เซี่ยเซียนอินเดินออกมาจากบ้าน ห่างออกไปไม่ไกลคือธนาคาร จากนั้นเธอก็เดินเข้ามาที่เคาน์เตอร์แล้วยื่นบัตรเครดิตให้พนักงานธนาคาร "ช่วยตรวจสอบยอดเงินในบัตรเครดิตให้หน่อยค่ะ" เซี่ยเซียนอินเอ่ยเสียงเบา พนักงานธนาคารรับบัตรเครดิตมาดู ดวงตาฉายแววประหลาดใจ... จากนั้นเขาก็มองเซี่ยเซียนอินด้วยความสงสัยพลางถามว่า "บัตรเครดิตใบนี้เป็นของคุณเหรอครับ?" เซี่ยเซียนอินพยักหน้า พนักงานธนาคารยิ้มให้ "บัตรเครดิตใบนี้ไม่ระบุวงเงิน ฉะนั้นพวกเราจึงไม่ทราบยอดเงินครับ" เซี่ยเซียนอินขมวดคิ้ว "หมายความว่ายังไงคะ?" พนักงานธนาคารครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่ง "คิดเสียว่ามันเป็นบัตรเครดิตชนิดไม่จำกัดวงเงินก็แล้วกันครับ" คำพูดประโยคเดียวทำเอาเซี่ยเซียนอินถึงกับตกตะลึงจนพูดไม่ออก... บัตรเครดิตชนิดไม่จำกัดวงเงิน? หมายความว่ายังไงกันแน่? หลี่ชิงเฟิงจะมีบัตรเครดิตแบบนั้นได้อย่างไรกัน? เธอรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างไรชอบกล... เซี่ยเซียนอินไม่ได้ใช้บัตรเครดิตใบนี้ ตอนค่ำเธอเพียงแค่ซื้อของขวัญอันแสนเรียบง่ายแล้วพาโต้วโต่วไปกับเธอด้วย หลังจากขับรถมาได้ครึ่งชั่วโมง เซี่ยเซียนอินก็มาถึงเขตชิงชิว วิลล่า แม้จะมองอย
ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มองเห็นวงดนตรีคลาสสิกกำลังบรรเลงท่วงทำนองอันไพเราะอยู่ทุกหนแห่ง กลิ่นหอมของไวน์แดงและฟัวกราส์ผสานเข้ากับกลิ่นหอมจาง ๆ ในอากาศที่ชวนให้ผู้คนเมามาย... สมาชิกในตระกูลเซี่ยเที่ยวเดินเตร่ท่ามกลางคนพวกนั้น พลางคอยสังเกตผู้คนและสิ่งรอบตัว จากนั้นพวกเขาก็รู้สึกตกตะลึงอย่างถึงที่สุด... "คุณย่าคะ ถ้าสุ่มเลือกคนที่นี่ขึ้นมาสักคน พวกเขาก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีอิทธิพลในเซี่ยชวนกันทั้งนั้น!" "คุณย่าคะ ดูสิ! นั่นไม่ใช่ผู้ว่าการเมืองเซี่ยชวนเหรอคะ? แม้แต่ตาเฒ่าอย่างเขาก็มาด้วย!" เสี่ยวอิ๋งดวงตาเบิกกว้างและแทบไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้เห็น เซี่ยเทาเอ่ยเสียงเบาว่า "นั่นอะไรน่ะ? ดูตรงนั้นสิ นั่นคือเจ้ากรมทหารประจำมณฑลทางตะวันออกเฉียงใต้เชียวนะ!" "มิน่าล่ะตระกูลเย่ถึงไม่กล้าล่วงเกินนายท่านซิวหลัว ช่องว่างทิ้งห่างกันมากมายเกินไปจริง ๆ!" ในยามนี้เอง เย่เซียวก็ก้าวเดินมาอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่แล้วค่อย ๆ ถือไมโครโฟนเดินออกมา "ทุกท่าน!" น้ำเสียงทุ้มพลันดึงดูดความสนใจของทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ เอาไว้ทันที เซี่ยเซียนอินเงยหน้าขึ้น เพราะเธออยู่ไกลไปสักหน่อยจึงมองเห็นเย่เซียว
เสี่ยวอิ๋งปัดกล่องดนตรีของโต้วโต่วตกพื้นจนแตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย... เมื่อเห็นสิ่งที่เธอหวงแหนที่สุดโดนทำลายลงต่อหน้าต่อตา ดวงตาของโต้วโต่วก็ค่อย ๆ พร่าเลือนไปด้วยหยาดน้ำตา... เธอค่อย ๆ นั่งลงเก็บชิ้นส่วนแล้วพยายามซ่อมแซมสุดชีวิต แต่ก็ยังเปล่าประโยชน์ เสี่ยวอิ๋งจ้องมองเธอตาเขม็ง "นังเด็กสารเลว แกยังจะกล้าเอาอะไรออกมาอีกไหม?" "รีบไสหัวออกไปจากที่นี่เลยนะ! อย่ามาทำให้พวกเราต้องอับอายขายหน้าไปด้วย!" โต้วโต่วที่น้ำตาคลอเบ้ากอดกล่องดนตรีเอาไว้ในอ้อมแขน จากนั้นก็หันหลังไปอย่างเศร้าสร้อยและเตรียมตัวที่จะจากไป... "ช้าก่อน!" จู่ ๆ เย่เซียวก็ร้องเรียกโต้วโต่วเอาไว้ เสี่ยวอิ๋งคิดว่าเย่เซียวโกรธจึงรีบขอโทษขอโพย "ฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะ เพราะพวกเราไม่ได้อบรมให้ดี! นังเด็กคนนี้สมควรถูกตีแล้วจริง ๆ!" เพี๊ยะ! เย่เซียววาดมือขึ้นแล้วตบหน้าเสี่ยวอิ๋งแล้วเหวี่ยงเธอลงจากขั้นบันได! ผู้ชมดูเหตุการณ์ต่างร้องอุทานออกมา! เสี่ยวอิ๋งกลิ้งตกจากบันไดแล้วมานั่งกองอยู่กับพื้นในสภาพน่าอับอายยิ่งนัก จากนั้นเธอก็มองเย่เซียวด้วยสายตาหวาดกลัว "คะ คุณ..." เย่เซียวไม่สนใจเธอเลยสักนิด แต่กลับเดินเข้าม
"หลี่ชิงเฟิง กะ...แกเป็น...จริง ๆ" "หรือว่าแกจะเป็น..." "อย่าเข้ามานะ แกคิดจะทำอะไร? ต่อให้แกเป็นนายท่านซิวหลัว แกก็ทำอะไรต่อหน้าผู้คนไม่ได้..." เสี่ยวอิ๋งพูดไม่ปะติดปะต่อกันอยู่บ้าง เมื่อเห็นหลี่ชิงเฟิงเดินเข้ามาทีละก้าว ๆ ขาของเธอก็อ่อนแรงจนล้มลงกับพื้นแล้วกระถดถอยอย่างอับจนหนทาง "เมื่อครู่นี้คุณทำลายของขวัญล้ำค่าของผมด้วยตัวเองเชียวนะ" หลี่ชิงเฟิงเอ่ยขึ้นมาทีละคำ "คุณหนูเสี่ยวอิ๋ง ถ้าผมอยู่ที่บ้านของคุณแล้วทำลายสมบัติชิ้นโปรดของคุณบ้าง คุณจะทำยังไงล่ะ?" หลังจากหลี่ชิงเฟิงพูดจบ เย่เซียวที่อยู่ข้างหลังก็พลันโบกมือส่งสัญญาณขึ้นมาทันที ทันใดนั้นคนชุดดำหลายคนก็ปรากฎตัวอยู่ข้างเสี่ยวอิ๋งราวกับภูตผีปีศาจ เมื่อคุณย่าเซี่ยกับเซี่ยเทาที่อยู่ข้าง ๆ เห็นเช่นนี้ พวกเขาก็รีบแหวกฝูงชนแล้ววิ่งเข้ามาปกป้องเสี่ยวอิ๋งเอาไว้! "นายท่านซิวหลัว! เข้าใจผิดแล้ว! ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันทั้งนั้น!" แม้แต่คุณย่าเซี่ยก็ถึงกับเสียงสั่นเครือ "นายท่านซิวหลัว... ทุกอย่างเป็นความผิดของยัยเฒ่าอย่างฉันเอง เป็นเพราะฉันแก่แล้วหูตาฝ้าฟางจนมองไม่เห็นตัวตนที่แท้จริงของคุณ ฉันสมควรตายแล้ว!" " "ฆ่าฉันเล
ฝีมือการซ่อมนาฬิกาต้องอาศัยความชำนาญประจำตัว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงอะไหล่นับพันที่มีทั้งชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ในนาฬิกาชื่อดังแบบนั้นเลย แถมตอนนี้ยังตกกระจายเกลื่อนพื้นอีกต่างหาก อย่าว่าแต่พวกเขาเลย ต่อให้จ้างช่างซ่อมนาฬิกามืออาชีพมา พวกเขาก็ซ่อมให้ไม่ได้หรอก "เย่เซียว เฝ้าพวกมันไว้ด้วยล่ะ ถ้าพวกมันซ่อมไม่ได้ก็อย่าให้เข้ามา!" เมื่อหลี่ชิงเฟิงพูดจบ เขาก็กุมมือของเซี่ยเซียนอินแล้วก้าวเดินเข้าไปในคฤหาสน์... หลังจากเดินเข้ามาในคฤหาสน์ เซี่ยเซียนอินก็ได้รู้ซึ้งถึงความหมายของความหรูหรา! ตอนนี้เธอยังไม่อยากเชื่อเลยว่าคฤหาสน์หลังนี้จะเป็นของเขา ตอนที่เซี่ยหมิงจื้อกับหร่วนเหมยเดินเข้ามา พวกเขาก็รู้สึกตกตะลึง หลังจากเห็นที่นี่แล้วก็พาลนึกถึงบ้านเดิมที่พวกเขาอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้ ช่างไม่ใช่สถานที่ที่คนจะอยู่ได้เลย หลี่ชิงเฟิงเตรียมอาหารเอาไว้แล้วจึงพวกเขาให้นั่งลงในห้องอาหาร เซี่ยหมิงจื้อกับหร่วนเหมยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขามีเหงื่อผุดซึมหน้าผากด้วยความกังวลใจ ราวกับมีตะปูอยู่บนเก้าอี้ชวนให้พวกเขาไม่สบายใจเอาเสียเลย แม้แต่ยามที่หลี่ชิงเฟิงวางตะเกียบเสียงดังขึ้นมาหน่อย ก็ทำให้พวกเขาสองคนรู้สึกหวาด
"ลุงยอมรับผิดแล้ว! เธออยากทำยังไงก็เชิญ!" จากนั้นเซี่ยเทาก็ดื่มไวน์แดงเข้าไปอึกใหญ่! คุณย่าเซี่ยเองก็เข้ามาพลางกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม "หลานเขย ตระกูลเซี่ยของพวกเรามีหลานเขยอย่างเธอ นับเป็นวาสนาจริง ๆ!" "ย่าเองก็ต้องขอโทษเธอด้วยนะ! วันข้างหน้าเธอมีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลเซี่ยได้เลย!" "ไม่สิ เธอกับเซียนอินมีสิทธิ์ตัดสินใจได้เลยต่างหากล่ะ!" เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะอยู่ในใจ ยัยเฒ่าคนนี้ช่างเป็นจิ้งจอกเฒ่าจริง ๆ ฝากฝังตระกูลเซี่ยไว้ที่ฉันกับเซียนอินแล้วคิดจะบีบบังคับเพื่อจะได้เกี่ยวข้องกับซิวหลัวกรุ๊ป ฉันไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก ทว่าหลี่ชิงเฟิงไม่สนใจและไม่แม้แต่จะคุยกับคุณย่าเซี่ยเสียด้วยซ้ำไป เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนจนต้องไปที่นั่งของตัวเอง หลังจากดื่มไปสามรอบ ระหว่างที่ไม่มีใครสนใจ เซี่ยเซียนอินก็แอบเรียกหลี่ชิงเฟิงขึ้นไปบนห้องนอน หลังจากปิดประตูลง หลี่ชิงเฟิงก็ยิ้มพลางถามว่า "มีอะไรงั้นเหรอ? ทำไมถึงต้องทำลับ ๆ ล่อ ๆ ด้วยล่ะ?" เซี่ยเซียนอินนั่งลงบนเตียงนุ่มพลางมองห้องสุดหรูแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า "ชิงเฟิง คุณสัญญากับฉันว่าคุณจะ
เดิมทีเสี่ยวอิ๋งเห็นพวกเขาทั้งสองคนขึ้นไปชั้นบน ก็เกรงว่าเซี่ยเซียนอินจะพูดเรื่องไม่ดีต่อหน้าหลี่ชิงเฟิง ดังนั้นเธอจึงตามพวกเขาไปหมายจะแอบฟัง แต่คาดไม่ถึงเลยว่าเรื่องนี้จะให้ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง! เมื่อคนข้างล่างได้ยินเสียงตะโกนของเสี่ยวอิ๋งจากข้างบน พวกเขาก็รีบตามขึ้นไป "เสี่ยวอิ๋ง มีอะไรงั้นเหรอ?" คุณย่าเซี่ยเอ่ยถามเสียงเบา เสี่ยวอิ๋งยิ้มเยาะ "คุณย่าคะ! คุณย่ามาได้ทันเวลาพอดีเลย หนูแค่อยากจะบอกว่าไอ้เศษสวะอย่างหลี่ชิงเฟิงคนนี้มันโกหก!" "มันเป็นนายท่านซิวหลัวตัวปลอม! มันเป็นแค่เพียงตัวตายตัวแทนเท่านั้น!" จู่ ๆ ทุกคนก็พูดไม่ออก! ทุกคนต่างเหม่อมองหลี่ชิงเฟิง หลี่ชิงเฟิงไม่มีทางเลือกนอกเสียจากพยักหน้ายอมรับ "ใช่ครับ สิ่งที่เธอพูดมาเป็นความจริง ผมเป็นแค่ตัวตายตัวแทนเท่านั้น นายท่านซิวหลัวสัญญาว่าจะให้ผมอาศัยอยู่คฤหาสน์หลังนี้จนกว่าเขาจะกลับมา" เมื่อคุณย่าเซี่ยได้ยินเช่นนี้เข้า เธอก็ทั้งโกรธและยินดีระคนกันไป! ถ้าหลี่ชิงเฟิงเป็นนายท่านซิวหลัวจริง ๆ เช่นนั้นฉันก็คงจัดการกับมันไม่ได้! ตอนนี้เธอรู้ว่าหลี่ชิงเฟิงหลอกทุกคน แน่นอนว่าเธอย่อมต้องโกรธอยู่แล้ว! แต่เธอกลับยินดีปรีด
ตอนนี้เซี่ยหมิงจื้อเองก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก! ถึงแม้ว่าเขาจะเห็นแล้ว แต่ก็ไม่อาจตอบสนองได้ทันเวลา! "ยัยหนู!" เซี่ยเซียนอินหลับตาและเตรียมพร้อมแล้ว! ขณะที่เธอกำลังจะลงมือก็มีมือข้างหนึ่งผ่านไปต่อหน้าต่อตาราวกับสายลมหอบหนึ่ง เมื่อเธอมีท่าทีตอบสนองอีกที มีดโกนก็หายไปแล้ว หลี่ชิงเฟิงถือมีดโกนเอาไว้ในมือ สีหน้าหม่นคล้ำแล้วสะบัดมีดออกไป! มีดพุ่งปักเข้าไปในกำแพงซีเมนต์หนา ๆ ราวกับลูกกระสุนปืน! ตู้ม! มีเสียงก้องดังขึ้นไปทั่ว จากนั้นเศษซีเมนต์ชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็กระแทกใส่หน้าของเซี่ยหมิงจื้อ! ห้องนั่งเล่นตกอยู่ท่ามกลางความเงียบสงัด! แม้แต่คนธรรมดาสามัญก็สัมผัสได้ว่ามีกระไอเยียบเย็นโอบล้อมไปทั่วทั้งห้อง! อุณหภูมิลดฮวบลงไปหลายองศาทันที! เซี่ยเซียนอินเองก็รู้สึกหวาดกลัวกลับสภาพของหลี่ชิงเฟิงในตอนนี้จนหน้าตาซีดขาว เธอรู้สึกว่าคนตรงหน้าเธอดูเหมือนจะเปลี่ยนไป! พาลทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้งของจิตใจ! "ผมจำได้ว่าเคยบอกไปแล้วว่าไม่มีใครสามารถพรากครอบครัวของพวกเราไปได้" "ไม่ว่ามันจะเป็นใคร จุดจบมีเพียงอย่างเดียวก็คือ ฆ่า!" "คุณลืมเร็วขนาดนั้นเชียวเหรอ?" ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของหล
"พ่อไม่ไปนะ!" จู่ ๆ เซี่ยเทาก็แผดเสียงร้องพลางกระโดดข้ามโซฟาแล้ววิ่งไปที่ประตูหลัง! เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายตอบสนองว่องไว! เพียงก้าวเดียวก็ประชิดตัวพลางจับเขากดลงกับพื้นแล้วบังคับสวมกุญแจมือ สิบนาทีต่อมา ภายในห้องสอบสวน เสี่ยวอิ๋งนั่งหน้าเครียดอยู่ตรงนั้นพร้อมด้วยความคิดมากมาย ตำรวจที่อยู่ฝั่งตรงข้ามดูวิดีโอแล้วถามว่า "เท่าที่พวกเราทราบมา คนที่อยู่ในวิดีโอคือเซี่ยเทาพ่อของคุณ ตอนนี้เขาอยู่ห้องข้าง ๆ คุณจะอธิบายสิ่งที่เขาพูดว่ายังไงล่ะ?" เสี่ยวอิ๋งสูดลมหายใจลึก ๆ พลางผุดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ฉันไม่รู้หรอกค่ะ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ทำไมคุณถึงไม่ถามเขาเองล่ะคะ?" "แน่นอนว่าพวกเราย่อมต้องถามเขาอยู่แล้ว แต่คุณเป็นลูกสาวของเขา คุณจะไม่รู้เรื่องนี้เลยเชียวเหรอ?" เซี่ยอิ่งลูบคางพลางครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้วจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า "จริงด้วยสิ! ดูเหมือนเขาจะเคยบอกว่าทำความผิดร้ายแรงบางอย่างแล้วอยากจะหนีไป! ฉันถามเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขาก็ไม่ยอมบอกอะไรเลยแถมยังบอกว่ายิ่งฉันรู้ให้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี! วันหน้าให้ฉันดูแลตัวเองให้ดี ๆ..." "พูดต่อไปสิ" "จากนั้น
