“นางโง่ เจ้าสมควรมองนางดื่มลงไปเอง!”ขมับมู่หรงอวี้เต้นตุบๆ หากมิใช่เพราะเขาไม่ตีผู้หญิง ขาต้องเตะออกไปแล้วเป็นแน่“ท่านอ๋อง...”“ไสหัวไป ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า”หันหน้า เผชิญหน้ากับใบหน้าหลงใหลของฮูหยินผู้เฒ่าซู“ท่านอ๋อง ให้ข้าปรนนิบัติท่านเถอะ”“โอ๊ย!” ความรังเกียจของมู่หรงอวี้พลุ่งพล่านขึ้นมาแล้ว ทันใดนั้นพ่นโลหิตออกมาหนึ่งคำ ล้มลงกับพื้นไม่ลุกขึ้นอีก“ท่านอ๋อง ท่านอย่าทำให้ข้าตกใจเลย!”ฟู่เยียนหรานถลันขึ้นไปว่องไวปานเหินบิน ประคองกายมู่หรงอวี้ เห็นมู่หรงอวี้หลับตาสนิท นางรีบพูด“แย่แล้ว ท่านอ๋องตายแล้ว!”“ข้า ยังไม่ตาย!” มู่หรงวี้ยกมือขึ้น เหตุใดก่อนนี้เขาคิดว่าฟู่เยียนหรานฉลาดกันนะ?ฟู่เยียนหรานถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ไม่ตายก็ดีแล้ว พวกเจ้ายังเหม่ออันใด รีบพาฮูหยินผู้เฒ่าไปทิ้งไกลๆ!”องครักษ์รีบนำตัวฮูหยินผู้เฒ่าไปโยนคืนกลุ่มนักโทษถูกเนรเทศ ฮูหยินผู้เฒ่าถูกหนอนกู่คู่รักควบคุมไว้ สูญเสียสติปัญญา ปากยังร้องตะโกน “ท่านอ๋อง เอ็นดูข้าเถอะ!”“ท่านแม่ นี่ท่านทำผิดศีลธรรมเกินไปแล้ว” ซูหัวหยางที่แต่ไหนแต่ไรมากตัญญูต่อมารดามิอาจอดกลั้นไหว หยิบท่อนไม้ใหญ่ตีฮูหยินผู้เฒ่าจนหมดสติไป
มองเห็นมู่หรงอวี้นอนบนลาเทียมเกวียน มือสองข้างจับขาไว้แน่นๆ สีหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด“ขาของข้า ขาของข้าเจ็บเหลือเกิน!”“ท่านอ๋อง” องครักษ์รีบคุกเข่าที่ฝั่งหนึ่ง“ลั่วยาง ไปช่วยข้าพาลั่วยางมา เร็วเข้า!” มู่หรงอวี้ร้องเจ็บปวดทรมานองครักษ์รีบเอ่ย “ท่านอ๋องท่านลืมไปแล้ว คฤหาสน์หลวงถูกปล้น เซียนแพทย์น้อยล่วงหน้าไปหนึ่งก้าว พูดว่ารอท่านที่ปิงโจว”“โอ๊ย!”มู่หรงอวี้ร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวดทรมาน “ลั่วยางถอนพิษให้ข้าแล้วมิใช่หรือ เหตุใดขาของข้ายังเจ็บปวดเพียงนี้ ข้าทนไม่ไหวแล้ว!”เพราะเจ็บปวดมากเกินไป ขาของเขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีก บัดนี้ไม่ต่างจากคนพิการฟู่เยียนหรานถามองครักษ์ “ลั่วยางเป็นใคร?”“หมอหลวงหญิงของท่านอ๋อง เป็นศิษย์ของปรมาจารย์แพทย์”“อ้อ” ฟู่เยียนหรานพยักหน้า ก็แค่หมอหญิงคนหนึ่งเท่านั้น นางไม่เก็บมาใส่ใจรีบมาหาข้างกายมู่หรงอวี้ จับมือของเขาพลางปลอบ “ท่านอ๋อง ท่านอดทนก่อน รอถึงปิงโจวแล้วหมอหญิงลั่วต้องรักษาท่านจนหายดีได้เป็นแน่”“ไสหัวไป!”มู่หรงอวี้ตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด ความเจ็บปวดบนขา ทำให้เขาระเบิดอารมณ์ฟู่เยียนหรานถูตะคอกถอยกลับไปหลายก้าวอย่างโศกเศร้า
