เมื่อเย่เจินเทาได้ยินเช่นนี้ เขาก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก ในความทรงจำของเขา พ่อของตนไม่เคยตื่นตระหนกถึงขนาดนั้นมาก่อนเลย เมื่อตัดสินจากน้ำเสียงของท่านแล้ว บอกไม่ถูกเลยว่าต้องรู้สึกตื่นตระหนกมากแค่ไหน เพราะมันเป็นน้ำเสียงที่หวาดกลัวสุดขีด! "พ่อครับ...เกิดอะไรขึ้นน่ะ?" เย่เจินเทาถามเสียงสั่น อีกฟากหนึ่งของสายโทรศัพท์ น้ำเสียงของประมุขตระกูลเย่ทั้งสั่นเทาและแหบแห้ง จากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นมาทีละคำว่า "แกรู้ไหมว่าอีกฝ่ายเป็นใครกัน?" "อย่ามัวแต่พูดพล่ามไร้สาระ!" ปัง! เย่เจินเทาขว้างโทรศัพท์มือถือทิ้งไปแล้วทรุดลงกับพื้นดังตุ้บ เขามองหน้าเย่เซียวแล้วเหงื่อเย็น ๆ ก็เริ่มไหลอาบหน้าในชั่วอึดใจ... การที่เย่เจินเทาเป็นแบบนี้ ทำให้เย่เจี้ยนเหอที่อยู่ข้าง ๆ ยิ่งตกตะลึงจนพูดไม่ออก เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปหาพ่อของตนพลางร้องตะโกนขึ้นมาว่า "พ่อครับ พ่อเป็นอะไรไปน่ะ! คุณปู่ว่ายังไงบ้างครับ?" หลังจากผ่านไปกว่าสิบอึดใจ เย่เจินเทาก็ผลักเย่เจี้ยนเหอออกไปแล้วรีบเดินเข้ามาหาเย่เซียว "นายท่าน ผมขอโทษด้วยครับ ผมจะยกคฤหาสน์ให้คุณเดี๋ยวนี้เลย! ผมจะยกให้คุณเดี๋ยวนี้เลย!" "มาตรงนี้เร็วเข้าสิ! ขอโทษนายท่านซ
คนโง่เขลายังคงชื่นชมในอำนาจและวิธีการของนายท่านซิวหลัว แต่คนฉลาดกลับเริ่มแสวงหาโอกาสจากเรื่องนี้ คุณย่าเซี่ยย่อมเป็นคนฉลาดอย่างไม่ต้องสงสัย แน่นอนว่าจะไม่ยอมพลาดโอกาสไปเด็ดขาด ดังนั้นตอนบ่าย เธอจึงเรียกเซี่ยเทาเข้ามาในห้องหนังสือ เซี่ยเทารีบเข้ามาพลางถามว่า "แม่ครับ มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?" "เสี่ยวเทา ลูกน่าจะได้ยินเรื่องของนายท่านซิวหลัวมาบ้างใช่ไหม? ตระกูลเย่ยกคฤหาสน์ชิงชิวให้เขาเชียวนะ" คุณย่าเซี่ยเอ่ยเสียงเบา เซี่ยเทาผงกศีรษะ "นายท่านซิวหลัวคนนี้ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ! แม้แต่ตระกูลเย่ก็ยังต้องสังเกตสีหน้าของเขา!" คุณย่าเซี่ยพยักหน้า "แม่ได้ยินว่าหลายคนคิดจะมาแสดงความยินดีกับนายท่านซิวหลัวในวันที่เขาย้ายเข้าคฤหาสน์ด้วย แม่คิดว่าพวกเราเองก็ควรจะไปพบเขาด้วยนะ" "เป็นโอกาสที่ดีจริง ๆ..." เซี่ยเทาลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็พูดว่า "แต่พวกเราไม่มีเส้นสายเลย ขืนจู่ ๆ พวกเราก็ไปที่นั่นจะไม่ดูกะทันหันไปหน่อยเหรอ?" "นี่คือนายท่านซิวหลัว พวกเราควรจะระวังตัวให้มากกว่านี้..." คุณย่าเซี่ยคาดการณ์มาถึงขั้นนี้ก็เอ่ยขึ้นมาว่า "ลูกลืมเซี่ยเซียนอินไปแล้วรึไง? เธอดำรงตำแหน่งผู้รักษาการ
