ดวงตาของหลี่ชิงเฟิงฉายแววเย็นชาอาฆาตแค้น จากนั้นเจตนาสังหารของเขากลับยิ่งแรงกล้ามากขึ้น! เขาจ้องมองสวีอู่แล้วค่อย ๆ เอ่ยขึ้นว่า "แกบอกว่าพวกเราอาศัยว่ามีคนมากกว่าใช่ไหม?" สวีอู่แผดเสียงพร้อมดวงตาแดงฉาน "อีกอย่างฉันก็ต้องยอมรับว่าแกแข็งแกร่งกว่าคนอื่น! วันนี้ฉันขอยอมแพ้ แต่ก็ใช่ว่าจะยอมรับหรอกนะ!" "ดี ดีมาก" หลี่ชิงเฟิงหันหน้ามามองบรรดาพี่น้องที่อยู่ข้างหลังแล้วพูดว่า "พวกเราอสูรรัตติกาลนับถือผู้แกร่งกล้าเสมอมา! พวกเราจะไม่อาศัยคนมากรังแกคนอ่อนแอหรืออาศัยอำนาจมากรังแกคนอ่อนแอ! ในเมื่อสวีอู่ร้องขอมา ผมจะสนองให้มันเองก็แล้วกัน" "พวกเราอสูรรัตติกาลจะประลองกับสวีอู่ด้วยความ 'ยุติธรรม' งั้นเหรอ?" หลี่ชิงเฟิงจ้องมองสวีอู่พลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "พวกเราอสูรรัตติกาลจะส่งใครสักคนขึ้นมาต่อสู้ พวกคุณสี่พันคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ ถ้ามีใครหลบหลีกพ้นหรือฆ่าเขาได้ก็จะได้ออกไปจากที่นี่" "หลี่ชิงเฟิงจะไม่แก้แค้นหรือคิดบัญชีกับใครทั้งนั้น! ว่ายังไงล่ะ?" เมื่อทุกคนในกลุ่มของสวีอู่ได้ยินเช่นนี้เข้า ก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก... แบบนี้มันยุติธรรมยังไงกันเล่า? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าหลี่ชิง
เมื่อเห็นการคัดเลือกคนแล้ว เย่เซียวที่อยู่อีกด้านก็ส่ายหน้าอย่างจนใจด้วยสายตาผิดหวัง... อย่างไรเสียเขาก็เป็นนายพลหนุ่ม ย่อมไม่มีคนใหญ่คนโตคนไหนรู้สึกอับอายขายหน้าที่ถูกช่วงชิงความสนใจ ยิ่งไปกว่านั้นหลี่ชิงเฟิงยังเป็นคนที่เรียกชื่อเขาออกมาอีกต่างหาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก เมื่อเห็นผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเอง มีแต่กูหวนที่ยิ้มเสียจนปากแทบฉีกถึงรูหู "เฉาเจิ้ง พยายามให้สุดความสามารถล่ะ! ถ้านายทำได้ดี ฉันจะฝึกพักตร์ภูตสิบแปดหมัดขั้นหนึ่งให้!" เฉาเจิ้งพยักหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง "ผมต้องปฏิบัติภารกิจสำเร็จลุล่วงแน่นอน!!!" หลังจากเขาพูดจบก็เดินเข้าไปหาสวีอู่ ดูเหมือนว่าคนกว่าสี่พันคนจะไม่อยู่ในสายตาของเขาเลย เขาจึงจ้องมองสวีอู่พลางยิ้มเยาะ "ตาแก่เอ๊ย แกมันตาบอดจริง ๆ แกช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ กล้าดียังไงถึงได้สร้างความขุ่นเคืองให้จอมอสูร? !” สวีอู่โมโหเสียจนหางตากระตุกพลางกัดฟันพูดว่า "แกเป็นบ้าอะไรวะ! เมื่อตัดสินจากพละกำลังของแกแล้ว ก็ไม่ได้มากมายขนาดนั้น! ยังไม่แน่ว่าใครจะแพ้ใครจะชนะเลย! ฉันมีถึงสี่พันคน แต่แกมีเพียงแค่คนเดียว!" "ฆ่าทั้งสี่พันคนของแก ลำพังแค่ฉันค
