เพราะการปกป้องอย่างสุดกำลังของกู้ชูหน่วน เยี่ยเฟิงจึงเพียงแค่ถูกกักบริเวณ ทว่าผู้คนในสำนักบัณฑิตหลวงต่างก็ตัดพ้อกับความไม่ยุติธรรม พากันโจมตีไปที่เยี่ยเฟิงกู้ชูหน่วนกล่าวด้วยความจริงจัง "สามวัน ภายในสามวัน ข้าจะหาผู้ร้ายตัวจริงให้เจอ คืนความเที่ยงธรรมให้เจ้าสำนัก หากภายในสามวันข้าสืบหาผู้ร้ายไม่เจอ พวกเจ้าค่อยจัดการกับเยี่ยเฟิงก็ยังไม่สาย""ไม่ได้ เวลาสามวัน อะไรก็เกิดขึ้นได้ หากเขาคิดหาวิธีอื่นทำให้ตัวเองหลุดพ้นไปได้เล่า นอกเสียจากเจ้าพิสูจน์ได้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขาเสียตอนนี้เลย" ผู้คนจำนวนไม่น้อยในสำนักบัณฑิตพากันวิพากษ์วิจารณ์เซียวอวี่เชียนพูดด้วยความโมโห "สำนักบัณฑิตหลวงที่แสนยิ่งใหญ่จะเฝ้าบัณฑิตเพียงคนได้ไว้ไม่ได้เลยหรือ พวกเจ้าแค่ต้องการจะจัดการเขาให้ถึงแก่ความตาย""เขาฆ่าเจ้าสำนัก ชีวิตชดใช้ด้วยชีวิตก็เป็นเรื่องปกติ""ตาข้างไหนของเจ้าเห็นว่าเขาฆ่าคนแล้วหรือ""คุณชายเซียว คุณหนูกู้ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ พวกเจ้าอย่าถูกภายนอกของเยี่ยเฟิงหลอกเอาได้ เขาชั่วช้ายิ่งนัก" อาจารย์สวียืนกรานอีกครั้งเซียวอวี่เชียนหัวเราะเยาะ ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความเหยียดหยัน "ตอนนั้น
"รอยเท้าอะไร""ดูนี่สิ" กู้ชูหน่วนชี้ไปยังจุดที่อยู่ไม่ไกลออกไปจากริมหน้าต่าง ตรงนั้นยังหลงเหลือรอยเท้าอยู่หนึ่งรอยจางๆ เพียงแต่ตำแหน่งของรอยเท้านั้นเร้นลับ อีกทั้งยังบางเบานัก หากไม่สังเกตดีๆ ก็ไม่มีทางมองเห็นอาจารย์สวีตกตะลึง "ขนาดของรอยเท้าต่างกันถึงนิ้วกว่า มีคนสองคนกระโดดหน้าต่างออกไปเช่นนั้นหรือ"เซียวอวี่เชียนตื่นเต้นออกนอกหน้า "หากเป็นเช่นนี้ นอกจากเยี่ยเฟิง ตอนนั้นที่หอสมุดยังมีใครอีกคน ซึ่งเจ้าสำนักอาจจะถูกคนผู้นั้นสังหารก็เป็นได้"อาจารย์หรงส่งเสียงค่อนแคะเบาๆ "เมื่อครู่มีคนมากมายเข้ามาในหอสมุด อาจจะเป็นของใครสักคนก็ได้"กู้ชูหน่วนมองบนใส่ "อาจารย์หรง ท่านจะอคติกับเยี่ยเฟิงแล้วโยนความผิดทุกอย่างมาที่ตัวเยี่ยเฟิงไม่ได้ พวกท่านก็แบ่งเส้นกั้นสถานที่เกิดเหตุไว้แล้วไม่ใช่หรือ ผู้ใดจะเข้ามาได้ อีกอย่าง ต่อหน้าผู้คนมากมาย ผู้ใดจะกล้ากระโดดหน้าต่าง""แต่นี่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้ที่สังหารเจ้าสำนักไม่ใช่เยี่ยเฟิง""แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้ที่สังหารเจ้าสำนักคือเยี่ยเฟิง ไม่ใช่หรอกหรือ""ไม่ว่าอย่างไร เขาก็น่าสงสัย จำเป็นต้องขังเอาไว้ สามวัน ภายในสามวัน หากเจ้าหาตัวคนร
