“ม่าน!”“กิ่ง ฮึก! แกมาแล้ว” กิ่งกมลวิ่งเข้าไปกอดเพื่อนสนิททันทีหลังลงจากรถแล้ว ม่านไหมยืนนิ่งกอดเพื่อนสนิทเอาไว้ ซบหน้าลงบนไหล่บางของเพื่อนเธอ ปล่อยน้ำตาไหลรินออกมา“ฮึก! ไม่เป็นไรนะแก ฉันมาแล้ว ไม่เป็นไรน้า” กิ่งกมลทั้งร้องทั้งปลอบม่านไหม เสียงของเธอสั่นไปหมดคีรินทร์มองสองสาวยืนกอดกันร้องไห้ด้วยความสงสาร จึงเรียกสติทั้งสองคนให้เข้าไปนั่งในบ้านกิ่งกมลได้สติก่อนเจ้าของบ้าน เธอรีบพาม่านไหมเข้าไปนั่งที่โซฟาภายในบ้านทันทีม่านไหมปล่อยให้เพื่อนสนิทประคองเข้าบ้านอย่างว่าง่าย ตอนนี้เธอหมดแรงจนไม่มีแรงจะทำอะไรแล้วเมื่อเข้ามานั่งที่โซฟาเรียบร้อยแล้ว ม่านไหมก็กอดและซบหน้าลงที่อกเพื่อนรักทันที เสียงร้องไห้คละเคล้าเสียงปลอบโยนดังออกมาไม่ขาดสาย จนในที่สุดม่านไหมก็หลับไปพร้อมทั้งน้ำตาที่ยังคงไหลออกมากิ่งกมลมองเพื่อนของเธออย่างสงสาร เธอทั้งเป็นห่วงและโกรธ โกรธคนที่ทำให้เพื่อนที่แสนดีของเธอเสียใจมากมายแบบนี้“เฮ้อ! เอาไงต่อดีครับ น้องม่านหลับไปแล้ว” คีรินทร์เอ่ยถามท่ามกลางความเงียบสงบ กิ่งกมลเงยหน้ามองแฟนหนุ่มแล้วส่ายหน้าไปมาเบา ๆ เพราะตอนนี้เธอก็คิดไม่ออกว่าจะทำยังไงต่อไป“งั้นพาม่านกลับคอนโดเร
“ม่านครับ”“...”“ม่าน”“...”“ม่าน!”ก้องเกียรติกลับมาที่บ้านในเช้าวันต่อมาหลังจากหายไปทำกิจกรรมรักกับเลขาสาวตลอดทั้งคืนชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจเมื่อเขาเดินเข้ามาในบ้านแล้วไม่มีร่างของภรรยาคนสวยนั่งรอเหมือนทุกที“แปลก”“ยังไม่ถึงเวลาไปทำงานนี่นา แล้วม่านไปไหน ทำไมไม่ตอบ” ชายหนุ่มพูดกับตัวเองหลังจากดูเวลาที่นาฬิกาบนข้อมือคิ้วเข้มของก้องเกียรติขมวดมุ่น ดวงตาของเขาชายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด เขาเริ่มรู้สึกว่ามันผิดปกติ ผิดวิสัยของม่านไหม ไม่รอช้าก้องเกียรติพุ่งตัวไปยังห้องครัวก่อนอันดับแรกเพราะเขาหวังเหลือเกินว่า จะพบเจอร่างของภรรยายืนทำกับข้าว หรือไม่ก็กำลังจัดโต๊ะอาหารรอเขาอยู่ และที่ไม่ยอมขานรับเขาก็เป็นเพราะเธอกำลังโกรธแต่เมื่อก้องเกียรติเข้ามาถึงห้องครัวได้ ชายหนุ่มก็ต้องผิดหวัง เพราะในห้องครัวเขาไม่พบม่านไหมเลยทั้งยังไม่มีร่องรอยของการทำอาหารสักนิดก้องเกียรติเห็นเพียงร่องรอยของแก้วน้ำที่ตกแตกเป็นเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยสาดกระจายอยู่บนพื้นกระเบื้องทั้งยังไม่ถูกเก็บกวาด ชายหนุ่มพยายามมองหารอยเลือดเพราะกลัวว่าภรรยาจะได้รับบาดเจ็บแต่เมื่อไม่พบชายหนุ่มก็ถอนหายใจโล่งอกโล่งอกได้ไม่นาน ใจของช