"จะวิธีอะไร ฉันก็อยากลองดูทั้งนั้น!" เสี่ยวอิ๋งเอ่ยโดยไม่ลังเล "ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก! วิธีไหนฉันก็อยากจะลองดู!" เย่เจี้ยนเหอเงยหน้ามองเธอแล้วพูดเสียงเย็นชาว่า "โยนความผิดเรื่องทั้งหมดนี้ให้พ่อของเธอแบกรับไว้!" เมื่อเสี่ยวอิ๋งได้ยินเช่นนี้ ศีรษะของเธอก็ส่งเสียงอื้ออึง! ตอนแรกสังเวยคุณย่าไปแล้ว ตอนนี้ถึงทีพ่อของเธอแล้วงั้นเหรอ? เย่เจี้ยนเหอจ้องมองเธอ "ไม่มีเวลาคิดแล้ว จะตกลงหรือจะติดคุก!" "ฉันตกลง! ฉันตกลงค่ะ! ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก คุณอยากให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!" เสี่ยว อิ๋งผงกศีรษะซ้ำไปซ้ำมา เย่เจี้ยนเหอจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า "เดี๋ยวฉันจะเรียกทนายเข้ามา พวกเขาจะบอกเธอว่าต้องพูดหรือทำอะไร จากนั้นเธอก็แค่รอให้ตำรวจเรียกตัว" เสี่ยวอิ๋งผงกศีรษะ "ฉะ...ฉันเข้าใจแล้วค่ะ" พอกลับมาถึงบ้าน เสี่ยวอิ๋งก็เจอพ่อของเธอ เมื่อทั้งสองคนสบตากัน ดวงตาของเสี่ยวอิ๋งก็ฉายแววน่าหวาดกลัว เซี่ยเทาก็รู้ได้โดยไม่ต้องคิดเลย ลูกสาวของเขารู้เรื่องแล้ว "เสี่ยวอิ๋ง พ่อทำอาหารให้ลูกกินด้วยนะ ดูสิ..." "กินบ้าอะไรเล่า!" เสี่ยวอิ๋งพลันควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ขึ้นมาทันที! เธอร
ในสถานการณ์เช่นนี้ ขืนเสี่ยวอิ๋งมัวแต่เข้าไปพัวพันคงได้จบเห่กันพอดี การเก็บเธอไว้น่าจะยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง เสี่ยวอิ๋งเองก็เป็นคนฉลาดจึงผงกศีรษะแล้ววิ่งออกทางประตูหลัง... เย่เซียวคิดจะเข้าไปขวาง แต่กลับถูกหลี่ชิงเฟิงห้ามเอาไว้ "ไม่ต้องไล่ตามหรอก วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของหวังเจิ้น อย่าทำอะไรน่าเกลียดเกินไปเท่านี้ก็พอแล้ว" เย่เซียวพยักหน้าแล้วยืนอยู่ข้างหลังโดยไม่พูดอะไรสักคำ ในตอนนี้เอง ปี้ไห่เทาก็เดินยิ้มเข้ามา "เหล่าหวัง วันนี้ฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะ! ทั้ง ๆ ที่เป็นงานเลี้ยงวันเกิดดี ๆ ที่นายควรจะมีความสุขแท้ ๆ แต่กลับลงเอยแบบนี้เสียได้..." หวังเจิ้นถอนหายใจ "ช่างเถอะ" "เหล่าหวัง ตระกูลเย่ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกหอการค้าเทียนเหมินของพวกเรา เย่เจี้ยนเหอดันพานังคนชั้นต่ำแบบนั้นมาเสียได้ กลับไปเมื่อไหร่ฉันย่อมต้องตำหนิเขาแน่! ฉันจะทำให้เขาจำให้ขึ้นใจเชียวล่ะ! เมื่อพวกเรากลับถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่ ไห่เทาย่อมต้องมาขอขมาของแน่นอน" หวังเจิ้นโบกมือ "คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ช่างมันเถอะ ผมไม่ถือสาหรอก" ปี้ไห่เทาพยักหน้าพลางขยิบตาให้เย่เจี้ยนเหอ จากนั้นพวกเขาสองคนก็ก้าวเดินจากไป ขณ
