เซี่ยเทามองลูกสาวของตนเองด้วยสีหน้าเกินจะกล่าว ราวกับว่าเขาได้ยินเรื่องน่าเหลือเชื่อเข้าให้ ตระกูลเย่? เรื่องนี้จะเป็นไปได้อย่างไรกัน? ตระกูลเย่จะช่วยพวกเราไปทำไมกัน? เสี่ยวอิ๋งคาดเดาสิ่งที่คุณพ่อของตัวเองกำลังคิดได้จึงรีบเอ่ยขึ้นมาว่า "ตระกูลเย่คิดจะโค่นล้มเทียนชื่อกรุ๊ปมานานหลายปีแล้ว พวกเรามีเป้าหมายเดียวกันค่ะ! ถ้าหากเทียนชื่อกรุ๊ปเข้ายึดครองกิจการของตระกูลเซี่ย ย่อมไม่ใช่ผลดีต่อพวกเขาแน่!" "เชื่อหนูสิคะ คราวนี้ไปขอความช่วยเหลือพวกเขาต้องได้ผลแน่ ๆ!" เซี่ยเทาโบกมือพลางกล่าวว่า "ช้าก่อน เทียนชื่อกรุ๊ปมีซิวหลัวกรุ๊ปคอยหนุนหลังอยู่! เช่นนั้น..." เสี่ยวอิ๋งรีบพูดขัดจังหวะขึ้นมาทันที "พ่อคะ! จนป่านนี้แล้ว พ่อยังไม่เข้าใจอีกเหรอคะ? ซิวหลัวกรุ๊ปที่ว่าเป็นแค่เรื่องที่จ้าวเทียนชื่ออุปโลกน์ขึ้นมาสร้างอำนาจปลอม ๆ เท่านั้น!" "ถ้ามีซิวหลัวกรุ๊ปอยู่จริง ๆ ทำไมพวกเขาถึงไม่ปรากฎตัวเลยเล่า?" "แถมหลี่ชิงเฟิงนั่น มันก็ไม่ใช่ตัวแทนของนายท่านซิวหลัวหรอก มันเป็นแค่ไอ้ขี้แพ้ที่ทำงานให้จ้าวเทียนชื่อต่างหากล่ะ!" เมื่อได้ยินเสี่ยวอิ๋งกล่าวเช่นนี้ เซี่ยเทาก็พลันตระหนักขึ้นมาได้ เมื่อหวนระลึ
"กลับไปเถอะครับ เรื่องนี้ผมช่วยอะไรคุณไม่ได้หรอก ผมเกรงว่าคุณคงจะไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเทียนชื่อกรุ๊ป" เย่เจี้ยนเหอโบกมือซึ่งนับได้ว่าเป็นคำสั่งไล่แขก เซี่ยเทารีบลุกพรวดขึ้นมา "ซิวหลัวกรุ๊ปน่ะเหรอ?" เย่เจี้ยนเหอชะงักงันแล้วมองเขาด้วยสายตาสนอกสนใจ "เช่นนั้นคุณก็รู้เหมือนกัน งั้นคุณจะมาหาผมทำไมเล่า? ผมเคยสัมผัสกับพลังอำนาจของซิวหลัวกรุ๊ปมาแล้ว ถ้าคุณอยากจะตายนักล่ะก็ อย่ามาลากผมไปเกี่ยวด้วยเลย" "นายน้อยเย่ ฟังผมอธิบายก่อนสิ!" เซี่ยเทาพยายามถ่ายทอดสิ่งที่ลูกสาวของตนพูดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ให้เย่เจี้ยนเหอฟังอย่างสุดกำลัง หลังจากเย่เจี้ยนเหอได้ยินเช่นนี้ เขาก็เอามือแตะคางพลางครุ่นคิด หรือว่าจ้าวเทียนชื่อจะอุปโลกน์ซิวหลัวกรุ๊ปขึ้นมาเพื่อให้ผู้คนหวาดกลัวจริง ๆ? ไม่น่าจะใช่หรอก! "ผมเคยเห็นคนของซิวหลัวกรุ๊ปมาที่คฤหาสน์ของพวกเรา คุณจะอธิบายเรื่องนี้ว่ายังไงเล่า?" เย่เจี้ยนเหอถาม เซี่ยเทาถึงกับถอนหายใจ "นายน้อยเย่ คุณจะแน่ใจได้ยังไงว่าจะใช่ตัวจริง? ลำพังด้วยอิทธิพลและเงินตราของจ้าวเทียนชื่อ การจ่ายเงินเพื่อสร้างเรื่องหลอกลวงจจะมีปัญหาอะไรนัก? มันกำลังเดินหมากกระดานใหญ่เลยเชียว
เซี่ยเทาตะลึงงัน แพะรับบาป? ญาติที่ไม่สลักสำคัญอะไร? เขาเกาศีรษะพลางเอ่ยเสียงเบาว่า "จะไปมีญาติที่ไม่สลักสำคัญอะไรได้ยังไงกันล่ะครับ? ตอนนี้ที่บ้านเหลือแค่ตัวผม คุณแม่แล้วก็ลูกสาวของผม..." "เซี่ยเซียนอินกับคนอื่นต่างหากที่ไร้ความสำคัญ ทว่ายามนี้กลับไม่ลงรอยกันและสู้กันถึงตายเลยเชียวล่ะ!" ทนายทั้งสามคนส่ายหน้าด้วยความอับจนหนทาง "ถ้าคุณหาคนที่เหมาะสมได้ พวกเราสามคนก็ยังช่วยจัดการให้คุณด้วย