“เหมยจื่อ”ยายเฉินตามมา แล้วจับมือของนางไว้ “อย่าพูดเช่นนี้ ถึงเขาจะไม่ดีแค่ไหน เขาก็เป็นพ่อของเจ้า”“เขาเป็นพ่อแบบไหนกัน?”เหมยจื่อเคียดแค้นที่สุด“ตั้งแต่เล็กจนโต เขารู้จักแต่ทุบตีข้า พูดไม่เข้าหูก็ถีบข้าจนกระอักเลือด”นางกอดศีรษะตัวเองไว้ แล้วร้องไห้โฮ “ถ้าไม่ใช่เพราะเขาติดหนี้พนัน พี่เจิ้งก็คงไม่โดนคนทุบตีตาย”“สามีของข้า ในวันแต่งงานวันแรก ฮ่า ๆ ๆ... ข้ายังไม่ทันได้รอให้เขามารับ เขาก็ถูกคนทุบตีจนตายระหว่างทางเสียแล้ว”“ข้ารอเขาอยู่ที่บ้านเพื่อให้เขามารับตัว แต่สุดท้ายสิ่งที่รออยู่กลับเป็นโลงศพของเขา”“ข้ากับพี่เจิ้งเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก เพียงเพราะเขาต้องการเงินสิบตำลึงเป็นค่าสินสอด พี่เจิ้งจึงทำงานเป็นช่างไม้ในเมืองทั้งวันทั้งคืน เพื่อเก็บเงินมาแต่งงานกับข้า กว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันมันยากลำบากมาก”“ทั้งหมด ทั้งหมดนี้ถูกเขาทำลาย! ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าเกลียดเขามากแค่ไหน ข้าอยากให้เขาตายไปเสีย”เหมยจื่อคุกเข่าลงกับพื้น และร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวด“เหมยจื่อ...”ยายเฉินนั่งลงบนพื้นด้วยความตกตะลึงนางคิดมาตลอดว่าให้เหมยจื่อได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์ นางต้องอดทนบ้างก็ไม่
เฉินลิ่วด่าทอเสียงดังลั่น “เจ้าบ้าไปแล้ว นางเด็กบ้านี่ ข้าเป็นพ่อของเจ้านะ เจ้ากล้าตีข้า เจ้ามันบ้าไปแล้ว”เหมยจื่อสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วยิ้มเยาะ “เจ้าก็คู่ควรเป็นพ่อของข้าหรือ ไอ้ขี้เมาติดการพนันอย่างเจ้า สมควรตายอยู่ในท่อระบายน้ำเน่า ๆ เสียมากกว่า!”คำพูดนี้ นางอยากจะพูดออกมาตั้งนานแล้ว พอได้ระบายออกมา ก็รู้สึกดีขึ้นเยอะเจียงเฟิ่งจับเฉินลิ่วไว้แน่น เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “พี่เหมยจื่อ ไม่ต้องกลัว ข้าจับเขาไว้แล้ว มีอะไรอยากพูด มีแค้นอะไร ก็ระบายออกมาเลย”เหมยจื่อมองเฉินลิ่วที่กำลังทำหน้าเหี้ยมเกรียมแล้วส่ายหัว“ข้าแค่อยากพาท่านแม่ไปให้ไกลจากเขา”ความคับแค้นใจของนาง พูดเท่าไรก็คงไม่หมดถึงจะพูดออกไป เฉินลิ่วจะเข้าใจหรือ? เสียเวลาเปล่า“เจียงเฟิ่ง เจ้าลากคนไปจัดการที” กู้หว่านเยว่โบกมือผู้ชายใช้ความรุนแรงในครอบครัวแบบนี้ นางกลัวว่าตนเองจะอดใจไม่ไหวฆ่าเขาตายเสียก่อน“ฮูหยินวางใจ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ข้าจะจัดการเอง”เจียงเฟิ่งรีบลากตัวเฉินลิ่วเข้าไปในห้องเก็บฟืนข้าง ๆ ไม่นานนัก เสียงร้องโหยหวนของเฉินลิ่วก็ดังออกมาจากห้องเก็บฟืนเหมยจื่อกับยายเฉินจับมือกัน ฟังเสียงร้องโหยหวนนั้น