ผ่านมาสองอาทิตย์แล้วที่ก้องเกียรติยังติดต่อม่านไหมไม่ได้ เขาใช้ชีวิตตามปกติ เช้ามาทำงานเย็นมากลับบ้าน ไม่สนใจผู้หญิงคนไหนอีก แม้แต่เลขาสาวสวยที่เคยทำกิจกรรมร่วมกันอย่างถึงพริกถึงขิงก็ไม่สามารถเรียกความสนใจจากชายหนุ่มได้ทุกวันนี้ก้องเกียรติหวังเพียงว่าจะได้เจอภรรยาคนสวยของเขาเมื่อไหร่ ทุก ๆ วันเขาจะเลิกงานก่อนเวลาเสมอและหอบงานกลับไปด้วยทุกครั้งก็เพื่อที่จะมีเวลาไปดักรอม่านไหมที่หน้าบริษัทที่ทำงานของเธอเพียงแต่ว่าไม่ว่าเขาพยายามไปดักรอนานเท่าไหร่เขาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอเลยสักนิดไม่เพียงเท่านั้นก้องเกียรติยังคงเพียรถามกิ่งกมลทุกครั้งและทุกวัน แต่คำตอบที่ได้รับก็ยังคงเหมือนเดิมในทุก ๆ วันชายหนุ่มเหมือนมีเพียงร่างแต่ไร้ซึ่งวิญญาณ เขาเซื่องซึมจนปรายฟ้ากังวลใจ เธอพยายามเข้ามาดูแลเขา เอาใจใส่เขาทุกทาง แต่ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหน ก้องเกียรติก็ยังไม่สนใจเธออยู่ดี“ผมกลับก่อนนะครับปรายฟ้า ฝากงานด้วยนะครับ” ชายหนุ่มพูดจบก็เดินจากไป ทิ้งให้ปรายฟ้าเลขาสาวมองตามด้วยสายตาเศร้าสร้อยระคนเป็นห่วงปรายฟ้ามองตามก้องเกียรติจนสุดสายตา ทั้งเป็นห่วงเขาและเสียใจที่เขาไม่สนใจเธอเลยไม่ว่าจะครั้งนี้หรือครั้
“ม่าน”“พี่ก้อง!” ม่านไหมกลับหลังหันมาช้า ๆ ก่อนจะพบเจอคนที่เธอไม่อยากเจอที่สุด เธอเรียกชื่อเขาเบา ๆ ดวงตาสั่นระริก ปราชญาเห็นดังนั้นจึงเข้าไปยืนบังหน้าของหญิงสาวไว้ก้องเกียรติขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ ส่งสายโกรธเคืองมาให้ปราชญาอย่างไม่ปิดบัง แน่นอนว่าปราชญาก็ไม่ยอมเช่นกัน เขายังคงไม่ลืมว่าคนที่ทำให้ผู้หญิงที่เขารักต้องเสียน้ำตาก็คือผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้!สองสายตาจ้องมองกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนจะเป็นก้องเกียรติที่ละสายตาไปก่อน แล้วเรียกหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวที่ยืนอยู่ตรงนี้พร้อมทั้งจะเดินเข้ามาจับมือหญิงสาว เพียงแต่ว่าไม่สามารถทำได้ เพราะถูกปราชญาขวางกั้นไว้อยู่“ม่าน! เรามีเรื่องต้องคุยกัน”“ไม่มีอะไรที่ต้องคุย นายกลับไปซะ!”“เรื่องอะไร ฉันจะคุยกับม่านภรรยาของฉัน ไม่ใช่คุณนายที่เป็นคนนอก ถ้ามีใครสักคนที่ต้องไปมันควรเป็นนายมากกว่า”“ม่านครับคุยกับพี่เถอะนะ พี่มีเรื่องที่จะคุยกับม่านเต็มไปหมด” ก้องเกียรติไม่สนใจปราชญา เขายังคงพูดและขอร้องอ้อนวอนม่านไหม“ม่าน... ได้โปรด”“เรามีอะไรที่ต้องคุยกันอีกคะ”“มีสิ พี่...”“จะหลอกอะไรม่านอีก พี่เห็นม่านโง่มากใช่ไหมที่พูดอะไรม่านก็เช
