เมื่อเห็นเย่เซียวมีท่าทีไม่ไยดีต่อตระกูลเย่เลยสักนิด เฮ่อต้าอวี่ก็รู้สึกคับข้องใจและหงุดหงิดใจผสมผเสกันไป "พี่ใหญ่ คำพูดของคุณออกจะโอหังไปหน่อยหรือเปล่า?" "ตระกูลเย่เป็นถึงผู้ทรงอิทธิพลในเซี่ยชวน..." ในสายตาของเฮ่อต้าอวี่ ตระกูลเย่เปรียบประดุจเทพเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ เขาถึงกับใฝ่ฝันที่จะได้ผูกสัมพันธ์กับตระกูลเย่ ตอนนี้ในที่สุดความฝันของเขาเป็นความจริงแล้ว เขากลับถูกเย่เซียวสาดน้ำเย็นใส่หน้า[1] ความรู้สึกแบบนั้นออกจะทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง เย่เซียวยิ้ม "เลิกพูดเหลวไหลแล้วคุยเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้กันเถอะ..." เฮ่อต้าอวี่เอ่ยขัดขึ้นมาว่า "ในเมื่อคุณมีความสามารถกันออกขนาดนั้น งั้นก็หาคนเก่ง ๆ จากที่อื่นมาก็ใช้ได้แล้ว จะมารังแกผมไปทำไมกัน?" เย่เซียวหน้าเปลี่ยนสีแล้วยิ้มขึ้นมาทันที "เอาล่ะ ในเมื่อแกไม่ตกลง งั้นฉันก็ไม่มีอะไรต้องพูดแล้วล่ะ พรุ่งนี้ก็รอหมายศาลได้เลย" เมื่อเย่เซียวพูดจบก็หันหลังเตรียมตัวจากไป เฮ่อต้าอวี่หัวใจเต้นรัวแล้วรีบเข้าไปขวางเขาไว้ "ช้าก่อนสิ!" "คุณหมายความว่ายังไงกัน? คุณจะฟ้องร้องผมเพราะเรื่องนี้จริง ๆ เหรอ? อย่าคิดว่าผมไม่เข้าใจกฎหมา
"ผู้จัดการเฟิง! คุณคงจะเมาแล้ว! คุณดื่มไม่ไหวแล้วล่ะ..." ผู้จัดการไช่ที่หน้าตาแดงก่ำเดินซวนเซเข้ามาหา ขณะที่เขากำลังจะดึงตัวอีกฝ่าย จู่ ๆ ก็ได้ยินเฟิงฮ่าวพูดขึ้นมาทันทีว่า "ผมขอโทษด้วยครับ!" "ผมต้องขอโทษด้วย! บริษัทเพิ่งตัดสินใจว่าจะไม่จ้างพวกคุณแล้ว" "ส่วนเรื่องสาเหตุ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมหวังว่าพวกคุณจะไม่ทำให้ผมต้องลำบากใจ ขอตัวก่อนนะครับ" หลังจากเฟิงฮ่าวพูดจบก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไป เขาเกรงว่าหากเดินช้าเกินไป คนเหล่านี้อาจจะพุ่งเข้ามาฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ ได้! คนกว่ายี่สิบคนต่างอึ้งงันอยู่ในห้อง ไม่มีใครพูดอะไรไปหนึ่งนาทีเต็ม ๆ "ผู้จัดการเฟิงแค่ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย? ตลกเป็นบ้าเลย!" ผู้จัดการไช่หัวเราะสองครั้งแล้วเดินออกไปหมายจะตามตัวเฟิงฮ่าวกลับมา แต่ไม่กี่นาทีให้หลัง เขาก็ต้องล้มลุกคลุกคลานกลับมา "ไปแล้ว! ไปแล้วจริง ๆ!" "เขาไปแล้วจริง ๆ!" คราวนี้ทุกคนต่างรู้สึกตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยสิ้นเชิง... คนที่ตื่นตระหนกมากที่สุดกลับเป็นผู้จัดการต่ง เขาคว้าลำคอของผู้จัดการไช่พร้อมดวงตาแดงฉาน "เกิดอะไรขึ้นกันแน่! มันเพิ่งจะพูดว่าอะไรนะ!" ตอนนี้ผู้จัดการไช่ตอบทั้งน้ำตาออกมาว่า "ฉ
