Share

บทที่ 3  

Author: เฝยเฝยกู
ลู่ซือเหิงจำได้ว่าฉันถูกรถพยาบาลส่งมาที่โรงพยาบาลเดียวกัน

เขาวางแผนจะช่วยระบายโทสะให้สวีหย่าฉี เลยคิดจะมาหาฉัน

เพิ่งออกจากห้องผู้ป่วยของสวีหย่าฉี เตียงย้ายผู้ป่วยคันหนึ่งที่บรรทุกศพอยู่ เคลื่อนผ่านหน้าเขาไป

ฉันรู้ดี

ศพที่นอนอยู่บนเตียงย้ายผู้ป่วยคันนี้คือฉันเอง แม้ร่างของฉันจะถูกคลุมด้วยผ้าขาวไว้

แต่มือที่สวมแหวนแต่งงานของฉันกลับห้อยลงมา นี่เป็นแหวนที่ลู่ซือเหิงซื้อให้ ตอนขอฉันหมั้นเมื่อแปดปีก่อน แหวนที่เขาซื้อให้ฉันนั้น หลายปีมานี้ฉันไม่เคยถอดมันออกเลย

ฉันไม่เชื่อว่า ลู่ซือเหิงจะจำแหวนวงนี้ไม่ได้

วิญญาณของฉันลอยไปมาอยู่ข้างลู่ซือเหิง บอกเขาไม่หยุดว่า “ลู่ซือเหิง ศพที่อยู่บนเตียงย้ายผู้ป่วยนั่นคือฉัน!”

ฉันอยากให้ลู่ซือเหิงจำฉันได้

ฉันอยากรู้ว่า ถ้าลู่ซือเหิงรู้ว่า การตัดสินใจที่ผิดพลาดเพียงครั้งเดียวของเขา ผลักฉันกับลูกของเราไปสู่ความตาย เขาจะโศกเศร้าจนเสียสติ หรือไม่สนใจ คิดว่าไม่มีความหมายอะไรกันนะ

“รบกวน ช่วยหลีกทางหน่อยครับ”

ในตอนที่เตียงย้ายผู้ป่วยเคลื่อนไปถึงหน้าลู่ซือเหิง เจ้าหน้าที่ที่เข็นเตียงก็เอ่ยปากกับลู่ซือเหิง

ลู่ซือเหิงขมวดคิ้วแน่น กวาดตามองมือที่ห้อยลงมาจากเตียงย้ายผู้ป่วยของฉัน

จากนั้น เขาก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างรำคาญ เตียงย้ายผู้ป่วยจึงผ่านหน้าเขาไปอย่างราบรื่น

สุดท้าย เขาก็จำฉัน คู่หมั้นคนนี้ไม่ได้

ตอนนี้ ฉันรู้สึกแค่ว่า ตัวเองเป็นเหมือนตัวตลก

หลังจากที่เตียงย้ายผู้ป่วยเข็นศพฉันเข้าไปในห้องดับจิต ลู่ซือเหิงก็มาถึงห้องผู้ป่วยที่ฉันอยู่ก่อนหน้านี้

“คนชื่อหลินหร่วนที่ถูกส่งมาที่นี่ล่ะ?” ทันทีที่เข้ามาในห้องผู้ป่วย ลู่ซือเหิงก็เอ่ยปากถามพยาบาล

เมื่อพยาบาลเห็นลู่ซือเหิง ก็รีบตอบว่า “คุณหมอลู่ คุณรู้จักคุณผู้หญิงที่ชื่อหลินหร่วนหรือคะ? อย่างนี้ค่ะ คุณหลินหร่วนเป็นเพราะบาดเจ็บหนักเกินไป เธอเลยเสียชีวิตไปแล้วค่ะ พวกเราทำอะไรไม่ได้เลย”

“พ่อของเธอเป็นลมไปเพราะเสียใจมากเกินไป ตอนนี้จำเป็นต้องติดต่อคนใกล้ชิดของเธอ มาจัดการเรื่องศพพอดีค่ะ…”

“ถ้าคุณเป็นเพื่อนกับคุณหลินหร่วนก็ดีเลย ตอนนี้คุณสะดวกที่จะ…”

ลู่ซือเหิงพูดขัดคำพูดของพยาบาลอย่างฉุนเฉียว

“นี่หลินหร่วน หล่อนทำเกินไปแล้วหรือเปล่า ถึงกับให้คนมาร่วมแสดงละครกับเธอด้วย?”

“ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งเก่งเกินไปแล้ว ก็แค่ตกบันไดไม่ใช่เหรอ หย่าฉิงยังไม่เป็นอะไรเลย!”

ฉันเดาแต่แรกแล้วว่า ลู่ซือเหิงไม่มีทางเชื่อคำพูดของพยาบาล

ส่วนที่สวีหย่าฉียังอาการดีอยู่นั้น ก็เพราะได้ลู่ซือเหิงที่เป็นถึงหัวหน้าหมอ มาช่วยผ่าตัดให้ทันเวลายังไงล่ะ

ส่วนฉันที่บาดเจ็บหนักเกินไป กลับได้แค่รอความตายเท่านั้น

เมื่อเห็นลู่ซือเหิงมีสีหน้าเคร่งขมึงจนน่ากลัว พยาบาลก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่ส่ายหัวจากไป

ส่วนลู่ซือเหิงที่หาฉันไม่เจอ ก็ได้แต่กลับไปอยู่ข้างกายของสวีหย่าฉี

เมื่อสวีหย่าฉีรู้ว่าฉันอาจตายไปแล้ว

ก็เกลี้ยกล่อมลู่ซือเหิงว่า “ไม่งั้น พี่ไปดูพี่หลินหร่วนหน่อยเถอะ? ถ้าพี่เขาเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ ล่ะ?”

ทั้งที่สวีหย่าฉีออกแรงผลักฉันลงมาจากบันไดชัดๆ แต่เธอกลับ ‘กลับดำเป็นขาว’

“ฉันเชื่อว่าพี่หลินหร่วนก็ไม่ได้ตั้งใจจะผลักฉันหรอกค่ะ พี่เขาอาจพลาดไปโดยไม่ได้ตั้งใจ…”

“ถ้าพี่เขาก็ตกลงมาเหมือนกัน ก็จะต้องบาดเจ็บแน่”

“ไม่ว่ายังไงพี่ก็เป็นคู่หมั้นของพี่เขา ยังไงก็ควรไปดูสักครั้งใช่ไหมล่ะคะ?”

