ด้านเสี่ยวฮูหยินนั้นก็กังวลใจไม่น้อยที่เสี่ยวจิ่วฮวาไปเปิดร้านอาหารเช่นนั้น ด้วยเพราะที่ผ่านมาบุตรสาวไม่เคยต้องทำสิ่งใดด้วยตนเอง ไม่เคยลำบาก นี่เป็นการทำกิจการไม่ใช่เล่นขายของ หากเกิดข้อผิดพลาดจะทำเช่นไรเสี่ยวเย่วหยาที่เห็นท่าทีกระวนกระวายใจของมารดาเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"ท่านแม่ อย่ากังวลใจไปเลยเจ้าค่ะ ลูกได้ยินมาว่าภัตตาคาของอาจิ่วทำรายได้ไม่น้อยเลย อาจิ่วมีฝีมือในการทำอาหาร นับว่านางเติบโตแล้ว รู้จักหาเงินเองได้ นี่นับว่าเป็นเรื่องดีนะเจ้าคะ"เสี่ยวฮูหยินถอนหายใจออกมา ก่อนจะเอ่ย"ข้าเกรงว่านางจะไปขัดแข้งขัดขาใครเข้าน่ะสิ เกิดลูกค้าทำให้นางไม่พอใจ แล้วนางไปทุบตีคนเข้าจะทำเช่นไร""ท่านแม่"เสี่ยวเย่วหยาส่ายหน้าไปมา ก่อนจะยิ้มเล็กน้อย อีกสิบวันนางก็จะออกเรือนแล้ว ในใจรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยเลย หลายวันก่อนตระกูลไป๋นำสินสอดมาให้เพิ่มอีกมากมาย ไป๋หล่างเป็นคนนำมามอบให้ด้วยตนเอง นางรู้สึกอบอุ่นหัวใจไม่น้อยเลยวันนี้ที่ภัตตาคารเซียงหลงขายดีเป็นอย่างมาก เวลาช่วงบ่ายคล้อยวัตถุดิบต่างๆ ก็ไม่เหลือแล้ว เสี่ยวจิ่วฮวาจึงให้หลี่จิ่งไปซื้อของมาเตรียมเอาไว้เพื่อทำอาหารขายในวันพรุ่งนี้
หลายวันต่อมา สำนักศึกษาปิดทำการสอนหนึ่งวันเพื่อให้เหล่าศิษย์ได้พักผ่อน วันนี้เสี่ยวฮูหยินจึงคิดจะพาบุตรสาวทั้งสองไปไหว้พระขอพร เพราะว่าใกล้วันที่เสี่ยวเย่วหยาจะต้องออกเรือนแล้ว การได้ไปไหว้พระโพธิสัตว์ของพรก่อนแต่งงานย่อมถือเป็นสิริมงคลอันดีก่อนออกเรือนช่วงหลายวันมานี้หยางซู่ซู่มักจะมาหาเสี่ยวจิ่วฮวาบ่อยครั้ง เสี่ยวจิ่วฮวาเองก็มีบางคราที่ไปหาหยางซู่ซู่ที่จวนเช่นเดียวกัน บิดามารดาของหยางซู่ซู่เองก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าไม่ชอบใจที่หยางซู่ซู่คบหาเป็นสหายกับนางเลยแม้แต่น้อยกลับกลายเป็นว่าหลายวันมานี้ แผนจับคู่ที่นางคิดขึ้นมาดูเหมือนว่าจะเป็นไปตามที่นางคิดเอาไว้ทุกประการ ดูเหมือนว่าหยางซู่ซู่และพี่ชายของนางจะมีใจชอบพอต่อกันเป็นอย่างมากเลย ที่เหลือก็เพียงคิดแผนเพิ่มอีกหน่อย ทุกอย่างก็ถือว่ามีโอกาศสำเร็จราบรื่นแล้ว"คุณหนูรองเจ้าคะ บ่าวเตรียมของเสร็จเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ""อืมไปกันเถอะ ท่านแม่คงรอนานแล้ว"เสี่ยวจิ่วฮวาสั่งให้หูเป่าถือกล่องอาหารตามมา ในห่อมีขนมและเกี้ยวอยู่หลายชิ้น นางทำเอาไว้เผื่อว่าเกิดหิวระหว่างทางจะได้มีของเอาไว้กินรองท้องได้เมื่อมาถึงก็พบกับเสี่ยวอูหยินและเสี่ยวเย่วหยาที่ย