เสี่ยวจางยิ้มพลางผงกศีรษะ "เข้าใจแล้วครับ ผมจะไปบอกพวกเขาเดี๋ยวนี้แหละ" หลังจากเสี่ยวจางพูดจบก็หันหลังแล้วเดินออกไปจากห้องทำงาน เขาก็เห็นผู้จัดการไช่กับผู้จัดการต่งก้มหน้าลงโดยไม่พูดอะไรสักคำอยู่ตรงประตู "ผู้ช่วยเสี่ยวจาง! เป็นยังไงบ้าง? พวกเราจะเข้าไปได้เมื่อไร?" ผู้จัดการต่งรีบเอ่ยถามขึ้นมาทันที ผู้ช่วยเสี่ยวจางส่ายหน้า "ท่านประธานบอกว่าเธอไม่มีเวลา งั้นพวกคุณก็กลับไปเถอะครับ" ผู้จัดการต่งใจหล่นวูบพลางรู้สึกเวียนศีรษะ จากนั้นเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาจนปัญญาจริง ๆ แล้วล่ะก็ พวกเขาคงไม่บากหน้ากลับมาหรอก ตอนนี้คนกลุ่มนี้ถูกขึ้นบัญชีดำเอาไว้แล้ว พวกเขาไม่ต่างอะไรกับหนูตามท้องถนน นอกจากเทียนชื่อกรุ๊ปแล้ว พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะไปดำรงชีพที่ไหนได้อีกแล้ว "ผู้ช่วยเสี่ยวจาง ขอพวกเราอธิบายเรื่องนี้อีกสักครั้งได้ไหม? พวกเรามาที่นี่เพื่อขอโทษท่านประธาน" ผู้จัดการไช่หัวเราะจากด้านข้าง ผู้ช่วยเสี่ยวจางส่ายหน้า "ดูเหมือนว่าจะไม่มีโอกาสให้อธิบายแล้วล่ะครับ ผมขอแนะนำให้พวกคุณกลับไปเสียเถอะ" "ผมขอร้องคุณล่ะ!" ผู้จัดการต่งอดไม่ได้ที่จะคุกเข่าลงกับพื้นแล้วปาดน้ำตา...
ตอนนี้เซี่ยเซียนอินรู้สึกใจอ่อนอยู่บ้าง เธอเองก็รู้ว่ามันเป็นนิสัยเสียที่เป็นมาแต่กำเนิด และเธอก็ควบคุมไม่ได้เสียด้วยสิ แต่เธอก็รู้ว่าไม่ควรจะยกโทษให้คนพวกนี้ง่าย ๆ! ถ้ายกโทษให้พฤติกรรมแบบนี้ เช่นนั้นวันหน้าบริษัทจะไม่ตกอยู่ท่ามกลางความโกลาหลหรอกหรือ? ดังนั้นเธอจึงสูดหายใจลึก ๆ แล้วลุกขึ้นพลางกล่าวว่า "หลี่ชิงเฟิง ฉันยกเรื่องนี้ให้คุณจัดการก็แล้วกัน ฉันเหนื่อยแล้วเลยอยากจะพักผ่อนสักหน่อย" หลังจากเธอพูดจบก็เดินเข้าห้องชั้นใน หลี่ชิงเฟิงมองพวกเขาพลางยิ้มนิด ๆ แล้วหันกลับมานั่งลงบนเก้าอี้ "พวกคุณค่อนข้างจริงใจมากทีเดียว บอกตามตรงว่าผมรู้สึกประทับใจขึ้นมาเสียแล้วสิ" เมื่อผู้จัดการไช่ได้ยินเช่นนี้ เขาก็รู้สึกมีความหวัง! ขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้นพูดอะไรสักอย่าง จู่ ๆ หลี่ชิงเฟิงก็ขว้างเอกสารลงกับพื้น "แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ตำแหน่งต่าง ๆ ในเทียนชื่อกรุ๊ปเต็มหมดแล้ว ทั้งยังไม่มีตำแหน่งว่างเลยน่ะสิ" "นี่เป็นรายชื่อพนักงานใหม่ คุณลองดูสิ บางทีอาจจะพบคนคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ในนั้นก็ได้นะ" เมื่อผู้จัดการไช่ได้ยินเช่นนี้ เขาก็ใบหน้าเขียวคล้ำ! ปฏิกิริยาตอบสนองอย่างแรกในสมองของเขาคื
เช้าวันรุ่งขึ้น เมฆครึ้มโอบล้อมเมืองเซี่ยชวนแล้วสายฝนก็เริ่มตกพรำ ๆ จากฟากฟ้า... ทำให้เกิดบรรยากาศชวนอึดอัดไปทั่วทั้งเมือง ตรงทางเข้าสถานฌาปนกิจลำดับที่สามแห่งเป่าซาน หลายคนสวมชุดเรียบ ๆ พร้อมด้วยสีหน้าขรึมเคร่งมารวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้ว งานศพของฮ่าวเทียนถูกจัดขึ้นที่นี่ ฮ่าวเทียนไม่มีพ่อแม่ ไม่มีลูกและไม่มีภรรยา มีเพียงแค่สหายกลุ่มหนึ่งจากยุทธภพเท่านั้น