ในสายตาของลู่ซือเหิงมีแต่ความอ่อนโยน

“หย่าฉี เธอใจดีเกินไปแล้ว”

พูดจบ สีหน้าที่อ่อนโยนของลู่ซือเหิงก็เปลี่ยนเป็นดุดันอีกครั้ง

“ฉันรู้จักหลินหร่วนดี หล่อนอิจฉาเธอมาตลอด แล้วยังเข้าใจผิดว่าฉันกับเธอมีอะไรกันด้วย”

“ตอนนั้นฉันจะส่งเธอมารักษาที่โรงพยาบาล หล่อนก็ยังคิดจะขัดขวางอีก! หล่อนอำมหิตขนาดนั้น จะต้องจงใจผลักเธอแน่”

ฉีหย่าฉีแสดงละครออกมา

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่โทษพี่เขา ฉันแค่เป็นห่วงว่า พี่เขาจะได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน…”

“เป็นไปไม่ได้!” ลู่ซือเหิงพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ

“หล่อนชอบใช้วิธีนี้มาหลอกฉันที่สุด เมื่อก่อนทั้งที่ไม่ได้ป่วยแท้ๆ ก็บอกว่าตัวเองเป็นปอดบวม ทำให้ฉันเกือบต้องกลับมาจากเมืองนอก!

“หล่อนก็ชอบแกล้งทำตัวน่าสงสารแบบนี้ คนที่ฉันไม่เชื่อที่สุดก็คือหล่อนนี่แหละ!”

ฉันอ้าปาก แต่กลับส่งเสียงไม่ออกแม้แต่นิดเดียว

สุขภาพของฉันไม่ค่อยดีจริงๆ ในเรื่องนี้ ลู่ซือเหิงก็รู้ดี

แต่เพื่อไม่ให้เขาเป็นห่วง และเพื่อไม่ให้กระทบกับความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานของเขา

ฉันเลยแอบไปโรงพยาบาลคนเดียวอย่างเงียบๆ ทุกครั้ง ไม่เคยกระโตกกระตากมาก่อน

มีบางครั้งที่ร่างกายยังไม่หายดี เลยดูอ่อนแรงอยู่บ้าง

ลู่ซือเหิงก็จะหัวเราะเยาะฉันว่า

“ทำไม คิดจะเสแสร้งทำตัวน่าสงสารให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนเธออีกหรือไง?”

ดังนั้น ฉันเลยตอบแบบติดตลกไปว่า

“อื้ม ใช่แล้วล่ะ”

แต่ในขณะที่ฉันกำลังแกล้งทำเป็นเข้มแข็งอยู่นั้น สวีหย่าฉีกลับชอบโทรหาลู่ซือเหิงเป็นระยะ บอกว่าตัวเองไม่สบายตรงนั้นตรงนี้ อยากให้ลู่ซือเหิงไปดูอาการให้เธอ

ส่วนลู่ซือเหิงก็ดันถูกสวีหย่าฉีผู้อ่อนแอหลอกเสียอยู่หมัด

ตอนแรกที่รู้เรื่องนี้ ฉันก็โมโหมากเหมือนกัน

ฉันไปหาสวีหย่าฉี อยากจะถามเธอต่อหน้า ว่าแท้จริงแล้วเธอคิดจะทำอะไรกันแน่

แต่ฉันเพิ่งพูดไปได้ไม่กี่ประโยค สวีหย่าฉีก็ร้องไห้น้ำตานองหน้าซะแล้ว

ฉันถามไม่ได้ความอะไร เลยทำได้แค่กลับไป

ไม่ทันไร ลู่ซือเหิงก็หัวฟัดหัวเหวี่ยงมาเค้นถามฉัน

“ทำไมเธอต้องไปสร้างความลำบากใจให้หย่าฉีด้วย? หย่าฉีสุขภาพไม่ดี ฉันในฐานะพี่ชายข้างบ้านที่เห็นเธอมาแต่เด็ก ไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนเธอแค่นี้ไม่ได้หรือไง?”

เขาหยิบมือถือออกมา แล้วกดรูปภาพหนึ่งขึ้นมา

“เธอเป็นพวกผู้หญิงไร้เหตุผล ที่ชอบใช้ความรุนแรงหรือไง? พูดกันดีๆ ไม่ได้เหรอ? ทำไมต้องลงมือด้วย?”

เมื่อเห็นภาพนั้น ฉันก็ต้องอึ้งไป ในภาพ บนใบหน้าของสวีหย่าฉีมีรอยตบที่สะดุดตามาก

แต่อันที่จริงฉันไม่ได้แตะต้องสวีหย่าฉีเลยสักนิด!

แต่ไม่ว่าฉันจะอธิบายยังไง ก็ไม่อาจแก้ต่างให้ตัวเองได้

เพราะลู่ซือเหิง ไม่เชื่อฉันสักนิดแต่แรกแล้ว

เขาชี้หน้าฉัน เตือนฉันอย่างดุดัน

“ปัญหาระหว่างเรา เธอมาลงที่ฉันก็พอ อย่าไปหาเรื่องคนอื่นอีก!”