ด้านเสี่ยวฮูหยินและเสี่ยวเย่วหยาเมื่อกลับมาถึงเรือนก็ร้อนใจจนอยู่ไม่สุข แม่ทัพใหญ่เสี่ยวเมื่อกลับมาถึงและรู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้นก็บันดาลโทสะไม่น้อยเลย อีกทั้งจะออกไปช่วยเสี่ยวไป่ฟงตามหาเสี่ยวจิ่วฮวาอีกด้วย แต่ทว่ายังไม่ทันได้ออกไปก็เห็นว่ามีรถม้าคันหนึ่งมาจอดที่หน้าจวนของตน เมื่อผ้าม่านรถม้าถูกเปิดออก ก็พบกับเสี่ยวไป่ฟงที่กำลังอุ้มร่างโชกเลือดของเสี่ยวจิ่วฮวาลงมาจากรถม้า เสี่ยวฮูหยินที่ได้เห็นเช่นนั้นก็แทบเป็นลมล้มพับ โชคดีได้เสี่ยวเย่วหยาช่วยประคองเอาไว้"ท่านพ่อท่านแม่รีบตามท่านหมอมาเร็วเข้า!!!"เขาเอ่ยจบก็อุ้มน้องสาวของตนเข้าไปในเรือนทันที โชคดีที่ก่อนหน้านี้เติ้งหมิงซีมอบรถม้าให้เขายืมใช้พาเสี่ยวจิ่วฮวากลับจวน รถม้าคันนี้ดูเหมือนรถม้าของชาวบ้านทั่วไป ยามที่เข้าเมืองหลวงจึงไม่ได้เป็นที่สนใจเท่าใดนักอีกทั้งก่อนจากกันเติ้งหมิงซียังมอบยาห้ามเลือดให้เขาหนึ่งขวดอีกด้วย ระหว่างทางเพราะได้ยาของเติ้งหมิงซีจึงพอจะช่วยให้เสี่ยวจิ่วฮวาไม่หมดสติไปเสียก่อนเมื่อท่านหมอมาถึงก็รีบเร่งรักษาเสี่ยวจิ่วฮวาอย่างรวดเร็ว หมอท่านนี้เป็นหมอหญิงที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงไม่น้อย เพราะเสี่ยวจิ่วฮวาเป็นสตรีจะใ
กลางดึกคืนนั้นเสี่ยวจิ่วฮวามีไข้ เสี่ยวเย่วหยามาคอยดูแลน้องสาวอยู่ตลอดทั้งคืน ต้องช่วยกันกับหูเป่าเช็ดตัวอยู่หลายครั้งจนกระทั่งไข้เริ่มทุเลาลง เช้าวันต่อมาเสี่ยวจิ่วฮวาก็ค่อยๆ ได้สติรู้ตัวและลืมตาตื่นขึ้นมาช้าๆนางขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกับครุ่นคิดว่านางคงตายไปแล้วเป็นแน่ แต่เมื่อรู้สึกได้ถึงความเจ็บแปลบที่แผ่นหลังและเมื่อมองไปเห็นเสี่ยวเย่วหยาที่นอนหลับอยู่ข้างเตียงนางก็รู้ได้ทันทีว่านางยังไม่ตายสวรรค์!!! นางยังไม่ตายจริงๆ ด้วยเสี่ยวจิ่วฮวาทำท่าจะขยับร่างกาย แต่ทว่ากลับเจ็บจนทนไม่ไหว ร้องโอดครวญออกมา เสี่ยวเย่วหยาที่ได้ยินเสียงจึงงัวเงียตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเสี่ยวจิ่วฮวาฟื้นแล้วก็ดีใจเป็นอย่างมาก"อาจิ่ว เจ้าฟื้นแล้ว!!! เมื่อคืนเจ้ามีไข้ ข้าเป็นห่วงแทบแย่เลย"เสี่ยวจิ่วฮวาพยักหน้าเล็กน้อย รู้สึกลำคอแห้งผาก จึงขอน้ำดื่ม เสี่ยวเย่วหยารีบนำน้ำมาป้อนให้นางทันที เสี่ยวจิ่วฮวามองพี่สาวที่ดูแลนางอย่างตั้งอกตั้งใจก็พลันคิดถึงภาพในชาติก่อนขึ้นมาจะชาตินี้หรือชาติก่อน ข้าก็ทำให้เจ้าลำบากอยู่เสมอเลยเสี่ยวเย่วหยา"เจ้าหิวหรือไม่ ข้าสั่งให้คนต้มโจ๊กเอาไว้แล้ว""เย่วหยา""หืม""ขอบคุณมาก"เสี่ยวเย่ว
ผ่านไปร่วมสามวันอาการของเสี่ยวจิ่วฮวาก็ดีขึ้นมากแล้ว นางพอจะลุกนั่งและเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยตนเองได้บ้าง แต่ทว่าเสี่ยวฮูหยินกลับไม่วางใจ ยังคงมาคอยดูแลนางอยู่ตลอดเวลา ระยะนี้นางไม่ได้พบเสี่ยวเย่วหยาบ่อยเท่าใดนัก เพราะพี่สาวของนางใกล้จะเข้าพิธีแต่งงานแล้ว ย่อมต้องเก็บตัวทำเรื่องต่างๆ ให้แล้วเสร็จก่อนจะออกเรือนหลายวันมานี้เสี่ยวจิ่วฮวารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของนางและมารดาเป็นไปในทางที่ดีขึ้น ท่านแม่บ่นนางน้อยลง แทบจะไม่ต่อว่านางหรือเอานางไปเปรียบเทียบกับใคร เสี่ยวจิ่วฮวาแม้จะรู้สึกไม่คุ้นชินแต่ก็สุขใจเป็นอย่างมากการกลับมาในครั้งนี้ทำให้นางรู้ว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีวันใดที่ท่านแม่ไม่รักนางเลย แต่เป็นเพราะตัวนางเองที่ปล่อยให้ความริษยาและมักใหญ่ใฝ่สูงครอบงำจิตใจเมื่อคิดได้เช่นนั้นเสี่ยวจิ่วฮวาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย นางค่อยๆ เอนกายนั่งพิงหมอนนุ่มที่หูเป่านำมาวางไว้ให้ แม้จะยังเจ็บแผลอยู่ไม่น้อยแต่ก็นับว่าดีขึ้นมากแล้ว"หูเป่า ข้าเบื่อโจ๊กพวกนี้แล้ว อยากกินเนื้อตุ๋นจะได้หรือไม่"หูเป่าที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบยกมือห้ามเสี่ยวจิ่วฮวทันที ก่อนจะเอ่ย"ไม่ได้เจ้าค่ะคุณหนูรอง แผลของท่านยังไม่สมานหายดี หากกิน
ผ่านมาร่วมสิบวันแล้ว ในที่สุดเสี่ยวจิ่วฮวาก็ลุกขึ้นมาเดินเหินได้เสียที แม้จะยังเจ็บแผลอยู่เล็กน้อยแต่ก็ไม่เป็นอันใดมากแล้ว อีกทั้งช่วงสิบคืนที่ผ่านมานี้เติ้งหมิงซีแทบจะโผล่หน้ามาหานางทุกวัน จากความกลัวก็กลับกลายเป็นความเคยชินไปเสียอย่างนั้นวันนี้จวนตระกูลเสี่ยวประดับผ้าแดงมงคลทั่วทั้งจวน เสี่ยเย่วหยาถูกปลุกขึ้นมาแต่เช้าเพื่อแต่งหน้าเตรียมตัวแต่งเข้าจวนตระกูลไป๋ เสี่ยวจิ่วฮวาเองหลังจากตื่นนอนและอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็มาหาเสี่ยวเย่วหยาที่เรือนทันที เมื่อมาถึงเรือนของพี่สาวแล้วก็พบว่าเสี่ยวเย่วหยายามนี้แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ด้านในเรือนมีเสี่ยวฮูหยินที่กำลังยืนมองเสี่ยวเย่วหยาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ"อาจิ่ว"เสี่ยวเย่วหยาเอ่ยเรียกน้องสาวของตนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เสี่ยวจิ่วฮวาจึงเดินเข้าไปหาพี่สาวของตน ด้านเสี่ยวฮูหยินนั้นคิดว่าพี่น้องคงมีสิ่งใดอยากจะเอ่ยร่ำลากันจึงขอตัวออกไปดูความเรียบร้อยที่ด้านนอกแทนเมื่ออยู่กันตามลำพังแล้ว เสี่ยวจิ่วฮวาก็ล้วงหยิบของบางอย่างในแขนเสื้อตนนำมาวางลงในมือของเสี่ยวเย่วหยา เมื่อเสี่ยวเย่วหยาก้มมองดูก็พบว่ามันคือยันต์คุ้มภัยนั่นเองก่อนหน้าน
เช้าวันต่อมาอากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าวไม่น้อยเลย เสี่ยวจิ่วฮวาสั่งให้หูเป่านำน้ำแข็งมาวางเอาไว้ในห้องของนาง ก่อนจะเดินไปที่ห้องครัว เมื่อเช้านี้บ่าวรับใช้ที่ไปตลาดบอกว่าได้แตงโมผลใหญ่มาหลายผล เสี่ยวจิ่วฮวาจึงคิดว่าจึงนำแตงโมผลนั้นมาหั่นแบ่งเป็นชิ้นๆ แล้วให้คนนำไปมอบที่เรือนใหญ่ เมื่อทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย นางก็หิ้วกล่องอาหารที่ด้านในมีแตงโมอยู่ตรงไปที่ภัตตาคารเซียงหลงเพื่อแบ่งให้หลี่จิ่งและบิดาของเขาระยะนี้กิจการค่อนข้างเป็นไปด้วยดีไม่น้อยเลย นางช่วยกันกลับหลี่จิ่งและบิดาของเขาคิดสูตรอาหารขึ้นมาใหม่หลายสูตร ลองชิมผิดถูกกันอยู่หลายรอบจึงได้สูตรที่ถูกใจออกมา"อาจิ่ว ลูกค้าที่มากินอาหารที่ร้านบอกว่าชอบอาหารสูตรใหม่ของร้านเรามากเลยล่ะ""ดี เช่นนั้นก็เอาอาหารสูตรใหม่ๆ ทะยอยออกมาขายเถอะ"หลี่จิ่งพยักหน้า ก่อนจะมองเสี่ยวจิ่งฮวาเล็กน้อย ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเสีี่ยวจิ่วฮวานั้นมีใบหน้าที่งดงามมากเหลือเกิน เขาเองตั้งแต่วันนั้นที่ได้พบนางก็หลงรักนางตั้งแต่แรกพบขึ้นมา แต่เพราะว่านางเป็นผู้มีพระคุณของเขา เขาจึงไม่กล้าอาจเอื้อมเสี่ยวจื่วอวาที่เห็นว่าหลี่จิ่งจ้องมองนางอย่างไม่ละสายตาก็ขมวดคิ้วมุ่น ก
เติ้งหมิงซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดต้องโมโหนางมากถึงเพียงนี้ อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาเห็นว่าเติ้งเจี๋ยโอบเอวของนาง มันทำให้เขารู้สึกโมโหจนควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ได้ด้านเสี่ยวจิ่วฮวานั้นเมื่อเห็นเติ้งหมิงซีเข้ามาในห้องก็หยุดหัวเราะในทันที ก่อนจะรีบเดินไปปิดหน้าต่าง และหันมาเอ่ยกับเขา"ท่านอ๋อง ท่านว่างมากนักหรือจึงมาปืนบ้านคนอื่นเช่นนี้"เติ้งหมิงซีไม่ตอบ เขาทิ้งกายลงนั่งที่เก้าอี้ ก่อนจะเทชาใส่ถ้วยและยกขึ้นดื่ม เสี่ยวจิ่วฮวาลอบเบ้ปากคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดในใจคิดว่าเป็นบ้านตนเองหรือไรกัน!!!แม้ในใจจะลอบเหน็บแนมเขา แต่ว่าเมื่อนางสังเกตดูดีดีก็พบว่าเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่เป็นตัวเดียวกับที่เขาไปจัดการเติ้งเจี๋ยเมื่อครู่นี้ อีกทั้งใบหน้ายังเลอะคราบอาหารอยู่เลย เมื่อเห็นเช่นนั้นเสี่ยวจิ่วฮวาจึงรีบเอ่ยถามทันที"นี่ท่าน ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดหรือ"เติ้งหมิงซีหันมามองเสี่ยวจิ่วฮวา ก่อนจะเอ่ย"เจ้าเพิ่งสังเกตเห็นหรือ"เสี่ยวจิ่วฮวายกมือขึ้นลูบจมูกตน ก่อนจะเดินไปที่อ่างน้ำล้างหน้าที่นางให้หูเป่านำมาวางเอาไว้ แล้วจึงใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำบิดให้หมาด แล้วนำมายื่นให้เติ้งหมิงซ
รัชศักหมิงซีปีที1เติ้งหมิงซีขึ้นครองราชย์อย่างราบรื่น เขาแต่งตั้งไป๋หล่างให้ขึ้นเป็นเสนาบดีกรมขุนนางต่อจากบิดาของตน คอยตรวจสอบความประพฤติไม่ชอบของพวกขุนนางและจัดการได้ตามกฎหมายในทันที ส่วนเสี่ยวไป่ฟงนั้นเติ้งหมิงซีแต่งตั้งเป็นแม่ทัพใหญ่เสี่ยวแทนบิดาเพราะว่ายามนี้แม่ทัพใหญ่เสี่ยวแก่ชรามากแล้วและอยากวางมือเสียทีจึงให้เสี่ยวไป่ฟงรับหน้าที่แม่ทัพใหญ่เสี่ยวต่อจากตน