เมื่อคำโกหกถูกเปิดโปง กู้ชูหน่วนไม่ได้รู้สึกอับอายแม้แต่น้อย แต่กลับยิ้มกว้างขึ้น และพูดออกมาอย่างจริงใจทุกคำ"สวรรค์และโลกเป็นพยาน ข้าอยากให้เยี่ยเฟิงมอบแผนที่ให้เจ้าจริงๆ แต่ในมือเขาไม่มีแผนที่ ข้าเลยต้องมาขอโทษเจ้า""หากในมือเขาไม่มีแผนที่ แผนที่ก็ต้องอยู่ในมือเจ้าแน่ๆ""หากแผนที่อยู่ในมือข้า ข้าคงไปตามหาแก้วมังกรเองแล้ว จะต้องมารอเจ้าอยู่ที่นี่ทำไม"ดวงตาที่อ่อนโยนของเวินเส้าอี๋กวาดมองเล็กน้อย แล้วยิ้มเสียงเบา "เย่จิ่งหานล่ะ ไม่ได้มากับเจ้าหรือ?""ที่นี่ทั้งหนาวทั้งเปลี่ยว เขาเป็นท่านอ๋องผูเบอบบาง จะมาที่นี่ได้อย่างไร"เวินเส้าอี๋ไม่ได้พูดอะไร แต่ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อราวกับไม่อยากเสียเวลากับกู้ชูหน่วนอีก เวินเส้าอี๋จึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า "ให้เจ้าเลือกสองทาง ทางหนึ่งคือตาย อีกทางคือมอบกระดิ่งภินวิญญาณมา""แค่กระดิ่งแตกๆ อันหนึ่ง ถึงเจ้าได้ไป จะเกี่ยวข้องอะไรกับที่นี่ได้" กู้ชูหน่วนแบมือ"บนเขาสวินหลง จู่ๆ ก็มีแสงสีรุ้งปรากฏบนท้องฟ้า แสงนั้นทะลุขึ้นไปบนท้องฟ้า และในแสงนั้นมีเงาของกระดิ่งเลือนราง คนที่ตั้งใจมองสักหน่อยก็จะรู้ว่า นั่นคือแสงศักดิ์สิทธิ์ที่เกิด
เวินเส้าอี๋นิ่งเงียบ ดวงตาลึกซึ้งคู่นั้นจ้องมองกู้ชูหน่วนอย่างไม่ลดละ ราวกับจะมองทะลุนางทั้งหมดกู้ชูหน่วนปล่อยให้เขาจ้องมอง ภายนอกนางสงบนิ่ง แต่ในใจกลับรู้สึกขนลุกตั้งแต่ต้นจนจบ เวินเส้าอี๋ไม่ได้ทำอะไรที่เกินเลยกับนาง แต่ไม่รู้ทำไม เมื่อได้สัมผัสกับดวงตาคู่นั้นของเขา นางรู้สึกเหมือนไม่มีที่ให้หลบซ่อน ไม่มีอะไรที่ปิดบังเขาได้ดวงตาคู่นั้นเฉียบคมเหลือเกิน"เช่นนั้นยามนี้พาข้าไปที่ปากน้ำเต้าเถิด" ในที่สุดเวินเส้าอี๋ก็เอ่ยปากกู้ชูหน่วนถามอย่างหยั่งเชิง "แค่เจ้าคนเดียว? เจ้าไม่เรียกคนมาเพิ่มสักหน่อยหรือ?"นางจำได้ว่าในแผนที่บนกระดิ่งภินวิญญาณมีลูกศรสีแดงจำนวนมาก ลูกศรสีแดงเหล่านั้นไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร แต่นางรู้สึกรางๆ ว่าลูกศรสีแดงน่าจะเป็นสถานที่อันตรายอย่างยิ่งหากสามารถดึงดูดเผ่าหมอ เผ่าเทียนเฝิน หรือแม้แต่ชาวเขาตานหุยไปที่นั่นได้ บางทีอาจกำจัดทั้งหมดได้ในคราวเดียว"ข้าคนเดียว""นายน้อย ไม่ใช่ว่าข้าอยากพูดนะ เขาน้ำเต้านี่อันตรายรอบด้าน แม้เจ้าจะมีวิทยายุทธสูงส่ง แต่ก็ไม่แน่ว่าที่นี่จะไม่มีสุดยอดข่ายอาคม สัตว์ร้ายโบราณ หรือแม้แต่กลไกและอาวุธลับต่างๆ เจ้าพาคนไปเพิ่มอีกสักหน่อย