"แล้วอย่างไรต่อ..." อาจารย์สวีขู่คำราม"หลังจากนั้น...หลังจากนั้นเขาก็ปาดคออาจารย์หรง น่ากลัวเหลือเกิน การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วจนน่าขนลุก สายตาของเขายิ่งน่ากลัว ข้าไม่เคยเห็นสายตาของเยี่ยเฟิงน่ากลัวขนาดนี้มาก่อน"หลี่เหิงดูเหมือนจะมีอาการตื่นตระหนกมาก ตั้งสติไม่ได้อยู่สักพักใหญ่ เอาแต่พึมพำกับตัวเองไม่หยุดผู้ที่อยู่ข้างหลี่เหิงอธิบายต่อ "จากนั้นองครักษ์ลับคุ้มกันสำนักก็ออกมา พวกเขาล้อมเยี่ยเฟิงเอาไว้ ทว่า...แปดคนยังไม่สามารถทำอะไรเยี่ยเฟิงคนเดียวได้ สุดท้ายเยี่ยเฟิงก็หนีไปได้""พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าคนผู้นั้นคือเยี่ยเฟิง ดูผิดไปหรือเปล่า" เซียวอวี่เชียนแทรกขึ้นมากะทันหันเพราะประโยคนี้ของเขา ทำให้คนจำนวนไม่น้อยพากันจ้องมองด้วยความขุ่นเคือง"ข้าก็คิดว่าข้ามองผิดไป แต่คนมากมายขนาดนี้ล้วนแต่เห็นกันหมด ยอดฝีมือคุ้มกันสำนักก็ได้ประมือกับเขาแล้ว พวกเขาไม่มีทางจำคนผิดหรอก""นั่นสิ ใช่เยี่ยเฟิง หน้าตาเหมือนกันไม่มีผิด พวกข้าไม่มีทางจำผิด""บางทีคนผู้นั้นอาจแปลงโฉมเป็นเยี่ยเฟิงมาก็ได้" เซียวอวี่เชียนเอ่ย"องครักษ์ลับคุ้มกันสำนักก็เคยสงสัย พวกเขาจึงจงใจหยั่งเชิงเป็นการเฉพาะ ปรากฏว่าไม่ใ
เซียวอวี่เชียนอิดออด หาหินมาหนึ่งก้อนแล้วหย่อนก้นลงไปนั่ง "ข้าเดินไม่ไหวแล้วจริงๆ พวกเราพักที่นี่สักคืน พรุ่งนี้เช้าค่อยไปกันต่อเถอะ""เจ้าไม่กลัวฝูงหมาป่าจะมาคาบเจ้าไปหรืออย่างไร""หมาป่า ? หมาป่าที่ไหน" เซียวอวี่เชียนตกใจรีบไปหลบหลังนางกู้ชูหน่วนมองบนใส่เขา แล้วเดินหน้าต่อ "พวกเรามีเวลาในการไขคดีอีกไม่มากแล้ว หากไม่ไปเยี่ยมท่านยายของเยี่ยเฟิง ข้าก็ไม่วางใจ เจ้าอดทนอีกหน่อยเถอะ""ยัยขี้เหร่ เจ้าว่าชายปิดหน้าในคืนนั้นใช้เยี่ยเฟิงจริงหรือไม่""ไม่เช่นนั้นเล่า""เช่นนั้นเหตุใดเขาต้องฆ่าเจ้าสำนักด้วย เหตุใดคนในสำนักบัณฑิตถึงพูดถึงเยี่ยเฟิงเช่นนั้น""ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร""เช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงเชื่อเขา""เพราะเขาคือเพื่อนที่ข้าเลือกแล้ว ในเมื่อเป็นเพื่อนกัน ต่อให้ตรงหน้ามีหลักฐานมากเพียงใดมาพิสูจน์ว่าเขาคือผู้ร้าย ข้าก็เชื่อใจเขา"กู้ชูหน่วนเสยผมที่ถูกลมพัดปลิว ภายในดวงตาที่เจิดจ้าเป็นประกายคู่นั้นแฝงไว้ด้วยแววตาแห่งความเชื่อใจเซียวอวี่เชียนเก็บสีหน้าที่เซื่องซึมกลับไป บนใบหน้าไม่มีรอยยิ้มทะเล้นเหมือนก่อนหน้า แต่กลับเต็มไปด้วยความหนักแน่นจริงจัง "ยัยขี้เหร่ หากคนทั้งใต้หล้ากล่