ฉันอยากบอกเหลือเกินว่า ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันไม่เคยไปสร้างความลำบากใจให้สวีหย่าฉีเลย

กลับเป็นสวีหย่าฉีที่ดูเหมือนผู้บริสุทธิ์ ที่ยื่นมือออกมา ผลักฉันไปสู่ความตายอย่างไร้ปรานี

Related chapters

  • ฉันผู้ถูกคู่หมั้นทิ้งให้รอความตาย   บทที่ 4  

    ฉันทนมองพวกเขาส่งสายตาให้กันลึกซึ้ง จากนั้นก็โอบกอดเข้าด้วยกัน และด้วยการดูแลอย่างเอาใจใส่ของลู่ซือเหิงเช่นนี้ สวีหย่าฉีจึงพักต่อในโรงพยาบาลอีกหลายวัน วันที่ออกจากโรงพยาบาล ก็เป็นลู่ซือเหิงที่ดำเนินการเรื่องทั้งหมด หลังส่งสวีหย่าฉีกลับถึงบ้านแล้ว สวีหย่าฉีก็ดึงลู่ซือเหิงไว้อย่างอาลัยอาวรณ์ “ซือเหิง ฉันไม่อยากให้พ่อแม่เป็นห่วง” “แต่ฉันทำอะไรก็ซุ่มซ่าม ดูแลตัวเองไม่ได้จริงๆ… พี่อยู่ที่นี่เป็นเพื่อนฉันได้ไหม?” ลู่ซือเหิงมีความสุขกับการพึ่งพาของสวีหย่าฉีอย่างมาก เขาโอบสวีหย่าฉีเข้าไป กระซิบอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่มีปัญหา ฉันจะลาเพิ่มอีกสองสามวัน มาอยู่ดูแลเธอที่นี่” ฉันยากจะบรรยายความขมขื่นในใจตัวเอง คิดไม่ถึงว่า ผู้ชายที่เมื่อก่อนฉันไม่กล้ารบกวน กลับเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อผู้หญิงคนอื่นอย่างไร้เงื่อนไข การโอบกอดอันแสนหวานของคนทั้งสอง ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นอย่างเร่งร้อน เมื่อเห็นว่าเป็นหมายเลขท้องถิ่นที่ไม่คุ้นเคย ลู่ซือเหิงก็รับอย่างสงสัย อีกด้านของโทรศัพท์ พ่อของฉันตะโกนใส่เขา “แกมันไอ้สารเลวไร้จิตสำนึก! แกถึงกับกล้าทำกับลูกสาวฉันแบบนี้! เป็นแกที่ทำใ

  • ฉันผู้ถูกคู่หมั้นทิ้งให้รอความตาย   บทที่ 5  

    เมื่อได้ยินพ่อของตัวเองก็พูดเช่นนี้ สีหน้าของลู่ซือเหิงก็เคร่งเครียดขึ้นในทันที เสียงของคุณพ่อลู่ดังสะท้านแก้วหู จนแม้แต่สวีหย่าฉีที่อยู่ด้านข้าง ก็ยังฟังออกถึงความผิดปกติ “หรือจะเกิดเรื่องกับพี่หลินหร่วนจริงๆ? ไม่งั้น พวกเราไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลกันเถอะค่ะ?” ลู่ซือเหิงส่งเสียงอืมอย่างลังเล จากนั้นก็ตอบกลับไปอย่างแข็งกร้าวอีกครั้งว่า “พ่อครับ พ่อเลิกล้อเล่นได้แล้ว เป็นไปได้ยังไงที่หลินหร่วนจะ…” คุณพ่อลู่ไม่อยากเปลืองน้ำลายกับลู่ซือเหิงอีกต่อไป เขาทิ้งคำพูดไว้ว่า “แกไสหัวไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!” หลังวางสายโทรศัพท์ ลู่ซือเหิงก็มีอาการมึนงงอยู่บ้าง สวีหย่าฉีปลอบใจเขา “พวกเราก็แวะไปสักรอบเถอะค่ะ ฉันคิดว่า เรื่องตาย…คงเป็นไปไม่ได้หรอก แต่น่าจะบาดเจ็บแล้วจริงๆ แหละค่ะ” “พี่ก็บอกว่าพ่อแม่ของพี่ชอบพี่หลินหร่วนมาก บางทีพวกท่านก็อาจอยากช่วยพี่หลินหร่วนเหมือนกัน เลยพูดแบบนั้น” คำพูดของสวีหย่าฉี ทำให้สีหน้าของลู่ซือเหิงดีขึ้นไม่น้อย “เธอพูดถูก ไม่รู้หลินหร่วนเอาอะไรให้พ่อแม่ฉันกิน แม้แต่เรื่องแบบนี้ก็ยังยอมร่วมมือกับเธอ” “แค่ตกจากบันไดเท่านั้น อย่างมากก็กระดูกหัก สมองได้รั

  • ฉันผู้ถูกคู่หมั้นทิ้งให้รอความตาย   บทที่ 6  

    หลังบรรยากาศเงียบสงัดไปสองสามวินาที ลู่ซือเหิงก็กระทืบเท้าด้วยความโมโหอย่างกะทันหัน “หลินหร่วนให้เงินพวกคุณพ่อเท่าไหร่กัน? ถึงได้เล่นใหญ่กันขนาดนี้?” “ตอนนี้คิดจะเอาเรื่องศีลธรรมมาบังคับผมด้วยมุกแกล้งตายแบบเก่าๆ เหรอ? น่าขยะแขยงเกินไปแล้ว!” เสียงเพี๊ยะดังขึ้นทีหนึ่ง นี่เป็นอีกครั้ง ที่คุณพ่อลู่ตบหน้าลู่ซือเหิง “แกเข้าไปดูซะ ว่าคนที่นอนอยู่ข้างในเป็นใครกันแน่!” ดูเหมือนว่าลู่ซือเหิงจะต่อต้านการเข้าไปในห้องดับจิตเป็นอย่างมาก คล้ายว่าคุณพ่อลู่แทบจะฉุดกระชากเขาเข้ามาก บรรยากาศมืดมนเย็นยะเยือกรอบกาย ทำให้ลู่ซือเหิงตัวสั่นขึ้นมา รอจนเขาเดินมาถึงข้างเตียงด้วยความอึดอัด คุณพ่อที่ยืนรออยู่ข้างกายฉันมาตลอด ก็ช่วยเปิดผ้าขาวออกให้เขา และใบหน้าขาวซีดที่ไม่มีสีเลือดเหลืออยู่แม้แต่น้อยของฉัน ก็ปรากฏสู่สายตาของลู่ซือเหิงแบบนั้น ลู่ซือเหิงที่ไม่ทันได้ตั้งตัวถูกทำให้ตกใจจนค้างไปแล้ว เขาเอาแต่จ้องหน้าของฉันด้วยดวงตาเหม่อลอย หลังจ้องฉันแบบนั้นไปสองนาที ลู่ซือเหิงก็ได้สติแล้วตะโกนออกมาอย่างหวาดหวั่น “…หลินหร่วน! ฉันยอมรับว่าเธอแต่งหน้าได้ดีมาก! เธอทำให้ฉันตกใจได้แล้วจริงๆ!” 