และเติ้งหมิงซียังมอบตำแหน่งท่านโหวให้แก่จวนตระกูลเสี่ยวอีกด้วย เท่ากับว่ายามนี้แม้อดีตแม่ทัพใหญ่เสี่ยวจะวางมือแต่พราะมีความดีความชอบมาช้านานจึงได้ตำแหน่งท่านโหว ยังคงมีผู้คนนับถือ และตำแหน่งนี้สามารถสืบทอดต่อทายาทในตระกูลได้อีกด้วยด้านหลี่จิ่งนั้น ในการสอบเค่อจวี่ครั้งนี้ เขาสอบได้ตำแหน่งจอหงวน ได้เข้ามาทำงานในราชสำนักตามที่วาดหวังเอาไว้ โดยเติ้งหมิงซีให้ไปลองทำงานที่สำนักฮั่นหลินดูก่อน หากหลี่จิ่งมีความสามารถจริงย่อมได้เลื่อนตำแหน่งตามความเหมาะสมหยางซู่ซู่เองก็ตั้งครรภ์แล้ว ส่วนเสี่ยวเย่วหยานั้นคลอดบุตรชายอย่างราบรื่น แต่เพราะว่าร่างกายอ่อนแอจึงต้องพักฟื้นสักระยะ เสี่ยวจิ่วฮวาสั่งให้คนนำยาบำรุงไปมอบให้เสี่ยวเย่วหยาหลายอย่าง
สายลมพัดพาความหนาวเย็นเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่า เสี่ยวจิ่วฮวายามนี้กำลังนอนอยู่บนทะเลหิมะน้ำแข็งที่หนาวจับใจ นางค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ พบว่ายามนี้ตนเองนอนอยู่ที่เดิมที่เคยตายเมื่อชาติที่แล้ว หิมะทับถมเป็นกองสูงอยู่บนตัวนางข้าฝันหรือไร!!นางครุ่นคิดด้วยความหวาดหวั่น ก่อนจะคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้นางถูกเติ้งเจี๋ยจับไป ด้วยความที่หวาดกลัวจนสติแตกและถูกด้านมืดในจิตใจครอบงำ นางจึงสังหารเขาอย่างเลือดเย็นหลังจากนั้นนางก็สลบไปนางตื่นขึ้นมาและพบว่าตนเองนอนอยู่ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น หิมะตกโปรยปรายลงมาไม่หยุดช่างหนาวเหลือเกิน!!เสี่ยวจิ่วฮวาหลับตาลง พยายามลืมตาขึ้นมาอีกครั้งหวังว่าเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครานางจะออกจากที่นี่ไปได้แต่มันกลับไม่ใช่ที่นี่เปรียบเสมือนกรงขังที่ไร้ทางออก พาให้นางจมดิ่งลงลงสู่ห้วงที่ลึกที่สุดในจิตใจของตนเองเสี่ยวจิ่วฮวาพยายามลุกขึ้นก่อนจะเดินโซเซไปตามทางที่มืดทึบ หนทางช่างมืดเหลือเกินมองไปไม่เห็นสิ่งใด ฉับพลันนางได้ยินเสียงของเติ้งหมิงซีเอ่ยเรียกชื่อนางมาตามสายลม"อาจิ่ว เจ้ารีบฟื้นเร็วเข้า ข้ารอเจ้าอยู่นะ""อาหมิง!!! อาหมิงช่วยข้าด้วย ข้าออกไปไม่
เติ้งหมิงซีอุ้มเสี่ยวจิ่วฮวาเข้ามาในรถม้า ก่อนจะสั่งให้คนหาผ้าชุบน้ำสะอาดมาให้เขา ก่อนจะบรรจงเช็ดตามใบหน้าของนางอย่างอ่อนโยนก่อนหน้านี้เขาพยายามไล่ตามเติ้งเจี๋ยอย่างไม่ลดละ แต่เติ้งเจี๋ยกลับรวดเร็วยิ่งกว่า เพียงไม่นานก็หายไปจากสายตาของเขา ในขณะที่กำลังร้อนรนและตามหาเสี่ยวจิ่วฮวาอยู่นั้นก็ได้พบกับเจียงซวี่เสียก่อนเจียงซวี่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดมากมาย บอกเพียงให้เขาตามไป ก่อนจะพบว่าเติ้งเจี๋ยพาเสี่ยวจิ่วฮวามาที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งบ้านหลังนี้เติ้งเจี๋ยลอบซื้อเอาไว้ คาดว่าน่าจะซื้อเอาไว้เพื่อลักลอบทำเรื่องบางอย่างเจียงซวี่บอกเพียงว่าคนตระกูลเจียงถูกทหารของกบฏสังหารเกือบหมด เหลือรอดเพียงไม่กี่คน เติ้งหมิงซีถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ครั้งนี้บิดาของฉินฮองเฮาคงแค้นเติ้งเจี๋ยมาก ถึงกับเข้าฝั่งกบฏและนัดแนะให้ทหารกบฏเข้ามาสังหารคนของเติ้งเจี๋ยล้างตระกูลและทำลายบ้านเมืองเช่นนี้ ความแค้นมันน่ากลัวมากจริงๆแต่อย่างไรก็ต้องขอบใจเจียงซวี่ที่ช่วยเหลือเขาในครั้งนี้จนได้พบกับเสี่ยวจิ่วฮวา ทั้งที่ตนเองก็มีสภาพย่ำแย่ไม่ต่างกันภาพที่เขาเห็นก่อนหน้านี้สร้างความตกใจให้แก่เขาไม่น้อย ไม่คาดคิดว่าเสี่ยวจิ่วฮวาจะสังหาร
รถม้าเคลื่อนไปเรื่อยๆ ท่ามกลางความมืด เสี่ยวจิ่วฮวาพยายามไม่มองหน้าเติ้งเจี๋ย ส่วนบุรุษตรงหน้าก็เอาแต่จ้องมองนางอย่างไม่ลดละ สายตานั่นมันทำให้เสี่ยวจิ่วฮวาอึดอัด ทั้งอึดอัดทั้งรังเกียจและหวาดหวั่นในคราวเดียวกันภาพที่เขาทำกับนางในชาติก่อนมันสร้างบาดแผลในใจให้แก่นางอย่างไม่อาจลืมเลือนทำให้นางกลัวการนอนกับสามีตนเอง นางเหมือนคนที่สติไม่อยู่กับตัวต้องคอยฟวาดระแวงลืมอดีตไปจากใจไม่ได้นางเกลียดเติ้งเจี๋ย!!เติ้งเจี๋ยที่เห็นว่าเสี่ยวจิ่วฮวาไม่สนใจตน จึงยื่นมือมาจับปลายคางของนางให้หันมามองเขา เพราะเสี่ยวจิ่วฮวาขัดขืนเขาจึงออกแรงกับนางอย่างไม่ปรานีปราศัย"เกลียดข้ามากนักหรือ อีกไม่นานข้าก็จะได้ชื่อว่าเป็นสามีของเจ้าแล้ว!!!"เสี่ยวจิ่วฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมา ก่อนจะเอ่ยกับเติ้งเจี๋ยด้วยน้ำเสียงที่ดูแคลน"ข้าไม่ใช่ภรรยาของเจ้า ข้ามีสามีแล้ว คนต่ำช้าเช่นเจ้าคิดจะแย่งภรรยาผู้อื่นไม่อับอายบ้างหรือไร ถุย!!!"เสี่ยวจิ่วฮวาถุยน้ำลายใส่ใบหน้าของเติ้งเจี๋ยอย่างไม่แยแส ทว่าเติ้งเจี๋ยกลับไม่โกธร เขาใช้ปลายนิ้วมือขึ้นเช็ดน้ำลายของนาง ก่อนจะอ้าปากงับนิ้วของตนและดูดดื่มกับน้ำลายของนางที่เปื้อน
พ่อบ้านเหรินพาเสี่ยวจิ่วฮวาวิ่งมาจนถึงด้านนอกจวนอ๋อง ก่อนจะวิ่งฝ่าความมืดลัดเลาะไปตามเส้นทางลับก่อจจะมาถึงยังรถม้าที่จอดอยู่ข้างร้านเครื่องประทินโฉม ยามนี้ทหารกบฏถูกท่านอ๋องควบคุมได้แล้ว ทางจึงสะดวกขึ้นมา เสี่ยวจิ่วฮวาหันมามองหูเป่าและเหล่าสาวใช้ที่วิ่งหนีตามกันมา ก่อนจะเอ่ย"รีบไปกันเถอะ!!ข้าเชื่อว่าท่านอ๋องจะต้องรับมือได้"เมื่อเอ่ยจบนางก็กำลังจะก้าวขึ้นรถม้า แต่ทว่ากลับมีธนูดอกหนึ่งพุ่งเข้ามาสังหารสาวใช้ของนางตกตายไปหลายคน เสี่ยวจิ๋วฮวารีบหันกลับไปมอง ก่อนจะอุทานออกมา"เติ้งเจี๋ย!!!"นี่เขายังไม่ตายหรือ แล้วหนีรอดมาได้เช่นไร!!!เติ้งเจี๋ยหนีออกมาพร้อมกับองค์รักษ์ลับของตน เป้าหมายของเขาคือตามหาเสี่ยวจิ่วฮวาให้พบ ยามนี้เขาได้พบกับนางแล้ว เมื่อคิดได้เช่นนั้นเติ้งเจี๋ยจึงก้าวเข้ามาหาเสี่ยวจิ่วฮวาในทันที แต่ทว่าพ่อบ้านเหรินกลับสั่งให้องค์รักษ์ที่ติดตามมาด้วย ขวางทางเขาเอาไว้ เติ้งเจี๋ยปรายตามองพ่อบ้านเหรินก่อนจะเอ่ย"หากไม่อยากตายก็ส่งนางมา นางเป็นของข้า!!!"พ่อบ้านเหรินส่งเสียงเหอะในลำคอ ก่อนจะเอ่ย"ฝ่าบาท พระองค์พูดผิดแล้ว นางคือพระชายาของท่านอ๋อง เป็นนายหญิงของข้า ท่านต่างหากที่ต้องไ
