลอดเส้นทางมีผู้คนทักทายนางทั้งสองตลอดทาง เรียกได้ว่าตลาดซานฉีนั้นมิมีผู้ใดที่จะไม่รู้จักซุนฉีและชิงเหมยก็ไม่ผิดนัก รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเด็กหญิงที่กำลังบอกเล่าเรื่องราวจากการไปสำนักศึกษาในวันนี้ระหว่างทางเดินกลับเรือนให้ผู้เป็นยายฟังทำให้ซุนฉีได้แต่ยิ้มออกมา หากนางรู้ว่าชิงเหมยชื่นชอบการศึกษาหาความรู้เช่นนี้ นางคงไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาจนถึงปีนี้ แต่ก็มิใช่ปัญหาเพราะนางเชื่อว่าหลานสาวของนางนั้นเป็นเด็กที่เก่งและความจำดี ทุกสิ่งทุกอย่างในภายภาคหน้าจะต้องเป็นไปได้ดีอย่างแน่นอน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 7 ไม่ละทิ้งความสามารถเดิม

    ​ควันที่ลอยโขมงขึ้นมาเหนือหลังคาเรือนในยามเช้า บ่งบอกว่าเจ้าของเรือนหลังนั้นได้ตื่นนอน และเริ่มที่จะหุงหาอาหารในเช้าวันใหม่แล้ว ร่างอวบอิ่มของสตรีวัยสี่สิบปลายๆ กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ด้านหน้าเตาไฟ ซุนฉีหันไปมองร่างเล็กของหลานสาวที่ถึงแม้จะได้ไปศึกษาที่สำนักศึกษาแล้ว แต่ทว่านางยังคงไม่ละทิ้งหน้าที่ที่นางเคยทำตลอดมา ใบหน้าเล็กเปื้อนแป้งที่ข้างแก้มเรียกรอยยิ้มจากผู้เป็นยายได้ไม่ยากนัก“ดูซิ… หน้าตามอมแมมหมดแล้วเหมยเอ๋อร์…” บอกพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าของนางขึ้นมาเช็ดใบหน้าให้หลานสาวอย่างทะนุถนอม“ท่านยาย วันนี้มื้อกลางวันหลานอยากกินหมูราดน้ำแดงเช่นเดียวกับเมื่อวานเจ้าค่ะ ก่อนไปสำนักศึกษาท่านยายช่วยทำให้หลานสักนิดได้หรือไม่เจ้าคะ”“ได้สิเหมยเอ๋อร์... หมูราดน้ำแดงนั้นทำไม่ยาก ถ้าเช่นนั้นเจ้าปั้นแป้งกับยัดไส้ซาลาเปารอยายก่อนเถิด ประเดี๋ยวยายจะรีบไปทำมื้อเช้า กับหมูราดน้ำแดงสำหรับมื้อกลางวันให้เจ้า”“เจ้าค่ะ”ชิงเหมยยิ้มออกมาครั้นท่านยายยินดีที่จะทำอาหารที่นางอยากกินให้ด้วยความเต็มใจ นางรักท่านยายซุนฉีเหลือเกิน และรู้สึกว่านางนั้นยังมีโชคอยู่บ้างที่ได้มาเกิดใหม่ในชาติภพนี้ เพราะนอกจากไม่มีข้าศึกมารุ

    Last Updated : 2025-04-23
  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 7 - 1 ไม่ละทิ้งความสามารถเดิม

    หลังจากเลิกเรียนศิษย์ทั้งหลายก็แยกย้ายกันกลับเรือนของตนเฉกเช่นทุกวัน ชิงเหมยกลับไปพร้อมกับหลูซินเพราะนางจะต้องแวะไปช่วยท่านยายที่ตลาด ครั้นไปถึงตลาดแล้วท่านยายของนางกลับบอกให้นางกลับเรือนไปก่อน เด็กหญิงจึงยินยอมที่จะทำตามความต้องการของท่านยายแต่โดยดี จะได้อาศัยช่วงยามที่ท่านยายยังอยู่ตลาด ฝึกฝนเพลงดาบของนางอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ด้วย“เหมยเอ๋อร์… กำลังจะกลับเรือนหรือ” ในระหว่างทางขณะที่นางกำลังเยื้องย่างกลับเรือน บรรดาพ่อค้าแม่ค้าร้านค้าข้างทางก็เอ่ยทักทายนาง“เจ้าค่ะท่านน้า… วันนี้ขายดีหรือไม่เจ้าคะ” ชิงเหมยหันไปตอบพลางทักทายด้วยใบหน้าที่สดใสสมวัย“ก็พอขายได้… อะนี่เอาไปกินสิ กว่าท่านยายของเจ้าจะกลับเรือนก็อีกตั้งหนึ่งชั่วยาม” ห่อมันเผาถูกส่งมาให้ ชิงเหมยคำนับ“ขอบน้ำใจท่านน้ายิ่งนักเจ้าค่ะ อันที่จริงท่านยายก็เอาซาลาเปามาให้ข้าเช่นกัน” เด็กหญิงกล่าวออกมายิ้มๆ“เจ้าน่ะ… อยู่ในวัยกำลังโต ต้องกินให้มากๆ หน่อย จะได้แข็งแรง” เสวียอี๋บอกชิงเหมยด้วยน้ำเสียงเอ็นดูนางเห็นเด็กหญิงมาตั้งแต่เด็ก ชิงเหมยนั้นขยันเป็นเด็กดีและเชื่อฟังท่านยายของนางเป็นอย่างดี เสวียอี๋ยังนึกเสียดายที่เด็กหญิงไม่ได้เติบ