เรียกได้ว่าเขาจากไปโดยที่ไม่มีสิ่งใดให้ต้องกังวลอีก แต่นั่นเป็นแค่สิ่งเดียวที่โลกภายนอกรู้ ณ มุมหนึ่งของห้องไว้ทุกข์ มีหญิงชราสวมแว่นกันแดด สีหน้าหม่นหมองและมุมปากสั่นกระตุกนิด ๆ กำลังนั่งอยู่ตรงนั้น น้ำตาอุ่นร้อนสองสายไหลลงมาตามแก้มของหญิงชรา คนผู้นี้คือแม่บุญธรรมของฮ่าวเทียนและเป็นคุณย่าของตระกูลเซี่ย หลังจากทราบข่าวการตายของฮ่าวเทียน เธอก็แทบลมจับ แต่ถึงกระนั้นเธอก็กัดฟันทนเอาไว้ เมื่อเห็นภาพถ่ายของฮ่าวเทียนที่อยู่ตรงกลางห้องไว้ทุกข์ คุณย่าเซี่ยก็กำหมัดแน่นแล้วกัดฟันพูดว่า "วางใจเถอะ เสี่ยวเทียน ถ้าให้ฉันต้องเสี่ยงชีวิต! ฉันก็จะทำให้ไอ้คนที่มันฆ่าเธอต้องชดใช้!" "หลี่ชิงเฟิง ฉันขอสาปแช่งให้แกต้องตายอย่างน่าสมเพ
คุณย่าเซี่ยกลับยิ่งมีสีหน้าตื่นตระหนกมากขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นเธอก็รีบอธิบายว่า "ฉันเป็นคนอ่อนไหว มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?" "ไม่มีปัญหา! แน่นอนว่าไม่มีปัญหาอยู่แล้ว!" จ้าวเทียนชื่อปรบมือพลางทอดถอนใจ "ผมคิดว่าทุกคนไม่ชอบพวกเราเสียเลย งั้นพวกเราก็ไม่รบกวนแล้วล่ะ ขอตัวกลับก่อนนะ" เมื่อจ้าวเทียนชื่อพูดจบ เขาก็มองหลี่ชิงเฟิงด้วยสายตาสื่อความหมายแล้วหันหลังเดินจากไป ขณะที่หลี่ชิงเฟิงกำลังจะจากไป จู่ ๆ คุณย่าเซี่ยก็เข้ามาขวางเขาไว้ "หลี่ชิงเฟิง อย่าคิดว่าแกติดตามจ้าวเทียนชื่อแล้ว ฉันจะทำอะไรแกไม่ได้นะ" "จำคำของฉันเอาไว้ให้ดี ขอเพียงฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะไม่ปล่อยแกไปง่าย ๆ แน่!" "แกจะต้องสำนึกเสียใจ!" เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ เขาก็หยุดฝีเท้าพลางกล่าวว่า "ผมควรจะเป็นฝ่ายพูดคำนี้กับคุณมากกว่า" คุณย่าเซี่ยพลันยิ้มแฝงเลศนัยขึ้นมาทันที "ไอ้หนู งั้นพวกเราก็มาคอยดูกัน ฉันจะแสดงให้แกได้เห็นเองว่ายัยแก่คนนี้สามารถทำอะไรได้บ้าง!" ……. หลังจากเดินออกมาจากโรงฌาปนกิจ จ้าวเทียนชื่อก็เอ่ยขึ้นมาทันทีว่า "พี่ใหญ่ ยัยเฒ่าคนนี้จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับฮ่าวเทียนแน่ ๆ! หล่อนน่าจะเป็นผู้ชักใยอย
สิ่งที่เซี่ยอิ่งพูดมานับว่ามีเหตุผล หลังจากคุณย่าเซี่ยได้ยินเช่นนี้เข้า เธอก็ตัดสินใจได้ทันที "ดี! จัดการตามนั้นเลย!" "ย่าจะติดต่อหาพ่อแม่ของเซี่ยเซียนอินเดี๋ยวนี้แล้วเล่าเรื่องนี้ให้พวกมันฟังเสียเลย! คราวนี้น่าจะมีละครฉากเด็ดให้ดูเสียแล้ว!" ในวันเดียวกันนั้นเอง คุณย่าเซี่ยก็โทรหาเซี่ยหมิงจื้อผู้เป็นพ่อของเซี่ยเซียนอิน จากนั้นก็สั่งให้เขากลับมาที่เมืองเซี่ยชวนทันที ยามบ่าย เซี่ยหมิงจื้อกับหร่วนเหมยภรรยาของเขาก็รีบมาที่คฤหาสน์ตระกูลเซี่ย ตอนแรกเซี่ยหมิงจื้อถูกคุณย่าเซี่ยไล่ออกจากบ้าน ยามนี้เขาได้กลับมาแล้วก็นึกว่าคุณย่าเซี่ยเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาจึงรู้สึกเบิกบานใจมากทีเดียว ก่อนจะมาที่นี่ เขาซื้อของฝากติดไม้ติดมือมาให้คุณย่าเซี่ยด้วย ตอนที่เซี่ยหมิงจื้อเดินเข้ามาในคฤหาสน์ เขาก็เห็นทั้งครอบครัวมารวมตัวกันอยู่ที่นั่นรวมไปถึง เซี่ยเทาน้องชายต่างมารดากับเซี่ยอิ่งหลานสาวของเขา แต่สายตาดูหมิ่นและเย็นชาจากสองคนนี้กลับทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย เซี่ยหมิงจื้อค่อย ๆ วางข้าวของที่ซื้อมาลงกับพื้นแล้วยิ้มให้คุณย่าเซี่ยพลางกล่าวว่า "แม่ครับ ของพวกนี้เป็นของฝากในท้องถิ่นที่ผมเอามาใ
... ในตอนนั้นเอง หลี่ชิงเฟิงที่ยากจะได้หยุดพักผ่อนเช่นวันนี้ กำลังนั่งดูการ์ตูนสปอนจ์บ็อบ สแควร์แพนส์[1]อยู่กับโต้วโต่วที่บ้าน ขณะที่พวกเขาสองคนกำลังหัวเราะกันอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้ง! ปัง ปัง ปัง! โต้วโต่วรู้สึกหวาดกลัวมากเสียจนต้องรีบซุกเข้าไปในอ้อมแขนของหลี่ชิงเฟิง "ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวพ่อจะออกไปดูเอง" เมื่อหลี่ชิงเฟิงมาถึงประตู เขาก็เปิดประตูแล้วมีสองคนวิ่งพรวดพราดเข้ามาทันที! จากนั้นเขาก็รู้ว่าเป็นเซี่ยหมิงจื้อกับหร่วนเหมย! หลี่ชิงเฟิงผงะอึ้ง "คุณพ่อ คุณแม่? พวกคุณกลับมาทำไมเหรอครับ?" "อย่ามาสะเออะเรียกพวกเราแบบนั้น! ใครเป็นพ่อแม่ของแก!" เซี่ยหมิงจื้อจ้องเขาตาเขม็งราวกับอยากจะกลืนกินเขาลงไปอย่างไรอย่างนั้น! ถึงแม้ว่าหลี่ชิงเฟิงจะมีความสามารถอยู่นับไม่ถ้วน แต่เขาก็ไม่กล้าทำอะไรพ่อแม่ของเซี่ยเซียนอินง่าย ๆ เขาจึงได้แต่เกลี้ยกล่อมให้พวกเขาใจเย็นลงก่อน หร่วนเหมยทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เธอกระชากเสื้อของหลี่ชิงเฟิงแล้วเอ่ยด้วยความโกรธแค้นว่า "แกรู้ไหมว่าตัวเองเป็นไอ้ขี้คุก! เป็นคนที่มีประวัติอาชญากรรม!" "แกมันไม่คู่ควรกับลูกสาวของฉันเลย! ทำไม
"พ่อไม่ไปนะ!" จู่ ๆ เซี่ยเทาก็แผดเสียงร้องพลางกระโดดข้ามโซฟาแล้ววิ่งไปที่ประตูหลัง! เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายตอบสนองว่องไว! เพียงก้าวเดียวก็ประชิดตัวพลางจับเขากดลงกับพื้นแล้วบังคับสวมกุญแจมือ สิบนาทีต่อมา ภายในห้องสอบสวน เสี่ยวอิ๋งนั่งหน้าเครียดอยู่ตรงนั้นพร้อมด้วยความคิดมากมาย ตำรวจที่อยู่ฝั่งตรงข้ามดูวิดีโอแล้วถามว่า "เท่าที่พวกเราทราบมา คนที่อยู่ในวิดีโอคือเซี่ยเทาพ่อของคุณ ตอนนี้เขาอยู่ห้องข้าง ๆ คุณจะอธิบายสิ่งที่เขาพูดว่ายังไงล่ะ?" เสี่ยวอิ๋งสูดลมหายใจลึก ๆ พลางผุดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ฉันไม่รู้หรอกค่ะ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ทำไมคุณถึงไม่ถามเขาเองล่ะคะ?" "แน่นอนว่าพวกเราย่อมต้องถามเขาอยู่แล้ว แต่คุณเป็นลูกสาวของเขา คุณจะไม่รู้เรื่องนี้เลยเชียวเหรอ?" เซี่ยอิ่งลูบคางพลางครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้วจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า "จริงด้วยสิ! ดูเหมือนเขาจะเคยบอกว่าทำความผิดร้ายแรงบางอย่างแล้วอยากจะหนีไป! ฉันถามเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขาก็ไม่ยอมบอกอะไรเลยแถมยังบอกว่ายิ่งฉันรู้ให้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี! วันหน้าให้ฉันดูแลตัวเองให้ดี ๆ..." "พูดต่อไปสิ" "จากนั้น