“ม่านแกจะเอายังไงต่อ” กิ่งกมลถามหลังจากที่รู้ว่าก้องเกียรติมาเจอหญิงสาวที่หน้าคอนโดและได้มีปากเสียงกันอีกครั้ง “เฮ้อ! ก็คงต้องคุยกันอย่างจริงจัง” ม่านไหมถอนหายใจก่อนที่จะพูดออกมา หญิงสาวรู้ดีว่าเพื่อนของเธอคนนี้เป็นห่วงเธอมากแค่ไหน จึงได้พยายามทำใจและทำให้ตัวเองเข้มแข็งขึ้น เพื่อนของเธอจะได้ไม่ต้องกังวล“ม่าน... ฉันรู้ว่าแกเสียใจ แกร้องออกมาอีกก็ได้นะ ฉันไม่ว่าอะไรหรอก ฉันจะอยู่ตรงนี้ อยู่ข้าง ๆ แก” กิ่งกมลพูด เพราะเธอรู้ดีว่าลึก ๆ แล้วม่านไหมกำลังเสียใจแต่ที่เธอไม่เห็นน้ำตาของม่านไหม ก็เป็นเพราะเพื่อนเธอไม่อยากให้เธอต้องห่วงหรือกังวล แต่การที่กิ่งกมลไม่เห็นว่าเพื่อนเธอร้องไห้นี่แหละที่ทำให้เธอห่วงมากกว่าเดิม“ไม่ล่ะ ฉันเสียใจนะ แต่ฉันก็ไม่อยากร้องไห้นาน แกเคยได้ยินคำนี้ไหม”“คำว่า” กิ่งกมลถามพร้อมกับเลิกคิ้วหนึ่งข้าง“เรารักคนอื่นได้ จะรักมากแค่ไหนก็ได้ แต่ไม่ควรรักใครมากกว่าตัวเอง วันนี้เธอรักเขาแล้วต้องเสียใจเพราะเขา เธอก็ต้องเสียใจให้พอแล้วพรุ่งนี้ก็รีบกลับมารักตัวเองให้เร็วที่สุด”“แกพูดเหมือนคนไม่เสียใจแล้ว”“เปล่าหรอก ฉันก็เสียใจ และเสียใจมาก เพียงแต่ว่าตั้งแต่ที่ฉันมาอยู่กับ
“ม่านครับ พี่ขอโทษจริง ๆ ม่านยกโทษให้พี่ได้ไหม” ก้องเกียรติพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและกลัวกลัวว่าม่านไหมจะไม่ยอมยกโทษให้เขาม่านไหมเงียบเธอยังคงมองก้องเกียรติสามีที่เธอรักด้วยความเรียบเฉย นึกสะท้อนใจกับการตัดสินใจแต่งงานกับเขา บางทีถ้าเธอใช้เวลาศึกษาดูใจกับเขามากกว่านี้ เธออาจจะไม่ต้องเสียใจเหมือนในวันนี้ก็ได้หรือไม่ก็เป็นเพราะก้องเกียรติปิดบังความไม่รู้จักพอของเขาไว้ดีเกินไป เธอถึงได้ไม่เห็นมันนอกจากนี้ม่านไหมพึ่งมารู้ว่าคนที่ใช้ชื่อว่าผู้หวังดีที่ส่งข้อความมาหาเธอนั้น แท้ที่จริงก็เป็นผู้หญิงอีกคนของเขาที่ก้องเกียรติไม่สนใจแล้ว และผู้หญิงคนนั้นเสียใจมากไม่อยากให้ม่านไหมถูกหลอกไปมากกว่านี้ เธอเลยส่งข้อความถึงม่านไหมตั้งแต่วันที่เธอถูกก้องเกียรติตัดขาดนั่นเองหากจะให้ดูระยะเวลาม่านไหมก็พบว่าไม่นานเลย ที่นานคือเขามีคนอื่นมาตลอดตั้งแต่ที่แต่งงานกันมา ปล่อยให้เธอเป็นคนโง่ที่ไม่รู้อะไรเลยก้องเกียรติไม่เพียงนอกกายลับหลังม่านไหม แต่เขายังโกหกปิดบังเธอในหลาย ๆ เรื่องอีกด้วย หญิงสาวอยู่ในจุดที่รับไม่ได้แล้วจริง ๆ“ม่าน...”หญิงสาวมองชายหนุ่มที่เรียกชื่อเธ
“ฮึก! ฮือ... ฉันท้อง! ฉันไม่เคยต้องการให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ ม่านพี่ขอโทษ แต่พี่ไม่สามารถยกบอสให้ม่านได้อีกแล้วจริง ๆ”“หมายความว่ายังไงคะที่บอกว่าไม่สามารถยกให้ได้อีกแล้ว” ม่านไหมทวนคำถามทั้ง ๆ ที่เธอกำลังตกใจอยู่ “ฮึก! ความจริงแล้วพี่แอบชอบบอสมาตลอด แต่บอสไม่เคยเห็นพี่ในสายตาเลย พี่พยายามทำทุกอย่างเผื่อบอสจะมองพี่เป็นอย่างอื่นบ้าง ไม่ใช่แค่เจ้านายที่มองลูกน้องคนหนึ่ง”“...”