ในที่สุด กู้ชูหน่วนและเซียวอวี่เชียนก็เห็นผู้ที่กำลังใกล้เข้ามาได้ชัดเจนทว่า พวกเขากลับตะลึงงัน รูม่านตาพลันหดตัวอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่ใสเป็นประกายเต็มไปด้วยความตกใจและคาดไม่ถึง แม้แต่ร่างของพวกเขาก็พลอยสั่นเทิ้มไปด้วยเป็นเยี่ยเฟิงกลับเป็นเยี่ยเฟิงเสียได้เพียงแต่เยี่ยเฟิงในเวลานี้ ไม่ได้เฉยชาพูดน้อย ยโสโอหังเหมือนที่ผ่านมาเขาในยามนี้ ไม่ว่าจะใช้ภาษาใดบนโลกใบนี้ก็ไม่อาจบรรยายความน่าเวทนาของเขาได้มือข้างหนึ่งของเขากุมท้องที่เลือดสีแดงสดไหลโชกเอาไว้แน่น มืออีกข้างดูคล้ายถูกตีจนหัก ทำได้เพียงแค่แนบอิงต้นไม้ใหญ่แล้วหายใจเหนื่อยหอบเสียงดัง ดูเหมือนว่ามีเพียงแค่การยืนพิงต้นไม้เท่านั้น ถึงจะฝืนให้ต้นเองไม่ล้มลงไปได้มองต่อไปยังลำตัวของเขาเสื้อผ้าของเขาฉีกขาดเป็นชิ้นๆ เผยให้เห็นรอยแผลที่เหวอะหวะน่ากลัวรอยแผลเหล่านั้นช่างน่าสะพรึงกลัว หลายบริเวณถูกกัดจนเนื้อหนังหลุดออกไปเป็นก้อนบริเวณหน้าอกไปจนถึงช่วงท้องถูกไหม้จนแม้แต่กระดูกก็ยังโผล่ออกมา เลือดสีแดงฉานเป็นวงใหญ่บริเวณหน้าท้องของเขามีมีดกรงเล็บห้าหกด้ามเสียบอยู่ มีดกรงเล็บแทงลึกถึงกระดูก เลือดแดงสดค่อยๆ ไหลตามปลายมีดลงไปช้าๆ
คิ้วดำเข้มดุจหมึกของเขาขมวดมุ่น มือข้างหนึ่งกุมท้องไว้แน่นหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เก็บฟืนแห้งบนพื้นขึ้นมาหนึ่งแท่งแล้วคาบไว้ในปาก มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปที่บริเวณหน้าท้อง ก่อนจะดึงมีดกรงเล็บที่เสียบลึกบนท้องออกมาทันทีที่มีดถูกดึงออก เลือดสีแดงสดพลันพวยพุ่งเขาเจ็บปวด แต่กลับกัดฟันกล้ำกลืนความเจ็บ ไม่ยอมส่งเสียงร้องออกมาสักแอะหากไม่ใช่เพราะร่างกายที่สั่นเทิ้มไม่หยุดของเขา เกรงว่าคงต้องเข้าใจผิดคิดว่าเขาเพียงแค่ดึงสิ่งผิดปกติออกมาเท่านั้นดึงมีดเล่มแรกออกมาแล้ว เขาก็ดึงมีดอีกเล่มต่อเลือดไหลออกมาหยดแล้วหยดเล่า จนย้อมพื้นเป็นสีแดง แล้วพลอยย้อมให้ดวงตาที่พร่ามัวของกู้ชูหน่วนแดงก่ำไปด้วยเซียวอวี่เชียนพูดเสียงสั่น "เขาเป็นเช่นนี้...จะตายหรือไม่"กู้ชูหน่วนส่ายหน้า"ข้าไม่รู้ว่าเขาจะทนต่อไปได้หรือไม่ แต่หากเข้าไปยามนี้ มีแต่จะทำให้เขาตายทั้งเป็น"ทุกคนล้วนแต่มีศักดิ์ศรีของตนเยี่ยเฟิงก็เช่นกันมีดกรงเล็บห้าเล่ม เยี่ยเฟิงดึงออกมาเองสามเล่ม หลังจากนั้นดูเหมือนเรี่ยวแรงจะถูกใช้ไปหมดสิ้น เขาเอนตัวพิงผนัง แผงอกกระเพื่อมขึ้นลงหยาดเหงื่อเม็ดโตไหลหยดลงมาพร้อมกับเลือด เยี่ยเฟิงมองออกไป
"ทว่าเยี่ยเฟิงไม่เพียงแต่ล้มเหลวในการคว้าอันดับหนึ่ง ทั้งยังทำพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วยังถึงขั้น...ถึงขั้นช่วยเหลือนายท่าน ครั้งนี้น่าจะทำให้นายท่านหลันโกรธเกรี้ยวนัก ถึงได้ทรมานเขา"ฝูกวงพูดด้วยท่าทีผ่อนคลาย แต่กู้ชูหน่วนและเซียวอวี่เชียนรู้ ว่าความอัปยศและความเจ็บปวดตลอดสิบเก้าปี ไม่ใช่สิ่งที่จะแก้ไขได้ด้วยคำพูดไม่กี่ประโยคนับประสาอะไรกับผู้ที่ห่วงหน้าตาชื่อเสียงของตนอย่างเยี่ยเฟิงจนถึงตอนนี้ ในที่สุดนางก็เข้าใจเสียทีว่าเหตุใดสายตาของเยี่ยเฟิงถึงได้เศร้าสลดเช่นนั้นเหตุใดเสียงฉินของเยี่ยเฟิงถึงเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและกร้านโลก ราวกับอยู่ท่ามกลางโลกที่มืดดำไร้ที่พึ่งพิง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจหนีออกมาได้ยิ่งเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเยี่ยเฟิงถึงได้ต่อต้านที่ผู้อื่นจะสัมผัสร่างกายของเขาถึงเพียงนั้นที่แท้...ต้นเหตุของทุกสิ่งก็คือนายท่านหลัน"กึก..."กู้ชูหน่วนหักกิ่งไม้เป็นสองท่อน ดวงตาที่ใสสว่างถูกย้อมด้วยความโกรธเกรี้ยวนายท่านหลัน ?ดีความขัดแย้งนี้ของพวกเขาไม่ใช่เล็กๆ แล้ว"เช่นนั้นนายท่านหลันก็ต่ำช้าเกินคน ยัยขี้เหร่ พวกเราหาโอกาสทำลายเขากันเถอะ แก้แค้นแทนเยี่ยเฟิง"ท
ทั่วทั้งร่างของเยี่ยเฟิงเต็มไปด้วยรอยแผล กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร ทำได้เพียงแค่ควานหาขวดยาในตัวออกมาด้วยความกระสับกระส่าย ก่อนจะเลือกยาห้ามเลือดออกมาป้อนให้เขา แล้วเปิดเสื้อที่ยังเหลืออยู่น้อยนิดบนร่างเยี่ยเฟิงออกถึงแม้จะสลบไปด้วยบาดแผลที่สาหัส ทว่ามือยังคงปิดหน้าอกไว้แน่น กู้ชูหน่วนออกแรงอย่างหนักกว่าจะเปิดเสื้อของเขาออกได้"เสี่ยวเชียนเชียน ไปตักน้ำมา เร็วเข้า""อ่อ...ได้"เซียวอวี่เชียนไม่กล้าประวิงเวลา หลังจากตามหาทั่วทั้งวัดแล้ว เจอเพียงแค่อ่างเก่าๆ ก็รีบวิ่งออกไปทันทีผ่านไปไม่ถึงนาทีก็ยกน้ำอ่างหนึ่งกลับเข้ามากู้ชูหน่วนฉีกปลายเสื้อออกมาชิ้นเล็กๆ ชุบน้ำแล้วเช็ดคราบเลือดที่ผสมกับดินโคลนบนตัวเขาออกไป"โอ๊ย..."เยี่ยเฟิงมุ่นคิ้วด้วยความเจ็บปวด ร่างพลันขดตัวเป็นวงกลมกู้ชูหน่วนคิ้วขมวด พยายามทำอย่างเบามือเสียงฟืนที่เผาไหม้ดังเปาะแปะ ภายในวัดร้าง กู้ชูหน่วนเช็ด เซียวอวี่เชียนบิดผ้า ไม่รู้ว่าเปลี่ยนน้ำไปแล้วกี่อ่างระหว่างเช็ดทำความสะอาด กู้ชูหน่วนพบว่าไม่เพียงแค่จากบริเวณไหล่ไปถึงน่องของเขาที่ถูกกัดเนื้อหลุดเป็นชิ้นๆหลายจุดบนลำตัวก็เป็นหลุมบ่อเช่นกัน หากนางเดาไ
ด้านบนมีค้างคาวกินคน ด้านล่างมีฝูงงูพิษวิธีการเช่นนี้ช่างโหดร้ายเกินไปองครักษ์ลับพากันเลียนแบบฝูกวง ใช้กำลังภายในของตนโจมตีฝูงค้างคาว พยายามปกป้องกู้ชูหน่วนสุดกำลังที่ตนมีกู้ชูหน่วนเอ่ย "เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ฝูกวง เจ้าคิดหาวิธีตามหาผู้อาวุโสที่แซ่ตงผู้นั้น แล้วคุมตัวนางไว้ ไม่เช่นนั้นพวกเราไม่มีผู้ใดหนีรอดไปได้แน่""แต่หากข้าน้อยไปแล้ว นายหญิงจะทำเช่นไร""ข้ามีวิธีของข้า ข้าจะคุ้มกันเจ้า เจ้ารีบไป ไม่เช่นนั้นรอจนเจ้าใช้กำลังภายในหมด อยากจะจัดการนางก็คงไม่ไหวแล้ว"ฝูกวงกวาดสายตามองดูสถานการณ์การต่อสู้รอบๆสภาพการณ์ตรงหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่นักผู้ใต้บัญชาของเย่จิ่งหานแต่ละรายต่างได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อยเยี่ยเฟิงบาดเจ็บสาหัส