แต่ถ้าคุณหาไม่ได้ ผมก็ต้องขอโทษด้วย พวกเราคงทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ" หลังจากเซี่ยเทาได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด เขาก็ขยุ้มผมด้วยความร้อนใจ ทุกอย่างกำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น ตอนนี้เขากลับต้องละทิ้งความพยายามก่อนหน้านี้งั้นเหรอ? กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง~ ในยามนี้เอง โทรศัพท์มือถือของเซี่ยเทาก็ดังขึ้น เขารับสายเมื่อเห็นว่าเป็นหมอจากโรงพยาบาลที่โทรมา "สวัสดีครับ" "คุณเซี่ย ผมมีข่าวดีแจ้งให้ทราบครับ นายหญิงผู้เฒ่าฟื้นแล้วครับ" หมอเอ่ยเสียงเบา "จริงเหรอครับ! คุณแม่ของผมฟื้นแล้ว!" เซี่ยเทาลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้น "ท่านเป็นยังไงบ้างครับ? ท่านไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมครับ?" หมอเงียบไปชั่วขณะแล้วพูดว่า "ผ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็เจอเสี่ยวอิ๋งอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะผลกระทบทางจิตหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าเสี่ยวอิ๋งจะซูบซีดไปมากทีเดียว! "พ่อคะ? เป็นยังไงบ้าง? หนูจะออกไปได้เมื่อไหร่" เสี่ยวอิ๋งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เซี่ยเทาก้มหน้าแล้วพลางกัดฟันเล่าเรื่องนี้ให้เสี่ยวอิ๋งฟัง "ลูกเอ๋ย สถานการณ์เป็นแบบนี้แล้ว พ่อไม่รู้จริง ๆ ว่าควรจะทำยังไงดี ช่วยบอกพ่อทีเถอะ" เซี่ยเทาร้องไห้ เสี่ยวอิ๋งจึงรีบเอ่ยขึ้นมาว่า "จะลังเลไปทำไมกันคะ! คุณย่าจะอยู่ได้สักกี่ปีเชียว? ส่วนหนูยังเด็กอยู่มาก! แน่นอนว่าคุณพ่อต้องเลือกหนูอยู่แล้วสิ!" เมื่อเซี่ยเทาได้ยินเช่นนี้ เขาก็มองเสี่ยวอิ๋งด้วยความไม่อยากเชื่อสายตา ถึงแม้ว่าเขาจะมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว แต่เขาก็ไม่คาดคิดเลยว่าเสี่ยวอิ๋งจะพูดออกมาอย่างหน้าชื่นตาบานเช่นนั้น เสี่ยวอิ๋งมีสีหน้าตื่นเต้นแล้วเอ่ยขึ้นทีละคำ ๆ ว่า "ลองคิดดูสิคะ วันหน้าใครจะคอยดูแลพ่อ? พ่อยังไม่ได้คิดบัญชีเลยไม่ใช่เหรอคะ?" "พ่อฟังหนูนะคะ หนูจะโยนความผิดทุกอย่างให้คุณย่า เรื่องนี้ก็เป็นอันจบ!" "พ่อคงไม่คิดจะให้ลูกสาวตัวเองติดแหง็กอยู่ที่นี่ตลอดไปใช่ไหมคะ?" เมื่อเซี่ยเทาหายตกใ
เมื่อเซี่ยหมิงจื้อหันกลับมาก็หน้าเปลี่ยนสีไปมาก! เขาเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายด้วยท่าทางน่าเกรงขาม! คราวนี้เซี่ยหมิงจื้อรู้สึกสับสนอยู่บ้าง "พะ...พวกคุณจะทำอะไรน่ะ? เกิดเรื่องอะไรงั้นเหรอครับ?" เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ข้างหน้าสุดเดินเข้ามาหาเซี่ยหมิงจื้อแล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา "คุณเป็นอะไรกับเฝิงเสี่ยวฮว๋า?" เซี่ยเทาเหลือบมองมาที่คุณแม่ของตน ท่านมีชื่อจริงว่าเฝิงเสี่ยวฮว๋า... "ทะ...