"พ่อคะ!" เมื่อโต้วโต่วเห็นหลี่ชิงเฟิงอยู่ตรงประตู ก็เปรียบประดุจได้มองเห็นรุ่งอรุณ เธอจึงกระโดดลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งเข้าไปหา! หลี่ชิงเฟิงกอดโต้วโต่ว จากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นเหนือศีรษะแล้วยิ้มด้วยความรักใคร่ "โต้วโต่ว คิดถึงพ่อไหมคะ?" โต้วโต่วยิ้มให้ "คิดถึงสิคะ!" หลี่ชิงเฟิงใช้โคนหนวดถูไถโต้วโต่ว "พ่อก็คิดถึงหนูเหมือนกันนะ!" "หลี่ชิงเฟิง! แกมาทำอะไรที่นี่!" เซี่ยอิ่งทุบโต๊ะแล้วลุกขึ้นมองหน้าหลี่ชิงเฟิงพลางเอ่ยถามขึ้นมา แต่ดูเหมือนว่าหลี่ชิงเฟิงจะไม่ได้ยินที่เธอพูดเลย ทั้งยังเอาแต่คลอเคลียกับลูกสาวอีกต่างหาก เซี่ยหมิงจื้อหน้าตาซีดขาวแล้วแอบเหลือบมองมาที่แม่ของตน สีหน้าของเธอหม่นคล้ำ มิหนำซ้ำยังออกจะเหยเกยิ่งกว่าเขาเองเสียอีก! "ไอ้ขี้แพ้! แกมันดื้อด้านจริง ๆ!" เซี่ยหมิงจื้อลุกขึ้นชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วสบถด่า "ไอ้ขี้แพ้! แกคู่ควรที่จะก้าวผ่านประตูของตระกูลเซี่ยแล้วงั้นเหรอ?" "พวกเรามารวมญาติกัน ตอนนี้ไม่มีเวลามาคุยกับแกหรอกนะ! ไสหัวออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลยนะ! เดี๋ยวฉันค่อยจัดการกับแกทีหลัง!" เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ เขาก็วางโต้วโต่วลงกับพื้นแล้วพูดว่า "คุณบอกว
ทันทีที่พูดจบ หลี่ชิงเฟิงตกตะลึงจนพูดไม่ออก "คุณก็ไม่เชื่อผมเหมือนกันเหรอ?" เขาถามขึ้นมา เซี่ยเซียนอินขมวดคิ้วพร้อมสีหน้าเคร่งเครียด "คุณพูดแบบนั้นออกมา คนที่มีสติสักหน่อยก็คงไม่มีใครเชื่อคุณหรอก ถูกไหมล่ะ? แล้วฉันจะเชื่อคุณลงไปได้ยังไงกัน?" "คฤหาสน์หลังที่ราคาย่อมเยาที่สุดในเขตชิงชิว วิลล่า มีมูลค่าปาเข้าไปกว่าห้าสิบล้านบาทแล้ว คุณจะซื้อได้ยังไง?" "ต่อให้คุณปล้นธนาคาร คุณก็ไม่มีทางได้เงินห้าสิบล้านบาทภายในการปล้นเพียงครั้งเดียวด้วย" หลี่ชิงเฟิงถึงกับพูดไม่ออกและยิ้มขื่นออกมา "ทำไมผมจะต้องปล้นธนาคารด้วยเล่า? ผมมีเงินนะ! อย่าว่าแต่ห้าสิบล้านบาทเลย ต่อให้เป็นห้าพันล้านบาท ผมก็..." "เอาล่ะ เลิกพูดสักทีเถอะ ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนคุณกำลังหลอกตัวเองอยู่เลย ฉันขอบอกคุณเลยนะว่า ฉันรู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่คุณทำในวันนี้มากทีเดียว!" "หายหน้าไปสักสองสามวันเถอะ เอาไว้พ่อแม่ของฉันอารมณ์เย็นลงเมื่อไร ฉันจะหาทางคุยกับพวกท่านเอง" หลังจากเซี่ยเซียนอินพูดจบก็ถอนหายใจ "วางใจเถอะ ฉันจะไม่แยกจากคุณแน่ ฉันจะเป็นผู้หญิงของคุณไปชั่วชีวิตและไม่มีวันเปลี่ยนใจเด็ดดขาด" เมื่อกลับเข้ามาในห้อง เซี่ยห
วันต่อมา ณ ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพเอกชนชั้นแนวหน้าแห่งหนึ่งในเมืองเซี่ยชวน จ้าวเทียนชื่อกำลังนอนดื่มน้ำผลไม้อยู่บนเก้าอี้แล้วอาบแดด พร้อมสำราญใจกับสาวงามที่มากับเขาด้วย ทุกโครงการของเทียนชื่อกรุ๊ปดำเนินไปตามเป้าโดยมีเซี่ยเซียนอินช่วยจัดการเรื่องพวกนั้นให้ ในฐานะที่เป็นบอส ยากนักที่เขาจะมีโอกาสได้พักผ่อนดี ๆ สักหน พอนึกขึ้นมาได้ จ้าวเทียนชื่อก็อยากจะขอบคุณฮ่าวเทียนเสียจริง ๆ ตอนเช้า