Share

บทที่ 81

last update Last Updated: 2025-02-10 20:30:06

       สายลมยามดึกพัดผ่าน เปลวเทียนในตำหนักหยางซินพลิ้วไหวทำให้ภายในห้องบรรทมสลัวราง มือเรียวบิดผ้าหมาดชื้นเช็ดไปตามโครงหน้าคมเข้มด้วยความห่วงใย ดวงตาที่ปิดสนิทมาตั้งแต่เช้าบัดนี้กลับมีการขยับไหว แม้เพียงนิดแต่หลานซือเยว่ซึ่งดูแลมาหลายชั่วยามย่อมจับสังเกตได้

       เฉินเทียนอี้รู้สึกถึงความเปียกชื้นลืมตาตื่นในที่สุด ดวงตาลอยคว้างไร้จุดหมายเพียงครู่รูม่านตาก็หดแคบภาพดวงหน้างดงามคล้ายภรรยาของหลินเสวี่ยเฟิ่งลอยอยู่ตรงหน้า ทำให้เฉินเทียนอี้ที่ยังมึนงงอยู่ได้สติกลับมา

       “เสี่ยวเทียน ท่านฟื้นแล้ว!” หลานซือเยว่เรียกชายหนุ่มอย่างดีใจ รีบเข้าไปช่วยพยุงตัวเฉินเทียนอี้ให้ลุกขึ้นนั่งพิงพนักเตียง ก่อนจะรินน้ำชาอุ่นๆ ให้ชายหนุ่มจิบแก้กระหาย “มา ดื่มน้ำสักหน่อยนะ”

       เฉินเทียนอี้มองหลานซือเยว่ด้วยสีหน้าสลับซับซ้อน สายตาลึกล้ำหนักอึ้งราวกับจะดึงดูดให้ผู้คนจมหายลงไปในความมืดมิดนั้นหลับลง

Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 82

    แสงเทียนภายในห้องหนังสือของตำหนักอี้ชิ่งยังคงสว่างไสว เงาร่างสูงตระหง่านของเฉินซือหยางนั่งคร่ำเคร่งอยู่ท่ามกลางกองฎีกาเหมือนเช่นเคย พอกลับจากจวนไท่เว่ยเขาก็ไม่ได้กลับไปพักผ่อน แต่มานั่งตรวจฎีกาที่ยังคั่งค้างอยู่ให้เสร็จสิ้น แน่นอนว่าเจ้านายไม่พักแล้วข้ารับใช้จะพักได้อย่างไร ภายในห้องไม่ได้มีเพียงเฉินซือหยางยังมีจางเสี่ยวเหล่ย และขุนนางอีกผู้หนึ่งนั่งทำงานอยู่ด้วย ขณะเปลี่ยนชาให้คนทั้งสอง จางกงกงแอบส่งสายตาให้ราชครูหานหรือ 'หานจางหมิ่น' ราชเลขาธิการควบตำแหน่งที่ปรึกษาส่วนพระองค์เป็นนัย หานจางหมิ่นได้รับสายตาขอร้องจากจางกงกงได้แต่พยักหน้ารับคำ “องค์รัชทายาทดึกแล้วทรงพักผ่อนก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ ฎีกาเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญเร่งด่วน รอกลับจากแปรพระราชฐานค่อยทรงทอดพระเนตรอีกครั้งก็ยังไม่สาย” หานจางหมิ่นทูลเตือนด้วยความหวังดี “องค์รัชทายาททรงห่วงใยอาณาประชาราษฎร์ย่อมเป็นวาสนาของแผ่นดินต้าเฉินแต่หากพระองค์ทรงล้ม

    Last Updated : 2025-02-11
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทนำ

    ยอดเขาซีเทียนเฟิงล่องลอยอยู่ท่ามกลางคลื่นเมฆาในดินแดนฮุ่นตุ้น[1] พระอาทิตย์ยามอัสดงเคลื่อนคล้อยผ่านทิวเมฆสาดแสงตกต้องป่าเฟิงผืนใหญ่แผ่คลุมเหนือยอดเขา เกิดเป็นสีสันอันงดงามตระการตาหาใดเปรียบ ท่ามกลางทิวทัศน์ซึ่งหาชมได้ยากนี้มีเรือนไม้หลังน้อยซุกซ่อนอยู่ ศาลาหอเก๋ง สระบัวสีมรกต โต๊ะหินอ่อนกลางลานเรือนถูกปกคลุมไปด้วยใบเฟิงสีอิฐแลดูสว่างไสว ล้อมรอบด้วยรั้วไม้ที่มีเถาวัลย์พันเกี่ยว หากในยามปกติคงเป็นบรรยากาศอันแสนอบอุ่นงดงาม แต่ทัศนียภาพดังกล่าวกลับถูกเปลวเพลิงจากเวทอัคคีมรณะกลืนกินจนแทบไม่หลงเหลือสิ่งใดให้ชื่นชม เปลวเพลิงเตโชกสิณสีดำทมิฬถาโถมโหมกระหน่ำร้อนแรงเผาผลาญทุกสรรพสิ่งให้ราพณาสูร ท่ามกลางเปลวเพลิงมรณะลุกโชติช่วงปรากฏเงาร่างของบุรุษในชุดอาภรณ์สีฟ้าครามกวัดแกว่งกระบี่ยาวคมกริบต้านรับดาบโค้งที่ฟาดฟันอย่างดุดันหมายปลิดชีพเขา แรงปะทะกันของอาวุธวิเศษสะเทือนเลื่อนลั่นดั่งภูผาทลาย ทำให้ทั้งสองฝ่ายถูกกระแทกไปไกลหลายจั้ง[2] สบโอกาสให้ชายหนุ่มคนดังกล่าวฉวยร่างของเด็กหนุ่มผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้มากอดแนบอก หมุนตัวหลบธนูเพลิงอัคคีมรณะที่กราดยิงดุจห่าฝน “ไป!” ‘ไป่ชิ

    Last Updated : 2024-11-12
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 1 หนี้แค้นตระกูลหลี่

    “เกอเกอ... ท่านอย่าตายนะ... เกอเกอ...” ภายในตำหนักอี้ชิ่งอันกว้างใหญ่ ท่ามกลางผ้าม่านสีขาวโปร่งบางเป็นชั้นๆ ปลิวล้อสายลมยามย่ำรุ่ง ปรากฏเงาร่างกลมป้อมของ 'เฉินซือหยาง' นอนกระสับกระส่ายพลิกไปพลิกมาบนแท่นบรรทม มือเล็กกำผ้าห่มแน่น เหงื่อกาฬแตกพลั่กไหลโทรมกายเปียกชุ่มฟูกนอน เสียงละเมอของเด็กน้อยครางเครือในลำคอดังขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาจางเสี่ยวเหล่ยหรือจางกงกงที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูตำหนักตื่นตระหนกตกใจจนต้องรีบเข้าไปดู “องค์รัชทายาท องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ” “เกอเกอ!” เฮือก!! เฉินซือหยางสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย ผุดลุกขึ้นนั่งหายใจหอบหนัก ในห้วงความคิดภาพเหตุการณ์ในฝันยังคงวนเวียนอยู่ในหัว มันชัดเจนราวกับว่าเหตุการณ์นั้นได้เกิดขึ้นจริงที่ไหนสักแห่ง ไม่ใช่เพียงแค่ความฝัน ‘แล้วมันคือที่ใดกันเล่า เกอเกอที่ข้าเรียกหานั้นคือผู้ใดกัน’ เฉินซือหยางยิ่งคิดยิ่งสับสนมึนงง ใบหน้างามสง่าในห้วงฝันเริ่มเลือนรางห่างไกลราวกับคนผู้นี้ไม่มีอยู่จริง เหตุใดทุกครั้งที่เขาลืมตาตื่นพอนึกถึงภาพใบหน้าของคนผู้นั้นทีไรถึงนึกไม่ออกเล่า “เป็นอะไรไปพ่ะย่ะค่ะ ทรงพระสุบินร้ายอีกแ