ท่านเป็นคุณแม่ของผมเองครับ" "ตอนนี้เธอตกเป็นผู้ต้องสงสัยเรื่องลักพาตัวเด็ก ค้ามนุษย์และขู่กรรโชก พวกเราจึงคิดจะพาตัวเธอกลับไปด้วย" ศีรษะของเซี่ยเทาส่งเสียงดังอื้ออึง! คุณแม่กลายเป็นเช่นนี้ ท่านจะไปลักพาตัวและขู่กรรโชกได้ยังไงกันเล่า? จู่ ๆ เขาก็นึกถึงเซี่ยอิ่งขึ้นมา พลางบังเกิดสังหรณ์ร้ายขึ้นมาในใจ! ตอนที่เขารู้สึกตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ผลักรถเข็นเอาตัวคุณแม่ของเขาไป "ไม่นะ! อย่าเพิ่งไปสิ!" เซี่ยหมิงจื้อไม่สนใจผลที่ตามมา ดังนั้นเขาจึงรีบไปที่ประตูแล้วขวางเอาไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ข้างหน้าสุดจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา "คุณครับ ทำแบบนี้หมายความว่ายังไงกันครับ? รู้ไหมครับว่าผมสามารถ
"ยกมือขึ้น!" หลี่ชิงเฟิงมีสีหน้าโกรธจัดพลางกำหมัดแน่น พร้อมที่จะลงไม้ลงมืออย่างเห็นได้ชัด ในยามนี้เอง เซี่ยหมิงจื้อก็ร้องตะโกนขึ้นมาทันทีว่า "แกจะทำอะไรน่ะ! บ้าไปแล้วรึไง? แกกำลังขัดขืนการจับกุมอยู่นะ!" "แกมันโง่เง่า! เอามือลงเดี๋ยวนี้เลยนะ!" เซี่ยหมิงจื้อโกรธจัดเช่นกัน เดิมทีเขาคิดจะให้อีกฝ่ายออกไปส่งข่าวให้ครอบครัวของตัวเองรู้ ทว่ายามนี้ทั้งคู่ถูกลากเข้าไปพัวพันเสียแล้ว หลี่ชิงเฟิงไม่ขัดขืนแล้วปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใส่กุญแจมือ จากนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็ถูกผลักขึ้นรถตำรวจไปตามระเบียบ ครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองคนก็ถูกขังเอาไว้ในสถานีตำรวจ เซี่ยหมิงจื้อมองหลี่ชิงเฟิงก็ให้รู้สึกโมโหจนเข็ดฟัน เขาอยากจะวิ่งเข้าไปตบอีกฝ่ายสักสองฉาดนัก! หลี่ชิงเฟิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งกำลังนั่งหลับตาอยู่ตรงนั้น พลางรู้สึกสบายใจยิ่งนักราวกับว่าเขาอยู่ที่บ้าน เซี่ยหมิงจื้อโมโหเสียจนถอดรองเท้าแล้วปาใส่เขา! หลี่ชิงเฟิงคว้ารองเท้าเอาไว้แล้วขมวดคิ้ว "พ่อครับ พ่อทำอะไรน่ะ?" "ฉันทำอะไรน่ะเหรอ? ในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่าแกไม่เพียงแต่เป็นเศษสวะ! แกมันยังเป็นลาโง่อีกด้วย!" "เมื่อสักครู่นี้แกจะตอบโต้ไป
เมื่อเซี่ยหมิงจื้อได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกหวาดกลัวจนหน้าถอดสี! เขารีบคว้าลูกกรงเอาไว้พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า "เซี่ยอิ่ง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเด็ก! อย่าได้ลากเข้าไปพัวพัน!" เสี่ยวอิ๋งยิ้มมีเลศนัย จากนั้นก็หันหลังเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ "เซี่ยอิ่ง! กลับมาสิ! กลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!" เซี่ยหมิงจื้อตะโกนอยู่หลายครั้ง แต่กลับไม่มีเสียงตอบกลับมาเลย เขาเดินวนไปเวียนมาด้วยความร้อนใจ ในที่สุดสายตาก็ทอดมองมาที่หลี่ชิงเฟิง เมื่อเห็นว่าหลี่ชิงเฟิงยังคงสงบนิ่ง