ทุกคนรับถุงมือ เร่งเดินทางไปพลางเก็บกระบองเพชรไปพลาง กระบองเพชรมีมากมาย เก็บไม่หมด แม้แต่นักการเองก็หักออกเป็นสองซีกครั้นถึงเวลากินข้าว กู้หว่านเยว่ก่อกองไฟ หยิบกริชออกมาเล่มหนึ่ง ปอกเปลือกหนามแหลมคมภายนอกของกระบองเพชรออก จากนั้นวางย่างบนกองไฟ“นี่สามารถกินได้หรือ?”“เรื่องอะไรจะกินไม่ได้?”กู้หว่านเยว่หยิบยี่หร่าเครื่องปรุงสำหรับย่างจากลาเทียมเกวียนและโรยลงไป ย้อนคิดถึงชาติก่อนยามนางไปเที่ยวเม็กซิโก อาหารเลิศรสประจำถิ่นก็คือกระบองเพชรย่างนี่ล่ะ“มา มาชิมดู”กู้หว่านเยว่แบ่งกระบองเพชรหลายแท่งให้คนในครอบครัว จากนั้นเรียกนักการและเหล่านักโทษถูกเนรเทศมากินทีแรกทุกคนยังคล้ายเชื่อคล้ายไม่เชื่อ แต่กัดเข้าไปหนึ่งคำแล้วรสชาติเย็นสบาย ผสมกับเครื่องปรุงสำหรับย่าง มีรสชาติดีเป็นพิเศษ ทันใดนั้นครองใจของทุกคนแล้ว“กระบองเพชรนี้กินได้จริง! รสชาติแปลกมาก!”“แม้ว่าแปลก กลับกินไม่ยาก ยังรสดีแปลกๆ อีกด้วย”ทุกคนต่างพากันพูด เพราะกระบองเพชรมีน้ำ สามารถชดเชยน้ำได้พอดี ดังนั้นจึงกินอย่างเอร็ดอร่อย“ดีเหลือเกิน กระบองเพชรนี้สามารถชดเชยน้ำได้ พวกเราไม่ต้องกังวลจะกระหายน้ำตายแล้ว”“แม่นางกู้ เ
เหล่าองครักษ์แต่ละคนเองก็หิว ยังถูกเขาทุบตีไปทั้งตัวอีก“ท่านอ๋องนับวันยิ่งวิปริต ข้าทนไม่ไหวแล้ว!”“ซวยจริงเชียว ติดตามเจ้านายเช่นนี้...”องครักษ์บ่นตำหนิเบาๆ เป็นการส่วนตัว“ชู่ว์ เจ้าไม่อยากมีชีวิตแล้ว ท่านอ๋องได้ยินต้องฆ่าเจ้าเป็นแน่”องครักษ์อีกคนเอ่ยเตือน คนอื่นอีกสองสามคนหุบปากลงในทันใด กลับรู้สึกอึดอัดคับข้องใจภายในใจรุ่งอรุณวันต่อมา มู่หรงอวี้หิวกระหายมากเกินไป เบ้าตาลึกอิดโรยเป็นพิเศษกอปรกับทั้งตัวล้วนคือทรายเหลืองและฝุ่น พูดว่าเขาเป็นขอทานก็ไม่เกินจริงตรงข้ามกับพวกกู้หว่านเยว่ เพราะกินกระบองเพชรอิ่มไปหนึ่งมือ มีชีวิตชีวาอย่างมาก เปล่งเสียงหัวเราะมีความสุข“ข้าโมโหยิ่งนัก!”มู่หรงอวี้นอนบนลาเทียมเกวียน หิวจนไม่มีแรงด่าแล้วเขาลืมตาขึ้น มองท้องฟ้า “ท่านย่าทวด ข้าคล้ายมองเห็นท่านย่าทวดของข้าแล้ว...”องครักษ์ “....”ทันใดนั้น จางเอ้อร์ร้องตะโกนเสียงดัง “พวกเจ้าดู ข้างหน้ามีป่ามะกอกทะเลทรายผืนหนึ่ง!”ป่ามะกอกทะเลทรายนี้ เพียงมองดูก็รู้ว่ามีคนปลูกไว้ เห็นทีพวกเขาอยู่ห่างจากหมู่บ้านและเมืองไม่ไกลแล้ว“ดียิ่งนัก ในที่สุดพวกเราก็ออกจากทะเลทรายแล้ว” ทุกคนเดินทางมาอย่