    Last Updated : 2024-11-12
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 2

    แคว้นต้าเฉินสถาปนาขึ้นหลังจากพระเจ้าเฉินไท่จูซึ่งในสมัยนั้นดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ฝูกั๋ว[1] จับดาบต่อต้านจักรพรรดิราชวงศ์ก่อนที่ไม่สนใจบริหารราชกิจบ้านเมือง มัวเมาสุรานารี ปล่อยให้เหล่าขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวง แบ่งพรรคแบ่งพวกกันรีดนาทาเร้นประชาชนจนราชสำนักฟอนเฟะ ราษฎรอดอยากยากแค้น ชนเผ่าต่างแคว้นรุกราน เกิดภัยแล้งและภัยสงครามขึ้นทุกหย่อมหญ้า ประชาชนจึงลุกฮือขึ้นต่อต้านเหล่าขุนนางกังฉินจนแผ่นดินลุกเป็นไฟ ตอนนั้นพระเจ้าเฉินไท่จูได้รับคำสั่งให้ไปปราบจลาจลชาวบ้าน เพราะทนเห็นความอยุติธรรมไม่ไหวจึงรวบรวมไพร่พลใต้บังคับบัญชาเข้าร่วมกับชาวบ้านร่วมกันต่อต้านราชวงศ์ มุ่งหน้าทำศึกยึดเมืองต่างๆ จับกุมขุนนางกังฉินทั่วแผ่นดินตัดศีรษะแขวนศพประจานไว้หน้าประตูเมืองให้เป็นเยี่ยงอย่าง รวบอำนาจเบ็ดเสร็จมุ่งหน้ากรำศึกสุดท้ายที่ผิงอานเมืองหลวงของแคว้น จับจักรพรรดิโฉดชั่วผู้นั้นสังหาร แล้วปราบดาภิเษกขึ้นเป็นจักรพรรดิพระองค์ใหม่แห่งแคว้นต้าเฉิน เริ่มรัชสมัยอันรุ่งเรืองเฟื่อ

    Last Updated : 2024-11-13
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 3

    “มาแล้วหรือ มานั่งนี่สิ” เฉินเทียนอี้ตบตักตนเองเบาๆ เรียกให้บุตรชายไปนั่งด้วย เฉินซือหยางเห็นดังนั้นก็ไม่อิดเอื้อนปีนขึ้นไปนั่งบนตักของเสด็จพ่ออย่างคุ้นชิน “เสด็จพ่อทรงทอดพระเนตรอะไรอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ” เฉินซือหยางชะโงกหน้ามองฎีกาที่เสด็จพ่อทรงอ่านค้างไว้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ศีรษะเล็กๆ ส่ายไปมาเล็กน้อยจนแทบไม่เห็นหากไม่สังเกตดูดีๆ ในระหว่างที่เจ้าตัวอ่านฎีกา ทำเอาผู้เป็นพ่อแย้มเยือนเอ็นดูในความใคร่รู้ของบุตรชาย “พ่อกำลังอ่านฎีกาที่เจิ้งกั๋วกง[1] ให้ม้าเร็วส่งมาให้” เฉินเทียนอี้บอกบุตรชายทั้งยังกอดร่างเล็กนุ่มนิ่มไว้ในอ้อมแขนเมื่อเจ้าตัวชะโงกหน้าเข้าไปใกล้โต๊ะมากเกินไป จนผู้เป็นบิดากลัวว่าบุตรชายจะหล่นจากพระที่นั่ง “เจิ้งกั๋วกงรบชนะเซียนเป่ยแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก” “เป็นข่าว

    Last Updated : 2024-11-14
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 4