โทสะก็ปะทุขึ้นในใจอีกครั้ง! "แกในไอ้ตัวไร้ประโยชน์! ช่างไร้ประโยชน์จริง ๆ!" "โต้วโต่วเป็นลูกสาวของแกนะ! ทำไมแกถึงยังไม่คิดหาทางออกอีกเล่า! เซี่ยอิ่งนังบ้านั่นอาจจะทำอะไรสักอย่างก็ได้!" เซี่ยเทาตีอกชกหัวด้วยความกังวลใจ "ฉันล่ะไม่เข้าใจเอาเสียเลยว่าลูกสาวฉันหลงรักไอ้ขี้แพ้อย่างแกลงไปได้ยังไงกัน!" ทันทีที่เขาพูดจบ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นตรงทางเดิน! เมื่อเซี่ยหมิงจื้อตั้งใจเงี่ยหูฟังก็พบว่าคราวนี้มีผู้คนมากมาย อีกทั้งส่วนใหญ่ยังเป็นเสียงรองเท้าหนังบุรุษอีกด้วย ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร เจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มหนึ่งก็มาย
เมื่อเซี่ยหมิงจิ้อเปิดประตูก็เห็นหร่วนเหมย เซี่ยเซียนอินกับโต้วโต่วนั่งหลับอยู่บนโซฟา เมื่อเซี่ยเซียนอินได้ยินเสียงประตูเปิด เธอก็พลันลุกขึ้นทันที "ชิงเฟิง พ่อคะ! ไปที่ไหนกันมา!" "หนูโทรไม่ไม่เห็นมีใครรับสายเลย เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอคะ?" เซี่ยเซียนอินร้อนใจเสียจนแทบร้องไห้อยู่แล้ว หลี่ชิงเฟิงจึงรีบกอดศีรษะและปลอบโยนเธออยู่นาน เซี่ยหมิงจื้อนั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าหม่นคล้ำพลางสูบบุหรี่ไปด้วย ใบหน้าแทบจะเขียนคำว่า "กังวลใจ" เอาไว้บนนั้นอยู่แล้ว "เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอ?" "หลี่ชิงเฟิงบอกฉันมาสิ!" หร่วนเหมยไม่เข้าใจเซี่ยหมิงจื้อเลยจริง ๆ ดังนั้นเธอจึงจ้องหน้าหลี่ชิงเฟิงเขม็งเพราะต้องการคำอธิบาย หลี่ชิงเฟิงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตามลำดับเหตุการณ์ หลังจากเซี่ยเซียนอินกับหร่วนเหมยได้ยินเข้า พวกเธอต่างก็ตะลึงงันไป... พวกเขารู้นิสัยของเซี่ยอิ่งดี เธอเป็นคนประเภทที่มีแค้นต้องชำระและไม่เคยไว้หน้าใครอยู่แล้ว! เซี่ยเซียนอินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ปะ...เป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน? หลักฐานตั้งมากมายขนาดนั้น เธอ..." หลี่ชิงเฟิงยิ้มเยาะพลางกล่าวว่า "มีคนช่วยเธออยู่เบื้องหลังน่ะ
"พ่อไม่ไปนะ!" จู่ ๆ เซี่ยเทาก็แผดเสียงร้องพลางกระโดดข้ามโซฟาแล้ววิ่งไปที่ประตูหลัง! เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายตอบสนองว่องไว! เพียงก้าวเดียวก็ประชิดตัวพลางจับเขากดลงกับพื้นแล้วบังคับสวมกุญแจมือ สิบนาทีต่อมา ภายในห้องสอบสวน เสี่ยวอิ๋งนั่งหน้าเครียดอยู่ตรงนั้นพร้อมด้วยความคิดมากมาย ตำรวจที่อยู่ฝั่งตรงข้ามดูวิดีโอแล้วถามว่า "เท่าที่พวกเราทราบมา คนที่อยู่ในวิดีโอคือเซี่ยเทาพ่อของคุณ ตอนนี้เขาอยู่ห้องข้าง ๆ คุณจะอธิบายสิ่งที่เขาพูดว่ายังไงล่ะ?" เสี่ยวอิ๋งสูดลมหายใจลึก ๆ พลางผุดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ฉันไม่รู้หรอกค่ะ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ทำไมคุณถึงไม่ถามเขาเองล่ะคะ?" "แน่นอนว่าพวกเราย่อมต้องถามเขาอยู่แล้ว