ทั้งยังต้องปกป้องแม่เฒ่าเยี่ย ไม่มีความสามารถในการต่อสู้แล้วที่ยังสู้ได้ก็มีเพียงแค่เขากับองครักษ์ลับของเย่จิ่งหานจำนวนไม่กี่คนหากประวิงเวลาต่อไป เกรงว่าพวกเขาจะต้องตายเพราะใช้กำลังภายในจนหมดจริงๆคิดได้เช่นนี้ ฝูกวงจึงทำได้เพียงแค่กัดฟันพูด "ข้าพอจะรู้ตำแหน่งที่นางอยู่ นายหญิง อดทนไว้ ข้าน้อยจะใช้เวลาให้น้อยที่สุดหานางให้เจอ แล้วจะจัดการนางเสีย""ด
ท่ามกลางความมืด มีเสียงซู่ซู่ดังมาจากกอหญ้าทันทีที่กู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ หันไปก็อดตกตะลึงไม่ได้ งูพิษที่กำลังแลบลิ้นขู่ฟ่อๆ หลายตัวกำลังเลื้อยเข้ามาทางพวกเขาจากทุกทิศงูพวกนี้มีหลายสายพันธุ์ หลากสีสันปะปนอยู่ด้วยกัน พุ่งเข้ามาฉกราวกับมีเป้าหมายอยู่แล้วทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็รู้ว่างูทุกตัวล้วนแต่มีพิษร้ายแรง หากทุกฉก ชีวิตพวกเขาก็คงหาไม่"เหตุใดถึงได้มีงูมากมายเพียงนี้" ไม่รู้ว่าใครในกลุ่มตะโกนออกมาฝูกวงเอ่ยเสียงขรึม "นายหญิง คงเป็นผู้อาวุโสตงเผ่าเทียนเฝิน นางสันทัดเรื่องการควบคุมแมลง งูและมดมีพิษ""มีวิธีจัดการหรือไม่""นอกเสียจากฆ่าผู้อาวุโสตง หรือไม่ก็คุมตัวนางไว้ แต่โดยปกติแล้วนางจะควบคุมผ่านการใช้เวทคาถาจากที่ที่อยู่แสนไกล พวกเราไม่รู้ตำแหน่งของนาง"เขาเองก็ไม่กล้าทิ้งนายหญิงไป ด้วยเกรงว่านายหญิงจะมีอันตรายฝูงงูเลื้อยเข้ามาใกล้ องครักษ์ลับห้อมล้อมกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ ไว้ตรงกลางโดยอัตโนมัติ ทุกคนชักดาบเอามาเล็งไปที่ฝูงงูทว่าฝูงงูมีมากเกินไป ฟันไปตัวหนึ่ง ก็มีอีกตัวเข้ามาอีก เลื้อยกันเข้ามายั้วเยี้ย ไม่มีทางฟันให้หมดไปได้เข็มเงินของกู้ชูหน่วนถูกยิงออกไป ฟึ่บฟึ่บฟึ่บ
อีกด้าน กู้ชูหน่วนกำลังพาฝูกวงมุ่งหน้าไปยังเขาหมายวิญญาณเขาหมายวิญญาณทั้งลูกสนั่นหวั่นไหว นางซวนเซทรงตัวไม่อยู่ มองดูสิ่งมหึมาที่อยู่กลางฟ้าด้วยความตกตะลึงหากไม่ได้เห็นกับตา นางไม่มีทางเชื่อว่าจะมีคนสามารถเปลี่ยนน้ำให้กลายเป็นมังกร เปลี่ยนใบไม้ให้กลายเป็นเฟิ่งหวงได้ อีกทั้งยังเป็นมังกรและเฟิ่งหวงที่ดูสมจริง ไอสังหารรุนแรงถึงขนาดนี้"ช่างเป็นพละกำลังที่กล้าแกร่งยิ่งนัก" กู้ชูหน่วนตะลึงอยู่ในใจจะต้องเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจเพียงใดถึงได้มีความสามารถเช่นนี้สีหน้าของฝูกวงดูไม่สู้ดี ใบหน้าตุ๊กตาที่ดูจิ้มลิ้มฉายให้เห็นแววความเกลียดชังปราดหนึ่ง"เผ่าเทียนเฝิน คนของเผ่าเทียนเฝินเริ่มต่อสู้กับเทพสงครามแล้ว นั่นคือหนึ่งในกระบวนท่าเด็ดของหัวหน้าเผ่ารุ่นต่อไปของเผ่าเทียนเฝินผลึกวารีหมื่นลี้""ผลึกวารีหมื่นลี้ ?""ขอรับ ในช่วงที่พลังของเขากำลังโชติช่วง เขาสามารถใช้น้ำแข็งผนึกเขาหมายวิญญาณทั้งลูก และช่วงชิงทั้งหมดที่นี่ไปในชั่วพริบตา" แต่หลังจากที่เขาใช้ผลึกวารีแล้ว เขาเองจะเจ็บหนัก เขาจึงไม่ใช้กระบวนท่านี้ง่ายๆตลอดทั้งชีวิตของเขา บางทีอาจจะใช้เพียงครั้งเดียว ครั้งนั้นคือการใช้มาจัดการกับ