    หลังจากเฉินซือหยางหารือข้อราชกิจกับเสด็จพ่อจนถึงยามโหย่ว[1] พอเดินออกจากตำหนักเฉียนชิงก็พบกับเหล่านางสนมที่มารอเข้าเฝ้า ทุกคนต่างผัดหน้าทาชาดกันมาแบบจัดหนักจัดเต็มยังกับจะมาเล่นละครงิ้วกันเสียเอง กลิ่นเครื่องหอมกำยานอบร่ำกันมาทั้งเนื้อทั้งตัวต่างคนก็ต่างกลิ่น คนนี้อบกลิ่นโม่ลี่ฮวา[2]คนนั้นอบกลิ่นอิงฮวา[3]คนโน้นเองก็อบกลิ่นเหมยกุ้ยฮวา[4]มีสารพัดกลิ่นราวกับยกหมู่มวลดอกไม้มาทั้งอุทยานหลวง กลิ่นเหม็นฉุนปะทะกันสารพัดกลิ่นแทบจะรมคนให้ตายได้ เฉินซือหยางได้กลิ่นคราแรกถึงกับหน้ามืดตาลาย เริ่มรู้สึกนับถือเสด็จพ่อจากก้นบึ้งของหัวใจที่พระองค์สามารถทนประทับอยู่กับสารพัดกลิ่นฉุนเหล่านี้ได้หลายปีดีดัก “ถวายบังคมองค์รัชทายาทเพคะ / พ่ะย่ะค่ะ” บรรดาสนมนางกำนัล และขันทีแต่ละตำหนัก ซึ่งตอนแรกพูดจาเสียดสีกันต่า

    Last Updated : 2024-11-15
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 5

    เพียงชั่วก้านธูป[1] ผู้เป็นใหญ่แห่งวังหลังทั้งสองพระองค์ก็เสด็จกลับออกมา ภาพที่เฉินเทียนอี้เห็นในสายพระเนตรคือ ภาพของเหล่าสนม นางกำนัลนั่งคุกเข่ากันเรียงรายเป็นทิวแถวท่ามกลางหิมะตกหนัก ทุกคนหน้าซีดปากสั่นมีหิมะเกาะเต็มศีรษะสภาพน่าอเนจอนาถยิ่ง “ฝ่าบาท” “ฝ่าบาทเพคะ” เสียงร้องน่าเวทนาดังระงมดุจจักจั่นในฤดูร้อน ทำเอาเฉินเทียนอี้มุมปากกระตุก คิ้วคมเข้มขมวดฉับ ตวัดสายเย็นเฉียบมองคนต้นเรื่องด้วยความเดือดดาล จิตสังหารแผ่ซ่านจนซูโม่หลันสั่นสะท้านนึกเสียใจภายหลังที่ลงมือโดยพลการเช่นนี้ “หวังกงกง” “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” “ถอนรับสั่งของเต๋อเฟยเดี๋ยวนี้! บอกให้นางกำนัลปรนนิบัติเหล่าสนมรักของเราให้ดีอย่าให้

    Last Updated : 2024-11-18
  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 6