แต่คุณเป็นลูกสาวของเขา คุณจะไม่รู้เรื่องนี้เลยเชียวเหรอ?" เซี่ยอิ่งลูบคางพลางครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้วจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า "จริงด้วยสิ! ดูเหมือนเขาจะเคยบอกว่าทำความผิดร้ายแรงบางอย่างแล้วอยากจะหนีไป! ฉันถามเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขาก็ไม่ยอมบอกอะไรเลยแถมยังบอกว่ายิ่งฉันรู้ให้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี! วันหน้าให้ฉันดูแลตัวเองให้ดี ๆ..." "พูดต่อไปสิ" "จากนั้น
"จะวิธีอะไร ฉันก็อยากลองดูทั้งนั้น!" เสี่ยวอิ๋งเอ่ยโดยไม่ลังเล "ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก! วิธีไหนฉันก็อยากจะลองดู!" เย่เจี้ยนเหอเงยหน้ามองเธอแล้วพูดเสียงเย็นชาว่า "โยนความผิดเรื่องทั้งหมดนี้ให้พ่อของเธอแบกรับไว้!" เมื่อเสี่ยวอิ๋งได้ยินเช่นนี้ ศีรษะของเธอก็ส่งเสียงอื้ออึง! ตอนแรกสังเวยคุณย่าไปแล้ว ตอนนี้ถึงทีพ่อของเธอแล้วงั้นเหรอ? เย่เจี้ยนเหอจ้องมองเธอ "ไม่มีเวลาคิดแล้ว จะตกลงหรือจะติดคุก!" "ฉันตกลง! ฉันตกลงค่ะ! ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก คุณอยากให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!" เสี่ยว อิ๋งผงกศีรษะซ้ำไปซ้ำมา เย่เจี้ยนเหอจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า "เดี๋ยวฉันจะเรียกทนายเข้ามา พวกเขาจะบอกเธอว่าต้องพูดหรือทำอะไร จากนั้นเธอก็แค่รอให้ตำรวจเรียกตัว" เสี่ยวอิ๋งผงกศีรษะ "ฉะ...ฉันเข้าใจแล้วค่ะ" พอกลับมาถึงบ้าน เสี่ยวอิ๋งก็เจอพ่อของเธอ เมื่อทั้งสองคนสบตากัน ดวงตาของเสี่ยวอิ๋งก็ฉายแววน่าหวาดกลัว เซี่ยเทาก็รู้ได้โดยไม่ต้องคิดเลย ลูกสาวของเขารู้เรื่องแล้ว "เสี่ยวอิ๋ง พ่อทำอาหารให้ลูกกินด้วยนะ ดูสิ..." "กินบ้าอะไรเล่า!" เสี่ยวอิ๋งพลันควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ขึ้นมาทันที! เธอร
ในสถานการณ์เช่นนี้ ขืนเสี่ยวอิ๋งมัวแต่เข้าไปพัวพันคงได้จบเห่กันพอดี การเก็บเธอไว้น่าจะยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง เสี่ยวอิ๋งเองก็เป็นคนฉลาดจึงผงกศีรษะแล้ววิ่งออกทางประตูหลัง... เย่เซียวคิดจะเข้าไปขวาง แต่กลับถูกหลี่ชิงเฟิงห้ามเอาไว้ "ไม่ต้องไล่ตามหรอก วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของหวังเจิ้น อย่าทำอะไรน่าเกลียดเกินไปเท่านี้ก็พอแล้ว" เย่เซียวพยักหน้าแล้วยืนอยู่ข้างหลังโดยไม่พูดอะไรสักคำ ในตอนนี้เอง ปี้ไห่เทาก็เดินยิ้มเข้ามา "เหล่าหวัง วันนี้ฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะ! ทั้ง ๆ ที่เป็นงานเลี้ยงวันเกิดดี ๆ ที่นายควรจะมีความสุขแท้ ๆ แต่กลับลงเอยแบบนี้เสียได้..." หวังเจิ้นถอนหายใจ "ช่างเถอะ" "เหล่าหวัง ตระกูลเย่ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกหอการค้าเทียนเหมินของพวกเรา