เลือกที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าโดยตรงกับเฟิงซิงเจี้ยนแต่เฟิงซิงเจี้ยนไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ง่ายดายหลังจากพลังการต่อสู้ที่พุ่งสูงขึ้นความเร็วของเขาไม่ช้าไปกว่าหลินตงหลินตงไม่สามารถหลบหนีได้ไกล ดังนั้นเขาจึงต้องหันหลังกลับและเผชิญหน้ากับเฟิงตงหลายครั้งจากนั้นก็หาโอกาส ในการหลบหนีต่อไปจึงถ่วงเวลาด้วยวิธีนี้หลังจากทำซ้ำหลายครั้งแต่ผลลัพธ์ที่ได้ค่อนข้างดีเฟิงซิงเจี้ยนไม่สามารถฆ่าหลินตงได้เป็นเวลานานส่งผลให้อารมณ์เริ่มหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆหลังจากถูกหลินตงหลบหนีไปได้หลายครั้งปากส่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว เหมือนเสียงคำรามของสัตว์ป่าต้องการฉีกหลินตงให้เป็นชิ้นๆในขณะนี้ หลินตงรู้สึกว่าเขาไม่ได้เผชิญหน้ากับมนุษย์ แต่เป็นสัตว์ร้ายที่ดุร้ายในสภาพคลุ้งคลั่งจริงๆ แล้วความรู้สึกของหลินตงก็ไม่ได้ผิดส่วนประกอบหลักของเซรุ่มเลือดม้ายูนิคอร์นคือเลือดของสัตว์สวรรค์ที่เรียกว่าม้านิลมังกรม้านิลมังกรมีร่างกายที่แข็งแกร่งและไม่มีอะไรสามารถเทียบเคียงได้แต่มีนิสัยดุร้ายเกิดมาพร้อมกับร่างกายระดับดาวเทียมเมื่อถึงวัยโตเต็มไวความแข็งแกร่งทางกายภาพสามารถไปได้ถึงระดับจ้าวจักรว
เสียงคำรามของม้านิลมังกร ทำให้ผู้เฝ้าดูเช่นหลินตงตกใจหลินตงสัมผัสได้ถึงพลังงานที่อยู่ในร่างของเฟิงซิงเจี้ยนทรงพลังยิ่งกว่าพลังงานจากการระเบิดของยานรบประจัญบานกาแล็กซีเสียอีกนี่มันหมายความว่ายังไงกัน?น่าแปลกที่มันสามารถเปลี่ยนคนให้กลายเป็นแบบนี้ได้เสียงคำรามหยุดลงดวงตาสีแดงเข้มของเฟิงซิงเจี้ยนมองไปที่หลินตงหลินตงตัวแข็งทื่อดวงตานี้มันอะไรกัน?ไม่เห็นร่องรอยของความเป็นมนุษย์อยู่เลยภายในมีแต่อารมณ์อันบ้าคลั่งดูเหมือนว่าต้องการทำลายล้างทั้งโลก“ฉึบ….”ร่างของเฟิงซิงเจี้ยนสั่นไหวปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าหลินตงทันทีบิดร่างกลางอากาศหมอกสีแดงเข้มที่อยู่รอบตัวเขาก่อตัวเป็นร่างเงาของม้านิลมังกร ซึ่งสะท้อนการเคลื่อนไหวและกวาดหางไปทางหลินตงเร็วมาก!!!ไม่มีเวลาที่จะหลบเลี่ยงทันหลินตงไขว้มือไว้ข้างหน้าหน้าอกโดยสัญชาตญาณ ตั้งท่าป้องกัน“ปัง!!!”เสียงปังดังสนั่นหลินตงรู้สึกถึงพลังมหาศาลกำลังเข้ามาม้านิลมังกรที่ก่อตัวขึ้นจากหมอกสีแดงเข้มที่ซึมออกมาจากร่างกาย กวาดล้างระยะทางหลายร้อยกิโลเมตรด้วยหางของมันความเจ็บปวดแผดเผา แผ่ซ่านไปทั่วมือและแขนทั้งสองข้างแม้ว่าหลินตงจ