เสี่ยวอิ๋งโมโหจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว เธอชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วด่ากราดว่า "แกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน! คู่ควรที่จะมอบของขวัญให้ฉันแล้วงั้นเหรอ?" "หุบปากไปซะ พ่อตาของแกโดนซ้อมขนาดนั้น เขยอย่างแกไม่กล้าแม้แต่จะผายลมเสียด้วยซ้ำไป! แกยังกล้ามาก่อเรื่องที่นี่อีกงั้นรึ?" "ถ้าฉันเป็นแกล่ะก็ คงได้โหม่งเสาโทรศัพท์ตายไปแล้ว!" "ไร้ยางอายสิ้นดี!" เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งหน้าแดงก่ำและลำคอแข็ง หลี่ชิงเฟิงกลับยิ่งขบขันพลางกล่าวว่า "ฉันคิดว่าเธอต่างหาก มั้งที่น่าจะเป็นฝ่ายโหม่งเสาโทรศัพท์?" ทันทีที่เขาพูดจบ หน้าจอขนาดยักษ์ข้างหลังล็อบบี้ก็พลันสว่างขึ้น! หลังจากนั้นไม่กี่วินาที แสงก็สลัวลงแล้ววิดีโอก็เริ่มฉายบนหน้าจอขนาดยักษ์ เมื่อเสี่ยวอิ๋งหันหน้าไป สิ่งแรกที่เธอเห็นก็คือเซี่ยเทาที่กำลังนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง โดยมีสาวสวยอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธออยู่ข้างกาย! หึ่ง! เสี่ยวอิ๋งศีรษะจวนจะระเบิดอยู่แล้ว! เธอได้แต่ยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น! มันเป็นวิดีโอที่ก่อนหน้านี้หลี่ชิงเฟิงถ่ายเอาไว้นั่นเอง! เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งนิ่งงันไป หลี่ชิงเฟิงก็นิ้มแล้วพูดเสียงดังขึ้นมาว่า "ทุกท่าน ผู้ชายที่อยู่ในวิดี
เงินหลายล้านบาทไม่ได้จ่ายไปโดยไร้ประโยชน์แล้ว! ศาสตราจารย์เฒ่าโดนเขาหลอกเข้าแล้วจริง ๆ! เสี่ยวอิ๋งเองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทันใดนั้นก็ยิ้มพลางชี้นิ้วมาที่หลี่ชิงเฟิง "ตอนนี้แกจะว่ายังไงเล่า? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าแจกันของแกมันเป็นของปลอม!" "น่าตลกชะมัดเลย! ฉันเสนอทางออกให้ แต่แกกลับยืนกรานที่จะขุดหลุมฝังตัวเองให้ได้! ไม่มีใครห้ามแกได้เลย!" เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มจาง ๆ แล้วหันมามองศาสตราจารย์หลี่พลางพูดว่า "ศาสตราจารย์หลี่ ช่วยดูขอองผมอีกสักครั้งเถอะครับ" คาดไม่ถึงว่าศาสตราจารย์หลี่จะส่ายหน้าแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า "ไม่ต้องดูหรอก" เซี่ยอิ่งหัวเราะพลางกล่าวว่า "แจกันใบนั้นของแกมันปลอมชัดเจนเกินไป! ศาสตราจารย์หลี่ไม่มองให้เสียสายตาหรอก!" ในยามนี้เอง ศาสตราจารย์หลี่ก็เหลือบมองเธอแล้วสายหน้า "สาวน้อย ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อย ฉันยังพูดไม่ทันจบเลย ถึงแม้ว่าแจกันใบนี้จะฝีมือยอดเยี่ยมจนเกือบจะสมบูรณ์แบบ แต่มันเป็นของปลอมจริง ๆ" "ส่วนแจกันของคุณหลี่ ทันทีที่เข้ามาผมก็เห็นแล้วล่ะ มันเป็นของจริง ดังนั้นผมจึงไม่ต้องตรวจดูเลย" หลังจากศาสตราจารย์หลี่พูดจบ ทั้งห้องก็เ