“ช้าก่อน พวกเจ้าบ่าวชั่วเหล่านี้ ข้ายังอยู่ข้างหลังนะ!”มู่หรงอวี้บนลาเทียมเกวียนว้าวุ่นลนลานองครักษ์สองสามคนสบตากันแวบหนึ่ง ย้อนคิดถึงวันที่ถูกมู่หรงอวี้ด่าว่าทุบตี ถึงขั้นไม่มีใครกลับไปแม้คนเดียวมู่หรงอวี้ขยับเขยื้อนไม่ได้อยู่แล้ว เห็นสุนัขเหล่านั้นปรี่ถลามาทางตนเอง ตกใจร้องตะโกน“โอ๊ย ๆ ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย!”สุนัขเหล่านั้นฟังไม่เข้าใจภาษามนุษย์ พวกมันรู้เพียงว่าต้องลงโทษหัวขโมย ต่างพากันกระโดดขึ้นลาเทียมเกวียน กัดตัวมู่หรงอวี้ชนิดที่ว่ากางเกงมู่หรงอวี้ถูกดึงลงมาแล้ว เผยบั้นท้ายขาวๆ สองก้อนพวกกู้หว่านเยว่ที่อยู่ภายนอกป่ามะกอกทะเลทรายเกือบหัวเราะตายไปแล้ว“เห็นหรือไม่จิ่นเอ๋อร์ นี่ก็คือจุดจบของการลักขโมยของ”“เห็นแล้วๆ” ซูจิ่นเอ๋อร์ผลิยิ้ม “มู่หรงอวี้คนนี้แปลกมากจริงๆ ใกล้ถูกสุนัขกัดตายแล้ว”“ท่านอ๋อง!”ตอนนี้เอง ร่างอรชรแบบบางของฟู่เยียนหรานปีนขึ้นเกวียนภาพนี้ตกอยู่ในสายตาของกู้หว่านเยว่ กลับทำให้นางเลิกคิ้วอย่างแปลกใจฟู่เยียนหรานเป็นตัวโง่งม แต่กลับมีความเด็ดเดี่ยว นี่ก็ไม่หนีไป“ท่านอ๋อง ข้ามาช่วยท่านแล้ว ข้าไม่มีวันทอดทิ้งท่าน!”ฟู่เยียนหรานมองมู่หรงอวี้อย่า
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย กู้หว่านเยว่ก็รีบเงยหน้าขึ้นมองซ่งเสวี่ยกำลังเปิดม่านรถม้า มองนางด้วยรอยยิ้มเทียบกับเมื่อไม่กี่วันก่อน กำลังกายของนางฟื้นตัวขึ้นมามากแล้ว ดูเหมือนว่าช่วงไม่กี่วันนี้ นางจะดูแลตัวเองอย่างดี ปฏิบัติตามเทียบยาที่นางทิ้งไว้ให้ซุนอู่เหลือบมองมาทางนี้ เมื่อเห็นว่าซ่งเสวี่ยปลอดภัยดีก็รีบหันกลับไป“พี่หญิงซ่ง ฝีเท้าของพวกท่านเร็วดีนะเจ้าคะ” กู้หว่านเยว่ถอนหายใจซ่งเสวี่ยยิ้มและพูดว่า “ต้องรีบกลับบ้าน ระหว่างทางเลยไม่ได้หยุดพัก พวกเจ้าจะเข้าเมืองหรือ?”“อืม” กู้หว่านเยว่พยักหน้า “เสียงที่มีพวกข้ากินหมดระหว่างทางแล้ว จึงคิดจะเข้าเมืองไปซื้อเสบียงมาเติมสักหน่อย ถือโอกาสพักสักคืนแล้วค่อยออกเดินทาง”“เช่นนั้นก็ดียิ่ง”ซ่งเสวี่ยปรบมือแล้วพูดว่า“ครอบครัวแม่สามีของข้าอยู่ที่เมืองปิงโจว ไม่สู้พวกเจ้าไปพักที่บ้านข้า ให้ข้าตอบแทนให้ดีสักหน่อย?”กู้หว่านเยว่ลังเล อย่างไรเสีย เรื่องนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่นางสามารถตัดสินใจได้แต่หากพวกเขาสามารถเข้าไปในตระกูลโจวได้จริง ย่อมต้องได้พบโจวเหล่าแน่ ขอเพียงแค่ได้พบโจวเหล่า ความลับของประสบการณ์ที่ซูจิ่งสิงต้องเผชิญก็จะได้รับการค