  • ฉันผู้ถูกคู่หมั้นทิ้งให้รอความตาย   บทที่ 7  

    ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า จนป่านนี้แล้ว ลู่ซือเหิงก็ยังจะปกป้องสวีหย่าฉีอีก เห็นได้ชัดว่าคุณพ่อลู่ก็คาดไม่ถึงเช่นกัน เขาโมโหมากจนยกมือขึ้น คิดจะตบลู่ซือเหิงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ สวีหย่าฉีเข้ามาขวางอยู่หน้าลู่ซือเหิง “คุณลุงคะ เป็นความผิดของหนูเอง คุณลุงอย่าโทษพี่ซือเหิงเลยค่ะ…” “เป็นหนูที่ทำให้พี่หลินหร่วนไม่พอใจเองค่ะ เพราะพวกเราทะเลาะกัน เรื่องเลยกลายเป็นแบบนี้…” สวีหย่าฉีพูดอย่างเวทนา ทำให้ลู่ซือเหิงสงสารเธออย่างมาก เขาคว้าสวีหย่าฉีเข้ามากอด “ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นพวกพ่อคัดค้าน ผมกับหย่าฉีคงอยู่ด้วยกันไปนานแล้ว!” “ตอนนี้ผมแค่ดูแลเธอในฐานะพี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น เป็นยัยหลินหร่วนนั่นต่างหากที่เอาแต่หึงหวง! คอยหาเรื่องหย่าฉีครั้งแล้วครั้งเล่า!” คุณพ่อลู่โมโหจนทนไม่ไหวแล้ว เขาเกร็งลำคอตะเบ็งเสียงออกมา “แกไม่ใช่ลูกชายฉัน! แกมันเป็นสัตว์เดรัจฉานไปอย่างสมบูรณ์แล้ว!!” เมื่อเห็นว่าคุณพ่อลู่กำลังจะถูกทำให้โมโหจนเป็นลม คุณแม่ลู่กับหมอที่ตามมาอย่างเร่งร้อน เลยรีบประคองคุณพ่อลู่ไว้ เห็นลู่ซือเหิงยังจะกอดสวีหย่าฉีไว้อย่างงมงายไม่รู้สำนึกอีก สีหน้าของคุณแม่ลู่ก็เต็มไปด้วยความปว

  • ฉันผู้ถูกคู่หมั้นทิ้งให้รอความตาย   บทที่ 8  

    เพราะเคยถูกสวีหย่าฉีใส่ร้ายมาครั้งหนึ่งแล้ว ดังนั้นครั้งนี้ก่อนจะพบหน้ากัน ฉันเลยเตรียมกล้องจิ๋วติดไว้ที่นาฬิกาข้อมือ วางแผนจะอัดสิ่งเกิดขึ้นทั้งหมดในการพบกันครั้งนี้ไว้ หลังฉันตาย พ่อของฉันตรวจสอบความเคลื่อนไหวทั้งหมดก่อนหน้านี้ของฉันอย่างบ้าคลั่ง เมื่อพบว่าฉันเคยสั่งซื้อกล้องเว็บแคม [1] จิ๋วมา เขาเลยไปค้นนาฬิกาเรือนนั้นออกมาจากของใช้ผู้ตาย หลังขอให้ผู้เชี่ยวชาญเอาสิ่งที่ถูกบันทึกอยู่ออกมา พ่อของฉันก็เข้าใจทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ที่เขาถ่ายโอนความจริงไปบันทึกไว้ในมือถือ ก็แค่เพื่อคืนความยุติธรรมให้ฉันเท่านั้น ลู่ซือเหิงกดเปิดคลิปที่ถูกอัดไว้ช่วงนั้นอย่างสั่นเทา แม้มุมภาพจะดูยาก แต่ก็มองออกได้ว่า ที่อยู่ตรงหน้าฉันคือสวีหย่าฉี ฉันยังไม่ทันพูดอะไร สวีหย่าฉีก็ร้องไห้กระซิกกระซิกว่า “พี่หลินหร่วนคะ ฉันไม่มีอะไรกับพี่ซือเหิงจริงๆ นะคะ ฉันไม่เคยติดต่อไปหาพี่เขาเองเลย เป็นพี่เขาที่เป็นฝ่ายมาหาฉันเองทั้งนั้น…” “พี่หลินหร่วนคะ ปัญหาของพี่กับพี่ซือเหิง ก็ควรแก้ที่ตัวพี่ ไม่ใช่เอาแต่มาหาเรื่องฉันสิคะ” ฉันถูกสวีหย่าฉีทำให้โมโหจนหัวเราะออกมาสองที ยังไม่ทันได้พูดอะไร สวีห

  • ฉันผู้ถูกคู่หมั้นทิ้งให้รอความตาย   บทที่ 9  

    ความจริงที่สวีหย่าฉีตั้งใจจัดฉากและฆ่าฉัน ถูกเปิดโปงออกมาทั้งหมด พ่อของฉันฟ้องเธอ ในวันที่ศาลตัดสิน ลู่ซือเหิงก็อยู่ที่นั่น สวีหย่าฉีถูกตัดสินจำคุกสามสิบปี หลังการพิจารณาคดีจบลง ลู่ซือเหิงก็กลับไปที่บ้านของเราอย่างหมดอาลัยตายอยาก นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ทะเลาะกับลู่ซือเหิง ลู่ซือเหิงก็ไม่ได้กลับมาที่นี่สองเดือนกว่าแล้ว มองท่าทางของลู่ซือเหิงที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลังเหตุการณ์นั้น ใจของฉันก็รู้สีกยากบรรยาย ฉันมองลู่ซือเหิงค้นห้องอย่างบ้าคลั่ง เขารื้อของของฉันออกมาราวกับเสียสติไปแล้ว ท่ามกลางข้าวของที่ระเนระนาด ลู่ซือเหิงคุกเข่ากอดเสื้อของฉัน “หลินหร่วน เข้าใจฉัน ให้อภัยฉันมาตลอด ไม่ใช่เหรอ…” “ก็ถือว่าเห็นใจฉันเถอะนะ เธอกลับมาเถอะ กลับมาให้ฉันได้ชดใช้ให้เธอ…” ลู่ซือเหิงคุกเข่ากอดเสื้อของฉัน พึมพำอยู่บนพื้นอย่างเหม่อลอย ทันใดนั้น ก็เหมือนมีบางสิ่งดึงดูดความสนใจของเขา เขาคลานไปข้างหน้าตลอดทาง ท้ายที่สุดก็หยิบสมุดที่ดูสวยงามเล่มหนึ่ง ออกมาจากด้านล่างของชั้นหนังสือ นั่นคือไดอารี่แห่งความรักของฉันกับลู่ซือเหิงที่ฉันทำขึ้น ในไดอารี่นั้น บันทึกการนัดเดตทุกครั้งขอ

