เสี่ยวหวังจ้องมองเธอด้วยดวงตากลัดเลือดแล้วพูดว่า "ฉันชื่อว่าหวังอี้และฉันก็มีชื่ออยู่บนสมุดทะเบียนราษฎร์ของตระกูลหวัง เธออยากจะตรวจสอบดูไหมล่ะ? เซี่ยอิ่ง! กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ! ฉันยังยอมรับเลย เธอจะกลัวอะไรเล่า!" คราวนี้สถานการณ์พลิกผันเสียแล้ว คนที่เมื่อสักครู่นี้ยังดูหมิ่นเทียนชื่อกรุ๊ปต่างพากันพุ่งเป้ามาที่เสี่ยวอิ๋ง! ที่แท้พวกเขาก็ถูกเซี่ยอิ่งหลอกใช้จนพลิกสถานการณ์กลายมาเป็นต่อ! "เซี่ยอิ่ง! หล่อนเป็นคนแบบนี้เอง! ทุกคนถูกหล่อนต้มเสียเปื่อยเลย!" "คราวนี้หล่อนมีอะไรจะพูดอีกไหม! นังผู้หญิงชั่วช้า!" "นังแพศยา!" เสี่ยวอิ๋งถูกด่าทอเสียไม่มีชิ้นดี จากนั้นเธอก็พยายามอธิบายอย่างสุดกำลัง "ไม่นะ...พวกมันพูดจาเหลวไหล! ไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นสักหน่อย!" "จัดการเธอซะ!" คนพวกนี้ยกตะกร้าผักที่เตรียมเอาไว้ล่วงหน้าออกมา เดิมทีพวกเขาคิดจะเอามาปาใส่เซี่ยเซียนอิน แต่สุดท้ายกลับเตรียมมาเพื่อเธอเสียได้ ไข่เน่าเป็นจำนวนมากถาโถมใส่เธอ! เสี่ยวอิ๋งรู้สึกหวาดกลัวมากเสียจนต้องหลบหลีกไปทั่วพลางร้องตะโกนว่า "รปภ.! รปภ. ไปอยู่ที่ไหนกันหมด!" รปภ. กลุ่มใหญ่ต่างมองเธอด้วยสายตาเย็นชาโดยไม่มีใครเข
ความเร็วของหลี่ชิงเฟิงช่างน่าทึ่ง! แม้แต่เซี่ยเซียนอินที่อยู่ข้าง ๆ ก็ไม่ทันสังเกตเห็นตอนที่เขาหายตัวไป! ไม่กี่อึดใจต่อมา หลี่ชิงเฟิงก็อยู่ข้างหลังที่กำบังซึ่งอยู่ห่างออกไปสิบเมตร! ปัง! ลูกกระสุนปะทะถูกที่กำบังก็แตกกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อย! "คุณหลี่ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?" เมื่อหลี่ชิงเฟิงมองไปด้านข้าง ก็พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนายอยู่ข้างหลังเสาหินอ่อนไม่ไกลจากเขามากนัก "ผมจะโทรเรียกกำลังเสริมเดี๋ยวนี้แหละครับ!" หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจพูดจบก็หยิบวิทยุสื่อสารออกมาและกำลังจะพูด จู่ ๆ ก็ถูกหลี่ชิงเฟิงขัดขึ้นมาทันที "กว่ากำลังเสริมจะมาถึง พวกมันก็คงจะหนีไปแล้ว คุณมีปืนไหมครับ?" เนื่องจากพวกเขาต้องคุ้มกันนักโทษก็เลยพกปืนมาด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงผงกศีรษะทันที "พวกเรามีปืนครับ แต่พวกเราไม่เห็นมือปืนเลย" "เล็งไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ สามร้อยเมตรทางไฟแจ้งเตือนสถานะ ตรงกลาง" หลี่ชิงเฟิงบอกตำแหน่งของมือปืนโดยไม่ลังเลสักนิด อันที่จริงแล้ว หลังจากเสียงปืนครั้งแรก เขาก็ล็อคตำแหน่งของมือปืนเอาไว้แล้ว ถึงขนาดรู้ว่าอีกฝ่ายใช้ปืนและลูกกระสุนอะไรเสียด้วยซ้ำไป แต่เพราะต้องดูแล