เย่เจี้ยนเหอดันพานังคนชั้นต่ำแบบนั้นมาเสียได้ กลับไปเมื่อไหร่ฉันย่อมต้องตำหนิเขาแน่! ฉันจะทำให้เขาจำให้ขึ้นใจเชียวล่ะ! เมื่อพวกเรากลับถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่ ไห่เทาย่อมต้องมาขอขมาของแน่นอน" หวังเจิ้นโบกมือ "คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ช่างมันเถอะ ผมไม่ถือสาหรอก" ปี้ไห่เทาพยักหน้าพลางขยิบตาให้เย่เจี้ยนเหอ จากนั้นพวกเขาสองคนก็ก้าวเดินจากไป ขณ
เสี่ยวอิ๋งโมโหจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว เธอชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วด่ากราดว่า "แกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน! คู่ควรที่จะมอบของขวัญให้ฉันแล้วงั้นเหรอ?" "หุบปากไปซะ พ่อตาของแกโดนซ้อมขนาดนั้น เขยอย่างแกไม่กล้าแม้แต่จะผายลมเสียด้วยซ้ำไป! แกยังกล้ามาก่อเรื่องที่นี่อีกงั้นรึ?" "ถ้าฉันเป็นแกล่ะก็ คงได้โหม่งเสาโทรศัพท์ตายไปแล้ว!" "ไร้ยางอายสิ้นดี!" เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งหน้าแดงก่ำและลำคอแข็ง หลี่ชิงเฟิงกลับยิ่งขบขันพลางกล่าวว่า "ฉันคิดว่าเธอต่างหาก มั้งที่น่าจะเป็นฝ่ายโหม่งเสาโทรศัพท์?" ทันทีที่เขาพูดจบ หน้าจอขนาดยักษ์ข้างหลังล็อบบี้ก็พลันสว่างขึ้น! หลังจากนั้นไม่กี่วินาที แสงก็สลัวลงแล้ววิดีโอก็เริ่มฉายบนหน้าจอขนาดยักษ์ เมื่อเสี่ยวอิ๋งหันหน้าไป สิ่งแรกที่เธอเห็นก็คือเซี่ยเทาที่กำลังนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง โดยมีสาวสวยอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธออยู่ข้างกาย! หึ่ง! เสี่ยวอิ๋งศีรษะจวนจะระเบิดอยู่แล้ว! เธอได้แต่ยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น! มันเป็นวิดีโอที่ก่อนหน้านี้หลี่ชิงเฟิงถ่ายเอาไว้นั่นเอง! เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งนิ่งงันไป หลี่ชิงเฟิงก็นิ้มแล้วพูดเสียงดังขึ้นมาว่า "ทุกท่าน ผู้ชายที่อยู่ในวิดี
เงินหลายล้านบาทไม่ได้จ่ายไปโดยไร้ประโยชน์แล้ว! ศาสตราจารย์เฒ่าโดนเขาหลอกเข้าแล้วจริง ๆ! เสี่ยวอิ๋งเองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทันใดนั้นก็ยิ้มพลางชี้นิ้วมาที่หลี่ชิงเฟิง "ตอนนี้แกจะว่ายังไงเล่า? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าแจกันของแกมันเป็นของปลอม!" "น่าตลกชะมัดเลย! ฉันเสนอทางออกให้ แต่แกกลับยืนกรานที่จะขุดหลุมฝังตัวเองให้ได้! ไม่มีใครห้ามแกได้เลย!" เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มจาง ๆ แล้วหันมามองศาสตราจารย์หลี่พลางพูดว่า "ศาสตราจารย์หลี่ ช่วยดูขอองผมอีกสักครั้งเถอะครับ" คาดไม่ถึงว่าศาสตราจารย์หลี่จะส่ายหน้าแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า "ไม่ต้องดูหรอก" เซี่ยอิ่งหัวเราะพลางกล่าวว่า "แจกันใบนั้นของแกมันปลอมชัดเจนเกินไป! ศาสตราจารย์หลี่ไม่มองให้เสียสายตาหรอก!" ในยามนี้เอง ศาสตราจารย์หลี่ก็เหลือบมองเธอแล้วสายหน้า "สาวน้อย ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อย ฉันยังพูดไม่ทันจบเลย ถึงแม้ว่าแจกันใบนี้จะฝีมือยอดเยี่ยมจนเกือบจะสมบูรณ์แบบ แต่มันเป็นของปลอมจริง ๆ" "ส่วนแจกันของคุณหลี่ ทันทีที่เข้ามาผมก็เห็นแล้วล่ะ มันเป็นของจริง ดังนั้นผมจึงไม่ต้องตรวจดูเลย" หลังจากศาสตราจารย์หลี่พูดจบ ทั้งห้องก็เ