"ข้ารู้ตัวว่าผิดแล้ว นายน้อยโปรดให้อภัยข้าสักครั้งได้หรือไม่"กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างไร้เดียงสา เมื่อนางยกมือขึ้น เข็มเงินหลายสิบเล่มก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายลม วิ่งตรงไปยังเวินเส้าอี๋เวินเส้าอี๋ยิ้มเยาะ เพียงยกมือขึ้นเบาๆ อาวุธลับหลายสิบเล่มนั้นก็หล่นลงพื้นดังตึ้งๆ ๆแม้แต่ลูกดอกสามแฉกที่กู้ชูหน่วนปล่อยออกมาในภายหลังก็ยังหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็เห็นโค้งงอและหยุดนิ่งอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะหล่นลงพื้นพร้อมกับเสียงที่ดังขึ้น"ยังมีวิธีอะไรอีกหรือไม่ เอาออกมาให้หมด"สีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มสดใสขึ้น"ต่อหน้าเจ้า ข้าจะใช้วิธีอะไรได้อีกเล่า? แต่ข้ามีของล้ำค่าชิ้นหนึ่ง อยากจะมอบให้เจ้า"เมื่อคำว่ามอบหลุดออกมา กู้ชูหน่วนก็ยกมือขึ้นอีกครั้ง ลูกทรงกลมหลายสิบลูกก็ระเบิดออกทันที หลังจากที่ลูกบอลระเบิดออก ผงพริกก็กระจายไปทั่ว ทำให้คนน้ำตาไหล และบนยอดเขายังมีหมอกหนาทึบปรากฏขึ้นกู้ชูหน่วนหันหลังวิ่ง แต่วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว ข้อเท้าของนางก็ถูกจับไว้นางสะบัดมือกลับไป แต่ก็ถูกอีกฝ่ายควบคุมมือทั้งสองข้างไว้แน่น"ปัง ปัง ปัง......"ทั้งสองคนประมือกันหลายครั้ง
ล้อเล่นอะไร แม้ว่านางจะมีแกนผลึกหิมะอยู่ในตัว ก็คงทนรับมือกับทะเลโลหิตขนาดมหึมานี้ไม่ไหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเดินลุยข้ามไปเลยแม้แต่จะสร้างสะพานข้ามทะเลโลหิต ก็คงไม่มีสะพานที่ยาวขนาดนั้นบนโลกนี้หรอก ถึงจะมี สะพานที่ดีแค่ไหนก็คงละลายเพราะความร้อน"หากเจ้าไม่เชื่อ ข้าจะวาดแผนที่ทั้งหมดให้เจ้าดู ในหัวข้ายังพอมีความทรงจำอยู่บ้าง"กู้ชูหน่วนเอ่ยพลางหยิบกิ่งไม้แห้งๆ อันหนึ่งขึ้นมาวาดเขียนบนพื้นนางลบสัญลักษณ์ลูกศรบางส่วนออก และไม่ได้วาดแผนที่โดยรวมของเขาน้ำเต้าออกมาทั้งหมด แต่วาดออกมาเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้นเวินเส้าอี๋จ้องมองแผนที่ที่นางวาดอยู่ตลอดเวลากู้ชูหน่วนอาจจะไม่รู้ แต่เขาดูออกว่าสถานที่บางแห่งที่พวกเขาเคยเดินผ่านมา ไม่เพียงมีข่ายอาคม แต่ยังมีค่ายกลโบราณอีกจำนวนมาก เพียงแต่เพราะมีแผนที่ พวกเขาจึงเดินตามแผนที่และผ่านไปได้อย่างปลอดภัยทั้งหมดหากคนที่ไม่มีแผนที่ ก็คงต้องสูญเสียอย่างหนักเป็นแน่ เมื่อมองดูแววตาที่ลังเลและเย้ายวนของนาง เวินเส้าอี๋ก็มั่นใจว่าครั้งนี้นางไม่ได้หลอกเขามองแผนที่เป็นเวลานาน เวินเส้าอี๋ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมแผนที่ถึงให้พวกเขาผ่านทะเลโลหิตที่ไหลเชี่ยวได้