จากนั้นหลบการโจมตีนี้แต่เขากลับพบว่ามือของเขาไม่สามารถดึงกลับได้ถูกกรงเล็บของม้านิลมังกรจับไว้แน่นแล้วหลินตงรู้ถึงแรงของการสะบัดหางนี้เไม่กล้าเผชิญหน้าตรงๆทำได้แค่โจมตีเฟิงซิงเจี้ยนด้วยร่างกายเท่านั้นทั้งสองผละตัวออกจากกันอย่างรวดเร็วแม้ว่ามันจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ ต่อเฟิงซิงเจี้ยนแต่อย่างน้อยก็ให้หลินตงหลีกเลี่ยงการโจมตีครั้งสุดท้ายนี้ได้หลินตงไม่สามารถแยกตัวออกไปได้ทำได้แค่กำหมัดด้วยมือซ้ายและโจมตีหัวม้านิลมังกรสีแดงเข้มทีละหมัด“ปังๆๆ……”หลังจากรัวหมัดหลายสิบหมัดมือซ้ายของเขามีเลือดออกมากแต่เขายังคงไม่สนใจเฟิงซิงเจี้ยนคว้าหมัดของหลินตงด้วยกรงเล็บมังกรในมือซ้ายของเขาและตีเข่าใส่เขาในเวลาเดียวกันหลินตงก็เตะออกไปเพื่อตอบโต้“ตู้ม!”ทั้งสองฝ่ายปะทะกันบังคับให้ทั้งสองออกจากกันหลินตงกัดฟัน ถูข้อมือที่เจ็บของเขาบัดซบสัตว์ร้ายตัวนี้จัดการได้ยากจริงๆ และไม่รู้ว่ายาสีแดงเข้มนั้นคืออะไรน่าแปลกใจที่มันสามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งได้หากเขามีโอกาส จะต้องหามันมาไว้ใช้ยามฉุกเฉินบ้างถ้าหลินตงรู้เกี่ยวกับผลข้างเคียงของการใช้เซรุ่มเลือดม้ายู
ความว่างเปล่าทั้งหมดสงบลงหลินตงจับกรงเล็บสัตว์ร้ายของเฟิงซิงเจี้ยนด้วยมือซ้าย ฝ่ามือขวาของเขากดแน่นกับหน้าอกทั้งสองยืนเงียบๆ ในความว่างเปล่า โดยไม่มีใครขยับตัวสภาพปัจจุบันของหลินตงดูน่าเป็นห่วงเสื้อผ้าของเขาขาดรุ่งริ่งแถมยังมีคราบเลือดอยู่มากมายทำให้หวงฝู่ซีเยว่ต้องกุมหน้าอก ด้วยความกังวลและนักรบจากโลก รวมถึงซ่งซือหมิน รู้สึกตึงเครียดและไม่สบายใจท้ายที่สุดแล้ว ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ของคนสองคนนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของมนุษย์หลายพันล้านคนบนโลกทั้งใบสำหรับเฟิงจิ่วจงกับเฟิงจื่อเยว่ หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยมานานแล้วเฟิงซิงเจี้ยนจ้องมองหลินตงด้วยดวงตาสีแดงก่ำดูเหมือนเขาต้องการที่จะกลืนกินเขาแต่ค่อยๆ สีแดงก่ำในดวงตาของเขาจางหายไปและรัศมีสีแดงเข้มของสัตว์ร้ายที่อยู่รอบตัวเขาก็เริ่มสลายไปเช่นกัน"อึกก!"เฟิงซิงเจี้ยนกระอักเลือดออกมาเต็มปากรัศมีเขาเริ่มลดลงอย่างรวดเร็วมันลดลงอย่างรวดเร็วถึงจุดต่ำสุดในขณะนี้ ในที่สุดเขาก็ตื่นขึ้น จากสภาวะบ้าคลั่งสายตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อหลังจากใช้เซรุ่มเลือดม้ายูนิคอร์น สภาวะม้านิลมังกรก็สลายไปโดยไม่ได้ผ่านการรั
เขาเองก็รู้สึกสบายใจมากเช่นกันแม้ว่าอาจจะมีความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างกองกำลังหลักอยู่บ้างเป็นประจำแต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูภายนอก ทุกคนก็ยังรู้จักกาลเทศะมากสามารถรวมกันเป็นหนึ่งได้ยืนหยัดต่อสู้กับศัตรูร่วมกันนั่นเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม“ฉันรู้สึกโล่งใจที่เห็นพวกคุณคิดแบบนี้”หลังจากที่หลินตงพูดจบ เขาก็มองไปที่ศพของเฟิงซิงเจี้ยนที่ลอยอยู่ในความว่างเปล่าเขาหันศีรษะและชี้ให้หวงฝู่ซีเยว่ปล่อยเขาไปก่อนจากนั้นก็เดินไปหาเฟิงซิงเจี้ยนเริ่มตรวจสอบร่างกายของเขายิ่งการตรวจสอบลึกลงไปเท่าไรคิ้วของเขายิ่งขมวดมากขึ้นจนกระทั่งการตรวจสอบเสร็จสิ้นสีหน้าของหลินตงก็ดูน่ากลัวทำให้ซ่งซือหมินและคนอื่นๆ ตึงเครียดอีกครั้ง ความโล่งใจก่อนหน้านี้ของพวกเขาจางหายไปอย่างรวดเร็ว“เกิดอะไรขึ้น หลินตงมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?“ ซ่งซือหมินถาม“โอ้! ไม่มีอะไร ลุงซ่ง อย่าเป็นกังวลไปเลย!” หลินตงฟื้นคืนสติและพูดแต่ภายในกลับเริ่มสาปแช่งไปแล้วในฐานะผู้ที่เชี่ยวชาญการแพทย์แผนจีนโบราณขณะกำลังตรวจสอบ หลินตงเพิ่งค้นพบร่างของเฟิงซิงเจี้ยน เซลล์ทั้งหมดในร่างกายของเขากำลังจะพังทลายสภาพนี้ไม่
เมื่อหลินตงสังหารเฟิงซิงเจี้ยนศูนย์กลางของกาแล็กซีทางช้างเผือก อารยธรรมระดับที่สามดาวเฟิงหวัง บ้านบรรพบุรุษตระกูลเฟิงเสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นอีกครั้ง“น่ะ น่ะ นายท่าน มีเรื่องร้ายเกิดขึ้น!” สมาชิกในครอบครัวเฟิงที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลไพ่ชะตาชีวิตของครอบครัวร้องออกมาด้วยความกลัว ในขณะที่เขาพูดกับผู้จัดการตระกูลเฟิง“อะไรทำให้นายตื่นตระหนกขนาดนั้น? พูดมาสิ!” “นะ นะ นายน้อยสองตายแล้ว!”“อะไรนะ??? พูดอีกทีสิ! ใคร...ใคร...ใครตาย" ผู้จัดการลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจทันทีและพูด“นายท่านเฟิงซิงเจี้ยนตายแล้ว ไพ่ชะตาชีวิตของเขาเพิ่งจะแตกไป”“เร็วเข้า...รีบรายงานให้ผู้นำตระกูลทราบ”“ขอรับ!”ในขณะนั้น เฟิงซิงโจวกำลังต้อนรับแขกผู้มีเกียรติหม่าตงเฉิง รองคณบดีสถาบันที่เก้าของสถาบันสงครามกาแลคซีสถาบันสงครามกาแลคซีป็นสถาบันระดับแนวหน้าภายใต้อาณาจักรกาแล็กซีก่อตั้งเพื่อสร้างเหล่าผู้มีพรสวรรค์ให้อาณาจักรโดยเฉพาะถูกแบ่งออกเป็นเก้าสถาบันสถาบันทั้งเก้าแห่งนี้ดำเนินการอย่างอิสระและยังแข่งขันกันเองอีกด้วยเฟิงรั่วเฉินเป็นนักศึกษาอันดับหนึ่งของสถาบันที่เก้าแม้ว่าเขาจะไม่ได้กลับมาที่สถาบัน
เขาไม่สนใจความตายของเฟิงรั่วเฉินอย่างแน่นอนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักเรียนชั้นนำจำนวนมากได้จบการศึกษาจากสถาบันที่เก้าพรสวรรค์ของเฟิงรั่วเฉินมีจำกัด และหากไม่ออกไปผจญภัย ก็จะยากที่จะรักษาตำแหน่งหัวหน้าไว้ได้แต่เฟิงรั่วเฉินยังคงดำรงตำแหน่งหัวหน้าสถาบันที่เก้าอยู่การตายของเขานั้น ไม่สามารถพิสูจน์ว่าสถาบันที่เก้าไร้ความสามารถ?แม้แต่คนระดับหัวหน้าก็ตายอย่าง่ายดายเช่นนี้สถาบันที่เก้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?แม้ว่าสถาบันที่เก้าจะอยู่ภายใต้สถาบันสงครามกาแลกติก ซึ่งเป็นสถาบันของอาณาจักรแต่การแข่งขันระหว่างสถาบันนั้น ดุเดือดอย่างมากทำให้ไม่มีใครอยากรั้งท้ายหากสถาบันอีกแปดแห่งรู้ว่า หัวหน้าของสถาบันที่เก้าตายไปเช่นนี้ก็อาจกลายเป็นหัวข้อของการเยาะเย้ยในการแข่งขันเก้าสถาบันที่กำลังจะมาถึง สร้างความอับอายให้กับสถาบันที่เก้าคณบดีเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับหน้าตาอย่างมากถ้าเขาต้องอับอายในการแข่งขันจะไม่มีทางที่สถาบันที่เก้าจะปล่อยผ่านไปได้ง่ายๆหากรู้เร็วกว่านี้ คงปลดเฟิงรั่วเฉินออกจากตำแหน่งหัวหน้าทันทีตอนนี้ ต้องกลับไปหารือเรื่องนี้อย่างรอบคอบกับคณบดี“วางใจได้รองคณบดีหม่า
เฟิงซิงโจวตกตะลึงมาก หลังจากปลายสายพูดออกมา!การหายใจเริ่มเร็วขึ้น และรัศมีบนร่างก็ไหลทะลักออกมาอย่างควบคุมไม่ได้“ตู้ม!!!”รัศมีของระดับสูงสุดของจ้าวจักรวาลถูกระเบิดปลดปล่อยออกมา อย่างไม่ได้ควบคุมพายุเฮอริเคนที่รุนแรงพัดผ่าน ห้องนั่งเล่นของตระกูลเฟิงทั้งหมด“ปังๆๆ”รัศมีที่แผ่ออกมาจากเฟิงซิงโจวได้ทำลายสิ่งของทั้งหมดในห้องโถงโดยตรง“ผู้นำตระกูล!!!”“ผู้นำตระกูล!!!”“ผู้นำตระกูล!!!”สมาชิกหลักของตระกูลเฟิง รู้สึกถึงความปั่นป่วนจึงรีบเข้าไปในห้องโถงและตกตะลึงเมื่อเห็นความโกรธเกรี้ยวของเฟิงซิงโจวในขณะนี้ เฟิงซิงโจวเต็มไปด้วยรัศมีที่รุนแรงและทำลายล้างจนกระทั่งสมาชิกหลักของตระกูลเฟิงมาถึงเขาค่อยสงบลงอย่างช้าๆแต่คนทั้งคนก็อยู่ในสภาพที่สงบนิ่งก่อนพายุจะมาถึงเช่นกันและอาจจะปะทุขึ้นอีกครั้งเมื่อใดก็ได้“เรียกผู้นำหลักของตระกูลทั้งหมดมาพบบรรพบุรุษของเรา” เฟิงซิงโจวกล่าวโดยระงับความโกรธในใจ“ผู้นำตระกูล เกิดอะไรขึ้น? ทำไมท่านถึงโกรธได้ขนาดนี้”“ใช่แล้ว ผู้นำตระกูล เกิดอะไรขึ้นกันแน่ โปรดบอกเราด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น อย่าเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับเลย เราทุกคนต่างก็เป็นส่วนหนึ่
หลังจากที่ลู่เซียวเซียวออกจากอ้อมกอดของหลินตงแล้วหลินตงเดินไปหายุนซีและคนอื่นๆ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงขอโทษเล็กน้อย "ฉันขอโทษ! ฉันมาสายและทำให้พวกคุณต้องลำบาก"ยุนซี จ้าวซวน ซ่งเจีย หานชือหยุน และคนอื่นๆ ต่างก็ส่ายหัวพวกเธอไม่โทษหลินตงจากนั้น ราวกับว่าพวกเธอตกลงกันไว้แล้ว ทุกคนก็เรียงแถวและโยนตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของหลินตงทีละคนหลินตงปฏิเสธไม่ได้และทำได้เพียงปล่อยให้พวกเธอโอบกอดเขาทีละคนอย่างเฉยเมยคนแรกที่ก้าวเข้ามาคือจ้าวซวน"พี่ซวน!!!" หลินตงตะโกนจ้าวซวนไม่พูดอะไร เพียงเอนตัวเข้าไปในอ้อมแขนของหลินตงและฟังเสียงเต้นของหัวใจเขาอย่างเงียบๆเธอรู้ว่าเวลามีไม่มาก ดังนั้นเธอจึงต้องการอยู่เงียบๆ สักพัก และยังมีเหล่าพี่สาวน้องสาวรออยู่!ต่อไปคือหวงฝู่ซีเยว่ ซ่งเจีย และหานชือหยุนในที่สุดก็ถึงคราวของยุนซีสำหรับยุนซีแล้ว หลินตงไม่ได้นิ่งเฉยเหมือนคนอื่นเพราะนี่คือแฟนสาวตัวจริงของเขาและเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขามีความสัมพันธ์จริงจังและลึกซึ้งคราวนี้หลินตงเป็นฝ่ายเดินไปหายุนซีกอดเธอไว้ในอ้อมแขนและกระซิบว่า "ฉันขอโทษที่ทำให้คุณรอมานาน"ยุนซีก้มหน้าลงบนอกของหลินตง ดมกลิ่นที่คุ้นเค