"จะวิธีอะไร ฉันก็อยากลองดูทั้งนั้น!" เสี่ยวอิ๋งเอ่ยโดยไม่ลังเล "ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก! วิธีไหนฉันก็อยากจะลองดู!" เย่เจี้ยนเหอเงยหน้ามองเธอแล้วพูดเสียงเย็นชาว่า "โยนความผิดเรื่องทั้งหมดนี้ให้พ่อของเธอแบกรับไว้!" เมื่อเสี่ยวอิ๋งได้ยินเช่นนี้ ศีรษะของเธอก็ส่งเสียงอื้ออึง! ตอนแรกสังเวยคุณย่าไปแล้ว ตอนนี้ถึงทีพ่อของเธอแล้วงั้นเหรอ? เย่เจี้ยนเหอจ้องมองเธอ "ไม่มีเวลาคิดแล้ว จะตกลงหรือจะติดคุก!" "ฉันตกลง! ฉันตกลงค่ะ! ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก คุณอยากให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!" เสี่ยว อิ๋งผงกศีรษะซ้ำไปซ้ำมา เย่เจี้ยนเหอจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า "เดี๋ยวฉันจะเรียกทนายเข้ามา พวกเขาจะบอกเธอว่าต้องพูดหรือทำอะไร จากนั้นเธอก็แค่รอให้ตำรวจเรียกตัว" เสี่ยวอิ๋งผงกศีรษะ "ฉะ...ฉันเข้าใจแล้วค่ะ" พอกลับมาถึงบ้าน เสี่ยวอิ๋งก็เจอพ่อของเธอ เมื่อทั้งสองคนสบตากัน ดวงตาของเสี่ยวอิ๋งก็ฉายแววน่าหวาดกลัว เซี่ยเทาก็รู้ได้โดยไม่ต้องคิดเลย ลูกสาวของเขารู้เรื่องแล้ว "เสี่ยวอิ๋ง พ่อทำอาหารให้ลูกกินด้วยนะ ดูสิ..." "กินบ้าอะไรเล่า!" เสี่ยวอิ๋งพลันควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ขึ้นมาทันที! เธอร
ในสถานการณ์เช่นนี้ ขืนเสี่ยวอิ๋งมัวแต่เข้าไปพัวพันคงได้จบเห่กันพอดี การเก็บเธอไว้น่าจะยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง เสี่ยวอิ๋งเองก็เป็นคนฉลาดจึงผงกศีรษะแล้ววิ่งออกทางประตูหลัง... เย่เซียวคิดจะเข้าไปขวาง แต่กลับถูกหลี่ชิงเฟิงห้ามเอาไว้ "ไม่ต้องไล่ตามหรอก วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของหวังเจิ้น อย่าทำอะไรน่าเกลียดเกินไปเท่านี้ก็พอแล้ว" เย่เซียวพยักหน้าแล้วยืนอยู่ข้างหลังโดยไม่พูดอะไรสักคำ ในตอนนี้เอง ปี้ไห่เทาก็เดินยิ้มเข้ามา "เหล่าหวัง วันนี้ฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะ! ทั้ง ๆ ที่เป็นงานเลี้ยงวันเกิดดี ๆ ที่นายควรจะมีความสุขแท้ ๆ แต่กลับลงเอยแบบนี้เสียได้..." หวังเจิ้นถอนหายใจ "ช่างเถอะ" "เหล่าหวัง ตระกูลเย่ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกหอการค้าเทียนเหมินของพวกเรา เย่เจี้ยนเหอดันพานังคนชั้นต่ำแบบนั้นมาเสียได้ กลับไปเมื่อไหร่ฉันย่อมต้องตำหนิเขาแน่! ฉันจะทำให้เขาจำให้ขึ้นใจเชียวล่ะ! เมื่อพวกเรากลับถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่ ไห่เทาย่อมต้องมาขอขมาของแน่นอน" หวังเจิ้นโบกมือ "คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ช่างมันเถอะ ผมไม่ถือสาหรอก" ปี้ไห่เทาพยักหน้าพลางขยิบตาให้เย่เจี้ยนเหอ จากนั้นพวกเขาสองคนก็ก้าวเดินจากไป ขณ