ห้านาทีต่อมา เหล่ายอดฝีมือของอสูรรัตติกาลมารวมตัวกันอยู่ตรงประตูคฤหาสน์ชิงสุ่ย เพื่อรอฟังคำสั่งต่อไปของหลี่ชิงเฟิง หลี่ชิงเฟิงมองพวกเขาแล้วพูดว่า "เย่เซียวกับฉันจัดการเรื่องที่เหลือกันเองได้ พวกนายอยู่ห่างจากพื้นที่ของตัวเองมานานเกินไปแล้ว ฉันเกรงว่าอาจจะมีปัญหาได้ งั้นก็แยกย้ายเถอะ" เมื่อยอดฝีมือทั้งหลายมองหลี่ชิงเฟิง พวกเขาก็มองหน้ากันด้วยสายตาลังเลใจอยู่บ้าง หลี่ชิงเฟิงหันหลังกลับไปหาพวกเขาแล้วโบกมือ "ไปได้แล้ว" "รับทราบ!" ตอนที่ผู้คนมาถึงว่าเร็วแล้ว ยามที่แยกย้ายกลับรวดเร็วยิ่งกว่า! หลี่ชิงเฟิงออกคำสั่งแล้วทุกคนก็สลายตัวราวกับกระแสน้ำไหล ในเวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว ก็เหลือเพียงหลี่ชิงเฟิง เย่เซียว หม่าคุนและจ้าวเทียนชื่อยืนอยู่ตรงประตู หลี่ชิงเฟิงหันกลับมามองหม่าคุนแล้วขมวดคิ้ว "ทำไมคุณยังไม่กลับไปอีกล่ะ?" หม่าคุนยิ้มให้ "จอมอสูร ผมมีธุระในเมืองเซี่ยชวนก็เลยกลับไม่ได้ ทำไมคุณไม่ให้ผมช่วยตามหาเซี่ยอิ่งล่ะครับ!" "นังแพศยานั่น! หล่อนต้มผมเสียเปื่อยเลย! ผมหม่าคุนจะไม่ปล่อยหล่อนไปแน่!" ในยามนี้เอง ก็มีทหารนายหนึ่งรีบเข้ามาพูดอะไรสองสามคำอยู่ข้างหูของหม่าคุน ทำให้หม่าค
หลี่ชิงเฟิงไม่สนใจเขาอีกแล้วพาเย่เซียวไปด้วย เขาขยับตัวแล้วหายวับไปจากสายตาในเวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว... เมื่อหม่าคุนเห็นหลี่ชิงเฟิงเดินห่างออกไปแล้ว เขาก็ยิ้มพลางตบไหล่จ้าวเทียนชื่อ "ไอ้หนุ่ม ทำงานของตัวเองให้ดีแล้วทำให้จอมอสูรเห็นคุณค่า นับแต่นี้เป็นต้นไปนายจะมีอนาคตอันแสนสดใสเลยเชียวล่ะ!" จ้าวเทียนชื่อยิ้มพลางพยักหน้า "ขอบคุณครับ! ขอบคุณที่ท่านนายพลมอบโอกาสแบบนี้ให้ผม! ผมจะไม่มีวันบุญคุณครั้งนี้เลย! ขอบคุณครับ!" "เอาล่ะ ผมต้องไปแล้วเหมือนกัน ไว้เจอกันวันหลังนะ" หลังจากหม่าคุนพูดจบ เขาก็ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปจากที่นี่... … ณ คฤหาสน์ตระกูลเซี่ย เซี่ยอิ่ง นายหญิงผู้เฒ่าและเซี่ยเทากำลังดื่มไวน์แดงกันด้วยความสุขสันต์อยู่ตรงโต๊ะอาหาร! นายหญิงผู้เฒ่าชูแก้วขึ้นพลางยิ้มแล้วพูดว่า "วันนี้พวกเรามีเรื่องต้องฉลองจริง ๆ นั่นแหละ! เรื่องแรกคือฉลองให้ตระกูลเซี่ยของพวกเราที่จะได้รับการดูแลจากนายท่านอู่และมีโครงการเข้ามาไม่ขาดสาย! เรื่องที่สอง! ฉลองให้เซี่ยอิ่งที่ได้รู้จักกับนายพลอาวุโสแห่งอาณาจักรต้าเซี่ย! ฉันมั่นใจว่าพวกเราอาจจะมีโอกาสได้เชื่อมสัมพันธ์ผ่านการแต่งงานจนได้ก้าวขึ้นสู่จุด
เซี่ยอิ่งสีหน้ามั่นอกมั่นใจ เธอหันกลับไปบอกให้คุณย่ากับคุณพ่อของตัวเองนั่งลงแล้วเอ่ยเสียงดังลั่นขึ้นมาว่า "ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ อย่าปล่อยให้ไอ้ขี้แพ้คนนี้มารังแกเอาได้! ต่อให้มันใจกล้าสักแค่ไหน! มันก็ไม่กล้าทำอะไรพวกเราหรอกค่ะ!" หลังจากเซี่ยอิ่งพูดจบ เธอก็ควักเอานามบัตรออกมาจากแขนตัวเอง! มันเป็นนามบัตรที่หม่าคุนทิ้งเอาไว้ให้เธอ! เซี่ยอิ่งหรี่ตาพลางค่อย ๆ เดินเข้ามาหาหลี่ชิงเฟิง จากนั้นเธอก็โบกนามบัตรไปมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้วยิ้มเยาะ "แกรู้หรือเปล่าว่าคนผู้นี้เป็นใคร? คนผู้นี้คือหม่าคุนผู้เป็นนายพลระดับเจ็ดดาวแห่งอาณาจักรต้าเซี่ยเชียวนะ!" "นามบัตรใบนี้นายพลหม่าเป็นคนมอบให้ฉันด้วยตัวเอง! เขายังบอกอีกว่าถ้าอยากให้ช่วยอะไรก็บอกมาได้เลย!" เซี่ยอิ่งมองหลี่ชิงเฟิงด้วยสีหน้าภูมิอกภูมิใจ "นั่นคือนายพลระดับเจ็ดดาวเชียวนะ! คนที่พูดครั้งเดียวก็สามารถกวาดล้างทั้งตระกูลได้แล้ว! เขามีพลทหารอยู่นับล้าน! มิหนำซ้ำตอนนี้เขาก็อยู่ในเมืองเซี่ยชวน! ขอเพียงแค่ฉันโทรหาเขาเท่านั้น เขาก็จะมาถึงที่นี่ภายในห้านาที!" "ไอ้คนขี้แพ้! แกยังกล้าแตะต้องฉันอยู่อีกหรือเปล่าล่ะ? แกประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไ
"รอสักครู่นะครับ ผมจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้แหละ" หม่าคุนวางสายทันทีที่พูดจบ เซี่ยอิ่งคิดว่าหม่าคุนยินดีจะช่วยเหลือเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่คิดอะไรให้มากอีก เธอชี้นิ้วมาทางหลี่ชิงเฟิงแล้วยิ้มชั่วร้าย "แกตายแน่! ฮ่าฮ่า! แกต้องตายแน่ ๆ! หม่าคุนสัญญาแล้วว่าจะมา! ฉันจะทำให้แกคุกเข่าลงแล้วขอร้องให้ฉันฆ่าแกทีหลังเอง!” เมื่อได้ยินเช่นนี้เข้า ก็จุดประกายความหวังในใจของทุกคนในตระกูลเซี่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ เขาก็ยังคงสงบนิ่งพลางหันหลังเดินไปที่โต๊ะอาหารแล้วค่อย ๆ นั่งลง เซี่ยอิ่งรู้สึกสับสนอยู่บ้างและไม่เข้าใจว่าเขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่? คราวนี้ทำไมมันถึงไม่ลงมือล่ะ? หรือว่ามันกำลังรอให้ใครเข้ามาหา? เมื่อเซี่ยอิ่งนึกได้เช่นนี้ก็ยิ้มชั่วร้าย "หลี่ชิงเฟิง! แกมันโอหังเกินไปแล้ว! แกกำลังรอคอยให้ท่านนายพลเข้ามาหาใช่ไหมล่ะ? ฉันเกรงว่าแกยังไม่รู้ว่ากำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่! นั่นไม่ใช่พลังที่แกจะสามารถเปรียบได้หรอกนะ!" "ตอนนี้แกเสียโอกาสเพียงหนึ่งเดียวที่จะได้ฆ่าฉันไปแล้ว! แกจงตายเสียเถอะ! ฮ่าฮ่า!" ก่อนที่เขาจะทันได้พูดให้จบ ก็มีแสงเจิดจ้าสาดส่องเข้ามาจากด้านนอก! ทัน
สีหน้าของเซี่ยอิ่งเปลี่ยนเป็นซีดขาวแล้วจ้องมองหลี่ชิงเฟิงที่อยู่ตรงโต๊ะอาหารด้วยความตกตะลึง "จะ... จอมอสูรงั้นรึ?" จอมอสูรบ้าบออะไรกัน! หรือว่าหลี่ชิงเฟิงกับหม่าคุนก็รู้จักกัน? เมื่อเซี่ยอิ่งนึกได้เช่นนี้ หัวสมองก็ส่งเสียงดังอื้ออึง! เลือดกลับเย็นเฉียบไปกว่าครึ่ง! หลี่ชิงเฟิงวางแก้วไวน์ลงพลางเช็ดปากอย่างใจเย็น จากนั้นก็มองเซี่ยอิ่งที่อยู่กับพื้นด้วยสายตาเย็นชา "นี่คือผู้ช่วยที่หล่อนหามาได้งั้นเหรอ? ช่างน่าเสียดายจริง ๆ ฉันเกรงว่าวันนี้คนหนุนหลังของหล่อนก็คงช่วยอะไรไม่ได้เสียแล้วล่ะ" หม่าคุนเอ่ยขึ้นมาทันที "จอมอสูร! ผมไม่เคยเป็นคนหนุนหลังให้หล่อนเลยนะ! ตอนแรกผมมันตาบอดก็เลยพลาดท่าไปเชื่อใจนังแพศยาคนนี้เข้า!" "ไม่ว่าคุณจะให้ผมจัดการกับหล่อนยังไง