เขาอยากจะพูด อยากขอความเมตตาแต่เขาพบว่า ตัวเองพูดอะไรไม่ออกมีเพียงดวงตาที่หวาดกลัวอย่างที่สุดเท่านั้น ที่แสดงออกมา"ฉันเอาชีวิตไปเสี่ยงปกป้องจักรวาลทางช้างเผือกจากการโจมตีของชนเผ่าต่างดาว พวกแกทำได้ดีมาก! ดี! พวกแกกล้ามาที่บ้านของฉันและต้องการจะโจมตีครอบครัวของฉันด้วยซ้ำ ใครหน้าไหนมันให้ความกล้าหาญกับแก? ลองถามเซี่ยอวิ๋นชวนดูว่าเขากล้าทำสิ่งนี้หรือไม่?"ฟังคำพูดที่ใจเย็นของหลินตงมนุษย์ต่างดาวถึงแม้จะไม่มีเสียงพูด แต่แววตาของพวกเขากลับเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวที่ชัดเจนท่าทางและคำพูดของหลินตงแสดงให้เห็นอย่างไม่ต้องสงสัยว่า พวกเขาได้ล่วงเกินเจ้าแห่งกาแล็กซีคนใหม่อย่างแท้จริงพวกเขาจะโชคร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร?มีดาวเคราะห์อยู่หลายล้านดวงในทางช้างเผือก แต่พวกเขากลับมายังบ้านเกิดของเจ้าแห่งกาแล็กซีคนพวกนี้สาปแช่งจูหงจื่อในใจแล้วถ้าไม่ใช่เพราะจูหงจื่อ พวกเขาจะมาที่นี่ได้อย่างไร?ในใจของจูหงจื่อ เขาสาปแช่งเฟิงเฮิงและนำบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของเขาสำหรับเฟิงเฮิง เขายังคงไม่รู้สึกตัวเฟิงรั่ว นายน้อยแห่งตระกูลเฟิงไปล่วงเกินใครกันแน่!นายน้อยเฟิงไม่ได้ตายด้วยน้ำมือของตระกูลไป๋ แต่
ได้ยินเสียงนี้ ราวกับเสียงของพระโพธิสัตว์หวงฝู่ซีเยว่ ยุนซี และคนอื่นๆ แสดงสีหน้าประหลาดใจทันทีพวกเธอคุ้นเคยกับเสียงนี้เป็นอย่างดีเธอมักจะฝันถึงแม้กระทั่งในเวลากลางคืนเธอเฝ้ารอคอยอย่างใจจดใจจ่อ หวังว่าเสียงนี้จะปรากฏขึ้นจริงในที่สุดอย่างไรก็ตาม คนนอกอย่างจูหงจื่อแสดงความกลัวบนใบหน้าของพวกเขาเพราะพวกเขาตระหนักในขณะนี้ว่าร่างกายของพวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไปในขณะที่ได้ยินเสียงนี้ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม พวกเขาก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้เป็นไปได้ยังไง?นี่มันความหมายว่าอะไร?หลังจากนั้น สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าจูหงจื่อและคนอื่นๆ คือภาพที่ทำให้พวกเขาขนลุกตรงกลางระหว่างทั้งสองฝ่าย พื้นที่เริ่มสั่นไหว จากนั้นก็เกิดรอยแยกขึ้นร่างสูงใหญ่โผล่ออกมาจากรอยแยกมิตินี่คืออะไร?รอยแยกของมิติ?คนๆ นี้เป็นใคร?สามารถเดินออกจากรอยแยกในมิติโดยไม่บาดเจ็บได้จริงหรือ?แม้แต่องค์จักรพรรดิเซี่ยอวิ๋นชวนก็ยังทำไม่ได้ใช่ไหม?เดี๋ยวนะ!!!เป็นไปได้ไหม.....สิ่งที่สาวน้อยคนนั้นพูด จะเป็นความจริง?หลินตง ผู้เพิ่งเข้าสู่อาณาจักรนิรันดรและกลายเป็นเจ้าแห่งกาแล็กซี มาจากดาวดวงนี้จริงหรือ?ไม่
ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งเป็นมนุษย์ต่างดาว ที่นำทัพโดยจูหงจื่ออย่างไรก็ตาม ช่องว่างระหว่างพลังทั้งสองฝ่ายนั้นใหญ่เกินกว่าจะชดเชยทันได้ในขณะนี้ มีคนหลายคนเข้ามาต้อนรับพวกเขา รวมถึงซ่งเจีย ยุนซี และกลุ่มของพวกเธอพวกเธอมาพร้อมกับเครื่องบินรบต้าเซี่ยเพราะพวกเขากังวลว่าซ่งซือหมินแลหวงฝู่ซีเยว่จะตกอยู่ในอันตราย"พี่ซีเยว่ คุณได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?" ยุนซีถามด้วยความกังวลผู้หญิงคนอื่นๆ ก็แสดงสีหน้ากังวลเช่นกัน"ฉันสบายดี! ยุนซี รีบพาพวกเธอกลับเดี๋ยวนี้ อย่าอยู่ที่นี่ ไม่งั้นหากเกิดการต่อสู้ขึ้น ฉันจะปกป้องคุณไม่ได้" หวงฝู่ซีเยว่พูดกับยุนซีด้วยความกังวลเธอรู้ว่ามนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ต่ำช้าอย่างแท้จริงเมื่อเห็นยุนซีกับสาวสวยเหล่านี้ พวกมันต้องจู่โจมพวกเธอเป็นแน่ตอนนี้พวกเขาไม่มีโอกาสที่จะเอาชนะได้เลยคนอื่นก็ไม่ต้องพูดถึงแต่ยุนซีห้ามเป็นอะไรเด็ดขาดไม่เช่นนั้น หลินตงจะบ้าคลั่งเมื่อเขากลับมาจริงๆ แล้ว ความคิดของหวงฝู่ซีเยว่เรียบง่ายเกินไปสำหรับหลินตง ไม่ใช่แค่ยุนซีเท่านั้นที่สำคัญพวกเธอทุกคนล้วนสำคัญไม่ว่าใครจะประสบอุบัติเหตุเล็กน้อยก็ตามหลินตงจะต้องเลือดขึ้นหน้าแน่หากตัวตน
ขณะผลักซ่งซือหมินออกไป และป้องกันการโจมตีของจูหงจื่อมันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหวงฝู่ซีเยว่ที่อยู่ด้านหลังเขาหวงฝู่ซีเยว่เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก นอกจากหลินตงหากไม่มีหลินตง เธอมีหน้าที่ต้องปกป้องโลก ดังนั้นเธอจะไม่ยืนมองดูซ่งซือหมินถูกฆ่าโดยไม่ช่วยอะไรไม่อย่างนั้นเธอ จะอธิบายกับหลินตงอย่างไร เมื่อเขากลับมา?แม้จะรู้ว่าพวกเขาไม่มีความสามารถหวงฝู่ซีเยว่ก็ต้องทำอะไรสักอย่างเช่นกันการโจมตีแบบสบายๆ ของจูหงจื่อ แม้ว่าเธอจะป้องกันได้ แต่ก็ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บสาหัสนี่เป็นเพราะจูหงจื่อเห็นว่าเป้าหมายเปลี่ยนไปแล้ว จึงลดพละกำลังลงไม่อย่างนั้นจะมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างทั้งสองแม้ว่าจูหงจื่อจะไม่ใช้พละกำลังทั้งหมดและโจมตีแบบสบายๆ หวงฝู่ซีเยว่ก็ไม่สามารถหยุดเขาได้จูหงจื้อขมวดคิ้วและมองไปที่หวงฟู่ซีเยว่ ที่ได้รับบาดเจ็บเพราะตัวเองแล้วพูดว่า: "สาวสวย! เธอรีบร้อนที่จะหาความตาย? หากไม่ใช่เพราะฉันหยุดยั้งมือได้ทันเวลาระ เธอคงได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือตายไปแล้ว น่าเสียดายนักหากสาวสวยอย่างเธอต้องตายแบบนี้"ในที่สุดซ่งซือหมินก็ตระหนักได้และเข้ามาหาหวงฝู่ซีเยว่อย่างรวดเร็ว"คุณหนูหวงฝู่