เสี่ยวอิ๋งโมโหจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว เธอชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วด่ากราดว่า "แกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน! คู่ควรที่จะมอบของขวัญให้ฉันแล้วงั้นเหรอ?" "หุบปากไปซะ พ่อตาของแกโดนซ้อมขนาดนั้น เขยอย่างแกไม่กล้าแม้แต่จะผายลมเสียด้วยซ้ำไป! แกยังกล้ามาก่อเรื่องที่นี่อีกงั้นรึ?" "ถ้าฉันเป็นแกล่ะก็ คงได้โหม่งเสาโทรศัพท์ตายไปแล้ว!" "ไร้ยางอายสิ้นดี!" เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งหน้าแดงก่ำและลำคอแข็ง หลี่ชิงเฟิงกลับยิ่งขบขันพลางกล่าวว่า "ฉันคิดว่าเธอต่างหาก มั้งที่น่าจะเป็นฝ่ายโหม่งเสาโทรศัพท์?" ทันทีที่เขาพูดจบ หน้าจอขนาดยักษ์ข้างหลังล็อบบี้ก็พลันสว่างขึ้น! หลังจากนั้นไม่กี่วินาที แสงก็สลัวลงแล้ววิดีโอก็เริ่มฉายบนหน้าจอขนาดยักษ์ เมื่อเสี่ยวอิ๋งหันหน้าไป สิ่งแรกที่เธอเห็นก็คือเซี่ยเทาที่กำลังนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง โดยมีสาวสวยอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธออยู่ข้างกาย! หึ่ง! เสี่ยวอิ๋งศีรษะจวนจะระเบิดอยู่แล้ว! เธอได้แต่ยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น! มันเป็นวิดีโอที่ก่อนหน้านี้หลี่ชิงเฟิงถ่ายเอาไว้นั่นเอง! เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งนิ่งงันไป หลี่ชิงเฟิงก็นิ้มแล้วพูดเสียงดังขึ้นมาว่า "ทุกท่าน ผู้ชายที่อยู่ในวิดี
เงินหลายล้านบาทไม่ได้จ่ายไปโดยไร้ประโยชน์แล้ว! ศาสตราจารย์เฒ่าโดนเขาหลอกเข้าแล้วจริง ๆ! เสี่ยวอิ๋งเองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทันใดนั้นก็ยิ้มพลางชี้นิ้วมาที่หลี่ชิงเฟิง "ตอนนี้แกจะว่ายังไงเล่า? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าแจกันของแกมันเป็นของปลอม!" "น่าตลกชะมัดเลย! ฉันเสนอทางออกให้ แต่แกกลับยืนกรานที่จะขุดหลุมฝังตัวเองให้ได้! ไม่มีใครห้ามแกได้เลย!" เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มจาง ๆ แล้วหันมามองศาสตราจารย์หลี่พลางพูดว่า "ศาสตราจารย์หลี่ ช่วยดูขอองผมอีกสักครั้งเถอะครับ" คาดไม่ถึงว่าศาสตราจารย์หลี่จะส่ายหน้าแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า "ไม่ต้องดูหรอก" เซี่ยอิ่งหัวเราะพลางกล่าวว่า "แจกันใบนั้นของแกมันปลอมชัดเจนเกินไป! ศาสตราจารย์หลี่ไม่มองให้เสียสายตาหรอก!" ในยามนี้เอง ศาสตราจารย์หลี่ก็เหลือบมองเธอแล้วสายหน้า "สาวน้อย ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อย ฉันยังพูดไม่ทันจบเลย ถึงแม้ว่าแจกันใบนี้จะฝีมือยอดเยี่ยมจนเกือบจะสมบูรณ์แบบ แต่มันเป็นของปลอมจริง ๆ" "ส่วนแจกันของคุณหลี่ ทันทีที่เข้ามาผมก็เห็นแล้วล่ะ มันเป็นของจริง ดังนั้นผมจึงไม่ต้องตรวจดูเลย" หลังจากศาสตราจารย์หลี่พูดจบ ทั้งห้องก็เ