    แสงตะวันจับขอบฟ้าขับไล่ความหนาวเหน็บยามค่ำคืนในสารทฤดูให้จางหาย ละอองหิมะโปรยปรายลงมาบางเบาก่อนจะปลิวหายไปกับสายลมเย็นชื่น ผู้คนในเมืองผิงอานเริ่มต้นเช้าวันใหม่กันอย่างคึกคัก ชาวบ้านต่างพากันทำความสะอาดลานเรือนอย่างขะมักเขม้น โรงเตี๊ยมต่างๆ ร้านรวงริมทางเปิดทำการค้าแต่เช้าตรู่ พ่อค้าจากต่างถิ่นหลั่งไหลเข้ามาแลกเปลี่ยนสินค้า แต่วันนี้เมืองหลวงครึกครื้นยิ่งกว่าวันใด ที่นั่งในร้านรวงต่างๆ บนเส้นทางสัญจรสายหลักถูกจับจองจนแน่นขนัด เนื่องจากผู้คนต่างพากันมามุงดูขบวนทัพที่กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ประตูเมือง ชายวัยกลางคนหน้าตาดุดันเหี้ยมหาญในชุดออกศึกสวมเกราะหนักทั้งตัว ควบอาชาสีขาวพ่วงพีนำหน้าทัพหลวงเคลื่อนขบวนเข้ามาในเมืองผิงอานอย่างองอาจห้าวหาญธงรบสะบัดไหวรับกับจังหวะการย่างก้าวของกองทัพ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันน่าเกรงขามจนผู้คนต่างพากันเลื่อมใส ร้องตะโกนแสดงความยินดีกับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ที่เหล่าทหารหาญแลกมาด้วยแรงกาย แรงใจ และหยาดโลหิต ดอกไม้งามโปรยตามเส้นทางที่ขบวนทัพเคลื่อนผ่านเป็นการต้อนรับเหล่าผู้กล้า หญิงสาวที่ยัง

    Last Updated : 2024-11-19

Latest chapter

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 82

    แสงเทียนภายในห้องหนังสือของตำหนักอี้ชิ่งยังคงสว่างไสว เงาร่างสูงตระหง่านของเฉินซือหยางนั่งคร่ำเคร่งอยู่ท่ามกลางกองฎีกาเหมือนเช่นเคย พอกลับจากจวนไท่เว่ยเขาก็ไม่ได้กลับไปพักผ่อน แต่มานั่งตรวจฎีกาที่ยังคั่งค้างอยู่ให้เสร็จสิ้น แน่นอนว่าเจ้านายไม่พักแล้วข้ารับใช้จะพักได้อย่างไร ภายในห้องไม่ได้มีเพียงเฉินซือหยางยังมีจางเสี่ยวเหล่ย และขุนนางอีกผู้หนึ่งนั่งทำงานอยู่ด้วย ขณะเปลี่ยนชาให้คนทั้งสอง จางกงกงแอบส่งสายตาให้ราชครูหานหรือ 'หานจางหมิ่น' ราชเลขาธิการควบตำแหน่งที่ปรึกษาส่วนพระองค์เป็นนัย หานจางหมิ่นได้รับสายตาขอร้องจากจางกงกงได้แต่พยักหน้ารับคำ “องค์รัชทายาทดึกแล้วทรงพักผ่อนก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ ฎีกาเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญเร่งด่วน รอกลับจากแปรพระราชฐานค่อยทรงทอดพระเนตรอีกครั้งก็ยังไม่สาย” หานจางหมิ่นทูลเตือนด้วยความหวังดี “องค์รัชทายาททรงห่วงใยอาณาประชาราษฎร์ย่อมเป็นวาสนาของแผ่นดินต้าเฉินแต่หากพระองค์ทรงล้ม

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 81

    สายลมยามดึกพัดผ่าน เปลวเทียนในตำหนักหยางซินพลิ้วไหวทำให้ภายในห้องบรรทมสลัวราง มือเรียวบิดผ้าหมาดชื้นเช็ดไปตามโครงหน้าคมเข้มด้วยความห่วงใย ดวงตาที่ปิดสนิทมาตั้งแต่เช้าบัดนี้กลับมีการขยับไหว แม้เพียงนิดแต่หลานซือเยว่ซึ่งดูแลมาหลายชั่วยามย่อมจับสังเกตได้ เฉินเทียนอี้รู้สึกถึงความเปียกชื้นลืมตาตื่นในที่สุด ดวงตาลอยคว้างไร้จุดหมายเพียงครู่รูม่านตาก็หดแคบภาพดวงหน้างดงามคล้ายภรรยาของหลินเสวี่ยเฟิ่งลอยอยู่ตรงหน้า ทำให้เฉินเทียนอี้ที่ยังมึนงงอยู่ได้สติกลับมา “เสี่ยวเทียน ท่านฟื้นแล้ว!” หลานซือเยว่เรียกชายหนุ่มอย่างดีใจ รีบเข้าไปช่วยพยุงตัวเฉินเทียนอี้ให้ลุกขึ้นนั่งพิงพนักเตียง ก่อนจะรินน้ำชาอุ่นๆ ให้ชายหนุ่มจิบแก้กระหาย “มา ดื่มน้ำสักหน่อยนะ” เฉินเทียนอี้มองหลานซือเยว่ด้วยสีหน้าสลับซับซ้อน สายตาลึกล้ำหนักอึ้งราวกับจะดึงดูดให้ผู้คนจมหายลงไปในความมืดมิดนั้นหลับลง