ในขณะที่ลูกไฟกำลังจะตกลงมาใส่นาง พลังฝ่ามืออันเฉียบคมก็สั่นคลอนลูกไฟออกไปทันทีจากนั้นเวินเส้าอี๋ก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศ ประสานมือสร้างสัญลักษณ์ และสร้างเกราะป้องกันแสงสีขาวด้วยพลังภายในของเขาที่เส้นแบ่งระหว่างทะเลโลหิตกับหิน เพื่อป้องกันการโจมตีอย่างต่อเนื่องของมังกรไฟมังกรไฟสะบัดหาง เกราะป้องกันแสงสีขาวสั่นสะเทือนหลายทีตาข่ายขนาดใหญ่ไม่สะทกสะท้าน มังกรไฟว่ายอยู่กลางอากาศ กระแทกตาข่ายขนาดใหญ่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับจะกลืนกินกู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋เข้าไปในท้อง"ปัง ปัง ปัง......"ทุกครั้งที่กระแทก เกราะป้องกันแสงจะอ่อนแอลงเวินเส้าอี๋กระตุ้นพลังภายในอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับเกราะป้องกันแสง"ปัง......"เกิดการกระแทกครั้งใหญ่อีกครั้ง พร้อมกับลาวาจากทะเลโลหิตที่กระจัดกระจายไปทั่วท้องฟ้ามุมปากของเวินเส้าอี๋ปรากฏเลือดไหลซึมออกมาในดวงตาอ่อนโยนและสงบนนิ่งของเขาเผยร่องรอยของความตกใจสัตว์อสูรขั้นเจ็ด......เป็นสัตว์อสูรขั้นเจ็ดจริงๆ ด้วย และเป็นมังกรไฟของทะเลโลหิตที่มีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากเขาและเย่จิ่งหาน หัวหน้าเผ่าหมอ อยู่ในระดับเดียวกัน แต่พวกเขาทั้งสาม
เวินเส้าอี๋ได้รับบาดเจ็บสาหัส......ขณะที่กู้ชูหน่วนลังเลว่าจะย้อนกลับไปช่วยเวินเส้าอี๋หรือไม่ อุณหภูมิในท้องฟ้าก็ลดลงอย่างกะทันหัน และยังมีหิมะโปรยปรายลงมาอย่างช้าๆฤดูนี้มีหิมะได้อย่างไร?ที่นี่มีน้ำไม่มาก แล้วจะรวมตัวกันเป็นหิมะได้อย่างไรกัน?หรือว่าเวินเส้าอี๋ใช้พลังภายในแปลงเป็นหิมะ?ความคิดยังไม่ทันกระจ่าง เวินเส้าอี๋ก็ไม่รู้ว่าใช้วิธีใดสะบัดหลุด และตามนางทันแล้วเขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงค่อนข้างร้อนรน "ไปเร็ว""ข้าใช้พลังทั้งหมดที่มีแล้ว"ทั้งสองเดินเคียงข้างกันด้วยความเร็วราวสายฟ้าทะเลโลหิตทั่วฟ้าโปรยปรายลงมาราวกับฝนเลือด ไม่ว่าจะเป็นหินหรือหญ้าที่โดนฝนเลือด ก็ล้วนละลายหรือลุกไหม้อย่างรวดเร็วเวินเส้าอี๋หลบหนีพลางใช้พลังฝ่ามือปัดป้องฝนเลือดไปด้วยทันใดนั้น ภูเขาหินที่ปกติก็แตกออกเป็นโพรงขนาดใหญ่ทั้งสองพลาดพลั้งเหยียบพลาดไป"อ้าก......"เสียงร้องตกใจดังขึ้นกู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋ตกลงไปก้นเหว เสียงร้องหวาดกลัวดังก้องไปทั่วทั้งภูเขาเวินเส้าอี๋สีหน้าเปลี่ยน เขาปลดปล่อยกระบวนท่าพันจินจุ้ย เร่งความเร็วในการตกลง และใช้มือข้างหนึ่งโอบเอวของกู้ชูหน่วนไว้ ส่วนอีกมือเกาะกำแ
"ปัง......"กู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋ตกลงมา เพียงแต่สถานที่ที่ตกลงมาไม่ใช่ทะเลโลหิต แต่ตกลงกระแทกบนแผ่นหินที่ยื่นออกมา"โอ๊ย......"กู้ชูหน่วนส่งเสียงครางเบาๆ เอวของนาง......เกือบหักแล้ว"ฟิ้ว......"