รัชศก เจี๋ย ปีที่1หลังจากที่คัดเลือกสาวงามเข้าวังไปไม่นาน ก็มีข่าวออกมาว่ามีขุนหลายกลายตระกูลที่เกิดเรื่อง บ้างก็ถูกสังหารทิ้ง บ้างก็หลีกหนีออกไปจากเมืองหลวง บางครอบครัวที่ยากจนก็ถูกทหารทุบตีเพราะมาร้องทุกข์ต่อศาลต้าหลี่ว่าบุตรสาวตกตายอย่างไม่เป็นธรรมข้าวของเครื่องใช้แพงจนไม่อาจจับต้อง สินค้าบางอย่างหายากยิ่ง ข้าวสารแทบจะไม่มีเหลือให้กินให้ใช้ ราษฎรลำบากยากแค้น ในขณะที่เติ้งเจี๋ยซึ่งอยู่ในวังหลวงกลับใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญบนความทุกข์ยากของราษฎรอย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้านคิดว่าเขาไม่เจ็บแค้นที่มองเห็นราษฎรทุกข์ยากหรือ ทุกครั้งเขาแอบส่งคนไปช่วยเหลือครอบครัวเหล่านั้นครั้งแล่วครั้งเล่า ต้องทนเห็นมารดาของพวกนางกรีดร้องเพราะต้องสูญเสียบุตรสาวอันเป็นที่รัก บิดาเป็นบ้าหลังจากที่ทราบว่าบุตรสาวที่ถูกคัดเลือกเข้าวังหลวงต้องมาตายจากไปตั้งแต่อายุยังน้อย ชาวบ้านร้องไห้เพราะความอดอยาก เสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่วทั้งเมืองหลวงถึงเวลาแล้วเติ้งเจี๋ยที่เจ้าจะต้องตายเสียที!!!กลางดึกคืนนั้นเสี่ยวจิ่วฮวาถูกปลุกขึ้นมากลางดึก นางงัวเงียลืมตาขึ้นมาก่อนจะพบว่าเป็นเติ้งหมิงซีนั่นเอง"อาหมิง ปลุกข้าทำไมกัน"เสี่ยวจ
จากการสืบหาความจริงของไป๋หล่างและองค์รักษ์ลับที่แฝงตัวอยู่ในวังหลวงของจวนอ๋อง ท้ายที่สุดเพียงสามวันก็สืบพบว่าเป็นฝีมือของผู้ใด"เป็นฝีมือของฉินฮองเฮาอย่างนั้นหรือ""พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง"เติ้งหมิงซีที่ได้ยินเช่นนั่นก็ส่งเสียงเหอะออกมาคราหนึ่ง สตรีนางนั้นถึงกับกล้าเล่นไม่ซื่อกับของขวัญที่เติ้งเจี๋ยมอบให้เสียวจิ๋วฮวา ช่างอาจหาญไม่เบาเลยอยู่บนตำแหน่งฮองเฮาดีดีไม่ชอบ ได้!!! ข้าจะสงเคราะห์เจ้าเองด้านเสี่ยวจิ่วฮวาเองก็พอจะจำฉินฮองเฮานางนั้นได้ ก่อนหน้านี้สตรีผู้นี้คือพระชายาเอกของเติ้งเจี๋ยไม่เคยคิดเลยว่าฉินฮองเฮาจะลงมือกับนางเช่นนี้ หรือว่าฉินกุ้นเฟยจะรู้ว่าเติ้งเจี๋ยคิดเช่นไรกับนางจึงต้องการสังหารนางทิ้งเพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามหัวใจอย่างนั้นหรือเสี่ยวจิ่วฮวาที่คิดได้เช่นนั้นแววตาก็เย็นเยียบ นางไม่เคยอยากมีปัญหากับผู้ใด แต่คนพวกนั้นกลับนำปัญหามาให้นาง ถึงกับจะฆ่าจะแกงกันเช่นนี้มันออกจะเลือดเย็นไปหน่อยกระมังเติ้งหมิงซีที่เห็นว่าเสี่ยวจิ่วฮวานิ่งเงียบไป ก็รีบเอ่ยกับนางอย่างเป็นห่วง"เจ้าไม่ต้องกลัว คืนนี้ข้าจะส่งคนไปลอบสังหารนาง คนของข้าทำงานไม่ผิดพลาดแน่ ต่อไปนี้นางจะไม่สามารถทำร้ายเจ้าไ