“แต่พี่ก็ดีใจนะที่ได้แอบชอบบอสแบบนี้ จนวันนั้นวันที่ม่านเข้ามาฝึกงานที่บริษัท สายตาที่บอสมองม่านพี่รู้ได้ทันทีว่าบอสรู้สึกยังไง ด้วยความที่พี่ไม่สามารถทำให้บอสรักได้ ประจวบกับม่านทั้งนิสัยดีและน่ารักพี่เลยทำตัวเป็นแม่สื่อให้บอสกับม่าน จนทั้งสองคนรักกันนั่นแหละ”ม่านไหมอึ้งไม่คิดว่าจะมีคนแบบนี้อยู่จริง คนที่ยอมเป็นสะพานให้คนที่ตัวเองรักใช้ข้ามไปหาใครอีกคน ยอมเป็นแม่สื่อให้เขารักกับผู้หญิงคนอื่น คนที่ยอมเสียสละแบบนั้นไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริง ๆ ในยุคปัจจุบันม่านไหมมองปรายฟ้าอย่างไม่เชื่อสายตา พร้อมทั้งสงสารและเห็นใจเธอด้วย เพราะถ้าเป็นอย่างที่ปรายฟ้าเล่าจริงนั่นแสดงว่าผู้หญิงคนนี้คงเจ็บปวดไม่น้อยเลยแต่ว่าเสียสล
เมื่อปรายฟ้าจากไป ก้องเกียรติก็ไม่สามารถอดกลั้นความเสียใจไว้ได้อีก น้ำตามากมายหลั่งไหลออกมาจากดวงตาคู่คมของเขา นี่คือน้ำตาของความรู้สึกผิด คือน้ำตาแห่งความเสียใจ“ฮึก! ม่าน ฮึก! พี่ขอโทษ” ชายหนุ่มพูดพลางสะอื้น“พี่ขอโทษ”เขาพูดย้ำไปย้ำมาอยู่อย่างนั้น ยิ่งเห็นรูปภาพงานแต่งงานที่ติดอยู่ข้างฝาก็ยิ่งรู้สึกเสียใจก้องเกียรติพาตัวเองเดินขึ้นไปบนชั้นสองช้า ๆ เขาเดินเหมือนคนไร้ชีวิต หากตอนนี้มีคนอื่นอยู่ด้วย คงคิดว่าเขาไม่สบายมากแน่แอ๊ดหลังเปิดประตูเข้าไปด้านในห้อง ก้องเกียรติก็ตรงไปที่เตียงนอนที่เขากับม่านไหมเคยใช้มันร่วมกัน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้หมอนที่หญิงสาวเคยหนุนนอนไปมามือขวาเอื้อมไปเปิดลิ้นชักข้างเตือน หยิบอัลบั้มภาพถ่ายที่ทั้งเขาและเธอได้ถ่ายร่วมกันและนำไปล้างเอามาใส่อัลบั้มไว้เพื่อไว้ดูต่างหน้ายามที่มีใครคนหนึ่งไปทำงานไกล เพื่อที่จะได้คลายความคิดถึงตลอดเวลาก้องเกียรติไม่เคยเลยสักครั้งที่จะหยิบอัลบั้มนี้ขึ้นมา สำหรับเขาแล้วเมื่อก่อนอัลบั้มภาพถ่ายนี้ไม่ได้มีความสำคัญเลยสักนิดเดียว ในเมื่อเทคโนโลยีพัฒนาไปไกลหากอยากเห็นหน้าก็วิดีโอหาเธอก็ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่เคยเปิดมันมาก่อนแต่ว่าตอนน
5 ปีผ่านไป“คุณพ่อขา... ช่วยปิ่นด้วยค่าพี่ปืนทำหนู”“ไม่จริงนะครับ น้องปิ่นต่างหากที่แกล้งผมก่อน ผมแค่ป้องกันตัว” สองเสียงของเด็กเล็กชายหญิงดังขึ้นไล่เลี่ยกัน ก่อนจะมีร่างจ้ำม่ำของทั้งสองวิ่งไล่ตามกันมา ก่อนผู้เป็นเด็กหญิงจะวิ่งเข้าไปหาผู้เป็นพ่อเพราะเธอมาถึงก่อนปราชญาอ้าแขนรับร่างของเด็กหญิงก่อนจะอุ้มเข้าเอวแล้วหอมฟอดใหญ่ ก่อนจะหันไปอุ้มเด็กชายขึ้นมาเข้าเอวอีกข้าง“ไหนเล่าให้พ่อฟังหน่อยครับว่าเกิดอะไรขึ้น” ปราชญาเอ่ยถามทั้งสองคนที่แท้เด็กชายและเด็กหญิงที่ว่าคือลูกของเขา ผู้เป็นเด็กหญิงมีชื่อว่า