ไม่มีใครคาดคิดว่าหลี่ชิงเฟิงจะมีท่าทีแข็งกร้าวเช่นนั้น! ปี้ไห่เทาที่คอยสังเกตการณ์อยู่ข้าง ๆ แอบรู้สึกว่าชักไม่ได้การเสียแล้ว หลี่ชิงเฟิงคนนี้ดูไม่เหมือนเขยไร้ประโยชน์อย่างที่ข่าวร่ำลือกันเอาไว้เลยสักนิด การที่ยังสามารถสงบนิ่งได้ในภาวะคับขันเช่นนั้น มิหนำซ้ำยังพูดจาเสียคล่องปากและท่าทีเจ้าแผนการของอีกฝ่าย เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนแบบนี้จะเป็นเขยไร้ประโยชน์ไปได้ สิ่งที่น่าสงสัยมากที่สุดคือ ต่อให้อีกฝ่ายจะก่อเรื่องเช่นนั้น แต่หวังเจิ้นที่อยู่ข้าง ๆ กลับไม่มีวี่แววที่จะโมโหเลยสักนิด พวกเขาต่างอาศัยอยู่ในเมืองหลวง เขาเองก็รู้นิสัยของหวังเจิ้น อีกฝ่ายไม่ใช่ตาเฒ่าที่นิสัยดิบดีอะไรเลย พอปี้ไห่เทานึกได้เช่นนี้ เขาก็ทอดสายตามองเย่เจี้ยนเหออีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสายตาหลุกหลิกอยู่บ้าง เขาก็พอจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ดูเหมือนว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบนี้จะมีบางอย่างผิดปกติจริง ๆ เสียด้วย ตอนนี้เย่เซียวยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมเจตนาสังหารอันแรงกล้า! เย่เจี้ยนเหอกับเสี่ยวอิ๋งหวาดกลัวจนไม่กล้าขยับตัวไปชั่วขณะ ไม่นานปี้ไห่เทาก็ลุกขึ้นแล้วมองหลี่ชิงเฟิงด้วยสายตาเย็นชา "ทำแบบนี้
"ฉุดเศรษฐกิจให้ดิ่งลงเหวงั้นรึ? ถ้าทุกคนทำตัวเป็นไอ้เศษสวะชอบหลอกกินข้าวนิ่มอย่างแก ประเทศชาติก็คงจะพินาศไปตั้งนานแล้ว!" "ช่างน่าหัวเราะสิ้นดี! แกมันก็แค่มดปลวกตัวหนึ่งแท้ ๆ กล้าดียังไงถึงได้มาหัวเราะเยาะใส่พวกเรา?" ในตอนนี้เอง จู่ ๆ หวังเจิ้นที่เอาแต่เงียบมาจนถึงตอนนี้ก็ตบโต๊ะ! ทุกคนพลันหุบปากฉับ! หวังเจิ้นแววตามืดมน เขาเหลือบมองทุกคนแล้วเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาว่า "พวกคุณหมายความว่ายังไงกัน? คิดจะก่อจลาจลในงานเลี้ยงวันเกิดของผมรึไง? พวกคุณไม่เห็นแก่หน้าผมเลย! คิดจะทำอะไรกันแน่!" เมื่อหวังเจิ้นโกรธขึ้นมา แม้แต่ปี้ไห่เทาก็ยังไม่กล้าล่วงเกิน นับประสาอะไรกับพวกเขากันเล่า "เหล่าหวัง ได้โปรดใจเย็นลงก่อนเถอะ เอาแบบนี้เป็นยังไง เพื่อจะได้รู้ว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบไหนเป็นของจริงใบไหนเป็นของปลอม คุณก็แค่เชิญผู้เชี่ยวชาญให้มาประเมินก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" "คุณเองคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงของเก่ามานานหลายปี เช่นนั้นก็น่าจะรู้จักผู้เชี่ยวชาญในวงการนี้เยอะอยู่บ้างใช่ไหมล่ะ?" หวังเจิ้นถอนหายใจพลางพยักหน้าแล้วพูดว่า "ก็ได้! ในเมื่อพวกคุณอยากเถียงกันดีนัก งั้นก็มาทำให้เรื่องนี้กระจ่างกันไปเลย