    Last Updated : 2025-04-23
  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 8 ไม่ทำตนให้เด่นกว่าผู้ใด

    กลิ่นหอมของอาหารลอยมาจากในโรงครัวในยามโหย่วแทนที่กลิ่นของควันไฟ ชิงเหมยเดินเข้าไปดูท่านยายของนางที่กำลังทำอาหารจนส่งกลิ่นหอมออกมาเรียกน้ำย่อยในกระเพาะของนาง ยามที่นางกลับมาจากสำนักศึกษา นางก็ได้กินแค่เพียงซาลาเปากับมันเผาเท่านั้น จึงทำให้ยามนี้รู้สึกหิวอยู่ไม่น้อย“ท่านยาย… มีอันใดให้ข้าช่วยหรือไม่เจ้าคะ” เสียงเล็กเอ่ยถามซุนฉีออกมา“อืม… เจ้าช่วยยกอาหารพวกนี้ออกไปวางที่โต๊ะรอยายก่อนก็แล้วกัน เหลืออีกหนึ่งอย่างก็จะเสร็จแล้ว” ซุนฉีหันไปตอบหลานสาว ชิงเหมยมองกับข้าวในจานก็ถึงกับกลืนน้ำลาย ท่านยายของนางมีฝีมือการทำอาหารไม่แพ้ผู้ใด หากเปิดร้านเหลาแทนการเปิดร้านขนมนางก็คิดว่าคงจะขายดีไม่แพ้กันสองยายหลานนั่งกินมื้อเย็นท่ามกลางแสงของโคมไฟที่รายล้อมรอบบริเวณโต๊ะที่พวกนางใช้นั่งกินอาหารร่วมกัน ชิงเหมยกินข้าวไปถึงสองชาม ซุนฉียิ้มออกมาด้วยความพอใจที่หลานสาวเป็นเด็กที่ชอบกิน แต่ถึงแม้ว่าชิงเหมยจะกินมากถึงเพียงใด ร่างกายของนางก็ไม่อ้วนท้วมเสียที ที่เขาว่ากันว่าเด็กวัยนี้เป็นเด็กกำลังโตคงจะไม่เกินจริง“เหมยเอ๋อร์…เจ้าไปสำนักศึกษาวันนี้มีเรื่องอันใดมาเล่าให้ยายฟังหรือไม่”คำถามเช่นเดียวกับทุกวันตั้งแ

    Last Updated : 2025-04-23
  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 8 - 1 ไม่ทำตนให้เด่นกว่าผู้ใด

    “ไม่มีผู้ใดที่จะเก่งตั้งแต่เริ่มต้น ผู้ใดกันเล่าที่จะจดจำบทกวีเหล่านี้ได้ในระยะเวลาเพียงสั้นๆ อาจารย์เชื่อว่าพวกเจ้าที่นั่งอยู่ที่นี่เกินกว่าครึ่งนั้นมิอาจจดจำบทกวีที่อาจารย์สั่งให้ไปท่องจำได้หมดทุกบท อาจารย์พูดถูกหรือไม่” อาจารย์ลู่อวิ๋นกล่าวสั่งสอนศิษย์ที่กำลังหัวเราะให้สหายร่วมห้องออกมาให้ได้คิด“พวกศิษย์ขออภัยเจ้าค่ะ” ผู้ที่หัวเราะกล่าวออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ชิงเหมย ซูฉี และหลูซินไม่ได้หัวเราะกับสหายร่วมห้อง พวกนางจึงนั่งเงียบๆ“เอาล่ะ ชีโยว วันนี้อาจารย์ถือว่าเจ้าทำได้ดีแล้วล่ะ นั่งลงได้" อาจารย์ลู่อวิ๋นหันไปบอกลูกศิษย์ที่ยังคงยืนอยู่“เจ้าค่ะท่านอาจารย์” ชีโยวศิษย์คนแรกของเรือนเหมยฮวาตอบพลางคำนับท่านอาจารย์แล้วนั่งลงและก็เป็นดังเช่นที่อาจารย์ลู่อวิ๋นได้กล่าวเอาไว้ เพราะมีทั้งผู้ที่สามารถท่องบทกวีออกมาได้จนจบบท และมีทั้งผู้ที่ท่องออกมาได้เพียงแค่ครึ่งๆ กลางๆ เขาไม่ได้คาดหวังกับศิษย์ใหม่เหล่านี้มากนัก เพราะเพิ่งจะเข้ามาสำนักศึกษาได้ไม่นาน บางคนก็มีพื้นฐาน บางคนก็เพิ่งจะเคยได้ศึกษาเกี่ยวกับบทกวี แต่ทว่าเขากลับรู้สึกคาดหวังกับชิงเหมยเพราะจากที่สังเกตดูนางเมื่อวาน นางนั้นท่องได้เป

    Last Updated : 2025-04-23
  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 9 ไม่ตอบโต้ไม่ได้หมายความว่าอ่อนแอ

    สองปีต่อมาร่างเล็กสูงโปร่งของเด็กหญิงวัยสิบสองปีกำลังเยื้องย่างไปตามเส้นทางที่มุ่งสู่สำนักศึกษาหวุนซีเฉกเช่นทุกเช้า ความงดงามของนางเริ่มเปล่งประกายออกมาให้ผู้อื่นได้เห็น ถึงแม้นางจะเป็นเพียงหลานสาวแม่ค้าขายขนมในตลาด ที่มีฐานะเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา แต่ทว่าเด็กหญิงในวันนี้กลับกลายเป็นบัณฑิตอายุน้อยที่มีชื่อเสียงของสำนักศึกษาหวุนซี เพียงสองปีที่นางเข้าไปที่สำนักศึกษา ความรู้ความสามารถที่นางได้พยายามซ่อนเร้นปิดบังเอาไว้ กลับเปล่งประกายออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้“ชิงเหมย กำลังจะไปสำนักศึกษาหรอกหรือ"“เจ้าค่ะท่านน้า” เด็กหญิงหันไปตอบสตรีสูงวัยกว่าด้วยน้ำเสียงนอบน้อม“น้าได้ยินว่าเจ้าทดสอบได้ลำดับที่หนึ่งในศิษย์ที่เป็นหญิงมาตลอดสองปีเลยรึ” เสวียอี๋เอ่ยถามเด็กหญิงที่นางเอ็นดูด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“มิใช่ความจริงหรอกเจ้าค่ะท่านน้า ที่สำนักศึกษายังมีคนที่เก่งกว่าข้าหลายคน ข้าเพิ่งจะทดสอบได้ลำดับที่หนึ่งเมื่อปีที่แล้วนี่เองเจ้าค่ะ เข้าไปปีแรกข้ายังไม่รู้เท่าใดนัก แต่พอได้อ่านตำรา ฝึกทำแบบทดสอบที่คิดว่าท่านอาจารย์จะทดสอบ ลำดับคะแนนของข้าก็ขยับขึ้นมาเป็นลำดับหนึ่งเจ้าค่ะ”นางใช้ความพยายามอย่างหนักต

    Last Updated : 2025-04-24
  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 9 - 1 ไม่ตอบโต้ไม่ได้หมายความว่าอ่อนแอ

    ในขณะที่ชิงเหมยและกลุ่มสหายของนางกำลังเดินผ่านศิษย์อีกกลุ่มที่รวมไปด้วยบุตรีของขุนนางในเมืองถิงฮวา เสียงของหนึ่งในพวกนางก็ดังขึ้นมา วาจาของนางถากถางดูถูกชิงเหมยอย่างไม่ปิดบัง“ท่านอาจารย์ก็เอ็นดูคนไม่ลืมหูลืมตา”“หึ!! พวกเจ้าคงจะลืมไปแล้วล่ะสิ ว่าที่สำนักศึกษาหวุนซีเขาไม่แบ่งแยกชนชั้นหรือภูมิหลังกัน ที่เข้ามาสำนักศึกษานี้ได้เป็นเพราะใช้ความรู้ความสามารถ มิใช่เพราะเกิดในตระกูลขุนนาง หรือผู้สูงศักดิ์ที่เอาแต่พูดจาดูถูกผู้อื่น พวกเจ้าต้องเติบโตมาเช่นไรกันถึงได้พูดจาว่าร้ายสหายร่วมสำนักศึกษาเช่นนี้ หากพวกเจ้ามีดีนัก สูงส่งนัก ก็ไปอยู่ที่สำนักศึกษาอื่นเสียสิ ข้าได้ฟังแล้วรำคาญยิ่งนัก!!!”หลูซินตะโกนออกมาทันที นางเป็นเด็กที่มีความอดทนต่ำ ครั้นได้ยินกับหูว่าผู้ใดนินทาว่าร้ายสหายสนิทก็กักเก็บความขุ่นเคืองเอาไว้ไม่อยู่จนต้องปลดปล่อยออกมา“ชิส์…. พวกเจ้าก็คงจะเหมือนกัน มิเช่นนั้นคงคบหากันมิได้หรอก ซูฉี... เจ้าก็นะเป็นถึงบุตรีของขุนนางแต่กลับเลือกไปเกลือกกลั้วเข้ากลุ่มกับพวกนาง แต่อย่างว่าแหละนะ ท่านแม่ของเจ้าก็เป็นหญิงสาวชาวบ้านที่ท่านพ่อของเจ้ารับไปเป็นอนุภรรยานี่ มิได้เป็นบุตรีของขุนนางมาตั้ง

    Last Updated : 2025-04-24
  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 10 จะมีผู้ใดรู้จักเราเท่าตัวเรา