“เสวี่ยเอ๋อร์กับหลานสาวข้ากลับมาแล้ว!”เมื่อพูดเช่นนั้น ทั้งสองคนก็วางเรื่องมู่หรงอวี้เอาไว้ รีบเดินมาทักทายคนถึงรถม้าซ่งเสวี่ยสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ อุ้มเด็กไว้ในอ้อมแขนโดยมีแม่นมฉินช่วยประคอง เมื่อได้เห็นหน้าโจวเหล่าและฮูหยินผู้เฒ่าโจว นางก็ร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่“ท่านพ่อ ท่านแม่”“เด็กดี เด็กดี” ฮูหยินผู้เฒ่าโจวรับเด็กในอ้อมแขนของซ่งเสวี่ยมาอุ้ม รู้สึกสงสารอยู่พักหนึ่งจากนั้นก็จับมือของซ่งเสวี่ย พูดด้วยตาสีแดงก่ำว่า “ได้ยินว่าเจ้าคลอดลูกในทะเลทราย รอดตายมาได้หวุดหวิด ข้าขอบคุณเจ้าแทนทั้งตระกูลโจว ที่มีรุ่นหลังไว้ให้เยี่ยนเอ๋อร์”เมื่อพูดถึงโจวเยี่ยน ซ่งเสวี่ยก็ดูเศร้าเล็กน้อยแต่นางก็รีบปลุกใจ ตอนนี้นางมีเหนี่ยวเหนี่ยวแล้ว จะต้องกลัวอะไรอีก?“ใช่แล้ว ท่านพ่อท่านแม่ นี่คือแม่นางน้อยกู้ เป็นนางที่ทำคลอดให้ข้า ช่วยข้ากับลูกเอาไว้เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่ก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างาม รับความเอ็นดูจากโจวเหล่าและฮูหยินผู้เฒ่าโจวซ่งเสวี่ยไม่ต้องพูดอะไร ฮูหยินผู้เฒ่าโจวก็เสนอให้นางพักอาศัยอยู่ในบ้านก่อน รับรองนางอย่างดี ไม่มีท่าทางรังเกียจนางในฐานะนักโทษแต่อย่างใดหลังจากได้พูดคุ
ฉากนี้ทำให้กู้หว่านเยว่ไม่ทันตั้งตัว ฮูหยินผู้เฒ่าโจวเป็นโรคหัวใจหรือ?“ฮูหยิน?”โจวเหล่าก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เรียกฮูหยินผู้เฒ่าโจวไม่หยุด เมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เขาจึงรีบสั่งให้คนมาประคอง ย้ายนางไปที่สวนหลังบ้าน“ตามหมอมา!”ทุกคนในตระกูลโจวต่างตกตะลึงมู่หรงอวี้แสดงรอยยิ้มอย่างชอบใจจากด้านหลัง “ดี ดียิ่ง ถึงตาเขาลงมือแล้ว”“ลั่วยางมาหรือยัง?”“หมอเซียนน้อยรออยู่ข้างนอกแล้วเจ้าค่ะ”“เรียกนางเข้ามา ตามข้าไปหาฮูหยินผู้เฒ่าโจว”มู่หรงอวี้รีบเดินไปในทิศทางที่โจวเหล่าจากไป“ท่านอ๋อง รอข้าด้วยเจ้าค่ะ”ฟู่เยียนหรานยกมือปิดแขน สุดแสนเสียใจ นางถูกสุนัขกัดทั้งยังไม่ได้ทำแผล ทำไมไม่มีใครสนใจนางเลย?เดิมทีซ่งเสวี่ยกำลังจะพักผ่อน แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ย่อมไร้กะจิตกะใจจะนอน จึงรีบเดินไปที่สวนหลังบ้านพร้อมกับทุกคนอย่างรวดเร็ว“น้องหญิงกู้ แม่สามีข้าล้มป่วยกะทันหัน ข้าต้องไปดูนางสักหน่อย ประเดี๋ยวจะให้แม่นมฉินพาเจ้าไปที่ห้องรับแขก ต้องขอโทษที่ต้อนรับบกพร่องด้วย”ซูจิ่นเอ๋อร์พูดอย่างไม่ใส่ใจ “พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าเป็นหมอเทวดา ให้นางลองดูสิเจ้าคะ”“จิ่นเอ๋อร์!”