  • ฉันผู้ถูกคู่หมั้นทิ้งให้รอความตาย   บทที่ 10  

    สุดท้าย ลู่ซือเหิงก็กลายเป็นเหมือนร่างไร้วิญญาณที่เดินได้ ทุกวันหลังตื่นขึ้นมา เรื่องเดียวที่เขาทำก็คือการดูแลบ้านหลังนี้ เขาจะพับเสื้อของฉันทีละชิ้น จากนั้นเอาไปเก็บ แล้วยืนมองมันอย่างเหม่อลอยอยู่หน้าตู้เป็นเวลานาน เวลาส่วนใหญ่เขาจะอยู่ในห้องนอน พลิกดูไดอารี่ของฉันวนซ้ำไปมา พอดูไปเรื่อยๆ เขาก็จะส่งเสียงหัวเราะที่ดูโง่งมออกมา ไม่ก็ระเบิดเสียงร้องไห้ออกมาอย่างกะทันหัน ทุกวันเมื่อยามค่ำมาถึง เขาก็จะกอดไดอารี่เล่มนี้กับชุดนอนของฉันเข้านอน คล้ายกับว่า ถ้าไม่มีของพวกนี้อยู่เป็นเพื่อน เขาก็จะไม่สามารถนอนหลับอย่างสนิทได้ นอกจากเรื่องนี้ ตัวเขาที่เมื่อก่อนแทบไม่ทำงานบ้าน กลับหยิบผ้าขี้ริ้วขึ้นมา เช็ดถูบ้านนี้จนสะอาดไร้ที่ติ กระเบื้องถูกเขาขัดจนไม่มีแม้แต่ละอองฝุ่นติดอยู่สักเม็ด ดอกไม้ใบหญ้าที่ฉันเลี้ยงไว้ ถูกเขารับไปดูแลต่อ ไม่ว่าจะเป็นการรดน้ำใส่ปุ๋ย ล้วนทำได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน โดยเฉพาะของใช้ในชีวิตประจำวันของฉันพวกนั้น เขาเช็ดแล้วเช็ดอีก เช็ดเสร็จแล้วยังพูดพึมพำกับตัวเองว่า “หร่วนหร่วน เธอดูสิ ฉันเช็ดสะอาดไหม?” “ฉันทำงานบ้านเก่งขนาดนี้ รอพวกเราแต่งงานกันแล้ว ฉันต้อ

  • ฉันผู้ถูกคู่หมั้นทิ้งให้รอความตาย   บทที่ 11  

    นั่นเป็นเช้าที่แสงอาทิตย์สดใส สายลมโชยอ่อนเย็นสบาย เขาหันมามองในทิศทางที่ฉันอยู่ แล้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า “หร่วนหร่วน ฉันคิดถึงเธอแล้ว ฉันอยากเจอเธอมากเหลือเกิน….” พูดจบ ลู่ซือเหิงก็กระโดดลงไปจากหน้าต่าง ด้วยความสูงระดับตึกสิบสองชั้น เขาตายในทันที ในตอนที่ตำรวจมาถึง ก็เห็นเพียงศพของลู่ซือเหิงที่เลือดเนื้อปะปนกัน ในที่สุด พ่อของฉันก็ได้รับการปลอบประโลมเล็กๆ เสียที ทว่า โศกนาฏกรรมในครั้งนี้ ทำให้คุณพ่อคุณแม่ลู่ที่เดิมก็เศร้าจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ได้รับการกระทบกระเทือนใจอย่างหนักอีกครั้ง เมื่อเห็นท่านทั้งสองร้องไห้อย่างเจ็บปวดแบบนั้นในห้องดับจิต ฉันก็ทำได้เพียงคำนับพวกท่านอย่างอ่อนแรงเท่านั้น ชาติหน้า ขอให้ฉันได้เกิดมาเป็นลูกสาวของพวกคุณ และได้แสดงความกตัญญูต่อพวกคุณเถิด (จบบริบูรณ์)

Latest chapter

  • ฉันผู้ถูกคู่หมั้นทิ้งให้รอความตาย   บทที่ 11  

    นั่นเป็นเช้าที่แสงอาทิตย์สดใส สายลมโชยอ่อนเย็นสบาย เขาหันมามองในทิศทางที่ฉันอยู่ แล้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า “หร่วนหร่วน ฉันคิดถึงเธอแล้ว ฉันอยากเจอเธอมากเหลือเกิน….” พูดจบ ลู่ซือเหิงก็กระโดดลงไปจากหน้าต่าง ด้วยความสูงระดับตึกสิบสองชั้น เขาตายในทันที ในตอนที่ตำรวจมาถึง ก็เห็นเพียงศพของลู่ซือเหิงที่เลือดเนื้อปะปนกัน ในที่สุด พ่อของฉันก็ได้รับการปลอบประโลมเล็กๆ เสียที ทว่า โศกนาฏกรรมในครั้งนี้ ทำให้คุณพ่อคุณแม่ลู่ที่เดิมก็เศร้าจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ได้รับการกระทบกระเทือนใจอย่างหนักอีกครั้ง เมื่อเห็นท่านทั้งสองร้องไห้อย่างเจ็บปวดแบบนั้นในห้องดับจิต ฉันก็ทำได้เพียงคำนับพวกท่านอย่างอ่อนแรงเท่านั้น ชาติหน้า ขอให้ฉันได้เกิดมาเป็นลูกสาวของพวกคุณ และได้แสดงความกตัญญูต่อพวกคุณเถิด (จบบริบูรณ์)