องครักษ์จันทราหลายคนขยี้ตา“สวรรค์ ข้าน้อยมีชีวิตอยู่มายี่สิบกว่าปี เพิ่งเคยเห็นนกกางเขนเอารังนกมาให้แบบนี้เป็นครั้งแรก”เจียงเฟิ่งกล่าวด้วยความตกตะลึง “นกกางเขนพวกนี้คงรู้ว่าฮูหยินเพิ่งคลอดคุณชายน้อย จึงนำของบำรุงมาให้สินะ?”คนพูดไม่ได้ตั้งใจ แต่คนฟังกลับเก็บไปคิดกู้หว่านเยว่เปิดม่านรถม้า กลับเห็นของที่วางอยู่บนรถม้าล้วนเป็นรังนก โสมแดง สิ่งของที่เหมาะสำหรับบำรุงเลือดลมหลังคลอดบุตรทั้งนั้นพวกมันมาส่งมอบความห่วงใยหรือ?“เป็นของบำรุงทั้งนั้นเลย หาถุงผ้ามาใส่เก็บไว้เถอะ”สมุนไพรพวกนี้จะปล่อยให้เสียเปล่าไม่ได้“ขอรับ”องครักษ์จันทราหลายคนรีบหยิบถุงผ้า เก็บรังนกและโสมแดงบนรถม้าจนหมดเกลี้ยงนกกางเขนพวกนั้นก็ฉลาดเหมือนกัน เห็นว่าพวกเขาเอาถุงผ้ามาแล้ว ก็เลยไม่โยนลงบนรถม้าอีก แต่โยนสมุนไพรลงในถุงผ้าแทนถุงหลายใบถูกใส่เอาไว้จนเต็มนกกางเขนบินวนรอบกู้หว่านเยว่รอบหนึ่ง แล้วก็จากไป“อุแว้อุแว้...”ดวงตาของจ้านจ้านน้อยเป็นประกาย สีหน้าดูพึงพอใจ ไม่ต้องพูดเลยว่ามีความสุขแค่ไหนไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด กู้หว่านเยว่รู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเจ้าตัวเล็กนี่อย่างแน่นอน
เหมยจื่อกล่าวขึ้นด้วยความตกตะลึง“ก่อนหน้านี้ ข้าราชการที่นำเสบียงมาให้พวกเรา บอกว่าซูฮูหยินเป็นคนสั่งให้พวกเขานำอาหารมาแจกจ่ายชาวบ้านที่ประสบภัย”ที่แท้ซูฮูหยินก็ช่วยพวกนางไว้ตั้งนานแล้วยายเฉินรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง “ต่อไปนี้ พวกเราต้องจงรักภักดีต่อฮูหยิน”“ท่านแม่วางใจ ต่อไปฮูหยินก็คือนายของข้า ข้าจะไม่มีวันทรยศท่านอย่างแน่นอน”สีหน้าของเหมยจื่อจริงจังกู้หว่านเยว่หลังคลอดร่างกายยังอ่อนแอ ไม่ควรยืนนาน จึงรีบนอนลงบนเก้าอี้ยาว“ปิดม่านเต็นท์ลง อย่าให้ลมเข้ามา”ซูจิ่งสิงกำชับ ภรรยาของเขาเพิ่งคลอด ไม่สามารถโดนลมได้หากกล่าวจริงจังแล้วนางยังอยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกายหลังคลอด แต่กู้หว่านเยว่รู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงดี แถมยังมีระบบช่วยฟื้นฟู นางจึงลุกจากเตียงแล้วเดินไปเดินมา ซูจิ่งสิงก็ทำอะไรนางไม่ได้“บังเอิญจริง ๆ พวกเจ้าสองคนมาได้ถูกเวลาพอดี เจียงเต๋อจื้อกำลังจะยกทัพมาโจมตีพวกเราแล้ว”ที่แท้ก็เป็นเพราะเจียงเต๋อจื้อเห็นว่าเถาเอ๋อร์หายไปนานไม่กลับมา เสบียงในค่ายก็ถูกขโมยไป กลัวว่าฮ่องเต้จะตำหนิ จึงตัดสินใจบุกเจดีย์หนิงกู่ก่อนเขาคิดว่าถ้าประสบความสำเร็จ ก็จะสามารถไถ่โทษได้“อีก