“ดูสิว่าพวกเขาจะทำอะไร”นางเอ่ยเสียงเบา ปรมาจารย์แพทย์รีบข่มอารมณ์ลงทันทีกระทั่งเห็นการเคลื่อนไหวตรงหน้าต่าง ดูเหมือนจะมีคนแอบดูสถานการณ์ด้านในผ่านช่องว่างของหน้าต่าง“คุณชาย ไม่มีใครเลยขอรับ”หนึ่งในบุคคลปริศนากล่าวเสียงต่ำ จากนั้นเงาดำสองร่างก็กระโดดเข้ามาจากหน้าต่างเป็นสวีซวี่รื่อ บุรุษผู้นี้แอบเข้ามาในโรงหมอ ข้างกายของเขาก็น่าจะเป็นลูกศิษย์ของสำนักเทียนจี“รีบหาของนั้นเร็วเข้า”เห็นได้ชัดว่าสองคนนั้นรออยู่ด้านนอกนานมากแล้ว ทันทีที่เข้ามาก็พุ่งหาเป้าหมายทันใด“ดูเหมือนจะอยู่ในอ่างไม้”ลูกศิษย์คนนั้นเดินมายังอ่างไม้ ใบหน้าของปรมาจารย์แพทย์เริ่มฉายแววลำพองใจ แต่เมื่อได้ยินลูกศิษย์ผู้นั้นก็พลันขมวดคิ้ว“เหม็นยิ่งนัก!”ในอ่างไม้มีเพียงเลือดที่มีกลิ่นเหม็นเน่า สวีซวี่รื่อเห็นแล้วแทบจะอาเจียนออกมาในทันที รีบโบกมือไล่กลิ่น“รีบไปหาตรงอื่นเถอะ”สวีซวี่รื่อกลัวว่ากู้หว่านเยว่จะกลับมาอีกครั้ง จึงต้องเร่งมือเป็นสองเท่า“ต้องหาก้อนเนื้อนั้นให้ได้ แล้วนำกลับไปให้คนของสำนักเทียนจีดู”ทั้งสองคนเปิดตู้ค้นหา กู้หว่านเยว่ได้ยินถึงตรงนี้แล้วก็รู้ทันทีว่าสวีซวี่รื่อคนนี้มาทำไมครั้นเห
“เด็กโง่”ปรมาจารย์แพทย์พุ่งเข้ามา เขารีบห้ามเลือดให้ไป๋หลี่ชิงซีอย่างเร่งด่วนแต่ก็ไม่สามารถห้ามได้ทั้งหมด“คุณชายไป๋หลี่เป็นอย่างไรบ้าง?”กู้หว่านเยว่กล่าวพลางรุดเข้ามาข้างเตียง จากนั้นก็เปิดเสื้อของเขา และตรวจร่างกายให้เขาหลี่เหมียนหยางอยากจะกล่าวบางอย่าง แต่สถานการณ์กำลังตึงเครียด จึงรีบปิดปากอีกครั้ง“เลือดออกในช่องท้อง ต้องรีบนำก้อนเนื้อนั้นออกมาโดยเร็วที่สุด”ปรมาจารย์แพทย์บอกผลตรวจของเขา ซึ่งเหมือนกับผลตรวจของกู้หว่านเยว่นางเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก “คงจะรอหลังจากนี้อีกเจ็ดแปดวันไม่ได้แล้ว ต้องเริ่มผ่าตัดตอนนี้”เดิมทีนางอยากให้ลั่วยางมาเรียนรู้ด้วย เนื่องจากเคยตกปากรับคำกับปรมาจารย์แพทย์ไปแล้ว กู้หว่านเยว่จะไม่พาใครเข้าไปในห้วงมิติ ต้องทำการผ่าตัดด้านนอกโชคดีที่ในตอนที่ออกมา กู้หว่านเยว่ได้ให้หงเจาเข้าไปหยิบกล่องยาในจวนกู้ออกมาด้วยทันทีที่นางพูดกับปรมาจารย์แพทย์จบ หงเจาก็มาถึงพอดี“ฮูหยิน กล่องยาของท่าน”“วางลงเถอะ”กู้หว่านเยว่เปิดกล่องยา ภายในกล่องยามีมีดผ่าตัดและอุปกรณ์ฆ่าเชื้อที่นางเตรียมเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว“ปรมาจารย์แพทย์เฒ่า วันนี้เกรงว่าต้องรบกวนท่านเป็นลู
กู้หว่านเยว่คอยอยู่เป็นเพื่อนไม่นาน ครั้นเห็นว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว จึงรีบกลับเข้ามาในงานเลี้ยง“หนึ่งคำนับฟ้าดิน”“สองคำนับพ่อแม่”“สามคำนับกันและกัน”เกาโจวและฮูหยินผู้เฒ่าเกาคลี่ยิ้มอย่างจริงใจ “ดี ๆ โจวเซิง ต่อไปนี้เจ้าต้องดีกับเสวี่ยเอ๋อร์ให้มาก ๆนะ!”