ปิ่นมุก ส่วนเด็กชายอีกคนชื่อ ปืนกันต์ ทั้งสองเป็นฝาแฝดชายหญิงที่หน้าตาเหมือนกันราวกับแกะ หากไม่สนิทและรู้จักมักคุ้นจริง ๆ คงจะแยกแยะได้ยากปิ่นมุกแฝดน้องมีนิสัยค่อนข้างแสบและซน เจ้าเล่ห์ตั้งแต่เด็กเรื่องนี้ทำปราชญาและม่านไหมปวดหัวอยู่ทุกวันปืนกันต์แฝดพี่กลับเป็นคนเรียบง่ายติดจะเย็นชา แต่ความเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการกลับมีมากกว่าผู้เป็นน้องสาวที่คลานตามกันออกมาหลายขุมอย่างไรก็ตามเด็กทั้งสองคนนับเป็นเด็กที่ฉลาดมาก อายุเพียงสามขวบกว่าก็พูดจาคล่องแคล่วแล้ว“ว่าไงครับ ไหนเล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น” ป
ม่านไหมและปราชญาผละกอดจากกัน ชายหนุ่มจ้องตาเธอนิ่งเขาอยากจูบเธอแต่ไม่กล้าพอ ม่านไหมยิ้มก่อนจะเป็นฝ่ายโน้มหน้าไปจูบเขาก่อนทันทีที่ริมฝีปากของทั้งสองแตะกันก็คล้ายกับมีแรงดึงดูดทั้งเขาและเธอเอาไว้ ฝ่ามือหนาของปราชญาจับล็อกที่ต้นคอของหญิงสาวก่อนจะเป็นฝ่ายแทรกเรียวลิ้นบดขยี้จูบหวานหอมแสนอ่อนโยนให้กับเธอ ปราชญาไม่สามารถหักห้ามอารมณ์ไว้ได้อีก มือหนาเคลื่อนไปตามสัญชาตญาณ กอบกุมอกอวบของเธอที่เขาเคยฝันถึงไว้ในอุ้งมือ ก่อนจะบีบขยำเคล้าคลึงเล่นไปมาปากก็ยังจูบม่านไหมไม่ยอมปล่อย จนหญิงสาวทุบตีที่หน้าอกเพราะหายใจไม่ทัน ชายหนุ่มถึงได้ผละปากออกมาให้เธอหายใจหายคอแต่การกระทำของเขาไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น ปราชญาเคลื่อนริมฝีปากไปตามกรอบหน้าของหญิงสาว ก่อนจะไปแวะเล็มขบกัดติ่งหูจนหญิงสาวขนลุกซู่“อื้อ... พี่ปราชญ์ขา” จากตอนแรกที่คิดว่าจะแกล้งเธอเท่านั้น ตอนนี้เขาไม่สามารถข่มกลั้นความอดทนได้อีกต่อไป เพียงเพราะได้ยินเธอเรียกชื่อเขาเสียงหวาน“ม่านครับพี่ขอโทษแต่พี่ห้ามตัวเองไม่ได้แล้ว” เขาละริมฝีปากที่ซุกไซ้ซอกคอของเธอก่อนจะเงยหน้าพูดม่านไหมยิ้มรับก่อนจะเอื้อมมือไปกอดคอเขาไว้แล้วโน้มหน้าเขาลงมาบดจูบเธออี
ตั้งแต่ที่ม่านไหมรู้ว่าปราชญาจีบเธอ ปราชญาก็เปลี่ยนไปทันที สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือเขารุกหญิงสาวมากกว่าเดิม แต่สิ่งที่ชายหนุ่มไม่เคยเปลี่ยนหรือขาดไปนั่นก็คือความเอาใจใส่ของเขานี่ก็ผ่านมาสามเดือนได้แล้ว ที่ปราชญาจีบม่านไหม แรก ๆ ม่านไหมก็เกร็งแต่ปัจจุบันนี้เธอทำตัวตามสบาย ยิ่งถูกปราชญาเอาใจใส่และตามใจมาก ๆ หญิงสาวก็นึกกลัวตัวเองว่าจะเสียนิสัยเข้าสักวัน“เลิกงานแล้ว วันนี้พี่เหนื่อยมากเลยครับ” ปราชญาพูดหลังจากที่เห็นว่าหญิงสาวเดินขึ้นรถมาแล้วทุกวันนี้ม่านไหมขึ้นรถมาทำงานกับปราชญาแทบทุกวัน วันไหนที่ไม่ได้มาด้วยกันคือวันที่ปราชญามีประชุมข้างนอกหรือคุยงานหญิงสาวยิ้มให้กับคนตัวโตที่หันมาอ้อนเธอทุกครั้งที่เธอเดินขึ้นรถ หญิงสาวยอมรับว่าทุกวันนี้หญิงสาวรู้สึกดีมากที่มีเขาอยู่ข้าง ๆ ปราชญาเสมอต้นเสมอปลายกับเธอมาโดยตลอด จนหญิงสาวไม่กลัวแล้วว่าเขาจะเป็นเหมือนก้องเกียรติ“งั้นม่านนวดให้ดีไหมคะ”“ได้เหรอครับ” หญิงสาวหัวเราะเมื่อเห็นอาการถูกใจของเขา ก่อนจะพยักหน้ารับตอนนี้ท่าทางของปราชญาไม่ต่างไปจากเด็กที่ได้ของเล่นเลยด้วยซ้ำ“งั้นวันนี้เราจะทานอะไรกันดีครับ พี่หิวมาก”“แกงถุงไหมคะ ม่านมีร้านแนะนำ”
พี่เป็นห่วง...พี่เป็นห่วง...พี่เป็นห่วง...“ม่าน”“...”“ยายม่าน!”“ฮะ! อะไร มีอะไร”“เหม่ออะไรของแก เป็นอะไร”“ปะ เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร ฉันแค่กำลังคิดอะไรนิดหน่อย” ม่านไหมตอบ“แน่นะ”“อืม” ม่านไหมตอบรับ ก่อนจะสนใจหนังสือนิยายในมือหญิงสาวไม่กล้าบอกเพื่อนว่าเธอกำลังคิดถึงคำพูดของปราชญา เธอกำลังสับสน และกำลังคิดถึงความเป็นไปได้ว่าอะไรทำให้ปราชญาพูดกับเธอแบบนั้นสายตาห่วงใยคำพูดพวกนั้นมันไม่สมควรเกิดขึ้นกับคนที่กำลังจีบ แต่ถึงแม้จะเกิดขึ้นสายตาของเขาไม่ควรที่จะลึกซึ้งมากขนาดนี้ มันลึกซึ้งเหมือนกับว่าชายหนุ่มรักเธอมาก“ม่าน”“ว่า”“แกคิดว่าพี่ปราชญ์เป็นยังไง” คำพูดของกิ่งกมล ทำเอาม่านไหมนิ่งค้างไป“เงียบทำไม ตอบมาสิ” กิ่งกมลเร่งเร้า“ไม่รู้สิ” คำตอบของม่านไหม ทำเอากิ่งกมลเด้งตัวลุกขึ้นแล้วมองหน้าม่านไหมอย่างเอาเรื่องทันที“แกจะไม่รู้ได้ไง พี่ปราชญ์ดูเป็นห่วงเป็นใยแกมากขนาดนั้น บอกฉันมานะว่าแกคิดอะไรอยู่”“ฉันไม่ได้คิดอะไร”“ยายม่าน!”“เฮ้อ! ก็แค่กำลังคิดว่าอะไรทำให้พี่ปราชญ์รู้สึกกับฉันเกินกว่าเจ้านายลูกน้อง”“นี่แกไม่รู้” กิ่งกมลถามด้วยความไม่เชื่อ เธอไม่เชื่อว่าเพื่อนของเธอจะใสซื่อขนา
“อะ เอ่อ... ทานสุกี้ดีกว่าครับ ดูสิวุ้นเส้นอืดหมดแล้ว”“ใช่ ๆ ๆ ยายม่านรีบทานเร็ว”คีรินทร์ที่ทนความอึดอัดและความเงียบที่มีต้นเหตุมาจากเพื่อนตัวเองไม่ไหว จึงรีบพูดออกมาพร้อมทั้งพยักหน้าให้แฟนสาวรีบช่วยพูดเพื่อแก้ไขสถานการณ์ทันทีม่านไหมที่ได้สติจากที่เพื่อนของเธอเรียกชื่อ ก็รีบตักวุ้นเส้นขึ้นมาและทานเงียบ ๆ เธอก้มหน้าก้มตาทานจนได้รับสายตาเอ็นดูจากปราชญาทั้งคีรินทร์และกิ่งกมลรู้สึกว่าตอนนี้พวกเขาเหมือนกับว่าเป็นคนนอกอยู่ตลอดเวลา เพราะปราชญาเล่นไม่สนใจใครเลย คนเดียวที่เขาสนใจคือม่านไหม ไหนจะคำพูดที่พึ่งพูดไปก่อนหน้า แล้วตอนนี้ยังตักนั่นตักนี้ให้ม่านไหมอีกคีรินทร์และกิ่งกมลมองหน้ากันแล้วถอนหายใจออกมา“พอแล้วค่ะ ม่านอิ่มแล้ว”“ทานเยอะ ๆ ครับ พี่ว่าม่านพร้อมไป ต้องทานอีกหน่อย พี่เป็นห่วง”ฉ่า!!!แก้มม่านไหมเห่อร้อนทันที หญิงสาวรู้สึกว่าเหมือนเธอกำลังถูกจีบ!“ไอ้ปราชญ์!”“อะไร”“แกพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า”“รู้สิ ก็ฉันเป็นห่วงน้องม่านจริง ๆ นี่” ปราชญาหันไปตอบคีรินทร์ แล้วหันหน้ามามองหญิงสาวสายตาเต็มไปด้วยความห่วงใยและอ่อนโยนครั้งนี้ม่านไหมไม่หลบตาเธอต้องการพิสูจน์สิ่งที่เธอรู้สึกสงส