เวินเส้าอี๋โยนกู้ชูหน่วนขึ้นไปในอากาศ เพื่อลดแรงกระแทกจากการตกลงมาของนาง ส่วนตัวเองก็ตกลงกระแทกบนแผ่นหินอย่างจัง แรงกระแทกนั้นรุนแรงมาก จนเขาอดไม่ได้ที่จะกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง กระดูกทั่วร่างราวกับแตกกระจาย แม้แต่อวัยวะภายในก็ยังกระเพื่อมอย่างรุนแรงทั้งสองหมดสติไปพร้อมกัน เสียงคำรามของสัตว์อสูรบนยอดผา พร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวนยังคงดังต่อเนื่องในหุบเขาทางทิศตะวันตก เย่จิ่งหานและน้องเก้าราวกับรับรู้ได้ว่ากู้ชูหน่วนประสบเคราะห์ร้ายเย่จิ่งหานพยายามลุกขึ้นยืน โดยไม่สนใจสิ่งใดๆ ต้องการออกไปตามหากู้ชูหน่วน แต่ไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนทำอะไรกับเขา ไม่เพียงทำให้เขาทั้งร่างกายอ่อนแรง พลังภายในสูญสิ้น แม้แต่จะขยับตัวก็ทำไม่ได้เลย จึงทำได้เพียงร้อนใจอยู่ภายใน"หลีลั่ว ส่งคนออกไปทั้งหมด ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องนำพระชายากลับมาอย่างปลอดภัย""นายท่าน หากทำเช่นนั้น สถานะของพวกเราก็จะถูกเปิดเผย ถึงย
ณ หน้าผาเวินเส้าอี๋ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา ภาพที่เห็นคือแผ่นหินที่ยื่นออกมาจากกลางหน้าผา เมื่อมองขึ้นไปด้านบนก็เห็นเมฆสีขาวจำนวนมาก ไม่รู้ว่าสูงเพียงใดเมื่อมองลงไปด้านล่างเป็นทะเลโลหิตที่เดือดพล่าน คลื่นเลือดสาดกระเซ็นเป็นระยะๆ อุณหภูมิสูงจนน่าตกใจเมื่อมองไปด้านข้าง กู้ชูหน่วนหมดสติอยู่ข้างเขา ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรเวินเส้าอี๋พยายามลุกขึ้นยืน เดินโซเซไปหากู้ชูหน่วน มือที่เต็มไปด้วยเลือดของเขาลองแตะที่จมูกของนาง ยังมีลมหายใจอ่อนๆ ทำให้ใจที่ตึงเครียดของเวินเส้าอี๋๋ผ่อนคลายลงโชคดีที่มีแผ่นหินที่ยื่นออกมานี้ มิฉะนั้นพวกเขาคงตายไปแล้วหน้าผาสูงเกินไป เขาถูกมังกรไฟทำร้ายสาหัส หากอยู่คนเดียวอาจจะขึ้นไปได้ แต่การพากู้ชูหน่วนขึ้นไปบนยอดผา ช่างยากยิ่งกว่าการปีนขึ้นสวรรค์เสียอีก"เจ้าขมวดคิ้วดูไม่ดีเลย"กู้ชูหน่วนฟื้นตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ แล้วพึมพำเสียงเบา"แค่ก แค่ก......"นางไอออกมาเป็นชุด ไอออกมาเป็นกองเลือดเวินเส้าอี๋จับชีพจรของนาง มองสีหน้าที่อ่อนแรงและซีดเซียวของนาง น้ำเสียงของเขาค่อนข้างหนักแน่น "เจ้าตกจากที่สูง ปอดและอวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บ""ข้าดวงแข็ง พญายมยังกลัวข้า
ถูกไหม้หนักขนาดนี้ เหตุใดเพิ่งจะส่งกลิ่นไหม้เกรียมตอนนี้ หรือเมื่อกี้เขาฝืนตัวเองอยู่ตลอด กู้ชูหน่วนตกตะลึง "ท่านถูกมังกรไฟทำร้ายมาหรือ" ความเร็วของประมุขชิงยังคงที่ ใช้ทั้งสองมือและสองขาพยายามปีนไปด้านหน้าอย่างสุดกำลัง พลางเอ่ยด้วยท่าทางสบายๆ "ไม่เป็นไร บาดแผลเล็กน้อย" แผลเล็ก ? นี่มันแผลเล็กแบบใดกัน "ท่านวางข้าลงเถอะ ข้าปีนขึ้นไปเองได้ ท่านเจ็บหนักเกินไป