    ​ถึงแม้ว่าจะเป็นถึงบุตรีของเหล่าขุนนาง แต่ก็มิอาจรอดพ้นกฎการลงโทษของสำนักศึกษาหวุนซีไปได้ กวงชีเยว่ และสหายสนิททั้งสองของนางจึงถูกท่านอาจารย์หวุนเรียกมาสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เป็นเพราะพวกอี้โหรวยอมรับสารภาพ ว่าได้ยินเรื่องราวของชิงเหมยมาจากกลุ่มของกวงชีเยว่ จึงทำให้พวกนางนำเรื่องราวที่ได้ยินไปตัดสินว่า ชิงเหมยเกิดจากหญิงคณิกาจึงถูกผู้เป็นบิดาไม่ยอมรับ“ตวนเจียฉี เจ้ารู้เรื่องของแม่นางซุน แม่ของชิงเหมยมาจากผู้ใดกันรึ” ท่านอาจารย์หวุนถามออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่ากลับให้ความรู้สึกเยือกเย็นต่อจิตใจคนฟังยิ่งนัก“ค่ะ…คือว่า” ตวนเจียฉีหันไปมองกวงชีเยว่พลางตอบท่านอาจารย์หวุนด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก“ศิษย์ได้ยินพวกบ่าวในจวนพูดคุยกันเจ้าค่ะ ท่านอาจารย์ก็รู้ว่าชิงเหมยในยามนี้นั้นกำลังเป็นที่รู้จักในฐานะศิษย์ที่มีความรู้ความสามารถที่สุดของสำนักศึกษาหวุนซี ผู้คนเลยให้ความสนใจและอยากจะรู้ความเป็นมาของนางกันทั่วทั้งเมือง” กวงชีเยว่รีบตอบออกมา เพราะหากปล่อยให้ตวนเจียฉีสารภาพคงพาดพิงมาหานางเป็นแน่ และคงจะบอกเล่าถึงเรื่องที่นางแสดงออกชัดเจนว่านางรังเกียจชิงเหมย“แล้วเจ้าก็เลยนำเรื่องที่ได้ยินม

    Last Updated : 2025-04-24
  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 10 - 1 จะมีผู้ใดรู้จักเราดีเท่าตัวเรา

    “ศิษย์ทั้งสามนี้ ดูพวกนางรักใคร่กันดีนะขอรับ” อาจารย์หยวนซู่กล่าวขึ้นมาครั้นได้มองเห็นศิษย์หญิงทั้งสามสวมกอดกันกลม“มิตรภาพที่จริงใจอย่างแท้จริงนั้นหายาก ข้าเชื่อ... ถึงแม้นว่าพวกนางจะยังเด็ก แต่ก็ฉลาดพอที่จะรู้จักแยกแยะว่าผู้ใดคือมิตรแท้ ผู้ใดคือมิตรไม่แท้” อาจารย์ลู่อวิ๋นแสดงความคิดเห็นออกมา“แต่ที่ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยก็คือคุณหนูรองสกุลกวง เหตุใดนางถึงได้เป็นเด็กเช่นนั้นไปได้ ทั้งที่ตนเองนั้นสูงศักดิ์กว่าผู้ใดแท้ๆ กลับคิดทำลายสหายร่วมสำนักจากการใช้ลมปากของคน แผนการลึกล้ำเช่นนี้มันดูจะเกินวัยของนางที่จะคิดได้ด้วยตัวเองหรือไม่เจ้าคะ” อาจารย์เซียงหลินนึกสงสัย“ผู้ใหญ่ทั้งนั้นแหละที่อยู่เบื้องหลังของเด็กเหล่านี้ เด็กก็เปรียบเสมือนกับผ้าขาวที่ผู้ใหญ่จะแต่งแต้มสีใดลงไปก็ได้”อาจารย์หวุนกล่าวออกมา เขาเชื่อว่านิสัยของเด็กแต่ละคนนั้นล้วนแล้วแต่ได้รับการซึมซับมาจากการเลี้ยงดูของครอบครัว และที่กวงชีเยว่เป็นเช่นนี้ก็คงจะเรียนรู้มาจากผู้เป็นมารดาอย่างไม่ต้องสงสัย“พวกเราเป็นอาจารย์ ก็คงต้องช่วยอบรมสั่งสอนพวกนางต่อไป พวกเจ้าก็คอยสอดส่องดูแลพวกนาง อย่าละเลยต่อผู้ใดล่ะ เด็กพวกนี้อยู่ในวัยกำลังเติบโ