จากวันที่หญิงสาวหย่าขาดจากก้องเกียรติ เธอก็ไม่ได้ข่าวคราวเขาอีกเลย รู้เพียงว่าเขาได้เดินทางไปต่างประเทศพร้อมปรายฟ้าแล้ว ส่วนบริษัททางนี้ก็ให้ญาติลูกพี่ลูกน้องของเขาดูแลให้ม่านไหมใช้ชีวิตตามปกติ เธอยังคงมาทำงานใช้ชีวิตเป็นพนักงานออฟฟิศเหมือนเดิม เพียงแต่ว่ารอยยิ้มของเธอไม่ค่อยมีก็เท่านั้นต้องบอกก่อนว่าหลังจากที่เธอขับรถออกจากสำนักงานเขตในวันที่ไปจดทะเบียนหย่านั้น หญิงสาวก็กลับมาร้องไห้ที่ห้องของกิ่งกมลม่านไหมไม่สามารถทนต่อความเสียใจได้ เดิมทีวันที่สิบมีนาคือวันครบรอบวันแต่งงานของเธอกับเขา แทนที่จะมีความสุขและร่วมฉลองในวันดังกล่าว กลับกลายเป็นว่าทุกข์ระทมเพราะหย่าซะเองม่านไหมร้องไห้หนักอยู่เป็นอาทิตย์ ในที่สุดก็หยุดร้องไห้ได้ เพราะได้กำลังใจดี ๆ จากคนที่ห่วงใยเธอทุกคนและเมื่อเธอดีขึ้นแล้ว หญิงสาวก็กลับมาทำงานตามปกติ ชีวิตของเธอยังคงดำเนินไปเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมนั่นคงจะเป็นปราชญาที่ช่วงนี้ขยันมาอยู่ใกล้เธอเสียเหลือเกินใกล้ม่านไหมมาก จนบางครั้งหญิงสาวรู้สึกอึดอัด“ม่านไปทานข้าวกัน”“จ้า ขอเก็บของแป๊บ” ม่านไหมตอบกลับกิ่งกมลที่ตอนนี้ยืนส่งยิ้มให้เธออยู่ หลังจากม่านไหมเก็บของเ
10 มีนาคมวันเปลี่ยนเวลาหมุนเวียนไป วันนี้เป็นวันที่สิบมีนาคม เป็นวันที่ม่านไหมและก้องเกียรติจะหย่าขาดกันตอนนี้ม่านไหมอยู่ที่ตัวอำเภอ เธอกำลังนั่งรอก้องเกียรติอย่างใจเย็น ใบหน้าเรียบเฉย ไร้ซึ่งความเสียใจ ไร้ความรู้สึก เธอไม่แม้แต่จะพูดกับใครเลยด้วยซ้ำ หญิงสาวนั่งรอด้วยความสงบผ่านไปสิบนาที ก้องเกียรติก็เดินทางมาถึง เมื่อเขาเห็นม่านไหมอยู่ก่อนแล้วจึงเดินเข้าไปหา และขอโทษเรื่องที่เขามาช้าหญิงสาวไม่ได้ต่อว่าเขา เธอเข้าเรื่องสำคัญที่เธอมาที่นี่ทันที ไม่นานเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องการจดทะเบียนสมรสก็เดินเข้ามาหาพวกเธอและพาทั้งสองไปยังห้องห้องหนึ่งเมื่อประตูเปิดออก ทั้งก้องเกียรติและม่านไหมก็เห็นชายวัยกลางคนที่ส่งยิ้มมาให้พวกเขา ทั้งสามต่างทักทายซึ่งกันและกัน“ตัดสินใจและมั่นใจแล้วใช่ไหมครับที่จะจดทะเบียนหย่า” เสียงของเจ้าหน้าที่ถามย้ำอีกครั้ง เพราะการหย่าเป็นเรื่องสำคัญ หลังจากนี้ต้องมีการแบ่งสินสมรสทรัพย์สมบัติอีก เพื่อเป็นการไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นอีกครั้งว่าทั้งสองยินยอมหย่าขาดกันด้วยดีหรือเปล่านั่นเอง“ค่ะ” ม่านไหมตอบรับ ก้องเกียรติหันไปมองหน้าม่านไหมอีกครั้ง แต่หญิงสาวกลับไม่สนใจเขาเลย