หากพาข้าไปด้วย พวกเราสองคนจะไปไหนไม่รอดกันหมด" "เด็กโง่ ในเมื่อข้าบอกแล้วว่าจะพาเจ้าขึ้นข้างบน ก็จะต้องพาเจ้าขึ้นไปให้ได้ อย่ากลัวไปเลย หากเจ้าเหนื่อย ก็งีบสักพัก ตื่นขึ้นมาอีกที พวกเราก็จะขึ้นไปด้านบนกันแล้ว" ประมุขชิงพูดด้วยความผ่อนคลาย กู้ชูหน่วนกลับรู้สึกว่าลมปราณของเขาไม่เพียงพอขึ้นไปเรื่อยๆ ท่าทางก็ดูใช้แรงหนักขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าถึงขีดจำกัดแล้ว กู้ชูหน่วนดวงตาแดงก่ำ นางยื่นมือออกไปเปิดหน้ากากบนใบหน้าของเขาออก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคย คืออี้เฉินเฟย... ใช่เขาจริงๆ... รูปโฉมของอี้เฉินเฟยจัดว่าเป็นชายงามอันดับต้นๆ ของใต้หล้า เครื่องหน้าของเขาคมชัด อ่อนโยน สง่างาม คิ้วดกดำดุจขุนเขาเรี
ยังดี...ที่ประมุขชิงยั้งมือกลับไปตอนที่ฝ่ามืออยู่ห่างจากกู้ชูหน่วนเพียงคืบ ไม่ได้สังหารนางจริงๆ เขาคิดไม่ถึงว่า ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย กู้ชูหน่วนจะใช้ชีวิตของตนเองปกป้องเขา ทันใดนั้น สายตาของเวินเส้าอี๋ที่มองไปยังกู้ชูหน่วนพลันเจือแววสับสน ประมุขชิงสลายพลังฝ่ามือ อัดอั้นความโกรธไว้ภายในใจ เขาเอ่ยเสียงเย็น "เวินเส้าอี๋ เจ้าจงจำไว้ วันนี้อาหน่วนใช้ชีวิตของนางช่วยเจ้าไว้ นางไม่ติดค้างอะไรเจ้าอีก เจอกันครั้งหน้า ข้าไม่มีทางปราณีอีกเป็นแน่" เวินเส้าอี๋กุมแผงอกของตนไว้แน่น ไม่มีแม้แต่แรงจะพูด กู้ชูหน่วนคลี่ยิ้ม เผยให้เห็นลักยิ้มสองข้าง "รู้อยู่แล้วว่าท่านดีที่สุด ขอบใจ ท่านวางใจเถอะ หากเขากล้าทำสิ่งใดที่ผิดต่อสำนักซิวหลัว ข้าจะเป็นคนแรกที่ไม่ปล่อยเขาไป" "ขอให้เจ้าไม่เสียใจกับการตัดสินใจวันนี้ในภายหลังแล้วกัน และอย่าลืมคำพูดของเจ้าในวันนี้ด้วย" "ไม่ลืมลืม จะลืมได้อย่างไร" "แม้ข้าจะไม่ฆ่าเขา แต่ก็จะไม่มีทางช่วยเขาแน่ เขาจะเป็นหรือตาย ล้วนแต่ต้องพึ่งชะตาของเขาเอง" กู้ชูหน่วนเข้าใจแล้ว แม้ประมุขชิงจะไม่ได้ฆ่าเขา แต่กลับทิ้งเขาไว้ที่นี่ ปล่อยเขาไปตามยถากรรม
เวินเส้าอี๋ยิ้มเยาะกับตัวเอง ด้วยความสัมพันธ์ที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่งของสำนักซิวหลัวและเผ่าเทียนเฝิน มีหรือที่ประมุขชิงจะยอมปล่อยเขาไป หากเป็นเขาที่อยู่ในจุดนั้น เขาเองก็ไม่มีทางปล่อยประมุขชิงไปเช่นกัน เวินเส้าอี๋กวาดสายตามองผาหินแวววาวและทะเลโลหิตที่เดือดระอุ เขาเคยคิดว่าจะต้องตายด้วยน้ำมือเจ้าสำนักซิวหลัว เคยคิดว่าต้องตายด้วยน้ำมือหอเลิศหล้า เคยคิดว่าต้องตายด้วยน้ำมือของเย่จิ่งหาน สิ่งเดียวที่ไม่เคยคิดมาก่อนคือต้องมาตายในที่แห่งนี้ "สำนักซิวหลัวและเผ่าเทียนเฝินมีความแค้นอันใดต่อกันกันแน่" กู้ชูหน่วนเอ่ยถาม "เป็นแค้นที่ฝังลึกยิ่งนัก