เย่จิ่งหานเล่นขลุ่ยหยกขาวในมือด้วยท่าทางหน่ายคร้าน ริมฝีปากเรียวบางเปล่งออกมาหนึ่งประโยค"แค่เขาหมายวิญญาณเล็กๆ ข้าอยากจะตีก็ตี จำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากเจ้าหรือ"บ้าบ้าคลั่งเกินไปแล้ว...เย่จิ่งหานวิทยายุทธสูงส่ง พลังอำนาจแข็งกล้าวิทยายุทธของหัวหน้าเผ่าหมอไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา พลังอำนาจก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเขา ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเผ่าเทียนเฝินที่คอยจ้องตามันเย่จิ่งหานพูดเช่นนี้ เป็นการฉีกหน้าหัวหน้าเผ่าหมออย่างไม่ต้องสงสัยหรือควรจะพูดว่า ตอนที่เขาส่งทหารไปตีเขาหมายวิญญาณ ก็เท่ากับท้าทายอำนาจของหัวหน้าเผ่าหมอ แตกหักกับเขาโดยสิ้นเชิงหัวหน้าเผ่าหมอหัวเราะเจ้าเล่ห์ ดวงตาสีฟ้าอ่อนเผยให้เห็นความเย้ายวนที่ชวนให้คนหวาดกลัวชายชุดขาวยืนอยู่ใต้แสงจันทร์ ลมเย็นพัดเสื้อของเขาไหวสะบัด ราวกับจะติดปีกเป็นเซียนได้ทุกเมื่อภายใต้หน้ากากผีเสื้อ ดวงตาใสเป็นประกายเผยให้เห็นความชอบใจ เหมือนกำลังรอดูฉากเด็ดอยู่ทว่าประโยคต่อไปของหัวหน้าเผ่าหมอกลับทำให้ชายชุดขาวเกิดความสับสนว้าวุ่นเล็กน้อย"พวกเจ้าทั้งสองสู้กันไป หากสู้ไม่ไหว ข้าจะสู้แทนเอง"ทุกคน "..."นี่คือคำพูดที่หัวหน้าเผ่าหมอควรจะพูดเช
"ไม่นาน เพิ่งจะเดือนกว่าเท่านั้น" เย่จิ่งหานแม้จะกำลังยิ้ม แต่รอยยิ้มก็ไม่ได้ส่งไปที่ดวงตาเช่นกันหนึ่งเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา เขาหลงกลแผนของเผ่าเทียนเฝิน ทำให้ถูกพิษ สูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวไป สุดท้ายก็ถูกนางผู้นั้นลากเข้าไปในกองหญ้า จากนั้น...เมื่อคิดถึงค่ำคืนนั้น ไอความหนาวเหน็บของเย่จิ่งหานก็รุนแรงขึ้นกว่าเดิม"เทพสงครามดูน่าเกรงไม่ลดไปจากตอนนั้นเลย การต่อสู้อย่างดุเดือด สังหารผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฝินของข้าไปถึงสิบหกคน ช่างเก่งกาจยิ่งนัก""ไม่เก่งกาจเท่าเผ่าเทียนเฝินหรอก ที่ทำเป็นแค่เรื่องไร้ศักดิ์ศรีลับหลังผู้อื่นเท่านั้น"ประโยคเดียวของเย่จิ่งหานทำให้ถึงทางตัน บรรยากาศพลันครุกรุ่นความบาดหมางเคียดแค้นของทั้งสอง เกิดขึ้นนานแล้ว ระหว่างนี้ผ่านมาหลายสิบรุ่น ไม่ใช่สิ่งที่จะสะสางได้วันสองวันเชื้อเพลิงสงครามพร้อมจะลุกโชนได้ทุกเมื่อการปะทะกันระหว่างยอดฝีมือเช่นนี้ ผู้อื่นในเหตุการณ์ไม่มีใครกล้าเข้าร่วม เพียงแค่ถอยหลังไปหลายก้าว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องโดนลูกหลงในขณะที่สงครามกำลังจะเริ่มพลันมีเงาร่างสีแดงเพลิงอีกร่างลงมาจากกลางอากาศผู้ที่มาก็เป็นชายหนุ่มวัยเยาว์ เพียงแต่เ