ไม่มีใครคาดคิดว่าหลี่ชิงเฟิงจะมีท่าทีแข็งกร้าวเช่นนั้น! ปี้ไห่เทาที่คอยสังเกตการณ์อยู่ข้าง ๆ แอบรู้สึกว่าชักไม่ได้การเสียแล้ว หลี่ชิงเฟิงคนนี้ดูไม่เหมือนเขยไร้ประโยชน์อย่างที่ข่าวร่ำลือกันเอาไว้เลยสักนิด การที่ยังสามารถสงบนิ่งได้ในภาวะคับขันเช่นนั้น มิหนำซ้ำยังพูดจาเสียคล่องปากและท่าทีเจ้าแผนการของอีกฝ่าย เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนแบบนี้จะเป็นเขยไร้ประโยชน์ไปได้ สิ่งที่น่าสงสัยมากที่สุดคือ ต่อให้อีกฝ่ายจะก่อเรื่องเช่นนั้น แต่หวังเจิ้นที่อยู่ข้าง ๆ กลับไม่มีวี่แววที่จะโมโหเลยสักนิด พวกเขาต่างอาศัยอยู่ในเมืองหลวง เขาเองก็รู้นิสัยของหวังเจิ้น อีกฝ่ายไม่ใช่ตาเฒ่าที่นิสัยดิบดีอะไรเลย พอปี้ไห่เทานึกได้เช่นนี้ เขาก็ทอดสายตามองเย่เจี้ยนเหออีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสายตาหลุกหลิกอยู่บ้าง เขาก็พอจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ดูเหมือนว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบนี้จะมีบางอย่างผิดปกติจริง ๆ เสียด้วย ตอนนี้เย่เซียวยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมเจตนาสังหารอันแรงกล้า! เย่เจี้ยนเหอกับเสี่ยวอิ๋งหวาดกลัวจนไม่กล้าขยับตัวไปชั่วขณะ ไม่นานปี้ไห่เทาก็ลุกขึ้นแล้วมองหลี่ชิงเฟิงด้วยสายตาเย็นชา "ทำแบบนี้
"ฉุดเศรษฐกิจให้ดิ่งลงเหวงั้นรึ? ถ้าทุกคนทำตัวเป็นไอ้เศษสวะชอบหลอกกินข้าวนิ่มอย่างแก ประเทศชาติก็คงจะพินาศไปตั้งนานแล้ว!" "ช่างน่าหัวเราะสิ้นดี! แกมันก็แค่มดปลวกตัวหนึ่งแท้ ๆ กล้าดียังไงถึงได้มาหัวเราะเยาะใส่พวกเรา?" ในตอนนี้เอง จู่ ๆ หวังเจิ้นที่เอาแต่เงียบมาจนถึงตอนนี้ก็ตบโต๊ะ! ทุกคนพลันหุบปากฉับ! หวังเจิ้นแววตามืดมน เขาเหลือบมองทุกคนแล้วเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาว่า "พวกคุณหมายความว่ายังไงกัน? คิดจะก่อจลาจลในงานเลี้ยงวันเกิดของผมรึไง? พวกคุณไม่เห็นแก่หน้าผมเลย! คิดจะทำอะไรกันแน่!" เมื่อหวังเจิ้นโกรธขึ้นมา แม้แต่ปี้ไห่เทาก็ยังไม่กล้าล่วงเกิน นับประสาอะไรกับพวกเขากันเล่า "เหล่าหวัง ได้โปรดใจเย็นลงก่อนเถอะ เอาแบบนี้เป็นยังไง เพื่อจะได้รู้ว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบไหนเป็นของจริงใบไหนเป็นของปลอม คุณก็แค่เชิญผู้เชี่ยวชาญให้มาประเมินก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" "คุณเองคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงของเก่ามานานหลายปี เช่นนั้นก็น่าจะรู้จักผู้เชี่ยวชาญในวงการนี้เยอะอยู่บ้างใช่ไหมล่ะ?" หวังเจิ้นถอนหายใจพลางพยักหน้าแล้วพูดว่า "ก็ได้! ในเมื่อพวกคุณอยากเถียงกันดีนัก งั้นก็มาทำให้เรื่องนี้กระจ่างกันไปเลย