ผมก็จะทำ!" หลี่ชิงเฟิงมองเซี่ยอิ่งด้วยแววตาเปี่ยมเจตนาสังหาร! จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาทีละคำ ๆ ว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างที่เซียนอินต้องเผชิญตลอดช่วงหกปีที่ผ่านมา! ผมอยากให้เธอได้ลิ้มรสชาติแบบนั้นให้หมด!" "น้อมรับคำสั่ง!" หลังจากหม่าคุนพูดจบ เขาก็หันไปมองเซี่ยอิ่งแล้วกัดฟันพูดว่า "หล่อนมันหน้ามนุษย์ใจเดรัจฉาน! ปล่อยให้หล่อนตายไปทันทีก็ง่ายไป
ที่นั่นไม่มีความหวังอะไรทั้งนั้น! เมื่อเซี่ยเทาได้ยินเช่นนี้ เขาก็ดวงตากลอกไปมาแล้วหมดสติไปทันที! "ลากตัวมันออกไป" หม่าคุนโบกมือเรียกเหล่าทหารให้มาหิ้วตัวของเซี่ยอิ่งขึ้นมา แต่ระหว่างที่หิ้วตัวขึ้นมาพวกเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ... เซี่ยอิ่งตายแล้ว... หลังจากตรวจสอบดูแล้ว ก็พบว่าเซี่ยอิ่งกัดลิ้นฆ่าตัวตาย! "รายงานครับ! เซี่ยอิ่งกัดลิ้นตัวเองตายครับ!" เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ เขาก็ขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกไม่พอใจยิ่งอย่างเห็นได้ชัด! ดันปล่อยให้หล่อนตายไปง่าย ๆ แบบนั้นเสียได้... หม่าคุนมองหลี่ชิงเฟิง "จอมอสูร ดูสิ..." หลี่ชิงเฟิงสูดหายใจลึก ๆ แล้วค่อย ๆ เอ่ยขึ้นมาว่า "ป่นร่างของหล่อนให้กลายเป็นเถ้าธุลีซะ!" "รับทราบ!" หม่าคุนพาคนออกไป ทว่าสายตาของหลี่ชิงเฟิงที่ทอดมองมายังเซี่ยเทาที่หมดสติกับนายหญิงผู้เฒ่าที่อยู่บนพื้นกลับดูมืดมน "พวกมันทั้งสองคนไม่สมควรมีชีวิตอยู่ งั้นก็ฆ่าพวกมันทิ้งซะ" "รับทราบ!" ทันใดนั้นเองโทรศัพท์ก็ดังขึ้น! หลี่ชิงเฟิงรับสายแล้วเสียงของเซี่ยเซียนอินก็ดังขึ้นจากอีกด้านหนึ่ง "คะ...คุณอยู่ที่ไหน?" หลี่ชิงเฟิงจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่
"พ่อไม่ไปนะ!" จู่ ๆ เซี่ยเทาก็แผดเสียงร้องพลางกระโดดข้ามโซฟาแล้ววิ่งไปที่ประตูหลัง! เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายตอบสนองว่องไว! เพียงก้าวเดียวก็ประชิดตัวพลางจับเขากดลงกับพื้นแล้วบังคับสวมกุญแจมือ สิบนาทีต่อมา ภายในห้องสอบสวน เสี่ยวอิ๋งนั่งหน้าเครียดอยู่ตรงนั้นพร้อมด้วยความคิดมากมาย ตำรวจที่อยู่ฝั่งตรงข้ามดูวิดีโอแล้วถามว่า "เท่าที่พวกเราทราบมา คนที่อยู่ในวิดีโอคือเซี่ยเทาพ่อของคุณ ตอนนี้เขาอยู่ห้องข้าง ๆ คุณจะอธิบายสิ่งที่เขาพูดว่ายังไงล่ะ?" เสี่ยวอิ๋งสูดลมหายใจลึก ๆ พลางผุดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ฉันไม่รู้หรอกค่ะ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ทำไมคุณถึงไม่ถามเขาเองล่ะคะ?" "แน่นอนว่าพวกเราย่อมต้องถามเขาอยู่แล้ว แต่คุณเป็นลูกสาวของเขา คุณจะไม่รู้เรื่องนี้เลยเชียวเหรอ?" เซี่ยอิ่งลูบคางพลางครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้วจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า "จริงด้วยสิ! ดูเหมือนเขาจะเคยบอกว่าทำความผิดร้ายแรงบางอย่างแล้วอยากจะหนีไป! ฉันถามเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขาก็ไม่ยอมบอกอะไรเลยแถมยังบอกว่ายิ่งฉันรู้ให้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี! วันหน้าให้ฉันดูแลตัวเองให้ดี ๆ..." "พูดต่อไปสิ" "จากนั้น
"จะวิธีอะไร ฉันก็อยากลองดูทั้งนั้น!" เสี่ยวอิ๋งเอ่ยโดยไม่ลังเล "ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก! วิธีไหนฉันก็อยากจะลองดู!" เย่เจี้ยนเหอเงยหน้ามองเธอแล้วพูดเสียงเย็นชาว่า "โยนความผิดเรื่องทั้งหมดนี้ให้พ่อของเธอแบกรับไว้!" เมื่อเสี่ยวอิ๋งได้ยินเช่นนี้ ศีรษะของเธอก็ส่งเสียงอื้ออึง! ตอนแรกสังเวยคุณย่าไปแล้ว ตอนนี้ถึงทีพ่อของเธอแล้วงั้นเหรอ? เย่เจี้ยนเหอจ้องมองเธอ "ไม่มีเวลาคิดแล้ว จะตกลงหรือจะติดคุก!" "ฉันตกลง! ฉันตกลงค่ะ! ขอเพียงคุณช่วยให้ฉันไม่ต้องติดคุก คุณอยากให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!" เสี่ยว อิ๋งผงกศีรษะซ้ำไปซ้ำมา เย่เจี้ยนเหอจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า "เดี๋ยวฉันจะเรียกทนายเข้ามา พวกเขาจะบอกเธอว่าต้องพูดหรือทำอะไร จากนั้นเธอก็แค่รอให้ตำรวจเรียกตัว" เสี่ยวอิ๋งผงกศีรษะ "ฉะ...ฉันเข้าใจแล้วค่ะ" พอกลับมาถึงบ้าน เสี่ยวอิ๋งก็เจอพ่อของเธอ เมื่อทั้งสองคนสบตากัน ดวงตาของเสี่ยวอิ๋งก็ฉายแววน่าหวาดกลัว เซี่ยเทาก็รู้ได้โดยไม่ต้องคิดเลย ลูกสาวของเขารู้เรื่องแล้ว "เสี่ยวอิ๋ง พ่อทำอาหารให้ลูกกินด้วยนะ ดูสิ..." "กินบ้าอะไรเล่า!" เสี่ยวอิ๋งพลันควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ขึ้นมาทันที! เธอร
ในสถานการณ์เช่นนี้ ขืนเสี่ยวอิ๋งมัวแต่เข้าไปพัวพันคงได้จบเห่กันพอดี การเก็บเธอไว้น่าจะยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง เสี่ยวอิ๋งเองก็เป็นคนฉลาดจึงผงกศีรษะแล้ววิ่งออกทางประตูหลัง... เย่เซียวคิดจะเข้าไปขวาง แต่กลับถูกหลี่ชิงเฟิงห้ามเอาไว้ "ไม่ต้องไล่ตามหรอก วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของหวังเจิ้น อย่าทำอะไรน่าเกลียดเกินไปเท่านี้ก็พอแล้ว" เย่เซียวพยักหน้าแล้วยืนอยู่ข้างหลังโดยไม่พูดอะไรสักคำ ในตอนนี้เอง ปี้ไห่เทาก็เดินยิ้มเข้ามา "เหล่าหวัง วันนี้ฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะ! ทั้ง ๆ ที่เป็นงานเลี้ยงวันเกิดดี ๆ ที่นายควรจะมีความสุขแท้ ๆ แต่กลับลงเอยแบบนี้เสียได้..." หวังเจิ้นถอนหายใจ "ช่างเถอะ" "เหล่าหวัง ตระกูลเย่ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกหอการค้าเทียนเหมินของพวกเรา เย่เจี้ยนเหอดันพานังคนชั้นต่ำแบบนั้นมาเสียได้ กลับไปเมื่อไหร่ฉันย่อมต้องตำหนิเขาแน่! ฉันจะทำให้เขาจำให้ขึ้นใจเชียวล่ะ! เมื่อพวกเรากลับถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่ ไห่เทาย่อมต้องมาขอขมาของแน่นอน" หวังเจิ้นโบกมือ "คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ช่างมันเถอะ ผมไม่ถือสาหรอก" ปี้ไห่เทาพยักหน้าพลางขยิบตาให้เย่เจี้ยนเหอ จากนั้นพวกเขาสองคนก็ก้าวเดินจากไป ขณ