ไม่เพียงแต่มีชีวิตรอด แต่ยังยึดครองเจดีย์หนิงกู่ พลิกสถานการณ์กลับมาได้เจียงเต๋อจื้อรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าซูจิ่งสิงจะมีวันนี้ ตอนนั้นเขาคงไม่ไปวางอำนาจที่จวนซูตั้งแต่แรกแล้วแต่ตอนนี้ พูดอะไรก็สายไปแล้ว“ลากศพออกไป ตรวจนับกำลังพลทั้งสามกองทัพ พอฟ้ามืด ก็บุกโจมตีเจดีย์หนิงกู่”เจียงเต๋อจื้อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทันใดนั้นก็มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวมาจากท้องฟ้า ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของผู้คน“แย่แล้ว แย่แล้ว ไฟสวรรค์ เป็นไฟสวรรค์!”ทหารทั้งสามกองทัพต่างร้องเสียงหลง กุมหัววิ่งหนีกันอย่างอลหม่านไฟสวรรค์ก็คืออุกกาบาตจากท้องฟ้าที่ตกลงมายังพื้นดิน แต่คนโบราณไม่เข้าใจ พวกเขาจึงมองว่าไฟสวรรค์เป็นการลงโทษจากเทพเจ้าเจียงเต๋อจื้อได้ยินว่ามีไฟสวรรค์ ก็รีบวิ่งออกไปข้างนอกทันทีพร้อมกับเอามือกุมแผลไว้เมื่อมองออกไปนอกค่ายทหารประมาณหนึ่งลี้ ก็เห็นอุกกาบาตที่ลุกเป็นไฟตกลงมาจากท้องฟ้าเป็นระยะ ๆ ตกลงสู่พื้นดิน เสียงดังสนั่นหวั่นไหว เกือบทำให้คนตกใจตายเหล่าทหารเห็นภาพนี้ ต่างตื่นตระหนกกันไปหมด แม้ว่าไฟสวรรค์จะไม่ได้ตกลงมาในค่ายของพวกเขา แต่ดูเหมือนระยะทางจะใกล้เข้ามาเรื
“คนไหนกล้ายอมแพ้ ข้าจะฆ่าคนนั้น!”เจียงเต๋อจื้อโมโหจนชักดาบยาวออกมาเหล่าทหารต่างพากันตกใจกลัว ถอยหลังและวิ่งหนีกันกระจัดกระจาย“ข้าดูสิว่าใครกล้าพูดว่ายอมแพ้ พูดมาคนหนึ่ง ข้าจะฟันคนหนึ่ง”เขาแกว่งดาบอย่างรุนแรง ฟันทหารสองคนที่อยู่ใกล้ที่สุดจนได้รับบาดเจ็บเจียงเต๋อจื้อคลั่งไปแล้วเขาไม่ยอมให้ใครยอมแพ้ทั้งนั้น หากยอมแพ้ขึ้นมาจริง ๆ นแรกที่จะต้องตายก็คือเขาดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ มองไปรอบ ๆ แล้วจ้องมองไปทีละคนใครกล้าส่งเสียง ก็ฆ่าคนนั้นเหล่าทหารพากันถอยหลัง แต่ในใจยังคงไม่ยอมรับทันใดนั้น ก็มีแสงไฟพาดผ่านท้องฟ้า ตามมาด้วยลูกไฟขนาดมหึมาที่พุ่งตกลงมาจากฟากฟ้าเสียง “ตูม” ดังสนั่น ตกลงมาตรงตำแหน่งที่เจียงเต๋อจื้ออยู่เขายังไม่ทันได้ส่งเสียงร้องออกมาด้วยซ้ำ ก็ถูกหินทับลงไปในดิน ถูกไฟที่ลุกไหม้บนหินเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านทุกคนต่างตกตะลึง ตกตะลึงอย่างสิ้นเชิงตามด้วยเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้น“ท่านแม่ทัพตายแล้ว!”“ท่านแม่ทัพถูกไฟสวรรค์ทับตายแล้ว!”“ยอมแพ้เถอะ พวกเรายอมแพ้กันเถอะ”“...”บนท้องฟ้า ซูจิ่งสิงขับเฮลิคอปเตอร์ไปยังลานโล่ง จากนั้นก็ให้กู้หว่านเยว่เก็บเฮลิคอปเตอร์กลับ
ตอนกลางคืนเมื่อซูจิ่งสิงกลับมา กู้หว่านเยว่ก็พูดเรื่องนี้กับเขา“เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของข้า”กู้หว่านเยว่จึงไม่สนใจเรื่องนี้อีก แล้วถามถึงเรื่องแม่น้ำมู่ตัน“หลังจากวันนั้น ทหารห้าหมื่นนายก็พากันยอมแพ้ ส่วนคนที่เหลือที่ไม่ยอมแพ้ ก็ไม่สามารถสร้างปัญหาอะไรได้แล้ว”พวกที่หนีก็หนี พวกที่ตายก็ตาย ใช้เวลาแค่สองวันก็จัดการเรียบร้อยแล้วกู้หว่านเยว่พูดอย่างภาคภูมิใจ “หากเรื่องนี้แพร่สะพัดกลับไปถึงเมืองหลวง คนคนนั้นคงนอนไม่หลับแน่”เมืองหลวงจดหมายที่ส่งด้วยนกพิราบส่งสารด่วนแปดร้อยลี้ เพิ่งจะส่งถึงมือมู่หรงถิง ฮ่องเต้ชั่ว เมื่อเห็นเนื้อความในจดหมาย มู่หรงถิงก็เงียบไปพักใหญ่ สีหน้าดำคล้ำราวกับก้นหม้อในท้องพระโรง ขุนนางส่วนใหญ่ได้รับข่าวสารนี้แล้ว แต่ไม่มีใครกล้าส่งเสียงแม้แต่คนเดียว“ดี ดีมาก ซูจิ่งสิง!”