เมื่อปรายฟ้าจากไป ก้องเกียรติก็ไม่สามารถอดกลั้นความเสียใจไว้ได้อีก น้ำตามากมายหลั่งไหลออกมาจากดวงตาคู่คมของเขา นี่คือน้ำตาของความรู้สึกผิด คือน้ำตาแห่งความเสียใจ“ฮึก! ม่าน ฮึก! พี่ขอโทษ” ชายหนุ่มพูดพลางสะอื้น“พี่ขอโทษ”เขาพูดย้ำไปย้ำมาอยู่อย่างนั้น ยิ่งเห็นรูปภาพงานแต่งงานที่ติดอยู่ข้างฝาก็ยิ่งรู้สึกเสียใจก้องเกียรติพาตัวเองเดินขึ้นไปบนชั้นสองช้า ๆ เขาเดินเหมือนคนไร้ชีวิต หากตอนนี้มีคนอื่นอยู่ด้วย คงคิดว่าเขาไม่สบายมากแน่แอ๊ดหลังเปิดประตูเข้าไปด้านในห้อง ก้องเกียรติก็ตรงไปที่เตียงนอนที่เขากับม่านไหมเคยใช้มันร่วมกัน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้หมอนที่หญิงสาวเคยหนุนนอนไปมามือขวาเอื้อมไปเปิดลิ้นชักข้างเตือน หยิบอัลบั้มภาพถ่ายที่ทั้งเขาและเธอได้ถ่ายร่วมกันและนำไปล้างเอามาใส่อัลบั้มไว้เพื่อไว้ดูต่างหน้ายามที่มีใครคนหนึ่งไปทำงานไกล เพื่อที่จะได้คลายความคิดถึงตลอดเวลาก้องเกียรติไม่เคยเลยสักครั้งที่จะหยิบอัลบั้มนี้ขึ้นมา สำหรับเขาแล้วเมื่อก่อนอัลบั้มภาพถ่ายนี้ไม่ได้มีความสำคัญเลยสักนิดเดียว ในเมื่อเทคโนโลยีพัฒนาไปไกลหากอยากเห็นหน้าก็วิดีโอหาเธอก็ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่เคยเปิดมันมาก่อนแต่ว่าตอนน
“ฮึก! ฮือ... ฉันท้อง! ฉันไม่เคยต้องการให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ ม่านพี่ขอโทษ แต่พี่ไม่สามารถยกบอสให้ม่านได้อีกแล้วจริง ๆ”“หมายความว่ายังไงคะที่บอกว่าไม่สามารถยกให้ได้อีกแล้ว” ม่านไหมทวนคำถามทั้ง ๆ ที่เธอกำลังตกใจอยู่ “ฮึก! ความจริงแล้วพี่แอบชอบบอสมาตลอด แต่บอสไม่เคยเห็นพี่ในสายตาเลย พี่พยายามทำทุกอย่างเผื่อบอสจะมองพี่เป็นอย่างอื่นบ้าง ไม่ใช่แค่เจ้านายที่มองลูกน้องคนหนึ่ง”“...”“แต่พี่ก็ดีใจนะที่ได้แอบชอบบอสแบบนี้ จนวันนั้นวันที่ม่านเข้ามาฝึกงานที่บริษัท สายตาที่บอสมองม่านพี่รู้ได้ทันทีว่าบอสรู้สึกยังไง ด้วยความที่พี่ไม่สามารถทำให้บอสรักได้ ประจวบกับม่านทั้งนิสัยดีและน่ารักพี่เลยทำตัวเป็นแม่สื่อให้บอสกับม่าน จนทั้งสองคนรักกันนั่นแหละ”ม่านไหมอึ้งไม่คิดว่าจะมีคนแบบนี้อยู่จริง คนที่ยอมเป็นสะพานให้คนที่ตัวเองรักใช้ข้ามไปหาใครอีกคน ยอมเป็นแม่สื่อให้เขารักกับผู้หญิงคนอื่น คนที่ยอมเสียสละแบบนั้นไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริง ๆ ในยุคปัจจุบันม่านไหมมองปรายฟ้าอย่างไม่เชื่อสายตา พร้อมทั้งสงสารและเห็นใจเธอด้วย เพราะถ้าเป็นอย่างที่ปรายฟ้าเล่าจริงนั่นแสดงว่าผู้หญิงคนนี้คงเจ็บปวดไม่น้อยเลยแต่ว่าเสียสล