เสี่ยวอิ๋งโมโหจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว เธอชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วด่ากราดว่า "แกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน! คู่ควรที่จะมอบของขวัญให้ฉันแล้วงั้นเหรอ?" "หุบปากไปซะ พ่อตาของแกโดนซ้อมขนาดนั้น เขยอย่างแกไม่กล้าแม้แต่จะผายลมเสียด้วยซ้ำไป! แกยังกล้ามาก่อเรื่องที่นี่อีกงั้นรึ?" "ถ้าฉันเป็นแกล่ะก็ คงได้โหม่งเสาโทรศัพท์ตายไปแล้ว!" "ไร้ยางอายสิ้นดี!" เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งหน้าแดงก่ำและลำคอแข็ง หลี่ชิงเฟิงกลับยิ่งขบขันพลางกล่าวว่า "ฉันคิดว่าเธอต่างหาก มั้งที่น่าจะเป็นฝ่ายโหม่งเสาโทรศัพท์?" ทันทีที่เขาพูดจบ หน้าจอขนาดยักษ์ข้างหลังล็อบบี้ก็พลันสว่างขึ้น! หลังจากนั้นไม่กี่วินาที แสงก็สลัวลงแล้ววิดีโอก็เริ่มฉายบนหน้าจอขนาดยักษ์ เมื่อเสี่ยวอิ๋งหันหน้าไป สิ่งแรกที่เธอเห็นก็คือเซี่ยเทาที่กำลังนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง โดยมีสาวสวยอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธออยู่ข้างกาย! หึ่ง! เสี่ยวอิ๋งศีรษะจวนจะระเบิดอยู่แล้ว! เธอได้แต่ยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น! มันเป็นวิดีโอที่ก่อนหน้านี้หลี่ชิงเฟิงถ่ายเอาไว้นั่นเอง! เมื่อเห็นเสี่ยวอิ๋งนิ่งงันไป หลี่ชิงเฟิงก็นิ้มแล้วพูดเสียงดังขึ้นมาว่า "ทุกท่าน ผู้ชายที่อยู่ในวิดี
เงินหลายล้านบาทไม่ได้จ่ายไปโดยไร้ประโยชน์แล้ว! ศาสตราจารย์เฒ่าโดนเขาหลอกเข้าแล้วจริง ๆ! เสี่ยวอิ๋งเองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทันใดนั้นก็ยิ้มพลางชี้นิ้วมาที่หลี่ชิงเฟิง "ตอนนี้แกจะว่ายังไงเล่า? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าแจกันของแกมันเป็นของปลอม!" "น่าตลกชะมัดเลย! ฉันเสนอทางออกให้ แต่แกกลับยืนกรานที่จะขุดหลุมฝังตัวเองให้ได้! ไม่มีใครห้ามแกได้เลย!" เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มจาง ๆ แล้วหันมามองศาสตราจารย์หลี่พลางพูดว่า "ศาสตราจารย์หลี่ ช่วยดูขอองผมอีกสักครั้งเถอะครับ" คาดไม่ถึงว่าศาสตราจารย์หลี่จะส่ายหน้าแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า "ไม่ต้องดูหรอก" เซี่ยอิ่งหัวเราะพลางกล่าวว่า "แจกันใบนั้นของแกมันปลอมชัดเจนเกินไป! ศาสตราจารย์หลี่ไม่มองให้เสียสายตาหรอก!" ในยามนี้เอง ศาสตราจารย์หลี่ก็เหลือบมองเธอแล้วสายหน้า "สาวน้อย ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อย ฉันยังพูดไม่ทันจบเลย ถึงแม้ว่าแจกันใบนี้จะฝีมือยอดเยี่ยมจนเกือบจะสมบูรณ์แบบ แต่มันเป็นของปลอมจริง ๆ" "ส่วนแจกันของคุณหลี่ ทันทีที่เข้ามาผมก็เห็นแล้วล่ะ มันเป็นของจริง ดังนั้นผมจึงไม่ต้องตรวจดูเลย" หลังจากศาสตราจารย์หลี่พูดจบ ทั้งห้องก็เ