มู่หรงถิงโกรธจนนิ้วมือชา “มหาราชครูหายตัวไป เจียงเต๋อจื้อถูกทับตาย กองทัพห้าหมื่นนาย ยอมแพ้ทั้งหมด”เขาหน้ามืด ต้องจับเก้าอี้มังกรไว้จึงไม่ล้มลงไป“ซูจิ่งสิง เขากล้าดีอย่างไร กล้าดีอย่างไร?”มู่หรงถิงรู้สึกว่าซูจิ่งสิงเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ตอนที่อยู่เมืองหลวง เขาอยากจะจัดการซูจิ
อ๋องหกปกติชอบพาสุนัขไปเดินเล่น เล่นกับแมว ไม่ค่อยสนใจเรื่องราชการจู่ ๆ ถูกเรียกชื่อ ตกใจจนคุกเข่าลงกับพื้น“เสด็จพี่ ข้าไม่ได้ไปเที่ยวหอนางโลม เอ่อ เมื่อคืนข้าก็ไม่ได้ไปนอนบนเตียงของแม่นางหานเยียน...”“ข้าถามเรื่องพวกนี้เมื่อไรกัน?” ฮ่องเต้พูดไม่ออก“ข้าถามเจ้าว่า มีวิธีไหนที่จะทำให้ซูจิ่งสิงและนางกู้แตกคอกัน?”“อ๊ะ ท่านถามข้าหรือ?”อ๋องหกยังคงดูซื่อบื้อ ๆ ทำให้ความเคลือบแคลงสงสัยในสายตาของมู่หรงถิงจางหายไปไม่น้อย“อืม ถามเจ้า เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง?”“เรื่องนี้ สมองของข้าคิดไม่ทัน...” อ๋องหกเกาหัว ทำท่าทางลำบากใจอย่างมาก ครุ่นคิดอยู่นาน จู่ ๆ ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง“เจ้าหัวเราะอะไร?” ฮ่องเต้รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงว่าอ๋องหกมักจะทำตัวเหลวไหลแบบนี้เสมอ เขาก็ไม่ได้ตำหนิอะไร“จู่ ๆ ข้าก็นึกขึ้นได้ว่า เมื่อก่อนข้ามีอนุภรรยาหลายคนในจวน เวลาที่พวกนางแย่งชิงความโปรดปรานกัน สีหน้าก็จะดูน่าเกลียดมาก ข้าก็เลยไม่ชอบพวกนางแล้ว”ดวงตาของมู่หรงถิงหรี่ลง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังออกมา แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ถูกต้อง พูดถูกต้อง”นางกู้คนนั้นช่วยซูจิ่งสิง เช่นนั้นเขาก็จะส่งของขวั
กู้หว่านเยว่แจ้งรายชื่ออาหารห้าหกรายการติดต่อกัน บริกรดีใจจนยิ้มไม่หุบ“ได้ขอรับ นายท่านกรุณารอสักครู่ อีกครึ่งชั่วยาม ข้าน้อยจะนำอาหารไปส่งที่ห้องพักของนายท่าน”“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นเงินให้ แล้วหันหลังเดินขึ้นบันไดไปแต่ในขณะที่เดินผ่านห้องพัก กลับได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากข้างใน“...จำไว้นะ ลงมือทันทีที่ฟ้ามืด สังหารเยียนอวิ๋นชูได้เลย”ชื่อที่คุ้นเคยทำให้กู้หว่านเยว่ชะงักฝีเท้า รีบหลบไปแอบฟังอยู่ข้าง ๆ“เจ้าจัดเตรียมข้าวของทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง?”