เสียงร้องไห้ของเซี่ยเซียนอินที่ดังมาตามสายโทรศัพท์บ่งบอกว่าเธอรู้สึกหวาดกลัวจริง ๆ หลายคนเองก็ต้องเผชิญกับสถานการณ์ชวนใจสั่นเช่นเดียวกัน "ผมไม่เป็นไร อย่าห่วงไปเลย ตอนนี้เรื่องทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว" "ตำรวจมาแล้ว รีบกลับมาเถอะ ฉันอยากเจอคุณ..." "ได้ ๆ" หลี่ชิงเฟิงวางสายแล้วกระโจนตัวลงมาจากไฟแจ้งเตือนสถานะ... ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น หลี่ชิงเฟิงก็กลับมาอยู่หน้าบริษัท ตอนนี้ตำรวจเข้าควบคุมสถานการณ์เอาไว้แล้ว เขากับเซี่ยเซียนอินเองก็ถูกพาตัวไปสอบปากคำ ส่วนหวังอี้ถูกยิงเข้าที่หัวใจเสียจนตายคาที่ เมื่อหลี่ชิงเฟิงเห็นศพของอีกฝ่ายถูกหามออกไป เขาก็ถอนหายใจอย่างอับจนหนทาง สองชั่วโมงต่อมา เซี่ยเซียนอินกับหลี่ชิงเฟิงก็เดินออกมาจากสถานีตำรวจ คดีนี้ถูกวางแผนเอาไว้เป็นอย่างดีจนแทบไร้เงื่อนงำ ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ระงับเอาไว้ชั่วคราว ขณะที่พวกเขาสองคนเพิ่งจะเดินออกมานอกประตู พวกเขาก็พบว่าเสี่ยวอิ๋งตามพวกเขาออกมาด้วย เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋ง หลี่ชิงเฟิงก็สีหน้าหม่นคล้ำ ผู้หญิงคนนี้ชั่วร้ายนัก! ถ้าหวังอี้ไม่ตายล่ะก็ ตอนนี้เธอคงได้เข้าคุกไปแล้ว แต่พวกมันฆ่าเขาเพื่อกำจัดหลักฐาน พลิ
"พบเหรอครับ? คุณหลี่ เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้หรอก..." หลี่ชิงเฟิงไม่คาดคิดว่าหวังเจิ้นจะมีท่าทีตอบสนองรุนแรงขนาดนั้น หลี่ชิงเฟิงขมวดคิ้ว "อะไรกันครับ? เทียนเหมินแห่งนี้กินคนรึไง?" หวังเจิ้นเอ่ยเสียงเบาว่า "ถึงแม้ว่าผมจะติดต่อสัมพันธ์กับพวกเขา แต่ผมก็ไม่ใช่สมาชิก ผมไม่รู้เรื่องภายในของพวกเขามากนัก แต่คนพวกนี้ย่อมต้องเป็นคนโหดเหี้ยมอย่างแน่นอน! เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย พวกมันสามารถทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!" เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาแล้วค่อย ๆ เอ่ยขึ้นมาว่า "คุณคิดว่าผมเป็นคนดีเหรอครับ?" หวังเจิ้นฝืนยิ้ม "พวกมันย่อมไม่อาจเทียบได้กับกองกำลังอสูรรัตติกาล ทว่ายามนี้คุณไม่อยากเปิดเผยตัวตน ผมเกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับคุณจริง ๆ นะ..." "เพื่อจัดการกับพวกมันแล้ว ผมไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนหรอกน่า แค่นัดให้ก็พอแล้ว ที่เหลือผมจะจัดการเอง" ในเมื่อหลี่ชิงเฟิงพูดเสียขนาดนั้น หวังเจิ้นจึงไม่ได้พูดอะไรอีก หลังจากเงียบไปนาน เขาก็พูดว่า "มะรืนนี้เป็นวันเกิดของผม เอาแบบนี้เป็นยังไง ผมจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดหนนี้ในเซี่ยชวน จากนั้นหอการค้าเทียนเหมินก็น่าจะมาร่วมงานของผมด้ว