เซี่ยเซียนอินมาเยี่ยมจ้าวเทียนชื่อที่ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพเป็นพิเศษ เรื่องนี้ทำให้จ้าวเทียนชื่อรู้สึกประหลาดใจมากเสียจนไม่กล้าละเลย จากนั้นก็รีบเชิญเธอเข้ามาพบในห้อง เซี่ยเซียนอินเอาผลไม้มาให้แล้วยิ้มจาง ๆ "คุณจ้าว เป็นยังไงบ้างคะ? รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง?" จ้าวเทียนชื่อจึงยิ้มออกมา "ขอบคุณครับ! ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นหรอก วันหลังมาเยี่ยมเฉย ๆ ก็พอ ไม่ต้องซื้อของมาก็ได้ครับ" "คุณเป็นบอสของฉันนะคะ เป็นสิ่งที่สมควรแล้ว..." เซี่ยเซียนอินยิ้มให้ จ้าวเทียนชื่อเหลือบมองเธอพลางยิ้มแล้วถามว่า "มีอะไรงั้นเหรอครับ? เกิดเรื่องขึ้นรึไง?" เซี่ยเซียนอินผงกศีรษะพลางถามเสียงเบาว่า "คุณจ้าว ฉันไม่รู้ว่าควรจะถามเร
แต่ครอบครัวของเซี่ยหมิงจื้อกลับไม่มีความสุขเช่นนั้น ในแง่มุมของปัจจัยแวดล้อม พวกเขาไม่อาจเทียบกับครอบครัวของเซี่ยเทาได้ แม้แต่เงินหนึ่งแสนหยวนก็เป็นปัญหาแล้ว นับประสาอะไรกับเรื่องเตรียมของขวัญมูลค่าหลายแสนหยวนด้วยเล่า พวกเขากลับบ้านมาด้วยสีหน้าอมทุกข์ หร่วนเหมยเอ่ยขึ้นมาก่อนว่า "ฉันคิดว่าพวกเราแค่ซื้ออาหารเสริมให้ก็พอแล้ว นายท่านซิวหลัวอาจจะไม่ชอบของขวัญแพง ๆ พวกนั้นก็ได้" เซี่ยหมิงจื้อเหลือบมองเธอ "เธอจะไปรู้อะไร? ฉันแพ้ให้เซี่ยเทาไม่ได้หรอกนะ!" เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็ทอดสายตามองมาที่เซี่ยเซียนอิน "เซียนอิน ตอนนี้แกเป็นประธานแล้วนี่ แกคงไม่ขาดเงินหรอกใช่ไหม?" เซี่ยเซียนอินพูดไม่ออกไปชั่วขณะแล้วเธอก็พูดว่า "พ่อคะ หนูเพิ่งจะเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงเดือนแถมเงินเดือนก็ยังไม่ออกเลย อีกอย่างหนูก็เป็นแค่ผู้รักษาการตำแหน่งประธาน หนูจะไปเอาเงินมาจากที่ไหน?" "นังเด็กไร้สมอง!" "ผู้รักษาการตำแหน่งประธานเองก็เป็นผู้บริหารไม่ใช่หรือไง? ใช่ว่าแกจะไม่มีหนทางยักยอกเงินของบริษัทแล้วค่อยใช้คืนทีหลังสักหน่อย" เมื่อเซี่ยเซียนอินได้ยินเช่นนี้เข้า เธอก็อารมณ์เสียขึ้นมาทันที "พ่อคะ! พ่อ
เซี่ยเซียนอินเดินออกมาจากบ้าน ห่างออกไปไม่ไกลคือธนาคาร จากนั้นเธอก็เดินเข้ามาที่เคาน์เตอร์แล้วยื่นบัตรเครดิตให้พนักงานธนาคาร "ช่วยตรวจสอบยอดเงินในบัตรเครดิตให้หน่อยค่ะ" เซี่ยเซียนอินเอ่ยเสียงเบา พนักงานธนาคารรับบัตรเครดิตมาดู ดวงตาฉายแววประหลาดใจ... จากนั้นเขาก็มองเซี่ยเซียนอินด้วยความสงสัยพลางถามว่า "บัตรเครดิตใบนี้เป็นของคุณเหรอครับ?" เซี่ยเซียนอินพยักหน้า พนักงานธนาคารยิ้มให้ "บัตรเครดิตใบนี้ไม่ระบุวงเงิน ฉะนั้นพวกเราจึงไม่ทราบยอดเงินครับ" เซี่ยเซียนอินขมวดคิ้ว "หมายความว่ายังไงคะ?" พนักงานธนาคารครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่ง "คิดเสียว่ามันเป็นบัตรเครดิตชนิดไม่จำกัดวงเงินก็แล้วกันครับ" คำพูดประโยคเดียวทำเอาเซี่ยเซียนอินถึงกับตกตะลึงจนพูดไม่ออก... บัตรเครดิตชนิดไม่จำกัดวงเงิน? หมายความว่ายังไงกันแน่? หลี่ชิงเฟิงจะมีบัตรเครดิตแบบนั้นได้อย่างไรกัน? เธอรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างไรชอบกล... เซี่ยเซียนอินไม่ได้ใช้บัตรเครดิตใบนี้ ตอนค่ำเธอเพียงแค่ซื้อของขวัญอันแสนเรียบง่ายแล้วพาโต้วโต่วไปกับเธอด้วย หลังจากขับรถมาได้ครึ่งชั่วโมง เซี่ยเซียนอินก็มาถึงเขตชิงชิว วิลล่า แม้จะมองอย
ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มองเห็นวงดนตรีคลาสสิกกำลังบรรเลงท่วงทำนองอันไพเราะอยู่ทุกหนแห่ง กลิ่นหอมของไวน์แดงและฟัวกราส์ผสานเข้ากับกลิ่นหอมจาง ๆ ในอากาศที่ชวนให้ผู้คนเมามาย... สมาชิกในตระกูลเซี่ยเที่ยวเดินเตร่ท่ามกลางคนพวกนั้น พลางคอยสังเกตผู้คนและสิ่งรอบตัว จากนั้นพวกเขาก็รู้สึกตกตะลึงอย่างถึงที่สุด... "คุณย่าคะ ถ้าสุ่มเลือกคนที่นี่ขึ้นมาสักคน พวกเขาก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีอิทธิพลในเซี่ยชวนกันทั้งนั้น!" "คุณย่าคะ ดูสิ! นั่นไม่ใช่ผู้ว่าการเมืองเซี่ยชวนเหรอคะ? แม้แต่ตาเฒ่าอย่างเขาก็มาด้วย!" เสี่ยวอิ๋งดวงตาเบิกกว้างและแทบไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้เห็น เซี่ยเทาเอ่ยเสียงเบาว่า "นั่นอะไรน่ะ? ดูตรงนั้นสิ นั่นคือเจ้ากรมทหารประจำมณฑลทางตะวันออกเฉียงใต้เชียวนะ!" "มิน่าล่ะตระกูลเย่ถึงไม่กล้าล่วงเกินนายท่านซิวหลัว ช่องว่างทิ้งห่างกันมากมายเกินไปจริง ๆ!" ในยามนี้เอง เย่เซียวก็ก้าวเดินมาอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่แล้วค่อย ๆ ถือไมโครโฟนเดินออกมา "ทุกท่าน!" น้ำเสียงทุ้มพลันดึงดูดความสนใจของทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ เอาไว้ทันที เซี่ยเซียนอินเงยหน้าขึ้น เพราะเธออยู่ไกลไปสักหน่อยจึงมองเห็นเย่เซียว
"พ่อไม่ไปนะ!" จู่ ๆ เซี่ยเทาก็แผดเสียงร้องพลางกระโดดข้ามโซฟาแล้ววิ่งไปที่ประตูหลัง! เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายตอบสนองว่องไว! เพียงก้าวเดียวก็ประชิดตัวพลางจับเขากดลงกับพื้นแล้วบังคับสวมกุญแจมือ สิบนาทีต่อมา ภายในห้องสอบสวน เสี่ยวอิ๋งนั่งหน้าเครียดอยู่ตรงนั้นพร้อมด้วยความคิดมากมาย ตำรวจที่อยู่ฝั่งตรงข้ามดูวิดีโอแล้วถามว่า "เท่าที่พวกเราทราบมา คนที่อยู่ในวิดีโอคือเซี่ยเทาพ่อของคุณ ตอนนี้เขาอยู่ห้องข้าง ๆ คุณจะอธิบายสิ่งที่เขาพูดว่ายังไงล่ะ?" เสี่ยวอิ๋งสูดลมหายใจลึก ๆ พลางผุดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ฉันไม่รู้หรอกค่ะ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ทำไมคุณถึงไม่ถามเขาเองล่ะคะ?" "แน่นอนว่าพวกเราย่อมต้องถามเขาอยู่แล้ว แต่คุณเป็นลูกสาวของเขา คุณจะไม่รู้เรื่องนี้เลยเชียวเหรอ?" เซี่ยอิ่งลูบคางพลางครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้วจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า "จริงด้วยสิ! ดูเหมือนเขาจะเคยบอกว่าทำความผิดร้ายแรงบางอย่างแล้วอยากจะหนีไป! ฉันถามเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขาก็ไม่ยอมบอกอะไรเลยแถมยังบอกว่ายิ่งฉันรู้ให้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี! วันหน้าให้ฉันดูแลตัวเองให้ดี ๆ..." "พูดต่อไปสิ" "จากนั้น