ผู้เฒ่าทั้งสองได้รับซ่งเสวี่ยเป็นบุตรสาวบุญธรรมแล้ว บัดนี้ซ่งเสวี่ยก็คือลูกสะใภ้ของพวกเขา และเป็นบุตรสาวของพวกเขา หลังจากนี้ยังต้องอาศัยอยู่กับผู้เฒ่าทั้งสองคน“โปรดวางใจ ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าไม่มีวันทำร้ายเสวี่ยเอ๋อร์!” ใบหน้าของโจวเซิงเปี่ยมไปด้วยความสุขผลการสอบเข้าชิงตำแหน่งขุนนางเขายังไม่ดีใจเท่าตอนนี้“ส่งตัวเข้าหอ” ทันทีที่สิ้นสุดเสียงของเจ้าพิธี บ่าวสาวได้ถูกส่งตัวเข้าหอ ทั้งจวนสกุลโจวพากันครึกครื้นยิ่งกว่าเดิม“น้องหญิง”จู่ ๆ ซูจิ่งสิงก็กุมมือของกู้หว่านเยว่ อาจจะเป็นเพราะดื่มสุราไปแล้วสองจอก แก้มของเขาถึงได้แดงระเรื่อ“ยังจำสิ่งที่ข้าเคยพูดกับเจ้าได้หรือไม่ ว่าข้าอยากจัดงานแต่งใหญ่โตให้เจ้า”กู้หว่านเยว่จำได้ในทันที นี่คือตอนที่พวกเขาสองคนกำลังตามหาสมุนไพรอยู่ในจวนหลงชวน ในงานแต่งของเหยาฮุ่ยซิน ซูจิ่งสิงเป็นฝ่ายเอ
หลังจากออกไป กู้หว่านเยว่ก็เกิดความวิตกกังวลซูจิ่งสิงพยักหน้า และถูปลายนิ้วพลางกล่าว “เขาและจิ่นเอ๋อร์ยังไม่เคยอยู่ด้วยกันเลย”“เพราะเหตุใด?”กู้หว่านเยว่ไม่กล้าเชื่อ เห็นได้ชัดว่าสองคนนี้รักกันมากแต่หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงได้เข้าใจ บางทีอาจเป็นเพราะฟู่หลานเหิงรักซูจิ่นเอ๋อร์มาก ทนเห็นนางเดือดร้อนไม่ได้จึงไม่ยอมอยู่กับนาง เพราะกังวลเรื่องลูก“แต่น้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์นี้มีผลต่อร่างกายของเขา”กู้หว่านเยว่เองก็ไม่กล้ามั่นใจมากนัก นางจึงหาเวลาเข้าไปดูสัตว์น้ำแข็งภายในห้วงมิติแวบหนึ่งหากน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ช่วยอาการป่วยของฟู่หลานเหิงไม่ได้ นางก็ควรต้องพิจารณาเรื่องที่จะพาสัตว์น้ำแข็งไปให้ทูเจวี๋ยเพื่อตามหาดอกไม้น้ำแข็งนิลนางคงจะทนเห็นซูจิ่นเอ๋อร์กลายเป็นแม่หม้ายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้อีกทั้งฟู่หลานเหิงเองก็เป็นสหายที่ดีของพวกเขากู้หว่านเยว่เก็บความคิดนี้ไว้ในใจก่อน ทั้งสองคนกลับมาถึงจวน เวลาล่วงเลยผ่านไปไม่นานก็เข้าสู่วันมงคลสมรสของซ่งเสวี่ยเนื่องจากเป็นการแต่งงานครั้งที่สอง ซ่งเสวี่ยไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่จนเกิดเป็นคำครหา ในวันแต่งงาน กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงมาถึงง
ทางฝั่งของกู้หว่านเยว่ทันทีที่ลงมาจากหอ ก็เจอกับเกาเจี้ยนและลั่วยางที่ยืนอยู่ด้วยกันพอดี อย่าพูดเชียวว่าสองคนนี้ช่างเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย“พระชายา”เกาเจี้ยนพุ่งเข้าไปกล่าวทักทายกู้หว่านเยว่ ร่างกายของเขาฟื้นตัวแทบจะสมบูรณ์แล้ว “อื้อ”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ลั่วยางกล่าวอย่างตื่นเต้น “พี่หญิงกู้ ท่านมาพอดี เกาเจี้ยนบอกว่าเจอหญ้าไป๋เซียงปรากฏอยู่บนภูเขาเทียนสุ่ย ข้าอยากไปดูเจ้าค่ะ”หญ้าไป๋เซียงอย่างนั้นหรือ ในห้วงมิติของนางมีเยอะแยะ“เจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่กล่าวเตือนอย่างห่วงใย“หลังจากครึ่งเดือนไปแล้ว ต้องทำการผ่าตัดให้ไป๋หลี่ชิงซี หากเจ้าอยากดู ก็รีบกลับมาก่อน”“พี่หญิงกู้ ท่านช่างแสนดียิ่งนัก”ลั่งยางซาบซึ้งใจมาก จริง ๆ แล้วนางกลัวว่าตัวเองจะพลาดวันที่กู้หว่านเยว่ทำการผ่าตัดให้ไป๋หลี่ชิงซีมาก ถึงอย่างไรนั้นก็เป็นโอกาสจะได้เรียนรู้อันหาได้ยากยิ่ง“วันนี้เราออกเดินทางกันเถอะ”เกาเจี้ยนเป็นฝ่ายกล่าวเอง บอกว่าจะรีบไปรีบกลับ“ได้โปรดพระชายาช่วยพูดกับท่านอ๋องให้ข้าสักหน่อย บอกว่าข้าไปภูเขาเทียนสุ่ยขอรับ”กู้หว่านเยว่คิดไม่ถึงว่าเขาเองก็อยากไป เกาเจี้ยนรีบอธิบาย “ลั่วยางไม่รู
“จะต้องเป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน”สวีซวี่รื่อยิ้มเยาะอย่างเยือกเย็น“ท้องของเขาเป็นเช่นนั้นนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ หลายปีมานี้กลับยิ่งอยู่ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นก้อนเนื้อประหลาดอะไรสักอย่างก็ได้”สิ่งที่สวีซวี่รื่อคิดก็ถูก ท้องของไป๋หลี่ชิงซีจะต้องมีก้อนเนื้อประหลาดอย่างแน่นอนอีกทั้งหุบเขาราชาโอสถก็ช่วยเขาปกปิด ไม่แน่ว่าอาจต้องการผ่าเอาก้อนเนื้อประหลาดในท้องของเขาออกมาก็ได้ตราบใดที่เขาได้ก้อนเนื้อประหลาดนั้นมาครอบครอง มันจะถูกส่งไปยังสำนัก และเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชนดูสิว่าไป๋หลี่ชิงซีผู้นั้นจะยังยืนอยู่บนสำนักเทียนจีได้อย่างไร “ขอบใจเจ้ามาก” ใบหน้าของไป๋หลี่ชิงซีที่อยู่ในห้องมีสีแดงระเรื่อเล็กน้อย พลางกล่าวขอบคุณกู้หว่านเยว่“ไม่ต้องเกรงใจ ปกป้องความลับของผู้ป่วย เป็นสิ่งที่คนเป็นหมอควรทำ”กู้หว่านเยว่เพียงแต่ทนเห็นหน้าของสวีซวี่รื่อไม่ได้“ดังนั้นที่เจ้าพูดอยู่ด้านนอกเมื่อครู่นี้ เป็นความจริงใช่หรือไม่?”หลี่เหมียนหยางกล่าวถามอย่างร้อนใจ สิ่งที่นางถามเกี่ยวข้องกับไป๋หลี่ชิงซี“เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง เรื่องของก้อนเนื้อที่อยู่ในท้องเป็นเรื่อง
“ได้สิ ข้าจะรอเจ้า”กู้หว่านเยว่กำลังกลุ้มใจที่ไม่รู้ผู้ที่หนุนหลังเขา ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายพูดออกมาเอง ถ้างั้นอย่าโทษนางที่ตามไปแก้แค้นละเดิมทีคิดว่าสั่งสอนพวกเขาสักยกแล้วจะปล่อยไป ในเมื่อกล้าข่มขู่นาง ถ้างั้นจัดการเสียทั้งหมดเลยดีกว่ากู้หว่านเยว่ลงมือโดยการโปรยผงยาพิษไปบนตัวพวกเขา อีกไม่นาน คนพวกนี้ก็จะตายกะทันหันเมื่อเห็นรอยยิ้มประหลาดของหญิงสาว เถียนจวิ้นรู้สึกเหมือนตัวเองพูดผิดไป สูญเสียบางสิ่งที่สำคัญ จึงรีบพาพวกพ้องหนีไปกู้หว่านเยว่กลับไปในขบวนเนรเทศอีกครั้ง“แม่นางน้อยกู้ ยอดเยี่ยมมาก!”“แม่นางกู้น้อย ผดุงความยุติธรรมแทนสวรรค์ เจ้าช่างร้ายกาจนัก!”หลายคนทยอยยกนิ้วหัวแม่มือขณะนี้ ฟู่เยียนหรานมาถึงตรงหน้านางกะทันหัน ขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น“กู้หว่านเยว่ เจ้าเป็นนักโทษเนรเทศยังกำเริบเพียงนี้ ถึงกับทำร้ายเจ้าหน้าที่ทางการ เกิดนำความเดือดร้อนมาให้ทุกคนจะทำอย่างไร?”ไม่แน่อาจทำให้สถานะของนางเปิดเผยไปด้วย“ความหมายของเจ้าคือ ข้าควรถูกเจ้าหน้าที่ทางการพวกนั้นเกี้ยวหรือ?”กู้หว่านเยว่แค่นหัวเราะคนเช่นนี้อยู่รอดไปจนถึงตอนสุดท้ายของหนังสือได้อย่างไรกัน?ฟู่เยียนหรานขมวดคิ้ว “ข้