  • ฉันผู้ถูกคู่หมั้นทิ้งให้รอความตาย   บทที่ 10  

    สุดท้าย ลู่ซือเหิงก็กลายเป็นเหมือนร่างไร้วิญญาณที่เดินได้ ทุกวันหลังตื่นขึ้นมา เรื่องเดียวที่เขาทำก็คือการดูแลบ้านหลังนี้ เขาจะพับเสื้อของฉันทีละชิ้น จากนั้นเอาไปเก็บ แล้วยืนมองมันอย่างเหม่อลอยอยู่หน้าตู้เป็นเวลานาน เวลาส่วนใหญ่เขาจะอยู่ในห้องนอน พลิกดูไดอารี่ของฉันวนซ้ำไปมา พอดูไปเรื่อยๆ เขาก็จะส่งเสียงหัวเราะที่ดูโง่งมออกมา ไม่ก็ระเบิดเสียงร้องไห้ออกมาอย่างกะทันหัน ทุกวันเมื่อยามค่ำมาถึง เขาก็จะกอดไดอารี่เล่มนี้กับชุดนอนของฉันเข้านอน คล้ายกับว่า ถ้าไม่มีของพวกนี้อยู่เป็นเพื่อน เขาก็จะไม่สามารถนอนหลับอย่างสนิทได้ นอกจากเรื่องนี้ ตัวเขาที่เมื่อก่อนแทบไม่ทำงานบ้าน กลับหยิบผ้าขี้ริ้วขึ้นมา เช็ดถูบ้านนี้จนสะอาดไร้ที่ติ กระเบื้องถูกเขาขัดจนไม่มีแม้แต่ละอองฝุ่นติดอยู่สักเม็ด ดอกไม้ใบหญ้าที่ฉันเลี้ยงไว้ ถูกเขารับไปดูแลต่อ ไม่ว่าจะเป็นการรดน้ำใส่ปุ๋ย ล้วนทำได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน โดยเฉพาะของใช้ในชีวิตประจำวันของฉันพวกนั้น เขาเช็ดแล้วเช็ดอีก เช็ดเสร็จแล้วยังพูดพึมพำกับตัวเองว่า “หร่วนหร่วน เธอดูสิ ฉันเช็ดสะอาดไหม?” “ฉันทำงานบ้านเก่งขนาดนี้ รอพวกเราแต่งงานกันแล้ว ฉันต้อ

  • ฉันผู้ถูกคู่หมั้นทิ้งให้รอความตาย   บทที่ 9  

    ความจริงที่สวีหย่าฉีตั้งใจจัดฉากและฆ่าฉัน ถูกเปิดโปงออกมาทั้งหมด พ่อของฉันฟ้องเธอ ในวันที่ศาลตัดสิน ลู่ซือเหิงก็อยู่ที่นั่น สวีหย่าฉีถูกตัดสินจำคุกสามสิบปี หลังการพิจารณาคดีจบลง ลู่ซือเหิงก็กลับไปที่บ้านของเราอย่างหมดอาลัยตายอยาก นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ทะเลาะกับลู่ซือเหิง ลู่ซือเหิงก็ไม่ได้กลับมาที่นี่สองเดือนกว่าแล้ว มองท่าทางของลู่ซือเหิงที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลังเหตุการณ์นั้น ใจของฉันก็รู้สีกยากบรรยาย ฉันมองลู่ซือเหิงค้นห้องอย่างบ้าคลั่ง เขารื้อของของฉันออกมาราวกับเสียสติไปแล้ว ท่ามกลางข้าวของที่ระเนระนาด ลู่ซือเหิงคุกเข่ากอดเสื้อของฉัน “หลินหร่วน เข้าใจฉัน ให้อภัยฉันมาตลอด ไม่ใช่เหรอ…” “ก็ถือว่าเห็นใจฉันเถอะนะ เธอกลับมาเถอะ กลับมาให้ฉันได้ชดใช้ให้เธอ…” ลู่ซือเหิงคุกเข่ากอดเสื้อของฉัน พึมพำอยู่บนพื้นอย่างเหม่อลอย ทันใดนั้น ก็เหมือนมีบางสิ่งดึงดูดความสนใจของเขา เขาคลานไปข้างหน้าตลอดทาง ท้ายที่สุดก็หยิบสมุดที่ดูสวยงามเล่มหนึ่ง ออกมาจากด้านล่างของชั้นหนังสือ นั่นคือไดอารี่แห่งความรักของฉันกับลู่ซือเหิงที่ฉันทำขึ้น ในไดอารี่นั้น บันทึกการนัดเดตทุกครั้งขอ

  • ฉันผู้ถูกคู่หมั้นทิ้งให้รอความตาย   บทที่ 8  

    เพราะเคยถูกสวีหย่าฉีใส่ร้ายมาครั้งหนึ่งแล้ว ดังนั้นครั้งนี้ก่อนจะพบหน้ากัน ฉันเลยเตรียมกล้องจิ๋วติดไว้ที่นาฬิกาข้อมือ วางแผนจะอัดสิ่งเกิดขึ้นทั้งหมดในการพบกันครั้งนี้ไว้ หลังฉันตาย พ่อของฉันตรวจสอบความเคลื่อนไหวทั้งหมดก่อนหน้านี้ของฉันอย่างบ้าคลั่ง เมื่อพบว่าฉันเคยสั่งซื้อกล้องเว็บแคม [1] จิ๋วมา เขาเลยไปค้นนาฬิกาเรือนนั้นออกมาจากของใช้ผู้ตาย หลังขอให้ผู้เชี่ยวชาญเอาสิ่งที่ถูกบันทึกอยู่ออกมา พ่อของฉันก็เข้าใจทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ที่เขาถ่ายโอนความจริงไปบันทึกไว้ในมือถือ ก็แค่เพื่อคืนความยุติธรรมให้ฉันเท่านั้น ลู่ซือเหิงกดเปิดคลิปที่ถูกอัดไว้ช่วงนั้นอย่างสั่นเทา แม้มุมภาพจะดูยาก แต่ก็มองออกได้ว่า ที่อยู่ตรงหน้าฉันคือสวีหย่าฉี ฉันยังไม่ทันพูดอะไร สวีหย่าฉีก็ร้องไห้กระซิกกระซิกว่า “พี่หลินหร่วนคะ ฉันไม่มีอะไรกับพี่ซือเหิงจริงๆ นะคะ ฉันไม่เคยติดต่อไปหาพี่เขาเองเลย เป็นพี่เขาที่เป็นฝ่ายมาหาฉันเองทั้งนั้น…” “พี่หลินหร่วนคะ ปัญหาของพี่กับพี่ซือเหิง ก็ควรแก้ที่ตัวพี่ ไม่ใช่เอาแต่มาหาเรื่องฉันสิคะ” ฉันถูกสวีหย่าฉีทำให้โมโหจนหัวเราะออกมาสองที ยังไม่ทันได้พูดอะไร สวีห