    Last Updated : 2025-04-24

Latest chapter

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 14 - 1 คุณชายรองสกุลเยว่

    เรือนชางหยงเรือนไม้ที่อยู่ปีกขวาของจวนสกุลเยว่เป็นที่พักอาศัยของเยว่อู๋ชาง เรือนชางหยงหลังนี้เพิ่งจะกลายมาเป็นเรือนส่วนตัวของเยว่อู๋ชางเมื่อห้าปีก่อน ร่างสูงของคุณชายหนุ่มเยื้องย่างเข้าไปภายในเรือนของตนก่อนที่จะเข้าไปอาบน้ำและเปลี่ยนอาภรณ์ จากนั้นเขาจึงออกไปนั่งที่ใต้ต้นกุ้ยฮวาที่ผลิดอกไปทั่วทั้งต้น บางดอกร่วงหล่นลงมา“จิ้นซู่ เจ้าช่วยส่งคนของเราที่มีฝีมือไปสืบเรื่องที่ข้าได้รับปากกับแม่นางชิงเอ๋อร์หน่อย ข้าอยากแจ้งข่าวเรื่องนี้ไปให้นางโดยเร็วที่สุด เพราะไม่อยากให้นางคิดว่าข้าเป็นคนที่ไม่รักษาสัญญา”คำสั่งของคุณชายรองทำให้จิ้นซู่นึกประหลาดใจ คุณชายที่ได้รับขนานนามว่าเป็นคุณชายที่ไร้ซึ่งหัวใจ ไร้ซึ่งความรู้สึก กลับใส่ใจกับคำสัญญาที่ให้ไว้แก่เด็กหญิงที่เพิ่งรู้จักกันแค่เพียงไม่นาน“ขอรับคุณชายรอง บ่าวจะรีบไปจัดการให้ประเดี๋ยวนี้เลย”มือเรียวหยาบกร้านหยิบเอาถุงหอมขึ้นมามองแล้วเผยรอยยิ้มออกมา ก่อนที่เขาจะใช้จมูกสูดดมกลิ่นหอมของมันพลางนึกไปถึงรอยยิ้มของเจ้าถุงหอมนี้ นางต้องใช้ความพยายามถึงเพียงใดกว่าจะได้ลวดลายเหล่านี้มา นึกแล้วเด็กหนุ่มก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ครั้นหันหลังกลับมากลับได้พบบ่าวร

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 14 คุณชายรองสกุลเยว่

    ณ จวนตระกูลซิ่ว เมืองถิงฮวาศาลาริมน้ำด้านหลังจวน ใต้เท้าซิ่วยืนตระหง่านมองผิวน้ำที่แน่นิ่ง จะไหวติงยามที่มีใบไม้ร่วงหล่นลงไป หรือไม่ก็พวกแมลงที่ตกลงไปให้ปลาในน้ำได้กินเท่านั้น เขากำลังแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา ทันทีที่ได้ทราบข่าวจากลูกน้องคนสนิท ว่าไม่อาจกำจัดหลานสาวที่อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านซานฉีได้ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่คิดจะกำจัดนาง ก็เป็นเพราะฮูหยินผู้เฒ่าไม่สนใจไยดีนาง ทว่ายามนี้กลับเรียกหานาง อยากให้นางกลับเข้ามาในตระกูลซิ่ว เขาเคยคิดว่าไม่ใช่เรื่องยากหากต้องการที่จะกำจัดนาง แต่ทว่ายามนี้นางได้กลายเป็นที่รู้จักในฐานะศิษย์หญิงอันดับหนึ่งของสำนักศึกษาหวุนซีไปทั่วทั้งเมืองถิงฮวาแล้ว และคนที่ยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือนางในครานี้ก็คงจะเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่นั่น“เพราะเจ้าผู้เดียว หากเจ้าไม่หลงเหลือทายาทไว้ ข้าก็คงไม่ต้องลำบากเช่นนี้” เขาพึมพำกล่าวโทษผู้เป็นน้องชายที่ตายไปเมื่อหลายปีก่อนออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาทว่ากลับเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ก่อนที่จะเผากระดาษแผ่นเล็กที่ถูกลูกน้องคนสนิทส่งผ่านทางนกสื่อสารมา“จากนี้นางคงจะระวังตัวยิ่งขึ้นเป็นแน่ขอรับท่านใต้เท้า” บ่าวรับใช้คนสนิทแสด

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 13 - 1 พี่ไม่อยู่...เจ้าจงรักษาตัวให้ดี

    “คารวะคุณชายเฉียว… ข้าน้อยสบายดีเจ้าค่ะ แล้วนี่คุณชายแวะมาที่หมู่บ้านซานฉีหรือเจ้าคะ” ชิงเหมยคำนับเขาอย่างถ่อมตน พลางเอ่ยถามออกมา“ใช่แล้วล่ะ ท่านแม่ของข้าอยากกินขนมเซาปิงที่ท่านยายของเจ้าทำ ข้าเลยแวะมาซื้อไปฝากนาง”“อ่อ… ถ้าเช่นนั้นข้าน้อยขอตัวเข้าไปข้างในก่อนหนาเจ้าคะ”นางรู้ดีว่าคุณชายเฉียวนั้นเอ็นดูชิงเหมยในอดีต เพราะเขาคอยช่วยเหลือชิงเหมยในยามที่นางต้องพบเจอกับความยากลำบาก ยามที่นางถูกลูกหลานขุนนางที่อาศัยในหมู่บ้านซานฉีรังแก เขาก็มักจะเข้ามาให้ความช่วยเหลือชิงเหมยอยู่เสมอ“เอ่อ… ที่สำนักศึกษาไม่ได้มีเรื่องใดที่ทำให้เจ้าลำบากใช่หรือไม่” คุณชายหนุ่มที่ไม่ค่อยได้พบหน้าเด็กหญิง อยากจะรั้งนางให้อยู่คุยกับเขาให้นานกว่านี้อีกสักนิดจึงเอ่ยถามนางออกมา“ไม่เลยเจ้าค่ะ ที่สำนักศึกษาหวุนซีเป็นสำนักศึกษาที่ให้ความเท่าเทียมกับศิษย์ทุกคน ไม่แบ่งแยกชนชั้นใด พวกลูกหลานขุนนางก็มีน้อยกว่าสำนักศึกษาหลี่ซางเจ้าค่ะ” ชิงเหมยถึงกับงุนงงที่วันนี้เขาชวนนางคุยมากกว่าเดิมนางรู้สึกไม่ค่อยสบายใจยามที่พูดคุยกับเขา ต่างจากยามที่นางนั้นได้พูดคุยกับท่านพี่ชาง พี่ชายแปลกหน้าในวันแรกจนยามนี้กลายเป็นพี่ชายที่นางไม่