แต่เพราะว่ามีผู้หญิงคนหนึ่ง ที่สามารถเทียบเคียงกับเทพธิดาเริงรำเย่ชิงหวู่ได้นั่นหมายความว่าระดับของผู้หญิงบนโลกใบนี้สูงมากผู้หญิงตรงหน้านี้ พวกเขาคงไม่มีโอกาสหากมีอีกสองคน พวกเขาก็ยังสามารถแบ่งเค้กกันได้หลายคนมีรอยยิ้มหื่นกระหายบนใบหน้าต่อมา จูหงจื่อก็เดินตามออกจายานรบปลายแหลมสีดำไปด้วยทันทีที่ออกมา ดวงตาของเขาก็จ้องไปที่หวงฝู่ซีเยว่ทันทีในขณะที่หวงฝู่ซีเยว่รู้สึกคลื่นไส้ เธอก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อยในใจเช่นกันเพราะเธอรู้สึกว่ารัศมีที่แผ่ออกมาจากอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งมาก และโลกไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ได้เลยมนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ส ามารถทำให้เธอรู้สึกไม่มีพลังที่จะต่อต้านได้และหวงฝู่ซีเยว่เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก นอกจากหลินตงไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ๆ"คุณต้องการทำอะไรกันแน่? หากคุณต้องการทำร้ายโลก คุณต้องคิดให้ดี ก่อนหน้านี้ มีผู้ชายชื่อเฟิงรั่วมาที่นี่ ด้วยเจตนาไม่ดี และสุดท้ายเขาเสียชีวิตไป คุณแน่ใจหรือว่าต้องการเดินตามรอยเท้าของเขา?" ซ่งซือหมินพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นเขายังรู้ด้วยว่าสถานการณ์ปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยต่อโลกมากหลินตงไม่อยู่ที่นี่ และคนอื่นๆ ก็ไม่ใช่คู
หลังจากกลุ่มคนที่แข็งแกร่งบนโลกมาถึง ซ่งซือหมินก็ยืนอยู่ด้านหน้าสุดก็เอ่ยถาม: "คุณเป็นใคร? มาจากไหน? คุณจะทำอะไรบนโลก?"จูหงจื่อยืนอยู่ในยานรบปลายแหลมสีดำโดยไม่ตอบ สายตาของเขาถูกดึงดูดไปที่หวงฝู่ซีเยว่ที่อยู่ด้านหลังซ่งซือหมินเดิมทีเขาเป็นคนเจ้าชู้ พอวันนี้ได้เห็นผู้หญิงที่สามารถเทียบเคียงได้กับหนึ่งในสี่เทพธิดาผู้ยิ่งใหญ่ เทพธิดาเริงรำเย่ชิงหวู่ จะไม่ถูกดึงดูดได้อย่างไร?ในอาณาเขตจักรพรรดิ เขาไม่มีสิทธิ์เข้าหาผู้หญิงอย่างเทพธิดาเริงรำที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงไม่ต้องพูดถึงเขา แม้แต่ทายาทอันดับต้นๆ ของตระกูลจูก็ไม่มีคุณสมบัติผู้ที่สามารถติดต่อกับเย่ชิงหวู่ได้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นทายาทโดยตรงของแปดตระกูลใหญ่หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคนในอาณาจักรตระกูลจูของพวกเขาไม่ได้อยู่ในอาณาเขตจักรพรรดิด้วยซ้ำแต่ที่นี่ บนดาวเคราะห์พื้นเมืองที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัย ณ ชายขอบกาแล็กซีทางช้างเผือก เขาได้พบกับหญิงสาวที่มีระดับใกล้เคียงกับเย่ชิงหวู่โดยไม่คาดคิดนี่ถือเป็นการชดเชยสำหรับเขาหรือไม่?หากสามารถเลือกได้จูหงจื่อย่อมเลือกที่จะประทับตราทาสโดยไม่ลังเลผู้หญิงนั้น เมื่อถึงเวลาที่มีอำนาจมาก