ไม่มีใครคาดคิดว่าหลี่ชิงเฟิงจะมีท่าทีแข็งกร้าวเช่นนั้น! ปี้ไห่เทาที่คอยสังเกตการณ์อยู่ข้าง ๆ แอบรู้สึกว่าชักไม่ได้การเสียแล้ว หลี่ชิงเฟิงคนนี้ดูไม่เหมือนเขยไร้ประโยชน์อย่างที่ข่าวร่ำลือกันเอาไว้เลยสักนิด การที่ยังสามารถสงบนิ่งได้ในภาวะคับขันเช่นนั้น มิหนำซ้ำยังพูดจาเสียคล่องปากและท่าทีเจ้าแผนการของอีกฝ่าย เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนแบบนี้จะเป็นเขยไร้ประโยชน์ไปได้ สิ่งที่น่าสงสัยมากที่สุดคือ ต่อให้อีกฝ่ายจะก่อเรื่องเช่นนั้น แต่หวังเจิ้นที่อยู่ข้าง ๆ กลับไม่มีวี่แววที่จะโมโหเลยสักนิด พวกเขาต่างอาศัยอยู่ในเมืองหลวง เขาเองก็รู้นิสัยของหวังเจิ้น อีกฝ่ายไม่ใช่ตาเฒ่าที่นิสัยดิบดีอะไรเลย พอปี้ไห่เทานึกได้เช่นนี้ เขาก็ทอดสายตามองเย่เจี้ยนเหออีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสายตาหลุกหลิกอยู่บ้าง เขาก็พอจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ดูเหมือนว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบนี้จะมีบางอย่างผิดปกติจริง ๆ เสียด้วย ตอนนี้เย่เซียวยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมเจตนาสังหารอันแรงกล้า! เย่เจี้ยนเหอกับเสี่ยวอิ๋งหวาดกลัวจนไม่กล้าขยับตัวไปชั่วขณะ ไม่นานปี้ไห่เทาก็ลุกขึ้นแล้วมองหลี่ชิงเฟิงด้วยสายตาเย็นชา "ทำแบบนี้
"ฉุดเศรษฐกิจให้ดิ่งลงเหวงั้นรึ? ถ้าทุกคนทำตัวเป็นไอ้เศษสวะชอบหลอกกินข้าวนิ่มอย่างแก ประเทศชาติก็คงจะพินาศไปตั้งนานแล้ว!" "ช่างน่าหัวเราะสิ้นดี! แกมันก็แค่มดปลวกตัวหนึ่งแท้ ๆ กล้าดียังไงถึงได้มาหัวเราะเยาะใส่พวกเรา?" ในตอนนี้เอง จู่ ๆ หวังเจิ้นที่เอาแต่เงียบมาจนถึงตอนนี้ก็ตบโต๊ะ! ทุกคนพลันหุบปากฉับ! หวังเจิ้นแววตามืดมน เขาเหลือบมองทุกคนแล้วเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาว่า "พวกคุณหมายความว่ายังไงกัน? คิดจะก่อจลาจลในงานเลี้ยงวันเกิดของผมรึไง? พวกคุณไม่เห็นแก่หน้าผมเลย! คิดจะทำอะไรกันแน่!" เมื่อหวังเจิ้นโกรธขึ้นมา แม้แต่ปี้ไห่เทาก็ยังไม่กล้าล่วงเกิน นับประสาอะไรกับพวกเขากันเล่า "เหล่าหวัง ได้โปรดใจเย็นลงก่อนเถอะ เอาแบบนี้เป็นยังไง เพื่อจะได้รู้ว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบไหนเป็นของจริงใบไหนเป็นของปลอม คุณก็แค่เชิญผู้เชี่ยวชาญให้มาประเมินก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" "คุณเองคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงของเก่ามานานหลายปี เช่นนั้นก็น่าจะรู้จักผู้เชี่ยวชาญในวงการนี้เยอะอยู่บ้างใช่ไหมล่ะ?" หวังเจิ้นถอนหายใจพลางพยักหน้าแล้วพูดว่า "ก็ได้! ในเมื่อพวกคุณอยากเถียงกันดีนัก งั้นก็มาทำให้เรื่องนี้กระจ่างกันไปเลย