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 13 พี่ไม่อยู่...เจ้าจงรักษาตัวให้ดี

    กำหนดการเดินทางกลับเมืองถิงฮวาของเยว่อู๋ชางต้องล่าช้าออกไปหลังจากนี้หนึ่งวัน เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับแม่นางน้อยชิงชิงทำให้คุณชายหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจ เยว่อู๋ชางนั้นรู้สึกเป็นห่วงนางเพราะถึงแม้ว่านางจะฝึกฝนศิลปะวิชาการป้องกันตัว แต่นางก็ยังถือว่ายังเยาว์วัยยิ่งนัก อีกทั้งร่างกายก็อรชรบอบบางเสียเหลือเกิน เขาอยากจะรู้ยิ่งนักว่าเพราะเหตุใดนางถึงได้มีผู้มาลอบทำร้ายนางเช่นนี้“คราวนี้เจ้าจะบอกพี่ได้หรือยัง ว่ามันเกิดเรื่องอันใดขึ้น เหตุใดชายชุดดำเหล่านั้นถึงได้มารังแกเจ้าได้” หลังจากที่เด็กหญิงบดสมุนไพรประคบบาดแผลให้แก่คนสนิทของเขาเสร็จ คุณชายหนุ่มก็เอ่ยถามออกมา“ข้าได้ยินคนพวกนั้นบอกว่าท่านลุงของข้าที่อยู่ในเมืองถิงฮวาเป็นผู้ส่งพวกเขามาให้พาข้ากลับไป พอข้าไม่ยอมพวกเขาจึงได้บังคับข้า” ชิงเหมยตอบออกมาตามตรง เพราะอย่างน้อยก็ถือว่าพี่ชางนั้นเป็นผู้มีพระคุณของนาง อีกทั้งพี่ซู่ก็ต้องมาเจ็บตัวเพราะนาง“เจ้ามีลุงอยู่ที่เมืองถิงฮวาด้วยรึ”“ข้าไม่รู้เจ้าค่ะ ท่านยายของข้าไม่เคยเล่าเรื่องพ่อของข้าให้ฟัง แต่ข้าเคยได้ยินชาวบ้านพูดกันว่าข้าเป็นลูกนอกสมรสของรองแม่ทัพที่ตายในสนามรบเมื่อสิบสองปีก่อน”ชิง

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 12 - 1 ซ่อนคมเอาไว้ก่อน

    ในระหว่างทางกลับเมืองถิงฮวา เยว่อู๋ชางกับจิ้นซู่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของม้าจำนวนไม่น้อยกว่าสี่ตัวกำลังวิ่งมาเบื้องหน้า ชายป่าแห่งนี้เป็นทางลัดจากหมู่บ้านซานฉีมุ่งหน้าสู่เมืองถิงฮวา แม้จะไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดแต่ทว่าชายเหล่านี้กลับแต่งกายด้วยอาภรณ์สีดำเช่นเดียวกันทั้งสี่ จิ้นซู่คอยระวังให้กับคุณชายรอง แต่ทว่าชายกลุ่มนี้กลับควบม้าผ่านพวกเขาไปโดยไม่ได้สนใจพวกเขาทั้งสองคน นั่นก็หมายความว่าชายกลุ่มนี้ไม่ได้ถูกส่งให้มาทำร้ายคุณชายรอง“พวกคนเหล่านั้นคือคนของผู้ใดน่ะ” เยว่อู่ชางเอ่ยถามจิ้นซู่หลังจากชายชุดดำทั้งสี่ควบม้าผ่านเขาไปแล้ว“ข้าน้อยก็ดูไม่ออกเหมือนกันขอรับ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ชาวบ้านซานฉี” หัวใจของเยว่อู๋ชางเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าชิงชิงกลับเรือนของนางไปแล้วหรือยัง เพราะเส้นทางนี้ต้องไปเจอกับลานกว้างหลังหมู่บ้านก่อนที่ใด และนั่นก็หลีกเลี่ยงไม่พ้นที่จะได้พบกับเด็กหญิงหากนางยังไม่กลับไป“จิ้นซู่ กลับไปหมู่บ้านซานฉีเดี๋ยวนี้” สั่งบ่าวข้างกายเสร็จม้าก็ถูกบังคับให้เปลี่ยนทิศทางทันทีเขาไม่รู้ว่าเหตุใดถึงได้กังวลใจเช่นนี้ แต่เขาได้แต่คิดว่าชิงชิงอาจจะกำลังตกอยู่ในอันตราย จิ้นซู่ไม่ทั