"จะวิธีอะไร ฉันก็อยากลองดูทั้งนั้น!" เสี่ยวอิ๋งเอ่ยโดยไม่ลังเล "ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก! วิธีไหนฉันก็อยากจะลองดู!" เย่เจี้ยนเหอเงยหน้ามองเธอแล้วพูดเสียงเย็นชาว่า "โยนความผิดเรื่องทั้งหมดนี้ให้พ่อของเธอแบกรับไว้!" เมื่อเสี่ยวอิ๋งได้ยินเช่นนี้ ศีรษะของเธอก็ส่งเสียงอื้ออึง! ตอนแรกสังเวยคุณย่าไปแล้ว ตอนนี้ถึงทีพ่อของเธอแล้วงั้นเหรอ? เย่เจี้ยนเหอจ้องมองเธอ "ไม่มีเวลาคิดแล้ว จะตกลงหรือจะติดคุก!" "ฉันตกลง! ฉันตกลงค่ะ! ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก คุณอยากให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!" เสี่ยว อิ๋งผงกศีรษะซ้ำไปซ้ำมา เย่เจี้ยนเหอจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า "เดี๋ยวฉันจะเรียกทนายเข้ามา พวกเขาจะบอกเธอว่าต้องพูดหรือทำอะไร จากนั้นเธอก็แค่รอให้ตำรวจเรียกตัว" เสี่ยวอิ๋งผงกศีรษะ "ฉะ...ฉันเข้าใจแล้วค่ะ" พอกลับมาถึงบ้าน เสี่ยวอิ๋งก็เจอพ่อของเธอ เมื่อทั้งสองคนสบตากัน ดวงตาของเสี่ยวอิ๋งก็ฉายแววน่าหวาดกลัว เซี่ยเทาก็รู้ได้โดยไม่ต้องคิดเลย ลูกสาวของเขารู้เรื่องแล้ว "เสี่ยวอิ๋ง พ่อทำอาหารให้ลูกกินด้วยนะ ดูสิ..." "กินบ้าอะไรเล่า!" เสี่ยวอิ๋งพลันควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ขึ้นมาทันที! เธอร
ในสถานการณ์เช่นนี้ ขืนเสี่ยวอิ๋งมัวแต่เข้าไปพัวพันคงได้จบเห่กันพอดี การเก็บเธอไว้น่าจะยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง เสี่ยวอิ๋งเองก็เป็นคนฉลาดจึงผงกศีรษะแล้ววิ่งออกทางประตูหลัง... เย่เซียวคิดจะเข้าไปขวาง แต่กลับถูกหลี่ชิงเฟิงห้ามเอาไว้ "ไม่ต้องไล่ตามหรอก วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของหวังเจิ้น อย่าทำอะไรน่าเกลียดเกินไปเท่านี้ก็พอแล้ว" เย่เซียวพยักหน้าแล้วยืนอยู่ข้างหลังโดยไม่พูดอะไรสักคำ ในตอนนี้เอง ปี้ไห่เทาก็เดินยิ้มเข้ามา "เหล่าหวัง วันนี้ฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะ! ทั้ง ๆ ที่เป็นงานเลี้ยงวันเกิดดี ๆ ที่นายควรจะมีความสุขแท้ ๆ แต่กลับลงเอยแบบนี้เสียได้..." หวังเจิ้นถอนหายใจ "ช่างเถอะ" "เหล่าหวัง ตระกูลเย่ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกหอการค้าเทียนเหมินของพวกเรา เย่เจี้ยนเหอดันพานังคนชั้นต่ำแบบนั้นมาเสียได้ กลับไปเมื่อไหร่ฉันย่อมต้องตำหนิเขาแน่! ฉันจะทำให้เขาจำให้ขึ้นใจเชียวล่ะ! เมื่อพวกเรากลับถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่ ไห่เทาย่อมต้องมาขอขมาของแน่นอน" หวังเจิ้นโบกมือ "คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ช่างมันเถอะ ผมไม่ถือสาหรอก" ปี้ไห่เทาพยักหน้าพลางขยิบตาให้เย่เจี้ยนเหอ จากนั้นพวกเขาสองคนก็ก้าวเดินจากไป ขณ