หลังจากหลี่ชิงเฟิงพูดจบ ทุกคนก็ตะลึงงันไปชั่วขณะแล้วหัวเราะลั่น! เสี่ยวอิ๋งกับเย่เจี้ยนเหอหัวเราะอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง จากนั้นพวกเขาก็ชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วพูดว่า "แกมันขี้โม้จนไม่เลือกเวลาจริง ๆ พับผ่าสิ! ลำพังแค่คุยโวโอ้อวดต่อหน้าพ่อตาโง่ ๆ ของแกไม่พอ แต่ยังจะมาคุยโวโอ้อวดต่อหน้าพวกเราอีกงั้นเหรอ?" ปี้ไห่เทาที่อยู่อีกด้านเองก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยแววดูถูกดูแคลน "ลำพังแค่พวกเราคนใดคนหนึ่งก็ผ่านโลกมามากกว่าแกถึงสิบชาติภพรวมกันเสียอีก แกกล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ คิดว่าพวกเราโง่หรือไงกัน?" "ผ่านโลกมามาก? คุณคิดว่าตัวเองผ่านโลกมามากแล้วงั้นรึ?" หลี่ชิงเฟิงยิ้มเหยียดหยันพลางเอ่ยเสียงทุ้มลึก "วันนี้ผมจะช่วยเปิดโลกทัศน์ของคุณเองก็แล้วกัน เย่เซียว เอาของขวัญของพวกเราออกมา" เย่เซียวผงกศีรษะ จากนั้นเขาก็หยิบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนออกมาจากกล่องแล้ววางลงต่อหน้าทุกคน ทันทีที่พวกเขาเห็นแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวน ทุกคนก็ถูกแจกันใบนั้นดึงดูดความสนใจเข้าแล้วจริง ๆ เย่เจี้ยนเหอหน้าถอดสีแล้วตรวจสอบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนโดยละเอียดถี่ถ้วนแล้วให้รู้สึกสับสน ฝีมือช่างวิจิตรประณีตนัก!
เย่เจี้ยนเหอยิ้มเหยียดหยัน "แกคิดจะแข่งกับฉันงั้นรึ? ก็ได้ ฉันจะเอาออกมาให้แกได้เปิดหูเปิดตาก็แล้วกัน ฉันขอพนันเลยว่าชั่วชีวิตแกน่าจะได้เห็นเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ" หลังจากเย่เจี้ยนเหอพูดจบก็ดีดนิ้ว จากนั้นผู้ช่วยคนงามที่อยู่ข้างหลังก็รีบเดินเข้ามา ของขวัญของอีกฝ่ายเองก็อยู่ในกล่อง มิหนำซ้ำยังมีขนาดพอ ๆ กับของเขาอีกต่างหาก เย่เจี้ยนเหอยิ้มอวดดีแล้วพูดว่า "มหาเศรษฐีหวัง ผมได้ยินมาว่าคุณชอบสะสมของเก่ามากทีเดียว ดังนั้นผมจึงสั่งให้เพื่อนที่อยู่ต่างประเทศประมูลของสิ่งนี้มาให้คุณเป็นพิเศษ เชิญดูเอาเองเถอะครับ!" หลังจากพูดจบ ผู้ช่วยสาวก็เปิดกล่องแล้วสายตาของทุกคนก็ทอดมองมาที่มือของผู้ช่วยสาว! แจกันลายครามใบหนึ่งค่อย ๆ เผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา! เมื่อหลี่ชิงเฟิงเห็นแจกันใบนี้ก็ถึงกับตะลึงงัน... ช่างเหมือนกับแจกันลายครามที่เขาซื้อมาไม่มีผิดเพี้ยนเลย! เขาเหลือบมองเย่เซียวที่อยู่ข้างหลังโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเย่เซียวก็เอ่ยกระซิบข้างหูว่า "เป็นของปลอมแน่ ๆ ครับ" ในยามนี้เอง เย่เจี้ยนเหอก็หยิบแจกันขึ้นมาแล้วเดินมาอยู่ตรงหน้าทุกคนแล้วพูดเสียงดังว่า "แจกันลายครามสมัยราชวงศ์ห