หลังจากที่ฮ่องเต้เติงผิงอันสวรรคตไปแล้ว เหตุการณ์หลายอย่างก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย เจียงฮองเฮายามนี้ได้ถูกแต่งตั้งเป็นเจียงไทเฮา เสพสุขอำนาจวาสนาไม่จบไม่สิ้น ส่วนเติ้งเจี๋ยก็ได้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ยามนี้ยังอยู่ในการไว้ทุกข์ แต่มันก็เป็นเพียงการสร้างฉากบังหน้าขึ้นมาเพียงเท่านั้น ผู้ใดจะรู้ ภายในตำหนักมังกรสวรรค์ยามนี้มีศพของสตรีคนแล้วคนเล่าถูกหามออกไป บางคนไม่ตายก็แทบจะเอาชีวิตไม่รอดเป็นเช่นนี้ทุกวันจนสร้างความหวาดหวั่นให้แก่เหล่าสตรีในวังหลวงไม่น้อย นางสนมในอดีตฮ่องเต้ที่ยังสาวบางคนถูกเติ้งเจี๋ยเรียกมาปรนนิบัติเขาไม่สนใจกฎระเบียบอันใดเลยแม้แต่น้อย ส่วนเจียงไทเฮาก็ไม่สนใจสิ่งใดเพราะคิดว่าสิ่งไหนเป็นความสุขของบุตรชายนางก็ไม่อยากจะขัดขวาง"ฮองเฮาเพคะ ทรงเสวยสิ่งใดบ้างเถิดเพคะ"เสียงของนางกำนัลเอ่ยขึ้นมาด้วยความจนใจ ก่อนจะวางอาหารลงตรงหน้าฉินฮองเฮาฉินฮองเฮานางนี้เดิมทีคือพระชายาเอกของเติ้งเจี๋ย ก่อนหน้านี้นางหมายมั่นเอาไว้ว่าอำนาจจะต้องอยู่ในมือของนาง เติ้งเจี๋ยจะต้องรักใร่โปรดปราณนางไปตลอดชีวิต อีกอย่างนางกับเติ้งเจี๋ยเองก็มีรสนิยมในเรื่องเช่นนั้นเหมือนกัน เขาชอบกระทำควา
เสี่ยวจิ่วฮวาหลังจากแต่งงานก็เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเก่าครั้งหนึ่ง เมื่อกลับมาเยี่ยมจวนครั้งนี้นางพบว่ามารดาของนางไม่ได้มีสีหน้าเคร่งเครียดเท่าแต่ก่อนอีก เพราะได้รู้แล้วว่าความจริงเติ้งหมิงซีไม่ได้เป็นบ้าจริงๆ มารดากำชับนางหลายประโยคให้ระวังตนเองให้ดีและอย่าละเลยหน้าที่ของภรรยาเป็นอันขาด นางพยักหน้ารับและจดจำคำสอนของมารดาเอาไว้ทุกคำยามนี้เข้าสู่ช่วงต้นฤดูหนาวแล้ว อากาศจึงค่อนข้างเย็นไม่น้อยเลย หิมะเริ่มตกโปรยปรายมากขึ้น วันนี้เสี่ยวจิ่วฮวาจึงมาทำซุปเนื้อในโรงครัวกินเพื่อคลายความหนาวพ่อบ้านเหรินที่เดินมาพอดี ก็ปรายตามองเสี่ยวจิ่วฮวาคราหนึ่ง เดิมทีเขาไม่ชอบเสี่ยวจิ่วฮวาแต่เพราะคำสั่งของเติ้งเจี๋ยก่อนหน้านี้ที่กำชับเขาว่าห้ามทำให้นางลำบากใจ เขาจึงไม่อาจล่วงเกินนางได้ เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงเดินเข้ามาหานางก่อนจะเอ่ย"พระชายา หากทรงต้องการสิ่งใดบอกข้าน้อยได้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ ไม่จำเป็นต้องลงมาทำด้วยตนเองเช่นนี้ หากเกิดสิ่งใดขึ้น หรือเกิดความเสียหายในจวนอ๋อง เกรงว่าท่านคงรับผิดชอบไม่ไหว"เขาเอ่ยอย่างเย็นชา เสี่ยวจิ่วฮวาที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ย"ข้าจะทำซุปเนื้อกินเสียหน่อย ให้สา