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 12 ซ่อนคมเอาไว้ก่อน

    หลังจากได้พบกับคุณชายหนุ่มที่มีนามว่าชานในวันนั้น ชิงเหมยก็ได้ฝึกฝนขี่ม้าและยิงธนูกับเขาอยู่แทบทุกวัน จนใกล้ถึงกำหนดการกลับเมืองถิงฮวาของพี่ชาย ชิงเหมยจึงได้ลงมือเย็บปักถุงหอมให้แก่เขา เพื่อเป็นการขอบน้ำใจที่หลายวันที่ผ่านมา เขาได้ถ่ายทอดวิชาขี่ม้าและยิงธนูให้แก่นาง อีกทั้งยังให้พี่ซู่ที่เป็นคนสนิทของเขาช่วยประลองฟันดาบกับนางอีกด้วย แม้ดาบที่ใช้นั้นจะเป็นดาบที่ทำมาจากไม้ก็ตาม“เหมยเอ๋อร์… ทำอันใดอยู่ลูก” ซุนฉีเอ่ยถามหลานสาวที่กำลังนั่งเพ่งเล็งผ้าสีฟ้าอยู่แทบไม่ละสายตา“ท่านยาย… หลานไร้ฝีมือในการเย็บปักยิ่งนักเจ้าค่ะ” หากจะไปหาซื้อถุงหอมที่ตลาดก็ย่อมได้ แต่ทว่านางกลับอยากลงมือทำด้วยตนเองมากกว่า“หืม… เหตุใดถึงอยากจะทำถุงหอมขึ้นมาเสียได้ล่ะ” ซุนฉีเอ่ยถามหลานสาวออกมายิ้มๆ“เอ่อ… คือหลานอยากจะทำเป็นที่ระลึกให้แก่สหายน่ะเจ้าค่ะ” ชิงเหมยเลือกที่จะไม่บอกความจริงกับท่านยายว่านางกำลังจะทำถุงหอมเพื่อให้แก่บุรุษ“แล้วเหตุใดมิไปซื้อที่ร้านถุงหอมของท่านป้าเจียงเอาล่ะ เช่นนั้นไม่ง่ายกว่าหรือ” ซุนฉีรู้ดีว่าหลานสาวไร้ฝีมือในการเย็บปัก แม้นางจะมีสติปัญญาดีก็ตาม แต่ทว่านางกลับใจไม่เย็นดังเช่นสตรีทั่วไป

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 11 - 1 พี่ชายแปลกหน้าช่วยสอนยิงธนู

    “ท่านอายุสิบห้าแล้วหรือเจ้าคะ”“ข้าดูไม่เหมือนคนที่อายุสิบห้าเช่นนั้นรึ” ชิงเหมยหัวเราะเบาๆ พลางส่ายหน้าไปมาจิ้นซู่มองหน้าคุณชายรองสลับกับแม่นางน้อยตรงหน้าไปมาด้วยความงุนงง เพราะทั้งสองคนพูดคุยกันราวกับว่ารู้จักกันมานาน ทั้งที่ก่อนหน้านี้แม่นางน้อยผู้นี้ยังใช้ไม้จี้ที่คอคุณชายรองของเขาอยู่เลย หากเป็นผู้อื่นบังอาจล่วงเกินคุณชายรองเช่นนี้ คุณชายรองของเขาคงจะไม่ปล่อยเอาไว้เป็นแน่ แต่กับแม่นางน้อยผู้นี้คงจะเป็นคนแรกที่ถูกยกเว้น เพราะนางเป็นคนที่คุณชายรองสนใจกว่าผู้ใด“จากนี้ไปให้เจ้าเรียกข้าว่าพี่ชางก็พอ เข้าใจหรือไม่” เยว่อู๋ชางบอกเด็กหญิงออกมาหลังจากได้รู้ว่านางเยาว์วัยกว่าเขาเพียงสามปี“เจ้าค่ะ ข้าว่าพวกเราไปฝึกกันเถิดหนาเจ้าคะ เพราะข้าอยู่ที่นี่ได้อีกไม่นานแล้ว" ชิงเหมยรับคำพลางชวนพี่ชายแปลกหน้าออกมา เยว่อู๋ชางรู้ดีว่าเด็กหญิงใช้เวลาฝึกอยู่ที่ลานกว้างแห่งนี้เพียงหนึ่งชั่วยามต่อวัน และนี่ก็คงจะล่วงเลยเข้าไปครึ่งชั่วยามแล้ว“เอาสิ วันนี้ข้าจะช่วยสอนเจ้ายิงธนูเอง” จิ้นซู่รีบวิ่งกลับไปยังม้าที่พวกเขาผูกเอาไว้ไม่ไกลจากลานกว้างนี้เท่าใดนัก ก่อนที่จะวิ่งกลับมาพร้อมกับธนูสองคันชิงเหมยรู้สึก