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 80

    จ้าวลี่หมิงถูกอุ้มขึ้นรถม้าในสภาพเหนื่อยล้าอ่อนแรง ใบหน้าปรากฏสีแดงระเรื่อแลดูคลุมเครือยิ่งนัก พอเฉินซือหยางวางร่างเล็กลงบนพรมหนานุ่มเท่านั้น จ้าวลี่หมิงก็เอาผ้าห่มมาคลุมโปงนอนหันหลังให้คนตัวโตอย่างแง่งอน “เป็นอะไรไปอีกเล่า ยังโกรธข้าเรื่องนั้นอยู่หรือ” เฉินซือหยางสะกิดคนตัวเล็กผ่านผ้าห่มผืนหนา กลัวว่าคนตัวเล็กจะขาดอากาศหายใจจึงดึงผ้าบริเวณดวงหน้างามออก จ้าวลี่หมิงจึ๊ปากถลึงตามองคนก่อกวนด้วยความไม่พอใจจนแก้มพอง “รู้ตัวก็ดี คราวนี้ท่านก็อยู่ห่างๆ ข้าหน่อย ไม่งั้นข้าจะทุบท่านให้ตายไปเลย” จ้าวลี่หมิงชูกำปั้นข่มขู่ท่าทางเช่นนั้นเหมือนกับแมวน้อยแสนงอนไม่มีผิด “โหดร้าย! ข้าปรนนิบัติพระชายาไม่ดีตรงไหน เหตุใดถึงได้ผลักไสไล่ส่งกัน” เฉินซือหยางบีบน้ำตาจระเข้สองหยด แสร้งหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาราวกับภรรยาตัวน้อยที่ถูกสามีทอดทิ้ง ท่าทางเสแสร้งเยี่ยงอิ

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 79

    “หยางหยาง” เสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้น ประตูห้องหนังสือเปิดกว้างพร้อมกับร่างสูงโปร่งของจ้าวลี่หมิงกระโดดโลดเต้นเข้ามา แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก ดวงตาคู่งามดุจเมล็ดซิ่งเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าเฉินซือหยางไม่ได้อยู่ในห้องเพียงลำพัง “อ่ะ! พี่ซาน ท่านก็อยู่ด้วยหรอกหรือ ข้านึกว่าขุนนางทุกคนกลับไปแล้วเสียอีก” “อืม มีเรื่องหารือกับรัชทายาทนิดหน่อยน่ะ” เฉินซือหยางส่งสายตาให้ จินซานรีบซ่อนราชโองการไว้ในแขนเสื้ออย่างรวดเร็วตามพระประสงค์จ้าวลี่หมิงเพิ่งเข้ามาไม่ทันสังเกตเห็นความนัยระหว่างคนทั้งสองเลยไม่ได้เอะใจอะไร “แล้วนี่พวกท่านกำลังหารือเรื่องอะไรกันอยู่หรือ ถ้ายุ่งมากข้าออกไปก่อนดีหรือไม่” “ไม่ต้องหรอก พวกข้าหารือกันเสร็จพอดีใช่หรือไม่ใต้เท้าจิน”&