เซี่ยเซียนอินอดรนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วจึงร้องตะโกนขึ้นมาว่า "เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่เราสองคนตัดสินใจเอง! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราก็จะแบกรับไปด้วยกัน! ช่วงนี้ชิงเฟิงเองก็ช่วยเราเอาไว้มาก ถ้าไม่มีเขาล่ะก็ หนูคงไม่มีทางมาถึงวันนี้ได้หรอกค่ะ!” "เขาไม่เคยเรียกร้องอะไรจากหนูสักอย่าง ทว่ากลับมีแต่ให้ คราวนี้หนูจะยืนเคียงข้างเขา!" เซี่ยเซียนอินเอื้อมไปสอดประสานนิ้วมือกับหลี่ชิงเฟิง "ต่อให้ต้องตาย! หนูก็จะตายไปพร้อมกับเขา!" คำพูดเหล่านี้ทำเอาคนฟังตกตะลึงจนพูดไม่ออกไปเสียแล้ว! หลี่ชิงเฟิงมองเธอ สายตาฉายแววแน่วแน่ไม่สะทกสะท้าน! ความรู้สึกอบอุ่นและประทับใจช่างเกินจะบรรยายออกมาเป็นคำพูด... เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองคนเป็นเช่นนี้ เซี่ยหมิงจื้อก็โมโหเสียจนมือไม้สั่น "ได้! ได้เลย! เซี่ยเซียนอิน วันหน้าฉันไม่มีลูกสาวอย่างแก! สักวันแกจะต้องเสียใจ! อย่ามาให้พวกเราเห็นหน้าอีกนะ!" ทันทีที่เซี่ยหมิงจื้อพูดจบ เขาก็กระแทกประตูเดินออกไป ถึงแม้ว่าเซี่ยหมิงจื้อจะพูดแบบนั้น แต่ทันทีที่เขาเดินออกนอกประตูก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว เซี่ยหมิงจื้อที่ยืนอยู่ตรงประตูถึงกับคุกเข่าแล้วหยิบบุหรี่ออกมามวนหนึ่ง
เมื่อเห็นเซี่ยหมิงจื้อคุกเข่าลงกับพื้น เซี่ยอิ่งก็ตะลึงงันไปชั่วขณะ จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา! "แกหมายความว่ายังไง? ทำไมฉันถึงไม่เข้าใจล่ะ?" เสี่ยวอิ๋งยิ้มพลางกล่าวขึ้น เซี่ยหมิงจื้อกัดฟันพูดว่า "ฉันขอร้องเธอล่ะ ได้โปรดอย่าหาเรื่องครอบครัวของพวกเราอีกเลย" เสี่ยวอิ๋งลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปตบหัวเขาพลางยิ้มเยาะ "แกขอร้องฉันเหรอ? แกเป็นลุงของฉัน แต่กลับมาคุกเข่าให้ฉัน แกอยากให้ฉันอายุสั้นรึไง? แกกำลังจะแช่งให้ฉันตายนะ!" เซี่ยหมิงจื้อไม่คาดคิดว่าแม้แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เซี่ยอิ่งก็ยังไม่บอกว่าต้องการให้เขาคุกเข่าหรือยืนกันแน่ ในตอนนี้เอง เสี่ยวอิ๋งก็หัวเราะขึ้นมา "ฉันรู้ว่าแกมาที่นี่เพื่อแสดงความจริงใจของตัวเอง งั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกัน ฉันจะเรียกคนเข้ามาให้แกได้คุกเข่าต่อหน้าพวกเขาเอง" หลังจากเสี่ยวอิ๋งพูดจบ เธอก็ตะโกนไปทางประตู "ทุกคน เข้ามาได้!" ปัง! เมื่อประตูเปิดออก ชายร่างกำยำห้าหกคนก็รีบวิ่งเข้ามา "บอสครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอ?" พอคนพวกนี้เห็นเซี่ยหมิงจื้อก็คุกเข่าลงกับพื้น พวกเขาต่างรู้สึกตะลึงงันแล้วหัวเราะขึ้นมา "บอสครับ ตาเฒ่าคนนี้กำลังทำอะไรอยู่น่ะ?"