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 11 พี่ชายแปลกหน้าช่วยสอนยิงธนู

    ลานกว้างหลังหมู่บ้านซานฉี หญ้าที่เคยขึ้นรกสูงยาวเท่าขาถูกถางให้เตียนเป็นวงกว้าง หญ้าแห้งถูกนำมาทำเป็นหุ่น ชิงเหมยเพิ่งจะได้พบกับลานแห่งนี้หลังจากเดินออกกำลังในยามว่าง วันนี้สำนักศึกษาปิดนางจึงมีโอกาสมาถากถางเตรียมสถานที่เพื่อใช้ฝึกฝนศิลปะป้องกันตัวของตน เพราะพื้นที่ในเรือนที่นางและท่านยายอาศัยอยู่นั้นค่อนข้างคับแคบ ทำให้นางไม่อาจเก็บซ่อนอาวุธลับของนางจากท่านยายได้ นางจึงต้องมองหาสถานที่ลับเผื่อเอาไว้“พี่หญิงชิงเหมยเจ้าคะ ท่านถางหญ้าตรงนี้มานานเกือบหนึ่งก้านธูปแล้ว ท่านไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยบ้างหรือเจ้าคะ” เสียงเล็กของน้องสาวข้างเรือนที่อ้อนขอติดตามมาด้วยดังขึ้น“เหนื่อยสิ แต่ก็ถือเสียว่าได้ออกกำลัง” ชิงเหมยหันไปตอบเด็กหญิงที่นั่งกินขนมที่นางห่อมาอยู่อย่างเอร็ดอร่อย“ข้าขอช่วยท่านก็ไม่ยอม มิเช่นนั้นคงจะเสร็จไปนานแล้ว” ขนมหมดปากก็บ่นออกมา ชิงเหมยยิ้มเพียงเล็กน้อย มองเด็กหญิงด้วยแววตาเอ็นดู นางบอกแล้วว่าไม่ต้องตามมาแต่ทว่าหลิ่วหริ่งก็ไม่ยอมฟัง“เสร็จแล้ว… พี่ก็บอกเจ้าแล้วว่าไม่ต้องตามมา เพราะที่พี่กำลังทำนั้นหาใช่เรื่องสนุกสนานไม่”“ก็ถ้าท่านให้ข้าช่วยข้าก็จะได้สนุกสนาน แต่นี่ท่านให้ข้าเ

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 10 - 1 จะมีผู้ใดรู้จักเราดีเท่าตัวเรา

    “ศิษย์ทั้งสามนี้ ดูพวกนางรักใคร่กันดีนะขอรับ” อาจารย์หยวนซู่กล่าวขึ้นมาครั้นได้มองเห็นศิษย์หญิงทั้งสามสวมกอดกันกลม“มิตรภาพที่จริงใจอย่างแท้จริงนั้นหายาก ข้าเชื่อ... ถึงแม้นว่าพวกนางจะยังเด็ก แต่ก็ฉลาดพอที่จะรู้จักแยกแยะว่าผู้ใดคือมิตรแท้ ผู้ใดคือมิตรไม่แท้” อาจารย์ลู่อวิ๋นแสดงความคิดเห็นออกมา“แต่ที่ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยก็คือคุณหนูรองสกุลกวง เหตุใดนางถึงได้เป็นเด็กเช่นนั้นไปได้ ทั้งที่ตนเองนั้นสูงศักดิ์กว่าผู้ใดแท้ๆ กลับคิดทำลายสหายร่วมสำนักจากการใช้ลมปากของคน แผนการลึกล้ำเช่นนี้มันดูจะเกินวัยของนางที่จะคิดได้ด้วยตัวเองหรือไม่เจ้าคะ” อาจารย์เซียงหลินนึกสงสัย“ผู้ใหญ่ทั้งนั้นแหละที่อยู่เบื้องหลังของเด็กเหล่านี้ เด็กก็เปรียบเสมือนกับผ้าขาวที่ผู้ใหญ่จะแต่งแต้มสีใดลงไปก็ได้”อาจารย์หวุนกล่าวออกมา เขาเชื่อว่านิสัยของเด็กแต่ละคนนั้นล้วนแล้วแต่ได้รับการซึมซับมาจากการเลี้ยงดูของครอบครัว และที่กวงชีเยว่เป็นเช่นนี้ก็คงจะเรียนรู้มาจากผู้เป็นมารดาอย่างไม่ต้องสงสัย“พวกเราเป็นอาจารย์ ก็คงต้องช่วยอบรมสั่งสอนพวกนางต่อไป พวกเจ้าก็คอยสอดส่องดูแลพวกนาง อย่าละเลยต่อผู้ใดล่ะ เด็กพวกนี้อยู่ในวัยกำลังเติบโ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status