เป้าหมายในการมีชีวิตอยู่ของชาวสำนักซิวหลัวทุกคนก็คือหาแก้วมังกรให้พบ แล้วกำจัดเผ่าเทียนเฝิน อาหน่วน หากเจ้ายังเห็นข้าเป็นสหาย ก็อย่ายุ่งเรื่องนี้เลย" ประมุขชิงไม่ได้อธิบายรายละเอียด แต่จุดยืนของเขาหนักแน่น ไม่เหลือทางให้หันหลังกลับอีกแล้ว เขารวบรวมกำลังภายในไว้ที่ฝ่ามือ ยกมือขึ้นมาตั้งใจจะสะเทือนกระดูกของเวินเส้าอี๋ให้แหลก ไม่พูดถึงเรื่องที่เวินเส้าอี๋ถูกพิษดอกพันรักทำให้ทรมานราวกับตายทั้งเป็น แต่แค่กำลังภายในของเขาที่สูญไปแทบจะหมดสิ้น
กู้ชูหน่วนลุกลน อยากจะขวางการถ่ายทอดกำลังภายในให้นางของประมุขชิง ทว่ากลับช้าไปหนึ่งก้าว กำลังภายในของประมุขชิงเหมือนกับเวินเส้าอี๋ ไม่รู้ด้วยเหตุใดถึงได้ถูกนางดูดเข้าไปไม่หยุด "ข้าไม่ต้องการดูดกำลังภายในของเจ้า เจ้ารีบดึงมือออก" "ไม่เป็นไร หากเจ้าต้องการ ข้าให้เจ้าทั้งหมดจะเป็นไรไป" ประมุขชิงคลี่ยิ้ม ภายในดวงตาอ่อนโยนเต็มไปด้วยความทะนุถนอมเอ็นดู เขาไม่ได้ดึงมือออก แต่กลับพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อสยบพิษของดอกพันรัก เมื่อเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูคู่นั้นและรอยยิ้มที่คุ้นเคย กู้ชูหน่วนก็ยิ่งมั่นใจในความคิดของตน ประมุขชิงก็คืออี้เฉินเฟย กู้ชูหน่วนทั้งร้อนรนทั้งโมโหและทุกข์ทรมาน ที่ร้อนรนเพราะ นางอยากจะเอามือออกแต่กลับทำไม่ได้ ที่โมโหเพราะอี้เฉินเฟยโง่เง่านัก มีผู้ใดบ้างที่จะยอมมอบกำลังภายในที่ตนฝึกฝนมาอย่างยากลำบากให้ผู้อื่น เขาไม่รู้หรือว่านางอาจจะดูดกำลังภายในของเขาจนหมดและตายได้ ที่ทุกข์ทรมานเพราะ พิษของดอกพันรักแล่นไปทั่วทั้งร่างกายของนางยังพอว่า กำลังภายในของประมุขชิงก็หลั่งใหลไปทั่วร่างนางด้วย คล้ายกับร่างของนางถูกดึงให้ฉีกออกจากกันไม่หยุด
เวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ กู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋ก็ไม่รู้ว่าทนกับคลื่นความร้อนไปเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ พวกเขาทั้งสองเหงื่อโชก ลมหายใจหอบถี่ ล้วนแต่อยู่ในจุดที่กำลังจะทนไม่ไหว ลมอุ่นพัดผ่านไป สติของกู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋แตกกระเจิงโดยสิ้นเชิง ทนไม่ไหวอีกต่อไป ไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน แต่ทั้งคู่ก็คลอเคลียอยู่ด้วยกันแล้ว ในขณะที่พวกเขากำลังจะพัฒนาไปถึงขั้นสุดท้าย ยอดหน้าผาพลันปรากฏเงาร่างสีครามอาบเลือดมือเกาะเถาวัลย์ที่วางไว้ก่อนหน้านี้แล้วกระโดดลงมาจากยอดของหน้าผาด้วยความรวดเร็ว สายตาของประมุขชิงมองไปรอบๆ ด้วยความร้อนรน พยายามตามหาหญิงในความทรงจำผู้นั้น คลื่นลาวายักษ์ซัดเข้าไปเป็นระยะ ทุกครั้งที่คลื่นซัดสาด คล้ายกับยืนอยู่ใจกลางกองเพลิงแผดเผาร่างของเขาไม่หยุดหย่อน