ปรมาจารย์ระดับต้นของขั้นดวงดาวหลายคนปฏิเสธ คำสั่งขอจูหงจื่อพร้อมๆ กันจูหงจื่อต้องการทุ่มทุกอย่างโดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา แต่เขาละเลยสิ่งหนึ่งไปนั่นคือคนอื่นๆ ไม่เต็มใจที่จะต่อสู้ไปกับเขาคนที่จูหงจื่อพามาในครั้งนี้ ไม่ใช่คนจากตระกูลจูแต่เป็นนักล่าค่าหัวที่จ้างมา ด้วยราคาสูงลิ่วคนเหล่านี้ทำงาน เพื่อแลกเงินแต่เพื่อเงินแล้ว พวกเขาก็ไม่เต็มใจที่จะเสี่ยงชีวิตดังนั้น จึงปฏิเสธคำขอของจูหงจื่อแบบตรงๆไม่มีเงิน เดี๋ยวก็หาใหม่ได้ แต่หากตาย ทุกอย่างก็ไม่มีความหมายยิ่งไปกว่านั้น ระดับอาณาจักรนิรันดรนั้นอยู่เหนือจินตนาการของคนเหล่านี้"แก... พวกแก!!!" จูหงจื่อโกรธมากจนพูดไม่ออก"นายท่านจู! เป็นไปไม่ได้ที่เราจะฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าแห่งกาแล็กซี นายท่านหลิน และช่วยคุณประทับตราทาสบนดาวดวงนี้ อย่างไรก็ตาม ก็ได้มาอยู่ที่นี่แล้ว จะให้กลับไปมือเปล่าก็คงไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องได้อะไรติดไม้ติดมือไปด้วยใช่ไหม?""แน่นอน! นายท่านหลินบอกเพียงว่าไม่อนุญาตให้ประทับตราทาส แต่ไม่ได้บอกว่าไม่อนุญาตให้ปล้นสะดมดาวเคราะห์พื้นเมืองที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัย เฮอะๆ...."หลังจากพูดจบ คนผู้นี้ก็หัวเราะเยาะคนอื่
ณ โลกยานรบปลายแหลมสีดำมากกว่าสิบลำได้มาถึงพื้นผิวโลกแล้ว"นายน้อย ตอนนี้เราอยู่สูงจากพื้นผิวหนึ่งกิโลเมตรแล้ว""โอเค! แจ้งให้ทุกคนเตรียมพร้อมสำหรับการประทับตราทาสทันที" จูหงจื่อกล่าวด้วยความตื่นเต้น"ครับ! นายน้อย"ในขณะที่ยานรบมากกว่าสิบลำจอดอยู่กลางอากาศเพื่อเตรียมการประทับตราทาสบนโลกเสียงสุดท้ายของหลินตงบนดวงดาวจักรพรรดิก็ดังขึ้นอีกครั้ง"นอกจากนี้! จากนี้ไป กาแล็กซีทางช้างเผือกจะไม่อนุญาตให้มีประทับตราทาสอย่างลับๆ อีก ในอดีตไม่เป็นไร แต่หากฉันค้นพบในอนาคต ฉันจะฆ่าเก้าชั่วโคตรอย่างไม่ไว้หน้าใคร"จูหงจื่อสับสนสีหน้าตื่นเต้นของเขาแข็งค้างเช่นเดียวกับเฟิงเฮิงที่อยู่ข้างๆ เขาไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้นคนอื่นๆ ที่มาพร้อมกับจูหงจื่อต่างก็สับสนและหยุดการกระทำของพวกเขากาแล็กซีทางช้างเผือกจะไม่อนุญาตให้มีการประทับตราทาสอีกตอนนี้พวกเขาไม่ได้เตรียมการประทับตราทาสบนโลกอยู่หรอกเหรอ?ถ้ามีคนอื่นพูดแบบนี้ พวกเขาจะไม่สนใจสักนิดแต่คนที่พูดคือนายท่านหลิน หลินตง ผู้เพิ่งเข้าสู่อาณาจักรนิรันดรเป็นเจ้าแห่งกาแล็กซีหากเขารู้เรื่องนี้เข้าพวกเขาทั้งหมดจะถูกฆ่าเก้าชั่วโคตรใครกล้าละ