หลังจากหลี่ชิงเฟิงพูดจบ ทุกคนก็ตะลึงงันไปชั่วขณะแล้วหัวเราะลั่น! เสี่ยวอิ๋งกับเย่เจี้ยนเหอหัวเราะอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง จากนั้นพวกเขาก็ชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วพูดว่า "แกมันขี้โม้จนไม่เลือกเวลาจริง ๆ พับผ่าสิ! ลำพังแค่คุยโวโอ้อวดต่อหน้าพ่อตาโง่ ๆ ของแกไม่พอ แต่ยังจะมาคุยโวโอ้อวดต่อหน้าพวกเราอีกงั้นเหรอ?" ปี้ไห่เทาที่อยู่อีกด้านเองก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยแววดูถูกดูแคลน "ลำพังแค่พวกเราคนใดคนหนึ่งก็ผ่านโลกมามากกว่าแกถึงสิบชาติภพรวมกันเสียอีก แกกล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ คิดว่าพวกเราโง่หรือไงกัน?" "ผ่านโลกมามาก? คุณคิดว่าตัวเองผ่านโลกมามากแล้วงั้นรึ?" หลี่ชิงเฟิงยิ้มเหยียดหยันพลางเอ่ยเสียงทุ้มลึก "วันนี้ผมจะช่วยเปิดโลกทัศน์ของคุณเองก็แล้วกัน เย่เซียว เอาของขวัญของพวกเราออกมา" เย่เซียวผงกศีรษะ จากนั้นเขาก็หยิบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนออกมาจากกล่องแล้ววางลงต่อหน้าทุกคน ทันทีที่พวกเขาเห็นแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวน ทุกคนก็ถูกแจกันใบนั้นดึงดูดความสนใจเข้าแล้วจริง ๆ เย่เจี้ยนเหอหน้าถอดสีแล้วตรวจสอบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนโดยละเอียดถี่ถ้วนแล้วให้รู้สึกสับสน ฝีมือช่างวิจิตรประณีตนัก!
เย่เจี้ยนเหอยิ้มเหยียดหยัน "แกคิดจะแข่งกับฉันงั้นรึ? ก็ได้ ฉันจะเอาออกมาให้แกได้เปิดหูเปิดตาก็แล้วกัน ฉันขอพนันเลยว่าชั่วชีวิตแกน่าจะได้เห็นเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ" หลังจากเย่เจี้ยนเหอพูดจบก็ดีดนิ้ว จากนั้นผู้ช่วยคนงามที่อยู่ข้างหลังก็รีบเดินเข้ามา ของขวัญของอีกฝ่ายเองก็อยู่ในกล่อง มิหนำซ้ำยังมีขนาดพอ ๆ กับของเขาอีกต่างหาก เย่เจี้ยนเหอยิ้มอวดดีแล้วพูดว่า "มหาเศรษฐีหวัง ผมได้ยินมาว่าคุณชอบสะสมของเก่ามากทีเดียว ดังนั้นผมจึงสั่งให้เพื่อนที่อยู่ต่างประเทศประมูลของสิ่งนี้มาให้คุณเป็นพิเศษ เชิญดูเอาเองเถอะครับ!" หลังจากพูดจบ ผู้ช่วยสาวก็เปิดกล่องแล้วสายตาของทุกคนก็ทอดมองมาที่มือของผู้ช่วยสาว! แจกันลายครามใบหนึ่งค่อย ๆ เผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา! เมื่อหลี่ชิงเฟิงเห็นแจกันใบนี้ก็ถึงกับตะลึงงัน... ช่างเหมือนกับแจกันลายครามที่เขาซื้อมาไม่มีผิดเพี้ยนเลย! เขาเหลือบมองเย่เซียวที่อยู่ข้างหลังโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเย่เซียวก็เอ่ยกระซิบข้างหูว่า "เป็นของปลอมแน่ ๆ ครับ" ในยามนี้เอง เย่เจี้ยนเหอก็หยิบแจกันขึ้นมาแล้วเดินมาอยู่ตรงหน้าทุกคนแล้วพูดเสียงดังว่า "แจกันลายครามสมัยราชวงศ์ห