เสี่ยวอิ๋งโมโหจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว เธอชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วด่ากราดว่า "แกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน! คู่ควรที่จะมอบของขวัญให้ฉันแล้วงั้นเหรอ?" "หุบปากไปซะ พ่อตาของแกโดนซ้อมขนาดนั้น เขยอย่างแกไม่กล้าแม้แต่จะผายลมเสียด้วยซ้ำไป! แกยังกล้ามาก่อเรื่องที่นี่อีกงั้นรึ?" "ถ้าฉันเป็นแกล่ะก็ คงได้โหม่งเสาโทรศัพท์ตายไปแล้ว!" "ไร้ยางอายสิ้นดี!" เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งหน้าแดงก่ำและลำคอแข็ง หลี่ชิงเฟิงกลับยิ่งขบขันพลางกล่าวว่า "ฉันคิดว่าเธอต่างหาก มั้งที่น่าจะเป็นฝ่ายโหม่งเสาโทรศัพท์?" ทันทีที่เขาพูดจบ หน้าจอขนาดยักษ์ข้างหลังล็อบบี้ก็พลันสว่างขึ้น! หลังจากนั้นไม่กี่วินาที แสงก็สลัวลงแล้ววิดีโอก็เริ่มฉายบนหน้าจอขนาดยักษ์ เมื่อเสี่ยวอิ๋งหันหน้าไป สิ่งแรกที่เธอเห็นก็คือเซี่ยเทาที่กำลังนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง โดยมีสาวสวยอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธออยู่ข้างกาย! หึ่ง! เสี่ยวอิ๋งศีรษะจวนจะระเบิดอยู่แล้ว! เธอได้แต่ยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น! มันเป็นวิดีโอที่ก่อนหน้านี้หลี่ชิงเฟิงถ่ายเอาไว้นั่นเอง! เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งนิ่งงันไป หลี่ชิงเฟิงก็นิ้มแล้วพูดเสียงดังขึ้นมาว่า "ทุกท่าน ผู้ชายที่อยู่ในวิดี
เงินหลายล้านบาทไม่ได้จ่ายไปโดยไร้ประโยชน์แล้ว! ศาสตราจารย์เฒ่าโดนเขาหลอกเข้าแล้วจริง ๆ! เสี่ยวอิ๋งเองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทันใดนั้นก็ยิ้มพลางชี้นิ้วมาที่หลี่ชิงเฟิง "ตอนนี้แกจะว่ายังไงเล่า? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าแจกันของแกมันเป็นของปลอม!" "น่าตลกชะมัดเลย! ฉันเสนอทางออกให้ แต่แกกลับยืนกรานที่จะขุดหลุมฝังตัวเองให้ได้! ไม่มีใครห้ามแกได้เลย!" เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มจาง ๆ แล้วหันมามองศาสตราจารย์หลี่พลางพูดว่า "ศาสตราจารย์หลี่ ช่วยดูขอองผมอีกสักครั้งเถอะครับ" คาดไม่ถึงว่าศาสตราจารย์หลี่จะส่ายหน้าแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า "ไม่ต้องดูหรอก" เซี่ยอิ่งหัวเราะพลางกล่าวว่า "แจกันใบนั้นของแกมันปลอมชัดเจนเกินไป! ศาสตราจารย์หลี่ไม่มองให้เสียสายตาหรอก!" ในยามนี้เอง ศาสตราจารย์หลี่ก็เหลือบมองเธอแล้วสายหน้า "สาวน้อย ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อย ฉันยังพูดไม่ทันจบเลย ถึงแม้ว่าแจกันใบนี้จะฝีมือยอดเยี่ยมจนเกือบจะสมบูรณ์แบบ แต่มันเป็นของปลอมจริง ๆ" "ส่วนแจกันของคุณหลี่ ทันทีที่เข้ามาผมก็เห็นแล้วล่ะ มันเป็นของจริง ดังนั้นผมจึงไม่ต้องตรวจดูเลย" หลังจากศาสตราจารย์หลี่พูดจบ ทั้งห้องก็เ