กลุ่มต่อไปงั้นรึ? ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบอะไร ประตูก็เปิดอีกครั้งแล้วอีกกว่าสามสิบคนก็เดินเข้ามา! คนกลุ่มนี้รออยู่ข้างนอกนานแล้ว ตอนนี้พวกเขาต่างถือโทรศัพท์มือถือเอาไว้ในมือ เพื่อเตรียมถ่ายรูปของเซี่ยหมิงจื้อ... "ยังเหลืออีกสามสิบคน มาโขกศีรษะกันต่อเถอะ" เซี่ยอิ่งยิ้มพลางกล่าวขึ้นมา เซี่ยหมิงจื้อมองเธออย่างแทบไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง เสียงของเขาเริ่มสั่นเครือ "เซี่ยอิ่ง เธอกำลังจะฆ่าฉันอยู่นะ!" "ฉันก็แค่อยากได้ชีวิตของแก! แล้วยังไงล่ะ? ใช้ชีวิตของแกแลกกับชีวิตของลูกสาวแกไง รับไม่ได้งั้นเหรอ?" เสี่ยวอิ๋งดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าฉายแววอำมหิตอยู่บ้าง! ชวนให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกกระดูกสันหลังเย็นวาบ เซี่ยหมิงจื้อกัดฟันแล้วจู่ ๆ ก็ลุกขึ้นพุ่งเข้าใส่เสี่ยวอิ๋ง "ถ้าพวกเราต้องตาย งั้นก็ตายไปด้วยกันเถอะ!" เขารู้ว่าขืนตนโขกศีรษะอีกสามร้อยครั้ง คงได้เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายก่อนตายเป็นแน่ และเซี่ย อิ่งก็อาจจะเรียกคนกลุ่มต่อไปเข้ามาอีกก็ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เซี่ยหมิงจื้อก็คิดจะลากเซี่ยอิ่งให้ตายตกไปตามกัน! ทว่าเขาไร้เดียงสาเกินไป ก่อนที่เขาจะวิ่งไปถึงตรงหน้าเซี่ยอิ่ง คนที่อยู่ข้
เมื่อเซี่ยเซียนอินได้ยินเช่นนี้เข้า เธอก็แววตาหม่นแสงแล้วล้มลง หลี่ชิงเฟิงคว้าตัวเธอได้ทัน จากนั้นก็มองพยาบาลแล้วพูดว่า "เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอครับ?" พยาบาลจึงกล่าวว่า "ผู้ป่วยมีภาวะเลือดออกในสมองค่ะ พวกเราจำเป็นต้องรีบผ่าตัดโดยด่วน! แต่การผ่าตัดแบบนี้มีความเสี่ยงจำเป็นต้องให้ญาติลงนาม..." ในยามนี้เอง เซี่ยเซียนอินก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้งแล้วหยิบปากกาขึ้นมาเซ็นชื่อ จากนั้นก็จับมือของพยาบาลพลางเอ่ยเสียงสั่นเครือว่า "ได้โปรด ได้โปรดช่วยคุณพ่อของฉันด้วยนะคะ..." พยาบาลผงกศีรษะโดยไม่พูดอะไรอีก แล้วหันหลังวิ่งเข้าไปในห้องฉุกเฉิน... เซี่ยหมิงจื้อยังไม่ตายหรอก แต่เซี่ยเซียนอินกำลังจะตายแล้ว หลี่ชิงเฟิงรีบประคองเธอมาที่เก้าอี้แล้วพูดเสียงเบาว่า "อย่าห่วงไปเลย ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยดี ผมจะให้เซี่ยอิ่งต้องชดใช้อย่างสาสม" เซี่ยเซียนอินร้องไห้เสียงสั่นเครือ "ชิงเฟิง ฉันกลัวเหลือเกิน ไม่งั้นพวกเราย้ายไปจากที่นี่กันเถอะ..." "ไปที่ไหนล่ะ?" หลี่ชิงเฟิงขมวดคิ้ว มีแววหวาดกลัวผุดขึ้นในดวงตาของเซี่ยเซียนอิน "ที่ไหนก็ได้! ฉันไม่อยากได้เทียนชื่อกรุ๊ปอีกต่อไปแล้ว ฉันไม่อยากต่อสู้กับเซ