  • ฉันผู้ถูกคู่หมั้นทิ้งให้รอความตาย   บทที่ 7  

    ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า จนป่านนี้แล้ว ลู่ซือเหิงก็ยังจะปกป้องสวีหย่าฉีอีก เห็นได้ชัดว่าคุณพ่อลู่ก็คาดไม่ถึงเช่นกัน เขาโมโหมากจนยกมือขึ้น คิดจะตบลู่ซือเหิงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ สวีหย่าฉีเข้ามาขวางอยู่หน้าลู่ซือเหิง “คุณลุงคะ เป็นความผิดของหนูเอง คุณลุงอย่าโทษพี่ซือเหิงเลยค่ะ…” “เป็นหนูที่ทำให้พี่หลินหร่วนไม่พอใจเองค่ะ เพราะพวกเราทะเลาะกัน เรื่องเลยกลายเป็นแบบนี้…” สวีหย่าฉีพูดอย่างเวทนา ทำให้ลู่ซือเหิงสงสารเธออย่างมาก เขาคว้าสวีหย่าฉีเข้ามากอด “ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นพวกพ่อคัดค้าน ผมกับหย่าฉีคงอยู่ด้วยกันไปนานแล้ว!” “ตอนนี้ผมแค่ดูแลเธอในฐานะพี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น เป็นยัยหลินหร่วนนั่นต่างหากที่เอาแต่หึงหวง! คอยหาเรื่องหย่าฉีครั้งแล้วครั้งเล่า!” คุณพ่อลู่โมโหจนทนไม่ไหวแล้ว เขาเกร็งลำคอตะเบ็งเสียงออกมา “แกไม่ใช่ลูกชายฉัน! แกมันเป็นสัตว์เดรัจฉานไปอย่างสมบูรณ์แล้ว!!” เมื่อเห็นว่าคุณพ่อลู่กำลังจะถูกทำให้โมโหจนเป็นลม คุณแม่ลู่กับหมอที่ตามมาอย่างเร่งร้อน เลยรีบประคองคุณพ่อลู่ไว้ เห็นลู่ซือเหิงยังจะกอดสวีหย่าฉีไว้อย่างงมงายไม่รู้สำนึกอีก สีหน้าของคุณแม่ลู่ก็เต็มไปด้วยความปว

  • ฉันผู้ถูกคู่หมั้นทิ้งให้รอความตาย   บทที่ 6  

    หลังบรรยากาศเงียบสงัดไปสองสามวินาที ลู่ซือเหิงก็กระทืบเท้าด้วยความโมโหอย่างกะทันหัน “หลินหร่วนให้เงินพวกคุณพ่อเท่าไหร่กัน? ถึงได้เล่นใหญ่กันขนาดนี้?” “ตอนนี้คิดจะเอาเรื่องศีลธรรมมาบังคับผมด้วยมุกแกล้งตายแบบเก่าๆ เหรอ? น่าขยะแขยงเกินไปแล้ว!” เสียงเพี๊ยะดังขึ้นทีหนึ่ง นี่เป็นอีกครั้ง ที่คุณพ่อลู่ตบหน้าลู่ซือเหิง “แกเข้าไปดูซะ ว่าคนที่นอนอยู่ข้างในเป็นใครกันแน่!” ดูเหมือนว่าลู่ซือเหิงจะต่อต้านการเข้าไปในห้องดับจิตเป็นอย่างมาก คล้ายว่าคุณพ่อลู่แทบจะฉุดกระชากเขาเข้ามาก บรรยากาศมืดมนเย็นยะเยือกรอบกาย ทำให้ลู่ซือเหิงตัวสั่นขึ้นมา รอจนเขาเดินมาถึงข้างเตียงด้วยความอึดอัด คุณพ่อที่ยืนรออยู่ข้างกายฉันมาตลอด ก็ช่วยเปิดผ้าขาวออกให้เขา และใบหน้าขาวซีดที่ไม่มีสีเลือดเหลืออยู่แม้แต่น้อยของฉัน ก็ปรากฏสู่สายตาของลู่ซือเหิงแบบนั้น ลู่ซือเหิงที่ไม่ทันได้ตั้งตัวถูกทำให้ตกใจจนค้างไปแล้ว เขาเอาแต่จ้องหน้าของฉันด้วยดวงตาเหม่อลอย หลังจ้องฉันแบบนั้นไปสองนาที ลู่ซือเหิงก็ได้สติแล้วตะโกนออกมาอย่างหวาดหวั่น “…หลินหร่วน! ฉันยอมรับว่าเธอแต่งหน้าได้ดีมาก! เธอทำให้ฉันตกใจได้แล้วจริงๆ!” 