ทันใดนั้นมีเจ้าหน้าที่ทางการหนุ่มกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกหลังจากฟู่เยียนหรานเห็นเจ้าหน้าที่ทางการ สีหน้าเผยความหวาดกลัว รีบพาฟู่ซานไปหลบหลังบ่อน้ำจนกระทั่งแน่ใจว่าเจ้าหน้าที่ทางการเหล่านี้ไม่ได้มาหานาง จึงโล่งอกกู้หว่านเยว่เองก็สังเกตเห็นเจ้าหน้าที่เหล่านั้น แต่ดูเหมือนพวกเขาจะมาหาครอบครัวชาวนาเจ้าหน้าที่เตะข้าวเปลือกจนหงาย “รีบจ่ายภาษีของเดือนนี้เร็วเข้า”ครอบครัวของชาวนาเฒ่าควักเงินออกมาจ่ายด้วยสีหน้าขมขื่น“แค่หนึ่งตำลึงหรือ?”“เดือนที่แล้วก็หนึ่งตำลึงไม่ใช่หรือ...”ลูกชายชาวนากล่าวขึ้นหนึ่งคำ จากนั้นถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายทันที“เดือนนี้ขึ้นราคาแล้ว เป็นสองตำลึงเงิน เร็วเข้า ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าได้เห็นดีกันแน่!”สองสามีภรรยาเฒ่าขอร้องไปด้วย พลางไปหยิบเงินทั้งหมดในบ้านออกมา เศษเงินพวกนั้นพอจะรวมกันจนครบสองตำลึงเงิน“ต้องอย่างนี้สิ ครั้งหน้ายอมจ่ายแต่โดยดีละ!”เจ้าหน้าที่เอาเงินแล้ว เตรียมหันหลังจากไป แต่กลับถูกกู้หว่านเยว่ที่ยืนอยู่ในโรงเก็บหญ้าดึงดูดผิวขาวดุจหิมะ เรือนร่างอ่อนช้อย ทั่วทั้งอำเภอหลานเจียก็ไม่มีคนงามเช่นนี้เจ้าหน้าที่มองดูจนตะลึง จากนั้นเดินเข้าไ
หากซูหัวจวิ้นกล้าหาเรื่องนาง นางก็คันไม้คันมือพอดี จะได้ระบายออกสักหน่อยซูจิ่นเอ๋อร์ยังคงเป็นห่วง ตั้งแต่หลี่ซือซือตายไป ท่านอาสี่เหมือนกลายเป็นบ้าไปแล้วคนบ้าคนหนึ่ง ใครจะไปรู้ว่าจะก่อเรื่องอะไรได้บ้าง?“พี่สะใภ้ใหญ่ อย่างไรท่านก็ต้องระวังตัว มีเรื่องใดก็ตะโกนได้เลย ข้าจะเข้าไปตีเขาให้ตาย!”“ข้าไม่เป็นไร เจ้าดูแลตัวเองกับท่านแม่ให้ดีก็พอ ข้าจะพาพี่ใหญ่เจ้าไปอาบน้ำ”ระหว่างพูดคุยกัน กู้หว่านเยว่แบกซูจิ่งสิงขึ้นหลัง แล้วพาเดินไปทางห้องครัวพอไปถึงห้องครัว ซูจิ่งสิงรีบลงมาบนพื้นอย่างว่องไว พร้อมสีหน้าเขินอาย“ข้าอาบเองได้”“อ่อ”กู้หว่านเยว่เองก็ไม่คิดจะช่วยเขาอาบ“ข้าจะเข้าไปอาบในมิติ ท่านอาบอยู่ข้างนอก อาบไปด้วยช่วยข้าดูต้นทางไปด้วยนะ”มิติหรือ? มันคือสิ่งใด?ซูจิ่งสิงกำลังสงสัย แล้วเห็นกู้หว่านเยว่ลงกลอนประตูห้องครัรว จากนั้นร่างกายสั่นไหว หายไปกลางอากาศ“กู้หว่านเยว่!”เมื่อหญิงสาวหายไปกะทันหัน ทำให้เขาปวดใจ กระทั่งกลัวว่านางจะไม่กลับมาอีกแล้วกู้หว่านเยว่เพิ่งเข้าไปในมิติ พลันได้ยินเสียงซูจิ่งสิงเรียกชื่อนางเสียงต่ำอยู่ข้างนอก“เรียกข้าทำไม?” นางรีบปรากฏตัวอย่างรวดเ