“จัดเตรียมพร้อมแล้ว ไม่เห็นหรือ นี่คือหนังสือที่เขียนด้วยเลือด ข้าให้คนเขียนเลียนแบบลายมือของเยียนอวิ๋นชู”ชายคนหนึ่งในนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจแค่เพียงเยียนสือซานได้เห็นหนังสือเลือดเล่มนี้ ก็จะระบุตัวฆาตกรว่าเป็นซูจิ่งสิง แล้วก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราอีกในใจของกู้หว่านเยว่เริ่มเกิดคลื่นถาโถม ชายสองคนที่วางแผนลับอยู่ในห้องคือใครกัน พวกเขาต้องการฆ่าเยียนอวิ๋นชู ซ้ำยังจะโยนบาปนี้มาให้ซูจิ่งสิงอีก?เพื่อความปลอดภัย กู้หว่านเยว่ไม่ได้บุกเข้าไปในห้อง แล้วจับกุมพวกเขาในทันทีแต่เจาะหน้าต่างอย่างระ
รถเข็นของใครคนหนึ่ง พุ่งเข้ามาหากู้หว่านเยว่อย่างควบคุมไม่ได้สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไปทันที ถ้ารถเข็นคันนี้ชนตัวนาง นางต้องเอวหักแน่ในช่วงเวลาสำคัญ นางเปิดใช้งานความสามารถพิเศษ ถึงพอจะหยุดรถเข็นเอาไว้ได้“ทำไมท่านไม่ระวังหน่อย เกือบจะชนพี่รองของข้าแล้ว!”เสี่ยวถ่านตกใจจนดึงกู้หว่านเยว่มาตรวจดู“ไม่เป็นไรเสี่ยวถ่าน เขาพิการ ควบคุมรถเข็นไม่ได้”กู้หว่านเยว่เป็นคนใจดีอยู่แล้ว ไม่ถือสาชายผู้นั้น ไม่นึกว่าชายผู้นั้นกลับจ้องเขม็งใส่นางอย่างดุร้าย“เจ้าว่าใครพิการนะ?”เสียงอันโกรธเกรี้ยวทำให้กู้หว่านเยว่จ้องมองเขาอย่างจริงจัง ถึงพบว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลามากคนหนึ่งเพียงแต่ใบหน้าของชายผู้นั้นเฉยเมย คนที่ไม่รู้เรื่องยังนึกว่านางติดหนี้เขาหลายล้าน“ท่านเป็นคนชนพี่รองของข้าแท้ ๆ ทำไมยังดุร้ายกับพี่รองของข้าอีก?”แม้ว่าเสี่ยวถ่านจะขี้ขลาด แต่หากเป็นเรื่องของกู้หว่านเยว่ นางจะขึ้นมาอยู่แถวหน้าชายผู้นั้นกลับมองไปที่กู้หว่านเยว่ “ขอโทษข้าด้วย”สายตาที่แข็งกร้าวของเขาทำให้กู้หว่านเยว่พูดไม่ออกแต่เมื่อมองไปยังขาทั้งสองที่พิการของเขา ก็พอจะเข้าใจได้บ้างคนประเภทนี้มีความนับถื
และศัตรูของศัตรูก็คือมิตรเหยลวี่เจิงมีความแค้นที่สังหารมารดาของเสี่ยวถ่าน เก็บเสี่ยวถ่านไว้ก็ไม่เสียหายอะไร“พี่หญิงกู้ ทะ ท่านไม่กลัวว่าข้าจะทำให้ท่านเดือดร้อนหรือ?”“ถ้ากลัวว่าเจ้าจะทำให้ข้าเดือดร้อนจริง ๆ ข้าก็คงทิ้งเจ้าไว้ที่โรงเตี๊ยมในเมืองชิงซานตั้งแต่แรกแล้ว ปล่อยให้เจ้าเอาตัวรอดเอง จะพาเจ้าออกมาทำไมกัน”กู้หว่านเยว่หุบยิ้ม เด็กคนนี้ดีใจจนเสียสติไปแล้วหรือ?เสี่ยวถ่านก็รู้สึกตัว เอามือลูบศีรษะด้วยความเขินอายหลังจากที่ตื่นเต้นดีใจจนลืมตัวไป นางรีบคุกเข่าลงต่อหน้ากู้หว่านเยว่“พี่หญิงกู้ บุญคุณที่ท่านช่วยชีวิตเสี่ยวถ่าน เสี่ยวถ่านจะจดจำไว้ในใจ หากมีโอกาสในภายภาคหน้า ข้าจะตอบแทนท่านอย่างแน่นอน”เสี่ยวถ่านรีบคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะลงคำนับกู้หว่านเยว่อย่างจริงจังสองครั้งกู้หว่านเยว่พิจารณารูปลักษณ์ของนาง แม้จะสวมชุดผู้ชายอยู่ แต่เมื่อใบหน้าเล็ก ๆ นั้นสะอาดสะอ้านแล้ว มองอย่างไรก็เป็นเด็กผู้หญิงชัด ๆ “เจ้าแต่งตัวแบบนี้ไม่ได้ หากเจอทหารตรวจจะถูกเปิดเผยตัวตนได้ง่าย ๆ ข้าช่วยปลอมตัวให้เจ้าดีกว่า”กู้หว่านเยว่เปิดกล่องยา หยิบอุปกรณ์ปลอมตัวออกมา นางลงมือจัดการใบหน้าของเสี่ยวถ