"พ่อไม่ไปนะ!" จู่ ๆ เซี่ยเทาก็แผดเสียงร้องพลางกระโดดข้ามโซฟาแล้ววิ่งไปที่ประตูหลัง! เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายตอบสนองว่องไว! เพียงก้าวเดียวก็ประชิดตัวพลางจับเขากดลงกับพื้นแล้วบังคับสวมกุญแจมือ สิบนาทีต่อมา ภายในห้องสอบสวน เสี่ยวอิ๋งนั่งหน้าเครียดอยู่ตรงนั้นพร้อมด้วยความคิดมากมาย ตำรวจที่อยู่ฝั่งตรงข้ามดูวิดีโอแล้วถามว่า "เท่าที่พวกเราทราบมา คนที่อยู่ในวิดีโอคือเซี่ยเทาพ่อของคุณ ตอนนี้เขาอยู่ห้องข้าง ๆ คุณจะอธิบายสิ่งที่เขาพูดว่ายังไงล่ะ?" เสี่ยวอิ๋งสูดลมหายใจลึก ๆ พลางผุดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ฉันไม่รู้หรอกค่ะ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ทำไมคุณถึงไม่ถามเขาเองล่ะคะ?" "แน่นอนว่าพวกเราย่อมต้องถามเขาอยู่แล้ว แต่คุณเป็นลูกสาวของเขา คุณจะไม่รู้เรื่องนี้เลยเชียวเหรอ?" เซี่ยอิ่งลูบคางพลางครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้วจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า "จริงด้วยสิ! ดูเหมือนเขาจะเคยบอกว่าทำความผิดร้ายแรงบางอย่างแล้วอยากจะหนีไป! ฉันถามเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขาก็ไม่ยอมบอกอะไรเลยแถมยังบอกว่ายิ่งฉันรู้ให้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี! วันหน้าให้ฉันดูแลตัวเองให้ดี ๆ..." "พูดต่อไปสิ" "จากนั้น
"จะวิธีอะไร ฉันก็อยากลองดูทั้งนั้น!" เสี่ยวอิ๋งเอ่ยโดยไม่ลังเล "ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก! วิธีไหนฉันก็อยากจะลองดู!" เย่เจี้ยนเหอเงยหน้ามองเธอแล้วพูดเสียงเย็นชาว่า "โยนความผิดเรื่องทั้งหมดนี้ให้พ่อของเธอแบกรับไว้!" เมื่อเสี่ยวอิ๋งได้ยินเช่นนี้ ศีรษะของเธอก็ส่งเสียงอื้ออึง! ตอนแรกสังเวยคุณย่าไปแล้ว ตอนนี้ถึงทีพ่อของเธอแล้วงั้นเหรอ? เย่เจี้ยนเหอจ้องมองเธอ "ไม่มีเวลาคิดแล้ว จะตกลงหรือจะติดคุก!" "ฉันตกลง! ฉันตกลงค่ะ! ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก คุณอยากให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!" เสี่ยว อิ๋งผงกศีรษะซ้ำไปซ้ำมา เย่เจี้ยนเหอจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า "เดี๋ยวฉันจะเรียกทนายเข้ามา พวกเขาจะบอกเธอว่าต้องพูดหรือทำอะไร จากนั้นเธอก็แค่รอให้ตำรวจเรียกตัว" เสี่ยวอิ๋งผงกศีรษะ "ฉะ...ฉันเข้าใจแล้วค่ะ" พอกลับมาถึงบ้าน เสี่ยวอิ๋งก็เจอพ่อของเธอ เมื่อทั้งสองคนสบตากัน ดวงตาของเสี่ยวอิ๋งก็ฉายแววน่าหวาดกลัว เซี่ยเทาก็รู้ได้โดยไม่ต้องคิดเลย ลูกสาวของเขารู้เรื่องแล้ว "เสี่ยวอิ๋ง พ่อทำอาหารให้ลูกกินด้วยนะ ดูสิ..." "กินบ้าอะไรเล่า!" เสี่ยวอิ๋งพลันควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ขึ้นมาทันที! เธอร
ในสถานการณ์เช่นนี้ ขืนเสี่ยวอิ๋งมัวแต่เข้าไปพัวพันคงได้จบเห่กันพอดี การเก็บเธอไว้น่าจะยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง เสี่ยวอิ๋งเองก็เป็นคนฉลาดจึงผงกศีรษะแล้ววิ่งออกทางประตูหลัง... เย่เซียวคิดจะเข้าไปขวาง แต่กลับถูกหลี่ชิงเฟิงห้ามเอาไว้ "ไม่ต้องไล่ตามหรอก วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของหวังเจิ้น อย่าทำอะไรน่าเกลียดเกินไปเท่านี้ก็พอแล้ว" เย่เซียวพยักหน้าแล้วยืนอยู่ข้างหลังโดยไม่พูดอะไรสักคำ ในตอนนี้เอง ปี้ไห่เทาก็เดินยิ้มเข้ามา "เหล่าหวัง