ประโยคเดียว ทำให้บรรยากาศในโรงเตี๊ยมหมองหม่นลงไปอย่างรู้สึกได้หากหัวหน้าเผ่าหมอไม่มา แม้นายท่านหลันจะมีวิทยายุทธที่สูงล้ำ แต่การจะล้มเขาก็เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็วแต่หัวหน้าเผ่าหมอมาด้วยตัวเอง เรื่องก็เริ่มจะตึงมือขึ้นมาเล็กน้อยที่สำคัญที่สุดคือ การสู้กับเขตกองธงหลันในคราวนี้ เผ่าเทียนเฝินจะต้องเข้ามาประสมโรงเป็นแน่ ศัตรูรายใหญ่ที่สุดของพวกเขาคือเผ่าเทียนเฝิน"รีบสู้รีบจบ เอาหัวของนายท่านหลันมา แล้วค่อยล่อหัวหน้าเผ่าหมอออกมา"ซูมู่พลันเงยหน้า พูดด้วยความตกตะลึง "เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ผู้ที่มาครานี้มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นหัวหน้าเผ่าเทียนเฝินรุ่นต่อไป ด้วยแรงของเจ้าคนเดียวจะสู้เขากับหัวหน้าเผ่าหมอได้หรือ เจ้าคิดว่าเจ้าจะชนะได้หรือ หัวหน้าเผ่าหมอยกให้ข้า เจ้าตั้งใจรับมือกับเผ่าเทียนเฝินไปเถอะ""ไม่ทันแล้ว" ดวงตามืดดำคู่นั้นของเย่จิ่งหานมองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ พลังลมปราณที่แข็งแกร่งจากทางนั้นค่อยๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ด้วยความเร็วสูงหากเขาทายไม่ผิด เผ่าเทียนเฝินและหัวหน้าเผ่าหมอกำลังทางนี้เย่จิ่งหานให้คนเข็นเขาออกไปพลางเอ่ย "หากเจ้าอยากช่วยข้า ก็ช่วยข้าตามหาก
ดวงตาที่นิ่งเรียบของเย่จิ่งหานไม่แสดงออกถึงความรู้สึกใดๆชายชุดครามซูมู่ยิ้มเยาะ"สำนักซิวหลัว เผ่าหมอ และเจ้า ต่างฝ่ายต่างอยู่ ไม่ก้าวล้ำซึ่งกันและกัน หากความสัมพันธ์เช่นนี้ถูกทำลาย สองพยัคฆ์ช่วงชิงกัน เผ่าเทียนเฝินจะต้องถือโอกาสเข้ามาผสมโรงเป็นแน่""เผ่าเทียนเฝินเป็นเผ่าเก่าแก่กว่าพันปี แกร่งกล้ามั่นคง วิทยายุทธหัวหน้าเผ่าเกินกว่าจะประเมินได้ ไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้า ภายในเผ่ายังมีท่านผู้อาวุโสอีกมากมาย หรือแม้กระทั่งปรมาจารย์อาวุโส ได้ยินมาว่า หัวหน้าเผ่าเทียนเฝินรุ่นต่อไปเหนือกว่ารุ่นก่อน วิทยายุทธก็ไม่ได้แย่ไปกว่าหัวหน้าเผ่า ต่อให้ผู้ใต้บัญชาของเจ้าจะเก่งกาจเพียงใด แต่จะเทียบพวกเขาได้อย่างไร""ยิ่งไปกว่านั้นพลังอำนาจของเผ่าเทียนเฝินนั้นสลับซับซ้อนนัก มีคนของพวกเขาอยู่ทั่วทั้งใต้หล้า แคว้นเย่...เหอะ หากไม่มีเจ้า คงถูกแคว้นต่างๆ แบ่งกลืนดินแดนไปนานแล้ว ยามนี้ฮ่องเต้น้อยยังจะใจเย็นอยู่ได้อีก"เย่จิ่งหานเอ่ยเสียงขรึม "ข้าว่าเจ้าคงว่างเกินไป"ซูมู่จัดระเบียบแขนเสื้อที่ใหญ่โคร่งของเขา ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ ด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย ระหว่างที่กินผลไม้อย่างสง่างาม ปากก็พลอยคลี่ยิ้ม