ก่อนหน้านี้ เสี่ยวถ่านเป็นเพียงแค่เด็กที่ไร้ซึ่งความกังวลใด ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเสด็จพ่อและเสด็จแม่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เสี่ยวถ่านก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ“ต่อมา ข้าก็ไม่รู้ว่าแม่ทัพเหยลวี่เจิงไปพูดอะไรกับเสด็จพ่อเสด็จพ่อจึงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”“เมืองเทียนสุ่ย?” ดวงตาดำขลับของซูจิ่งสิงเผยความตกตะลึง แล้วอธิบาย “ได้ยินมาว่าเมืองเทียนสุ่ยขาดแคลนเสบียงอาหาร สิ่งของเครื่องใช้ สภาพแวดล้อมที่นั่นเลวร้ายยิ่งกว่าเจดีย์หนิงกู่เสียอีก”“ท่านพูดถูก ตอนที่ข้าได้ยินว่าเสด็จพ่อจะส่งพวกเราไปที่เมืองเทียนสุ่ย ปฏิกิริยาแรกของข้าคือการปฏิเสธ ข้าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเสด็จพ่อถึงทำแบบนี้กับพวกเรา น่าเสียดาย ข้าอ้อนวอนมากเท่าไร เสด็จพ่อก็ไม่สนใจ เขายังคงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”เสี่ยวถ่านยิ้มอย่างขมขื่น“หลังจากมาถึงเมืองเทียนสุ่ย ข้ากับเสด็จแม่ก็ถูกจับตามองตลอดเวลา”คงเป็นเพราะเสด็จแม่รู้สึกถึงอันตราย ตระหนักว่าตัวเองอาจประสบภัยได้ทุกเมื่อ จึงไม่ปกป้องข้าเหมือนเมื่อก่อน และเล่าทุกอย่างให้ข้าฟัง”ที่แท้เสด็จแม่ของเสี่ยวถ่านเป็นคนสกุลชุย ซึ่งสกุลชุยและสกุลเห
นี่มันของขวัญบ้าบออะไรกัน หากท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิงได้รับของขวัญชิ้นนี้จริง ๆ เขาจะโมโหอย่างรุนแรงแค่ไหนกัน“จับพวกเขาไว้ ไม่ ฆ่าพวกเขาไปเลย รีบฆ่าพวกเขาสองคนเสีย!”เจ้าเมืองชิงซานตะโกนอย่างบ้าคลั่งตอนนี้หนทางรอดเดียวของเขา คือต้องจับตัวฆาตกรสองคนนี้มาให้ได้ แล้วนำศพของพวกเขาไปมอบให้ท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิง บางทีอาจจะช่วยระงับความโกรธของแม่ทัพเหยลวี่เจิง และรักษาศีรษะของเขาไว้ได้“ท่านพี่ ไปกัน!”กู้หว่านเยว่แค่อยากยั่วโมโหเจ้าเมืองชิงซานสักหน่อย ไม่ได้อยากจะเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ นางยังต้องรีบไปที่เมืองอูถ่านเพื่อจัดการเหยลวี่เจิงอย่างไรเล่าซูจิ่งสิงได้รับคำสั่งจากนาง ปลายเท้าแตะพื้น โอบเอวบางของนางไว้ด้วยมือเดียว จากนั้นทะยานหายไปในความมืดมิด ทิ้งไว้เพียงเสียงกรีดร้องของเจ้าเมืองชิงซานหลังจากที่ทั้งสองคนออกจากโรงเตี๊ยมแล้ว พวกเขาไม่ได้ออกจากเมืองชิงซานในทันที แต่กลับมุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าเมืองก่อนตามความเคยชิน กู้หว่านเยว่จึงไปที่ห้องเก็บของเพื่อกวาดทรัพย์สินก่อน กวาดเอาของทุกอย่างในจวนเจ้าเมืองจนหมดเกลี้ยง จากนั้นจึงค่อยจากไปอย่างพึงพอใจเมื่อเจ้าเมืองชิงซานพบว่าบ้านของเขาถูกขโ