  • ฉันผู้ถูกคู่หมั้นทิ้งให้รอความตาย   บทที่ 5  

    เมื่อได้ยินพ่อของตัวเองก็พูดเช่นนี้ สีหน้าของลู่ซือเหิงก็เคร่งเครียดขึ้นในทันที เสียงของคุณพ่อลู่ดังสะท้านแก้วหู จนแม้แต่สวีหย่าฉีที่อยู่ด้านข้าง ก็ยังฟังออกถึงความผิดปกติ “หรือจะเกิดเรื่องกับพี่หลินหร่วนจริงๆ? ไม่งั้น พวกเราไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลกันเถอะค่ะ?” ลู่ซือเหิงส่งเสียงอืมอย่างลังเล จากนั้นก็ตอบกลับไปอย่างแข็งกร้าวอีกครั้งว่า “พ่อครับ พ่อเลิกล้อเล่นได้แล้ว เป็นไปได้ยังไงที่หลินหร่วนจะ…” คุณพ่อลู่ไม่อยากเปลืองน้ำลายกับลู่ซือเหิงอีกต่อไป เขาทิ้งคำพูดไว้ว่า “แกไสหัวไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!” หลังวางสายโทรศัพท์ ลู่ซือเหิงก็มีอาการมึนงงอยู่บ้าง สวีหย่าฉีปลอบใจเขา “พวกเราก็แวะไปสักรอบเถอะค่ะ ฉันคิดว่า เรื่องตาย…คงเป็นไปไม่ได้หรอก แต่น่าจะบาดเจ็บแล้วจริงๆ แหละค่ะ” “พี่ก็บอกว่าพ่อแม่ของพี่ชอบพี่หลินหร่วนมาก บางทีพวกท่านก็อาจอยากช่วยพี่หลินหร่วนเหมือนกัน เลยพูดแบบนั้น” คำพูดของสวีหย่าฉี ทำให้สีหน้าของลู่ซือเหิงดีขึ้นไม่น้อย “เธอพูดถูก ไม่รู้หลินหร่วนเอาอะไรให้พ่อแม่ฉันกิน แม้แต่เรื่องแบบนี้ก็ยังยอมร่วมมือกับเธอ” “แค่ตกจากบันไดเท่านั้น อย่างมากก็กระดูกหัก สมองได้รั

  • ฉันผู้ถูกคู่หมั้นทิ้งให้รอความตาย   บทที่ 4  

    ฉันทนมองพวกเขาส่งสายตาให้กันลึกซึ้ง จากนั้นก็โอบกอดเข้าด้วยกัน และด้วยการดูแลอย่างเอาใจใส่ของลู่ซือเหิงเช่นนี้ สวีหย่าฉีจึงพักต่อในโรงพยาบาลอีกหลายวัน วันที่ออกจากโรงพยาบาล ก็เป็นลู่ซือเหิงที่ดำเนินการเรื่องทั้งหมด หลังส่งสวีหย่าฉีกลับถึงบ้านแล้ว สวีหย่าฉีก็ดึงลู่ซือเหิงไว้อย่างอาลัยอาวรณ์ “ซือเหิง ฉันไม่อยากให้พ่อแม่เป็นห่วง” “แต่ฉันทำอะไรก็ซุ่มซ่าม ดูแลตัวเองไม่ได้จริงๆ… พี่อยู่ที่นี่เป็นเพื่อนฉันได้ไหม?” ลู่ซือเหิงมีความสุขกับการพึ่งพาของสวีหย่าฉีอย่างมาก เขาโอบสวีหย่าฉีเข้าไป กระซิบอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่มีปัญหา ฉันจะลาเพิ่มอีกสองสามวัน มาอยู่ดูแลเธอที่นี่” ฉันยากจะบรรยายความขมขื่นในใจตัวเอง คิดไม่ถึงว่า ผู้ชายที่เมื่อก่อนฉันไม่กล้ารบกวน กลับเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อผู้หญิงคนอื่นอย่างไร้เงื่อนไข การโอบกอดอันแสนหวานของคนทั้งสอง ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นอย่างเร่งร้อน เมื่อเห็นว่าเป็นหมายเลขท้องถิ่นที่ไม่คุ้นเคย ลู่ซือเหิงก็รับอย่างสงสัย อีกด้านของโทรศัพท์ พ่อของฉันตะโกนใส่เขา “แกมันไอ้สารเลวไร้จิตสำนึก! แกถึงกับกล้าทำกับลูกสาวฉันแบบนี้! เป็นแกที่ทำใ

  • ฉันผู้ถูกคู่หมั้นทิ้งให้รอความตาย   บทที่ 3  

    ลู่ซือเหิงจำได้ว่าฉันถูกรถพยาบาลส่งมาที่โรงพยาบาลเดียวกัน เขาวางแผนจะช่วยระบายโทสะให้สวีหย่าฉี เลยคิดจะมาหาฉัน เพิ่งออกจากห้องผู้ป่วยของสวีหย่าฉี เตียงย้ายผู้ป่วยคันหนึ่งที่บรรทุกศพอยู่ เคลื่อนผ่านหน้าเขาไป ฉันรู้ดี ศพที่นอนอยู่บนเตียงย้ายผู้ป่วยคันนี้คือฉันเอง แม้ร่างของฉันจะถูกคลุมด้วยผ้าขาวไว้ แต่มือที่สวมแหวนแต่งงานของฉันกลับห้อยลงมา นี่เป็นแหวนที่ลู่ซือเหิงซื้อให้ ตอนขอฉันหมั้นเมื่อแปดปีก่อน แหวนที่เขาซื้อให้ฉันนั้น หลายปีมานี้ฉันไม่เคยถอดมันออกเลย ฉันไม่เชื่อว่า ลู่ซือเหิงจะจำแหวนวงนี้ไม่ได้ วิญญาณของฉันลอยไปมาอยู่ข้างลู่ซือเหิง บอกเขาไม่หยุดว่า “ลู่ซือเหิง ศพที่อยู่บนเตียงย้ายผู้ป่วยนั่นคือฉัน!” ฉันอยากให้ลู่ซือเหิงจำฉันได้ ฉันอยากรู้ว่า ถ้าลู่ซือเหิงรู้ว่า การตัดสินใจที่ผิดพลาดเพียงครั้งเดียวของเขา ผลักฉันกับลูกของเราไปสู่ความตาย เขาจะโศกเศร้าจนเสียสติ หรือไม่สนใจ คิดว่าไม่มีความหมายอะไรกันนะ “รบกวน ช่วยหลีกทางหน่อยครับ” ในตอนที่เตียงย้ายผู้ป่วยเคลื่อนไปถึงหน้าลู่ซือเหิง เจ้าหน้าที่ที่เข็นเตียงก็เอ่ยปากกับลู่ซือเหิง ลู่ซือเหิงขมวดคิ้วแน่น กวาดตามองมือที่

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status