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 78

    ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตำหนักเฟิ่งหลวนระหว่างเมิ่งซิ่วหวง และหลินหลิงปรากฏเป็นเงาร่างวูบไหวสะท้อนบนคลื่นน้ำสีฟ้ากระจ่างใสซึ่งบรรจุอยู่ในกรอบโลหะชั้นดีประดับลูกแก้วหลิวหลีหลากสีแลดูงดงามจับตา ล้วนตกอยู่ภายใต้ดวงตาหงส์คู่งามของหลินช่านเฟิ่ง บทสนทนาของทั้งคู่ยังคงดังกังวานอยู่ภายในห้องอันเงียบสงัด อะไรคือรักพี่ของนางยิ่งกว่าสิ่งใด? อะไรคือเสียสละให้? น่าขัน! หลินช่านเฟิ่งเผยรอยยิ้มเหยียดหยัน มองเงาสะท้อนของเมิ่งซิ่วหวงผู้เป็นมารดาในกระจกวารีพิสดารด้วยความเดือดดาล ดวงตาหงส์แดงก่ำราวกับหยดเลือด “ข้าทุ่มเทมาทั้งชีวิต ดิ้นรนด้วยเลือดเนื้อและหยาดน้ำตากว่าจะปีนป่ายขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ด้วยตัวของข้าเอง แล้วเหตุใดข้าต้องหลีกทางให้มัน” หลินช่านเฟิ่งถามเมิ่งซิ่วหวงผ่านกระจกเงาด

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 77

    ไกลออกไปนับพันหมื่นลี้ บนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันสุขสงบกลับเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ เมื่อชั่วอึดใจก่อนเหล่าเทพเซียนได้ยินเสียงร้องคำรามน่าเกรงขามของมังกรบรรพกาลต่างพากันหวาดหวั่นขวัญผวาเร่งเขียนฎีกาถวายเทียนตี้[1] ให้ทรงทราบถึงการปรากฏตัวอีกครั้งของอดีตองค์ไท่จื่อสวีเฟยหลง เรื่องใหญ่สะท้านฟ้าสะเทือนดินเช่นนี้ ย่อมตกเป็นหัวข้อประชุมเร่งด่วน ทั้งองค์ประชุมต่างมีความเห็นที่แตกต่างกัน ทั้งกลุ่มขั้วอำนาจเดิมของอดีตองค์ไท่จื่อ ทั้งขั้วอำนาจใหม่ของไท่จื่อสวีหนิงหลง รวมถึงผู้ที่จงรักษาภักดีต่อเทียนตี้ และพวกที่วางตัวเป็นกลางไม่เข้าข้างฝ่ายใด ต่างแบ่งฝักแบ่งฝ่ายถกเถียงกันอยู่เป็นนานว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี “กระหม่อมเห็นควรว่าเราควรส่งทหารสวรรค์สิบหมื่นนายไปจับกุมอดีตองค์ไท่จื่อมาลงทัณฑ์ รับผิดชอบต่อหายนะที่พระองค์ได้ก่อไว้ในกาลก่อน” เห็นชัดว่าผู้ที่กล่าวเช่นนี้ย่อมเป็นคนของสวีหนิงหลง คนของสวีเฟยหลงหรือจะยอมให้คนเหล่านั้นเพ

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 76

    “เอ๋อร์... เสวี่ยเอ๋อร์...” ใคร? ผู้ใดกำลังเรียกเขากัน หลานซือเยว่ครุ่นคิด จู่ๆ ภาพเหตุการณ์บางอย่างก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า หลานซือเยว่ในร่างของหญิงสาวผู้มีดวงหน้างดงามดั่งแสงจันทรานั่งขัดเขินอยู่หน้าคันฉ่องบานใหญ่ ใบหน้าคล้ายกับตนไม่มีผิดเพี้ยนส่งยิ้มเอียงอายให้หญิงสาวอีกคนผู้มีเค้าโครงหน้าเหมือนกันยืนหวีผมสีเงินงดงามให้ทางด้านหลัง “เสวี่ยเอ๋อร์ พอออกเรือนแล้วต้องปรนนิบัติองค์ไท่จื่อให้ดีรู้หรือไม่” “ท่านแม่ ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ” หลานซือเยว่ตอบรับไปตามสัญชาตญาณ “แล้วก็รีบมีหงส์หรือมังกรน้อยตัวอวบอ้วนให้อุ้มแม่เร็วๆ” “ท่านแม่ละก็” หลินเสวี่ยเฟิ่งเมื่อครั้นยังอยู่ในร่