แต่เขาไร้ซึ่งความหวาดกลัว ดวงตาดื้อรั้นคู่นี้ราวกับว่าหากหากู้ชูหน่วนไม่เจอ ก็จะไม่มีทางรามือ ทันใดนั้น เขาเห็นกู้ชูหน่วนบนผาหินที่ยื่นออกไป หัวใจที่บีบรัดอยู่ของประมุขชิงพลันผ่อนคลายลงมาในพริบตา ทว่าไม่ทันไร ใจของเขาพลันตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง เพราะแววตาของนางล่องลอย เสื้อผ้าไม่เป็นระเบียบ กำลั
เวินเส้าอี๋ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองกู้ชูหน่วน เขากลัวว่าหากมองแล้วตนจะทนไม่ไหว ตรงกลางหน้าผา ร่างของกู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋ล้วนแต่ขดตัวเป็นวง ต่างก็พยายามอดกลั้นด้วยชีวิต ลมอ่อนๆ พัดโชยไป เกิดคลื่นลาวาเป็นชั้นๆ ลมที่พัดผ่านไปก็เป็นลมร้อน ไร้ซึ่งความเย็นแต่อย่างใด เจ็บปวดจนเกินจะทน เวินเส้าอี๋พยายามนั่งขัดสมาธิ ปากก็คอยสวดมนต์ไม่หยุด หวังว่าใจจะสงบลงตามธรรมชาติ กู้ชูหน่วนตวาดออกมาอย่างอดไม่ได้ "ให้ตายสิ เวลานี้แล้วยังจะสวดมนต์อะไรอีก หากสวดมนต์ได้ผล แม่หมูคงปีนต้นไม้ได้แล้ว" เขาไม่รู้บ้างเลยหรือ ว่าทันทีที่เขาเอ่ยปาก มีแต่จะกระตุ้นความต้องการที่นางอดกลั้นเอาไว้ด้วยความยากลำบากให้รุนแรงขึ้นกว่าเดิม คิ้วดกดำดั่งขุนเขาของเวินเส้าอี๋ขมวดเข้าหากัน เขาใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว ความรู้สึกนี้หากจะบอกว่า จะอยู่ก็ไม่ได้ จะตายก็ไม่ดี ไม่เกินจริงเลยสักนิด สวดมนต์ก็ไม่อาจทำให้อารมณ์ที่พลุ่งพล่านรุนแรงของเขาดีขึ้นได้แต่อย่างใด เวินเส้าอี๋จึงยอมแพ้ไป และยังคงขดตัวเป็นวงอยู่ติดกับผาหินอย่างไร้ที่พึ่ง "แม่เจ้าโว้ย ข้าทนไม่ไหวแล้ว" กู้ชูหน่วนไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเวินเส้าอี๋สมาธิดีเ
อยู่ดีๆ เหตุใดจึงถูกวางยาเสียได้ กู้ชูหน่วนพยายามคิดทบทวน ทันใดนั้นเอง นางก็พลันโมโหจนต้องตบเข่าฉาด บ้าเอ้ย... เมื่อกี้ตอนที่เวินเส้าอี๋เกาะยึดผาพลางกอดนางไว้ บนกำแพงหินมีดอกพันรักขึ้นอยู่เต็มไปหมด ดอกพันรักเป็นดอกไม้ปลุกกำหนัดที่มีฤทธิ์รุนแรงนัก ยามนี้ดอกพันรักบานสะพรั่ง ทุกที่บนกำแพงหินล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ คนธรรมดาเพียงแค่ดมกลิ่นของดอกไม้ชนิดนั้นเข้าไป ก็จะจมดิ่งลงสู่ห้วงทะเลแห่งความปรารถนา ส่วนพวกนาง......เมื่อครู่สูดกลิ่นของดอกพันรักบนกำแพงไปปริมาณมาก โดยเฉพาะมือของเวินเส้าอี๋ที่ชุ่มไปด้วยเลือดแล้วยังไปสัมผัสโดนเกสรของดอกพันรัก จึงโดนพิษเข้าไปลึกกว่านางนัก กู้ชูหน่วนอยากจะเป็นลมตายลงไปเสียตรงนั้นให้รู้แล้วรู้รอด เพิ่งข้ามมิติมาได้ไม่นาน นางก็ถูกวางยาไปแล้วสองหน อีกทั้งสองครั้งนี้ล้วนแต่เป็นยาปลุกกำนัดอานุภาพรุนแรงทั้งสิ้น "ร้อน......" เวินเส้าอี๋ปากลิ้นแห้งผาก ทรมานจนต้องฉีกคอเสื้อของตนออก กู้ชูหน่วนเอ่ยด้วยความลนลาน "เฮ้ย ข้าขอบอกเจ้าไว้ก่อน หญิงชายไม่ควรใกล้ชิดกัน เจ้าอย่าทำอะไรบุ่มบ่ามเชียวล่ะ" นางตามหาในแหวนปริภูมิจนทั่วแล้ว ยาส