ไม่มีใครคาดคิดว่าหลี่ชิงเฟิงจะมีท่าทีแข็งกร้าวเช่นนั้น! ปี้ไห่เทาที่คอยสังเกตการณ์อยู่ข้าง ๆ แอบรู้สึกว่าชักไม่ได้การเสียแล้ว หลี่ชิงเฟิงคนนี้ดูไม่เหมือนเขยไร้ประโยชน์อย่างที่ข่าวร่ำลือกันเอาไว้เลยสักนิด การที่ยังสามารถสงบนิ่งได้ในภาวะคับขันเช่นนั้น มิหนำซ้ำยังพูดจาเสียคล่องปากและท่าทีเจ้าแผนการของอีกฝ่าย เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนแบบนี้จะเป็นเขยไร้ประโยชน์ไปได้ สิ่งที่น่าสงสัยมากที่สุดคือ ต่อให้อีกฝ่ายจะก่อเรื่องเช่นนั้น แต่หวังเจิ้นที่อยู่ข้าง ๆ กลับไม่มีวี่แววที่จะโมโหเลยสักนิด พวกเขาต่างอาศัยอยู่ในเมืองหลวง เขาเองก็รู้นิสัยของหวังเจิ้น อีกฝ่ายไม่ใช่ตาเฒ่าที่นิสัยดิบดีอะไรเลย พอปี้ไห่เทานึกได้เช่นนี้ เขาก็ทอดสายตามองเย่เจี้ยนเหออีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสายตาหลุกหลิกอยู่บ้าง เขาก็พอจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ดูเหมือนว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบนี้จะมีบางอย่างผิดปกติจริง ๆ เสียด้วย ตอนนี้เย่เซียวยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมเจตนาสังหารอันแรงกล้า! เย่เจี้ยนเหอกับเสี่ยวอิ๋งหวาดกลัวจนไม่กล้าขยับตัวไปชั่วขณะ ไม่นานปี้ไห่เทาก็ลุกขึ้นแล้วมองหลี่ชิงเฟิงด้วยสายตาเย็นชา "ทำแบบนี้
"ฉุดเศรษฐกิจให้ดิ่งลงเหวงั้นรึ? ถ้าทุกคนทำตัวเป็นไอ้เศษสวะชอบหลอกกินข้าวนิ่มอย่างแก ประเทศชาติก็คงจะพินาศไปตั้งนานแล้ว!" "ช่างน่าหัวเราะสิ้นดี! แกมันก็แค่มดปลวกตัวหนึ่งแท้ ๆ กล้าดียังไงถึงได้มาหัวเราะเยาะใส่พวกเรา?" ในตอนนี้เอง จู่ ๆ หวังเจิ้นที่เอาแต่เงียบมาจนถึงตอนนี้ก็ตบโต๊ะ! ทุกคนพลันหุบปากฉับ! หวังเจิ้นแววตามืดมน เขาเหลือบมองทุกคนแล้วเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาว่า "พวกคุณหมายความว่ายังไงกัน? คิดจะก่อจลาจลในงานเลี้ยงวันเกิดของผมรึไง? พวกคุณไม่เห็นแก่หน้าผมเลย! คิดจะทำอะไรกันแน่!" เมื่อหวังเจิ้นโกรธขึ้นมา แม้แต่ปี้ไห่เทาก็ยังไม่กล้าล่วงเกิน นับประสาอะไรกับพวกเขากันเล่า "เหล่าหวัง ได้โปรดใจเย็นลงก่อนเถอะ เอาแบบนี้เป็นยังไง เพื่อจะได้รู้ว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบไหนเป็นของจริงใบไหนเป็นของปลอม คุณก็แค่เชิญผู้เชี่ยวชาญให้มาประเมินก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" "คุณเองคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงของเก่ามานานหลายปี เช่นนั้นก็น่าจะรู้จักผู้เชี่ยวชาญในวงการนี้เยอะอยู่บ้างใช่ไหมล่ะ?" หวังเจิ้นถอนหายใจพลางพยักหน้าแล้วพูดว่า "ก็ได้! ในเมื่อพวกคุณอยากเถียงกันดีนัก งั้นก็มาทำให้เรื่องนี้กระจ่างกันไปเลย