ดวงตาสุกสกาวของกู้ชูหน่วนฉายประกายความเจ้าเล่ห์ผาดหนึ่งจู่ๆ นางก็กุมหัวใจของตัวเองไว้แน่น เลือดพลันพุ่งทะลักออกมา ส่วนร่างของนางก็ล้มลงไปที่พื้น ร่างที่อ่อนแรงพูดด้วยความตกตะลึง "ผู้ใด...ผู้ใดช่างเหี้ยมโหด ถึงกับกล้า...วางยา..."ซืดดด....ทุกคนต่างก็ตกตะลึงพากันมองไปยังกู้ชูหน่วนที่นอนหลับตาปี๋จมกองเลือดอยู่อย่างไม่เชื่อสายตา สายตาเต็มไปด้วยความลนลาน“หมอหลวง รีบตามหมอหลวง”ไม่รู้ผู้ใดในกลุ่มคนตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนกเหล่าองครักษ์พากันวิ่งออกไปตามหมอหลวงอย่างรีบร้อน“พระชายา ท่านเป็นอะไรไป…”องครักษ์หญิงนางหนึ่งรวบรวมความกล้าเข้าไปจับชีพจรของนาง สีหน้าที่เดิมก็ดูหวาดกลัวอยู่แล้วพลันซีดเผือด“ไม่…ไม่มีชีพจรแล้ว…พระชายาไม่มีชีพจรแล้ว”ฟู่วววร่างของทุกคนสั่นผวาไม่มีชีพจรก็หมายความว่าตายแล้วไม่ใช่หรือคุณพระช่วย หากพระชายาเป็นอะไรไป พวกเขาจะอธิบายกับท่านอ๋องอย่างไรแต่พวกเขาคุ้มกันอย่างหนาแน่น ไม่มีทางที่ผู้ใดจะมีโอกาสวางยาพระชายาได้"ฟึบ ฟึบ ฟึบ..."ร่างที่อยู่ทั้งในที่ลับและที่สว่างต่างพากันออกไป บ้างก็ไปรายงานเย่จิ่งหาน บ้างก็ไปตามหมอ แค่เพียงในระยะเวลาสั้นๆ ผู
หลายวันมานี้อยู่แต่ในจวนหานอ๋องมาตลอด กู้ชูหน่วนคุ้นเคยกับพื้นที่นี้เป็นอย่างดีนางคลำทางไปด้วยความชำนาญ เพิ่งจะออกจากสวนไปได้ก็ถูกผู้อารักขาขวางเอาไว้"พระชายาอยากกินขนมตงฝูดอกกุ้ยฮวา พวกเจ้ารีบหลีกไป""ท่านอ๋องมีรับสั่ง ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามออกจากสวนไปแม้แต่ก้าวเดียว โดยเฉพาะท่าน พระชายา"บ้าเอ้ยนางพรางตัวแล้ว คนพวกนี้ยังจำได้อีกหรือเหมือนจะรู้ว่านางกำลังสงสัย อารักขาจึงอธิบาย"ใต้เท้าชิงเฟิงปฏิบัติตามคำสั่งของท่านอ๋องอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด เขาไม่มีทางออกไปจากเรือนทอจันทร์ อีกอย่าง ท่านอ๋องก็กำชับไว้แล้วว่าพระชายาเชี่ยวชาญเรื่องค่ายกลปากว้า แปลงกาย และบิดเบือนหลักการ ไม่ว่าผู้ใดคิดจะออกจากเรือนนี้ไปล้วนแต่เป็นไปได้ว่าคือพระชายาปลอมตัวมา""……"กู้ชูหน่วนหน้าเหวอวิเคราะห์นางได้อย่างทะลุปรุโปร่งขนาดนี้เลยหรือ"เช่นนี้หากข้าจะดื้อดึงออกไป พวกเจ้าก็จะตัดขาของข้า หรือจะคร่าชีวิตเด็กในท้องแล้วค่อยสังหารข้า ?""ข้าน้อยไม่บังอาจ แต่ท่านอ๋องรับสั่งไว้แล้ว หากพระชายาออกไปจากเรือนทอจันทร์ ให้ทุบขาของแม่นางชิวเอ๋อร์เสีย"กู้ชูหน่วนแสยะยิ้ม "วันนี้ ข้าขอประกาศไว้ ณ ที่นี้ ข้าจะต้องออก