วันนี้ฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะ! ทั้ง ๆ ที่เป็นงานเลี้ยงวันเกิดดี ๆ ที่นายควรจะมีความสุขแท้ ๆ แต่กลับลงเอยแบบนี้เสียได้..." หวังเจิ้นถอนหายใจ "ช่างเถอะ" "เหล่าหวัง ตระกูลเย่ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกหอการค้าเทียนเหมินของพวกเรา เย่เจี้ยนเหอดันพานังคนชั้นต่ำแบบนั้นมาเสียได้ กลับไปเมื่อไหร่ฉันย่อมต้องตำหนิเขาแน่! ฉันจะทำให้เขาจำให้ขึ้นใจเชียวล่ะ! เมื่อพวกเรากลับถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่ ไห่เทาย่อมต้องมาขอขมาของแน่นอน" หวังเจิ้นโบกมือ "คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ช่างมันเถอะ ผมไม่ถือสาหรอก" ปี้ไห่เทาพยักหน้าพลางขยิบตาให้เย่เจี้ยนเหอ จากนั้นพวกเขาสองคนก็ก้าวเดินจากไป ขณ
เสี่ยวอิ๋งโมโหจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว เธอชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วด่ากราดว่า "แกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน! คู่ควรที่จะมอบของขวัญให้ฉันแล้วงั้นเหรอ?" "หุบปากไปซะ พ่อตาของแกโดนซ้อมขนาดนั้น เขยอย่างแกไม่กล้าแม้แต่จะผายลมเสียด้วยซ้ำไป! แกยังกล้ามาก่อเรื่องที่นี่อีกงั้นรึ?" "ถ้าฉันเป็นแกล่ะก็ คงได้โหม่งเสาโทรศัพท์ตายไปแล้ว!" "ไร้ยางอายสิ้นดี!" เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งหน้าแดงก่ำและลำคอแข็ง หลี่ชิงเฟิงกลับยิ่งขบขันพลางกล่าวว่า "ฉันคิดว่าเธอต่างหาก มั้งที่น่าจะเป็นฝ่ายโหม่งเสาโทรศัพท์?" ทันทีที่เขาพูดจบ หน้าจอขนาดยักษ์ข้างหลังล็อบบี้ก็พลันสว่างขึ้น! หลังจากนั้นไม่กี่วินาที แสงก็สลัวลงแล้ววิดีโอก็เริ่มฉายบนหน้าจอขนาดยักษ์ เมื่อเสี่ยวอิ๋งหันหน้าไป สิ่งแรกที่เธอเห็นก็คือเซี่ยเทาที่กำลังนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง โดยมีสาวสวยอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธออยู่ข้างกาย! หึ่ง! เสี่ยวอิ๋งศีรษะจวนจะระเบิดอยู่แล้ว! เธอได้แต่ยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น! มันเป็นวิดีโอที่ก่อนหน้านี้หลี่ชิงเฟิงถ่ายเอาไว้นั่นเอง! เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งนิ่งงันไป หลี่ชิงเฟิงก็นิ้มแล้วพูดเสียงดังขึ้นมาว่า "ทุกท่าน ผู้ชายที่อยู่ในวิดี
เงินหลายล้านบาทไม่ได้จ่ายไปโดยไร้ประโยชน์แล้ว! ศาสตราจารย์เฒ่าโดนเขาหลอกเข้าแล้วจริง ๆ! เสี่ยวอิ๋งเองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทันใดนั้นก็ยิ้มพลางชี้นิ้วมาที่หลี่ชิงเฟิง "ตอนนี้แกจะว่ายังไงเล่า? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าแจกันของแกมันเป็นของปลอม!" "น่าตลกชะมัดเลย! ฉันเสนอทางออกให้ แต่แกกลับยืนกรานที่จะขุดหลุมฝังตัวเองให้ได้! ไม่มีใครห้ามแกได้เลย!" เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มจาง ๆ แล้วหันมามองศาสตราจารย์หลี่พลางพูดว่า "ศาสตราจารย์หลี่ ช่วยดูขอองผมอีกสักครั้งเถอะครับ" คาดไม่ถึงว่าศาสตราจารย์หลี่จะส่ายหน้าแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า "ไม่ต้องดูหรอก" เซี่ยอิ่งหัวเราะพลางกล่าวว่า "แจกันใบนั้นของแกมันปลอมชัดเจนเกินไป! ศาสตราจารย์หลี่ไม่มองให้เสียสายตาหรอก!" ในยามนี้เอง ศาสตราจารย์หลี่ก็เหลือบมองเธอแล้วสายหน้า "สาวน้อย ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อย ฉันยังพูดไม่ทันจบเลย ถึงแม้ว่าแจกันใบนี้จะฝีมือยอดเยี่ยมจนเกือบจะสมบูรณ์แบบ แต่มันเป็นของปลอมจริง ๆ" "ส่วนแจกันของคุณหลี่ ทันทีที่เข้ามาผมก็เห็นแล้วล่ะ มันเป็นของจริง ดังนั้นผมจึงไม่ต้องตรวจดูเลย" หลังจากศาสตราจารย์หลี่พูดจบ ทั้งห้องก็เ
ไม่มีใครคาดคิดว่าหลี่ชิงเฟิงจะมีท่าทีแข็งกร้าวเช่นนั้น! ปี้ไห่เทาที่คอยสังเกตการณ์อยู่ข้าง ๆ แอบรู้สึกว่าชักไม่ได้การเสียแล้ว หลี่ชิงเฟิงคนนี้ดูไม่เหมือนเขยไร้ประโยชน์อย่างที่ข่าวร่ำลือกันเอาไว้เลยสักนิด การที่ยังสามารถสงบนิ่งได้ในภาวะคับขันเช่นนั้น มิหนำซ้ำยังพูดจาเสียคล่องปากและท่าทีเจ้าแผนการของอีกฝ่าย เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนแบบนี้จะเป็นเขยไร้ประโยชน์ไปได้ สิ่งที่น่าสงสัยมากที่สุดคือ ต่อให้อีกฝ่ายจะก่อเรื่องเช่นนั้น แต่หวังเจิ้นที่อยู่ข้าง ๆ กลับไม่มีวี่แววที่จะโมโหเลยสักนิด พวกเขาต่างอาศัยอยู่ในเมืองหลวง เขาเองก็รู้นิสัยของหวังเจิ้น อีกฝ่ายไม่ใช่ตาเฒ่าที่นิสัยดิบดีอะไรเลย พอปี้ไห่เทานึกได้เช่นนี้ เขาก็ทอดสายตามองเย่เจี้ยนเหออีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสายตาหลุกหลิกอยู่บ้าง เขาก็พอจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ดูเหมือนว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบนี้จะมีบางอย่างผิดปกติจริง ๆ เสียด้วย ตอนนี้เย่เซียวยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมเจตนาสังหารอันแรงกล้า! เย่เจี้ยนเหอกับเสี่ยวอิ๋งหวาดกลัวจนไม่กล้าขยับตัวไปชั่วขณะ ไม่นานปี้ไห่เทาก็ลุกขึ้นแล้วมองหลี่ชิงเฟิงด้วยสายตาเย็นชา "ทำแบบนี้
"ฉุดเศรษฐกิจให้ดิ่งลงเหวงั้นรึ? ถ้าทุกคนทำตัวเป็นไอ้เศษสวะชอบหลอกกินข้าวนิ่มอย่างแก ประเทศชาติก็คงจะพินาศไปตั้งนานแล้ว!" "ช่างน่าหัวเราะสิ้นดี! แกมันก็แค่มดปลวกตัวหนึ่งแท้ ๆ กล้าดียังไงถึงได้มาหัวเราะเยาะใส่พวกเรา?" ในตอนนี้เอง จู่ ๆ หวังเจิ้นที่เอาแต่เงียบมาจนถึงตอนนี้ก็ตบโต๊ะ! ทุกคนพลันหุบปากฉับ! หวังเจิ้นแววตามืดมน เขาเหลือบมองทุกคนแล้วเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาว่า "พวกคุณหมายความว่ายังไงกัน? คิดจะก่อจลาจลในงานเลี้ยงวันเกิดของผมรึไง? พวกคุณไม่เห็นแก่หน้าผมเลย! คิดจะทำอะไรกันแน่!" เมื่อหวังเจิ้นโกรธขึ้นมา แม้แต่ปี้ไห่เทาก็ยังไม่กล้าล่วงเกิน นับประสาอะไรกับพวกเขากันเล่า "เหล่าหวัง ได้โปรดใจเย็นลงก่อนเถอะ เอาแบบนี้เป็นยังไง เพื่อจะได้รู้ว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบไหนเป็นของจริงใบไหนเป็นของปลอม คุณก็แค่เชิญผู้เชี่ยวชาญให้มาประเมินก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" "คุณเองคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงของเก่ามานานหลายปี เช่นนั้นก็น่าจะรู้จักผู้เชี่ยวชาญในวงการนี้เยอะอยู่บ้างใช่ไหมล่ะ?" หวังเจิ้นถอนหายใจพลางพยักหน้าแล้วพูดว่า "ก็ได้! ในเมื่อพวกคุณอยากเถียงกันดีนัก งั้นก็มาทำให้เรื่องนี้กระจ่างกันไปเลย