หลังจากหลี่ชิงเฟิงพูดจบ ทุกคนก็ตะลึงงันไปชั่วขณะแล้วหัวเราะลั่น! เสี่ยวอิ๋งกับเย่เจี้ยนเหอหัวเราะอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง จากนั้นพวกเขาก็ชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วพูดว่า "แกมันขี้โม้จนไม่เลือกเวลาจริง ๆ พับผ่าสิ! ลำพังแค่คุยโวโอ้อวดต่อหน้าพ่อตาโง่ ๆ ของแกไม่พอ แต่ยังจะมาคุยโวโอ้อวดต่อหน้าพวกเราอีกงั้นเหรอ?" ปี้ไห่เทาที่อยู่อีกด้านเองก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยแววดูถูกดูแคลน "ลำพังแค่พวกเราคนใดคนหนึ่งก็ผ่านโลกมามากกว่าแกถึงสิบชาติภพรวมกันเสียอีก แกกล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ คิดว่าพวกเราโง่หรือไงกัน?" "ผ่านโลกมามาก? คุณคิดว่าตัวเองผ่านโลกมามากแล้วงั้นรึ?" หลี่ชิงเฟิงยิ้มเหยียดหยันพลางเอ่ยเสียงทุ้มลึก "วันนี้ผมจะช่วยเปิดโลกทัศน์ของคุณเองก็แล้วกัน เย่เซียว เอาของขวัญของพวกเราออกมา" เย่เซียวผงกศีรษะ จากนั้นเขาก็หยิบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนออกมาจากกล่องแล้ววางลงต่อหน้าทุกคน ทันทีที่พวกเขาเห็นแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวน ทุกคนก็ถูกแจกันใบนั้นดึงดูดความสนใจเข้าแล้วจริง ๆ เย่เจี้ยนเหอหน้าถอดสีแล้วตรวจสอบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนโดยละเอียดถี่ถ้วนแล้วให้รู้สึกสับสน ฝีมือช่างวิจิตรประณีตนัก!
เย่เจี้ยนเหอยิ้มเหยียดหยัน "แกคิดจะแข่งกับฉันงั้นรึ? ก็ได้ ฉันจะเอาออกมาให้แกได้เปิดหูเปิดตาก็แล้วกัน ฉันขอพนันเลยว่าชั่วชีวิตแกน่าจะได้เห็นเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ" หลังจากเย่เจี้ยนเหอพูดจบก็ดีดนิ้ว จากนั้นผู้ช่วยคนงามที่อยู่ข้างหลังก็รีบเดินเข้ามา ของขวัญของอีกฝ่ายเองก็อยู่ในกล่อง มิหนำซ้ำยังมีขนาดพอ ๆ กับของเขาอีกต่างหาก เย่เจี้ยนเหอยิ้มอวดดีแล้วพูดว่า "มหาเศรษฐีหวัง ผมได้ยินมาว่าคุณชอบสะสมของเก่ามากทีเดียว ดังนั้นผมจึงสั่งให้เพื่อนที่อยู่ต่างประเทศประมูลของสิ่งนี้มาให้คุณเป็นพิเศษ เชิญดูเอาเองเถอะครับ!" หลังจากพูดจบ ผู้ช่วยสาวก็เปิดกล่องแล้วสายตาของทุกคนก็ทอดมองมาที่มือของผู้ช่วยสาว! แจกันลายครามใบหนึ่งค่อย ๆ เผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา! เมื่อหลี่ชิงเฟิงเห็นแจกันใบนี้ก็ถึงกับตะลึงงัน... ช่างเหมือนกับแจกันลายครามที่เขาซื้อมาไม่มีผิดเพี้ยนเลย! เขาเหลือบมองเย่เซียวที่อยู่ข้างหลังโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเย่เซียวก็เอ่ยกระซิบข้างหูว่า "เป็นของปลอมแน่ ๆ ครับ" ในยามนี้เอง เย่เจี้ยนเหอก็หยิบแจกันขึ้นมาแล้วเดินมาอยู่ตรงหน้าทุกคนแล้วพูดเสียงดังว่า "แจกันลายครามสมัยราชวงศ์ห