แม้จะไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรออกไปตอนที่หมดสติ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงแล้ว เหยลวี่หมิงก็เดาว่าตัวเองคงเผลอพูดอะไรบางอย่างที่ไม่ควรพูดออกไป“พวกเจ้าสองคนต่ำช้าเกินไปแล้ว!”“กลศึกสงคราม ย่อมมีการใช้กลอุบาย หากจะว่ากันด้วยเรื่องความต่ำช้า ใครจะไปเทียบพี่ใหญ่ของเจ้าได้?”กู้หว่านเยว่เบ้ปาก พวกเขาไม่เคยคิดจะไปเล่นสกปรกใส่เหยลวี่เจิงก่อนเลยสักครั้ง กลับกัน เหยลวี่เจิงต่างหากที่จ้องจะเล่นงานพวกเขาไม่ปล่อยพวกเขาแค่โต้กลับเท่านั้นเอง“พวกเจ้าอย่าเพิ่งดีใจไป รอให้พี่ใหญ่ของข้าเจอพวกเจ้าเมื่อไร จะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าได้อยู่อย่างสงบสุขแน่!” เหยลวี่หมิงตวาดลั่น พร้อมกับจ้องเขม็งไปที่ทั้งสองคนด้วยสายตาอาฆาต“ถ้าไม่อยากถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ข้าขอแนะนำให้พวกเจ้ารีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้...อ๊าก!”สำหรับคุณชายจอมเสเพลใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้ ซูจิ่งสิงไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย จัดการปลิดชีพเขาในทันที“สกปรกจริง ๆ โยนเขาออกไปจากมิติ”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ พลางลากศพของเหยลวี่หมิงออกไปจากมิติเวลานี้ เจ้าเมืองชิงซานกำลังนำทหารใต้บังคับบัญชาออกค้นหาทั่วโรงเตี๊ยมอย่างไร้จุดหมายคิ้วของ
“อะไรนะ?!”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงต่างตกตะลึง ทั้งสองคนไม่คิดเลยว่าซูจิ่นเอ๋อร์และฟู่หลานเหิงจะไม่ได้อยู่ในมือของเหยลวี่เจิง สวรรค์ จะให้ตื่นเต้นกันไปถึงไหน พวกเขาเสียแรงเปล่าแล้วหรือ?“พวกเขาถูกใครชิงตัวไป?”“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เหมือนจะเป็นชายผมขาวคนหนึ่ง”เหยลวี่หมิงส่ายหัว กู้หว่านเยว่แสดงสีหน้างุนงง ชายผมขาว? ใต้หล้านี้มีคนผมขาวมากมายเหลือเกิน พวกเขาจะไปหาที่ไหน?แต่ขอแค่รู้ว่าซูจิ่นเอ๋อร์และฟู่หลานเหิงปลอดภัย ทั้งสองคนก็วางใจลงได้บ้างแล้ว“พี่ใหญ่ของเจ้าวางกับดักอะไรไว้ที่เมืองอูถ่าน?”ถึงแม้ว่าซูจิ่นเอ๋อร์จะไม่ได้อยู่ในมือของเหยลวี่เจิง แต่หลังจากที่สองสามีภรรยาปรึกษากันแล้ว ก็ตัดสินใจว่าในเมื่อมาถึงทูเจวี๋ยแล้ว ก็ไม่ควรพลาดโอกาสที่จะไปเยือนเมืองอูถ่านสักครั้งอย่างแรก เพื่อกำจัดเหยลวี่เจิงซึ่งเป็นภัยอันตรายที่ซ่อนเร้นนี้อย่างที่สอง กู้หว่านเยว่ตั้งใจจะพาสัตว์น้ำแข็ง ไปตามหาดอกน้ำแข็งนิล“พี่ใหญ่ได้ยาพิษชนิดหนึ่งมาจากหมอผี ได้ยินมาว่ายาพิษชนิดนั้นแค่ได้กลิ่น ถึงแม้จะเป็นยอดฝีมือผู้มีวรยุทธ์สูงส่ง ก็จะสูญเสียพลังทั้งหมดในชั่วพริบตานอกจากนี้ พี่ใหญ่ยังได้จ้างมือสังห
การคาดเดาเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การยืนยันให้แน่ชัดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งใบหน้าของเหยลวี่หมิงแสดงความตกตะลึงอย่างมาก ในเมื่อคู่สามีภรรยาที่อยู่ตรงหน้า คือคนที่ทุบตีเขาที่ตลาดและเป็นคนที่วางเพลิงในเมืองสือโม่เมื่อคืนนี้ถ้าเช่นนั้น ตัวตนของพวกเขาก็คือเจิ้นเป่ยอ๋องและพระชายาแห่งต้าฉีใช่หรือไม่?!“เจ้าเดาถูกแล้ว ข้าคือพระชายาเจิ้นเป่ยอ๋องจริง ๆ และคนที่อยู่ข้าง ๆ ข้า ก็คือเจิ้นเป่ยอ๋อง ศัตรูตัวฉกาจของพี่ชายเจ้า”กู้หว่านเยว่ยิ้มเล็กน้อย ช่วยไขข้อข้องใจให้เขาด้วยความใจดี ถึงอย่างไรเหยลวี่หมิงก็ต้องตายอยู่แล้ว กู้หว่านเยว่จึงไม่รังเกียจที่จะบอกความจริงกับเขาคราวนี้ เหยลวี่หมิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป“ซูจิ่งสิง กู้หว่านเยว่ เป็นพวกเจ้าจริง ๆ !”พระเจ้า ทั้งสองคนนี้เพิ่งจะมาที่แคว้นทูเจวี๋ย ก็ก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้แล้วทันใดนั้น เขาเริ่มสงสัยว่าพี่ใหญ่วางกับดักล่อพวกเขามาที่นี่ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องจริง ๆ หรือ?คงไม่ใช่การเชื้อเชิญหมาป่าเข้าบ้านหรอกนะ?กู้หว่านเยว่ไม่ลังเลที่จะปล่อยหมัดใส่เหยลวี่หมิงอย่างไร้ความปรานี จนอีกฝ่ายตาพร่ามัวไปหมด“ข้าถามเจ้า ซูจิ่นเอ๋อร์และฟู
กู้หว่านเยว่เอ่ยถามด้วยความสงสัย เสี่ยวถ่านยิ้มอย่างขมขื่น“เรื่องนี้ค่อนข้างยาว พวกเราถูกคนใส่ร้าย เสด็จแม่ของข้า...นางถูกฆ่าตาย ข้าหนีรอดออกมาได้อย่างยากลำบาก”เมื่อพูดถึงเสด็จแม่ เสี่ยวถ่านขอบตาแดงก่ำพยายามฝืนเช็ดน้ำตา ไม่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมากู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ทันที ก่อนหน้านี้นางและซูจิ่งสิงได้ยินจากตอนที่อยู่ในห้องของเหยลวี่หมิงว่า เสด็จแม่ขององค์หญิงเก้าถูกไฟคลอกตายแล้วมีเพียงองค์หญิงเก้าเท่านั้นที่หนีรอดออกมาได้ฟังจากน้ำเสียงขององค์หญิงเก้าแล้ว เสด็จแม่ของนางน่าจะเป็นราชินีของกษัตริย์ทูเจวี๋ย ราชินีผู้สูงศักดิ์กลับถูกไฟคลอกตาย ส่วนองค์หญิงก็ถูกตามล่า พวกเขาทำผิดอะไรกันแน่?ถึงแม้ว่านางจะมีข้อสงสัยมากมายในใจ แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะซักถาม ทหารข้างล่างกำลังจะล้อมพวกเขาขึ้นมาแล้ว“ไว้ค่อยอธิบายให้ข้าฟังทีหลัง ตอนนี้ เราต้องหนีออกไปจากที่นี่ก่อน”กู้หว่านเยว่ใช้สันมือสับไปที่คอของเสี่ยวถ่าน จากนั้นก็โบกมือ เก็บนางเข้าไปในมิติ“ท่านพี่ เราไปหาเหยลวี่หมิงกันเถอะ!”เหยลวี่หมิงอยากจะตามล่าพวกเขามิใช่หรือ เช่นนั้นพวกเขาก็จะสั่งสอนเขาสักหน่อย“ตกลง” ซูจิ่ง