หลังจากหลี่ชิงเฟิงพูดจบ ทุกคนก็ตะลึงงันไปชั่วขณะแล้วหัวเราะลั่น! เสี่ยวอิ๋งกับเย่เจี้ยนเหอหัวเราะอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง จากนั้นพวกเขาก็ชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วพูดว่า "แกมันขี้โม้จนไม่เลือกเวลาจริง ๆ พับผ่าสิ! ลำพังแค่คุยโวโอ้อวดต่อหน้าพ่อตาโง่ ๆ ของแกไม่พอ แต่ยังจะมาคุยโวโอ้อวดต่อหน้าพวกเราอีกงั้นเหรอ?" ปี้ไห่เทาที่อยู่อีกด้านเองก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยแววดูถูกดูแคลน "ลำพังแค่พวกเราคนใดคนหนึ่งก็ผ่านโลกมามากกว่าแกถึงสิบชาติภพรวมกันเสียอีก แกกล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ คิดว่าพวกเราโง่หรือไงกัน?" "ผ่านโลกมามาก? คุณคิดว่าตัวเองผ่านโลกมามากแล้วงั้นรึ?" หลี่ชิงเฟิงยิ้มเหยียดหยันพลางเอ่ยเสียงทุ้มลึก "วันนี้ผมจะช่วยเปิดโลกทัศน์ของคุณเองก็แล้วกัน เย่เซียว เอาของขวัญของพวกเราออกมา" เย่เซียวผงกศีรษะ จากนั้นเขาก็หยิบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนออกมาจากกล่องแล้ววางลงต่อหน้าทุกคน ทันทีที่พวกเขาเห็นแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวน ทุกคนก็ถูกแจกันใบนั้นดึงดูดความสนใจเข้าแล้วจริง ๆ เย่เจี้ยนเหอหน้าถอดสีแล้วตรวจสอบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนโดยละเอียดถี่ถ้วนแล้วให้รู้สึกสับสน ฝีมือช่างวิจิตรประณีตนัก!
เย่เจี้ยนเหอยิ้มเหยียดหยัน "แกคิดจะแข่งกับฉันงั้นรึ? ก็ได้ ฉันจะเอาออกมาให้แกได้เปิดหูเปิดตาก็แล้วกัน ฉันขอพนันเลยว่าชั่วชีวิตแกน่าจะได้เห็นเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ" หลังจากเย่เจี้ยนเหอพูดจบก็ดีดนิ้ว จากนั้นผู้ช่วยคนงามที่อยู่ข้างหลังก็รีบเดินเข้ามา ของขวัญของอีกฝ่ายเองก็อยู่ในกล่อง มิหนำซ้ำยังมีขนาดพอ ๆ กับของเขาอีกต่างหาก เย่เจี้ยนเหอยิ้มอวดดีแล้วพูดว่า "มหาเศรษฐีหวัง ผมได้ยินมาว่าคุณชอบสะสมของเก่ามากทีเดียว ดังนั้นผมจึงสั่งให้เพื่อนที่อยู่ต่างประเทศประมูลของสิ่งนี้มาให้คุณเป็นพิเศษ เชิญดูเอาเองเถอะครับ!" หลังจากพูดจบ ผู้ช่วยสาวก็เปิดกล่องแล้วสายตาของทุกคนก็ทอดมองมาที่มือของผู้ช่วยสาว! แจกันลายครามใบหนึ่งค่อย ๆ เผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา! เมื่อหลี่ชิงเฟิงเห็นแจกันใบนี้ก็ถึงกับตะลึงงัน... ช่างเหมือนกับแจกันลายครามที่เขาซื้อมาไม่มีผิดเพี้ยนเลย! เขาเหลือบมองเย่เซียวที่อยู่ข้างหลังโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเย่เซียวก็เอ่ยกระซิบข้างหูว่า "เป็นของปลอมแน่ ๆ ครับ" ในยามนี้เอง เย่เจี้ยนเหอก็หยิบแจกันขึ้นมาแล้วเดินมาอยู่ตรงหน้าทุกคนแล้วพูดเสียงดังว่า "แจกันลายครามสมัยราชวงศ์ห