ไม่มีใครคาดคิดว่าหลี่ชิงเฟิงจะมีท่าทีแข็งกร้าวเช่นนั้น! ปี้ไห่เทาที่คอยสังเกตการณ์อยู่ข้าง ๆ แอบรู้สึกว่าชักไม่ได้การเสียแล้ว หลี่ชิงเฟิงคนนี้ดูไม่เหมือนเขยไร้ประโยชน์อย่างที่ข่าวร่ำลือกันเอาไว้เลยสักนิด การที่ยังสามารถสงบนิ่งได้ในภาวะคับขันเช่นนั้น มิหนำซ้ำยังพูดจาเสียคล่องปากและท่าทีเจ้าแผนการของอีกฝ่าย เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนแบบนี้จะเป็นเขยไร้ประโยชน์ไปได้ สิ่งที่น่าสงสัยมากที่สุดคือ ต่อให้อีกฝ่ายจะก่อเรื่องเช่นนั้น แต่หวังเจิ้นที่อยู่ข้าง ๆ กลับไม่มีวี่แววที่จะโมโหเลยสักนิด พวกเขาต่างอาศัยอยู่ในเมืองหลวง เขาเองก็รู้นิสัยของหวังเจิ้น อีกฝ่ายไม่ใช่ตาเฒ่าที่นิสัยดิบดีอะไรเลย พอปี้ไห่เทานึกได้เช่นนี้ เขาก็ทอดสายตามองเย่เจี้ยนเหออีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสายตาหลุกหลิกอยู่บ้าง เขาก็พอจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ดูเหมือนว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบนี้จะมีบางอย่างผิดปกติจริง ๆ เสียด้วย ตอนนี้เย่เซียวยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมเจตนาสังหารอันแรงกล้า! เย่เจี้ยนเหอกับเสี่ยวอิ๋งหวาดกลัวจนไม่กล้าขยับตัวไปชั่วขณะ ไม่นานปี้ไห่เทาก็ลุกขึ้นแล้วมองหลี่ชิงเฟิงด้วยสายตาเย็นชา "ทำแบบนี้
"ฉุดเศรษฐกิจให้ดิ่งลงเหวงั้นรึ? ถ้าทุกคนทำตัวเป็นไอ้เศษสวะชอบหลอกกินข้าวนิ่มอย่างแก ประเทศชาติก็คงจะพินาศไปตั้งนานแล้ว!" "ช่างน่าหัวเราะสิ้นดี! แกมันก็แค่มดปลวกตัวหนึ่งแท้ ๆ กล้าดียังไงถึงได้มาหัวเราะเยาะใส่พวกเรา?" ในตอนนี้เอง จู่ ๆ หวังเจิ้นที่เอาแต่เงียบมาจนถึงตอนนี้ก็ตบโต๊ะ! ทุกคนพลันหุบปากฉับ! หวังเจิ้นแววตามืดมน เขาเหลือบมองทุกคนแล้วเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาว่า "พวกคุณหมายความว่ายังไงกัน? คิดจะก่อจลาจลในงานเลี้ยงวันเกิดของผมรึไง? พวกคุณไม่เห็นแก่หน้าผมเลย! คิดจะทำอะไรกันแน่!" เมื่อหวังเจิ้นโกรธขึ้นมา แม้แต่ปี้ไห่เทาก็ยังไม่กล้าล่วงเกิน นับประสาอะไรกับพวกเขากันเล่า "เหล่าหวัง ได้โปรดใจเย็นลงก่อนเถอะ เอาแบบนี้เป็นยังไง เพื่อจะได้รู้ว่าแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนใบไหนเป็นของจริงใบไหนเป็นของปลอม คุณก็แค่เชิญผู้เชี่ยวชาญให้มาประเมินก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" "คุณเองคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงของเก่ามานานหลายปี เช่นนั้นก็น่าจะรู้จักผู้เชี่ยวชาญในวงการนี้เยอะอยู่บ้างใช่ไหมล่ะ?" หวังเจิ้นถอนหายใจพลางพยักหน้าแล้วพูดว่า "ก็ได้! ในเมื่อพวกคุณอยากเถียงกันดีนัก งั้นก็มาทำให้เรื่องนี้กระจ่างกันไปเลย