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 75

    “พูดจาเย็นชาจังเลยน้าาา ไม่น่ารักเลยสักนิด แต่ก็เอาเถอะ ในเมื่อเจ้ายอมรับปาก ข้าจะยอมปล่อยไปก่อนก็ได้ แต่จงจำไว้ว่าเวลาอยู่ต่อหน้าข้า อย่าได้พูดชื่อมันให้ข้าได้ยินอีกเด็ดขาด ไม่งั้นหากข้าเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา คนที่จะต้องเสียใจย่อมเป็นเจ้า” สวีเฟยหลงแกล้งจุ๊บริมฝีปากบาง หลานซือเยว่กำมือแน่นข่มกลั้นความคลื่นเหียนที่ได้รับจากชายผู้นี้ ซึ่งสวีเฟยหลงก็เห็นอยู่ตำตา แต่ชายหนุ่มไม่ได้ใส่ใจ 'เกลียดได้เกลียดไป อย่ามาตกหลุมรักเขาก็แล้วกัน' “เอาล่ะไม่แกล้งเจ้าแล้ว สายมากแล้วเจ้าก็กินอะไรหน่อยเถอะ" สวี‍‍เฟย‍‍หลงหยิบน้ำแกงปลาที่เย็นชืดไปนานออกมาใช้ฝ่ามืออุ่นให้ร้อนค่อยตักป้อนภรรยา "รู้ไหมข้าตั้งใจเคี่ยวตั้งนานเลยนะ น้ำแกงปลาชามนี้มีแต่ของที่มีประโยชน์ต่อเจ้า มา! เจ้าลองชิมดู” สวีเฟยหลงเป่าน้ำแกงให้หายร้อนยื่นช้อนหยกจ่อริมฝีปากบาง

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 74

    สวีเฟยหลงหลับตาลงอย่างรวดร้าว เสียงอบอุ่นนุ่มนวลของภรรยาในห้วงคำนึงยังคงดังกึกก้อง ‘ท่านวางใจเถอะ ถึงท่านจะไม่เต็มใจแต่งกับข้า แต่ข้าจะเป็นภรรยาที่ดีของท่าน ทำทุกอย่างเพื่อท่าน รักท่านเพียงผู้เดียว’ คำมั่นสัญญาที่บอกว่าจะรักเขาเพียงผู้เดียว เงาร่างที่ยอมรับความตายแทนเขาโดยไม่หวั่นเกรง ‘อาหลง ระวัง!’ เสียงร้องเตือนด้วยความห่วงใย แผ่นหลังแบบบางที่ขวางอยู่เบื้องหน้าเขา ปกป้องเขาอย่างสุดกำลังยังติดตรึงอยู่ในจิตใจไม่ลืมเลือน แม้จะรู้ว่าหนทางข้างหน้ามีแต่ความตายก็ยังบุกหน้าฝ่าฟันร่วมกันกับเขาผู้นั้นอยู่แห่งหนใด ดวงตาคมเข้มดุจรัตติกาลสั่นไหว เงาร่างในห้วงคำนึงค่อยๆ เลือนหายไป เปลี่ยนเป็นหลินเสวี่ยเฟิ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาผู้นี้ “รักมันมากใช่ไหม คงรักมันมากสินะ” สวีเฟยหลงหัวเร

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status