หลังจากหลี่ชิงเฟิงพูดจบ ทุกคนก็ตะลึงงันไปชั่วขณะแล้วหัวเราะลั่น! เสี่ยวอิ๋งกับเย่เจี้ยนเหอหัวเราะอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง จากนั้นพวกเขาก็ชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วพูดว่า "แกมันขี้โม้จนไม่เลือกเวลาจริง ๆ พับผ่าสิ! ลำพังแค่คุยโวโอ้อวดต่อหน้าพ่อตาโง่ ๆ ของแกไม่พอ แต่ยังจะมาคุยโวโอ้อวดต่อหน้าพวกเราอีกงั้นเหรอ?" ปี้ไห่เทาที่อยู่อีกด้านเองก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยแววดูถูกดูแคลน "ลำพังแค่พวกเราคนใดคนหนึ่งก็ผ่านโลกมามากกว่าแกถึงสิบชาติภพรวมกันเสียอีก แกกล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ คิดว่าพวกเราโง่หรือไงกัน?" "ผ่านโลกมามาก? คุณคิดว่าตัวเองผ่านโลกมามากแล้วงั้นรึ?" หลี่ชิงเฟิงยิ้มเหยียดหยันพลางเอ่ยเสียงทุ้มลึก "วันนี้ผมจะช่วยเปิดโลกทัศน์ของคุณเองก็แล้วกัน เย่เซียว เอาของขวัญของพวกเราออกมา" เย่เซียวผงกศีรษะ จากนั้นเขาก็หยิบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนออกมาจากกล่องแล้ววางลงต่อหน้าทุกคน ทันทีที่พวกเขาเห็นแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวน ทุกคนก็ถูกแจกันใบนั้นดึงดูดความสนใจเข้าแล้วจริง ๆ เย่เจี้ยนเหอหน้าถอดสีแล้วตรวจสอบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนโดยละเอียดถี่ถ้วนแล้วให้รู้สึกสับสน ฝีมือช่างวิจิตรประณีตนัก!
เย่เจี้ยนเหอยิ้มเหยียดหยัน "แกคิดจะแข่งกับฉันงั้นรึ? ก็ได้ ฉันจะเอาออกมาให้แกได้เปิดหูเปิดตาก็แล้วกัน ฉันขอพนันเลยว่าชั่วชีวิตแกน่าจะได้เห็นเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ" หลังจากเย่เจี้ยนเหอพูดจบก็ดีดนิ้ว จากนั้นผู้ช่วยคนงามที่อยู่ข้างหลังก็รีบเดินเข้ามา ของขวัญของอีกฝ่ายเองก็อยู่ในกล่อง มิหนำซ้ำยังมีขนาดพอ ๆ กับของเขาอีกต่างหาก เย่เจี้ยนเหอยิ้มอวดดีแล้วพูดว่า "มหาเศรษฐีหวัง ผมได้ยินมาว่าคุณชอบสะสมของเก่ามากทีเดียว ดังนั้นผมจึงสั่งให้เพื่อนที่อยู่ต่างประเทศประมูลของสิ่งนี้มาให้คุณเป็นพิเศษ เชิญดูเอาเองเถอะครับ!" หลังจากพูดจบ ผู้ช่วยสาวก็เปิดกล่องแล้วสายตาของทุกคนก็ทอดมองมาที่มือของผู้ช่วยสาว! แจกันลายครามใบหนึ่งค่อย ๆ เผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา! เมื่อหลี่ชิงเฟิงเห็นแจกันใบนี้ก็ถึงกับตะลึงงัน... ช่างเหมือนกับแจกันลายครามที่เขาซื้อมาไม่มีผิดเพี้ยนเลย! เขาเหลือบมองเย่เซียวที่อยู่ข้างหลังโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเย่เซียวก็เอ่ยกระซิบข้างหูว่า "เป็นของปลอมแน่ ๆ ครับ" ในยามนี้เอง เย่เจี้ยนเหอก็หยิบแจกันขึ้นมาแล้วเดินมาอยู่ตรงหน้าทุกคนแล้วพูดเสียงดังว่า "แจกันลายครามสมัยราชวงศ์ห