หลังจากหลี่ชิงเฟิงพูดจบ ทุกคนก็ตะลึงงันไปชั่วขณะแล้วหัวเราะลั่น! เสี่ยวอิ๋งกับเย่เจี้ยนเหอหัวเราะอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง จากนั้นพวกเขาก็ชี้นิ้วใส่หลี่ชิงเฟิงแล้วพูดว่า "แกมันขี้โม้จนไม่เลือกเวลาจริง ๆ พับผ่าสิ! ลำพังแค่คุยโวโอ้อวดต่อหน้าพ่อตาโง่ ๆ ของแกไม่พอ แต่ยังจะมาคุยโวโอ้อวดต่อหน้าพวกเราอีกงั้นเหรอ?" ปี้ไห่เทาที่อยู่อีกด้านเองก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยแววดูถูกดูแคลน "ลำพังแค่พวกเราคนใดคนหนึ่งก็ผ่านโลกมามากกว่าแกถึงสิบชาติภพรวมกันเสียอีก แกกล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ คิดว่าพวกเราโง่หรือไงกัน?" "ผ่านโลกมามาก? คุณคิดว่าตัวเองผ่านโลกมามากแล้วงั้นรึ?" หลี่ชิงเฟิงยิ้มเหยียดหยันพลางเอ่ยเสียงทุ้มลึก "วันนี้ผมจะช่วยเปิดโลกทัศน์ของคุณเองก็แล้วกัน เย่เซียว เอาของขวัญของพวกเราออกมา" เย่เซียวผงกศีรษะ จากนั้นเขาก็หยิบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนออกมาจากกล่องแล้ววางลงต่อหน้าทุกคน ทันทีที่พวกเขาเห็นแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวน ทุกคนก็ถูกแจกันใบนั้นดึงดูดความสนใจเข้าแล้วจริง ๆ เย่เจี้ยนเหอหน้าถอดสีแล้วตรวจสอบแจกันลายครามสมัยราชวงศ์หยวนโดยละเอียดถี่ถ้วนแล้วให้รู้สึกสับสน ฝีมือช่างวิจิตรประณีตนัก!
เย่เจี้ยนเหอยิ้มเหยียดหยัน "แกคิดจะแข่งกับฉันงั้นรึ? ก็ได้ ฉันจะเอาออกมาให้แกได้เปิดหูเปิดตาก็แล้วกัน ฉันขอพนันเลยว่าชั่วชีวิตแกน่าจะได้เห็นเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ" หลังจากเย่เจี้ยนเหอพูดจบก็ดีดนิ้ว จากนั้นผู้ช่วยคนงามที่อยู่ข้างหลังก็รีบเดินเข้ามา ของขวัญของอีกฝ่ายเองก็อยู่ในกล่อง มิหนำซ้ำยังมีขนาดพอ ๆ กับของเขาอีกต่างหาก เย่เจี้ยนเหอยิ้มอวดดีแล้วพูดว่า "มหาเศรษฐีหวัง ผมได้ยินมาว่าคุณชอบสะสมของเก่ามากทีเดียว ดังนั้นผมจึงสั่งให้เพื่อนที่อยู่ต่างประเทศประมูลของสิ่งนี้มาให้คุณเป็นพิเศษ เชิญดูเอาเองเถอะครับ!" หลังจากพูดจบ ผู้ช่วยสาวก็เปิดกล่องแล้วสายตาของทุกคนก็ทอดมองมาที่มือของผู้ช่วยสาว! แจกันลายครามใบหนึ่งค่อย ๆ เผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา! เมื่อหลี่ชิงเฟิงเห็นแจกันใบนี้ก็ถึงกับตะลึงงัน... ช่างเหมือนกับแจกันลายครามที่เขาซื้อมาไม่มีผิดเพี้ยนเลย! เขาเหลือบมองเย่เซียวที่อยู่ข้างหลังโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเย่เซียวก็เอ่ยกระซิบข้างหูว่า "เป็นของปลอมแน่ ๆ ครับ" ในยามนี้เอง เย่เจี้ยนเหอก็หยิบแจกันขึ้นมาแล้วเดินมาอยู่ตรงหน้าทุกคนแล้วพูดเสียงดังว่า "แจกันลายครามสมัยราชวงศ์ห