นอกเจ้านายท่านหลันและคนอื่นๆ เย่จิ่งหานและพวกต่างก็รู้สึกบีบคั้นหัวใจ เย่จิ่งหานพยายามดีดดิ้นเพื่อให้หลุดจากพันธนาการแล้วออกไปตามหากู้ชูหน่วนด้วยตนเอง เขาไม่อยากจะจินตนาการเอาเองอีกต่อไปว่ากู้ชูหน่วนต้องประสบพบเจอกับเรื่องแบบใดกันแน่ถึงได้กรีดร้องอย่างกับจะขาดใจเช่นนั้น ประมุขชิงตื่นตระหนกยิ่งกว่า ร่างของเขาสั่นเทิ้มอย่างไม่อาจหยุดได้ ฝีเท้าเร่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ อาหน่วน... เจ้าอย่าเป็นอะไรไปเด็ดขาด จะต้องรอข้าก่อน หากเจ้าตาย ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติใด ข้าไม่มีวันอภัยให้เจ้าเป็นแน่ เสียงร้องที่หดหู่ดังก้องไปเรื่อยๆ ประมุขชิงมาถึงบริวเวณปากคอขวดน้ำเต้าที่กู้ชูหน่วนเพิ่งไปเมื่อครู่แล้ว บนปากคอขวด มีร่องรอยของกรงเล็บมังกรยักษ์หลงเหลืออยู่ รอยเท้าฝังลึกลงไปในพื้นดิน ทุกรอยเท้ามีความลึกหลายสิบเมตร เห็นได้เลยว่าเรี่ยวแรงที่ประทับลงไปนั้นมหาศาลเพียงใด ทอดมองออกไปยังสนามรบที่เละไม่เหลือชิ้นดีหลังจากการสู้ครั้งใหญ่ของยอดฝีมือ ประมุขชิงสั่นสะท้าน ลึกลงไปในใจรู้สึกถึงลางไม่ดีบางอย่าง อาหน่วนเคยบอกไว้ โลกนี้มีมังกรอสูรขั้นเจ็ดทั้งหมดสองตัว ตัวหนึ่งคือมังกรน้ำ อยู่ในสถ
แม้ว่ากู้ชูหน่วนจะมีชีวิตถึงหมื่นชีวิต ก็คงต้องตายอย่างแน่นอนภารกิจบนบ่าของเขานั้นหนักอึ้งนัก เขาควรจะสลัดออกไปอย่างเต็มกำลัง เพื่อรักษาพลังปราณที่เหลืออยู่ในร่างกาย แต่......ไม่รู้ทำไม เขาถึงลังเลภาพของกู้ชูหน่วนที่ดูมีชีวิตชีวาและฉลาดหลักแหลมค่อยๆ ปรากฏขึ้นในสมองของเขาพร้อมกับใบหน้าเล็กๆ ของนางที่กำลังดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดและอดทนต่อความทุกข์ทรมานอย่างแข็งขัน เวินเส้าอี๋ก็แอบลังเลเวินเส้าอี๋รีบดึงพลังฝ่ามือของเขากลับ เขาพยายามมาหลายวิธีแต่ก็ไม่ได้ผล ทำได้เพียงเฝ้าดูพลังภายในที่เขาฝึกฝนมาหลายปี ค่อยๆ หายไปในชั่วข้ามคืน และกลายเป็นของคนอื่นเมื่อหันมองกู้ชูหน่วนอีกครั้งใบหน้าเล็กๆ ของนางขมวดเป็นปมด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าอันงดงามไร้ที่ติของนางค่อยๆ เปลี่ยนจากซีดขาวเป็นแดงระเรื่อ ในที่สุดร่างกายของนางก็เหมือนถูกไฟไหม้ ร้อนจนคนไม่กล้าสัมผัสร่างกายของนางรับพลังภายในมากเกินไปไม่ได้ พลังปราณในร่างกายของนางพุ่งชนไปมาอย่างต่อเนื่อง ราวกับจะทำลายร่างกายของนาง"วิชาดูดพลังคืออะไร" กู้ชูหน่วนอดทนต่อความเจ็บปวดระลอกแล้วระลอกเล่าอย่างอดทน แล้วกัดฟันถาม"……""เวินเส้าอี๋ รีบถอนมือเร็ว